อยากทราบเรื่องชีวิตหลังความตายในทัศนะคาทอลิกครับ
-
- โพสต์: 286
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ต.ค. 27, 2010 8:03 pm
- ที่อยู่: ถ.ราชปรารภ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กทม.
วันและเวลาขององค์พระผู้เป็นเจ้าก็ใกล้เข้ามาทุกทีๆแล้ว เตรียมตัวกันไปถึงไหนแล้วครับ^^
ขอเข้าเรื่องเลยก็แล้วกันนะครับ^^
ก่อนอื่นผมต้องออกตัวก่อนว่าผมเป็นคริสเตียน ไม่ได้เป็นคาทอลิก
แต่ก็เคยเรียนโรงเรียนคาทอลิกในเครืออัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯมาเกือบ 10 ปี เลยพอจะเคยได้ยินเรื่องทัศนคติของคาทอลิกมาเกี่ยวกับเรื่องชีวิตหลังความตาย เหตุการณ์ต่างๆหลังความตาย บ้างอย่างไม่ละเอียด
แต่เท่าที่พอทราบมาเห็นว่าทัศนะความเชื่อของคริสตังในเรื่องนี้ มีบางส่วนไม่เหมือนกับทัศนะความเชื่อของคริสเตียน(เช่นเรื่องไฟชำระ เรื่องสวรรค์ .....ฯลฯ)
เลยอยากจะทราบข้อมูลในเรื่องนี้ และรวมถึงเหตุการณ์ต่างๆแห่งยุคสุดปลายหลังการเสด็จมาอีกครั้งของพระคริสต์ (ถ้าละเอียดๆได้ จะดีมากเลยครับ)ขอบพระคุณล่วงหน้าครับ
ปล.ผมกลัวว่าจะมีการเข้าใจผิดกัน ต้องบอกกันก่อนว่า ผมไม่มีเจตนาจะถามเพื่อมาเปรียบเทียบจับผิด กล่าวโทษ.....ฯลฯ เจตนาของผมเพียงแต่ต้องการทราบไว้เป็นความรู้ (จะได้ไม่เกิดเป็นกรณีคริสเตียนเข้าใจคริสตังผิดอีก^^) และที่สำคัญ ได้แชร์ในสิ่งที่พระเจ้าทรงเปิดเผยแก่เราเท่านั้น
ขอพระผู้เป็นเจ้าทรงอวยพระพรพี่น้องที่รักในพระคริสต์ อิมมานูเอล
ขอเข้าเรื่องเลยก็แล้วกันนะครับ^^
ก่อนอื่นผมต้องออกตัวก่อนว่าผมเป็นคริสเตียน ไม่ได้เป็นคาทอลิก
แต่ก็เคยเรียนโรงเรียนคาทอลิกในเครืออัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯมาเกือบ 10 ปี เลยพอจะเคยได้ยินเรื่องทัศนคติของคาทอลิกมาเกี่ยวกับเรื่องชีวิตหลังความตาย เหตุการณ์ต่างๆหลังความตาย บ้างอย่างไม่ละเอียด
แต่เท่าที่พอทราบมาเห็นว่าทัศนะความเชื่อของคริสตังในเรื่องนี้ มีบางส่วนไม่เหมือนกับทัศนะความเชื่อของคริสเตียน(เช่นเรื่องไฟชำระ เรื่องสวรรค์ .....ฯลฯ)
เลยอยากจะทราบข้อมูลในเรื่องนี้ และรวมถึงเหตุการณ์ต่างๆแห่งยุคสุดปลายหลังการเสด็จมาอีกครั้งของพระคริสต์ (ถ้าละเอียดๆได้ จะดีมากเลยครับ)ขอบพระคุณล่วงหน้าครับ
ปล.ผมกลัวว่าจะมีการเข้าใจผิดกัน ต้องบอกกันก่อนว่า ผมไม่มีเจตนาจะถามเพื่อมาเปรียบเทียบจับผิด กล่าวโทษ.....ฯลฯ เจตนาของผมเพียงแต่ต้องการทราบไว้เป็นความรู้ (จะได้ไม่เกิดเป็นกรณีคริสเตียนเข้าใจคริสตังผิดอีก^^) และที่สำคัญ ได้แชร์ในสิ่งที่พระเจ้าทรงเปิดเผยแก่เราเท่านั้น
ขอพระผู้เป็นเจ้าทรงอวยพระพรพี่น้องที่รักในพระคริสต์ อิมมานูเอล
-
- โพสต์: 1029
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ มิ.ย. 13, 2010 9:53 pm
เรื่องไฟชำระอันนี้คงพอช่วยได้ http://www.newmana.com/phpbb/viewforum.php?f=17
ถ้าเอามุมมองของคาทอลิกต่อเรื่องนี้ต้องเข้าใจความแตกต่างประการต่างๆดังต่อไปนี้เสียก่อน
พระคัมภีร์
โปรแตสแตนท์ไม่เพียงแต่มีหลักข้อเชื่อที่เน้นอิงจากพระคัมภีร์เพียงอย่างเดียว แต่คริสตจักรส่วนมาก เน้นตีความเจาะจงจากพระคัมภีร์เท่านั้น หรืออีกนัยหนึ่งคือ มักมีแนวคิดว่า หากสิ่งใดพระคัมภีร์ไม่เขียนแปลว่าไม่มี แต่คาทอลิกจะตีความทางกว้าง คือ หากพระคัมภีร์ไม่เขียน เรามีมุมมองว่า พระเจ้าเพียงแต่ยังไม่เปิดเผยแก่เรา แต่มันสามารถมีอะไรมากมายที่มันจริง แต่ไม่ได้ถูกเขียนก็ได้
ยน 21:24-25
