รวมกระทู้น้องเลย์
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
สมัยพี่อันตน ใช้ใบข่อยขัดฟัน และแทนทิชชู มิใช่รึอันตน เขียน: เกิดทันครับ ออด๊าซเป็นผงๆก็เคยใช้

- Deo Gratias
- โพสต์: 1100
- ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มี.ค. 16, 2006 11:53 pm
เหมือนจะทันอยู่บางอันนะ 

- เลย์
- โพสต์: 1845
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ส.ค. 05, 2009 12:27 am
- ที่อยู่: ในอ้อมพระหัตถ์พระเป็นเจ้า
- ติดต่อ:
การที่พระศาสนจักรสอนว่า..มีความรอดนอกพระศาสนจักร ก็คือ ถึงแม้ว่าจะนับถือศาสนาอื่นๆแต่ถ้าหากปฏิบัติตนสอดคล้องตามคำสอนของ
พระเยซูเจ้าก็สามารถเข้าสู่สวรรค์ได้ ถ้าเกิดคนต่างศาสนาใช้ข้อนี้มาอ้างว่า " งั้นฉันก็ไม่จำเป็นต้องมานับถือศาสนาคริสต์ ฉันนับถือศาสนาของฉัน
ดั่งเดิมฉันก็รอดได้ " ถ้าเจอเหตุการณ์แบบนี้เราจะทำอย่างไรดีครับ : xemo017 :
ปล. เลย์เคยเจอคนต่างศาสนาตอบย้อนมาแบบนี้ จนเลย์หมดปัญญาไม่รู้ว่าจะตอบเขากลับว่าอย่างไร : emo073 :
พระเยซูเจ้าก็สามารถเข้าสู่สวรรค์ได้ ถ้าเกิดคนต่างศาสนาใช้ข้อนี้มาอ้างว่า " งั้นฉันก็ไม่จำเป็นต้องมานับถือศาสนาคริสต์ ฉันนับถือศาสนาของฉัน
ดั่งเดิมฉันก็รอดได้ " ถ้าเจอเหตุการณ์แบบนี้เราจะทำอย่างไรดีครับ : xemo017 :
ปล. เลย์เคยเจอคนต่างศาสนาตอบย้อนมาแบบนี้ จนเลย์หมดปัญญาไม่รู้ว่าจะตอบเขากลับว่าอย่างไร : emo073 :
- antoinetty*
- โพสต์: 451
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 04, 2007 9:39 pm
ก็ไม่เห็นต้องตอบกลับเลยนี่ครับพี่เลย์ : )
คนที่ดี ไม่จำเป็นต้องเป็นคนคริสต์
และคนคริสต์ทุกคน ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นคนดีครับ
คนที่ดี ไม่จำเป็นต้องเป็นคนคริสต์
และคนคริสต์ทุกคน ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นคนดีครับ
- Slave of God
- โพสต์: 336
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 02, 2008 10:47 pm
พระเป็นเจ้าพระองค์ทรงพระทัยดี แต่ในขณะเดียวกันพระองค์ก็ทรงพระยุติธรรมด้วย
. พระศาสนจักรศักดิ์สิทธิ์สากล สหพันธ์นักบุญ
พระเยซูเจ้าทรงมอบผลบุญแห่งการสิ้นพระชนม์และการกลับคืนชีพของพระองค์แก่พระศาสนจักร มีแต่พระศาสนจักรเท่านั้นที่สามารถโปรดศีลศักดิ์สิทธิ์และทำให้แสงสว่างแห่งความจริงปรากฏ การเป็นหนึ่งเดียวกับพระศาสนจักรจึงไม่เป็นเพียงหนึ่งในหนทางสู่ความรอด แต่เป็นเพียงหนทางเดียวเท่านั้น
พระเยซูเจ้าทรงยืนยันความจำเป็นในการเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับพระศาสนจักรโดยอาศัยศีลล้างบาปไว้ว่า "ผู้ที่เชื่อและรับศีลล้างบาปก็จะรอดพ้น ผู้ที่ไม่เชื่อจะถูกตัดสินลงโทษ" (มก 16:16)
จึงนำมาสู่คำสอนที่ว่า "นอกพระศาสนจักรไม่มีความรอด" !
มีคนจำนวนมากคัดค้านคำสอนนี้ เราจึงควรทำความเข้าใจกับคำสอนนี้ให้ชัดเจน
1. ต้องแยกความแตกต่างระหว่างการเป็นสมาชิกของพระศาสนจักรอย่างแจ้งชัดโดยการรับศีลล้างบาป (นักเทววิทยาเรียกว่าเป็นหนึ่งเดียวกับ "ร่างกายของพระศาสนจักร") ออกจากการเป็นสมาชิกโดยนัย หรือโดยความปรารถนา (นักเทววิทยาเรียกว่าเป็นหนึ่งเดียวกับ "วิญญาณของพระศาสนจักร")
2. พระศาสนจักรคาทอลิกย้ำอยู่เสมอว่า หนทางสู่ความชอบธรรมคือการประกอบกิจการแห่งความรัก และการเป็นทุกข์ถึงบาป
3. หากผู้ที่ประกอบกิจการแห่งความรักและเป็นทุกข์ถึงบาป "ตาย" โดยไม่ได้เป็นหนึ่งเดียวกับร่างกายของพระศาสนจักร เขาย่อมได้รับความรอด เหตุว่าเพื่อจะทำเช่นนั้นได้ อย่างน้อยเขาต้องมีความปรารถนาที่จะปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระเจ้า ซึ่งรวมถึงคำสั่งให้เป็นหนึ่งเดียวกับพระศาสนจักรด้วย จึงต้องนับเขาเป็นสมาชิกของพระศาสนจักรโดยความปรารถนา
