- ถ้าเป็นรูปร่างที่ชัดเจนตามที่นักบุญแต่ละท่านกล่าวไว้เราทราบได้ว่าเป็นอารักขเทวดา แต่ถ้ามีแค่เสียงหรือความรู้สึกเราจะแยกได้อย่างไรคะว่าเป็นพระจิตหรืออารักขเทวดาที่มาคุ้มครองเรา?
จริงๆแล้วจะเป็นพระจิตหรือทูตสวรรค์ก้มาจากแหล่งเดียวกันคือพระเจ้า โดยปรกติพระเจ้าใช้ทูตสวรรค์ทำงานให้พระองค์ และขณะเดียวกัน ทูตสวรรค์ส่วนมากทำงานอย่างเงียบๆคือไม่ชอบโชว์ตัว เพราะพวกท่านไม่ได้ต้องการความดีความชอบอะไรจากมนุษย์ นอกจากบรรดานักบุญที่มีพระพรพิเศษ หรือมีเหตุผล ดังนั้นเราไม่จำเป็นต้องสนใจมากนักว่านี่คือใครที่ทำงาน เพราะจะใครทำงานก็มาจากพระเจ้าทั้งนั้นครับ
ส่วนตรงนี้บิดตัวอาย >.< ในพระคัมภีร์ก็เขียนไว้อย่าสงสัย ไม่สงสัยนะคะแค่ไม่เข้าใจ
มาระโก 15
25ขณะที่เขาตรึงพระองค์นั้นเป็นเวลาประมาณเก้านาฬิกาd
d แปลตามตัวอักษร "สามโมงเช้า" หมายถึงเวลาระหว่างเก้าโมงเช้าถึงเที่ยง
33เมื่อถึงเวลาเที่ยง ทั่วแผ่นดินก็มืดไปจนกระทั่งถึงเวลาบ่ายสามโมง 34ครั้นถึงเวลาบ่ายสามโมง พระเยซูเจ้าทรงร้องเสียงดังว่า "เอโลอี เอโลอีf ลามา ซาบั๊กทานี" ซึ่งแปลว่า "ข้าแต่พระเจ้า ข้าแต่พระเจ้า ทำไมพระองค์จึงทรงทอดทิ้งข้าพเจ้าเล่า"
- ฉบับที่อ่านตอนแรกคือ สามโมงเช้า เลยเข้าใจว่านี่เป็นเหตุผลที่ให้สวดภาวนาตอนตีสาม กับ บ่ายสามโมง แท้จริงแล้วบทนี้ไม่เกี่ยวกับเวลาในการภาวนาใช่มั้ยคะ? (พอดีบทสวดสายประคำพระเมตตาให้สวดตอนบ่ายสามโมงซึ่งเป็นเวลาสิ้นพระชนม์ด้วยอ่ะค่ะ)
ความจริงเราสวดภาวนาตอนไหนก็ได้ครับ แต่การที่แนะนำให้สวดในเวลาที่สิ้นพระชนม์ก็มาจากการต้องการให้ระลึกถึงการสิ้นพระชนมืเพื่อไถ่บาปเราเป็นพิเศษ
ลูกา 8
31ปีศาจเหล่านั้นพร่ำวอนพระองค์มิให้ทรงสั่งมันให้ลงไปในขุมลึกc
c ใน มก 5:10 ปีศาจได้อ้อนวอนพระเยซูเจ้า "อย่าขับไล่มันออกจากบริเวณนั้น" ใน ลก ปีศาจได้อ้อนวอนพระองค์ไม่ให้สั่งมันให้ลงไปในขุมลึกใต้แผ่นดินอันเป็นที่อยู่ตามปกติและเป็นบ้านที่มันจะต้องอยู่ตลอดไป (วว 9:1,2,11; 11:7; 17:8; 20:1,3)
- การที่ปีศาจเหล่านั้นไม่อยากกลับลงขุมลึกเลือกไปเข้าฝูงสุกรแล้วตาย จะทำให้ปีศาจตายด้วยหรือเปล่าคะ? แล้วปีศาจเหล่านั้นจะมีไปเกิดเผื่อกลับตัวหรือเปล่าคะหรือหากเป็นปีศาจแล้วไม่มีหนทางจะกลับมาหาพระเป็นเจ้าอีก?