นี่คือศิษย์ที่เป็นพยานถึงเรื่องราวเหล่านี้ และเขียนบันทึกไว้ พวกเรารู้ว่าคำพยานของเขานั้นเป็นความจริง ยังมีเรื่องราวอื่น ๆ อีกมากมายที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำ ซึ่งถ้าจะเขียนลงไว้ทีละเรื่องทั้งหมด ข้าพเจ้าคิดว่า โลกทั้งโลกคงไม่พอบรรจุหนังสือที่จะต้องเขียนนั้น
โลกหลังความตายคือความลึกลับ
พระคัมภีร์เปิดเผยเรื่องชีวิตหลังความตายไว้น้อยมาก เขียนเพียงกว้างๆว่ามีอะไรเกิดขึ้น และประมาณไหน กระจัดกระจายหลายส่วนหลายที่สั้นๆเพียงประโยค2ประโยค และ มีมุมมองที่แตกต่างกันอีกด้วย บางส่วนได้รับอิทธิพลจากธรรมประเพณีของชาวยิว บางส่วนได้รับอิทธิพลเรื่องความเชื่อในการกลับคืนชีพของพระเยซูเจ้า
ที่สำคัญไม่เคยมีการบรรยายเจาะจง ถึงชีวิตหลังความตายอย่างเป็นเรื่องเป็นราวจริงจังจากบทพระคัมภีร์เลย มักอยู่ในสถานะ ถูกพาดพิงถึง เท่านั้น
ดังนั้นคาทอลิกมีมุมมองที่ยังคงเปิดกว้าง ต่อการ ไขแสดงให้เราเข้าใจมากขึ้นในเรื่องนี้ เพราะการรู้ชีวิตหลังความตาย ต้องคนที่เคยผ่านมันแล้วหรือได้รับการไขแสดงจากผู้ที่เคยผ่านมันแล้ว จึงรู้ได้
คนไม่เคยมีประสบการณ์ ผ่านความตาย ย่อมไม่รู้ว่า ชีวิตหลังความตายเป็นอย่างไร
ในส่วนของทฤษฏีเกี่ยวกับความตาย ก็อ่านได้จากลิงค์ที่คุณ littleseal เอามาลงไว้ที่รีพลายถัดไปได้ครับ
พระคัมภีร์
โปรแตสแตนท์ไม่เพียงแต่มีหลักข้อเชื่อที่เน้นอิงจากพระคัมภีร์เพียงอย่างเดียว แต่คริสตจักรส่วนมาก เน้นตีความเจาะจงจากพระคัมภีร์เท่านั้น หรืออีกนัยหนึ่งคือ มักมีแนวคิดว่า หากสิ่งใดพระคัมภีร์ไม่เขียนแปลว่าไม่มี แต่คาทอลิกจะตีความทางกว้าง คือ หากพระคัมภีร์ไม่เขียน เรามีมุมมองว่า พระเจ้าเพียงแต่ยังไม่เปิดเผยแก่เรา แต่มันสามารถมีอะไรมากมายที่มันจริง แต่ไม่ได้ถูกเขียนก็ได้
ยน 21:24-25
นี่คือศิษย์ที่เป็นพยานถึงเรื่องราวเหล่านี้ และเขียนบันทึกไว้ พวกเรารู้ว่าคำพยานของเขานั้นเป็นความจริง ยังมีเรื่องราวอื่น ๆ อีกมากมายที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำ ซึ่งถ้าจะเขียนลงไว้ทีละเรื่องทั้งหมด ข้าพเจ้าคิดว่า โลกทั้งโลกคงไม่พอบรรจุหนังสือที่จะต้องเขียนนั้น
โลกหลังความตายคือความลึกลับ
พระคัมภีร์เปิดเผยเรื่องชีวิตหลังความตายไว้น้อยมาก เขียนเพียงกว้างๆว่ามีอะไรเกิดขึ้น และประมาณไหน กระจัดกระจายหลายส่วนหลายที่สั้นๆเพียงประโยค2ประโยค และ มีมุมมองที่แตกต่างกันอีกด้วย บางส่วนได้รับอิทธิพลจากธรรมประเพณีของชาวยิว บางส่วนได้รับอิทธิพลเรื่องความเชื่อในการกลับคืนชีพของพระเยซูเจ้า
ที่สำคัญไม่เคยมีการบรรยายเจาะจง ถึงชีวิตหลังความตายอย่างเป็นเรื่องเป็นราวจริงจังจากบทพระคัมภีร์เลย มักอยู่ในสถานะ ถูกพาดพิงถึง เท่านั้น
ดังนั้นคาทอลิกมีมุมมองที่ยังคงเปิดกว้าง ต่อการ ไขแสดงให้เราเข้าใจมากขึ้นในเรื่องนี้ เพราะการรู้ชีวิตหลังความตาย ต้องคนที่เคยผ่านมันแล้วหรือได้รับการไขแสดงจากผู้ที่เคยผ่านมันแล้ว จึงรู้ได้
คนไม่เคยมีประสบการณ์ ผ่านความตาย ย่อมไม่รู้ว่า ชีวิตหลังความตายเป็นอย่างไร
ในส่วนของทฤษฏีเกี่ยวกับความตาย ก็อ่านได้จากลิงค์ที่คุณ littleseal เอามาลงไว้ที่รีพลายถัดไปได้ครับ
-
- โพสต์: 1029
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ มิ.ย. 13, 2010 9:53 pm
-
- โพสต์: 286
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ต.ค. 27, 2010 8:03 pm
- ที่อยู่: ถ.ราชปรารภ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กทม.
