ทำไมคริสตชนยังต้องตาย
-
- โพสต์: 690
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มี.ค. 09, 2009 12:00 pm
ถ้าพระเยซูสิ้นพระชนม์เพราะบาปของเราแล้ว ทำไมคริสตชนยังต้องตาย ในเมื่อความตายเป็นผลของบาป?
- Valkyrie Zero Number
- โพสต์: 2081
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am
เหมือนสวรรค์จะใช้ศัพท์คนละภาษากับโลกเราน่ะนะ
โลก - ตายก็คือตาย หมายถึงเมื่อสภาพที่มีชีวิตมีความรู้สึกนึกคิดของสิ่งมีชีวิตหนึ่งหยุดลง การทำงานของร่างกายหยุดลงทุกกรณีก็นับเป็นตาย
สวรรค์ - ถึงร่างกายจะตาย แต่ถ้าวิญญาณได้ขึ้นสวรรค์ก็ถือว่าเป็น แต่ความตายที่เป็นตายนั้นก็คือ ตายตกนรก แต่ก็ไม่ใช่ความตายที่สงบเลย เพราะที่นั่นมีแต่ความทุกข์ทรมานเหลืออยู่ให้ผู้ที่ไม่เชื่อเท่านั้น "แต่ก็ยังอุตส่าห์มีได้เนอะ"
(Status : ปัจจุบัน : ครึ่ง ๆ กลาง ๆ Dark ครึ่ง Light ครึ่ง จัดว่าแค่ไม่สบอารมณ์เล็กน้อย)
โลก - ตายก็คือตาย หมายถึงเมื่อสภาพที่มีชีวิตมีความรู้สึกนึกคิดของสิ่งมีชีวิตหนึ่งหยุดลง การทำงานของร่างกายหยุดลงทุกกรณีก็นับเป็นตาย
สวรรค์ - ถึงร่างกายจะตาย แต่ถ้าวิญญาณได้ขึ้นสวรรค์ก็ถือว่าเป็น แต่ความตายที่เป็นตายนั้นก็คือ ตายตกนรก แต่ก็ไม่ใช่ความตายที่สงบเลย เพราะที่นั่นมีแต่ความทุกข์ทรมานเหลืออยู่ให้ผู้ที่ไม่เชื่อเท่านั้น "แต่ก็ยังอุตส่าห์มีได้เนอะ"
(Status : ปัจจุบัน : ครึ่ง ๆ กลาง ๆ Dark ครึ่ง Light ครึ่ง จัดว่าแค่ไม่สบอารมณ์เล็กน้อย)
-
- โพสต์: 1029
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ มิ.ย. 13, 2010 9:53 pm
เราตายทางโลก แต่เราเป็นนิรันดร์ทางความเชื่อในความรัก ค่ะ
-
- ~@
- โพสต์: 2546
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm
เพราะเรายังทำบาปอยู่ครับ
- Valkyrie Zero Number
- โพสต์: 2081
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am
ยิ่งคิดยิ่งพิจารณาไปมา เรื่องนี้ละเอียดอ่อนกว่าที่คิดแฮะ........
ว่าแต่ ทำไมมนุษย์เราถึงนอกจากทำบาปแล้ว ถึงต้องมีความต้องการหรือแรงจูงใจให้ทำบาปด้วยล่ะ
ว่าแต่ ทำไมมนุษย์เราถึงนอกจากทำบาปแล้ว ถึงต้องมีความต้องการหรือแรงจูงใจให้ทำบาปด้วยล่ะ
-
- โพสต์: 286
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ต.ค. 27, 2010 8:03 pm
- ที่อยู่: ถ.ราชปรารภ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กทม.
"อฟ.6 : 11.จงสวมยุทธภัณฑ์ทั้งสิ้นของพระเจ้า เพื่อจะต่อต้านยุทธอุบายของพญามารได้.
12.เพราะว่าเราไม่ได้ต่อสู้กับเนื้อหนังและเลือด แต่ต่อสู้กับผู้มีบรรดาศักดิ์ และต่อสู้กับผู้มีอำนาจ และต่อสู้กับผู้ครอบครองในโมหะความมืดแห่งโลกนี้ และต่อสู้กับบรรดาวิญญาณอันชั่วในสถานอากาศ."
