เตือนพี่น้องทุกท่าน โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านข่าวต่างๆ

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ล็อคหัวข้อ
apinun
โพสต์: 2
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ค. 27, 2010 12:25 pm

อังคาร ก.ค. 27, 2010 12:39 pm

โดยเฉพาะข่าวศาสนาพุทธ ในช่วงนี้พี่น้องที่ติดตามข่าวในแวดวงศาสนาในเว็บบอร์ดต่างๆ อาทิ pantip , palungjit และอื่นๆ พี่น้องจะสงเกตุเห็นได้ว่า จะมีข่าวของศาสนาพุทธอยู่บ่อยมากๆในช่วงนี้ เนื้อหาข่าวก็เขียนไปในทางที่ยกยอเชิดชูหรือแสดงความก้าวหน้าของศาสนาในต่างประเทศ ซึ่งเนื้อข่าวนั้นบางอันก็เกินจริงบ้าง บางอันก็ไม่มีความจริงอยู่เลย โดยเท่าที่พบมาจากเว็บต่างๆ พอที่จะรวบรวมได้ดังนี้ ซึ่งข่าวต่อไปนี้เป็นข่าวเท็จที่แต่งขึ้น

1.อัลเบิร์ต ไอสไตน์ กล่าวถึงพระพุทธศาสนาก่อนเสียชีวิต
The religion of the future will be a cosmic religion. It should transcend personal God and avoid dogma and theology. Covering both the natural and the spiritual, it should be based on a religious sense arising from the experience of all things natural and spiritual as a meaningful unity. Buddhism answers this description. If there is any religion that could cope with modern scientific needs it would be Buddhism. (Albert Einstein)

2.ศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่ดีที่สุดในโลก
ข่าวศาสนาพุทธได้รับการคัดเลือกให้เป็นศาสนาที่ดีที่สุดในโลกมาจากเว็บไซด์ต่างประเทศ สามารถค้นคว้าได้จาก google ดูที่ INTERNATIONAL COALITION FOR ADVANCEMENT OF RELIGIOUS AND SPIRITUALITY หรือสื่อสิ่งพิมพ์อื่นๆ

ข่าวนี้ สร้างความอือฮาสนใจแก่ชาวพุทธและคนทั่วไปอย่างมากผู้ติดตามและผู้แปล (สมบัติ ศีลสาร) ได้ปลีกเวลาติตามตามเว็บไซด์ต่างๆ มีมากกว่า 10 เว็ป ลงแต่เรื่องนี้ทั้งในและต่างประเทศ จึงเปิดดูเพื่อหาความจริงหรือแสวงหาความรู้ และความเข้าใจของข่าวที่ปรากฏเพิ่มเติมต่อไป

คุณ LINDA MOULIN (เป็นสตรีชาวแคนาคดา) เป็นผู้รายงานข่าว ศาสนาพุทธได้รับการคัดเลือกเป็นศาสนาที่ดีที่สุดในโลก ในหนังสือรายวันชื่อ TRIBUNE DE GENEVE เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2552 เวลา 16.55 น. คุณ LINDA ปัจจุบันนี้ทำงานอยู่กับบริษัทการเงินและหลักทรัพย์ ชื่อ AFFINITY CREDIY UNION ประเทศแคนนาดาเธอดำรงตำแหน่ง รองผู้อำนวยการอาวุโสด้านการพัฒนาองค์กร จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย SASKATCHEWAN ประเทศแคนนาดา มีประสบการณ์ด้านการเงิน การตลาด การประกันภัย และการสังคมสงเคราะห์ นอกจานี้เธอยังเป็นที่ปรึกษาและโค้ชการอนุเคราะห์เด็กเป็นบุตรบุญธรรม มาเป็นเวลานานกว่า 22 ปี

หนังสือพิมพ์รายวันชื่อ TRIBUNE DE GENEVE เป็นหนังสือพิมพ์รายวัน สำนักงานใหญ่อยู่ในกรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอรแลนด์ ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 1879 ประมาณ 130 ปี จำนวนตีพิมพ์วันละ 67,151 ฉบับ มีคนอ่านประมาณ 175,000 คน และสามารถอ่านได้จากเว็ปไซด์ตลอด 24 ชั่วโมง ลงข่าวศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่ดีที่สุดในโลก เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2552