ในมุมมองของผม ผมว่า นั่นไม่ได้แปลว่าพระคัมภีร์ไม่ครบบริบูรณ์หากพระคัมภีร์ไม่เขียน เรามีมุมมองว่า พระเจ้าเพียงแต่ยังไม่เปิดเผยแก่เรา แต่มันสามารถมีอะไรมากมายที่มันจริง แต่ไม่ได้ถูกเขียนก็ได้
หลายอย่างพระคัมภีร์ไม่เขียนถึง(หากเราตีความตามตัวอักษรแบบตามตัวอักษรจริงๆ ไม่มองถึงสิ่งที่ต้องการจะสื่อหรือมีความหมายเล็งถึง) แต่ถ้าเรามองลึกลงไป พระคัมภีร์มีทุกอย่างครบถ้วนแล้วครับ
พระวจนะคำของพระองค์ครบถ้วน สามารถไขแสดงได้ตั้งแต่เรื่องราวในอดีต อนาคต หรือแม้แต่ในการเดินเนินชีวิตประจำวันของเราในปัจจุบันแบบทุกๆวัน วันต่อวัน
โดยปกติ การเปิดเผยไขแสดงจากพระเจ้าก็ย่อมเป็นสิ่งที่สอดคล้องกับพระคัมภีร์ หรือไม่ก็ผ่านทางพระวจนะในพระคัมภีร์เลยด้วยซ้ำ(ไม่ได้แปลว่าการไขแสดงผ่านทางคนที่มีพระพรพิเศษไม่มีจริง หรือปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริงนะครับ^^)
ถ้าเราอ่านแล้วทำความเข้าใจอยู่เพียงสั้นๆเท่านั้นก็จริงครับ แต่ถ้าเราใช้ตาฝ่ายวิญญาณพิจารณาดีๆ(งงจริงๆที่มีคนบอกว่าคริสเตียนตีความพระคัมภีร์แค่ตามตัวอักษร)ผมว่าก็ชัดเจนจนเห็นภาพซะน่าสะพึงกลัวเลยด้วยซ้ำเช่นในหนังสือดาเนียล,วิวรณ์......ฯลฯพระคัมภีร์เปิดเผยเรื่องชีวิตหลังความตายไว้น้อยมาก เขียนเพียงกว้างๆว่ามีอะไรเกิดขึ้น และประมาณไหน กระจัดกระจายหลายส่วนหลายที่สั้นๆเพียงประโยค2ประโยค
อย่างไรก็ตาม เท่าที่ผมอ่านผมพอจะสรุปได้ประมาณนี้(ไม่ทราบผมเข้าใจทัศนะคาทอลิกถูกรึยัง ถ้าไม่ก็ชี้แจงด้วยแล้วกันนะครับ)
เมื่อคริสตชนจากโลกนี้ไป หากใครยังไม่บริสุทธิ์สามารถไปชำระตนให้บริสุทธิ์ได้โดยมีไฟชำระเป็นเครื่องมือ(ซึ่งถือเป็นพระกรุณาคุณของพระเจ้า) เมื่อแล้วเสร็จดวงวิญญาณก็จะได้ไปสู่ paradise
(ไม่ขอใช้คำว่าสวรรค์ เดี๋ยวจะสับสนกับheavenเพราะไม่ใช่ที่เดียวกัน เรื่องนี้เห็นได้ชัดเจนอย่างมากจากคำอุปมาของพระเยซูเจ้าเรื่องเศรษฐีกับลาซาลัส และอีกอย่าง paradiseไม่ได้อยู่เบื่องบนนะครับ อยู่เบื่องล่าง เอ่อ ในวงเล็บที่คือสิ่งที่คริสเตียนได้รับการเปิดเผยโดยพระวจนะอุปมาเรื่องเศรษฐีกับลาซาลัส แต่ไม่ทราบเช่นกันว่าคาทอลิกเห็นเช่นเดียวกันหรือไม่) อ้อ อีกอย่างหนึ่งครับ ขอถามหน่อยครับว่าเป้าหมายของการเป็นคริสตชนคาทอลิกคือเพื่อเข้าสู่สวรรค์ใช่รึเปล่าครับ เท่าที่ทราบมา ขอคำอธิบายด้วยครับ ขอคุณครับ
-
- โพสต์: 1029
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ มิ.ย. 13, 2010 9:53 pm
คิดว่าเป้าหมายของคาทอลิกไม่ใช่ได้เข้าสวรรค์หรอกค่ะ
(ถ้าสวรรค์หมายถึงแผ่นดินอุดมสมบูรณ์ ไม่หิวไม่กระหาย
พรั่งพร้อมบริบูรณ์ด้วยสิ่งต่าง ๆ อะไรแบบนั้น)
แต่น่าจะเป็นการที่ได้เข้าเฝ้าชื่นชมพระสิริรุ่งโรจน์ รับใช้อยู่แทบเท้าพระเจ้า
และได้ร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ กลับสู่พระองค์นิรันดร์มากกว่า
(ถ้าสวรรค์หมายถึงแผ่นดินอุดมสมบูรณ์ ไม่หิวไม่กระหาย
พรั่งพร้อมบริบูรณ์ด้วยสิ่งต่าง ๆ อะไรแบบนั้น)
แต่น่าจะเป็นการที่ได้เข้าเฝ้าชื่นชมพระสิริรุ่งโรจน์ รับใช้อยู่แทบเท้าพระเจ้า
และได้ร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ กลับสู่พระองค์นิรันดร์มากกว่า
จากที่ผมอ่านที่คุณตอบมาเรื่อยๆ เข้าใจว่าคุณคงตีความหมายสิ่งที่ผมอธิบายผิดไปมาก ดังนั้นจะคุยต่อก็จะพลอยเข้าใจผิดและไม่เข้าใจไปเรื่อยๆ
แนะนำว่าให้ลองกลับไปอ่านรีพลายที่2ที่ผมอธิบายอีกครั้ง โดยไม่ต้องไปคิดว่าเป็นเรื่องของการว่าโปรแตสแตนท์ในทางไม่ดีหรือไม่ แค่มองว่า มันคือการอธิบาย วิถี ที่ไม่เหมือนกันในการตีความสิ่งต่างๆ
แล้วคุณลองอ่านช้าๆทำความเข้าใจตามที่ผมเขียนไว้ แล้วลองตอบมาก่อนว่าเข้าใจว่าอย่างไร
แนะนำว่าให้ลองกลับไปอ่านรีพลายที่2ที่ผมอธิบายอีกครั้ง โดยไม่ต้องไปคิดว่าเป็นเรื่องของการว่าโปรแตสแตนท์ในทางไม่ดีหรือไม่ แค่มองว่า มันคือการอธิบาย วิถี ที่ไม่เหมือนกันในการตีความสิ่งต่างๆ
แล้วคุณลองอ่านช้าๆทำความเข้าใจตามที่ผมเขียนไว้ แล้วลองตอบมาก่อนว่าเข้าใจว่าอย่างไร
-
- โพสต์: 286
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ต.ค. 27, 2010 8:03 pm
- ที่อยู่: ถ.ราชปรารภ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กทม.
