Rapture ไม่ใช่การรับคนดีขึ้นไปบนฟ้า
ผมอ่านเจอบทความหนึ่ง กล่าวถึง Rapture ว่า คริสตชนบางกลุ่มให้ความสำคัญกับ Rapture หรือการที่ผู้เชื่อในพระคริสต์จะถูกรับขึ้นไปบนฟ้าเมื่อวันพิพากษาโลกจะมาถึง โดยอ้างถึง มัทธิว 24:36-42 และ 1 เธสะโลนิกา 4:15-17 เมื่ออ่านดูผ่าน ๆ ก็จะคิดว่า คนที่ถูกทิ้งไว้ในโลกเป็นคนชั่ว ส่วนคนที่ถูกรับไปเป็นคนดีหรือผู้เชื่อในพระคริสต์ แต่เมื่อเราอ่านพระคัมภีร์ตอนอื่น ๆ รวมทั้งเรื่องโนอาห์กับน้ำวินาศ เรากลับจะพบว่า คนชั่วจะถูกกวาดหรือขจัดออกไปจากแผ่นดิน ส่วนผู้ชอบธรรมจะได้ครอบครองแผ่นดินเป็นมรดก
สดุดีที่ 37:9,11 คนชั่วจะถูกกำจัดออกไป ส่วนคนที่รอคอยองค์พระผู้เป็นเจ้าจะได้แผ่นดินโลกเป็นมรดก, ผู้มีใจอ่อนโยนจะได้แผ่นดินโลกเป็นมรดก (เห็นได้ว่าแผ่นดินโลกจะเป็นสมบัติของผู้เชื่อ ส่วนคนชั่วจะถูกขจัดออกไป)
สุภาษิต 2:21-22 เพราะว่าผู้ชอบธรรมจะได้อาศัยอยู่บนแผ่นดิน และผู้ที่ไม่มีที่ติจะพำนักอยู่บนแผ่นดิน ส่วนคนชั่วจะถูกกำจัดออกไปจากแผ่นดินโลก
ดังนั้น จึงไม่ใช่คนชอบธรรมที่จะถูกนำออกไปจากโลก แต่คนชั่วที่จะถูกนำออกไปจากโลก เมื่อโลกนี้สะอาดแล้ว หนังสือวิวรณ์กล่าวว่า นครเยรูซาเล็มใหม่จะลอยลงมายังโลก มาตั้งอยู่ในโลก และผู้ชอบธรรมจะปกครองโลกร่วมกับพระคริสตเจ้า
ในเรื่อง Rapture ไม่มีอยู่ในคำสอนของทางคาทอลิก ผมเองคิดว่า คาทอลิกตีความและเชื่อพระคัมภีร์ได้อย่างถูกต้องที่สุด
สามารถบทความดังกล่าวได้ที่ http://www.commontruth.com/Rapture.html ในบทความนี้ก็กล่าวเกี่ยวกับสวรรค์ไว้ว่า ในวาระสุดท้ายผู้เชื่อไม่ได้ไปอยู่ในสวรรค์ที่อยู่บนฟ้า แต่สวรรค์จะมายังโลก พระเจ้าเสด็จมาประทับท่ามกลางมนุษย์ ในนครเยรูซาเล็มใหม่ ก็คงจะจริง เพราะพระศาสนจักรก็ไม่ได้สอนว่าสวรรค์อยู่บนฟ้า หรืออยู่ที่ใดในจักรวาลหรือนอกจักรวาล
ยังไงขอผู้รู้ได้ช่วยตรวจสอบบทความนี้ด้วยว่ามีข้อผิดพลาดทางความเชื่อหรือคำสอนหรือไม่ครับ
สดุดีที่ 37:9,11 คนชั่วจะถูกกำจัดออกไป ส่วนคนที่รอคอยองค์พระผู้เป็นเจ้าจะได้แผ่นดินโลกเป็นมรดก, ผู้มีใจอ่อนโยนจะได้แผ่นดินโลกเป็นมรดก (เห็นได้ว่าแผ่นดินโลกจะเป็นสมบัติของผู้เชื่อ ส่วนคนชั่วจะถูกขจัดออกไป)
สุภาษิต 2:21-22 เพราะว่าผู้ชอบธรรมจะได้อาศัยอยู่บนแผ่นดิน และผู้ที่ไม่มีที่ติจะพำนักอยู่บนแผ่นดิน ส่วนคนชั่วจะถูกกำจัดออกไปจากแผ่นดินโลก
ดังนั้น จึงไม่ใช่คนชอบธรรมที่จะถูกนำออกไปจากโลก แต่คนชั่วที่จะถูกนำออกไปจากโลก เมื่อโลกนี้สะอาดแล้ว หนังสือวิวรณ์กล่าวว่า นครเยรูซาเล็มใหม่จะลอยลงมายังโลก มาตั้งอยู่ในโลก และผู้ชอบธรรมจะปกครองโลกร่วมกับพระคริสตเจ้า
ในเรื่อง Rapture ไม่มีอยู่ในคำสอนของทางคาทอลิก ผมเองคิดว่า คาทอลิกตีความและเชื่อพระคัมภีร์ได้อย่างถูกต้องที่สุด
สามารถบทความดังกล่าวได้ที่ http://www.commontruth.com/Rapture.html ในบทความนี้ก็กล่าวเกี่ยวกับสวรรค์ไว้ว่า ในวาระสุดท้ายผู้เชื่อไม่ได้ไปอยู่ในสวรรค์ที่อยู่บนฟ้า แต่สวรรค์จะมายังโลก พระเจ้าเสด็จมาประทับท่ามกลางมนุษย์ ในนครเยรูซาเล็มใหม่ ก็คงจะจริง เพราะพระศาสนจักรก็ไม่ได้สอนว่าสวรรค์อยู่บนฟ้า หรืออยู่ที่ใดในจักรวาลหรือนอกจักรวาล
ยังไงขอผู้รู้ได้ช่วยตรวจสอบบทความนี้ด้วยว่ามีข้อผิดพลาดทางความเชื่อหรือคำสอนหรือไม่ครับ
ความจริงการรับขึ้นไม่ได้ตีความจากบทนั้นบทเดียวแต่ตีความจากบทจดหมายนักบุญเปาโลด้วยซึ่งอันนั้นเหมือนจะรับคนดีขึ้นไปก่อน มีการพูดถึงหมู่เมฆอะไรแบบนี้ด้วย
ส่วนตัวผมมองว่าการกำจัดคนชั่วไม่น่าจะรับขึ้นไปนะครับ ถ้าเทวดาเทขันกัน7องค์ คนชั่วก็ตายคาโลกนี่แหละ ไม่ได้ลอยขึ้นฟ้า
ดังนั้นการจะไม่ฟันธงว่ามีการรับคนดีขึ้นสวรรค์ก่อนก็ทำได้ แต่การตีความว่ารับคนชั่วขึ้นไปก็มีสิทธิ์ผิดได้พอๆกันแหละครับ
ส่วนตัวผมมองว่าการกำจัดคนชั่วไม่น่าจะรับขึ้นไปนะครับ ถ้าเทวดาเทขันกัน7องค์ คนชั่วก็ตายคาโลกนี่แหละ ไม่ได้ลอยขึ้นฟ้า
ดังนั้นการจะไม่ฟันธงว่ามีการรับคนดีขึ้นสวรรค์ก่อนก็ทำได้ แต่การตีความว่ารับคนชั่วขึ้นไปก็มีสิทธิ์ผิดได้พอๆกันแหละครับ
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
ในทฤษฏีของ "อนาคตศาสตร์" พูดถึงยุค พันปี ในช่วงกลียุค หรือช่วงมหาทุกข์
ก่อนการพิพากษามาถึง พระเยซูเจ้าทรงรับคนดีไปกับพระองค์ ก่อนที่จะทำลายโลก
(อะไรประมาณนี้ ขี้เกียจกลับไปอ่านข้อมูล งับ)
ก่อนการพิพากษามาถึง พระเยซูเจ้าทรงรับคนดีไปกับพระองค์ ก่อนที่จะทำลายโลก
(อะไรประมาณนี้ ขี้เกียจกลับไปอ่านข้อมูล งับ)
-
- โพสต์: 286
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ต.ค. 27, 2010 8:03 pm
- ที่อยู่: ถ.ราชปรารภ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กทม.