คุณ HANS GROEHLICHEN ผู้อำนวยการองค์กรชื่อสมาพันธ์นานาชาติเพื่อความก้าวหน้าทางศาสนาและจิตวิญญาณ THE GENEVA – BASED INTERNATIONAL COALITION FOR ADVANCEMENT OF RELIGIOUS AND SPIRITUALITY ( ICARUS ) โดยมีคุณ JONNA HOLT เป็นผู้อำนวยการการวิจัยค้นคว้าเกี่ยวกับงานของโครงการนี้ FREEDOM FROM RELIGION ซึ่งเป็นที่มาของศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่ดีที่สุดในโลก คุณ HANS และคุณ JONNA ทำงานให้กับองค์กรนี้ อยู่ที่เมือง ALAMEDA รัฐ CALIFORNIA ประเทศสหรัฐอเมริกา องค์กร ICARUS นี้ (คุณสมบัติศีลสาร ได้ตรวจสอบติดตามจากเว็บไซด์) เป็นสถานบันที่ทำงานด้วยกันกับอีกองค์กรหนึ่งว่า INTERGRATIVE YOUTH DEVELOPMENT ( IYD ) เป็นสถาบันหรือองค์กรทำงานเพื่อพัฒนาชุมชนและเยาวชน ก่อตั้งเมื่อ 1993 มีความชำนาญ 3 ส่วนหลักดังนี้

• สร้างส่งเสริมสนับสนุนเยาวชนในแต่ละคนอย่างเป็นรูปธรรม และ ประเมินผลได้

• ให้การดูแลและประสานความสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมในโรงเรียน

• ให้การช่วยเหลือดูแลและประสานงานระหว่างโรงเรียนและชุมชน

โดย นายสมบัติ ศีลสาร

23 ตุลาคม 2552



เลือกศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่ดีที่สุดในโลก

จากการรวบรวมสถิติต่างๆประจำปีต่อเรื่องเกี่ยวกับศาสนาที่ได้พัฒนาก้าวหน้าอย่างมากในการก่อให้เกิดความมีมนุษย์สัมพันธ์และสันติภาพ ของสมาพันธ์นานาชาติ เพื่อความก้าวหน้าของศาสนาและจิตวิญญาณที่นครเจนีวา The Geneva- based International – Coalition for the advancement of Religious and Spirituality ( ICARUS ) ได้เลือกที่จะมอบรางวัลพิเศษประจำปีนี้ให้แก่ชุนมชนพุทธศาสนา

คุณ Hans Grochlichen ผู้อำนวยการองค์กร ICARUS กล่าวไว้ในการประชุมทางโทรศัพท์เมื่อวันจันทร์ว่า พวกเรามักนิยมชมชอบศาสนาที่ขับเคลื่อนดำเนินการที่สามารถควบคุมได้ ( an under-the redar approach ) เนื่องจากเราพยายามที่จะยกย่องความพอดีเหมาะสมของเรื่องจิตวิญญาณให้ปรากฏแพร่หลาย แล้วก็ได้พบแล้วในครั้งสำคัญนี้ ด้วยเหตุที่ว่าศาสนาสำคัญๆได้ถูกใช้เป็นเครื่องมือให้เกิดความแตกแยกและปลุกเร้าให้เกิดความชิงชังมากกว่าที่จะทำให้เกิดความร่วมมือ สามัคคีสมัครสมานกัน พวกเราจึงมีความรู้สึกว่า จำเป็นต้องสร้างสิ่งพิเศษที่ไม่เคยมีมาก่อน นั่นคือ รางวัล “ศาสนาที่ดีที่สุดในโลก” ทำให้เกิดปรากฏการณ์ขึ้น เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้นำศาสนาอื่นๆได้เห็นถึงความเป็นไปได้ ที่จะทำให้คนเรามีความเมตตาเห็นอกเห็นใจกัน

คุณ Hans Grochlichen ยังกล่าวว่า รางวัลนี้มีผู้ออกเสียงจากผู้นำศาสนาและจากทุกส่วนต่างๆของผู้มีความเชื่อถือทางจิตวิญญาณมากกว่า 200 ท่านทั่วโลก น่าสนใจอย่างมากที่ไม่ปรากฏมาก่อนเมื่อเราแจ้งเกณฑ์ในการออกเสียง (ให้คะแนน) ผู้นำศาสนาต่างๆ จำนวนมากออกเสียงให้พุทธศาสนามากกว่าศาสนาของตนเอง จริงๆ แล้วเมื่อรวมเทียบกับสมาชิกของเราทั้งหมด พุทธศาสนิกชน เป็นคนกลุ่มน้อย จึงเป็นเรื่องที่ประหลาดและตื่นเต้นอย่างยิ่งที่พุทธศาสนาได้รับการคัดเลือกชนะศาสนาอื่นๆ