น่าจะชัดเจนนะครับ จากพระวจนะข้อนี้ว่าทำไมจึงมีแรงจูงใจให้ทำบาป ก็เพราะพญามารมันเป็นผู้ครอบครอง มีอำนาจในโลกไงครับ และแน่นอนที่สุด มันก็จะทำทุกวิถีทางที่จะล่อลวงเราให้ทำบาป อย่างไรก็ดี เราต้องพึ่งในพระเจ้า เอาชนะมันให้ได้(โดยยุทธภัณฑ์ทั้งสิ้นของพระเจ้า อ่านต่อในเอเฟซัสบทที่6 ข้อต่อๆไปครับ)
12.เพราะว่าเราไม่ได้ต่อสู้กับเนื้อหนังและเลือด แต่ต่อสู้กับผู้มีบรรดาศักดิ์ และต่อสู้กับผู้มีอำนาจ และต่อสู้กับผู้ครอบครองในโมหะความมืดแห่งโลกนี้ และต่อสู้กับบรรดาวิญญาณอันชั่วในสถานอากาศ."
น่าจะชัดเจนนะครับ จากพระวจนะข้อนี้ว่าทำไมจึงมีแรงจูงใจให้ทำบาป ก็เพราะพญามารมันเป็นผู้ครอบครอง มีอำนาจในโลกไงครับ และแน่นอนที่สุด มันก็จะทำทุกวิถีทางที่จะล่อลวงเราให้ทำบาป อย่างไรก็ดี เราต้องพึ่งในพระเจ้า เอาชนะมันให้ได้(โดยยุทธภัณฑ์ทั้งสิ้นของพระเจ้า อ่านต่อในเอเฟซัสบทที่6 ข้อต่อๆไปครับ)
- Valkyrie Zero Number
- โพสต์: 2081
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am
........ถ้าของเหล่านั้นออกมาเป็นรูปธรรมหน่อยก็คงจะดี.....aqua-alta เขียน:"อฟ.6 : 11.จงสวมยุทธภัณฑ์ทั้งสิ้นของพระเจ้า เพื่อจะต่อต้านยุทธอุบายของพญามารได้.
12.เพราะว่าเราไม่ได้ต่อสู้กับเนื้อหนังและเลือด แต่ต่อสู้กับผู้มีบรรดาศักดิ์ และต่อสู้กับผู้มีอำนาจ และต่อสู้กับผู้ครอบครองในโมหะความมืดแห่งโลกนี้ และต่อสู้กับบรรดาวิญญาณอันชั่วในสถานอากาศ."
น่าจะชัดเจนนะครับ จากพระวจนะข้อนี้ว่าทำไมจึงมีแรงจูงใจให้ทำบาป ก็เพราะพญามารมันเป็นผู้ครอบครอง มีอำนาจในโลกไงครับ และแน่นอนที่สุด มันก็จะทำทุกวิถีทางที่จะล่อลวงเราให้ทำบาป อย่างไรก็ดี เราต้องพึ่งในพระเจ้า เอาชนะมันให้ได้(โดยยุทธภัณฑ์ทั้งสิ้นของพระเจ้า อ่านต่อในเอเฟซัสบทที่6 ข้อต่อๆไปครับ)
ขออภัยที่เรื่องมากเกินไป...... เพราะตอนนี้ยังสวมไม่ค่อยไหวเท่าไหร่ แต่ก็จะพยายามเท่าที่จะทำได้ละกัน...... (แต่นิสัยเสีย + บางอย่างมันแก้ยากไ่ม่ใช่เล่นเลย)
-
- โพสต์: 286
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ต.ค. 27, 2010 8:03 pm
- ที่อยู่: ถ.ราชปรารภ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กทม.
(ขอต่ออีกหน่อยนะครับ สืบเนื่องจากหัวข้อกระทู้ เมื่อวานลืมสามัคคีธรรมต่อ)
คือก่อนอื่นก็ต้องทราบหลักความจริงสำคัญเรื่องหนึ่งในพระคัมภีร์ก่อนนะครับ ว่ามนุษย์เรามีสิ่งที่พิเศษกว่าเดียรัจฉานต่างๆทั่วไป ในมนุษย์คนหนึ่งๆ ประกอบด้วย 3 ส่วนด้วยกัน คือ มีทั้ง
-กาย (ภาชนะบรรจุจิตและวิญญาณ)
-จิต (ในที่นี้คือจิตใจ อันจะนิยามง่ายๆแต่ครบก็คือ ประกอบด้วยความคิด อารมณ์ และความตั้งใจ)
-วิญญาณ (ไม่ได้หมายความถึงภูตผี แต่นิยามง่ายๆ คือ มโนธรรม การติดต่อสามัคคีธรรมกับพระเจ้า และกับพระกาย)
"(ปฐก 2:7) พระเยโฮวาห์พระเจ้าทรงปั้นมนุษย์ด้วยผงคลีดิน ทรงระบายลมปราณ(ในภาษาเดิมคือวิญญาณ)แห่งชีวิตเข้าทางจมูกของเขา และมนุษย์จึงเกิดเป็นจิตมีชีวิตอยู่
And the LORD God formed man of the dust of the ground, and breathed into his nostrils the breath of life; and man became a living soul.