ถ้าจะบอกว่าการถูกรับของผู้มีชัยชนะ(ผู้ที่ไม่ใช่แค่ดี แต่ดีพร้อมทุกประการ เป็นที่ชอบในสายพระเนตรพระเจ้า)ไม่มีแล้วละก็
ก็ขอให้มีความสุขกับภัยพิบัติครั้งใหญ่ และรับการข่มเหงจากสัตว์ร้าย ผู้พยากรณ์เท็จฯลฯ ไปละกันครับ
ผมไม่ขอเอาด้วย แล้วพันปีหลังจากนั้นเราค่อยมาเจอกันในนครเยรูซาเล็มใหม่(บนโลก) ฟ้าใหม่แผ่นดินใหม่แล้วกันครับ
ก็ขอให้มีความสุขกับภัยพิบัติครั้งใหญ่ และรับการข่มเหงจากสัตว์ร้าย ผู้พยากรณ์เท็จฯลฯ ไปละกันครับ
ผมไม่ขอเอาด้วย แล้วพันปีหลังจากนั้นเราค่อยมาเจอกันในนครเยรูซาเล็มใหม่(บนโลก) ฟ้าใหม่แผ่นดินใหม่แล้วกันครับ
- Valkyrie Zero Number
- โพสต์: 2081
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am
เอาเป็นว่า เดี๋ยวก็คงได้รู้กันเองนั่นแหละ
-
- โพสต์: 286
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ต.ค. 27, 2010 8:03 pm
- ที่อยู่: ถ.ราชปรารภ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กทม.
AmenเลยครับValkyrie Zero Number เขียน:เอาเป็นว่า เดี๋ยวก็คงได้รู้กันเองนั่นแหละ
พระองค์ผู้ทรงเป็นพยานในเหตุการณ์ทั้งปวงเหล่านี้ตรัสว่า "แท้จริงเราจะมาโดยเร็วพลัน" อาเมน พระเยซูเจ้า เชิญเสด็จมาเถิด.(วว 22:20)
ผมสังเกตว่า จากการประจักษ์หรือเผยแสดงจากแม่พระที่พระศาสนจักรอาจจะยังไม่ได้รับรอง จะเตือนให้ผู้ที่เชื่อตระเตรียมเสบียงที่จำเป็นสำหรับช่วงเวลาแห่งความมืดมิดสามวันสามคืน ให้อยู่แต่ในบ้าน จุดเทียนเสก สวดภาวนา ฯลฯ เพื่อจะได้รอดพ้นจากภัยพิบัติ ซึ่งลงมายังโลกเพื่อกวาดล้างมวลมนุษย์ที่ทำบาป เมื่อภัยพิบัติผ่านพ้นไปผู้ชอบธรรมที่รอดชีวิต ก็จะมีชีวิตอยู่ในโลกใบเดิมที่ถูกปฏิรูปให้เป็นดังสวนสวรรค์
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
พี่เพชรอ่านจากสารไหนครับ เรื่องที่พูดน่าสนใจฮะ
ซึ่งถ้าทั้งโลกได้มีการหยุดภาวนา น่าจะดีมิใช่น้อย
ซึ่งถ้าทั้งโลกได้มีการหยุดภาวนา น่าจะดีมิใช่น้อย
-
- โพสต์: 1413
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 02, 2008 11:18 am
- ที่อยู่: ต.กรอกสมบูรณ์ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี
Jeab Agape เขียน:พี่เพชรอ่านจากสารไหนครับ เรื่องที่พูดน่าสนใจฮะ
ซึ่งถ้าทั้งโลกได้มีการหยุดภาวนา น่าจะดีมิใช่น้อย



สาส์นแม่พระแห่งการาบันดัลครับ ผมไปเจอลงในเว็บหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์
http://www.ryt9.com/s/tpd/875825
1.เครื่องหมายในโลกและสังคมในปัจจุบัน ที่สำคัญๆ คือ
ภัยพิบัติในธรรมชาติ เช่น พายุ ฝนตกหนัก น้ำท่วม แผ่นดินไหว ดินถล่ม ฯลฯ สังคม และครอบครัวกำลังล่มสลาย เพราะขาดจิตสำนึกในบาป ไร้ศีลธรรม ขาดความรับผิดชอบ เห็นแก่ตัว ทะเลาะวิวาท สงคราม เศรษฐกิจถดถอยและกำลังจะล่มสลาย ฯลฯ ความศรัทธา และการปฏิบัติศาสนกิจของคาทอลิกก็เสื่อมลงอย่างน่าใจหาย ในยุโรปและอเมริกาวัดจำนวนมากถูกปิด หรือขายทอดตลาดเพราะสัตบุรุษมาวัดกันน้อยมาก ประกอบกับขาดแคลนพระสงฆ์ บ้านเณร และอารามนักบวชหลายแห่ง ไม่มีกระแสเรียก (ไม่มีใครสมัครใจเป็นนักบวช) หรือมีน้อยมาก ฯลฯ
2.สัญญาณเตือนและอัศจรรย์ใหญ่จะเกิดขึ้นก่อนมืด 3 วัน 3 คืน
ดังได้กล่าวไว้แล้ว
3.เครื่องหมายแสดงว่า ภัยมืด 3 วัน 3 คืน มาถึงคือ
คืนนั้นจะหนาวผิดปกติ เสียงลมหวีดหวิวน่ากลัว สายฟ้าแลบและเสียงฟ้าผ่าจะดังกัมปนาทไปทั่ว ดวงดาวบนท้องฟ้าจะแกว่งไกว จะเกิดแผ่นดินไหวมากผิดปกติ แล้วบัดดลแสงสว่างจะหดหายไปอย่างฉับพลัน จะเหลือแต่ความมืดมิดทั่วทั้งโลก
http://www.ryt9.com/s/tpd/875825
1.เครื่องหมายในโลกและสังคมในปัจจุบัน ที่สำคัญๆ คือ