นอกจากนี้ มีคนจำนวนมากอยู่นอกพระศาสนจักรโดยไม่ใช่ความผิดของเขา เช่น เขาไม่อาจเข้าถึงบริการของพระศาสนจักรได้ หรือเพราะความไม่รู้ของเขา เป็นต้น
ถึงตรงนี้เราอาจสรุปง่าย ๆ ว่า แม้คนต่างศาสนาจะไม่ได้เป็นหนึ่งเดียวกับ "ร่างกาย" ของพระศาสนจักร แต่พวกเขาสามารถรอดได้เพราะเป็นหนึ่งเดียวกับ "วิญญาณ" ของพระศาสนจักร
4. แต่ความรอดที่พระเจ้าประทานแก่ผู้อยู่นอกพระศาสนจักรต้องไม่ทำให้เรามองข้ามความสำคัญของพระศาสนจักร เหตุว่าในพระศาสนจักรเท่านั้นที่มีศีลศักดิ์สิทธิ์ มีพระหรรษทาน มีเครื่องมือสู่ความศักดิ์สิทธิ์ และมีผลประโยชน์มากมายจากการสิ้นพระชนม์และการกลับคืนชีพของพระเยซูคริสตเจ้า จนกล่าวได้ว่า "นอกพระศาสนจักรไม่มีความรอด"
บางคนอาจมองว่าคำสอนนี้เข้มงวดและคับแคบ แต่เราต้องไม่ลืมว่าความเข้มงวดและความคับแคบนี้เกิดจาก "ความรัก"
เป็นความรักเดียวกันกับที่ทำให้พระเยซูเจ้าตรัสว่า "ถ้าท่านไม่เชื่อว่าเราเป็น (ผู้ที่พระบิดาทรงส่งมา) ท่านจะตายเพราะบาปของท่าน" (ยน 8:24)
เพราะฉะนั้น การมองข้ามความสำคัญของพระศาสนจักรด้วยการเมินเฉยต่อการประกาศข่าวดี จึงเป็นความผิดพลาดอันใหญ่หลวงต่อหน้าที่ที่พระเยซูคริสตเจ้าทรงมอบหมายแก่เราทุกคน
http://www.jpthai.org/content/view/357
พระเยซูเจ้าทรงมอบผลบุญแห่งการสิ้นพระชนม์และการกลับคืนชีพของพระองค์แก่พระศาสนจักร มีแต่พระศาสนจักรเท่านั้นที่สามารถโปรดศีลศักดิ์สิทธิ์และทำให้แสงสว่างแห่งความจริงปรากฏ การเป็นหนึ่งเดียวกับพระศาสนจักรจึงไม่เป็นเพียงหนึ่งในหนทางสู่ความรอด แต่เป็นเพียงหนทางเดียวเท่านั้น
พระเยซูเจ้าทรงยืนยันความจำเป็นในการเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับพระศาสนจักรโดยอาศัยศีลล้างบาปไว้ว่า "ผู้ที่เชื่อและรับศีลล้างบาปก็จะรอดพ้น ผู้ที่ไม่เชื่อจะถูกตัดสินลงโทษ" (มก 16:16)
จึงนำมาสู่คำสอนที่ว่า "นอกพระศาสนจักรไม่มีความรอด" !
มีคนจำนวนมากคัดค้านคำสอนนี้ เราจึงควรทำความเข้าใจกับคำสอนนี้ให้ชัดเจน
1. ต้องแยกความแตกต่างระหว่างการเป็นสมาชิกของพระศาสนจักรอย่างแจ้งชัดโดยการรับศีลล้างบาป (นักเทววิทยาเรียกว่าเป็นหนึ่งเดียวกับ "ร่างกายของพระศาสนจักร") ออกจากการเป็นสมาชิกโดยนัย หรือโดยความปรารถนา (นักเทววิทยาเรียกว่าเป็นหนึ่งเดียวกับ "วิญญาณของพระศาสนจักร")
2. พระศาสนจักรคาทอลิกย้ำอยู่เสมอว่า หนทางสู่ความชอบธรรมคือการประกอบกิจการแห่งความรัก และการเป็นทุกข์ถึงบาป
3. หากผู้ที่ประกอบกิจการแห่งความรักและเป็นทุกข์ถึงบาป "ตาย" โดยไม่ได้เป็นหนึ่งเดียวกับร่างกายของพระศาสนจักร เขาย่อมได้รับความรอด เหตุว่าเพื่อจะทำเช่นนั้นได้ อย่างน้อยเขาต้องมีความปรารถนาที่จะปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระเจ้า ซึ่งรวมถึงคำสั่งให้เป็นหนึ่งเดียวกับพระศาสนจักรด้วย จึงต้องนับเขาเป็นสมาชิกของพระศาสนจักรโดยความปรารถนา
นอกจากนี้ มีคนจำนวนมากอยู่นอกพระศาสนจักรโดยไม่ใช่ความผิดของเขา เช่น เขาไม่อาจเข้าถึงบริการของพระศาสนจักรได้ หรือเพราะความไม่รู้ของเขา เป็นต้น
ถึงตรงนี้เราอาจสรุปง่าย ๆ ว่า แม้คนต่างศาสนาจะไม่ได้เป็นหนึ่งเดียวกับ "ร่างกาย" ของพระศาสนจักร แต่พวกเขาสามารถรอดได้เพราะเป็นหนึ่งเดียวกับ "วิญญาณ" ของพระศาสนจักร
4. แต่ความรอดที่พระเจ้าประทานแก่ผู้อยู่นอกพระศาสนจักรต้องไม่ทำให้เรามองข้ามความสำคัญของพระศาสนจักร เหตุว่าในพระศาสนจักรเท่านั้นที่มีศีลศักดิ์สิทธิ์ มีพระหรรษทาน มีเครื่องมือสู่ความศักดิ์สิทธิ์ และมีผลประโยชน์มากมายจากการสิ้นพระชนม์และการกลับคืนชีพของพระเยซูคริสตเจ้า จนกล่าวได้ว่า "นอกพระศาสนจักรไม่มีความรอด"
บางคนอาจมองว่าคำสอนนี้เข้มงวดและคับแคบ แต่เราต้องไม่ลืมว่าความเข้มงวดและความคับแคบนี้เกิดจาก "ความรัก"
