เมื่อมีคนให้โกรธแค้น ความโกรธแค้นก็ไม่จางหายไป เพราะมันไม่คิดว่าตัวเองผิดด้วยซ้ำ

ปรับทุกข์ หนุนใจ ขอคำภาวนา
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
Valkyrie Zero Number
โพสต์: 2081
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am

เสาร์ เม.ย. 03, 2010 10:52 am

บอกไปหลายครั้งจนคนในบอร์ดน่าจะพอรู้แล้วว่าพ่อเราเป็นคนเห็นแก่ตัว เอาแต่ได้ สไตล์สายเลือดมังกร(จีน)ขนาดไหน แถมยังหน้าด้านไม่สนพระเจ้า (พวกพุทธจีน) อีก และทำอะไรก็คิดว่าตัวเองถูกเสมอไม่มีผิด หาข้อแก้ตัวกับใช้บารมีความเป็นหัวหน้าครอบครัวกดดันไม่ให้ใครเถียงได้เสมอ พอหยุดเถียงก็ได้ใจ

และนิสัยชั่วร้ายที่สุดก็คือ รายนั้นชอบใช้คำพูดหยาบคาย ทำลายเกียรติคนอื่น ยกตนสูงส่ง และพอมีเรื่องกัน ห่างกันสักพักก็ "บังอาจ" แกล้งทำเป็นลืม ไม่สนใจว่าคำพูดของมันฆ่าคนได้ด้วยซ้ำ และใครเดือดร้อนใจเพราะปากมัน (โดยเฉพาะเรา และเชื่อว่าคนอื่น ๆ ก็มีแน่) มันก็ "หน้าด้าน" ทำเป็นไม่รู้เรื่อง ไม่สนใจ อ้างว่าแค่คำพูด
(และเป็นสาเหตุหนึ่งที่เราเคืองคนพุทธ โดยเฉพาะพุทธไทยพุทธจีน เพราะมันชอบคิดว่าคำพูดเป็นแค่อากาศ ทำให้ไม่ยอมสำนึกผิด และที่หวั่นที่สุดคือ "หากมันอ้างว่าไม่รู้ ถ้าไม่รู้คือไม่ผิด ถ้ามันไม่ต้องรับโทษตรงนี้ในวันพิพากษาล่ะก็ คนที่โดนมันทำร้ายก็เจ็บปวดฟรีสิ")

ที่สำคัญ "ไอ้มังกรเลวคนนี้" มันเคยทำผิดร้ายแรงที่ให้อภัยไม่ได้เด็ดขาด คือ "บังอาจใส่ไฟใส่ร้ายคนที่เรารักที่สุด และทำตัวเป็นเหมือนพระเจ้าซะเองเลยไม่ผิด หาข้ออ้างพยายามให้คนอื่นโดยเฉพาะเราเกลียดคนรักคนนั้นด้วยอีก"

(คดีนี้ดองมาตั้งแต่สมัยเด็กแล้ว จนตอนนี้ก็ยังทำเป็นลืม สั่งห้ามพูดถึงอีกต่างหาก)

ความจริงแล้วอีกคนที่เราแค้น(ที่เคยบอกว่าเป็นคริสตัง ใบ้ให้อีกตอนนี้เลยว่ามัน "เป็นเกย์") ก็เคยก่อวีรกรรม + โชว์เกรียน คล้ายพ่อเรา เหมือนกัน เป็นเหมือนเดจาวูตอกย้ำมาหลายปี

ตอนนี้มีอะไรหลาย ๆ อย่างรวมด้วย แต่ปัจจัยหลักก็มาจากตรงนี้ ทุกวันนี้อยู่คนเดียวทีก็โดนหลอกหลอนด้วยคำพูดและน้ำเสียงเลว ๆ ของพ่อหลอกหลอนอยู่เสมอ ในขณะที่รายนั้นทำตัวสบายใจเฉิบอยู่