ภัยพิบัติในธรรมชาติ เช่น พายุ ฝนตกหนัก น้ำท่วม แผ่นดินไหว ดินถล่ม ฯลฯ สังคม และครอบครัวกำลังล่มสลาย เพราะขาดจิตสำนึกในบาป ไร้ศีลธรรม ขาดความรับผิดชอบ เห็นแก่ตัว ทะเลาะวิวาท สงคราม เศรษฐกิจถดถอยและกำลังจะล่มสลาย ฯลฯ ความศรัทธา และการปฏิบัติศาสนกิจของคาทอลิกก็เสื่อมลงอย่างน่าใจหาย ในยุโรปและอเมริกาวัดจำนวนมากถูกปิด หรือขายทอดตลาดเพราะสัตบุรุษมาวัดกันน้อยมาก ประกอบกับขาดแคลนพระสงฆ์ บ้านเณร และอารามนักบวชหลายแห่ง ไม่มีกระแสเรียก (ไม่มีใครสมัครใจเป็นนักบวช) หรือมีน้อยมาก ฯลฯ
2.สัญญาณเตือนและอัศจรรย์ใหญ่จะเกิดขึ้นก่อนมืด 3 วัน 3 คืน
ดังได้กล่าวไว้แล้ว
3.เครื่องหมายแสดงว่า ภัยมืด 3 วัน 3 คืน มาถึงคือ
คืนนั้นจะหนาวผิดปกติ เสียงลมหวีดหวิวน่ากลัว สายฟ้าแลบและเสียงฟ้าผ่าจะดังกัมปนาทไปทั่ว ดวงดาวบนท้องฟ้าจะแกว่งไกว จะเกิดแผ่นดินไหวมากผิดปกติ แล้วบัดดลแสงสว่างจะหดหายไปอย่างฉับพลัน จะเหลือแต่ความมืดมิดทั่วทั้งโลก
4.การลงทัณฑ์จะเกิดขึ้นระหว่าง มืด 3 วัน 3 คืน
ปีศาจจะออกจากขุมนรกจนหมดเกลี้ยง ตระเวนไปทั่วโลกเพื่อทำลายวิญญาณ พวกมันจะมาในรูปร่างน่าเกลียดน่ากลัวมาก ปล่อยพิษในอากาศ และพ่นแก๊สพิษไปทั่ว หลายคนจะตายเพราะตกใจกลัวและหมดหวัง แต่คนชั่วทั้งหลายจะได้เห็นดวงพระหฤทัยของพระเยซูเจ้า (นี่คือพระเมตตาสุดท้าย)
นอกจากนี้ฝนไฟจะตกจากฟ้าลงมาบนโลก ทุกคนจะอกสั่นขวัญแขวนร้องระงม คนที่ไม่ยอมเชื่อในพระเจ้าจำนวนมากจะถูกไฟเผาเหมือนหญ้าแห้ง พระพิโรธของพระเจ้าจะพุ่งลงสู่โลก มันเป็นการลงทัณฑ์ที่น่ากลัวที่สุด ไม่มีครั้งใดเหมือน
ซาตานจะหยิ่งผยองสุดๆ เพราะชัยชนะเป็นของมัน ดูเหมือนโลกทั้งโลกอยู่ในกำมือของมันแล้ว แต่พระเป็นเจ้าจะทรงปราบมันและสมุนของมันทันที พระองค์จะทรงสั่งเทวดานักรบมาเป็นกองทัพ โดยมีพระแม่มารีย์เป็นจอมทัพนำร่อง การเสด็จมาครั้งที่ 2 ของพระเยซูเจ้าในช่วงภัยมืดนั้น ก่อนอื่นเพื่อพิฆาตคนที่เยาะเย้ยพระเยซู พระบุตรของพระองค์ และคนที่ไม่เชื่อในธรรมวิวรณ์ของพระองค์ แล้วบรรดาเทวดานักรบจะจับซาตานวางไว้ใต้พระบาทของพระแม่มารีย์ พระแม่จะเหยียบหัวมันเป็นครั้งที่ 2 แล้วจะทรงบัญชาให้เทวดานักรบเหล่านั้นขับไล่เจ้าซาตานและสมุนของมันทั้งหมดลงสู่ขุมนรก เอาโซ่ล่ามประตูนรก ปิดตายเป็นเวลา 1 พันปี เพื่อมิให้พวกมันออกจากขุมนรกมาล่อลวงมนุษย์อีกต่อไป
พวกเราพึงสังเกตว่าพระเยซูเจ้าไม่ทรงขอให้เราสวดภาวนาวอนขอเพื่อมิให้สิ่งนี้เกิดขึ้น เพราะนี่เป็นพระเมตตาอันยิ่งใหญ่ของพระเป็นเจ้า มันจำเป็นต้องเกิด พระองค์ทรงขอให้เราสวดเพื่อความรอดของตัวเอง และของผู้อื่นให้มากๆ และทรงขอให้เราสวดเพื่อวันแห่งการลงทัณฑ์นั้นสั้นลง
ปีศาจจะออกจากขุมนรกจนหมดเกลี้ยง ตระเวนไปทั่วโลกเพื่อทำลายวิญญาณ พวกมันจะมาในรูปร่างน่าเกลียดน่ากลัวมาก ปล่อยพิษในอากาศ และพ่นแก๊สพิษไปทั่ว หลายคนจะตายเพราะตกใจกลัวและหมดหวัง แต่คนชั่วทั้งหลายจะได้เห็นดวงพระหฤทัยของพระเยซูเจ้า (นี่คือพระเมตตาสุดท้าย)
นอกจากนี้ฝนไฟจะตกจากฟ้าลงมาบนโลก ทุกคนจะอกสั่นขวัญแขวนร้องระงม คนที่ไม่ยอมเชื่อในพระเจ้าจำนวนมากจะถูกไฟเผาเหมือนหญ้าแห้ง พระพิโรธของพระเจ้าจะพุ่งลงสู่โลก มันเป็นการลงทัณฑ์ที่น่ากลัวที่สุด ไม่มีครั้งใดเหมือน