(1ธส 5:23) และขอให้องค์พระเจ้าแห่งสันติสุขทรงตั้งท่านเป็นคนบริสุทธิ์หมดจด และข้าพเจ้าอธิษฐานต่อพระเจ้าให้ทรงรักษาทั้งวิญญาณ จิตใจและร่างกายของท่านไว้ให้ปราศจากการติเตียน จนถึงวันที่พระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราเสด็จมา
And the very God of peace sanctify you wholly; and I pray God your whole spirit and soul and body be preserved blameless unto the coming of our Lord Jesus Christ.
(ฮบ 4:12) เพราะว่าพระวจนะของพระเจ้านั้นมีชีวิต และทรงพลานุภาพอยู่เสมอ คมยิ่งกว่าดาบสองคมใดๆ แทงทะลุกระทั่งจิตและวิญญาณ ตลอดข้อกระดูกและไขในกระดูก และสามารถวินิจฉัยความคิดและความมุ่งหมายในใจด้วย
For the word of God is quick, and powerful, and sharper than any twoedged sword, piercing even to the dividing asunder of soul and spirit, and of the joints and marrow, and is a discerner of the thoughts and intents of the heart."
โดยเหตุนี้ คริสเตียนจึงเรียก Holy Spirit,Our Almighty God เป็นภาษาไทยว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ เพราะ
"(ยน 4:24) พระเจ้าทรงเป็นพระวิญญาณ และผู้ที่นมัสการพระองค์ต้องนมัสการด้วยวิญญาณและความจริง
God is a Spirit: and they that worship him must worship him in spirit and in truth."
กระนั้นก็ดี จะเรียกว่าอะไรก็เป็นแค่ประเด็นทางภาษาไทยเท่านั้น เพราะโดยธาตุแท้พระองค์ก็คือพระเจ้าองค์เดียวของเราทุกคน
ในขณะที่มนุษย์คู่แรกอยู่ในสวนเอเดน แล้วได้ทำบาปซึ่งก็คือการไม่เชื่อฟัง ขัดพระบัญชาของพระเจ้า ซ้ำร้ายยังเลือกที่จะไปเชื่อมาร แทนที่จะฟังคำสั่งพระเจ้า
" 3:3 แต่ผลของต้นไม้ต้นหนึ่งซึ่งอยู่ท่ามกลางสวน พระเจ้าตรัสว่า `เจ้าอย่ากินหรือแตะต้องมัน มิฉะนั้นเจ้าจะตาย' "
ที่ว่าตายนั้นไม่ได้หมายความว่าวิญญาณจะแยกออกจากร่างกายหรือตายฝ่ายกายด้วยโรคภัยหรือความชรา แต่คือส่วนของวิญญาณได้ตายเสียแล้ว
( หมายความว่า ประสิทธิภาพ ทั้งมโนธรรม การติดต่อสามัคคีธรรมกับพระเจ้านั้นได้สูญเสียไป
"(อสย 59:2) แต่ว่าความบาปชั่วของเจ้าทั้งหลายได้กระทำให้เกิดการแยก ระหว่างเจ้ากับพระเจ้าของเจ้า และบาปของเจ้าทั้งหลาย ได้บังพระพักตร์ของพระองค์เสียจากเจ้า พระองค์จึงมิได้ยิน"
ผลที่ตามมาคือ มนุษย์จะจมปลักอยู่กับความบาป ยกตัวอย่างเช่น ปลาเป็นจะว่ายทวนน้ำ และแม้เป็นปลาทะเล ถ้าเป็นๆอยู่ เนื้อก็จะไม่เค็ม ถ้าตาย ปลาก็จะลอยตามน้ำ เช่นเดียวกับคนที่ไม่เชื่อ ก็ปล่อยตัวปล่อยใจไปตามกระแสโลกและดูดซับเอาความเป็นฝ่ายโลกทุกสิ่งอย่าง เพราะเขาเหล่านั้นเป็นปลาตาย