(อยากฆ่ามันตั้งนานแล้ว แต่เพราะปัจจัยหลายอย่าง เช่นเรื่องกฎหมายบ้านเมือง กับสายตาคนรอบข้าง + พอฝากการแก้แค้นให้พระเจ้า พระองค์ก็เฉยไม่ยอมให้เกิดอะไรขึ้น จริง ๆ ฝากตั้งหลายทีก็ไม่ยอมทำ ทั้งกับพ่อเรา และไอ้คนเลวอีกคนด้วย)

.........ตอนนี้ความเก็บกดที่สะสมมา 10 กว่าปีแทบจะทนไม่ไหวแล้ว ตัวเราก็นับวันยิ่งมืดมน ยิ่ง Dark ขึ้นเรื่อย ๆ

แต่จะให้เปลี่ยนไปให้อภัยและอธิษฐานเผื่อ ทำแล้วเป็นไง ไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันได้ใจกว่าเดิม

ประกาศข่าวประเสริฐไป ก็โดนหยิบรัศมีดาร์กพุทธข่ม โดนมองว่าเป็นแค่ศาสนา ไม่สนใจว่าเป็นความจริง
(หมายเหตุ- ดาร์กพุทธ=ศัพท์บัญญัติเอง ใช้เรียกพวกพุทธที่ต่อต้านพระเยซูเจ้า หรือทำการใดที่ส่อปฏิปักษ์ ปกติใช้เองคนเดียว เคยคิดเลิกใช้ไปพักหนึ่ง แต่อะไร ๆ หลายอย่างก็คล้ายจะยั่วยุให้กลับมาใช้ แถมจะให้เป็นทางการอีก)

อย่างที่บอก คนอย่างเราพูดไปก็ไม่มีคนฟัง ถูกมองเป็นคำพูดเด็ก (ยอมรับว่าเรานิสัยเด็กก็จริง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคำพูดจะโกหกพกลมแบบพวกผู้ใหญ่เฮงซวยนะว้อยยยยย)

ถึงพวกคนสำคัญที่โดนพาดพิงจะให้อภัยพวกนี้ได้ แต่แล้วไง พวกเขาไม่ได้อะไรกลับไปเลยจากความทรงจำเฮงซวย คนเลวก็ยังลอยนวล

ตอนนี้หัวจะระเบิดแล้ววววว ทำไงดี อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก
อันตน
~@
โพสต์: 4164
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 06, 2005 6:50 pm
ที่อยู่: ภูเก็ต

เสาร์ เม.ย. 03, 2010 11:12 am

ท่านจงเป็นตะเกียงส่องโลก

ผมว่าคุณลองหาตัวเองให้เจอก่อนดีใหม อย่าเพิ่งรั่ว
หาตัวเองให้เจอแล้วค่อยจัดการชีวิต
ลองหาที่เข้าเงียบหรือหาผู้ปรึกษาที่พอจะเปิดเผยตัวเองได้ เพื่อจะได้พบตัวเอง จากนั้นก็จะหาทางแก้ปัญหาได้
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ เสาร์ เม.ย. 03, 2010 11:14 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

อาทิตย์ เม.ย. 04, 2010 1:05 am

ฮบ 12:14
จงพยายามอยู่อย่างสันติกับทุกคน จงมีความศักดิ์สิทธิ์ซึ่งจำเป็นเพื่อจะได้เห็นพระเจ้า  จงระวังอย่าให้มีผู้ใดขาดพระหรรษทานของพระเจ้า และอย่าให้มีรากแห่งความขมขื่นใด ๆ งอกขึ้นมาก่อความวุ่นวายซึ่งอาจจะเป็นพิษแก่คนจำนวนมาก อย่าให้ผู้ใดทำผิดประเวณีหรือดูหมิ่นสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหมือนกับเอซาว ซึ่งขายสิทธิการเป็นบุตรคนแรกของตนเพียงเพื่อแลกกับอาหารมื้อเดียว  ท่านทั้งหลายรู้อยู่แล้วว่า เมื่อเอซาวต้องการได้รับพรจากบิดา เขาก็ถูกปฏิเสธ และไม่อาจเปลี่ยนใจบิดาได้ แม้จะร่ำไห้วอนขอแล้วก็ตาม