ซาตานจะหยิ่งผยองสุดๆ เพราะชัยชนะเป็นของมัน ดูเหมือนโลกทั้งโลกอยู่ในกำมือของมันแล้ว แต่พระเป็นเจ้าจะทรงปราบมันและสมุนของมันทันที พระองค์จะทรงสั่งเทวดานักรบมาเป็นกองทัพ โดยมีพระแม่มารีย์เป็นจอมทัพนำร่อง การเสด็จมาครั้งที่ 2 ของพระเยซูเจ้าในช่วงภัยมืดนั้น ก่อนอื่นเพื่อพิฆาตคนที่เยาะเย้ยพระเยซู พระบุตรของพระองค์ และคนที่ไม่เชื่อในธรรมวิวรณ์ของพระองค์ แล้วบรรดาเทวดานักรบจะจับซาตานวางไว้ใต้พระบาทของพระแม่มารีย์ พระแม่จะเหยียบหัวมันเป็นครั้งที่ 2 แล้วจะทรงบัญชาให้เทวดานักรบเหล่านั้นขับไล่เจ้าซาตานและสมุนของมันทั้งหมดลงสู่ขุมนรก เอาโซ่ล่ามประตูนรก ปิดตายเป็นเวลา 1 พันปี เพื่อมิให้พวกมันออกจากขุมนรกมาล่อลวงมนุษย์อีกต่อไป
พวกเราพึงสังเกตว่าพระเยซูเจ้าไม่ทรงขอให้เราสวดภาวนาวอนขอเพื่อมิให้สิ่งนี้เกิดขึ้น เพราะนี่เป็นพระเมตตาอันยิ่งใหญ่ของพระเป็นเจ้า มันจำเป็นต้องเกิด พระองค์ทรงขอให้เราสวดเพื่อความรอดของตัวเอง และของผู้อื่นให้มากๆ และทรงขอให้เราสวดเพื่อวันแห่งการลงทัณฑ์นั้นสั้นลง
5.สิ่งที่จะเกิดขึ้น หลังจากมืด 3 วัน 3 คืน
คนชั่วที่ไม่นับถือพระเจ้า และคนบาปที่ไม่ยอมกลับใจจะถูกทำลายหมดสิ้น มนุษย์ 75% จะพินาศ (ชายมากกว่าหญิง) คนที่เหลือ 25% จะเชื่อในพระเจ้าอย่างสุดหัวใจ จะมีศรัทธาร้อนรนเหมือนคริสตชนรุ่นแรกๆ ทันใดนั้นดวงอาทิตย์จะฉายแสงขึ้นมาอีก ทุกสิ่งจะเริ่มสดใสสวยงามดุจฤดูใบไม้ผลิอีกครั้งหนึ่ง
บางประเทศจะหายไปจากผืนแผ่นดินโลก ผู้คนที่เหลือจะเดินทางกลับแผ่นดินบ้านเกิดของตน คุกเข่าลงสวดภาวนาขอบคุณพระเป็นเจ้า พระแม่มารีย์ และเทวดาทั้งหลายที่ได้ทรงพระเมตตาปกป้องคุ้มครองพวกเขาให้ปลอดภัยอย่างอัศจรรย์
อนึ่ง อัครเทวดาราฟาแอลเคยให้สาส์นแก่นางมาร์การีตา ซัมปาอีร์ ว่า เมื่อมหาวิปโยคเกิดขึ้นบนโลก ทั้งก่อนและหลังการเสด็จมาครั้งที่ 2 ของพระเยซูเจ้า ผู้คนเป็นจำนวนมากจะตายไป พวกเขาที่ตายจะเป็นมรณสักขี (ผู้พลีชีพเพื่อพระศาสนา) เพื่อยืนยันความเชื่อ จะถูกปลุกให้ฟื้นโดยพระเยซู แล้วจะมีชีวิตบนโลกที่ถูกเนรมิตขึ้นมาใหม่ โดยพระจิตเจ้าตามแผนของพระเป็นเจ้าแต่นิรันดร์ (เทียบ วว.22:1-21)
ณ ที่นี้ขอเกริ่นเรื่องการเสด็จมาครั้งที่ 2 ของพระเยซูเจ้าสักเล็กน้อย กล่าวคือ นายเปียโร มันโตเร ผู้รวบรวมสาส์นเบื้องบนจากหลายๆ แห่งเผยให้เราทราบถึงการเสด็จมาครั้งที่ 2 ของพระเยซูเจ้าว่า "การเสด็จมาครั้งที่ 2 ของเราจะเหมือนครั้งแรก คือประสูติในเวลากลางคืน เมื่อโลกเชื่อกันว่ากำลังอยู่ในความปลอดภัย เราจะมาเหมือนขโมยยามค่ำคืน... และแล้วเมื่อท้องฟ้าเปิดพวกเจ้าจะเห็นเรา เราจะเสด็จมาในพระสิริรุ่งโรจน์เหนือเมฆบนท้องฟ้า ด้วยมหิทธิเดชานุภาพแห่งพระมหากษัตริย์พร้อมกับพระแม่ของเรา โดยมีทวยเทพเทวาเป็นบริวารพร้อมกับกองทัพสวรรค์ เราจะไม่มาเมื่อพิพากษาโลก แต่จะมาเพื่อทำให้โลกกลับใจ เพราะว่าจะต้องพิสูจน์คำทำนายที่ว่าจะมีฝูงแกะฝูงเดียว และนายชุมพาบาลแต่ผู้เดียว"
เมื่อรวมสาส์นของนางมาร์การีตาและนายเปียโรแล้ว เราน่าจะสรุปได้ว่า พระเยซูเจ้าจะเสด็จลงมาบนโลกใบนี้ในเวลาค่ำคืน ระหว่างมืด 3 วัน 3 คืนนั้น พร้อมกับพระแม่มารีย์ และกองทัพเทวดา เพื่อปราบปีศาจ ซาตาน และคนบาปที่ไม่ยอมกลับใจทั้งหลายลงสู่ขุมนรก ต่อมาเมื่อท้องฟ้าเปิดพระองค์จะแสดงองค์บนท้องฟ้าด้วยพระสิริรุ่งโรจน์แห่งการเป็นจอมราชัน ทุกคน ทุกชาติ ทุกภาษา ที่ถูกเลือกสรรจะเห็นพระองค์พร้อมกับพระแม่มารีย์ คนเหล่านั้นที่รอดจากการลงทัณฑ์ เพราะเป็นคริสตชนที่จงรักภักดีต่อพระองค์ หรือเป็นคนต่างศาสนาที่เป็นคนดี มีใจเปิด เมื่อเห็นพระองค์แล้วจะเชื่อ กลับใจมาเป็นคริสตชน พลเมืองของอาณาจักรของพระคริสต์บนโลกฟ้าใหม่ แผ่นดินใหม่ 1 พันปี (อาณาจักรแห่งสันติสุข)
คนชั่วที่ไม่นับถือพระเจ้า และคนบาปที่ไม่ยอมกลับใจจะถูกทำลายหมดสิ้น มนุษย์ 75% จะพินาศ (ชายมากกว่าหญิง) คนที่เหลือ 25% จะเชื่อในพระเจ้าอย่างสุดหัวใจ จะมีศรัทธาร้อนรนเหมือนคริสตชนรุ่นแรกๆ ทันใดนั้นดวงอาทิตย์จะฉายแสงขึ้นมาอีก ทุกสิ่งจะเริ่มสดใสสวยงามดุจฤดูใบไม้ผลิอีกครั้งหนึ่ง