เรื่องที่สอบถามในการลงคะแนนคัดเลือกออกเสียง เช่น เรื่อง 1. การส่งเสริมสนับสนุนส่วนบุคคล 2. การส่งเสริมความสงบสุขในชุมชน 3. การเพิ่มพูนความเอื้ออาทรต่อกัน 4. ความรู้สึกที่เป็นมิตรกัน 5. และการกระตุ้นส่งเสริมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ คุณ Hans Grochlichen กล่าวอีกว่า ปัจจัยที่ใหญ่ที่สุดสำหรับพวกเราก็คือ องค์กร ICARUS ได้ก่อตั้งขึ้นโดยประชาชนผู้มีความเชื่อทางจิตวิญญาณและศาสนาที่ต้องการจะนำแนวคิดการไม่ทารุณโหดร้ายเบียดเบียนทำลายกัน ให้เป็นเรื่องหรือสิ่งสำคัญของสังคมชุมชน หนึ่งในคำถามที่สำคัญในขบวนการออกเสียงลงคะแนน ก็คือศาสนาอะไรไม่ใช่ความเบียดเบียนโหดร้ายทารุณรุนแรงอย่างแท้จริง

เมื่อมีการนำเสนอข้อมูลต่างๆ ให้แก่สมาชิกที่ออกเสียงลงคะแนนได้ของสมาพันธ์ ICARUS ก็พบว่าแต่ละศาสนาที่ลงคะแนนเสียงนั้นรวมแล้ว 38 ศาสนา มีการลงคะแนนเสียงอย่างกว้างขวางนำเสนอพื้นเพของตน ปรัชญา และบทบาทของศาสนานั้น ในด้านการปกครองและการสงคราม

JONNA HULT ซึ่งเป็นผู้อำนวยการ Research ของ ICARUS กล่าวว่าไม่เป็นเรื่องน่าประหลาดอะไรเลยสำหรับข้าพเจ้าที่ว่า ศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่ดีที่สุดในโลก เพราะเราพบว่าไม่มีหลักฐานใดๆ สักนิดเดียว กล่าวถึงสงครามการต่อสู้ที่มาจากพุทธศาสนาในทางกลับกัน ศาสนาอื่นๆ แทบทุกศาสนาดูเหมือนว่าจะเก็บปืนไว้ข้างกาย แม้พระเจ้าก็ยังผิดพลาดได้ เราแทบจะไม่ค่อยเจอข่าวว่า มีพระภิกษุสักหนึ่งรูป เคยอยู่ในสงคราม ( a Buddhist that had ever been in an army ) พุทธศาสนิกเหล่านั้นยังปฏิบัติตามสิ่งที่พระสอนตามหลักธรรม ในขอบเขต พวกเราแทบจะไม่ได้พบเห็นเรื่องอย่างนี้กับประเพณีทางจิตวิญญาณอื่นๆ

อย่างน้อยก็มีพระคาทอลิกรูปหนึ่งได้กล่าวถึงศาสนาพุทธ ชื่อบาทหลวง TED O' Shaughnessy จากเมือง Belfast โปรตุเกส ว่ายิ่งข้าพเจ้ารักโบสถ์คาทอลิกมากเท่าไร ก็ยิ่งทำให้ข้าพเจ้าลำบากใจมากเท่านั้นจนไม่มีทางออก เมื่อข้าพเจ้าเทศน์เรื่อง ความรักตามพระคัมภีร์ แล้วก็อ้างถึงความประสงค์ของพระเจ้าเมื่อมีการฆ่ามนุษย์อื่นๆ กัน ด้วยเหตุผลนี้แหละทำให้ข้าพเจ้าเลือกที่จะลงคะแนนให้กับศาสนาพุทธ

และของศาสนาอิสลาม มีผู้สอนศาสนาชื่อ Tal Bin Wassad จากประเทศปากีสถานแสดงความเห็นเดียวกันผ่านล่ามว่า ขณะที่ข้าพเจ้าก็เป็นคนมุสลิมที่เคร่งครัดคนหนึ่ง ก็ได้เห็นมากมายถึงความโหดร้ายทารุณและการนองเลือดที่แสดงออกทางศาสนามากกว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของตนเอง ชาวพุทธทั้งหลายมีวิธีแก้ปัญหา (ไม่มีการปรากฏเช่นนั้น) ( The Badolhists have that figured out ) ท่าน Bin ซึ่งเป็นสมาชิกที่ออกเสียงลงคะแนนของสมาพันธ์ ICARUS เพื่อชุมนุมมุสลิม ในปากิสถานยังกล่าวต่ออีกว่า “ความจริง ข้าพเจ้ามีเพื่อนมากมาย เพื่อนที่ดีที่สุดของข้าพเจ้าบางคนเป็นชาวพุทธ”

คุณ RABBL SHMUEL WASSERSTIEN จาก เยรูซาเลม อิสราเอล กล่าวว่า แน่นอน ข้าพเจ้ารักในศาสนายิวและคิดว่าเป็นศาสนาที่ดีที่สุดในโลก แต่ด้วยความสัจจ์จริงแล้ว ข้าพเจ้าปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐานทุกวัน ก่อนทำการสอนมนต์ตามประเพณียิวตั้งแต่ปี 1993 ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงเข้าใจศาสนาพุทธดี