"(1ยน 2:15) อย่ารักโลกหรือสิ่งของในโลก ถ้าผู้ใดรักโลก ความรักของพระบิดาไม่ได้อยู่ในผู้นั้น
(รม12:2) อย่าทำตามอย่างชาวโลกนี้ แต่จงรับการเปลี่ยนแปลงนิสัยเสียใหม่ เพื่อท่านจะได้ทราบพระประสงค์ของพระเจ้าว่าอะไรดี อะไรเป็นที่ชอบพระทัย และอะไรดียอดเยี่ยม" )
(ขอนอกเรื่องนิดนึงนะครับ^^) เคยสงสัยรึป่าวว่า บางศาสนาฆ่าสัตว์บาป บางศาสนาฆ่าสัตว์ไม่บาป บางศาสนากินหมูบาป บางศาสนากินหมูไม่บาป และมีศีลข้อห้ามอีกมากมายก่ายกองที่แต่ละศาสนาจะขัดแย้งกัน แล้วอะไรคือข้อยุติ คำตอบก็คือเราต้องย้อนไปดูว่าใครกันแน่คือผู้สถาปนาโลกนี้ ใครคือเจ้าของ ใครคือผู้คู่ควรกำหนดกฎเกณฑ์กันแน่ ฉนั้น สรุปง่ายๆก็คือว่า สิ่งใดเป็นสิ่งที่ขัดต่อพระบัญชาของพระเจ้า สิ่งนั้นจึงเรียกว่าบาป(จบครับ^^)
(เข้าเรื่อง)โดยเหตุนี้พระคริสต์ผู้ทรงเป็นแหล่งกำเนิดชีวิตจึงต้องสละตัวพระองค์เอง ประทานให้แก่เรา เราจึงมีวิญญาณอันเป็นขึ้น และไม่ตายอยู่ในบาปต่อไป
"(1 ยน 5:11-12 )และพยานหลักฐานนั้นก็คือว่า พระเจ้าได้ทรงโปรดประทานชีวิตนิรันดร์ให้เราทั้งหลาย และชีวิตนี้มีอยู่ในพระบุตรของพระองค์ ผู้ที่มีพระบุตรก็มีชีวิต ผู้ที่ไม่มีพระบุตรก็ไม่มีชีวิต
(ยน3:16) เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จนได้ทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ที่บังเกิดมา เพื่อผู้ใดที่เชื่อในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์"
ชีวิตที่ได้จากพระคริสต์นั้น นอกจากจะเป็นการฟื้นขึ้นของวิญญาณมนุษย์แล้ว ยังมีผลถึงโลกนิรันดร์ ที่เราจะอยู่กับพระเจ้านิรันดร์ในนครเยรูซาเล็มใหม่ ซึ่งก็ตรงข้ามกับความตายนิรันดร์ คืออยู่เป็นเพื่อนกับพญามารนิรันดร์ในบึงไฟนรก
ปล.ขออภัยที่ยาวไปนะครับ
อิมมานูเอล
คือก่อนอื่นก็ต้องทราบหลักความจริงสำคัญเรื่องหนึ่งในพระคัมภีร์ก่อนนะครับ ว่ามนุษย์เรามีสิ่งที่พิเศษกว่าเดียรัจฉานต่างๆทั่วไป ในมนุษย์คนหนึ่งๆ ประกอบด้วย 3 ส่วนด้วยกัน คือ มีทั้ง
-กาย (ภาชนะบรรจุจิตและวิญญาณ)
-จิต (ในที่นี้คือจิตใจ อันจะนิยามง่ายๆแต่ครบก็คือ ประกอบด้วยความคิด อารมณ์ และความตั้งใจ)
-วิญญาณ (ไม่ได้หมายความถึงภูตผี แต่นิยามง่ายๆ คือ มโนธรรม การติดต่อสามัคคีธรรมกับพระเจ้า และกับพระกาย)
"(ปฐก 2:7) พระเยโฮวาห์พระเจ้าทรงปั้นมนุษย์ด้วยผงคลีดิน ทรงระบายลมปราณ(ในภาษาเดิมคือวิญญาณ)แห่งชีวิตเข้าทางจมูกของเขา และมนุษย์จึงเกิดเป็นจิตมีชีวิตอยู่
And the LORD God formed man of the dust of the ground, and breathed into his nostrils the breath of life; and man became a living soul.