บางประเทศจะหายไปจากผืนแผ่นดินโลก ผู้คนที่เหลือจะเดินทางกลับแผ่นดินบ้านเกิดของตน คุกเข่าลงสวดภาวนาขอบคุณพระเป็นเจ้า พระแม่มารีย์ และเทวดาทั้งหลายที่ได้ทรงพระเมตตาปกป้องคุ้มครองพวกเขาให้ปลอดภัยอย่างอัศจรรย์
อนึ่ง อัครเทวดาราฟาแอลเคยให้สาส์นแก่นางมาร์การีตา ซัมปาอีร์ ว่า เมื่อมหาวิปโยคเกิดขึ้นบนโลก ทั้งก่อนและหลังการเสด็จมาครั้งที่ 2 ของพระเยซูเจ้า ผู้คนเป็นจำนวนมากจะตายไป พวกเขาที่ตายจะเป็นมรณสักขี (ผู้พลีชีพเพื่อพระศาสนา) เพื่อยืนยันความเชื่อ จะถูกปลุกให้ฟื้นโดยพระเยซู แล้วจะมีชีวิตบนโลกที่ถูกเนรมิตขึ้นมาใหม่ โดยพระจิตเจ้าตามแผนของพระเป็นเจ้าแต่นิรันดร์ (เทียบ วว.22:1-21)
ณ ที่นี้ขอเกริ่นเรื่องการเสด็จมาครั้งที่ 2 ของพระเยซูเจ้าสักเล็กน้อย กล่าวคือ นายเปียโร มันโตเร ผู้รวบรวมสาส์นเบื้องบนจากหลายๆ แห่งเผยให้เราทราบถึงการเสด็จมาครั้งที่ 2 ของพระเยซูเจ้าว่า "การเสด็จมาครั้งที่ 2 ของเราจะเหมือนครั้งแรก คือประสูติในเวลากลางคืน เมื่อโลกเชื่อกันว่ากำลังอยู่ในความปลอดภัย เราจะมาเหมือนขโมยยามค่ำคืน... และแล้วเมื่อท้องฟ้าเปิดพวกเจ้าจะเห็นเรา เราจะเสด็จมาในพระสิริรุ่งโรจน์เหนือเมฆบนท้องฟ้า ด้วยมหิทธิเดชานุภาพแห่งพระมหากษัตริย์พร้อมกับพระแม่ของเรา โดยมีทวยเทพเทวาเป็นบริวารพร้อมกับกองทัพสวรรค์ เราจะไม่มาเมื่อพิพากษาโลก แต่จะมาเพื่อทำให้โลกกลับใจ เพราะว่าจะต้องพิสูจน์คำทำนายที่ว่าจะมีฝูงแกะฝูงเดียว และนายชุมพาบาลแต่ผู้เดียว"
เมื่อรวมสาส์นของนางมาร์การีตาและนายเปียโรแล้ว เราน่าจะสรุปได้ว่า พระเยซูเจ้าจะเสด็จลงมาบนโลกใบนี้ในเวลาค่ำคืน ระหว่างมืด 3 วัน 3 คืนนั้น พร้อมกับพระแม่มารีย์ และกองทัพเทวดา เพื่อปราบปีศาจ ซาตาน และคนบาปที่ไม่ยอมกลับใจทั้งหลายลงสู่ขุมนรก ต่อมาเมื่อท้องฟ้าเปิดพระองค์จะแสดงองค์บนท้องฟ้าด้วยพระสิริรุ่งโรจน์แห่งการเป็นจอมราชัน ทุกคน ทุกชาติ ทุกภาษา ที่ถูกเลือกสรรจะเห็นพระองค์พร้อมกับพระแม่มารีย์ คนเหล่านั้นที่รอดจากการลงทัณฑ์ เพราะเป็นคริสตชนที่จงรักภักดีต่อพระองค์ หรือเป็นคนต่างศาสนาที่เป็นคนดี มีใจเปิด เมื่อเห็นพระองค์แล้วจะเชื่อ กลับใจมาเป็นคริสตชน พลเมืองของอาณาจักรของพระคริสต์บนโลกฟ้าใหม่ แผ่นดินใหม่ 1 พันปี (อาณาจักรแห่งสันติสุข)
6.เราควรเตรียมตัวอย่างไร และควรปฏิบัติตนอย่างไร ในช่วงมืด 3 วัน 3 คืน
6.1 เมื่อคืนอันหนาวเหน็บนั้นเกิดขึ้น จงรีบเข้าบ้าน ปิดประตูหน้าต่างให้หมด ดึงม่านมาปิดให้มิดชิด หากบ้านท่านมีฝาบ้านเป็นช่องโหว่ ให้นำเทปสีดำหรือสีเทาปิดให้หมด กันแก๊สพิษรอดเข้ามา อย่าอยู่ใกล้ประตูหรือหน้าต่าง อย่ามองออกไปข้างนอกหรือออกนอกบ้านเป็นอันขาด และอย่าโต้ตอบเสียงที่มาจากนอกบ้าน เพราะเจ้าปีศาจมันจะเลียนแบบเสียงญาติหรือเพื่อนของท่านเพื่อหลอกล่อให้ท่านออกจากบ้าน มันจะตะครุบและฆ่าท่านทันที
6.2 เตรียมเทียนเสกเอาไว้ (เทียนที่ทำจากขี้ผึ้ง 51% ขึ้นไป) เทียนเสกเท่านั้นที่จะจุดติด และให้แสงสว่างในบ้านของผู้ที่เชื่อในพระเจ้า หรือพร้อมที่จะเชื่อในพระองค์ ส่วนคนที่ใจแข็งกระด้างไม่ยอมเชื่อในพระเจ้า หรือเยาะเย้ยคำทำนายของพระองค์ แม้จะจุดเทียนเสกในบ้านของเขา เทียนนั้นก็จะจุดไม่ติด ให้เตรียมน้ำเสกเอาไว้ประพรมประตู หน้าต่าง และส่วนต่างๆ ของบ้าน จงจุ่มน้ำเสกทำสำคัญมหากางเขน ดื่ม ทา หู จมูก ปาก แขนขา และส่วนต่างๆ ของร่างกาย เพื่อเป็นภูมิคุ้มกันการจู่โจมของปีศาจมารร้ายด้วย
6.3 เตรียมอาหาร น้ำ และผ้าห่มสำหรับทุกคนในบ้าน อย่าหวังพึ่งไฟฟ้า น้ำประปา มันจะถูกทำลายหมดสิ้น