Grochlichen ผู้อำนวยการ ICARUS กล่าวว่าโครงการนี้ทำขึ้นมาเพื่อเป็นรางวัลแก่ศาสนาพุทธ อย่างไรก็ตามยังมีอุปสรรคอยู่นั้นเอง เมื่อวันอังคาร Grochlichen ได้กล่าวในการติดตามทางโทรศัพท์ “เราไม่สามารถหาผู้ใดที่จะมอบรางวัลนี้ได้เลย พุทธศาสนิกชนที่เราติดต่อไปต่างพูดอย่างเดียวกันว่า เขาเหล่านั้นไม่ต้องการรางวัลอะไร ผู้อำนวยการ Grochlichen ยังอธิบายถึงพฤติกรรมที่แตกต่างออกไปว่า โดยทั่วไปแล้วเขาเหล่านั้นทุกคนต่างพูดว่าศาสนา เป็นประเพณีทางปรัชญาอย่างหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่ศาสนา แต่สิ่งนี้ก็ไม่ได้ทำให้เปลี่ยนแปลงไปจากความจริงที่ว่า พวกเราได้เรียนรู้ถึงปรัชญาในความรับผิดชอบส่วนบุคคล การถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นของพวกเขาเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในโลก และมีความสำคัญมากที่สุดสำหรับทุกคนที่จะต้องเผชิญความท้าทายต่างๆ ในศตวรรษหน้านี้”

เมื่อถามว่าทำไมกลุ่มชาวพุทธในพม่าจึงปฏิเสธที่จะรับรางวัลนี้ พระสงฆ์พุทธชาวพม่า ชื่อ BHANTE GHURATA HANTA กล่าวว่า พวกเรามีความยินดีที่ได้รับทราบถึงรางวัลในครั้งนี้ แต่เราขอมอบรางวัลนี้ให้แก่มนุษยชนทุกคน เพราะว่าธรรมชาติของความเป็นชาวพุทธมีอยู่กับพวกเราทุกคนอยู่แล้ว คุณ Grochlichen ผู้อำนวยการ ICARUS ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า เราจะพยายามตามหาต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะพบชาวพุทธสักคนที่พร้อมจะรับรางวัลนี้ เราก็จะแจ้งให้ทุกคนทราบและดำเนินการต่อไป
apinun
โพสต์: 2
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ค. 27, 2010 12:25 pm

อังคาร ก.ค. 27, 2010 12:59 pm

ส่วนต่อไปนี้เป็นข่าวที่บิดเบือนจากข้อมูลจริงครับ
3.อิตาลียกพระพุทธศาสนาเป็นศาสนา...ประจำชาติ
(ความจริงก็คือ อิตาลีแค่ทำการรับรองสมาคมชาวพุทธในอิตาลีให้มีสถานะเป็นทางการ ซึ่งถ้าไม่ได้รับก็อาจจะถูกมองได้ว่าเป็นลัทธิเถื่อนหรือไม่ถูกต้องตามกฎหมายในอิตาลี)
4.ฮาร์วาร์ดเสนอที่นั่งถาวรให้ มจร.

นั่งตรงไหนฮะ ?

โม้อีกแล้ว !

ความจริงก็คือว่า วันแรกของงานนั้น ท่านทูตดอน ปรมัตถ์วินัย ได้ขึ้นปาฐกถาในนามของเอกอัครราชทูตไทย โดยช่วงหนึ่งนั้นท่านได้ยกเอาเรื่องที่เคยคุยกับทางเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดซึ่งมีชมรมศาสนาอยู่ และดูเหมือนว่าจะขาดตัวแทนจากประเทศไทย ท่านทูตจึงเสนอให้พระสงฆ์ไทย (ไม่จำเพาะแต่มหาจุฬาฯ เพราะพูดในที่ประชุมพระธรรมทูตทั่วโลก มิใช่ประชุมสภา มจร.) ได้พิจารณาหาทางเข้าไปมีบทบาทตรงนี้ เพราะอยากให้พระพุทธศาสนาแบบไทยนั้นมีบทบาทในระดับมหาวิทยาลัยโลก จะได้มีเครดิตคือการยอมรับกับเขาบ้าง ก็เท่านั้น ซึ่งถ้าเข้าไปจริงก็แค่ไปแชร์ประสบการณ์ระหว่างกัน มันมิใช่ตำแหน่งอาจารย์สอนประจำภาควิชา เพราะว่าฮาร์วาร์ดมิได้ขาดแคลนตรงนั้น เขาให้โอกาสเรามากกว่า

