ตำนานการเกิดของกะเหรี่ยง
เล่าต่อ ๆ กันมาว่า สมัยก่อนมีนางฟ้า มีสวรรค์ ครั้งหนึ่งดินที่โลกอบอวลหอมฟุ้ง นางฟ้าได้กลิ่นทนไม่ไหวลงมากินดินที่โลกมนุษย์ กินแล้วฤทธิ์เสื่อมบินกลับสวรรค์ไม่ได้ ต่อมาท้องเกิดลูก 7 คน กะเหรี่ยงเป็นพี่ชายคนโต น้อง ๆ มี เจ๊ก ฝรั่ง มอญ ฯลฯ กะเหรี่ยงเป็นคนซื่อ ขยัน ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม ผิดกับฝรั่งผู้น้อง วันหนึ่งแม่ให้หนังสือ กะเหรี่ยงมัวแต่ดายหญ้าไม่ได้ไปเอา น้อง ๆ หยิบเอามาให้ก็ให้วางไว้บนตอไม้ ตนเองดายหญ้าเพลินจนเย็นก็กลับบ้านลืมหยิบหนังสือมาด้วย เจ๊กผู้น้องมาเห็นในวันหลังจึงเอาไป หนังสือเสียสภาพถูกสัตว์แทะ แดดฝนไปมาก แต่ก็ทำให้จีนมีความรู้ กะเหรี่ยงยังโง่อยู่เช่นเดิม(1)
กะเหรี่ยงในพม่าและในไทยมีตำนานเล่าคล้ายๆ กันว่า กะเหรี่ยงเป็นผู้ที่มีอายุมากที่สุดในพี่น้อง 7 คน วันหนึ่งเมื่อพ่อเจ้า (Father-God) ใกล้จะตาย ได้เรียกลูกทั้งหลายเข้าไปใกล้เตียงนอนเพื่อมอบคัมภีร์ให้ พี่น้องมากัน 6 คน คนโตที่สุดคือกะเหรี่ยงไม่ได้มา เพราะมัวยุ่งกับงานคือถางหญ้าในไร่ เมื่อพี่น้อง 6 คน มาถึงพ่อเจ้าก็ตายและมอบคัมภีร์ไว้ โดยมอบให้ลูกคนเล็กเก็บรักษาและนำไปให้พี่ชายคนโต ลูกชายคนเล็กสุดเห็นว่าคัมภีร์มีค่ามากและสามารถรู้เหตุการณ์เบื้องหน้าได้ จึงอยากได้ไว้เป็นของตน จึงลอกคัมภีร์อีก 1 ชุด ทำด้วยหนังสัตว์ ส่วนของพี่ชายคนโตที่เขาเก็บต้นฉบับไว้เป็นแผ่นทำด้วยทองคำ เขาบอกให้พี่ชายรับคัมภีร์ไป แต่พี่ชายมัวยุ่งกับการถางหญ้าเลยบอกให้น้องชายวางคัมภีร์โดยแขวนไว้บนกิ่งไม้ น้องชายคนสุดท้องจึงวางคัมภีร์โดยแขวนไว้บนกิ่งไม้ดังพี่ชายสั่ง และเขาก็กลับไปด้วยความดีใจ
ในตลอดฤดูฝนพี่ชายคนโตก็ลืมคัมภีร์คงทิ้งแขวนไว้บนต้นไม้ จนกระทั่งสิ้นสุดฤดูฝนจึงจำได้ว่าเขาทิ้งให้คัมภีร์แขวนไว้บนต้นไม้จึงรีบไปดูคัมภีร์ที่ต้นไม้แต่คัมภีร์แผ่นหนังสัตว์นั้นอักษรบนคัมภีร์ชำรุดหมดแล้ว เพราะพวกนกได้ลากทึ้งลงสู่พื้นล่างและถูกสุนัขกัดจนเละ เขาโกรธแต่ไม่รู้จะทำอย่างไรจึงโค่นต้นไม้นำมาเผาเป็นถ่าน ชาวกะเหรี่ยงเชื่อว่าพวกเขาได้รับพรสวรรค์ในการทำนายอนาคต เขาจึงใช้การอ่านจากรอยข่วนในถ่าน พบว่าการทำนายเหตุการณ์ในอนาคตบางส่วนถูกต้อง ดังนั้นเขาจึงเชื่อมั่นว่าการอ่านของเขามีเหตุผลอย่างถูกต้องถ้าเขาใช้กระดูกไก่ เพราะรอยเขี่ยของไก่คล้ายรอยข่วนในถ่าน และตัวอักษรที่เห็นในคัมภีร์ก่อนเผาก็คล้ายรอยเขี่ยของไก่ หลังจากนั้นเขาก็เริ่มฆ่าไก่เพื่อเอากระดูกไก่มาทำนายอนาคต(2) การปฏิบัติเช่นนี้ยังคงเป็นของชนชาติกะเหรี่ยงทุกวันนี้
(3)
