3. พระคริสตเจ้าทรงครองราชย์ 1000 ปี
ในวิวรณ์บทที่ 20 มีข้อความกล่าวถึงทูตสวรรค์จับมังกรหรืองูดึกดำบรรพ์มัดไว้หนึ่งพันปีแล้วทิ้งมันลงไปในบาดาลเมื่อครบกำหนดหนึ่งพันปีแล้ว มันจะถูกปล่อยออกมาชั่วขณะหนึ่ง (ข้อ 1-3)
“ข้าพเจ้ายังเห็นวิญญาณของผุ้ที่ถูกตัดศีรษะเพราะคำพยานถึงพระเยซูเจ้าและเพราะพระวาจาของพระเจ้า เขาเหล่านั้นกลับมีชีวิตและได้เข้าครองราชย์พร้อมกับพระคริสตเจ้าเป็นเวลาหนึ่งพันปี ผู้ตายคนอื่นไม่ได้กลับมีชีวิตจนกว่าจะครบกำหนดหนึ่งพันปี นี่คือการกลับคืนชีพครั้งแรก ความตายครั้งที่สองไม่มีอำนาจเหนือเขาเหล่านี้ แต่เขาจะเป็นสมณะของพระเจ้าและของพระคริสตเจ้าและจะครองราชย์พร้อมกับพระองค์เป็นเวลาหนึ่งพันปี” (วว 20:4-6)
เพื่อจะเข้าใจความหมายของข้อความนี้เราต้องไม่ลืม
“ข่าวดี” ซึ่งเป็นความหมายส่วนรวมของหนังสือวิวรณ์ นั่นคือพระคริสตเจ้า จะทรงชัยชนะในที่สุดศัตรูของพระองค์ (มังกร) จะถูกมัดและขังไว้ แม้ว่ามันจะถูกปล่อยออกมาชั่วระยะเวลาสั้นๆ (ข้อ3) ส่วนผู้ที่ได้สละชีวิตเป็นพยานถึงพระคริสตเจ้าจะมีส่วนในชัยชนะของพระองค์โดย
“ครองราชย์พร้อมกับพระองค์เป็นเวลาหนึ่งพันปี” (ข้อ4) คริสตชนที่ได้ทนทุกข์ทรมานและถูกประหารเพราะความเชื่อต่อองค์พระคริสตเจ้าในโลกนี้จะมีส่วนร่วมในชัยชนะและความรุ่งเรืองของพระคริสต์เจ้าอย่างแน่นอน
ระยะเวลา
“หนึ่งพันปี” ที่เขาจะครองราชย์พร้อมกับพระคริสตเจ้านี้ถ้าจะเข้าใจตรงตามตัวอักษรก็จะมีปัญหาตามมานั่นคือ
“ระยะเวลาหนึ่งพันปีนี้เริ่มตั้งแต่เมื่อไรและสิ้นสุดเมื่อไร” นับตั้งแต่การสมภพของพระคริสตเจ้าหรือนับตั้งแต่การสิ้นพระชนม์ของพระองค์หรือนับตั้งแต่ยอห์นถึงแก่กรรม หรือนับตั้งแต่เขียนหนังสือวิวรณ์นี้ ฯลฯ
ดูเหมือนว่าไม่มีใครให้คำตอบได้และขณะที่เรากำลังใกล้จะถึงปี 2000 ก็มี “นักเทศน์” หลายคนกล่าวว่าเวลา “หนึ่งพันปี” นี้กำลังจะสิ้นสุดลงเจ้ามังกรร้าย กำลังจะถูกปล่อยออกมาก่อให้เหตุภัยพิบัติต่างๆ ความชั่วช้าและภัยพิบัติต่างๆ จะมาครอบงำมนุษยชาติอีกเพราะการครองราชย์ “หนึ่งพันปี” ของพระคริสตเจ้ากำลังจะสิ้นสุดลงแล้ว
ถ้าเราศึกษาประวัติศาสตร์ก็จะเห็นว่าเมื่อใกล้จะถึง ค.ศ.1000 ก็ได้มี “นักเทศน์” เช่นนี้เกิดขึ้นเป็นจำนวนมากด้วยเช่นกัน ความคิดเห็นเช่นนี้ได้ชื่อทางวิชาการว่า
“Millenarianism” และได้ก่อให้เกิดความหวาดวิตกแก่ผู้คนจำนวนไม่น้อยที่เชื่อบรรดา