Holy เขียน:แนะนำว่าให้ลองกลับไปอ่านรีพลายที่2ที่ผมอธิบายอีกครั้ง โดยไม่ต้องไปคิดว่าเป็นเรื่องของการว่าโปรแตสแตนท์ในทางไม่ดีหรือไม่ แค่มองว่า มันคือการอธิบาย วิถี ที่ไม่เหมือนกันในการตีความสิ่งต่างๆ
ถ้าให้พูดจริงๆแล้วผมก็ไม่ได้เป็นโปรแตสแตนท์
(แต่ก็ไม่ใช่ประเภทแบบพยานพระยะโฮวา มอร์มอน หรืออะไรทำนองนั้นนะ^^)หรอกครับ แต่ให้ง่ายต่อความเข้าใจจะบอกว่าผมเป็นโปรฯก็ตามสะดวกครับ
ผมอ่านรีพลายของคุณแล้วเข้าใจว่า:
1.โปรเชื่อว่าอะไรที่พระคัมภีร์ไม่กล่าวถึงคือไม่มี แต่คาทอลิกเชื่อว่า
Holy เขียน: พระเจ้าเพียงแต่ยังไม่เปิดเผยแก่เรา แต่มันสามารถมีอะไรมากมายที่มันจริง แต่ไม่ได้ถูกเขียนก็ได้
2.ในทัศนะของคาทอลิก ชีวิตหลัวความตายพระคัมภีร์กล่าวถึงน้อยมาก บอกกระจายกันหลายแห่ง ไม่มีการบรรยายถึงชีวิตหลังความตายอย่างเจาะจง...ฯลฯ
3.คาทอลิกมีทัศนะเปิดกว้างต่อการไขแสดงในเรื่องดังกล่าว
4มีการมองในทัศนะที่ต่างกัน
อันนี้คือที่ผมอ่านแล้วทำความเข้าใจมาได้
แต่ประเด็นที่ผมถามคือผมอยากทราบเรื่องราวบางอย่างที่โปรฯไม่ได้กล่าวถึง และไม่ได้แปลว่าไม่มีในทัศนะคาทอลิก เช่นเรื่องไฟชำระซึ่งตอนนี้ผมก็พอจะเข้าใจแล้วว่า อยู่ตรงไหนของช่วงเวลาหลังความตายที่คริสเตียนเข้าใจ(จริงๆก็ไม่ได้ไปขัดกับความเชื่อของโปรฯ เพียงแต่แทรกอยู่ตรงระหว่างช่วงเวลาหลังจากโลกนี้ไปแล้วกับช่วงของการพักสงบในสวนสวรรค์ ซึ่งโปรฯไม่ได้กล่าวถึง)
ยังมีอีกไหม อยู่ช่วงไหนของช่วงเวลาที่พระคัมภีร์มีกล่าวถึง(คือถึงแม้พระคัมภีร์ไม่กล่าวเจาะจง แต่โดยใช้วิธีแค่อ่านเอาความไม่ต้องวิเคราะห์สังเคราะห์อะไรจากหนังสือเช่นวิวรณ์เป็นต้น อย่างน้อยก็สามารถสรุปได้เป็นประเด็น เป็นช่วงเวลา ว่าอะไรเกิดตอนไหน)และเป้าหมายชีวิตของคริสตชนคาทอลิก อะไรประมาณนี้อะครับ คือผมไม่ได้จะมาบอกว่าอันโน้นผิดอันนี้ถูกหรืออะไร แค่อยากทราบ จุดประสงค์คืออยากทราบล้วนๆ
คือที่ผมได้อ่านคห.จากหัวข้ออื่นอะครับ ผมพอสรุปได้ว่าจุดมุ่งหมายของคาทอลิกคือเพื่อจะได้เข้าสู่สวรรค์ แต่จากพระคัมภีร์ก็เห็นได้ว่าสวรรค์ที่ว่านั้นเป็นเพียงชั่วคราว มีไว้ให้พักสงบรอการเป็นขึ้นจากตาย อันนี้ผมไม่ได้พูดเองนะแต่จากพระคัมภีร์ ทีนี้ผมเลยยังงงว่า ยังมีอะไรที่คาทอลิกเห็นไม่เหมือนกันอีกบ้าง ไม่ใช่ผมไม่ทราบรายระเอียดที่พระคัมภีร์มีกล่าวครับ แต่ผมยังไม่ทราบรายระเอียดที่คาทอลิกได้รับการไขแสดง พอจะสรุปให้ผมเข้าใจเป็นประเด็นๆได้ไหมครับว่า ในทัศนะของคาทอลิก ได้รับการเปิดเผยอย่างไร เช่นประมาณว่า
หลังความตาย
-ไฟชำระ
-เข้าสู่สวรรค์
-เป็นขึ้นจากตาย
-...............
-การพิพากษา
-...........
-...........
-ฯลฯ
อะไรประมาณนี้อะครับ
ผมอ่านแล้วคิดว่าคุณมีปัญหาในการอ่านค่อนข้างมาก แบบแนวว่ามีบล๊อคความคิดของตัวตั้งไว้อยู่แล้ว อ่านอะไรก็โยงเข้ากรอบตัวเองหมด ผมจึงบอกให้คุณทิ้งกรอบเดิมๆแบบโปรแตสแตนทื เพื่อจะได้เข้าใจความจริงของคาทอลิก
ยกตัวอย่างว่าคุณกล่าวหาว่าสวรรค์ที่คาทอลิกหมายถึงคือชั่วคราวนั้น ก็ชี้ว่า คุณเองแทบไม่ค่อยได้อ่านอะไร เป้นต้นในเวบบอร์ดนี้มากนัก พอบอกให้อ่านก็ดูเหมือนคุณไม่ได้ใช้ความเข้่าใจในการอธิบาย แต่ใช้ก๊อปปี้ข้อความมาแปะเอา
นั่นจึงทำให้หลายๆครั้ง โปรแตสแตนท์หลายๆคน อยู่ในมายาคติที่ว่าตัวเองมีชุดความเชื่อที่มาจากพระคัมภีร์ คาทอลิกมีชุดความเชื่อที่ไม่ได้มาจากพระคัมภีร์
แต่มักลืมคำที่สำคัญไม่แพ้คำว่าพระคัมภีร์ คือ การตีความพระคัมภีร์ เพราะไม่อาจปฏิเสธได้ว่า การแตกแยกของโปรแตสแตนท์ไปอีกกว่า36,000นิกายย่อย รวมทั้งลัทธิเทียมเท็จด้วย มากจากการตีความพระคัมภีร์เล่มเดียวกัน แท้ๆ