เป็นความรักเดียวกันกับที่ทำให้พระเยซูเจ้าตรัสว่า "ถ้าท่านไม่เชื่อว่าเราเป็น (ผู้ที่พระบิดาทรงส่งมา) ท่านจะตายเพราะบาปของท่าน" (ยน 8:24)
เพราะฉะนั้น การมองข้ามความสำคัญของพระศาสนจักรด้วยการเมินเฉยต่อการประกาศข่าวดี จึงเป็นความผิดพลาดอันใหญ่หลวงต่อหน้าที่ที่พระเยซูคริสตเจ้าทรงมอบหมายแก่เราทุกคน
http://www.jpthai.org/content/view/357
คำสอนพระศาสนจักรออร์โธด๊อกซ์
"ไม่มีความรอด นอกความรักและความเมตตาของพระผู้เป็นเจ้า"
(ตีความเอาเองนะ อิอิ)
---------
อธิบายด้วยดีกว่า
ความรอดมาจากพระหรรษทานของพระเจ้า
แต่การปฏิบัติ เป็นการแสดงออกของความเชื่อ และความเชื่อทำให้เราได้รับความรอด
สำหรับคนต่างศาสนา---->อยู่ในพระเมตตา(และความรัก)ของพระเจ้า
จึงตอบไม่ได้ครับ ผู้ที่ตอบได้คือพระเจ้าเท่านั้นครับ
"ไม่มีความรอด นอกความรักและความเมตตาของพระผู้เป็นเจ้า"
(ตีความเอาเองนะ อิอิ)
---------
อธิบายด้วยดีกว่า
ความรอดมาจากพระหรรษทานของพระเจ้า
แต่การปฏิบัติ เป็นการแสดงออกของความเชื่อ และความเชื่อทำให้เราได้รับความรอด
สำหรับคนต่างศาสนา---->อยู่ในพระเมตตา(และความรัก)ของพระเจ้า
จึงตอบไม่ได้ครับ ผู้ที่ตอบได้คือพระเจ้าเท่านั้นครับ
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ อังคาร ม.ค. 12, 2010 12:10 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
พระศาสนจักรศักดิ์สิทธิ์สากล สหพันธ์นักบุญ
พระเยซูเจ้าทรงมอบผลบุญแห่งการสิ้นพระชนม์และการกลับคืนชีพของพระองค์แก่พระศาสนจักร มีแต่พระศาสนจักรเท่านั้นที่สามารถโปรดศีลศักดิ์สิทธิ์และทำให้แสงสว่างแห่งความจริงปรากฏ การเป็นหนึ่งเดียวกับพระศาสนจักรจึงไม่เป็นเพียงหนึ่งในหนทางสู่ความรอด แต่เป็นเพียงหนทางเดียวเท่านั้น
พระเยซูเจ้าทรงยืนยันความจำเป็นในการเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับพระศาสนจักรโดยอาศัยศีลล้างบาปไว้ว่า "ผู้ที่เชื่อและรับศีลล้างบาปก็จะรอดพ้น ผู้ที่ไม่เชื่อจะถูกตัดสินลงโทษ" (มก 16:16)
จึงนำมาสู่คำสอนที่ว่า "นอกพระศาสนจักรไม่มีความรอด" !
มีคนจำนวนมากคัดค้านคำสอนนี้ เราจึงควรทำความเข้าใจกับคำสอนนี้ให้ชัดเจน
1. ต้องแยกความแตกต่างระหว่างการเป็นสมาชิกของพระศาสนจักรอย่างแจ้งชัดโดยการรับศีลล้างบาป (นักเทววิทยาเรียกว่าเป็นหนึ่งเดียวกับ "ร่างกายของพระศาสนจักร") ออกจากการเป็นสมาชิกโดยนัย หรือโดยความปรารถนา (นักเทววิทยาเรียกว่าเป็นหนึ่งเดียวกับ "วิญญาณของพระศาสนจักร")
2. พระศาสนจักรคาทอลิกย้ำอยู่เสมอว่า หนทางสู่ความชอบธรรมคือการประกอบกิจการแห่งความรัก และการเป็นทุกข์ถึงบาป
3. หากผู้ที่ประกอบกิจการแห่งความรักและเป็นทุกข์ถึงบาป "ตาย" โดยไม่ได้เป็นหนึ่งเดียวกับร่างกายของพระศาสนจักร เขาย่อมได้รับความรอด เหตุว่าเพื่อจะทำเช่นนั้นได้ อย่างน้อยเขาต้องมีความปรารถนาที่จะปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระเจ้า ซึ่งรวมถึงคำสั่งให้เป็นหนึ่งเดียวกับพระศาสนจักรด้วย จึงต้องนับเขาเป็นสมาชิกของพระศาสนจักรโดยความปรารถนา
นอกจากนี้ มีคนจำนวนมากอยู่นอกพระศาสนจักรโดยไม่ใช่ความผิดของเขา เช่น เขาไม่อาจเข้าถึงบริการของพระศาสนจักรได้ หรือเพราะความไม่รู้ของเขา เป็นต้น
ถึงตรงนี้เราอาจสรุปง่าย ๆ ว่า แม้คนต่างศาสนาจะไม่ได้เป็นหนึ่งเดียวกับ "ร่างกาย" ของพระศาสนจักร แต่พวกเขาสามารถรอดได้เพราะเป็นหนึ่งเดียวกับ "วิญญาณ" ของพระศาสนจักร
4. แต่ความรอดที่พระเจ้าประทานแก่ผู้อยู่นอกพระศาสนจักรต้องไม่ทำให้เรามองข้ามความสำคัญของพระศาสนจักร เหตุว่าในพระศาสนจักรเท่านั้นที่มีศีลศักดิ์สิทธิ์ มีพระหรรษทาน มีเครื่องมือสู่ความศักดิ์สิทธิ์ และมีผลประโยชน์มากมายจากการสิ้นพระชนม์และการกลับคืนชีพของพระเยซูคริสตเจ้า จนกล่าวได้ว่า "นอกพระศาสนจักรไม่มีความรอด"
