ในการเสี่ยงที่ดูเหมือนยาก พวกเขาไม่ค่อยตระหนักว่าพระเจ้าจะสงวนสิทธิเพื่อทดสอบจิตใจของประชากรของพระองค์ พระองค์จะใช้มนุษย์คนอื่น ๆ เหตุการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้ สถานการณ์ที่คาดไม่ถึง การแทงทะลุของพระวจนะ และการทำให้สำนึกโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ เพื่อสำแดงว่าพวกเขาได้นำสิ่งที่ได้ยินได้ฟังไปใช้ได้ดีอย่างไร
สิ่งนี้เตือนให้ผมคิดถึงคนขี้บ่นที่บาดเจ็บในพระคัมภีร์จำนวนมาก ผู้ที่ไม่พอใจกับการได้รับค่าจ้างที่เท่ากันในงานที่ไม่เท่ากัน ให้เรามาหยุดพักสักหน่อยและอ่านเรื่องราวอมตะเรื่องนี้และแปลความหมายที่ซ่อนอยู่ด้วยกัน
“ด้วยแผ่นดินสวรรค์อุปมาเหมือนเจ้าของสวนคนหนึ่ง ออกไปจ้างคนทำงานในสวนองุ่นของตนแต่เวลาเช้าตรู่ ครั้นตกลงกับลูกจ้างวันละเดนาริอันแล้ว จึงใช้ให้ไปทำงานในสวนองุ่น
พอเวลาประมาณสามโมงเช้า เจ้าของสวนก็ออกไปอีก เห็นคนอื่นยืนอยู่เปล่า ๆ กลางตลาด จึงพูดกับเขาว่า 'ท่านทั้งหลายจงไปทำงานในสวนองุ่นด้วยเถิด เราจะให้ค่าจ้างแก่พวกท่านตามสมควร' แล้วเขาก็พากันไป
พอเวลาเที่ยงวันและเวลาบ่ายสามโมง เจ้าของสวนก็ออกไปอีกทำเหมือนก่อน ประมาณบ่ายห้าโมงก็ออกไปอีกครั้งหนึ่ง พบอีกพวกหนึ่งยืนอยู่ จึงพูดกับเขาว่า 'พวกท่านยืนอยู่ที่นี่เปล่า ๆ วันยังค่ำทำไม'
เขาตอบว่า 'เพราะไม่มีใครจ้างพวกข้าพเจ้า'
เจ้าของสวนบอกว่า 'ท่านทั้งหลาย จงไปทำงานในสวนองุ่นด้วยเถิด'
ครั้งถึงเวลาพลบค่ำ เจ้าของสวนจึงสั่งเจ้าพนักงานว่า 'จงเรียกคนทำงานมา และให้ค่าจ้างแก่เขา ตั้งแต่คนมาทำงานสุดท้ายจนถึงคนที่มาแรก'
คนที่มาทำงานเวลาประมาณบ่ายห้าโมงนั้น ได้ค่าจ้างคนละหนึ่งเดนาริอัน ส่วนคนที่มาแรกนึกว่าเขาคงจะได้มากกว่านั้น แต่ก็ได้คนละหนึ่งเดนาริอันเหมือนกัน
เมื่อเขารับเงินไปแล้วก็บ่นต่อว่าเจ้าของสวนว่า 'พวกที่มาสุดท้ายได้ทำงานชั่วโมงเดียว และท่านได้ให้ค่าจ้างแก่เขาเท่ากันกับพวกเราที่ทำงานตรากตรำกลางแดดตลอดวัน'”
ในเรื่อง ณ จุดนี้ คุณรู้สึกอย่างไรกับชายที่น่าสงสารที่เริ่มทำงานตั้งแต่ไก่โห่ คุณรู้สึกเสียใจกับพวกเขาไหม คุณคิดว่าพวกเขามีสิทธิถูกต้องที่จะบ่นต่อว่าเจ้าของสวนไหม พวกเขาควรจัดตั้งสหภาพแรงงานและประท้วงไม่ทำงานจนกว่ามาตรฐานที่เที่ยงธรรมจะตั้งขึ้นสำหรับคนงานไหม คุณเชื่อว่าพวกเขากำลังทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ไหม สิทธิของพวกเขาสำคัญไหม
ก่อนที่เราจะตั้งคำถามกันมากเกินไป ให้เรามาค้นหาว่าเจ้าของสวนตอบโต้อย่างไรในสถานการณ์ที่ยุ่งยากนี้ เขากำลังจัดการกับคนขี้บ่นตัวเบ้งที่สุดของพวกที่มาแต่เช้า คุณพร้อมหรือยัง