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ คนเป็นล้านๆ จะอ่านสิ่งเดียวกันแล้วเข้าใจไม่ตรงกัน ยิ่งพระคัมภีร์เอง มีข้อความมากมาย ที่เป็นสำนวนหรือวลีที่เป็นแบบแนว ทรงกลม ไม่ใช่ทรง4เหลี่ยม
ของทรง4เหลี่ยมจับหมุนเต็มที่ก็ได้แค่4แบบ แต่ของที่เป็นทรงวงกลม จับหมุมนโดยรอบได้360แบบตาม360องศาของมันเลยทีเดียว
ดังนั้นการอ้างพระจิตเจ้าหรือพระวิญญาณตีความ เพียงอย่างเดียว ก็บ่งบอกได้เพียงว่า พระจิตเจ้ามีจริง แต่ในการตีความของบางคนใช้พระจิตเจ้าหรืออคติตัวเองนั้น ไม่มีข้อพิสูจน์ มีเพียงข้อพิสูจน์ว่า พระจิตเจ้าองค์เดียวกันทำไมตีความไม่เหมือนกันแตกระแหงแย้งย้อนได้ถึงเพียงนี้
นี่คือหลักฐานที่เราไม่อาจมาพูดเรื่องอุดมคติว่า พระจิตเจ้าอยู่ในทุกคน ดลใจทุกคนแล้วจะมาสรุปจบด้วยข้อความในหนังสือได้
มีข้อความในพระคัมภีร์มากมายมหาศาลที่ทุกวันนี้ ยังไม่สามารถตีความออกมาอย่างถูกต้องได้เลยด้วยซ้ำว่าแปลว่าอะไรแน่
ซึ่งการเผชิญหน้ากับข้อความเหล่านี้ คาทอลิกและโปรฯสายเปิดกว้าง มักยินยอมที่จะยอมรับในความไม่ชัดเจนและไม่รู้แน่ หรือภาษาชาวบ้านคือ ยอมไม่ฟันธง แต่เปิดโอกาสให้พระจิตเจ้าทำงานต่อไป และไขแสดงต่อไป
แต่โปรสายแคบจำนวนมาก ต้องตีความทุกอย่างฟันธงทุกอย่างออกมาให้หมดให้ได้
แล้วมักอ้างว่า ตนนั้นยึดพระคัมภีร์ แต่ที่จริงต้องอ้างให้ถูกว่า
ตนยึดชุดการตีความพระคัมภีร์ในแบบที่คริสตจักรของตนเห็นชอบ มากกว่า
เพราะหลายๆครั้งเมื่อมีโปรสายอื่นมีชุดการตีความแบบอื่นที่มาจากพระคัมภีร์เล่มเดียวกันที่ต่างออกไปจากตน ก็มักถูกปฏิเสธ หรือแม้แต่โดนกล่าวหาว่าเทียมเท็จ
โปรแตสแตนท์มากมาย ไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่า พระคัมภีร์มีความเป็นมาอย่างไร อันไหนเขียนก่อนเขียนหลัง เขียนเพื่ออะไร แล้วมีหลักการในพระคัมภีร์อันใดบ้างไม่ได้มาจากข้อความโดยตรง แต่มาจากธรรมประเพณี และการตีความจากปิตาจารย์ยุคแรกเริ่ม จนกลายเป็นชุดความเชื่อสำเร็จรูปที่หลายๆข้อความไม่มีในพระคัมภีร์ แต่โปรแตสแตนท์พร้อมเชื่อโดยมาพร้อมกับข้อความอิงพ่วงว่าตนนั้นยึดพระคัมภีร์อย่างเดียว
ยกตัวอย่างว่าคุณกล่าวหาว่าสวรรค์ที่คาทอลิกหมายถึงคือชั่วคราวนั้น ก็ชี้ว่า คุณเองแทบไม่ค่อยได้อ่านอะไร เป้นต้นในเวบบอร์ดนี้มากนัก พอบอกให้อ่านก็ดูเหมือนคุณไม่ได้ใช้ความเข้่าใจในการอธิบาย แต่ใช้ก๊อปปี้ข้อความมาแปะเอา
นั่นจึงทำให้หลายๆครั้ง โปรแตสแตนท์หลายๆคน อยู่ในมายาคติที่ว่าตัวเองมีชุดความเชื่อที่มาจากพระคัมภีร์ คาทอลิกมีชุดความเชื่อที่ไม่ได้มาจากพระคัมภีร์
แต่มักลืมคำที่สำคัญไม่แพ้คำว่าพระคัมภีร์ คือ การตีความพระคัมภีร์ เพราะไม่อาจปฏิเสธได้ว่า การแตกแยกของโปรแตสแตนท์ไปอีกกว่า36,000นิกายย่อย รวมทั้งลัทธิเทียมเท็จด้วย มากจากการตีความพระคัมภีร์เล่มเดียวกัน แท้ๆ
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ คนเป็นล้านๆ จะอ่านสิ่งเดียวกันแล้วเข้าใจไม่ตรงกัน ยิ่งพระคัมภีร์เอง มีข้อความมากมาย ที่เป็นสำนวนหรือวลีที่เป็นแบบแนว ทรงกลม ไม่ใช่ทรง4เหลี่ยม
ของทรง4เหลี่ยมจับหมุนเต็มที่ก็ได้แค่4แบบ แต่ของที่เป็นทรงวงกลม จับหมุมนโดยรอบได้360แบบตาม360องศาของมันเลยทีเดียว
ดังนั้นการอ้างพระจิตเจ้าหรือพระวิญญาณตีความ เพียงอย่างเดียว ก็บ่งบอกได้เพียงว่า พระจิตเจ้ามีจริง แต่ในการตีความของบางคนใช้พระจิตเจ้าหรืออคติตัวเองนั้น ไม่มีข้อพิสูจน์ มีเพียงข้อพิสูจน์ว่า พระจิตเจ้าองค์เดียวกันทำไมตีความไม่เหมือนกันแตกระแหงแย้งย้อนได้ถึงเพียงนี้
นี่คือหลักฐานที่เราไม่อาจมาพูดเรื่องอุดมคติว่า พระจิตเจ้าอยู่ในทุกคน ดลใจทุกคนแล้วจะมาสรุปจบด้วยข้อความในหนังสือได้