ปีศาจนั้นเป็นจิตวิญญาณอยู่แล้วครับ ดังนั้นจิตมันไม่สามารถตายได้ แต่การที่มันอาศัยร่างหมู ตายพร้อมหมู ก็อนุมานได้ว่าจพทำให้มันไปอยู่ที่ ที่ไม่ใช่นรกในทันที แต่จะเป็นอย่างไรนั้น พระคัมภีร์ไม่ได้บอกไว้่ แต่เชื่อว่ามันคงไปที่ที่ไม่แย่เท่านรก
จิตต่างๆสามารถเลือกที่จะเชื่อฟังหรือต่อต้านพระเจ้าได้ตามอำเภอใจที่มี ในความเชื่อคริสตศาสนามีการพิพากษาครั้งสุดท้ายเมื่อสิ้นพิภพ และในเวลานั้นทั้งจิตของมนุษย์และทูตสวรรค์ตลอดจนปีศาจก็จะถูกตัดสินด้วย ดังนั้นก็อาจเป็นได้ว่าวาระสุดท้ายพระเจ้าจะทรงกระทำอะไรอีกมากมายที่เราไม่อาจรู้ครับ
ลูกา 9
30ทันใดนั้น บุรุษสองคนคือโมเสสและประกาศกเอลียาห์gมาสนทนากับพระองค์
- มีหลายครั้งที่ธรรมจารย์เก่าได้ยกอ้างว่าพระเยซูเป็นโมเสสกับเอลียาห์ พอไปอ่านเอลียาห์ก็จะกลับมาเช่นเดียวกันพระเยซู สามารถฟื้นคนตายได้เช่นกันเพราะเหตุนี้พวกเขาจึงไม่เชื่อพระเยซูเป็นพระบุตรเหรอคะ? ในขณะเดียวกันทางอิสลามนับพระเยซูเป็นนะบีเหมือนนะบีท่านอื่น ๆ ก็เพราะเหตุผลนี้ด้วยเหรอคะ? (ข้อนี้ขออภัยที่กลายเป็นการยกเปรียบเทียบกลัวเป็นปัญหาความขัดแย้งจัง)
ไม่ใช่เหตุผลนี้หรอกครับ การที่เขาไม่เชื่อพระเยซู เป้นเพราะเขาวางสเปกของพระผู้ไถ่ไว้เรียบร้อยแล้วว่าจะต้องมาอย่างยิ่งใหญ่เป้นกษัตริย์กู้ชาติ แต่พระเยซูมากู้วิญญาณซึ่งมาอีกแนวนึงเลย ชาวยิวบางคนที่มีเสปกไว้อีกแบบจึงรับไม่ได้
58พระเยซูเจ้าจึงตรัสกับเขาว่า "สุนัขจิ้งจอกยังมีโพรง นกในอากาศยังมีรัง แต่บุตรแห่งมนุษย์ไม่มีที่จะวางศีรษะ"
- สะดุดใจตั้งแต่เจอครั้งแรกแล้วค่ะ บุตรแห่งมนุษย์ไม่มีที่จะวางศีรษะหมายถึงอะไรเหรอคะ?
พระองค์ตรัสในทำนองว่าพระองค์เดินทางร่อนเร่เทศนา มีความยากลำบาก บางคืนนอนกลางดินกินกลางทราย สำนวนไทยว่า ไม่มีที่จะซุกหัวนอน นั่นแหละครับ พระองค์ตรัสให้คนที่จะมาติดตามพระองค์ เตรียมใจไว้ก่อนว่า เป็นคริสต์ไม่ใช่มาสบาย พระองค์ก็ดำรงชีวิตอยู่ในโลกอย่างลำบากเช่นกัน
ลก 10:21-22 ผู้ต่ำต้อยได้รับข่าวดี : พระบิดาและพระบุตร
ลก 10:23-24 สิทธิพิเศษของบรรดาศิษย์
f เปาโลเน้นข้อเท็จจริงที่ว่าพระเจ้าได้ทรงปิดบัง ‘ธรรมล้ำลึก' ไว้เป็นเวลายาวนาน (รม 16:25 เชิงอรรถ l ดู 1 ปต 1:11-12)
- สิ่งที่กล่าวไว้ในสอนบทนี้หมายถึงการที่ได้รับทราบว่าพระเยซูเจ้าเป็นพระบุตรและเป็นผู้ไถ่ให้เรารอดเหรอคะ?
ใช่ครับ
ลก 11:24-25 ปีศาจกลับมา
- หมายถึง ยามที่เราเคยได้รับรู้ถึงพระเป็นเจ้าแล้ว พระเป็นเจ้าเคยช่วยเราแล้วจากสิ่งชั่วร้ายทั้งปวงแล้ว แต่เรากลับปฏิเสธพระองค์ สิ่งชั่วร้ายเหล่านั้นจะกลับในจำนวนที่มากกว่าเดิมร้ายกาจกว่าเดิมเหรอคะ?
ทำนองนั้นครับ พูดง่ายๆก็คืออย่าประมาท เพราะวันข้างหน้า เราอาจตกในบาป หรือตกในการครอบงำของผีปีศาจที่แย่กว่าเดิมได้ เมื่อบ้าน(จิตวิญญาณ)เก็บกวาดสะอาดแล้ว อย่าปล่อยให้มีที่ว่าง แต่ให้เติมเต็มด้วยพระจิตเจ้า เพื่อจะไม่กลับไปตกในสภาพที่แย่อีก
ลูกา 12
6นกกระจอกห้าตัวราคาขายสองบาทมิใช่หรือ แม้กระนั้นไม่มีนกสักตัวเดียวที่พระเจ้าทรงลืม
- หมายถึง นกที่ราคาตัวหนึ่งไม่ถึงบาท (มีมูลค่าน้อยมาก) พระเป็นเจ้าก็ยังจำได้ แต่มนุษย์มีค่ามากกว่านกเสียอีกพระเป็นเจ้าย่อมรู้จักพวกเราเป็นอย่างดีใช่มั้ยคะ?