6.4 ถ้าท่านมีสัตว์เลี้ยง จงเตรียมอาหารเผื่อไว้ให้พวกมันนอกบ้าน ส่วนสัตว์เลี้ยงในบ้าน เช่น สุนัขและแมวให้เก็บรักษาไว้ในบ้านได้
6.5 ที่สำคัญที่สุด ต้องรวมตัวกันสวดภาวนาโดยกางเขน หรือหมอบกราบหรือคุกเข่าภาวนาเพื่อความปลอดภัยของทุกคนในบ้าน เพื่อนบ้าน และญาติพี่น้อง ให้สวดบทแสดงความเชื่อ ความวางใจ และความรัก วิงวอนขอรับศีลมหาสนิทด้วยความปรารถนา อ่านหนังสือศรัทธา สวดสายประคำ รำพึงถึงพระมหาทรมานของพระเยซูเจ้า ร้องหาดวงหทัยนิรมลอันเปี่ยมด้วยความทุกข์ระทมของแม่พระมารีย์ ท่านจะปลอดภัย อีกทั้งวิงวอนขอความช่วยเหลือจากอัครเทวดามีคาแอล เทวดารักษาตัว และนักบุญประจำตัวท่าน
6.6 คนที่กำลังเดินทางยังไม่ถึงบ้านหรือที่พัก จะตายเป็นมรณสักขี ได้ไปสวรรค์ถ้าเขาเป็นคนดี นอกจากนี้เด็กๆ ผู้ใหญ่จำนวนหนึ่งจะถูกรับไปสวรรค์ก่อนมืด 3 วัน 3 คืนนี้ ทั้งนี้ด้วยพระเมตตาของพระเป็นเจ้า เพื่อป้องกันมิให้พวกเขาต้องเผชิญกับความน่าหวาดกลัวของการลงทัณฑ์อันยิ่งใหญ่นี้
อนึ่ง ผู้ใดที่เหยียดหยามและไม่เชื่อสิ่งต่างๆ ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ จะถูกลงโทษให้ตายอย่างปุบปับ ช่วยไม่ทัน
6.1 เมื่อคืนอันหนาวเหน็บนั้นเกิดขึ้น จงรีบเข้าบ้าน ปิดประตูหน้าต่างให้หมด ดึงม่านมาปิดให้มิดชิด หากบ้านท่านมีฝาบ้านเป็นช่องโหว่ ให้นำเทปสีดำหรือสีเทาปิดให้หมด กันแก๊สพิษรอดเข้ามา อย่าอยู่ใกล้ประตูหรือหน้าต่าง อย่ามองออกไปข้างนอกหรือออกนอกบ้านเป็นอันขาด และอย่าโต้ตอบเสียงที่มาจากนอกบ้าน เพราะเจ้าปีศาจมันจะเลียนแบบเสียงญาติหรือเพื่อนของท่านเพื่อหลอกล่อให้ท่านออกจากบ้าน มันจะตะครุบและฆ่าท่านทันที
6.2 เตรียมเทียนเสกเอาไว้ (เทียนที่ทำจากขี้ผึ้ง 51% ขึ้นไป) เทียนเสกเท่านั้นที่จะจุดติด และให้แสงสว่างในบ้านของผู้ที่เชื่อในพระเจ้า หรือพร้อมที่จะเชื่อในพระองค์ ส่วนคนที่ใจแข็งกระด้างไม่ยอมเชื่อในพระเจ้า หรือเยาะเย้ยคำทำนายของพระองค์ แม้จะจุดเทียนเสกในบ้านของเขา เทียนนั้นก็จะจุดไม่ติด ให้เตรียมน้ำเสกเอาไว้ประพรมประตู หน้าต่าง และส่วนต่างๆ ของบ้าน จงจุ่มน้ำเสกทำสำคัญมหากางเขน ดื่ม ทา หู จมูก ปาก แขนขา และส่วนต่างๆ ของร่างกาย เพื่อเป็นภูมิคุ้มกันการจู่โจมของปีศาจมารร้ายด้วย
6.3 เตรียมอาหาร น้ำ และผ้าห่มสำหรับทุกคนในบ้าน อย่าหวังพึ่งไฟฟ้า น้ำประปา มันจะถูกทำลายหมดสิ้น
6.4 ถ้าท่านมีสัตว์เลี้ยง จงเตรียมอาหารเผื่อไว้ให้พวกมันนอกบ้าน ส่วนสัตว์เลี้ยงในบ้าน เช่น สุนัขและแมวให้เก็บรักษาไว้ในบ้านได้
6.5 ที่สำคัญที่สุด ต้องรวมตัวกันสวดภาวนาโดยกางเขน หรือหมอบกราบหรือคุกเข่าภาวนาเพื่อความปลอดภัยของทุกคนในบ้าน เพื่อนบ้าน และญาติพี่น้อง ให้สวดบทแสดงความเชื่อ ความวางใจ และความรัก วิงวอนขอรับศีลมหาสนิทด้วยความปรารถนา อ่านหนังสือศรัทธา สวดสายประคำ รำพึงถึงพระมหาทรมานของพระเยซูเจ้า ร้องหาดวงหทัยนิรมลอันเปี่ยมด้วยความทุกข์ระทมของแม่พระมารีย์ ท่านจะปลอดภัย อีกทั้งวิงวอนขอความช่วยเหลือจากอัครเทวดามีคาแอล เทวดารักษาตัว และนักบุญประจำตัวท่าน
6.6 คนที่กำลังเดินทางยังไม่ถึงบ้านหรือที่พัก จะตายเป็นมรณสักขี ได้ไปสวรรค์ถ้าเขาเป็นคนดี นอกจากนี้เด็กๆ ผู้ใหญ่จำนวนหนึ่งจะถูกรับไปสวรรค์ก่อนมืด 3 วัน 3 คืนนี้ ทั้งนี้ด้วยพระเมตตาของพระเป็นเจ้า เพื่อป้องกันมิให้พวกเขาต้องเผชิญกับความน่าหวาดกลัวของการลงทัณฑ์อันยิ่งใหญ่นี้
อนึ่ง ผู้ใดที่เหยียดหยามและไม่เชื่อสิ่งต่างๆ ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ จะถูกลงโทษให้ตายอย่างปุบปับ ช่วยไม่ทัน
