sinner เขียน:
เลย์ เขียน:

จริงๆอ่าครับ เลย์สังเกตการมามิสซาของสัตบุรุษ ภาคนำจนถึงภาควจนพิธีกรรม วัดจะดูเบาบางมาก พอเริ่มภาคศีลมหาสนิท
วัดก็เริ่มแน่นมาทันที
ข้อนี้จริงๆ อ่ะเลย์ เพราะที่วัดก็เป็นเหมือนกันเลย
จะสงสารคุณพ่อ

เพราะรู้ว่าคุณพ่อจะเตรียมบทเทศน์อย่างดี คิดเป็นวันๆ เลย
คนไม่ค่อยให้ความสำคัญตรงนี้เลยอ่ะ การมาสาย ดูแล้วเหมือนไม่เคารพการมามิสซาเลย
อันตน เขียน:
เลย์ เขียน:
ยศิยล:ผู้หวังในพระเจ้า เขียน:
....อันนี้ น่าจะส่วนบุคคลนะครับ
(เพราะถ้าจริงอย่างเลย์ว่า ก็ไม่มีใครมาก่อนมิสซาเลยสิ)

จริงๆอ่าครับ เลย์สังเกตการมามิสซาของสัตบุรุษ ภาคนำจนถึงภาควจนพิธีกรรม วัดจะดูเบาบางมาก พอเริ่มภาคศีลมหาสนิท
วัดก็เริ่มแน่นมาทันที
หลังรับศีลก็จะหายไปในพริบตา
องค์ประกอบของพิธีมิสซาฯ
พิธีการต่าง ๆ ของพิธีมิสซาฯ นั้น ประกอบด้วยภาคต่าง ๆ ดังนี้
1. ภาคเริ่มพิธี ตั้งแต่เริ่มพิธี ไปจนถึงบทภาวนาของประธาน (Collecta)
เริ่มจากเพลงแห่เข้า (ในความเป็นจริงจะไม่มีเพลงก็ได้ แต่การที่มีเพลง เพื่อให้สัตบุรุษรวมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เพื่อสรรเสริญพระเจ้า และถือเป็นการภาวนาอย่างหนึ่ง เพลงในพิธีกรรมที่ดี ควรเป็นเพลงที่สื่อความหมายให้เข้าใจในพิธีกรรม และร่วมจิตใจได้)
- คำทักทาย - การสารภาพความผิด - บทกีรีเอ - (พัฒนามาจากบทลีตานีอาในยุคแรกเริ่ม) - บทกลอรีอา และจบที่บทภาวนาของประธานซึ่งเป็นช่วงเชื่อมต่อไปสู่ช่วงที่สอง ในภาควจนพิธีกรรม
สาระโดยรวมของภาคเริ่มพิธีนี้ มีจุดประสงค์เพื่อเริ่มต้นนำ และเตรียมให้บรรดาสัตบุรุษที่ชุมนุมอยู่ด้วยกัน มีความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกัน และเป็นการโน้มน้าวจิตใจให้พร้อมที่จะฟังพระวาจาของพระเจ้าอย่างถูกต้อง และให้เฉลิมฉลองศีลมหาสนิทอย่างสมควร
2. ภาควจนพิธีกรรม เริ่มจากบทอ่านแรกจากพันธสัญญาเดิม บทอ่านที่สองซึ่งเป็นบทจดหมายหรือหนังสืออื่น ๆ ในพันธสัญญาใหม่ และพระวรสารซึ่งถือเป็นพระวาจาของพระเจ้าที่ตรัสผ่านทางองค์พระบุตร คือ พระเยซูเจ้า การเทศน์เตือนใจของพระสงฆ์ การประกาศยืนยันความเชื่อ และบทภาวนาของมวลชน
ภาควจนพิธีกรรมนี้ เป็นส่วนหนึ่งของพิธีที่ชาวยิวปฏิบัติกันมาแต่เดิมก่อนยุคของพระเยซูคริสตเจ้า โดยในพิธีมิสซาฯ จะจัดให้มี "โต๊ะพระวาจา" หรือธรรมาสน์ เพื่อใช้อ่านพระวาจาของพระเป็นเจ้า แยกออกจาก "โต๊ะศีลมหาสนิท" หรือพระแท่นอันเป็นจุดสำคัญที่สุดของพิธีกรรม
การอ่านบทอ่าน ไม่ใช่หน้าที่ของประธาน แต่เป็นหน้าที่ของศาสนบริกร เช่น สังฆานุกร หรือผู้อ่านพระคัมภีร์ สำหรับการอ่านพระวรสารนั้น เป็นหน้าที่ของสังฆานุกร หรือประธานในพิธี จะต้องแสดงออกถึงการคารวะอย่างยิ่งต่อพระวรสารที่อ่าน โดยให้เกียรติอย่างพิเศษกว่าบทอ่านอื่น ๆ ไม่ว่าในการเลือกผู้อ่านระดับศาสนบริกร หรือพระสงฆ์เอง สัตบุรุษเอง ก็ต้องแสดงความคารวะอย่างพิเศษโดยการยืนฟัง และพนมมืออย่างสำรวม
ในระหว่างการอ่านบทอ่าน จะมีการร้องเพลงคั่น ในช่วงแรกจะเป็นเพลงสดุดี (Psalms) และส่วนที่สองจะเป็นเพลงสรรเสริญ (Acclamation) หรือเพลง Hymn บทอัลเลลูยา ซึ่งจะร้องก่อนการอ่านพระวรสาร