ถ้าคุณอยู่กรุงเทพ หรือผมอยู่เชียงใหม่ คงคุยกันได้สะดวกกว่านี้ แต่ ณ ตอนนี้ ถ้าคุณอยู่คริสตจักรไหนหรือวัดไหนก็ตาม ผมจะแนะนำให้เรียนคำสอน หรือเรียนรวีใหม่หมด ตั้งแต่ต้น เริ่มนับหนึ่งใหม่ เข้าใจพระเจ้าจาก 0 โดยมีพี่เลี้ยง หรือครูดูแลอย่างใกล้ชิด ทุกครั้งที่ผมอ่านสิ่งที่คุณโวยวาย เหมือนกำลังอ่านทัศนคติของคนที่มาจากอีกมิติหนึ่งไปเลยที่ไม่ใช่มิติคริสเตียน เวลาพยายามเชื่อมต่ออะไร สักพักก็หลุดไปอีกมิติหนึ่งทุกครั้งไป ถ้าคุณจะทำลายล้างอะไรสักอย่าง เริ่มจากทำลายล้างโลกที่คุณขังตัวเองอยู่ซะก่อน แล้วเข้ามาอยู่โลกใหม่ ที่พระเยซูเป็นศูยน์กลาง ไม่ใช่ความขมขื่นของตัวเองเป็นศูยน์กลาง คุณถึงจะก้าวต่อไปข้างหน้าได้ มิฉะนั้น คุณก็ถูกดูดกลับสู่มิติเดิมทุกครั้งที่เริ่มก้าวเท้า
:+: seraphim :+:
~@
โพสต์: 7624
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
ที่อยู่: Pattaya Chonburi

อาทิตย์ เม.ย. 04, 2010 1:09 pm

เห็นน้องพูดถึงพ่อแล้วน่ากลัวเนอะ มีคนเคยบอกว่า ลูกคือ ภาพพจน์ของพ่อแม่ การที่น้องสื่อออกมาขนาดนี้ เป็นการไม่ให้เกียรติพ่อตัวเองอย่างมาก และในบทบัญญัติได้บอกเราไว้ว่า จงนับถือบิดามารดา ตั้งใจอ่านบทความนี้หน่อยนะ อาจจะยาว แต่อ่านเถอะเผื่อคิดอะไรได้บ้าง จริงๆ เห็นคำพูด และอะไรต่างๆ ของน้องที่แสดงออกจากภาษาที่สื่อออกมาทั้งหลายบทเวปบอร์ดแห่งนี้ พี่ว่า น้องน่าจะเริ่มจากตัวเองก่อน นิ่งๆ สงบๆ น้องรั่วจริงๆ เหมือนที่พี่อันตนว่า บางทีใช้สติให้มากๆ ก่อนโวยวายน่าจะดีที่สุด แต่ก็นั่นแหละพูดไปทำไมมี เฮ้อ.... ::041::


จงเคารพนับถือบิดามารดา

คุณพ่อโรแบต์ กอสเต

พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงบันดาลให้มนุษย์อุบัติขึ้นมาจากความว่างเปล่าด้วยความรักของพระองค์ พระองค์โปรดให้มนุษย์เป็นชาย และหญิง โดยทรงสั่งให้เขาสืบชาติพันธุ์บังเกิดบุตร ดังนั้น พระเป็นเจ้าทรงแบ่งปันพระอานุภาพของการประสาทชีวิต และความรักมนุษย์ คือทรงบันดาลให้มนุษย์เป็นบิดาและมารดาตามแผนการณ์ของพระองค์ ปราศจากบิดามารดาจะไม่มีบุตร และจะไม่มีประชากรของพระเป็นเจ้า เพราะเหตุนี้ ในขณะที่เราไหว้นมัสการพระเป็นเจ้าผู้ทรงบันดาลชีวิต เรายังต้องเคารพนับถือบิดามารดาผู้ร่วมมือกับพระองค์ในการประสาทชีวิตนั้นด้วย


การเคารพนับถือบิดามารดา คือ การให้ความสำคัญแก่บิดามารดา และแสดงความกตัญญูรู้คุณที่ท่านได้ให้ชีวิตและเลี้ยงดูเรา เราเคารพนับถือบิดามารดาด้วยเหตุผล 3 ประการ ดังนี้คือ