สรุป ท้ายที่สุดผู้เป็นเจ้าของบทความนี้เปิดเผยว่า ภัยมืด 3 วัน 3 คืนนี้เคยถูกเลื่อนมาหลายครั้งแล้ว เพราะคำภาวนา และการพลีกรรมใช้โทษบาปของหลายๆ คน โดยเฉพาะอาศัยคำเสนอวิงวอนของพระแม่มารีย์ แต่ ณ บัดนี้จะถูกยับยั้งต่อไปไม่ได้แล้ว เพราะโลกเต็มไปด้วยบาปสุดจะประมาณได้ จำเป็นต้องถูกชำระในเร็วๆ นี้ พระเจ้าจะเสด็จมาดั่งขโมยในเวลาที่พวกเราไม่นึกไม่ฝัน ดังนั้น จงเตรียมตัวให้พร้อมทั้งกาย และวิญญาณ การเตรียมตัวทางกาย อาทิเช่น เตรียมเทียนขี้ผึ้งแท้อย่างน้อย 51% และให้พระสงฆ์ที่มีความเชื่อ ความศรัทธาแบบเก่า (TRADITIONALIST PRIEST) เสกเทียน น้ำ ผลองุ่น อาหารแห้ง รูปพระ จงสวมสายจำพวกพระแม่แห่งคาร์แมล ติดรูปกางเขน และรูปดวงหทัยคู่ไว้ที่ประตูบ้าน ทั้งด้านนอกและด้านใน ใช้ชีวิตอย่างสมถะไม่ฟุ่มเฟือย พลีกรรมอดอาหารบ่อยๆ เท่าที่สามารถ ส่วนการเตรียมตัวทางวิญญาณนั้นสำคัญที่สุด คือ รักษาชีวิตพระหรรษทานไว้ (ชีวิตที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง) ตลอดเวลา หมั่นสวดภาวนา แก้บาป รับศีล เป็นทุกข์ถึงบาปบ่อยๆ ทุกคืนก่อนนอน เข้ากลุ่มภาวนาเซนาเกิล ซึ่งเป็นกองทัพสวรรค์ของพระแม่เพื่อจะได้มีส่วนร่วมในชัยชนะแห่งดวงหทัยนิรมลของพระแม่ และเป็นสาวกหรือธรรทูตของพระแม่ ในช่วงท้ายๆ ของยุคสุดท้ายนี้ เพื่อช่วยกันขยายกลุ่มภาวนาเซนาเกิลทุกระดับในพระศาสนจักร นับตั้งแต่ระดับพระคาร์ดินัล พระสังฆราช พระสงฆ์ นักบวช และฆราวาสในครอบครัว และออกไปเป็นธรรมทูตเผยแพร่สาส์นเซนาเกิลของพระแม่ ผ่านทางคุณพ่อก็อบบี (1973-1997) สอนคำสอนให้คนต่างศาสนาได้รู้จักพระเจ้า พระผู้สร้างฟ้าดิน พระเยซูพระผู้ไถ่โลก พระแม่มารีย์และพระศาสนจักรคาทอลิก รวมทั้งเผยแพร่เหตุการณ์สำคัญ 3 อย่างที่ใกล้จะเกิดขึ้น คือ สัญญาณเตือน อัศจรรย์ และการลงทัณฑ์ (มืด 3 วัน 3 คืน) อย่ากลัวที่จะถูกคนเยาะเย้ยและเหยียดหยาม เหตุว่าประกาศกในอดีตถูกเบียดเบียน และถูกฆ่าตายเป็นจำนวนมาก จงจำไว้ว่า "ไม่มีศิษย์ของพระคริสต์คนใดพ้นจากการถูกเยาะเย้ยและเบียดเบียนได้" (NO DISCIPLE OF CHRIST CAN ESCAPE SCORN OR EVEN PERSECUTION)
ความบรรเทาใจอันยิ่งใหญ่ของพวกเรา คือ ยุคแห่งสันติสุข 1 พันปี กำลังรอเราอยู่ข้างหน้า
ขอคัดสาส์นบรรเทาใจจากเบื้องบน ดังนี้
1. "ในไม่ช้าพวกท่านจะเห็นอวสานกาลของยุคปัจจุบัน เรากำลังอยู่ในยุคอพยพครั้งที่ 2 อพยพจากดินแดนแห่งบาป และความชั่วร้ายไปสู่ดินแดนแห่งสวนเอเดนใหม่" (สาส์นเบื้องบน โดยนายเปียโร มันเตโร)
2.สิ่งสารพัดที่พระเจ้าทรงสร้างมานี้ก็ยังมีความหวัง เช่นเดียวกับพวกเราว่าจะพ้นจากการเป็นทาส ต่อสภาพที่จะต้องเน่าเปื่อยผุพัง เพื่อจะได้มีเสรีภาพและเกียรติมงคล เช่นเดียวกับที่บรรดาบุตรของพระเป็นเจ้าจะได้รับ (รม.8:21-22)
เสริม ในบทภาวนาเดินรูป 14 ภาค เราสวดว่า "เหตุด้วยพระองค์ได้ทรงไถ่โลกด้วยกางเขนอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์" หมายความว่าพระเยซูเจ้าทรงไถ่โลกทั้งหมด มิใช่มนุษย์เท่านั้น แต่ทุกสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้างมา และถูกสาปเสียไปหรือเสื่อมไปเพราะบาปของมนุษย์นั้นจะได้รับการเนรมิตขึ้นมาใหม่ให้มีสภาพสวยงาม อิสระสมบูรณ์ในสวนเอเดนใหม่ 1 พันปี (เทียบ วว.22.1-20)
3. "ซาตานมองข้ามกลุ่มความเชื่อที่แท้จริง และซ่อนเร้น มันมองหาวัดต่างๆ ที่รวบรวมคนเป็นกลุ่มเป็นก้อน เป็นคริสตชนกลุ่มใหญ่ที่หลับใหล ซึ่งเดินตามพระสังฆราช และพระสงฆ์เหมือนลูกแกะซื่อๆ เพื่อจะได้ชื่อว่าเป็นพระศาสนจักรใหม่ทันสมัย" (เสียงของอัครเทพราฟาแอล ผ่านนางมาร์การีตา ซัมปาอีร์)
