เอ็มมานูเอล เซเกทัชเชีย เด็กหนุ่มผู้ได้พบพระเยซูเจ้า
โดย อิมมัคคูลี อีลีบากีซา
CREDIT : ฟอร์เวิดเมล
ปล. โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านค่ะ


นี่คือเรื่องราวที่ไม่เคยเปิดเผยมาก่อนของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งมิได้เป็นคาทอลิก ผู้ได้พบพระเยซูเจ้าและกล้าทูลถามพระองค์ในเรื่องที่มนุษย์ข้องใจกันมานาน
เขาชื่อ ‘เซเกทัชเชีย’ เกิดปี 1967 ในครอบครัวยากจนที่ไม่รู้หนังสือ เขาเป็นคนเลี้ยงวัว ครอบครัวนับถือความเชื่อดั้งเดิมของท้องถิ่น อาศัยอยู่ในพื้นที่ห่างไกลของรวันดา เซเกทัชเชียไม่เคยเรียนหนังสือ ไม่เคยเห็นพระคัมภีร์ และไม่เคยก้าวเข้าโบสถ์สักครั้ง
แล้ววันหนึ่งในฤดูร้อนปี 1982 ตอนเขาอายุ 15 ปี ขณะเซเกทัชเชียกำลังนั่งพักอยู่ใต้ร่มไม้ พระเยซูคริสตเจ้าทรงมาเยือนเขา ตรัสถามหนุ่มน้อยคนนี้ว่า เขาเต็มใจทำงานเพื่อนำมนุษย์ไปสวรรค์หรือไม่ เซเกทัชเชียตอบตกลงภายใต้เงื่อนไขข้อหนึ่ง คือ ขอให้พระเยซูตอบคำถามทุกข้อของเขา ทั้งของผู้ที่เขาได้พบระหว่างการเดินทางด้วย ในเรื่องเกี่ยวกับความเชื่อ ศาสนา จุดมุ่งหมายของชีวิต และสภาพของสวรรค์และนรก
พระเยซูเจ้า ทรงเห็นชอบกับเงื่อนไขของเซเกทัชเชีย เขาจึงเริ่มดำเนินชีวิตที่สุดแสนน่าพิศวงนี้
ผู้คนต่างพากันสงสัยว่าเขาได้รับความรู้ในเรื่องศีลอภัยบาป บาปและความรักมาจากที่ใด พระเยซูเจ้าเองทรงเป็นผู้สอนให้เขารู้จักการทำสำคัญมหากางเขน การสวดบทข้าแต่พระบิดา วันทามารีย์และการสวดสายประคำ เขามีความศรัทธาอันลึกซึ้งจนทำให้เขาสามารถพูดถึงความเชื่อได้อย่างปรีชาฉลาด เหมือนกับผู้ที่เล่าเรียนทางศาสนามาเป็นเวลานาน เซเกทัชเชียได้รับศีลล้างบาปในปี 1983 โดยใช้ศาสนนามว่า ‘เอ็มมานูเอล’ ตามที่พระเยซูเจ้าปรารถนา เขาถูกฆ่าตายในระหว่างการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในรวันดา ปี 1994
อวสานโลก
เซเกทัชเชียได้สนทนาเรื่องวาระสุดท้ายของยุคกับพระเยซูเจ้ามากมาย ส่วนใหญ่ในช่วงการประจักษ์ในกิเบโฮ ระหว่างวันที่ 2 กรกฎาคม 1982 ถึง 2 กรกฎาคม 1983 เขาเล่าเรื่องการสนทนาเหล่านี้ให้ฟังในภายหลังในบทสัมภาษณ์ ที่ดร.โบนาเวนเจอร์ -กรรมการฝ่ายสงฆ์ท่านหนึ่งในคณะไต่สวนของพระสังฆราช- ได้ทำการบันทึกไว้
ต่อไปนี้คือข้อความบางตอนที่คัดมาจากบทสัมภาษณ์
ในยุคสุดท้าย แสงอาทิตย์จะร้อนแรง ผู้คนนับไม่ถ้วนจะล้มตายเพราะความอดอยากหิวโหย และจากหายนะอื่นๆที่ตามมา จะมีการประจญมากมายจากปีศาจในช่วงเวลาเหล่านั้น เพราะจะมีมหันตทุกข์บนแผ่นดินอย่างที่ชาวโลกไม่เคยล่วงรู้มาก่อน
ลูกจะรู้ว่าใกล้ถึงวันที่เรากลับมา เมื่อลูกเห็นสงครามระหว่างศาสนาที่แตกต่างกันของโลกปะทุขึ้น
เมื่อลูกได้เห็นสงครามศาสนา ลูกจะรู้ว่าเรากำลังมา เมื่อสงครามศาสนาเริ่มขึ้น การสู้รบจะยืดเยื้อ
ไม่มีวันจบสิ้นจนถึงวาระสุดท้าย ชนชาติหนึ่งจะต่อสู้กับอีกชนชาติหนึ่ง และศาสนาหนึ่งจะต่อสู้กับ
อีกศาสนาหนึ่ง แต่คนในครอบครัวก็จะขัดแย้งกันเองด้วย -พ่อแม่จะขัดแย้งกับลูกๆของตน บรรดา
บุตรชายและบุตรสาวจะขัดแย้งกัน ทุกขเวทนาจะตามมา เพราะโลกจะยังคงปฏิเสธที่จะกลับใจ