ซึ่งเจ้าสาวแต่งงานกับคนพุทธ จึงทำให้มีคนพุทธมาร่วมงานพอสมควร
พิธีการก็ดำเนินไปอย่างเรียบร้อยดี ข้าพเจ้านั่งอยู่แถวที่เจ็ด
ทีนี้ ก็มีผู้หญิงคู่หนึ่ง อายุก็น่าจะประมาณสามสิบต้น ๆ
ดั้งแต่เขามานั่งข้างหน้า ก่อนพิธี เราก็สังเกตเห็นแล้วว่า
เขาไม่ใช่คริสต์ คือ คนที่ไม่ใช่คริสต์จะมีบุคคลิกที่เราดูออก
อาจจะเป็นเพราะ เห็นการวางตัวของคนคริสต์เวลาอยู่ในวัดจนชินตา
พอเจอคนที่ไม่ใช่ อาการเขาจะเป็นอีกอารมณ์ แม้จะทำหลาย ๆ อย่าง
ได้ตามน้ำตลอดพิธีมิสซา
พอถึงช่วงเวลารับศีล ช่วงสำคัญที่คนต่างศาสนาชอบแจมด้วยมากที่สุด
พิธีกรก็ประกาศ สงวนการรับศีล
(แต่อยากตำหนิว่า ไมค์ฝั่งนักร้องเบามากจนฟังไำม่รู้เรื่องแต่ถึงอย่างไร
ในหนังสือเพลง เขาเขียนอยู่แล้วว่าห้าม ซึ่งชีทั้งสองก็เปิดตามตลอด)
พอเราลุกออกเดิน ก็เห็นทางหางตาว่า ชีทั้งคู่ลุกออกมาด้วย
แม้อีกคนจะทำเป็นเก้ง ๆ กัง ๆ ว่าออกดีไม่ออกดี แต่ก็ออกมาในที่สุด
ไอ้เราก็หวังเหลือเกินว่า พ่อจะดูออกว่าชีทั้งคู่ไม่ใช่
อย่างน้อย การพูดตอบกับพ่อ ชีไม่รุ้แน่ ๆ
แต่ตอนเรารับ พ่อส่งศีลให้แต่ ฉับ ๆ ๆ ๆ ๆ
ยังไม่ได้ฟังด้วยซ้ำว่าเราตอบรึยัง ในใจเราก็.....
"เวงแล้ว.... ขอให้พ่อรู้ด้วยเถิด"
พอเรากลับมาที่ที่นั่ง ก็เหลือบไปดูชีทั้งคู่
ทั้งคู่ก็เดินยิ้มลั๊นลาร่าเริงมาเชียว
เราก็ยังหวังอยุ่ในใจว่า คงโดนพ่อไล่ออกมา เลยยิ้มแก้เขิน
แต่ปรากฏว่าพอทั้งคู่มานั่งที่โต๊ะ พระเจ้าก็ดลใจให้เรา
มองลอดช่องระหว่างตัวทั้งคู่ เห็นแผ่นศีลที่คนขวากำไว้ในมือ
ตอนนั้นยอมรับเลยว่าใจหายมาก ขนลุกถึงคอเลย
ทั้งคู่ยังมองสบตากัน ยิ้มร่า ประมาณว่า "อิอิ ได้มาแล้ว"
แล้วตั้งท่าเปิดกระเป๋า เตรียมจะเก็บศีลลงกระเป๋า
ข้าพเจ้าอดใจไม่ไหว และทันทีไม่มีคิดรอบสอง ใช้สองมือแตะบ่าทั้งคู่เลย
แล้วก็แบมือสองมือเหมือนเวลาวักน้ำ ยื่นไประหว่างชีทั้งคู่
"ขอโทษนะค่ะ ถ้าไม่ใช่คริสต์ ขอคืนนะค่ะ ขอคืนด้วยค่ะ ขอคืนนะคะ ๆ ๆ "
จำได้ว่าพูดย้ำอยู่อย่างนั้น คนขวาก็หน้าเจื่อนคืนให้
แต่คนซ้ายมองหน้ากันก่อน เหมือนชั่งใจ ประมาณ 1 นาที
จึงวางลงใส่คืนมาในมือเรา
พอได้คืนก็ประคองอยู่ในมือ ดีใจจริง ๆ เวลานั้นพ่อเดินกลับขึ้นแท่นไปหมดแล้ว
จังหวะนั้นตั้งใจจริง ๆ ว่า จะเดินขึ้นไปหาพ่อที่บันไดขั้นบนสุดเลย
กะให้ทั้งคู่ได้อาย จะได้จำแม่น ๆ ว่า ศีลเราศักดิ์สิทธิ์ และ สำคัญขนาดไหน
และก็อยากให้พ่อตระหนักด้วยว่า พ่อลืมหรือเผลอแจกศีลให้คนต่างศาสนาไปแล้ว
แต่มาม๊านั่งอยู่ข้าง ๆ กันบอกว่าให้พวกเรารีบรับเข้าไปเลย
เพราะเห็นว่า พ่อขึ้นแท่นและเก็บศีลเข้าตู้ไปหมดแล้ว
จังหวะนั้นเลย เลยตามเลย รับเข้าไปเอง
ตอนหลังเลยไปถามพ่ออีกท่านหนึ่ง ท่านก็ว่า เราทำถูกแล้ว
ถ้าคืนศีลพ่อไม่ได้ ให้เรารับเข้าไปเองเลย
แต่ก็ยังนึกเสียดายอยู่ ว่าจังหวะนั้น เราน่าจะเดินออกไปคืนพ่อที่หน้าแท่นเลย
มาม๊าเลยถามว่า ไม่อายเหรอ คนตั้งเยอะ เจ้าบ่าว เจ้าสาวก็นั่งอยู่ข้างหน้าพ่อ
เลยตอบด้วยเสียงดังฟังชัดว่า
"ไม่อาย และถ้ามีเรื่องแบบนี้อีก คราวหน้าจะเดินไปให้ดู"