พอหลังจากนั้นก็มีการคุยกันนอกรอบ ระหว่าง พระธรรมโกศาจารย์ อธิการบดี มจร. กับท่านทูตดอน ปรมัตวินัย ที่มุมโบสถ์หลังพระประธาน ใช้เวลานานเท่าใดไม่ทราบ แต่วันนี้กลับมีข่าวว่า "ฮาร์วาร์ดเสนอที่นั่งให้ มจร. สอนพุทธศาสนา" นับว่าแปลก หุหุ ตีกินซะเนียนเลย

http://www.alittlebuddha.com/News%20201 ... 02010.html




ส่วนอันนี้เป็นข่าวที่บิดเบือน

"ม.ฮาร์วาร์ด" เสนอที่นั่งให้ "มหาจุฬาฯ" สอนพุทธฯ



เนื่องจากไทยมีวัดที่มากที่สุดในโลกและมีความสามารถด้านพระพุทธศาสนา ขณะที่"พระธรรมโกศาจารย์"เผยเตรียมนำหลักสูตรการเรียนการสอนและค้นคว้าทางวิชาการควบคู่กันไปอีกด้วย....

เมื่อวันที่ 22 ก.ค. พระธรรมโกศาจารย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) เปิดเผยว่า นายดอน ปรมัตถ์วินัย เอกอัครราชทูตไทยประจำสหรัฐอเมริกา ได้แจ้งให้ทราบว่า มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกได้เสนอ Perpetual chair หรือที่นั่งถาวรด้านวิชาการพระพุทธศาสนาให้ประเทศไทยดำเนินการ เนื่องจากไทยมีวัดที่มากที่สุดในโลกและมีความสามารถด้านพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะการศึกษาที่ให้แก่เยาวชนรวมทั้งบทบาทในการเยียวยาความรู้สึกของประชาชน ขณะเดียวกันประชาชนต่างชาติ ก็ให้ความสนใจปรัชญาศาสนาพุทธมากขึ้น

พระธรรมโกศาจารย์ กล่าวว่า ทั้งนี้ เมื่อมีที่นั่งถาวรแล้ว จากนั้นจึงจะจัดหลักสูตรการเรียนการสอนและค้นคว้าทางวิชาการควบคู่กันไป ซึ่งจะสามารถดำเนินการกิจกรรมการเผยแพร่พระพุทธศาสนาในมหาวิทยาลัยหรือนอกมหาวิทยาลัยก็ได้ โดยทำในนามมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ที่จะมีสถานที่ถาวรในการเผยแพร่พระพุทธศาสนาในรูปแบบต่างๆ ได้อย่างมีเกียรติ เพราะศาสนาอื่นๆ มีที่นั่งถาวรในมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดหมดแล้ว แม้ว่าจะมีผู้เชี่ยวชาญด้านพระพุทธศาสนาในมหาวิทยาลัยอยู่ 2 คนก็ตาม

"สหรัฐฯมองว่าไทยเป็นองครักษ์พิทักษ์พระพุทธศาสนาตัวจริงของโลก จะเห็นว่ามีปัญหาเกี่ยวกับพุทธศาสนาเกิดขึ้นที่ไหนในโลก ไทยจะเข้าไปมีส่วนแก้ไขเสมอ การที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดเลือกไทย ทั้งๆ ที่มีตัวเลือกอื่น เช่น ทิเบต เป็นต้น ถือว่าไทยจะมีบทบาทสูงขึ้นในเวทีโลก" พระธรรมโกศาจารย์กล่าวและว่า มจร.จะรับข้อเสนอไปดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ข้า-พระ-เจ้า
โพสต์: 407
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 28, 2010 12:03 am

อังคาร ก.ค. 27, 2010 3:04 pm

แล้วยังไงอะ
taiyo
โพสต์: 658
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ เม.ย. 22, 2006 12:01 am

อังคาร ก.ค. 27, 2010 3:29 pm

รู้กันนานแล้วครับ (เรื่องอิตาลีดูแล้วเหมือนคำตอบของผมใน pantip เลย)
littleseal
โพสต์: 1029
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ มิ.ย. 13, 2010 9:53 pm

อังคาร ก.ค. 27, 2010 6:52 pm

คนอื่น ๆ จะพูดอย่างไรก็ตามเราไม่สนใจเลย

ตอนที่เราได้รู้จัก "ความรัก" จากพระเป็นเจ้า
จากพระเยซูคริสต์ จากพระแม่มารีย์ เราก็รู้ ณ วินาทีนั้นว่า
นี่คือ "ความรัก" ที่เราค้นหามาตลอดทั้งชีวิต
nerine
โพสต์: 153
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ พ.ค. 09, 2010 4:54 pm

อังคาร ก.ค. 27, 2010 7:13 pm

+10 ให้คุณ littleseal ค่ะ
Cho
โพสต์: 744
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ เม.ย. 15, 2005 6:27 pm
ที่อยู่: Rayong