บางคนอาจมองว่าคำสอนนี้เข้มงวดและคับแคบ แต่เราต้องไม่ลืมว่าความเข้มงวดและความคับแคบนี้เกิดจาก "ความรัก"
เป็นความรักเดียวกันกับที่ทำให้พระเยซูเจ้าตรัสว่า "ถ้าท่านไม่เชื่อว่าเราเป็น (ผู้ที่พระบิดาทรงส่งมา) ท่านจะตายเพราะบาปของท่าน" (ยน 8:24)
เพราะฉะนั้น การมองข้ามความสำคัญของพระศาสนจักรด้วยการเมินเฉยต่อการประกาศข่าวดี จึงเป็นความผิดพลาดอันใหญ่หลวงต่อหน้าที่ที่พระเยซูคริสตเจ้าทรงมอบหมายแก่เราทุกคน
http://www.jpthai.org/content/view/357
พระเยซูเจ้าทรงมอบผลบุญแห่งการสิ้นพระชนม์และการกลับคืนชีพของพระองค์แก่พระศาสนจักร มีแต่พระศาสนจักรเท่านั้นที่สามารถโปรดศีลศักดิ์สิทธิ์และทำให้แสงสว่างแห่งความจริงปรากฏ การเป็นหนึ่งเดียวกับพระศาสนจักรจึงไม่เป็นเพียงหนึ่งในหนทางสู่ความรอด แต่เป็นเพียงหนทางเดียวเท่านั้น
พระเยซูเจ้าทรงยืนยันความจำเป็นในการเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับพระศาสนจักรโดยอาศัยศีลล้างบาปไว้ว่า "ผู้ที่เชื่อและรับศีลล้างบาปก็จะรอดพ้น ผู้ที่ไม่เชื่อจะถูกตัดสินลงโทษ" (มก 16:16)
จึงนำมาสู่คำสอนที่ว่า "นอกพระศาสนจักรไม่มีความรอด" !
มีคนจำนวนมากคัดค้านคำสอนนี้ เราจึงควรทำความเข้าใจกับคำสอนนี้ให้ชัดเจน
1. ต้องแยกความแตกต่างระหว่างการเป็นสมาชิกของพระศาสนจักรอย่างแจ้งชัดโดยการรับศีลล้างบาป (นักเทววิทยาเรียกว่าเป็นหนึ่งเดียวกับ "ร่างกายของพระศาสนจักร") ออกจากการเป็นสมาชิกโดยนัย หรือโดยความปรารถนา (นักเทววิทยาเรียกว่าเป็นหนึ่งเดียวกับ "วิญญาณของพระศาสนจักร")
2. พระศาสนจักรคาทอลิกย้ำอยู่เสมอว่า หนทางสู่ความชอบธรรมคือการประกอบกิจการแห่งความรัก และการเป็นทุกข์ถึงบาป
3. หากผู้ที่ประกอบกิจการแห่งความรักและเป็นทุกข์ถึงบาป "ตาย" โดยไม่ได้เป็นหนึ่งเดียวกับร่างกายของพระศาสนจักร เขาย่อมได้รับความรอด เหตุว่าเพื่อจะทำเช่นนั้นได้ อย่างน้อยเขาต้องมีความปรารถนาที่จะปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระเจ้า ซึ่งรวมถึงคำสั่งให้เป็นหนึ่งเดียวกับพระศาสนจักรด้วย จึงต้องนับเขาเป็นสมาชิกของพระศาสนจักรโดยความปรารถนา
นอกจากนี้ มีคนจำนวนมากอยู่นอกพระศาสนจักรโดยไม่ใช่ความผิดของเขา เช่น เขาไม่อาจเข้าถึงบริการของพระศาสนจักรได้ หรือเพราะความไม่รู้ของเขา เป็นต้น
ถึงตรงนี้เราอาจสรุปง่าย ๆ ว่า แม้คนต่างศาสนาจะไม่ได้เป็นหนึ่งเดียวกับ "ร่างกาย" ของพระศาสนจักร แต่พวกเขาสามารถรอดได้เพราะเป็นหนึ่งเดียวกับ "วิญญาณ" ของพระศาสนจักร
4. แต่ความรอดที่พระเจ้าประทานแก่ผู้อยู่นอกพระศาสนจักรต้องไม่ทำให้เรามองข้ามความสำคัญของพระศาสนจักร เหตุว่าในพระศาสนจักรเท่านั้นที่มีศีลศักดิ์สิทธิ์ มีพระหรรษทาน มีเครื่องมือสู่ความศักดิ์สิทธิ์ และมีผลประโยชน์มากมายจากการสิ้นพระชนม์และการกลับคืนชีพของพระเยซูคริสตเจ้า จนกล่าวได้ว่า "นอกพระศาสนจักรไม่มีความรอด"
บางคนอาจมองว่าคำสอนนี้เข้มงวดและคับแคบ แต่เราต้องไม่ลืมว่าความเข้มงวดและความคับแคบนี้เกิดจาก "ความรัก"
เป็นความรักเดียวกันกับที่ทำให้พระเยซูเจ้าตรัสว่า "ถ้าท่านไม่เชื่อว่าเราเป็น (ผู้ที่พระบิดาทรงส่งมา) ท่านจะตายเพราะบาปของท่าน" (ยน 8:24)
เพราะฉะนั้น การมองข้ามความสำคัญของพระศาสนจักรด้วยการเมินเฉยต่อการประกาศข่าวดี จึงเป็นความผิดพลาดอันใหญ่หลวงต่อหน้าที่ที่พระเยซูคริสตเจ้าทรงมอบหมายแก่เราทุกคน
http://www.jpthai.org/content/view/357
- Ministry Of Men
- โพสต์: 3972
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm
ถ้าเป็นความเชื่อคาทอลิกในเรื่องนี้จริง.. และหากหมายถึงศาสนาอื่นๆที่ไม่ใช่นิกายอื่นในศาสนาคริสต์
ด้วยนามอื่นใดภายใต้ท้องฟ้านี้
ไม่มีความรอดอีกแล้วนอกจากนามเดียว คือ พระเยซูคริสต์