“ฝ่ายเจ้าของสวนก็ตอบแก่คนหนึ่งในพวกนั้นว่า 'สหายเอ๋ย' เรามิได้โกงท่านเลย ท่านได้ตกลงกันแล้ววันละหนึ่งเดนาริอันมิใช่หรือ รับค่าจ้างของท่านไปเถิด เราพอใจจะให้คนที่มาทำงานหลังที่สุดนั้นเท่ากันกับท่าน เราจะใช้เงินทองของเราตามใจของเราเองไม่ได้หรือ ทำไมท่านอิจฉาเมื่อเห็นเราใจดี'”
ถ้าเราพิจารณากรณีนี้จากทัศนะของตรรกะแห่ง “ความยุติธรรม” เราอาจจะถูกดึงเข้าสู่ความรู้สึกเสียใจไปกับชายที่ทำงานทั้งวัน ในที่สุด มันก็จะไม่เป็นการ “ยุติธรรม” ที่พวกเขาต้องทำงานเกือบทั้งหมด
ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าของสวนก็ทำเป็นทองไม่รู้ร้อนถึงความจริงที่ว่า พวกเขาทำงานในช่วงเวลาที่ร้อนที่สุดของวัน ส่วนคนทำงานอื่น ๆ ทำงานเพียงหนึ่งชั่วโมงในช่วเวลาแดดร่มลมตกแล้ว และพวกเขาก็ยังได้ค่าจ้างเท่ากัน แต่ตอนที่ยากที่สุดที่จะเข้าใจได้ก็คือ เจ้าของสวดดูเหมือนจงใจที่จะจ่ายค่าจ้างให้คนที่มาสุดท้ายก่อน แต่คนที่มาก่อนกลับจ่ายทีหลัง ดูเหมือนว่าจะไม่ “ยุติธรรม!” ใช่ไหม
ขณะที่เรื่องนี้ยากที่จะเข้าใจจากทัศนะของมนุษย์ ให้เรามาเปลี่ยนแว่นตากันและมองฉากทั้งหมดจากจุดยืนในเรื่องความเที่ยงธรรมของพระเจ้า
คำอุปมาเรื่องนี้เกี่ยวกับแผ่นดินสวรรค์ ซึ่งเป็นที่ที่ครอบครองอยู่ด้วยพระคุณและความเที่ยงธรรมของพระเจ้า และอุดมคติแบบมนุษย์ในเรื่องจริยธรรมตามสถานการณ์และตรรกะแห่ง “ความยุติธรรม” กลายเป็นเรื่องแปลกไปโดยสิ้นเชิง
ประเด็นสำคัญของกรณีนี้ก็คือ พระเจ้า ที่แสดงออกในฐานะที่เป็นเจ้าของสวนในคำอุปมานี้
พระองค์มีสิทธิ์ที่จะทำในสิ่งที่พระองค์ต้องการเมื่อพระองค์ทรงต้องการจะทำ พระองค์สามารถมีพระเมตตาอย่างกว้างขวางถ้าพระองค์ทรงปรารถนา แม้ว่าคนบางคนอาจเสียเวลาตลอดชีวิตในการบ่นต่อว่าเรื่องความเมตตาของพระองค์ พระองค์มีสิทธิ์ที่จะแสดงท่าทีที่จะทำให้งานของพระองค์สำเร็จ
พระองค์ทรงใช้สิทธิของพระองค์เพื่อท้าทายคนขี้บ่นที่บาดเจ็บด้วยสถานการณ์ที่ “ไม่ยุติธรรม” ด้วยหวังว่าบางทีพวกเขาจะหยุดบ่นต่อว่าและเริ่มที่จะเติบโต พระองค์ทรงแบ่งทุกสิ่งในแผ่นดินของพระองค์ให้อยู่ในระดับเดียวกัน
หรือจะพูดอีกนัยหนึ่งคือ เมื่อผู้เชื่อทุกคนยืนอยู่ต่อหน้าพระเยซู ทุกคนจะได้รับค่าจ้างเท่ากันนั่นคือ
พระคุณ มันไม่สำคัญว่าใครคนใดคนหนึ่งเป็นมิชชันนารีที่ทุกข์ยากลำบากมาถึงห้าสิบปีในดินแดนที่ห่างไกล หรืออีกคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตอย่างกับโจรผู้ร้ายมาตลอดชีวิตและแล้วก็กลับใจในตอนใกล้จะตาย แต่ละคนจะได้อยู่ในสวรรค์แม้ว่าพวกเขาไม่สมควรจะได้ และไม่สมควรจะได้แม้ว่าเขาพยายามแล้วก็ตาม