ถาม-ตอบพระคัมภีร์ เรื่องเสริมศรัทธา ความรู้ และสาระ บทความ ในคริสตศาสนา
-
Holy
- Defender of lawS

- โพสต์: 10011
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm
พฤหัสฯ. ก.ค. 21, 2011 1:58 am
สวรรค์เป็นอย่างไร
Fr.Jude Wingler คณะภารดาน้อยฟรังซิสกัน
ก ครุวรรณ ถอดความ
ในสมัยโบราณ แนวคิดเก่าแก่ที่สุดเกี่ยวกับสวรรค์คือราชสำนัก ซึ่งแสดงออกเป็นภาพพระเจ้าประทับนั่งบนบัลลังก์ ภาพสวรรค์ลักษณะนี้แสดงถึงราชสำนักในสมัยโบราณ โดยเฉพาะพระราชวังของกษัตริย์โซโลมอนในกรุงเยรูซาเล็ม ซึ่งแม้แต่พระราชินีแห่งเชบา ยังเดินทางไกลมาชมความโอ่อ่าของพระราชสำนักแห่งนี้
สิ่งที่ทำให้ราชสำนักเหล่านี้เป็นสวรรค์บนดิน นอกจากความสง่างามของอาคารต่างๆ เสื้อผ้าแลเครื่องเพชรนิลจินดาแล้ว ยังมีปรีชาญาณของผู้ปกครองที่ชาญฉลาด รู้จักสิ่งมหัศจรรย์ต่างๆ ที่เป็นธรรมชาติของโลกและสวรรค์ กษัตริย์ต้องเป็นผู้ประกันความยุติธรรมโดยเฉพาะต่อผู้อ่อนแอหรือผู้ที่ไร้อำนาจ เช่นแม่ม่าย หรือเด็กกำพร้า
สิ่งที่มีความสัมพันธ์ใกล้เคียงกับราชสำนักแห่งสวรรค์และพระราชวัง ได้แก่
พระวิหาร ดังนั้นพระราชวังที่ประทับของพระเจ้าบนโลก หรือพระวิหารของชาวอิสราเอล จึงประดับอย่างเลิศหรูด้วยทองคำและไม้มูลค่าสูง ในพระวิหารมีการบูชายัญสัตว์และพืชผลเหล้าองุ่น และธูปหอม พระวิหารเป็นสถานที่พระเจ้าทรงเผยแสดงพระองค์แก่ประชากรของพระองค์ กระนั้นก็ดีบริเวณที่พระเจ้าทรงปรากฏพระองค์จะปิดกั้นมิให้ประชากรเข้าไปได้ (บริเวณที่เป็นที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งความศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย) มิติทั้งสองนี้แสดงอย่างชัดเจนถึงการตอบรับตามธรรมชาติของเราต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เราต้องการจะเข้าใกล้ แต่ขณะเดียวกันเราก็ถอยออกห่างด้วยความเกรงกลัว
พระวิหารเป็นสถานที่ที่เราได้รับความบรรเทาใจ การใช้เวลาในพระวิหารหนึ่งวันจึงดีกว่าการใช้เวลาในสถานที่อื่นหลายวัน พระวิหารเป็นสถานที่หลบภัย ผู้ปฎิบัติหน้าที่ในพระวิหารจึงพูดถึงพระวิหารด้วยความรัก ว่าเป็นสถานที่ดีที่สุดบนโลก
-
Holy
- Defender of lawS