1*มก 16:16 ผู้ที่เชื่อและรับบัพติศมาก็จะรอด แต่ผู้ที่ไม่เชื่อจะต้องถูกลงพระอาชญา
2*กจ 4:12 ในผู้อื่นความรอดไม่มีเลย ด้วยว่านามอื่นซึ่งให้เราทั้งหลายรอดได้ ไม่ทรงโปรดให้มีในท่ามกลางมนุษย์ทั่วใต้ฟ้า"
นี่คือพระวาจาของพระเจ้า
อธิบาย 1* พระเจ้าทรงพระยุติธรรมและจะพิพากษาตามการกระทำ ไม่ใช่ว่าใครไม่เชื่อก็ลงนรก ไม่ใช่เช่นนั้นแน่นอน
ตอบเลย์
เลย์อาจเล่าถึงเรื่องการไถ่ และการช่วยเหลือของพระเยซูที่ต้องตายบนไม้กางเขนหนะครับ : emo045 :
ด้วยนามอื่นใดภายใต้ท้องฟ้านี้
ไม่มีความรอดอีกแล้วนอกจากนามเดียว คือ พระเยซูคริสต์
1*มก 16:16 ผู้ที่เชื่อและรับบัพติศมาก็จะรอด แต่ผู้ที่ไม่เชื่อจะต้องถูกลงพระอาชญา
2*กจ 4:12 ในผู้อื่นความรอดไม่มีเลย ด้วยว่านามอื่นซึ่งให้เราทั้งหลายรอดได้ ไม่ทรงโปรดให้มีในท่ามกลางมนุษย์ทั่วใต้ฟ้า"
นี่คือพระวาจาของพระเจ้า
อธิบาย 1* พระเจ้าทรงพระยุติธรรมและจะพิพากษาตามการกระทำ ไม่ใช่ว่าใครไม่เชื่อก็ลงนรก ไม่ใช่เช่นนั้นแน่นอน
ตอบเลย์
เลย์อาจเล่าถึงเรื่องการไถ่ และการช่วยเหลือของพระเยซูที่ต้องตายบนไม้กางเขนหนะครับ : emo045 :
- Deo Gratias
- โพสต์: 1100
- ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มี.ค. 16, 2006 11:53 pm
เราเองจะต้องเข้าใจก่อนว่าพระเจ้าไม่ใช่ศาสนา ถ้าตราบใดที่เรายังมองพระเจ้าเป็นศาสนาClimax เขียน: การที่พระศาสนจักรสอนว่า..มีความรอดนอกพระศาสนจักร ก็คือ ถึงแม้ว่าจะนับถือศาสนาอื่นๆแต่ถ้าหากปฏิบัติตนสอดคล้องตามคำสอนของ
พระเยซูเจ้าก็สามารถเข้าสู่สวรรค์ได้ ถ้าเกิดคนต่างศาสนาใช้ข้อนี้มาอ้างว่า " งั้นฉันก็ไม่จำเป็นต้องมานับถือศาสนาคริสต์ ฉันนับถือศาสนาของฉัน
ดั่งเดิมฉันก็รอดได้ " ถ้าเจอเหตุการณ์แบบนี้เราจะทำอย่างไรดีครับ : xemo017 :
ปล. เลย์เคยเจอคนต่างศาสนาตอบย้อนมาแบบนี้ จนเลย์หมดปัญญาไม่รู้ว่าจะตอบเขากลับว่าอย่างไร : emo073 :
เราก็จะคิดว่าพระเจ้าเป็นเพียงตัวเลือกหนึ่ง ซึ่งสามารถเลือกอย่างอื่นทดแทนได้ โดยที่ผลไม่ต่างกัน
และนั่นก็คือการลดเทวสภาพของพระเจ้าผู้สร้างลงมาเท่าเทียมกับสิ่งที่ทรงสร้าง
และถ้าเราเชื่อแบบนี้ เราก็จะถ่ายทอดออกไปแบบนี้ค่ะ ดังนั้นเราต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อนว่าสำหรับเราพระเจ้าคืออะไร?
แต่ถ้าตอบตัวเองได้แล้ว เราก็จะตอบคนอื่นได้เองค่ะ เช่น...
แก่น(จุดประสงค์ที่พระเยซูเสด็จมา) - เพื่อให้มนุษย์คนบาปที่ต้องถูกลงโทษ ได้คืนดีกับพระเจ้าทางพระเยซู
คำสอนหลัก - จงรักพระเจ้า(พระตรีเอกภาพ)สุดจิตสุดใจ+จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง
ไม่ว่าจะแก่นหรือคำสอนก็ต้องมีพระเจ้าอยู่ด้วยทั้งนั้น : xemo029 :
แต่ให้เราตอบด้วยความรักนะคะ : emo038 :
เอเมน อามีน อาแมนDeo Gratias เขียน:เราเองจะต้องเข้าใจก่อนว่าพระเจ้าไม่ใช่ศาสนา ถ้าตราบใดที่เรายังมองพระเจ้าเป็นศาสนาClimax เขียน: การที่พระศาสนจักรสอนว่า..มีความรอดนอกพระศาสนจักร ก็คือ ถึงแม้ว่าจะนับถือศาสนาอื่นๆแต่ถ้าหากปฏิบัติตนสอดคล้องตามคำสอนของ
พระเยซูเจ้าก็สามารถเข้าสู่สวรรค์ได้ ถ้าเกิดคนต่างศาสนาใช้ข้อนี้มาอ้างว่า " งั้นฉันก็ไม่จำเป็นต้องมานับถือศาสนาคริสต์ ฉันนับถือศาสนาของฉัน
ดั่งเดิมฉันก็รอดได้ " ถ้าเจอเหตุการณ์แบบนี้เราจะทำอย่างไรดีครับ
ปล. เลย์เคยเจอคนต่างศาสนาตอบย้อนมาแบบนี้ จนเลย์หมดปัญญาไม่รู้ว่าจะตอบเขากลับว่าอย่างไร![]()
เราก็จะคิดว่าพระเจ้าเป็นเพียงตัวเลือกหนึ่ง ซึ่งสามารถเลือกอย่างอื่นทดแทนได้ โดยที่ผลไม่ต่างกัน
และนั่นก็คือการลดเทวสภาพของพระเจ้าผู้สร้างลงมาเท่าเทียมกับสิ่งที่ทรงสร้าง
และถ้าเราเชื่อแบบนี้ เราก็จะถ่ายทอดออกไปแบบนี้ค่ะ ดังนั้นเราต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อนว่าสำหรับเราพระเจ้าคืออะไร?