อังคาร ก.ค. 27, 2010 8:04 pm

littleseal เขียน:คนอื่น ๆ จะพูดอย่างไรก็ตามเราไม่สนใจเลย

ตอนที่เราได้รู้จัก "ความรัก" จากพระเป็นเจ้า
จากพระเยซูคริสต์ จากพระแม่มารีย์ เราก็รู้ ณ วินาทีนั้นว่า
นี่คือ "ความรัก" ที่เราค้นหามาตลอดทั้งชีวิต
เยี่ยมมากครับ ถูกต้องเลยครับ :s007: ใครจะว่าอย่างไรก็ช่างเขา

จะมีใครอื่นอีก ที่ยอมรับทรมานและตายบนไม้กางเขนเพื่อเรา

ใครรักเราเท่าพระองค์ไม่มีอีกแล้ว
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

อังคาร ก.ค. 27, 2010 8:40 pm

ขอบคุณฮะที่เตือน เราที่รู้จักความรักของพระเยซูเจ้า อยู่ใต้ร่มพระคุณของพระองค์แล้ว

จึงรู้ว่า พระเจ้าคือความรัก รักเราจนถึงที่สุดโดยชีวิตของพระบุตร :s002:
ภาพประจำตัวสมาชิก
Valkyrie Zero Number
โพสต์: 2081
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am

พุธ ก.ค. 28, 2010 1:28 am

แค่ได้ยินว่าจัดอันดับศาสนาที่ดีที่สุดในโลก ก็น่าจะทำให้เกิดความขัดแย้งมากกว่าแล้วล่ะ

แล้วก็ พระสงฆ์พุทธ หรือชาวพุทธไม่เคยทำสงครามหรืออยู่ในสงครามเหรอ

จากในนี้
http://www.all-final.com/forum/index.php?showtopic=7052
(ตอนเอาลงดันเข้าไม่ได้ แต่คิดว่าอีกเดี๋ยวไม่นานคงจะเข้าได้ละ)
พวกพระนักรบพวกนี้ ถ้าจะบอกว่าสู้เพื่อปกป้องชาวบ้าน ถ้างั้น Templar ก็ไม่ต่างกันน่ะสิ ไม่ลองเขียนนิยายว่าโนบุนางะอยากได้สมบัติที่พระนักรบพวกนี้ซ่อนไว้บ้างล่ะ?

แล้วก็ ไม่เคยข่มเหงใครเหรอ
วันศุกร์ที่ 17 เมษายน 2009

ม็อบชาวพุทธถล่มคริสตจักรในศรีลังกา

ศิษยาภิบาลถูกข่มขู่ด้วยความตาย และบุกปล้นวิหารเมโธดิสต์ ท่ามกลางสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์

โดย Jeremy Reynalds ผู้สื่อข่าว(ASSIST News Service) หน่วยข่าวช่วยเหลือ

โคลัมโบ, ศรีลังกา (ANS) - ม็อบชาวพุทธทำลายโบสถ์ในศรีลังกาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
ขู่ฆ่าศิษยาภิบาลในตอนใต้ของHambanthota และบุกปล้นโบสถ์เมโธดิสต์ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง

ในวันที่ 8 เมษายน ตามรายงานของ Compass Direct News ชาวพุทธหัวรุนแรง4คน
ได้เข้ามาใกล้บ้านของศิษยาภิบาล Pradeep Kumara ใน Weeraketiya, Hambanthota โทรบอกให้เขาออกมาและขู่ฆ่าเขา
ศิษยาภิบาลกล่าวว่า มีเพียงภรรยาของเขาอยู่ที่บ้านคนเดียวกับเด็กอีกสองคน เธอได้โทรบอกเขาทันที แต่เมื่อเขามาถึง คนเหล่านั้นก็ไปแล้ว
ครึ่ง ชั่วโมงให้หลัง Kumar กล่าวว่าผู้นำของกลุ่มโทรติดต่อมาอีกครั้งเพื่อข่มขู่ฆ่าเขาหากเขาไม่ได้ออก จากหมู่บ้านไปภายในเช้าที่กำลังจะมาถึง
หลังจากนั้น ผู้นำกลุ่มกลับมาที่บ้านและสั่งให้บาทหลวงออกไป พร้อมตะคอกว่า
"ฉันไม่ได้นำปืนมาคืนนี้ เพราะถ้าฉันนำมา ฉันใช้มันแน่!"