มีข้อความในพระคัมภีร์มากมายมหาศาลที่ทุกวันนี้ ยังไม่สามารถตีความออกมาอย่างถูกต้องได้เลยด้วยซ้ำว่าแปลว่าอะไรแน่
ซึ่งการเผชิญหน้ากับข้อความเหล่านี้ คาทอลิกและโปรฯสายเปิดกว้าง มักยินยอมที่จะยอมรับในความไม่ชัดเจนและไม่รู้แน่ หรือภาษาชาวบ้านคือ ยอมไม่ฟันธง แต่เปิดโอกาสให้พระจิตเจ้าทำงานต่อไป และไขแสดงต่อไป
แต่โปรสายแคบจำนวนมาก ต้องตีความทุกอย่างฟันธงทุกอย่างออกมาให้หมดให้ได้
แล้วมักอ้างว่า ตนนั้นยึดพระคัมภีร์ แต่ที่จริงต้องอ้างให้ถูกว่า
ตนยึดชุดการตีความพระคัมภีร์ในแบบที่คริสตจักรของตนเห็นชอบ มากกว่า
เพราะหลายๆครั้งเมื่อมีโปรสายอื่นมีชุดการตีความแบบอื่นที่มาจากพระคัมภีร์เล่มเดียวกันที่ต่างออกไปจากตน ก็มักถูกปฏิเสธ หรือแม้แต่โดนกล่าวหาว่าเทียมเท็จ
โปรแตสแตนท์มากมาย ไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่า พระคัมภีร์มีความเป็นมาอย่างไร อันไหนเขียนก่อนเขียนหลัง เขียนเพื่ออะไร แล้วมีหลักการในพระคัมภีร์อันใดบ้างไม่ได้มาจากข้อความโดยตรง แต่มาจากธรรมประเพณี และการตีความจากปิตาจารย์ยุคแรกเริ่ม จนกลายเป็นชุดความเชื่อสำเร็จรูปที่หลายๆข้อความไม่มีในพระคัมภีร์ แต่โปรแตสแตนท์พร้อมเชื่อโดยมาพร้อมกับข้อความอิงพ่วงว่าตนนั้นยึดพระคัมภีร์อย่างเดียว
ดังนั้น ถ้าสรุปหลักความเชื่อของคาทอลิกในเรื่องชีวิตหลังความตายอย่างย่อ
สวรรค์
สวรรค์คือที่ๆมีพระบิดาอยู่ คือการกลับบ้าน แค่นั้นเลย
คาทอลิกไม่สนว่ามันอยู่ข้างบนหรือข้างล่าง ที่สำคัญ ในการไขแสดงต่างๆในพระศาสนจักร สวรรค์ไม่ใช่เรื่องสถานที่ แต่เป็นเรื่องของสภาวะ สวรรค์คืออยู่กับพระเจ้า
ในการภาวนาระดับสูง นักบุญมากมายที่สัมผัสสวรรค์หรืออีกนัยคือพระเจ้า คือที่นี่เดี๋ยวนี้เวลานี้ ไม่ได้ลอยขึ้นหรือลอยลง
ดังนั้น อยู่กับพระเจ้าคือสวรรค์ ไม่มีพระเจ้าคือนรก
นรก
การไม่ได้ไปอยู่กับพระเจ้าคือนรก
ไฟชำระ
การที่สามารถไปอยู่กับพระเจ้า แต่ยังไปไม่ได้คือไฟชำระ ดังนั้น อาจบนับความคิดของโปรแตสแตนท์ที่เชื่อว่าตายแล้ววิญญาณหลับรอวันพิพากษาคือ ไฟชำระด้วยก็ย่อมได้
เพราะมีการไขแสดงมากมายที่ บอกเราว่า บรรดานักบุญทั้งหลาย ได้ไปสวรรค์นิรันดร์ ร่วมกับพระบิดาและพระบุตรและพระจิตแล้ว ไม่ต้องรอ
ทั้งหมดนี้มีพระคัมภีร์รองรับ และมีการกล่าวอ้างหลายครั้งแล้วในเวบบอร์ดนี้ กรุณากลับไปอ่านเองอีกครั้ง จะไม่กล่าวอ้่างซ้ำอีก
ยิ่งไปกว่านั้น คาทอลิกเชื่อในความสัมพันธ์ของผู้ศักดิ์สิทธิ์ตลอดจนพระเมตตารักของพระเจ้า ที่พิพากษาด้วยความเที่ยงธรรมแต่ความเมตตามีอำนาจเหนือกว่า เราจึงไม่เอาตัวหนังสือมาบังคับว่าพระเจ้าทำอะไรได้ทำอะไรไม่ได้ ถ้าพระองค์ประสงค์จะทำอะไรที่พระคัมภีร์ไม่เขียน คาทอลิกยอมรับว่า พระองค์สามารถทำได้ เพราะพระองค์ไม่ได้ต่ำกว่าตัวหนังสือหรือเป็นทาสที่ห้ามละเมิดข้อความในหนังสือ แต่เป็นนายเหนือข้อความทุกข้อความในโลก
ดังนั้น คาทอลิกจึงยังคงเปิดกว้างยอมรับว่ามีสิ่งต่างๆมากมายที่เรายังไม่รู้ และยังไม่สามารถรู้ได้ทั้งหมดเกี่ยวกับพระเจ้า
เราจึงยอมรับว่าผู้ที่อยู่ในสวรรค์และไฟชำระยังอธิษฐานเผื่อเราได้ และเรายังอธิษฐานเผื่อเขาได้
ซึ่งสิ่งนี้เมื่อพระคัมภีร์ไม่เขียน คาทอลิกจะถือว่า สามารถเป็นจริงได้ไม่ผิด
คำว่าไม่ขัดกับพระคัมภีร์ของคาทอลิกคือ ไม่ได้เป็นเรื่องตรงข้ามกับที่มีเขียน
แต่โปรแตสแตนท์(สายแคบ)เมื่อเห็นว่าพระคัมภีร์ไม่เขียน ต้องแปลว่า ไม่มี ใครบอกว่ามีคือ ผิด
คำว่าไม่ขัดพระคัมภีร์ของโปรแตสแตนท์(ส่วนมาก)จึงเป็น ต้องไม่ตรงข้ามกับสิ่งที่เขียน และต้องไม่มีเกินหรือเสริมหรือเพิ่มจากสิ่งที่เขียน
เหมือนกับพระคัมภีร์ไม่เคยเขียนว่า พระเยซูหัวเราะ