- โพสต์: 10011
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm
พฤหัสฯ. ก.ค. 21, 2011 2:05 am
สวนสวรรค์
ภาพหนึ่งของสวรรค์คือสวนเขียวชอุ่มที่มีน้ำหล่อเลี้ยงไม่ขาดสาย แนวคิดเรื่องนี้เกิดจากสวนลอยฟ้าที่นครบาบิโลน สำหรับผู้อาศัยในภูมิประเทศที่แห้งแล้งในแคว้นยูเดียซึ่งเป็นที่มาของพระคัมภีร์เป็นส่วนใหญ่ ตัวอย่างในเรื่องนี้ได้แก่ผู้นิพนธ์หนังสือปฐมกาลพูดถึงบริเวณพื้นดินก่อนการสร้างโลก ซึ่งเป็นทะเลทรายที่แห้งแล้ง และหลังจากที่พระเจ้าทรงสร้างสถานที่นั้นแล้ว กลับกลายเป็นสวนที่มีแม่น้ำหลายสายไหลผ่านสวนเอเดนที่พระเจ้าทรงสร้างจึงเต็มไปด้วยสิ่งสวยงามและมีประโยชน์ทั้งสิ้น
แนวคิดเดียวกันนี้ในหนังสือวิวรณ์กล่าวถึงเมืองที่มีน้ำอุดมสมบูรณ์ มีลำธราไหลคู่ไปกับถนนสายต่างๆ มีต้นไม้แห่งชีวิต ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของชีวิตเรียงรายอยู่ด้านข้างของถนน
บ่อยครั้งมีการเปรียบสวรรค์เป็นสวนที่สวยงาม แต่แปลกที่บางครั้งมีการจินตนาการสวรรค์เป็นทะเลทราย เช่น โฮเชยากล่าวว่า ท่านปรารถนาจะพาคนรักของท่านไปยังทะเลทรายเพื่อตกหลุมรักกับนางอีกครั้งหนึ่ง เพราะเมื่อประชากรอิสราเอลอพยพออกจากอียิปต์ใหม่ๆ พวกเขาต้องพึ่งพระเจ้าในทุกสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นอาหาร น้ำ การปกป้องคุ้มครอง ฯลฯ จนกว่าพวกเขาเข้าไปในดินแดนที่มีน้ำนมและน้ำผึ้งเท่านั้นที่พวกเขาเริ่มพึ่งตนเองได้ (และบ่อยครั้งก็เกิดความหยิ่งผยอง) ดังนั้น การหันกลับไปสู่ดินแดนที่พวกเขาคิดถึงแต่พระเจ้า และตกหลุมรักพระองค์จึงเป็นสวรรค์ของเขา แม้เป็นบริเวณที่ไม่สวยงามหรือขาดความอุดมสมบูรณ์แต่ก็เป็นสวรรค์ เพราะประชากรเหล่านั้นทุ่มเทความรักทั้งหมดแด่พระเจ้าและพึ่งพระองค์ ภาพของสวรรค์เช่นนี้จึงมีลักษณะเป็นสายสัมพันธ์มากกว่าสถานที่ทางภูมิศาสตร์
-
Holy
- Defender of lawS

- โพสต์: 10011
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm
พฤหัสฯ. ก.ค. 21, 2011 2:08 am
ในพระคัมภีร์ เครื่องหมายของสวรรค์ที่มีลักษณะเป็นสายสัมพันธ์มีอยู่หลายตอน บางครั้งก็อยู่ในรูปความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดมาก (เช่น สามีและภรรยา หรือพ่อแม่กับลูกๆ) แต่บางครั้งเป็นสังคมเมืองเล็กบ้างใหญ่บ้าง ประกาศกที่กล่าวถึงเมืองเหล่านี้ให้ความเห็นถึงขนาดของเมืองจากการคาดคะเนกันเอง บ้างก็ชอบกล่าวถึงความสัมพันธ์อย่างไม่เป็นทางการของชีวิตผู้คนในเผ่าหรือในหมู่บ้านที่สมาชิกทุกคนซื่อสัตย์และตรงไปตรงมา (เช่น ประกาศกมีคาห์) บ้างกล่าวถึงเรื่องความเจริญก้าวหน้า เช่น การมีกษัตริย์ปกครองหรือชีวิตของผู้คนในเมืองใหญ่ (เช่น ประกาศกอิสยาห์)
แนวคิดแบบหลังนี้พบได้ในหนังสือวิวรณ์ที่พูดถึงกรุงเยรูซาเล็มว่าเป็นเมืองสวรรค์ เป็นเมืองในอุดมคติ ลำพังมนุษย์ไม่สามารถสร้างสังคมในอุดมคติได้หากไม่ได้รับพระพรจากพระเจ้า สวรรค์ในที่นี้ จึงเป็นสถานที่เรามีชีวิตในสันติสุขกับพระเจ้าและกับเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
เรายังมองเห็นสวรรค์เป็นภาพของสังคมคริสตชนด้วย เช่นในหนังสือกิจการอัครสาวกเมื่อนักบุญลูกาบรรยายถึงชีวิตของคริสตชนในยุคแรก พวกเขาสวดภาวนาด้วยกัน แบ่งปันทรัพย์สมบัติให้แก่คนยากจน นี่เป็นต้นแบบของชุมชนชาวคริสต์ในอดีต และเป็นเครื่องบ่งชี้ถึงสังคมที่สมบูรณ์ในสวรรค์
-
Holy
- Defender of lawS