การเทศนาเตือนใจ (Homily) เป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรม เป็นส่วนที่จำเป็นในการหล่อเลี้ยงชีวิตคริสตชน และจะต้องอธิบายตามคำสอนในบทอ่านจากพระคัมภีร์ของมิสซาประจำวันนั้น ๆ การเทศนาเตือนใจ มีลักษณะพิเศษแตกต่างกว่าการเทศน์ในรูปอื่น เพราะการเทศน์แบบนี้ เป็นการเทศน์เพื่ออธิบาย หรือโน้มน้าวจิตใจผู้ฟังให้ปฏิบัติตามพระวาจาของพระเจ้า ที่ตรัสกับเราผ่านทางพระคัมภีร์มากกว่าจะมุ่งเน้นแบบการสอนศาสนาให้คนกลับใจ (Evangelization) หรือการเทศน์แบบสอนคำสอน (Catechesis)
เมื่อพระสงฆ์เตือนใจแล้ว จะเป็นการประกาศยืนยันความเชื่อ (Credo) เพื่อให้ประชากรเห็นพ้อง และสนองตอบพระวาจาของพระเจ้า ที่ได้ฟังในบทอ่าน และการเทศน์ และให้รื้อฟื้นข้อความเชื่อก่อนที่จะเริ่มพิธีศีลมหาสนิท และยังนับว่าเป็นบทสรุป "ประวัติศาสตร์แห่งความรอด" ซึ่งสัตบุรุษประกาศยืนยันความเชื่อของพระศาสนจักรที่มีมาแต่เดิม รวมทั้งแสดงความหวังที่จะมีส่วนร่วมในชีวิตนิรันดร กับพระเจ้าในบั้นปลายด้วย บทภาวนาเพื่อมวลชน มีขึ้นเพื่อแสดงให้เห็นถึงหน้าที่ของคริสตชนที่จะต้องภาวนาเพื่อมนุษยโลกในสังคม ในเรื่องต่าง ๆ ที่พระศาสนจักรได้กำหนดไว้
3. ภาคศีลมหาสนิท เริ่มจากภาคถวายเครื่องบูชา จนถึงบทภาวนาหลังรับศีล คือการเตรียมเครื่องบูชา - การเสกศีลฯ และการรับศีลฯ เป็นต้น
เริ่มจากการเตรียมเครื่องบูชา โดยต้องเตรียมพระแท่น ซึ่งเป็นศูนย์กลางของพิธีกรรมศีลมหาสนิททั้งมวล โดยปูผ้ารองถ้วยกาลิกส์และจานศีล (Corporal) นำผ้าเช็ดถ้วยกาลิกส์ (Purificator) ถ้วยกาลิกส์และหนังสือมิสซาวางบนพระแท่น นำแผ่นปังและเหล้าองุ่นมาเตรียมไว้ รวมทั้งมีการบริจาคใส่ถุงทานสำหรับคนยากไร้ หรือทางวัดด้วย
คำภาวนาแห่งศีลมหาสนิท หรือการเสกปัง และเหล้าองุ่นให้เป็นพระกายและพระโลหิตของพระเยซูเจ้า ถือเป็นหัวใจสำคัญของพิธีมิสซาฯ ประกอบด้วยการเสกศีล เพื่อระลึกถึง และรื้อฟื้นถึงการตั้งศีลมหาสนิทของพระเยซูเจ้า ในอาหารค่ำมื้อสุดท้ายก่อนทรงรับทรมาน และสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน การขับร้องเพลงศักดิ์สิทธิ์ บทข้าแต่พระบิดา การบิปัง และการรับศีลมหาสนิทของสัตบุรุษ ซึ่งการรับศีลมหาสนิท นับว่าเป็นส่วนสำคัญยิ่งในพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณพระเจ้า
การรับศีลมหาสนิทให้ความหมายหลายประการ เช่น
1.เป็นการร่วมสนิท เป็นหนึ่งเดียวกับพระเยซูเจ้า
2. เป็นการร่วมมีส่วนในงานกอบกู้ของพระเยซูเจ้า
3. เป็นการร่วมสนิทสัมพันธ์กับพี่น้องคริสตชนด้วยกัน
4. ภาคปิดพิธี การอวยพรและการส่งไป ที่ให้เรากลับไปสู่ชีวิตกับเพื่อนพี่น้องในสังคมของเราต่อไป
เมื่อสัตบุรุษรับศีลเสร็จเรียบร้อยแล้วจะเข้าสู่ภาคปิดพิธี ในภาคนี้ ทางวัดสามารถประกาศข่าวต่าง ๆ ให้สัตบุรุษทราบ จากนั้นจะเป็นการอำลา และอวยพร
มิสซามีอยู่ 4 ภาค ทุกภาคตั้งแต่ต้นจนจบมีความสำคัญเท่ากัน ถ้าขาดภาคใดภาคหนึ่งถือว่าขาดมิสซา