คนหนึ่งอาจเชื่อว่า พระเยซูหัวเราะก็เป็นไปได้ไม่แปลก แม้พระคัมภีร์ไม่เขียน แต่เป็นคอมม่อนเซนส์นะที่คนๆหนึ่งจะหัวเราะบ้างในชีวิตเขา
แต่อีกคนอาจตีความว่า พระเยซูต้องไม่หัวเราะ เพราะพระคัมภีร์ำไม่เคยเขียนว่าทรงเคยหัวเราะแม้แต่ครั้งเดียว แปลว่าต้องไม่เคยมีสิ่งนี้เกิดขึ้น ถ้าพระคัมภีร์อยากให้เรารู้คงเขียนบอกเราไปแล้ว
นี่คือมุมมอง และรูปแบบการตีความจากพระคัมภีร์ที่แตกต่างกันในแต่ละแห่งแต่และคนซึ่งไม่อาจปฎิเสธได้
แน่นอนว่าเรื่องเล็กๆอย่างการหัวเราะ ใครเชื่อยังไงก็ได้ แต่พอเป็นเรื่องสำคัญที่เกี่ยวข้องกับความรอดขึ้นมา กลับกลายเป็นเรื่องถกเถียงเอาเป็นเอาตาย ถกเถียงเอาชนะ ต้องชั้นถูกที่สุด คนอื่นที่เห็นต่างผิดหมดเสียให้ได้
ดังนั้นถ้าจะให้สรุปเรื่องชีวิตหลังความตายของคาทอลิก ผมขอใช้คำสรุปที่สั้นกว่าเดิมว่า "เปิดกว้าง" ครับ
ปล. คำว่าโปรแตสแตท์ สำหรับคาทอลิกคืออะไรก็ตามที่ไม่ใช่คาทอลิกและออโธดอก ซึ่งโดยปรกติจะรวมลัทธิเทียมเท็จต่างๆที่โปรแตสแตนท์ให้เครดิตเข้าไว้ด้วย ดังนั้น เมื่อมีคนพูดกับเราว่า โปรแตสแตนท์คิดแบบนั้นสอนแบบนี้ คาทอลิกทั่วไปจะรับกว้างๆแบบนั้นได้ แต่เมื่อลงลึกเราจะเข้าใจว่า โปรแตสแตนท์ทุกคริสตจักรแยกต่างหากจากกัน และมีอิสระในการเชื่อและตีความ ดังนั้น ในการคุยเชิงลึก ผมไม่แนะนำให้ปกปิดการเจาะจงคริสตจักร แล้วใช้คำว่าโปรแตสแตนท์แบบรวมๆเมื่อคุยกับโปรแตสแตนท์สักคน เพราะมันคือความจริงว่า โปรแตสแตนท์ทุกคริสตจักรไม่ได้สอนเหมือนคุณ แล้วเป็นความจริงว่า มีข้อความเชื่อมากมายที่โปรแตสแตนท์ยังประนามกันเองว่าเทียมเท็จ ดังนั้น จะดีกว่ามาก หากมีการเจาะจงว่า สายนิกายหรือคริสตจักรของผู้พูดนั้น เชื่อหรือคิดอย่างไร เพราะไม่มีโปรแตสแตนท์แม้แต่คนเดียวที่สามารถมีชุดความเชื่อจากการตีความที่เป็นตัวแทนโปรแตสแตท์ทั้งโลกได้
ขอพระเจ้าอวยพร
สวรรค์
สวรรค์คือที่ๆมีพระบิดาอยู่ คือการกลับบ้าน แค่นั้นเลย
คาทอลิกไม่สนว่ามันอยู่ข้างบนหรือข้างล่าง ที่สำคัญ ในการไขแสดงต่างๆในพระศาสนจักร สวรรค์ไม่ใช่เรื่องสถานที่ แต่เป็นเรื่องของสภาวะ สวรรค์คืออยู่กับพระเจ้า
ในการภาวนาระดับสูง นักบุญมากมายที่สัมผัสสวรรค์หรืออีกนัยคือพระเจ้า คือที่นี่เดี๋ยวนี้เวลานี้ ไม่ได้ลอยขึ้นหรือลอยลง
ดังนั้น อยู่กับพระเจ้าคือสวรรค์ ไม่มีพระเจ้าคือนรก
นรก
การไม่ได้ไปอยู่กับพระเจ้าคือนรก
ไฟชำระ
การที่สามารถไปอยู่กับพระเจ้า แต่ยังไปไม่ได้คือไฟชำระ ดังนั้น อาจบนับความคิดของโปรแตสแตนท์ที่เชื่อว่าตายแล้ววิญญาณหลับรอวันพิพากษาคือ ไฟชำระด้วยก็ย่อมได้
เพราะมีการไขแสดงมากมายที่ บอกเราว่า บรรดานักบุญทั้งหลาย ได้ไปสวรรค์นิรันดร์ ร่วมกับพระบิดาและพระบุตรและพระจิตแล้ว ไม่ต้องรอ
ทั้งหมดนี้มีพระคัมภีร์รองรับ และมีการกล่าวอ้างหลายครั้งแล้วในเวบบอร์ดนี้ กรุณากลับไปอ่านเองอีกครั้ง จะไม่กล่าวอ้่างซ้ำอีก
ยิ่งไปกว่านั้น คาทอลิกเชื่อในความสัมพันธ์ของผู้ศักดิ์สิทธิ์ตลอดจนพระเมตตารักของพระเจ้า ที่พิพากษาด้วยความเที่ยงธรรมแต่ความเมตตามีอำนาจเหนือกว่า เราจึงไม่เอาตัวหนังสือมาบังคับว่าพระเจ้าทำอะไรได้ทำอะไรไม่ได้ ถ้าพระองค์ประสงค์จะทำอะไรที่พระคัมภีร์ไม่เขียน คาทอลิกยอมรับว่า พระองค์สามารถทำได้ เพราะพระองค์ไม่ได้ต่ำกว่าตัวหนังสือหรือเป็นทาสที่ห้ามละเมิดข้อความในหนังสือ แต่เป็นนายเหนือข้อความทุกข้อความในโลก
ดังนั้น คาทอลิกจึงยังคงเปิดกว้างยอมรับว่ามีสิ่งต่างๆมากมายที่เรายังไม่รู้ และยังไม่สามารถรู้ได้ทั้งหมดเกี่ยวกับพระเจ้า
เราจึงยอมรับว่าผู้ที่อยู่ในสวรรค์และไฟชำระยังอธิษฐานเผื่อเราได้ และเรายังอธิษฐานเผื่อเขาได้