มีเรื่องเล่าปรัมปราของกะเหรี่ยงแสดงสาเหตุที่กะเหรี่ยงไม่มีตัวหนังสือ เป็นเพราะเมื่อพระเจ้านำหนังสือมาให้มนุษยชาตินั้น กะเหรี่ยงซึ่งเป็นพี่คนโตมัวแต่วุ่นทำงานในไร่ พระเจ้าจึงวางหนังสือไว้ให้บนตอไม้ ไก่ไปคุ้ยเขี่ยหนังสือนั้นเสียหายหมด ส่วนคนเผ่าอื่นซึ่งเป็นน้องรอง ๆ ลงไปได้รับหนังสือทุกคนมากบ้างน้อยบ้าง แต่น้องผิวขาว (ฝรั่ง) ซึ่งเป็นน้องคนสุดท้องไม่ต้องทำงานนั้น ได้รับหนังสืออย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย มีเรื่องเล่าต่อไปว่า ในสมัยหลังน้องจะกลับมาช่วยพี่โดยนำหนังสือเงินหนังสือทองมาให้ มิชชันนารีได้ฟังนิยายปรัมปรานี้ก็เลยต่อเรื่องให้ว่า ฝรั่งผิวขาวนี่แหละคือน้องสุดท้องที่จะมาช่วยและหนังสือเงินที่ว่านั้นก็คือหนังสือรวบรวมเพลงสวด หนังสือทองก็คือพระคัมภีร์ไบเบิล(4) มีนิทานตำนานมากมายที่กล่าวถึงกะเหรี่ยงพี่ชายคนโตว่าเป็นคนขยัน ซื่อ และโง่ ผิดกับน้องคนสุดท้องคือฝรั่งซึ่งฉลาดและเอาเปรียบกะเหรี่ยงอยู่ตลอด
จากนิทานและตำนานของกะเหรี่ยงหลายๆตำนาน พอจะสรุปได้ว่าน้องคนเล็กคือฝรั่งนั้นเอง
ผมก็เลยแสดงความคิดเห็นไปว่า
ส่วนที่มิชชันนารีสรุปว่า คัมภีร์นั้นเป็นเพลงสวดและไบเบิลไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะตำนานของกะเหรี่ยงหลายๆตำนานก็พอจะสรุปได้ว่า น้องคนเล็กคือฝรั่ง และบวกกับฝรั่งเดินทางเข้ามาเผยแพร่ศาสนาคริสต์พร้อมกับนำพระคัมภีร์ไบเบิลมาด้วย ก็ไม่แปลกอะไรที่จะคิดว่าเป็นพระคัมภีร์ไบเบิล มันคงจะเป็นพระไตรปิฎกไปไม่ได้หรอก
พอถึงจุดนี้เขาก็เถียงไม่ออก เพราะตอนแรกสงสัยเขาคิดว่าข้อมูลที่คนอื่นนำมาลงมั่วแต่งเอง เนื่องจากคนที่นำมาลงไม่ได้แสดงที่มาของข้อมูล พอผมไปหาและก็เจอเข้าจริงๆและดันเป็นเว็บของกะเหรี่ยงเองด้วยเสียด้วย
http://www.karencenter.com/showdet-know ... pe=a1&id=2
ก็เริ่มที่จะแถหนี และก็หาเรื่องต่อว่า เพราะฝรั่งกะเหรี่ยงถึงได้ติดยา(กลุ่มมาเฟียเริ่มใช้อารมณ์และก็มั่ว) ผมก็เลยไปหาข้อมูลมาโต้กับพวกเขาว่า กะเหรี่ยงใช้ยาเสพติดบางชนิดเพื่อรักษาโรคตามนี้
6. เศรษฐกิจ
เศรษฐกิจของกะเหรี่ยงในอดีตอยู่ในสภาพที่เรียก “เพื่อยังชีพ” ซึ่งหมายถึงการทำมาหากินเพื่อบริโภคเท่านั้น ได้แก่ การปลูกข้าวไร่เป็นหลัก และการทำนาขั้นบันไดตามหุบเขา โดยไม่มีการปลูกพืชเงินสดแต่อย่างใด กะเหรี่ยงไม่เคยปลูกฝิ่นแต่เป็นผู้เสพฝิ่นกันมาก ทั้งนี้เพราะกะเหรี่ยงนิยมใช้ฝิ่นดิบและสุกมาใช้เป็นยารักษาโรคตร่าง ๆ และบำบัดความเจ็บปวด เนื่องจากได้รับอุบัติ เหตุ
http://www.igetweb.com/www/doidharma/in ... art=488829
และก็บอกกับเขาไปว่า กะเหรี่ยงติดยาแล้วมันเกี่ยวอะไรกับฝรั่ง ตัวเองทำตัวเองไม่ดีเองแล้วไปโทษคนอื่น อย่างนี้เรียกว่า รำไม่ดีโทษปี่โทษกลอง และบอกพวกเขาว่าอย่าพาล
สุดท้ายก็หายหน้าหายตาไปเลย เพิ่งจะรู้ว่ามีการจะรุมสรัมผมในกระทู้นั้นก็ตอนที่พวกเขาทะเลาะกันเองแล้วก็เลยแฉกันเอง แถมยังมีการส่งกำลังใจให้พวกเดียวกัน ถึงแม้จะแพ้ก็ตามหลังไมค์ที่แสดงไว้ในกระทู้แฉในคคห. 62 ที่คุณ hollowpig เขียน