เพิ่มเติม
มีผู้รับใช้(โปรเตสแตนท์)ท่านหนึ่งที่พูดได้กินใจผมมาก
พระคริสต์เจ้าไม่ใช่ศาสนา แต่พระคริสตเจ้าทรงเป็นชีวิต
- Deo Gratias
- โพสต์: 1100
- ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มี.ค. 16, 2006 11:53 pm
เห็นด้วยค่ะ พระลักษณะของพระเจ้าจะไม่ขัดกันข้า-พระ-เจ้า เขียน: พระเป็นเจ้าพระองค์ทรงพระทัยดี แต่ในขณะเดียวกันพระองค์ก็ทรงพระยุติธรรมด้วย
หลายคนมองแต่พระลักษณะด้านความรัก แต่ลืมด้านความยุติธรรม
"เพราะว่าค่าจ้างของความบาปคือความตาย แต่ของประทานจากพระเจ้าคือชีวิตนิรันดร์ในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา" (รม.6:23)
เข้าใจว่าหมายถึงอย่างนี้นะคะjacky เขียน: ความนอกพระศาสจักร ของ สำนักโรมัน อาจหมายถึง พี่น้อง คริสต์ชน นิกายอื่นๆหรือเปล่า ค่ะ คิว่างั้น ที่ต่างประเทศ เขา เรียกนิกายว่า เป็น ศาสนาเลย
ศาสนา catholic ศาสนา Orthodox ศาสนา Protestant : xemo017 :
เห็นด้วยค่ะ พระเจ้ายื่นกุญแจประตูสวรรค์(ความเชื่อในพระเยซู)ให้ทุกคนGrey Cat =^. .^= เขียน: คำสอนพระศาสนจักรออร์โธด๊อกซ์
"ไม่มีความรอด นอกความรักและความเมตตาของพระผู้เป็นเจ้า"
(ตีความเอาเองนะ อิอิ)
---------
อธิบายด้วยดีกว่า
ความรอดมาจากพระหรรษทานของพระเจ้า
แต่การปฏิบัติ เป็นการแสดงออกของความเชื่อ และความเชื่อทำให้เราได้รับความรอด
สำหรับคนต่างศาสนา---->อยู่ในพระเมตตา(และความรัก)ของพระเจ้า
จึงตอบไม่ได้ครับ ผู้ที่ตอบได้คือพระเจ้าเท่านั้นครับ
แต่สุดท้ายคนที่มีกุญแจอยู่ในมือคือคนที่รับกุญแจจากพระเจ้า ส่วนคนที่ไม่รับก็คือไม่มีกุญแจค่ะ
ข้อนี่แหละที่แตกต่างกันระหว่างโปรและคาทอลิก รวมถึงออเทอดอกซ์ด้วย เพราะพระศาสนจักรคาทอลิกเราสอนว่ามีความรอดนอกพระศาสนจักร คนต่างศาสนาสามารถได้รับความรอดได้ ถ้าทำความดีไม่ว่าอยู่ในศาสนาใดก็มีสิทธิ์ได้รับความรอดทางพระเยซูได้เช่นกัน พระจิตเจ้าได้คอยดูแลทุกศาสนาให้สั่งสอนความดีอยู่แล้วครับ และพระเจ้าพระองค์ทรงมีพระเมตตาแบบไร้ขอบเขตุ และทรงมีพระยุติธรรมสำหรับทุกๆศาสนา
ถ้าเค้าถามก็บอกไปเลยว่า จงเชื่อในพระเยซูผู้มาไถ่กู้ และจงดำนินชีวิตอยู่ในทางแห่งความดีของศาสนาที่ตนนับถือ
ถ้าเค้าถามก็บอกไปเลยว่า จงเชื่อในพระเยซูผู้มาไถ่กู้ และจงดำนินชีวิตอยู่ในทางแห่งความดีของศาสนาที่ตนนับถือ
- Deo Gratias
- โพสต์: 1100
- ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มี.ค. 16, 2006 11:53 pm
น้องเลย์ลองอ่านบทความนี้ http://www.belongtothetruth.com/Holy/teach01.htm
แล้วสรุปไปตอบเพื่อน หรือถ้าจะปริ๊นไปให้เพื่อนอ่านได้ด้วยก็ดีค่ะ
แล้วสรุปไปตอบเพื่อน หรือถ้าจะปริ๊นไปให้เพื่อนอ่านได้ด้วยก็ดีค่ะ

- เลย์
- โพสต์: 1845
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ส.ค. 05, 2009 12:27 am
- ที่อยู่: ในอ้อมพระหัตถ์พระเป็นเจ้า
- ติดต่อ:
ขอบคุณทุกๆคนอ่าครับ ขอบคุณมากๆเลย : xemo023 : 
ทุกครั้งที่เลย์ ไปสอนคำสอนคนต่างศาสนา มักจะโดนตอบย้อนแบบนี้เป็นประจำเลยครับ

ทุกครั้งที่เลย์ ไปสอนคำสอนคนต่างศาสนา มักจะโดนตอบย้อนแบบนี้เป็นประจำเลยครับ
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ อังคาร ม.ค. 12, 2010 12:37 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
- Valkyrie Zero Number
- โพสต์: 2081
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am
มีแนวโน้มเป็นไปได้สูงว่ามีอยู่หลายกลุ่มค่ะjacky เขียน: อยากจะรู้ว่า คนกลุ่มใหน ที่พระคำภีร์พูดถึง ไม่เชื่ิอและในวันพิพากษา คนเหล่านี้ก็ยังไม่เชื่อ และยังด่าว่า พระเจ้าแม้อยู่ในนรก