"เด็กๆหวาดกลัว" Kumara บอก Compass
"ผมพยายามพูดคุยกับเขาด้วยเหตุผลให้เขาไป แต่เขาก็ยังคงกระแทกประตูและก่อกวนเรา"
ไม่นานนักตำรวจก็มาและจับผู้นำกลุ่มไป แต่ก็ปล่อยเขาในวันต่อมา

Compass รายงานต่อไปว่า กลุ่มผู้จู่โจมยังระดมให้พระภิกษุและชาวบ้านร่วมลงนามขับไล่โบสถ์ด้วย Kumar กล่าว
กลุ่มผู้ประท้วงเตือนศิษยาภิบาลว่าจะทำลายบ้านหากเขาไม่อพยพครอบครัวออกไปภายในสิ้นเดือน

ด้วย กลัวความรุนแรง ตามCompassรายงาน Kumaraบอกว่า เขายกเลิกศาสนบริการในวันศุกร์ประเสริฐและวันอาทิตย์อีสเตอร์และ นำเด็กไปไว้ในที่ปลอดภัย

โบสถ์เมโธดิสต์ถูกปล้น

ก่อน หน้านั้น ในวันที่ 5 เมษายน ก็มีกลุ่มคนได้บุกถล่มคริสตจักรเมโธดิสต์ Pepiliyana ซึ่งมีอายุ150 ปี คริสตจักรในโคลัมโบหลังการประชุมวางแผนงานอีสเตอร์
Compass กล่าวว่า พวกเขาเข้ามาทางประตูหลังและหน้าต่างช่วงค่ำ มีพยานกล่าวว่าพวกเขาเห็นพวกเขาขนของไปใส่รถตู้สีขาวที่จอดไว้นอกโบสถ์ใน เช้าวันต่อมา
"พวกเขาเอาไปทุกอย่าง ทั้งเครื่องดนตรีราคาแพง, คอมพิวเตอร์, พระคัมภีร์, หนังสือเพลงและบันทึกทั้งหมดของโบสถ์" Rev. Surangika Fernando กล่าว
“เท่าที่ทราบโบสถ์ไม่มีศัตรูและยังสัมพันธ ภาพที่ดีกับชาวบ้านอีกด้วย” Rev. Fernando บอกกับ Compass ทั้งยังเสนอว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นมากกกว่าการปล้นธรรมดา

"โต๊ะของผมถูกกวาดเกลี้ยง" เขากล่าว
"พวกเขาเอาเอกสารสำคัญไป รายละเอียดเกี่ยวกับศาสนบริกร เช่นบันทึกพิธีบัพติศมาและพิธีสมรส ที่ไม่มีค่าควรขโมย
” พวกเขาเอากระทั่งสิ่งที่ผมทิ้งไว้ในตระกร้าทิ้งกระดาษ "

Compass กล่าวตำรวจท้องที่เห็นด้วยว่าการปล้นครั้งนี้มีแรงจูงใจที่ผิดปกติและการที่ จอดรถตรงข้ามที่เกิดเหตุก็แสดงว่าผู้ต้องหาต้องเป็นคนที่คุ้นกับสถานที่
การสอบสวนดำเนินไปในเวลาที่กดดัน

ล่าสุด ม็อบต่อต้านคริสเตียน ใน Vakarai เขต Batticaloaตะวันออก ข่มขู่การรวมตัวของสมาชิกคริสตจักรต่างๆระหว่างสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์
"เรา ทำอะไรได้บ้าง" ศิษยาภิบาล Kanagalingam Muraleetharan บอกCompass"ทางการและตำรวจกล่าวเรามีสิทธิที่จะนมัสการ แต่ในความจริงคือการถูกข่มขู่"
Compass กล่าวว่าว่าเทศกาลอีสเตอร์เป็นช่วงเวลาแห่งการจู่โจมคริสตจักรและคริสตชนใน หลายปีที่ผ่านมา ผู้คนเหล่านี้ถูกยุยงโดยพระภิกษุหลายรูปที่ดูหมิ่นการเติบโตของคริสตศาสนาใน ประเทศ
Compass รายงานว่าสมาชิกในรัฐสภาของศรีลังกากำลังจะออกกฎหมายห้ามการเปลี่ยนศาสนา

องค์กร สิทธิมนุษยชนและกลุ่มคริสเตียนต่างๆได้วิจารณ์ว่า หากกฎหมายนี้ผ่าน การใช้คำที่ไม่ชัดเจนของกฎหมายนี้ อาจจะนำไปสู่การใช้ที่ผิดในการต่อต้านกิจกรรมทางศาสนา
ร่าง "การคุ้มครองการเปลี่ยนศาสนาโดยบีบบังคับ" ถูกเสนอต่อคณะกรรมการกระทรวงศาสนาเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ในการพิจารณาเพิ่มเติม ก่อนที่จะถูกอ่านเป็นครั้งสุดท้าย และประชามติ
Compass กล่าวว่าตามสำมะโนครัวประชากรล่าสุด, คริสต์นิกายโปรเตสแตนต์มีจำนวนน้อยกว่า1%ของจำนวนประชากรทั้งหมดในศรีลังกา แต่พวกเขาด็ยังคงเป็นเป้าหมายของการใช้ความรุนแรงและข่มขู่ทางศาสนา