(1ธส 5:23) และขอให้องค์พระเจ้าแห่งสันติสุขทรงตั้งท่านเป็นคนบริสุทธิ์หมดจด และข้าพเจ้าอธิษฐานต่อพระเจ้าให้ทรงรักษาทั้งวิญญาณ จิตใจและร่างกายของท่านไว้ให้ปราศจากการติเตียน จนถึงวันที่พระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราเสด็จมา
And the very God of peace sanctify you wholly; and I pray God your whole spirit and soul and body be preserved blameless unto the coming of our Lord Jesus Christ.
(ฮบ 4:12) เพราะว่าพระวจนะของพระเจ้านั้นมีชีวิต และทรงพลานุภาพอยู่เสมอ คมยิ่งกว่าดาบสองคมใดๆ แทงทะลุกระทั่งจิตและวิญญาณ ตลอดข้อกระดูกและไขในกระดูก และสามารถวินิจฉัยความคิดและความมุ่งหมายในใจด้วย
For the word of God is quick, and powerful, and sharper than any twoedged sword, piercing even to the dividing asunder of soul and spirit, and of the joints and marrow, and is a discerner of the thoughts and intents of the heart."
โดยเหตุนี้ คริสเตียนจึงเรียก Holy Spirit,Our Almighty God เป็นภาษาไทยว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ เพราะ
"(ยน 4:24) พระเจ้าทรงเป็นพระวิญญาณ และผู้ที่นมัสการพระองค์ต้องนมัสการด้วยวิญญาณและความจริง
God is a Spirit: and they that worship him must worship him in spirit and in truth."
กระนั้นก็ดี จะเรียกว่าอะไรก็เป็นแค่ประเด็นทางภาษาไทยเท่านั้น เพราะโดยธาตุแท้พระองค์ก็คือพระเจ้าองค์เดียวของเราทุกคน
ในขณะที่มนุษย์คู่แรกอยู่ในสวนเอเดน แล้วได้ทำบาปซึ่งก็คือการไม่เชื่อฟัง ขัดพระบัญชาของพระเจ้า ซ้ำร้ายยังเลือกที่จะไปเชื่อมาร แทนที่จะฟังคำสั่งพระเจ้า
" 3:3 แต่ผลของต้นไม้ต้นหนึ่งซึ่งอยู่ท่ามกลางสวน พระเจ้าตรัสว่า `เจ้าอย่ากินหรือแตะต้องมัน มิฉะนั้นเจ้าจะตาย' "
ที่ว่าตายนั้นไม่ได้หมายความว่าวิญญาณจะแยกออกจากร่างกายหรือตายฝ่ายกายด้วยโรคภัยหรือความชรา แต่คือส่วนของวิญญาณได้ตายเสียแล้ว
( หมายความว่า ประสิทธิภาพ ทั้งมโนธรรม การติดต่อสามัคคีธรรมกับพระเจ้านั้นได้สูญเสียไป
"(อสย 59:2) แต่ว่าความบาปชั่วของเจ้าทั้งหลายได้กระทำให้เกิดการแยก ระหว่างเจ้ากับพระเจ้าของเจ้า และบาปของเจ้าทั้งหลาย ได้บังพระพักตร์ของพระองค์เสียจากเจ้า พระองค์จึงมิได้ยิน"
ผลที่ตามมาคือ มนุษย์จะจมปลักอยู่กับความบาป ยกตัวอย่างเช่น ปลาเป็นจะว่ายทวนน้ำ และแม้เป็นปลาทะเล ถ้าเป็นๆอยู่ เนื้อก็จะไม่เค็ม ถ้าตาย ปลาก็จะลอยตามน้ำ เช่นเดียวกับคนที่ไม่เชื่อ ก็ปล่อยตัวปล่อยใจไปตามกระแสโลกและดูดซับเอาความเป็นฝ่ายโลกทุกสิ่งอย่าง เพราะเขาเหล่านั้นเป็นปลาตาย
"(1ยน 2:15) อย่ารักโลกหรือสิ่งของในโลก ถ้าผู้ใดรักโลก ความรักของพระบิดาไม่ได้อยู่ในผู้นั้น