“นักเทศน์ที่กล่าวถึงภัยพิบัติ” เหล่านี้
แต่ความจริงมีอยู่ว่าพระศาสนจักรไม่เคยสอนเช่นนี้และได้ประนามคำสอนตลอดมาเราจึงควรเข้าใจว่าเวลาหนึ่งพันปีนี้หมายถึง ระยะเวลาสำคัญนานพอสมควร แม้จะไม่ตลอดนิรันดร
นักบุญออกัสตินเข้าใจว่าระยะเวลานี้หมายถึง ช่วงเวลาของพระศาสนจักรในโลกนี้ เราไม่ทราบว่าระยะเวลาดังกล่าวนี้จะสิ้นสุดเมื่อไร ในช่วงเวลานี้บรรดาคริสตชนที่สละชีวิตเป็นพยานถึงองค์พระคริสตเจ้าจะมีส่วนในชัยชนะของพระองค์ ขณะที่กำลังรอคอยเวลาแห่ง “ฟ้าใหม่แผ่นดินใหม่” ที่เขาจะได้เข้าไปอยู่ร่วมความสุขและชีวิตตลอดนิรันดร
จึงเห็นได้ว่าเมื่ออ่านหนังสือวิวรณ์เราต้องพยายามเข้าใจความหมายของข้อความที่เป็นสัญลักษณ์เหล่านี้ในบริบทของหนังสือนี้ทั้งหมด นั่นคือ
“ข่าวดี” ที่คริสตชนกำลังรอคอยต้องรับพระคริสตเจ้าผู้ทรงชัย เพื่อจะมีส่วนในการฉลองชัยพร้อมกับพระองค์และบรรดาผู้เลือกสรรที่ได้เป็นพยานถึงองค์พระคริสตเจ้า ในการสู้ทนความทุกข์ยากต่างๆ แม้กระทั่งต้องหลั่งเลือดสละชีวิตของตนเพื่อต่อสู้กับอำนาจมืดและความชั่วช้าต่างๆ ซึ่งดูเหมือนว่ามีอำนาจปกครองโลกพิภพของเรานี้ แต่ในที่สุดอำนาจความชั่วช้าเหล่านี้จะต้องพ่ายแพ้ต่อองค์พระคริสตเจ้า
“ลูกแกะที่ถูกประหารและประทับยืนอยู่” พระองค์ได้สละพระโลหิตเหมือนลูกแกะที่ถูกฆ่าเป็นบูชายัญโดยไม่มีความผิด แต่พระองค์ก็ได้ทรงกลับคืนพระชนม์ประทับยืนอย่างสง่าท่ามกลางทูตสวรรค์และจะเสด็จมาสถาปนา “ฟ้าใหม่ แผ่นดินใหม่” ที่มนุษย์ผู้ได้รับการไถ่กู้ทุกคนจะร่วมฉลองงานวิวาห์มงคลของลูกแกะ คือ ความสัมพันธ์ระหว่างพระคริสตเจ้ากับพะระศาสนจักรหรือมนุษย์ผู้รับการกอบกู้ทั้งหลายนั่นเอง
หนังสือวิวรณ์จึงต้องไม่เป็นโอกาสให้เราเป็นกังวลว่าโลกจะจบสิ้นในปี ค.ศ.2000 นี้ อย่างที่หลายคนกลัว แต่ตรงกันข้ามจะต้องเปิดใจของเราทุกคนให้ต้อนรับสหัสวรรษที่ 3 ซึ่งกำลังจะเริ่มขึ้นด้วยความชื่นชมยินดีพร้อมที่จะให้องค์พระคริสตเจ้าพระผู้ไถ่กู้ของเราทรงเป็นผู้นำชีวิต และสังคมมนุษย์เดินมุ่งหน้าด้วยความมั่นใจไปยัง “ฟ้าใหม่ แผ่นดินใหม่” ที่จะทรงให้เรามีส่วนร่วมสถาปนาขึ้นในอนาคตอย่างแน่นอน
--------------------------------------------------------------------------
บาทหลวงทัศไนย์ คมกฤส. วิวรณ์ รหัสแห่งข่าวดี. นครปฐม: วิทยาลัยแสงธรรม, 2550. หน้า 73-86