1. ในฐานะที่ท่านเป็นมนุษย์ ที่เป็นฉายาลักษณ์ของพระเป็นเจ้า

2. ในฐานะที่ท่านร่วมชีวิตกันเป็นคู่ ซึ่งเป็นฉายาลักษณ์ของพระตรีเอกภาพในสภาพที่ท่านอุทิศความรักแก่กันและกัน

3. ในฐานะที่ท่านร่วมประสาทชีวิต ท่านมีส่วนในสิริมงคลของพระเป็นเจ้าผู้ทรงบันดาลชีวิต

นับถืออย่างไร?

ในที่นี้ คำว่า "เคารพนับถือ" กินความหมายมากกว่าคำว่า "รัก" บุตรนั้นต้องเคารพนับถือบิดามารดา แม้ว่าท่านอาจจะประพฤติไม่สมศักดิ์ศรีที่ท่านเป็นบิดามารดาหรือท่านเป็นผู้ด้อยการศึกษา แต่ท่านก็ได้ประสาทชีวิตบุตร และชีวิตนั้นเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์

บุตรต้องยอมอยู่ในอำนาจของบิดามารดาสักระยะหนึ่งขณะที่ยังเด็กอยู่ แต่อำนาจของบิดามารดาเป็นส่วนแห่งพระปัญญาของพระเป็นเจ้าเพื่อช่วยพัฒนาบุตร อำนาจของบิดามารดาเป็นความรักอย่างหนึ่ง คือเป็นการรับใช้บุตร ที่จริงเป็นหน้าที่มากกว่าที่จะเป็นสิทธิ อำนาจปกครองจะลดลงพร้อมกับการที่บุตรฝึกตัวให้รู้จักใช้อิสรภาพและเติบโตขึ้นเป็นลำดับ

เมื่อการมีอำนาจเป็นการแสดงความรักอย่างหนึ่งแล้ว ความนอบน้อมเชื่อฟังของบุตรต้องเป็นความนอบน้อมเชื่อฟังด้วยความรัก เพราะบุตรย่อมแลเห็นอำนาจของพระเป็นเจ้าในอำนาจของบิดามารดา ความนอบน้อมเชื่อฟังของบุตรมีวันจะหมดไป แต่ความรักจะคงอยู่จนความตายของบิดามารดา หมายความว่า บุตรต้องช่วยบิดามารดา ปฏิบัติต่อท่าน เลี้ยงดูท่าน เยี่ยมเยียนท่านถ้าท่านไม่อยู่บ้านของบุตร สรุปแล้ว บุตรต้องทำให้บิดามารดามีความสุข และปิดบังความบกพร่องหรือความเสื่อมลงของท่านในวัยชรา เราควรระลึกถึงพระวาจาของพระเยซูที่ตรัสเตือนให้เราทำกับคนอื่นอย่างที่เราอยากให้คนอื่นทำแก่เรา โดยเฉพาะเมื่อเราแก่ชราด้วย


อิสรภาพ

บิดามารดาบางท่านแสดงตัวเป็นเผด็จการต่อบุตร ทำให้บุตรกลายเป็นทาส บุตรต้องฝึกตนให้รู้จักใช้อิสรภาพของตน และเจริญล้ำหน้าบิดามารดาของตนด้วยซ้ำ บิดามารดาเป็นตัวแทนของพระเป็นเจ้าสำหรับบุตรของตนก็จริง แต่ท่านควรพิจารณาอยู่เสมอว่าท่านกำลังแสดงภาพพจน์ของพระเป็นเจ้าในลักษณะใด เพราะพระเป็นเจ้าไม่ได้เป็นเผด็จการ บิดามารดาต้องอบรมบุตรให้เขาค่อยๆมีอิสรภาพมากขึ้น บิดามารดามีอำนาจเพื่อรับใช้อิสรภาพของบุตร



http://www.issara.com/lesson/lesson11.html
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