(รม12:2) อย่าทำตามอย่างชาวโลกนี้ แต่จงรับการเปลี่ยนแปลงนิสัยเสียใหม่ เพื่อท่านจะได้ทราบพระประสงค์ของพระเจ้าว่าอะไรดี อะไรเป็นที่ชอบพระทัย และอะไรดียอดเยี่ยม" )
(ขอนอกเรื่องนิดนึงนะครับ^^) เคยสงสัยรึป่าวว่า บางศาสนาฆ่าสัตว์บาป บางศาสนาฆ่าสัตว์ไม่บาป บางศาสนากินหมูบาป บางศาสนากินหมูไม่บาป และมีศีลข้อห้ามอีกมากมายก่ายกองที่แต่ละศาสนาจะขัดแย้งกัน แล้วอะไรคือข้อยุติ คำตอบก็คือเราต้องย้อนไปดูว่าใครกันแน่คือผู้สถาปนาโลกนี้ ใครคือเจ้าของ ใครคือผู้คู่ควรกำหนดกฎเกณฑ์กันแน่ ฉนั้น สรุปง่ายๆก็คือว่า สิ่งใดเป็นสิ่งที่ขัดต่อพระบัญชาของพระเจ้า สิ่งนั้นจึงเรียกว่าบาป(จบครับ^^)
(เข้าเรื่อง)โดยเหตุนี้พระคริสต์ผู้ทรงเป็นแหล่งกำเนิดชีวิตจึงต้องสละตัวพระองค์เอง ประทานให้แก่เรา เราจึงมีวิญญาณอันเป็นขึ้น และไม่ตายอยู่ในบาปต่อไป
"(1 ยน 5:11-12 )และพยานหลักฐานนั้นก็คือว่า พระเจ้าได้ทรงโปรดประทานชีวิตนิรันดร์ให้เราทั้งหลาย และชีวิตนี้มีอยู่ในพระบุตรของพระองค์ ผู้ที่มีพระบุตรก็มีชีวิต ผู้ที่ไม่มีพระบุตรก็ไม่มีชีวิต
(ยน3:16) เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จนได้ทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ที่บังเกิดมา เพื่อผู้ใดที่เชื่อในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์"
ชีวิตที่ได้จากพระคริสต์นั้น นอกจากจะเป็นการฟื้นขึ้นของวิญญาณมนุษย์แล้ว ยังมีผลถึงโลกนิรันดร์ ที่เราจะอยู่กับพระเจ้านิรันดร์ในนครเยรูซาเล็มใหม่ ซึ่งก็ตรงข้ามกับความตายนิรันดร์ คืออยู่เป็นเพื่อนกับพญามารนิรันดร์ในบึงไฟนรก
ปล.ขออภัยที่ยาวไปนะครับ
อิมมานูเอล
แก้ไขล่าสุดโดย aqua-alta เมื่อ ศุกร์ ธ.ค. 30, 2011 8:02 pm, แก้ไขไปแล้ว 8 ครั้ง.
-
- โพสต์: 286
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ต.ค. 27, 2010 8:03 pm
- ที่อยู่: ถ.ราชปรารภ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กทม.
สิ่งที่คริสชนมีไม่เหมือนชาวโลกนี้ก็คือ เรามีพระวิญญาณบริสุทธิ์ ที่พระคริสต์ประทานให้อยู่ในเรา เป็นกำลัง เป็นฤทธิ์เดชของเรา การทำดีถ้าอยู่ในพระองค์ก็ไม่ลำบาก จะเป็นไปโดยอัตโนมัติ ถ้ายอมพระองค์นะครับ ถ้าทำดีด้วยตัวเองก็ไม่แปลกหรอกครับที่จะไม่ไหว........ถ้าของเหล่านั้นออกมาเป็นรูปธรรมหน่อยก็คงจะดี.....
ขออภัยที่เรื่องมากเกินไป...... เพราะตอนนี้ยังสวมไม่ค่อยไหวเท่าไหร่ แต่ก็จะพยายามเท่าที่จะทำได้ละกัน...... (แต่นิสัยเสีย + บางอย่างมันแก้ยากไม่ใช่เล่นเลย)
ส่วนคนปกติที่ไม่เชื่อ แม้จะมีศีลข้อห้ามมากมายสวยหรู แต่ก็อย่างว่า "ดีชั่วรู้หมด แต่อดไม่ได้"
ส่วนเรื่องยุทธภัณฑ์ของพระเจ้านั้น อันที่จริงมันไม่ได้เป็นนามธรรมเลย ถ้าเราเข้าสู่ภาคปฏิบัติ
พระวจนะ เจ็ดแปดข้อนี้ มีความหมายฝ่ายวิญญาณมั่งคั่งมาก เป็นเคล็ดไม่ลับที่พระเจ้าบอกกับเรา ลองดูความหมายสิครับ ว่าอะไรคือ ความเชื่อ อะไรคือความรอด ฯลฯ
พระเจ้าอวยพรนะครับ