4. "พวกท่านจะรู้ว่า การชำระล้างแผ่นดินจะจบลงเมื่อการเป่าลมแห่งชีวิต การเป่าลมของพระจิตจะทำให้ชีวิตฟื้นขึ้นมาใหม่ อีกไม่ช้าโลกใหม่จะมาถึง พระจิตของพระเจ้าจะเสด็จมาบนแผ่นดิน เพื่อสถาปนาอาณาจักรแห่งสันติสุข" (สาส์นเบื้องบน โดยนายเปียโร มันเตโร)
5. "ท่านถามว่า คริสตชนมากน้อยแค่ไหนจะไปถึงยุคสันติสุข? เราขอตอบว่า ทุกคนที่สามารถรักษาเนื้อ รักษาตัว ยึดมั่นในความเชื่อแท้และไม่ยอมแพ้ต่อปีศาจมารร้าย หรือสมุนของมัน (สมณซอน ฟรีเมซอน และคอมมิวนิสต์เมซอน) จะไปถึงยุคแห่งสันติสุขอย่างแน่นอน" (สาส์นเบื้องบนโดยนายเปียโร มันเตโร)
6. "พระแม่มารีย์ คือพาสปอร์ตของลูกสำหรับเข้าแผ่นดินใหม่ ซึ่งจะโผล่มาจากกองขี้เถ้าแห่งแผ่นดินเก่า... บรรดาเทวดาจะปราบเจ้าซาตานก่อนเมื่อหมดแล้วจึงจะไปจัดการกับมนุษย์ชั่วช้าทั้งหลาย เมื่อพระองค์จะเสด็จลงมาครั้งใหม่พระองค์จะพบความเชื่อบนโลก เหมือนกับพระองค์จะพบผู้คนเป็นล้านๆ คน คุกเข่าสวดสายประคำด้วยความศรัทธา เฝ้าคอยจะต้อนรับพระองค์ กราบนมัสการพระองค์ ผู้จะเสด็จมาในฐานะกษัตริย์ แห่งกษัตริย์ทั้งหลาย" (สาส์นของแม่พระผ่านนางมาร์การีตา ซัมปาอีร์)
ขอคัดสาส์นบรรเทาใจจากเบื้องบน ดังนี้
1. "ในไม่ช้าพวกท่านจะเห็นอวสานกาลของยุคปัจจุบัน เรากำลังอยู่ในยุคอพยพครั้งที่ 2 อพยพจากดินแดนแห่งบาป และความชั่วร้ายไปสู่ดินแดนแห่งสวนเอเดนใหม่" (สาส์นเบื้องบน โดยนายเปียโร มันเตโร)
2.สิ่งสารพัดที่พระเจ้าทรงสร้างมานี้ก็ยังมีความหวัง เช่นเดียวกับพวกเราว่าจะพ้นจากการเป็นทาส ต่อสภาพที่จะต้องเน่าเปื่อยผุพัง เพื่อจะได้มีเสรีภาพและเกียรติมงคล เช่นเดียวกับที่บรรดาบุตรของพระเป็นเจ้าจะได้รับ (รม.8:21-22)
เสริม ในบทภาวนาเดินรูป 14 ภาค เราสวดว่า "เหตุด้วยพระองค์ได้ทรงไถ่โลกด้วยกางเขนอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์" หมายความว่าพระเยซูเจ้าทรงไถ่โลกทั้งหมด มิใช่มนุษย์เท่านั้น แต่ทุกสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้างมา และถูกสาปเสียไปหรือเสื่อมไปเพราะบาปของมนุษย์นั้นจะได้รับการเนรมิตขึ้นมาใหม่ให้มีสภาพสวยงาม อิสระสมบูรณ์ในสวนเอเดนใหม่ 1 พันปี (เทียบ วว.22.1-20)
3. "ซาตานมองข้ามกลุ่มความเชื่อที่แท้จริง และซ่อนเร้น มันมองหาวัดต่างๆ ที่รวบรวมคนเป็นกลุ่มเป็นก้อน เป็นคริสตชนกลุ่มใหญ่ที่หลับใหล ซึ่งเดินตามพระสังฆราช และพระสงฆ์เหมือนลูกแกะซื่อๆ เพื่อจะได้ชื่อว่าเป็นพระศาสนจักรใหม่ทันสมัย" (เสียงของอัครเทพราฟาแอล ผ่านนางมาร์การีตา ซัมปาอีร์)
4. "พวกท่านจะรู้ว่า การชำระล้างแผ่นดินจะจบลงเมื่อการเป่าลมแห่งชีวิต การเป่าลมของพระจิตจะทำให้ชีวิตฟื้นขึ้นมาใหม่ อีกไม่ช้าโลกใหม่จะมาถึง พระจิตของพระเจ้าจะเสด็จมาบนแผ่นดิน เพื่อสถาปนาอาณาจักรแห่งสันติสุข" (สาส์นเบื้องบน โดยนายเปียโร มันเตโร)
5. "ท่านถามว่า คริสตชนมากน้อยแค่ไหนจะไปถึงยุคสันติสุข? เราขอตอบว่า ทุกคนที่สามารถรักษาเนื้อ รักษาตัว ยึดมั่นในความเชื่อแท้และไม่ยอมแพ้ต่อปีศาจมารร้าย หรือสมุนของมัน (สมณซอน ฟรีเมซอน และคอมมิวนิสต์เมซอน) จะไปถึงยุคแห่งสันติสุขอย่างแน่นอน" (สาส์นเบื้องบนโดยนายเปียโร มันเตโร)
6. "พระแม่มารีย์ คือพาสปอร์ตของลูกสำหรับเข้าแผ่นดินใหม่ ซึ่งจะโผล่มาจากกองขี้เถ้าแห่งแผ่นดินเก่า... บรรดาเทวดาจะปราบเจ้าซาตานก่อนเมื่อหมดแล้วจึงจะไปจัดการกับมนุษย์ชั่วช้าทั้งหลาย เมื่อพระองค์จะเสด็จลงมาครั้งใหม่พระองค์จะพบความเชื่อบนโลก เหมือนกับพระองค์จะพบผู้คนเป็นล้านๆ คน คุกเข่าสวดสายประคำด้วยความศรัทธา เฝ้าคอยจะต้อนรับพระองค์ กราบนมัสการพระองค์ ผู้จะเสด็จมาในฐานะกษัตริย์ แห่งกษัตริย์ทั้งหลาย" (สาส์นของแม่พระผ่านนางมาร์การีตา ซัมปาอีร์)