อาทิตย์ เม.ย. 04, 2010 8:57 pm

ได้แต่ภาวนา ปัญหาทุกอย่างแก้ไขได้ ด้วยการภาวนาอย่างจริงจัง ฮะ : xemo028 :
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

จันทร์ เม.ย. 05, 2010 12:37 pm

พี่คนอื่นตอบไปดีมากแล้ว
และขอบอกตามตรงว่า "ตกใจ" มากกับการประจานตัวเองหน้าบอร์ด
ภาพประจำตัวสมาชิก
Valkyrie Zero Number
โพสต์: 2081
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am

จันทร์ เม.ย. 05, 2010 4:55 pm

Batholomew เขียน: พี่คนอื่นตอบไปดีมากแล้ว
และขอบอกตามตรงว่า "ตกใจ" มากกับการประจานตัวเองหน้าบอร์ด
เราก็ไม่ได้หนีไปไหน เข้ามาอ่านอยู่แล้ว

ขอโทษที่ทำให้ตกใจ เราเองก็ยังผวาตัวเองเหมือนกันเลยว่าจะกลายเป็นด้านมืดได้ถึงขนาดนั้น ตอนนี้ก็ยังกลัวตัวเองอยู่เลย ว่าจะแย่ไปได้อีกเท่าไหร่
พระเจ้าสถิตย์กับเราเสมอ
~@
โพสต์: 2546
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm

อังคาร เม.ย. 06, 2010 1:36 am

ผมก็เคยมีอดีตที่ขมขื่นครับ  พอเวลาผ่านไปผมกลับพบว่าเป็นตัวผมเองที่ผูกตัวเองใว้กับเรื่องอดีตทำให้เราเดินก้าวไปในอนาคตได้ยากเพราะตัวเราเองนี่แหละครับมันจะเหนื่อเพาะต้องแแบกเรื่องราวในอดีตใว้

ผมเคยแค้นโกรธกับหลายๆสิ่งหลายๆคนที่เคยทำกับผมใว้ในอดีตเหมือนคุณนะแหละ แต่ผมเลือกที่จะคิดว่ายังไงซะพระเจ้าก็จะคืนความยุติธรรมให้เราเองและนั่นก็คือความจริงครับ    ดังนั้นเรื่องทุกเรื่องนั้นเราไม่ได้โดนครับเคนครับเพราะพระเจ้าจะคืนให้หมดดังนั้นเราไม่ได้เสียหายอะไร  พอนึกอย่างนี้แล้วกลับสงสารเมตตาเค้าเลยครับให้อภัยทุกคนทุกอย่างแล้วชีวิตก็กลับคืนมาเป็นของเราจริงๆแฮปปี้
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

อังคาร เม.ย. 06, 2010 10:08 am

แนะนำว่า ถ้าเป็นคนชอบอ่านหนังสือ
ให้อ่านหนังสือที่พี่ Holy แนะนำ "พระเจ้าไม่ยุติธรรมกับฉัน"
อ่านแบบเปิดใจ แล้วจะรู้ว่า เป็นแผนการของใคร
ภาพประจำตัวสมาชิก
dark-kanita
โพสต์: 317
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 18, 2007 2:37 pm

อาทิตย์ เม.ย. 11, 2010 12:54 pm

: emo036 :ใจเย็นๆนะเจ้  (ยังไงก็พ่อนะเจ้  ใจเย็น  ท่าทำบาปไปละก็แย่แน่ๆ)

เรารู้ว่าท่านเครียสอะ  มันคล้ายๆกันกับเราละนะคะ  บางครั้งการเป็นผู้ถูกปกครอง  แบบไม่มีอิสระภาพ  ถูกกดขี่  ถูกด่ามากๆ  ก็อยากปลดแอกตัวเองนะคะ 

แต่ว่าผู้ที่ให้อิสระภาพเราจริงๆคือพระเจ้านะคะ  ถ้าไม่มีพระ  เราคงฆ่าตัวตายไปนานแล้วเหมือนกัน

ยังไงก็ใจเย็นๆนะคะ    ยิ่งเกลียด  ยิ่งโมโห ก็จะยิ่งถูกพันทนาการ  นะคะ 
ตอบกลับโพส