- โพสต์: 10011
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm
พฤหัสฯ. ก.ค. 21, 2011 2:22 am
ภาพของสวรรค์บางครั้งเกี่ยวกับอาหารและการรับประทานอาหารร่วมกัน ทั้งนี้เพราะการรับประทานอาหารร่วมกันแสดงถึงความสัมพันธ์ทางสังคม (เช่น คำว่า “สหาย” com+panion ก็มาจากคำในภาษาละติน 2 คำซึ่งหมายถึง 'การแบ่งปันขนมปังให้แก่กันและกัน') และความคิดที่ว่าอาหารและเครื่องดื่มเป็นบ่อเกิดของการมีชีวิตอยู่รอดและความชื่นชมยินดี
แนวคิดเรื่องความสัมพันธ์ในมื้ออาหารพบได้ในข้อความที่ว่า 'พักผ่อนในอ้อมอกของอับราฮัม' เพราะในสมัยก่อนพวกเขากินอาหารโดยการเอนตัวไปกับโต๊ะ ผู้รับประทานอาจจะเอนตัว เอาศีรษะไปพักอยู่บนอกของคนที่อยู่ถัดไป ดังที่ศิษย์ที่พระเยซูเจ้าทรงรัก กระทำในระหว่างมื้ออาหารสุดท้าย
ส่วนความคิดที่ว่า สวรรค์หมายถึงอาหารและเหล้าองุ่นอย่างอุดมสมบูรณ์ ก็มีตัวอย่างให้เห็นในอัศจรรย์การเปลี่ยนน้ำเป็นเหล้าองุ่นในงานเลี้ยงฉลองการแต่งงานที่เมืองคานา ซึ่งแสดงถึงอำนาจของพระเยซูเจ้าในการทำอัศจรรย์ และวิธีที่พระองค์ทรงเตียมงานเลี้ยงใหญ่ในสวรรค์แก่เราด้วย นี่คือเหตุผลที่มีเหล้าองุ่นอย่างเหลือเฟือ
หมายถึงความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์เรากับธรรมชาติ เพราะก่อนที่บาปจะเข้ามาในโลกมนุษย์นั้น สัตว์ต่างๆ เจริญชีวิตโดยไม่เข่นฆ่ากัน หนังสือปฐมการบอกเราว่า สัตว์ทั้งหลายกินหญ้าแห้ง (และไม่กินเนื้อเลย) จนเมื่อมีบาปเพิ่มจำนวนมากขึ้นในโลก สัตว์ต่างๆ จึงเริ่มฆ่าและกินกันเอง บาปก่อให้เกิดการแตกแยกและการเป็นศัตรูกัน ที่กล่าวมานี้เป็นการอธิบายในลักษณะที่เป็นสัญลักษณ์ มิใช่อธิบายตามหลักความจริงทางวิทยาศาสตร์
เมื่อใดที่มนุษย์เอาชนะบาปได้ ธรรมชาติจะกลับคืนสู่สันติสุขอีกครั้งหนึ่ง ประกาศกอิสยาห์กล่าวถึงสวรรค์ยุคใหม่ที่พระเมสสิยาห์เป็นผู้ก่อตั้ง สิงโตจะนอนลงเคียงข้างลูกแกะ และจะไม่มีการทำอันตรายต่อกัน บนภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า
-
Holy
- Defender of lawS

- โพสต์: 10011
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm
พฤหัสฯ. ก.ค. 21, 2011 2:26 am
หนังสือวิวรณ์ไม่เคยพูดถึงว่าในสวรรค์มีสัตว์และต้นไม้หรือไม่แต่ระบุว่ามี
“สวรรค์ใหม่และโลกใหม่” เมื่อเราเข้าสู่สวรรค์ เราจะไม่เป็นวิญญาณที่ล่องลอยไปมาเหมือนเมฆทุกสิ่งที่เกี่ยวกับพระเจ้าบนโลกนี้จะดำเนินต่อไปในสวรรค์
แม้หนังสือวิวรณ์ไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้อย่างชัดเจน
แต่พูดเป็นนัยว่าการรับใช้ผู้อื่นเป็นรูปแบบหนึ่งของสวรรค์ เพราะสวรรค์เปิดโอกาสให้เราสามารถแสดงความรักต่อกันพระเยซูเจ้าเสด็จมาในโลกนี้เพื่อทรงพลีพระชนมชีพเพราะทรงรักเรา พระองค์ทรงล้างเท้าของสาวก และทรงสอนพวกเขาให้ทำเช่นนี้แก่กันและกัน เราจึงต้องรักและรับใช้ผู้อื่น สิ่งนี้มิใช่งานน่าเบื่อหน่าย แต่เป็นเอกสิทธิ์ประการหนึ่งของเรามนุษย์
แม่พระยุคใหม่ : นิตยสารราย 2 เดือน ฉบับที่ 178 ปีที่ 31 กรกฎาคม – สิงหาคม 2011/2554 หน้า 15-17