พวกโอตาคุญี่ปุ่น กับนักเขียนที่ชอบพาดพิงศาสนานี่ เท่าที่อ่านดู หลายคนมีแนวโน้มมากนะคะว่าจะมองพระเจ้าเลวโดยเอาการ์ตูนพรรค์นั้นเสมือนบร๊ะครรมพีร์ของตัวเอง
ในเรื่อง นี้เคยถามทาง orthodox ค่ะจะคล้ายๆ catholic ตรงที่ว่า จะได้รับความรอดใหม เขาบอกว่าคนต่าง ศาสนา ที่ ทำคุณงามความดีทั้งกายใจ แต่ ไม่เคยได้ยิน ข่างประเสริฐ เลย
เขาก็จะได้รับความรอด เช่นกันค่ะ เพราะถือว่า ไม่มีใครไปบอก และเขาเองก็ไม่รู้ด้วย แต่สำหรับพวกที่ รู้ข่าว แล้วยัง ปฎิเสธ ไม่รับพระองค์แถม จาบจ้วง(ถือว่าปฎิเสธพระเจ้า บาปนะค่ะ) ด้วยนะต้อง อยู่ในไฟนรกแน่นอน
เขาก็จะได้รับความรอด เช่นกันค่ะ เพราะถือว่า ไม่มีใครไปบอก และเขาเองก็ไม่รู้ด้วย แต่สำหรับพวกที่ รู้ข่าว แล้วยัง ปฎิเสธ ไม่รับพระองค์แถม จาบจ้วง(ถือว่าปฎิเสธพระเจ้า บาปนะค่ะ) ด้วยนะต้อง อยู่ในไฟนรกแน่นอน
-
- ~@
- โพสต์: 2546
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm
ในความคิดของผมนะ
จริงๆแล้วคนต่างศาสนาที่ทำตัวดีช่วยเหลือสังคมอุทิศชีวิต อย่าง ดร.กฤษณา หรือ แม่ต้อย นั้นน่าให้เข้าสวรรค์มากกว่าคนคริสต์ที่เที่ยวบอกว่าคนนั้นคนนี้ต้องตกนรกเสียอีก
ท้ายสุดแล้วมีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่สามารถบอกได้ว่าใครจะขึ้นสวรรค์หรือลงนรก เพราะคุณจะรู้ได้ไงว่าถ้าวินาทีสุดท้ายของชีวิตแล้วพระเจ้าปรากฏมาหาเขาแล้วเขายอมรับพระองค์
แปลกนะที่พระองค์ตรัสว่า "ความรักสำคัญกว่าความเชื่อและความหวัง" ทั้งๆที่คนที่เรียกตัวเองว่าสาวกยังเที่ยวพูดว่าถ้าไม่มีความเชื่อก็รอดไม่ได้
จริงๆแล้วคนต่างศาสนาที่ทำตัวดีช่วยเหลือสังคมอุทิศชีวิต อย่าง ดร.กฤษณา หรือ แม่ต้อย นั้นน่าให้เข้าสวรรค์มากกว่าคนคริสต์ที่เที่ยวบอกว่าคนนั้นคนนี้ต้องตกนรกเสียอีก
ท้ายสุดแล้วมีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่สามารถบอกได้ว่าใครจะขึ้นสวรรค์หรือลงนรก เพราะคุณจะรู้ได้ไงว่าถ้าวินาทีสุดท้ายของชีวิตแล้วพระเจ้าปรากฏมาหาเขาแล้วเขายอมรับพระองค์
แปลกนะที่พระองค์ตรัสว่า "ความรักสำคัญกว่าความเชื่อและความหวัง" ทั้งๆที่คนที่เรียกตัวเองว่าสาวกยังเที่ยวพูดว่าถ้าไม่มีความเชื่อก็รอดไม่ได้
นั้นสิค่ะพระเจ้าสถิตย์กับเราเสมอ เขียน: ในความคิดของผมนะ
จริงๆแล้วคนต่างศาสนาที่ทำตัวดีช่วยเหลือสังคมอุทิศชีวิต อย่าง ดร.กฤษณา หรือ แม่ต้อย นั้นน่าให้เข้าสวรรค์มากกว่าคนคริสต์ที่เที่ยวบอกว่าคนนั้นคนนี้ต้องตกนรกเสียอีก
ท้ายสุดแล้วมีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่สามารถบอกได้ว่าใครจะขึ้นสวรรค์หรือลงนรก เพราะคุณจะรู้ได้ไงว่าถ้าวินาทีสุดท้ายของชีวิตแล้วพระเจ้าปรากฏมาหาเขาแล้วเขายอมรับพระองค์
แปลกนะที่พระองค์ตรัสว่า "ความรักสำคัญกว่าความเชื่อและความหวัง" ทั้งๆที่คนที่เรียกตัวเองว่าสาวกยังเที่ยวพูดว่าถ้าไม่มีความเชื่อก็รอดไม่ได้
- Ecclēsia
- โพสต์: 976
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 27, 2009 9:25 pm
- ที่อยู่: อาสนวิหารอัสสัมชัญ เขต1 อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ
- ติดต่อ:
เพื่อความชัวร์ ขอยกจากหนังสือประมวลคำสอนพระศาสจักรคาทอลิก
ข้อ 171. คำยืนยันที่ว่า "นอกพระศาสจักรไม่มีความรอดพ้น" นั้น หมายความว่าอย่างไร
หมายความว่า ความรอดทั้งหมดมาจากพระคริสตเจ้าผู้เป็นหัวหน้า โดยอาศัยพระศาสนจักรซึ่งเป็นพระกาย