ใช่ครับ
ลก 13:6-9 อุปมาเรื่องต้นมะเดื่อเทศไร้ผล
b เหตุการณ์เรื่องต้นมะเดื่อเทศถูกสาปให้เหี่ยวเฉาใน มก 11:20-25 อาจทำให้เราคิดว่าพระเยซูเจ้าทรงเคร่งครัด แต่ ลก ใช้อุปมาเรื่องนี้เพื่อแสดงความเพียรอดทนของพระองค์มากกว่า
c "สามปีแล้ว" บางคนคิดว่า วลีนี้เป็นการกล่าวพาดพิงถึงระยะเวลาที่พระเยซูเจ้าทรงเทศนาสั่งสอนตามที่เราทราบจากพระวรสารของยอห์น
- อ่านฉบับมธ. มก. ตอนแรกตัวเองเข้าใจว่าหมายถึงพระเป็นเจ้าทรงฤทธานุภาพที่จะให้สิ่งใดเป็นอย่างไรก็ได้ อ่านรอบสองกลายเป็นเข้าใจว่าต้นมะเดื่อเทศที่ไม่มีผลหมายถึงคนที่พระเยซูพร่ำสอนแต่ก็ไม่ได้เข้าใจความรักของพระองค์เลยสุดท้ายพระองค์จึงต้องพิพากษาคนเหล่านั้น แต่ในฉบับลูกานี้หมายถึงพระองค์จะให้โอกาสคนเหล่าออกไปอีกถามที่มีบ่าวของท่านทูลขอร้องไว้ แบบนี้เข้าใจถูกต้องหรือเปล่าคะ?
จริงๆเรื่องนี้ เป็นคนละเหตุการณ์กัน แต่ยกมาเปรียบเทียบกันครับ คือเรื่องแรกเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในชีวิตของพระเยซู แต่อีกเรื่องเป็นเรื่องที่พระเยซูเล่านิทานเปรียบเทียบ เพื่อสอนคน แต่ที่เขายก2เรื่องนี้มาเทียบกันก็เพื่อจะบอกว่า คนอ่านเรื่องแรกอาจคิดว่าพระองค์ดูดุ เด็ดขาด แต่ให้คิดว่า เรื่องแรกมันคือต้นไม้จริงๆ แต่เรื่องที่2เมื่อเปรียบต้นมะเดื่อเป็นคน จะรู้ว่าที่จริงพระองค์ให้โอกาสและเวลาแก่ทุกคนเสมอ ไม่ใช่จะลงโทษทันทีแบบเห็นคนเป็นผักปลา กล่าวคือพระองค์ปฎิบัติต่อมนุษย์ดีกว่าต้นไม้หรือสัตว์แน่นอน ส่วนในความหมายที่คุณเข้าใจในเรื่องที่2ก็ถูกต้องแล้วครับ พระเจ้ามีพระเมตตาไม่สิ้นสุด แต่เวลาที่จะกลับใจมันมีจำกัดนะครับ การโดนตัดก็เหมือนคนที่หมดโอกาส อาจจะถึงเวลาตาย ยังไม่กลับตัว ตายไปทั้งยังไม่มีผลกรรมดีใดๆก็โดนตัดสินลงโทษครับ นอกจากนี้ยังสะท้อนบทบาทการทรงไถ่ของพระเยซู พระบิดา และมนุษย์เราครับ กล่าวคือพระเยซูเสด็จมาขออภัยโทษเพื่อมนุษย์เราแล้ว ถ้ามนุษย์คนนั้นๆเองไม่ตอบสนองตราบที่ยังมีโอกาส(ออกผล) ถ้าตายไปโดนพิพากษาลงโทษอย่าโทษพระเจ้า ต้องโทษว่าตัวเองได้รับโอกาสและความช่วยเหลือแล้วแต่ไม่ตอบรับปรับปรุงตัวเอง นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำไมเป็นคริสต์ ต้องมาล้างบาป รับเชื่อ และเป็นคริสตชน เพราะถ้าเราอยากได้รับการไถ่จากพระเยซู ซึ่งได้ลงมาไถ่ไว้ก่อนแล้ว เราต้องทำส่วนของเราคือการตอบรับความช่วยเหลือนั้น คือเราเองต้องรับเชื่อล้างบาป กลับตัวกลับใจทำตามที่พระเยซูสอนด้วย