ที่มา http://www.assistnews.net/Stories/2009/s09040096.htm
นี่แค่ตัวอย่างเดียวนะ

อยากจะฝากบอกพวกคนเขียนบทความจอมปลอมพวกนั้นทั้งหลายจังว่า

อภัยให้น่ะอาจจะได้อยู่ แต่อย่างน้อยอยากฟังคำขอโทษขอโพยระดับชาติระดับโลกก่อนแล้วจะพิจารณาให้

[เข้าสู่ร่างมืด]
ไม่งั้น ก็ขอพระเจ้าทรงประทานความเมตตา เพราะชั้น.....ไม่มี

[Yes, I have a blade. But I've never lies like those who said they haven't]
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

พุธ ก.ค. 28, 2010 4:23 am

จริงๆถ้าจะเอาเรื่องศาสนาพุทธเข้าสงครามให้ดูจากประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น มีพาดพิงในเรื่อง ฮิโนโทริเล่ม14-16

รูปภาพ

รูปภาพ
Sohei Monk หรือพระนักรบของญี่ปุ่น

รูปภาพ

About this book
From the 10th to the mid-17th century, religious organisations played an important part in the social, political and military life in Japan. Known as sohei ('monk warriors') or yamabushi ('mountain warriors'), the warrior monks were anything but peaceful and meditative, and were a formidable enemy, armed with their distinctive, long-bladed naginata. The fortified cathedrals of the Ikko-ikki rivalled Samurai castles, and withstood long sieges. This title follows the daily life, training, motivation and combat experiences of the warrior monks from their first mention in AD 949 through to their suppression by the Shogunate in the years following the Sengoku-jidai period.
http://www.ospreypublishing.com/store/J ... 841765730/


ส่วนที่เมืองจีนก็มีวัดเส้าหลิน ปัจจุบันเป็นพระนักแสดงกันหมดแล้ว

รูปภาพ


ในเกาหลีเองก็มีประวัติศาสตร์พระออกรบ

รูปภาพ


ถ้าจะดูปัจจุบันหน่อยก็ดูที่ สีหลังคา ครับ

รูปภาพ

รูปภาพ
Onward, Buddhist soldiers?
http://www.lankalibrary.com/phpBB/viewt ... &view=next


ส่วนเมืองไทยมีการเข่นฆ่าคนศาสนาอื่นที่ไม่ยอมเปลี่ยนไปนับถือพุทธโดยดูได้จากเหตุการณ์เบียดเบียนศาสนาช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่2 ซึ่งเมืองไทยเราก็มีบุญราศีจากเรื่องนี้8ท่าน

ดังนั้นถ้าตัดสินว่าศาสนาพุทธดีเพราะเรื่องไม่เคยเกี่ยวสงคราม หรือบอกว่าไม่เคยมีการเข่นฆ่าทำลายล้างเพราะเหตุผลเรื่อง ศาสนาพุทธ ไปเกี่ยวข้อง ก็คงเป็นแค่การตัดสินที่ขาดข้อมูล ซึ่งเป็นมายาคติในชาวพุทธประเทศไทยประเทศเดียว เพราะส่วนมากจะไม่เรียนหรือสอนประวัติศาสตร์ในด้านลบใดๆต่อประเทศและศาสนาตัวเอง
francisco xavier
โพสต์: 300
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 19, 2007 11:40 am

อังคาร ส.ค. 03, 2010 10:48 am

พุทธที่แท้อยู่ที่ใจ ไม่ได้อยู่ที่ปากที่บอกว่าเป็นชาวพุทธ
พูทธแท้ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับสงคราม แต่ทำสงครามภายในตัว เพื่อทำลายอัตตาให้หมดไป
เช่นกัน คริสตชนแท้อยู่ที่ใจ ไม่ได้อยู่ที่ปากที่บอกว่าเป็น คริสตชน
คริสตชนแท้ย่อมนำสันติสุขสู่โลก แต่กระทำสงครามในตัวเอง เพื่อกำจัดตัวตนเหลือไว้เพียงพระคริสตเจ้า
ที่เกิดสงครามไม่ใช่เพราะศาสนา แต่เพราะคนที่ไม่เข้าใจศาสนานำศาสนามาอ้างเพื่อให้เกิดความชอบธรรมในการที่จะรุกรานผู้อื่น

แต่ผมว่า ชุดพระนักรบของญี่ปุ่นสวยดีอ่ะ ชอบ...เท่ห์ดี
ล็อคหัวข้อ