ของพระองค์ ดังนั้น ผู้ที่รู้ว่าพระศาสนจักรได้รับการก่อตั้งจากพระคริสตเจ้าเเละจำเป็นสำหรับความรอดพ้น
เเต่ไม่ยอมเข้าร่วมหรือไม่ยอมพากเพียร ก็จะไม่สามารถเอาตัวรอดได้ ในขณะเดียวกันโดยอาศัยพระบารมีของ
พระคริสตเจ้า เเละของพระศาสนจักร เเม้บางคนที่ไม่รู้ข่าวดีของพระคริสตเจ้าเเละของพระศาสนจักร โดยไม่ใช่
ความผิดของพวกเขา เเต่เเสวงหาพระเป็นเจ้าด้วยความจริงใจ ภายใต้อิทธิพลเเห่งพระหรรษทาน การบังคับน้ำใจ
ของตนให้กระทำตามคำสั่งของมโนธรรม ก็สามารถเข้าสู่ความรอดนิรันดรได้
ข้อ 171. คำยืนยันที่ว่า "นอกพระศาสจักรไม่มีความรอดพ้น" นั้น หมายความว่าอย่างไร
หมายความว่า ความรอดทั้งหมดมาจากพระคริสตเจ้าผู้เป็นหัวหน้า โดยอาศัยพระศาสนจักรซึ่งเป็นพระกาย
ของพระองค์ ดังนั้น ผู้ที่รู้ว่าพระศาสนจักรได้รับการก่อตั้งจากพระคริสตเจ้าเเละจำเป็นสำหรับความรอดพ้น
เเต่ไม่ยอมเข้าร่วมหรือไม่ยอมพากเพียร ก็จะไม่สามารถเอาตัวรอดได้ ในขณะเดียวกันโดยอาศัยพระบารมีของ
พระคริสตเจ้า เเละของพระศาสนจักร เเม้บางคนที่ไม่รู้ข่าวดีของพระคริสตเจ้าเเละของพระศาสนจักร โดยไม่ใช่
ความผิดของพวกเขา เเต่เเสวงหาพระเป็นเจ้าด้วยความจริงใจ ภายใต้อิทธิพลเเห่งพระหรรษทาน การบังคับน้ำใจ
ของตนให้กระทำตามคำสั่งของมโนธรรม ก็สามารถเข้าสู่ความรอดนิรันดรได้
Ecclēsia เขียน: เพื่อความชัวร์ ขอยกจากหนังสือประมวลคำสอนพระศาสจักรคาทอลิก
ข้อ 171. คำยืนยันที่ว่า "นอกพระศาสจักรไม่มีความรอดพ้น" นั้น หมายความว่าอย่างไร
หมายความว่า ความรอดทั้งหมดมาจากพระคริสตเจ้าผู้เป็นหัวหน้า โดยอาศัยพระศาสนจักรซึ่งเป็นพระกาย
ของพระองค์ ดังนั้น ผู้ที่รู้ว่าพระศาสนจักรได้รับการก่อตั้งจากพระคริสตเจ้าเเละจำเป็นสำหรับความรอดพ้น
เเต่ไม่ยอมเข้าร่วมหรือไม่ยอมพากเพียร ก็จะไม่สามารถเอาตัวรอดได้ ในขณะเดียวกันโดยอาศัยพระบารมีของ
พระคริสตเจ้า เเละของพระศาสนจักร เเม้บางคนที่ไม่รู้ข่าวดีของพระคริสตเจ้าเเละของพระศาสนจักร โดยไม่ใช่
ความผิดของพวกเขา เเต่เเสวงหาพระเป็นเจ้าด้วยความจริงใจ ภายใต้อิทธิพลเเห่งพระหรรษทาน การบังคับน้ำใจ
ของตนให้กระทำตามคำสั่งของมโนธรรม ก็สามารถเข้าสู่ความรอดนิรันดรได้
ในเรื่อง นี้ สำนัก orthodox และ สำนัก โรมัน คิดเหมือนกัน เลย อามีน
แก้ไขล่าสุดโดย เจนจิรา เมื่อ อังคาร ม.ค. 12, 2010 1:16 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
รู้สึกตอนเรียนคำสอนพ่อบอกหนังสือเล่มนี้เก่ามาก ข้อนี้ถูกยกเลิกไปตั้งแต่สังคายนาแล้วครับEcclēsia เขียน: เพื่อความชัวร์ ขอยกจากหนังสือประมวลคำสอนพระศาสจักรคาทอลิก
ข้อ 171. คำยืนยันที่ว่า "นอกพระศาสจักรไม่มีความรอดพ้น" นั้น หมายความว่าอย่างไร
หมายความว่า ความรอดทั้งหมดมาจากพระคริสตเจ้าผู้เป็นหัวหน้า โดยอาศัยพระศาสนจักรซึ่งเป็นพระกาย
ของพระองค์ ดังนั้น ผู้ที่รู้ว่าพระศาสนจักรได้รับการก่อตั้งจากพระคริสตเจ้าเเละจำเป็นสำหรับความรอดพ้น
เเต่ไม่ยอมเข้าร่วมหรือไม่ยอมพากเพียร ก็จะไม่สามารถเอาตัวรอดได้ ในขณะเดียวกันโดยอาศัยพระบารมีของ
พระคริสตเจ้า เเละของพระศาสนจักร เเม้บางคนที่ไม่รู้ข่าวดีของพระคริสตเจ้าเเละของพระศาสนจักร โดยไม่ใช่
ความผิดของพวกเขา เเต่เเสวงหาพระเป็นเจ้าด้วยความจริงใจ ภายใต้อิทธิพลเเห่งพระหรรษทาน การบังคับน้ำใจ
ของตนให้กระทำตามคำสั่งของมโนธรรม ก็สามารถเข้าสู่ความรอดนิรันดรได้
แต่ตีความหมายได้ดีจังเลย
แก้ไขล่าสุดโดย godlike เมื่อ อังคาร ม.ค. 12, 2010 1:15 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.