ซึ่งสิ่งนี้เมื่อพระคัมภีร์ไม่เขียน คาทอลิกจะถือว่า สามารถเป็นจริงได้ไม่ผิด
คำว่าไม่ขัดกับพระคัมภีร์ของคาทอลิกคือ ไม่ได้เป็นเรื่องตรงข้ามกับที่มีเขียน
แต่โปรแตสแตนท์(สายแคบ)เมื่อเห็นว่าพระคัมภีร์ไม่เขียน ต้องแปลว่า ไม่มี ใครบอกว่ามีคือ ผิด
คำว่าไม่ขัดพระคัมภีร์ของโปรแตสแตนท์(ส่วนมาก)จึงเป็น ต้องไม่ตรงข้ามกับสิ่งที่เขียน และต้องไม่มีเกินหรือเสริมหรือเพิ่มจากสิ่งที่เขียน
เหมือนกับพระคัมภีร์ไม่เคยเขียนว่า พระเยซูหัวเราะ
คนหนึ่งอาจเชื่อว่า พระเยซูหัวเราะก็เป็นไปได้ไม่แปลก แม้พระคัมภีร์ไม่เขียน แต่เป็นคอมม่อนเซนส์นะที่คนๆหนึ่งจะหัวเราะบ้างในชีวิตเขา
แต่อีกคนอาจตีความว่า พระเยซูต้องไม่หัวเราะ เพราะพระคัมภีร์ำไม่เคยเขียนว่าทรงเคยหัวเราะแม้แต่ครั้งเดียว แปลว่าต้องไม่เคยมีสิ่งนี้เกิดขึ้น ถ้าพระคัมภีร์อยากให้เรารู้คงเขียนบอกเราไปแล้ว
นี่คือมุมมอง และรูปแบบการตีความจากพระคัมภีร์ที่แตกต่างกันในแต่ละแห่งแต่และคนซึ่งไม่อาจปฎิเสธได้
แน่นอนว่าเรื่องเล็กๆอย่างการหัวเราะ ใครเชื่อยังไงก็ได้ แต่พอเป็นเรื่องสำคัญที่เกี่ยวข้องกับความรอดขึ้นมา กลับกลายเป็นเรื่องถกเถียงเอาเป็นเอาตาย ถกเถียงเอาชนะ ต้องชั้นถูกที่สุด คนอื่นที่เห็นต่างผิดหมดเสียให้ได้
ดังนั้นถ้าจะให้สรุปเรื่องชีวิตหลังความตายของคาทอลิก ผมขอใช้คำสรุปที่สั้นกว่าเดิมว่า "เปิดกว้าง" ครับ
ปล. คำว่าโปรแตสแตท์ สำหรับคาทอลิกคืออะไรก็ตามที่ไม่ใช่คาทอลิกและออโธดอก ซึ่งโดยปรกติจะรวมลัทธิเทียมเท็จต่างๆที่โปรแตสแตนท์ให้เครดิตเข้าไว้ด้วย ดังนั้น เมื่อมีคนพูดกับเราว่า โปรแตสแตนท์คิดแบบนั้นสอนแบบนี้ คาทอลิกทั่วไปจะรับกว้างๆแบบนั้นได้ แต่เมื่อลงลึกเราจะเข้าใจว่า โปรแตสแตนท์ทุกคริสตจักรแยกต่างหากจากกัน และมีอิสระในการเชื่อและตีความ ดังนั้น ในการคุยเชิงลึก ผมไม่แนะนำให้ปกปิดการเจาะจงคริสตจักร แล้วใช้คำว่าโปรแตสแตนท์แบบรวมๆเมื่อคุยกับโปรแตสแตนท์สักคน เพราะมันคือความจริงว่า โปรแตสแตนท์ทุกคริสตจักรไม่ได้สอนเหมือนคุณ แล้วเป็นความจริงว่า มีข้อความเชื่อมากมายที่โปรแตสแตนท์ยังประนามกันเองว่าเทียมเท็จ ดังนั้น จะดีกว่ามาก หากมีการเจาะจงว่า สายนิกายหรือคริสตจักรของผู้พูดนั้น เชื่อหรือคิดอย่างไร เพราะไม่มีโปรแตสแตนท์แม้แต่คนเดียวที่สามารถมีชุดความเชื่อจากการตีความที่เป็นตัวแทนโปรแตสแตท์ทั้งโลกได้
ขอพระเจ้าอวยพร
-
- โพสต์: 286
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ต.ค. 27, 2010 8:03 pm
- ที่อยู่: ถ.ราชปรารภ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กทม.
ขอโทษด้วยนะครับ ผมไม่มีจุดประสงค์ในแนวนั้นเลย ไม่ได้จะมาบอกว่าของคุณถูก ของผมผิด ของเขาไม่ตรง ของคนโน้นดี ของคนนี้เพี้ยน หรืออะไร แค่อยากทราบเท่านั้นว่า คาทอลิกเห็นอย่างไรHoly เขียน:ผมอ่านแล้วคิดว่าคุณมีปัญหาในการอ่านค่อนข้างมาก แบบแนวว่ามีบล๊อคความคิดของตัวตั้งไว้อยู่แล้ว อ่านอะไรก็โยงเข้ากรอบตัวเองหมด ผมจึงบอกให้คุณทิ้งกรอบเดิมๆแบบโปรแตสแตนทื เพื่อจะได้เข้าใจความจริงของคาทอลิก
ซึ่งต้องขอบคุณกระทู้หัวข้อหลายๆกระทู้ที่ผมว่าผมได้รับคำตอบที่อยากรู้ ได้เห็นมุมมองที่ดีต่างๆ อาธิ ความลับของวิญญาณในไฟชำระ - Rapture ไม่ใช่การรับคนดีขึ้นไปบนฟ้า - เลขและจำนวนในพระวิวรณ์ที่มักถูกลัทธิเทียมเท็จเอาไปแปลมั่ว-ฯลฯ และที่ผมต้อง coppy and past ก็เพราะผมก็เคยโดนเข้าใจสิ่งที่อยากสื่อไปคนละแนว ในหัวข้ออื่นมาแล้วเลยไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก
เอาเถอะครับ ผมพอจะได้คำตอบละ อย่างไรก็ดีผมต้องขอบคุณอีกครั้งสำหรับกระทู้ต่างๆทั้งกระทู้นี้ด้วย ^^
พระเป็นเจ้าอวยพรครับ