อีกเรื่องหนึ่ง เป็นเรื่องเกี่ยวกับการเผยพระวจนะหรือการพยากรณ์อีกด้วย เร็วๆ นี้ผู้เขียนต้องไปเป็นล่ามให้นักเทศน์จากต่างประเทศอีกท่าน เมื่อเทศน์จบท่านก็เชิญชวนคนเดินออกมาข้างหน้า แล้วก็พยากรณ์ให้กับแต่ละคน
ท่านพยากรณ์ให้แก่คนหนึ่งว่าจะหลุดจากปัญหาหนี้สินทั้งปวง คนๆนั้นก็ดีใจมาก ผู้เขียนซึ่งช่วยเป็นล่ามให้ก็พลอยดีใจกับเขาไปด้วย แต่ผ่านไปสองวัน บุคคลนั้นโทรมาบอกผู้เขียนว่าเขามีปัญหาหนี้สินหนักมาก ถึงขนาดจะต้องติดคุก ท้ายสุดผู้เขียนเองกับพี่น้องคริสเตียนอีกคนเลยต้องควักกระเป๋าช่วยเขาไป และต้องบอกว่าหลายสตังค์อยู่
เปล่า! ก็ไม่ได้จะว่าใครหรอก เพียงแต่อยา่กรู้ว่า
ท่านอาจารย์ที่วางมือพยากรณ์ให้น่ะ ต้องรับผิดชอบอะไรในเรื่องนี้บ้างไหม? เพราะเห็นคนเขาพูดกันว่า ถ้าไปหาหมอดูแล้วทายไม่แม่น ให้กลับไปต่อว่าได้!
แล้วนี่ถ้าไปพยากรณ์อะไรให้ใครในเรื่องที่มีความเสี่ยงสูง แล้วบุคคลนั้นเชื่อเต็มที่จนตัดสินใจกระทำสิ่งนั้นโดยไม่เผื่อใจหรือเผื่อผิดพลาดไว้เลย ผลจะเป็นยังไง? เช่น สมมติไปพยากรณ์ใครว่า
ให้ไปลงทุนในเรื่องนี้แล้วจะร่ำรวย แล้วคนนั้นไปทุ่มทุนทุ่มเทสุดตัว แล้วเกิดไม่เป็นดังนั้นล่ะ ผู้พยากรณ์ต้องรับผิดชอบอะไรไหม?
ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ต้องออกตัวก่อนว่า ผู้เขียนมีความเชื่อในเรื่องฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าอย่างสุดหัวใจ เชื่อโดยไม่มีข้อสงสัยว่าพระเจ้าทรงกระทำได้ทุกสิ่ง และยังทรงทำการเหนือธรรมชาติอยู่ในทุกวันนี้ และมีประสบการณ์ตรงกับการอัศจรรย์์ของพระเจ้าอยู่เสมอ รวมทั้งเชื่อในการอวยพรของพระเจ้า เชื่อในการเผยพระวจนะและการสำแดง และประสบทั้งของจริงและของปลอมมาแล้ว แต่ถึงกระนั้นก็ยังต้องยืนยันว่า
การสอนในเรื่องพระพร ความรุ่งเรืองมั่งคั่ง ไปจนถึงเรื่องการเผยพระวจนะหรือพยากรณ์นั้น ต้องสอนและกระทำอย่างถูกต้องตามหลักพระคัมภีร์ที่ผ่านการพิจารณาจากกระบวนการทางศาสนศาสตร์ที่ดี ไม่ใช่เพียงแค่ยึดจากพระคัมภีร์ข้อใดข้อหนึ่งเท่านั้น
ศาสนศาสตร์ที่ดีต้องมีรากฐานอยู่บนพระคัมภีร์ โดยพิจารณาอย่างครอบคลุมแง่มุมต่างๆ ให้ครบรอบด้าน และมีความสมดุล !!!
หรือการจะเผยพระวจนะหรือพยากรณ์ให้ใครก็ต้องได้รับการสำแดงจากพระเจ้าอย่างชัดเจนจริงๆ มิฉะนั้นแล้วการเผยนั้นก็จะกลายเป็นการหลอกตนเอง หลอกผู้คน ซึ่งก็จะทำให้พระนามพระเจ้าเสียหาย ดังที่เป็นที่กล่าวถึงมาโดยตลอดตามสื่อสาธารณะต่างๆ ทั่วไปทั้งในและต่างประเทศในทุกวันนี้
มีข้อแนะนำบางประการในการเผยพระวจนะที่น่าคิด โดยนักศาสนศาสตร์ชั้นครูบางท่านอย่าง Wayne Grudem ท่านเสนออย่างนี้ว่า
"ถ้าไม่ชัดเจนจริงๆ แล้ว เลี่ยงการใช้คำว่า "พระเ้จ้าตรัสว่า..." เป็น "ผมรู้สึกว่าพระเจ้าอยากให้ผมบอกคุณว่า..." น่าจะปลอดภัยกว่า"
นอกจากนี้ผู้ฟังเองก็ต้องฟังด้วยความระมัดระวังด้วย การมีความเชื่อในพระเจ้าและเชื่อพระวจนะของพระเจ้าเป็นเรื่องดี แต่ต้องเืชื่อด้วยความเข้าใจด้วยว่า ความเชื่อที่ว่านั้นมีเนื้อหาอย่างไร พระวจนะกล่าวว่า
"จงพิสูจน์ทุกสิ่ง..." (1 เธสะโลนิกา 5:21) และ "...อย่าเชื่อวิญญาณเสียทุกๆวิญญาณ แต่จงพิสูจน์วิญญาณนั้นๆว่ามาจากพระเจ้าหรือไม่ เพราะว่ามีผู้พยากรณ์เท็จเป็นอันมากจาริกไปในโลก" (1 ยอห์น 4:1) อันนี้ก็ไม่จำเป็นต้องรีบด่วนสรุปว่า ผู้ที่สอนผิดหรือพยากรณ์ผิดทุกคนถือเป็นผู้พยากรณ์เท็จเสมอไป เพราะบางทีการสอนผิดพยากรณ์ผิดบางเรื่อง มันเป็นความผิดพลาดเชิงเทคนิคที่น่าเห็นใจอยู่เหมือนกัน เช่น เห็นมาผิดๆ ก็เลยเลียนแบบกันมาผิดๆ ซึ่งตัวผู้เทศน์เองก็ไม่รู้ว่ามันผิด เรียกว่าผิดพลาดโดยสุจริตใจคงได้กระมัง แต่ก็ไม่แน่ใจว่าทำไปเพื่อหวังสร้างความประทับใจให้ผู้ฟังด้วยหรือเปล่า
มีผู้รับใช้ที่เน้นการเผยพระวจนะอีกท่านแนะนำไว้ซึ่งผู้เขียนเห็นว่าดี ท่านบอกว่า ถ้าได้รับการพยากรณ์อะไรที่เป็นเรื่องที่มีความเสี่ยงสูง อย่าเพิ่งด่วนคล้อยตามทันที แต่ให้ตรวจสอบกับการพยากรณ์ของหลายๆ คนก่อนว่าตรงกันหรือไม่ เพื่อให้มั่นใจและปลอดภัยมากขึ้น
สวัสดี
http://kaochristian.blogspot.com/2011/0 ... _9402.html