จิตตารมณ์ของนักบุญเทเรซาแห่งพระกุมารเยซู
บทที่ 1 รักพระเจ้า
นักบุญเทเรซาถือว่าความรักพระเจ้าเป็นต้นกำเนิดพลังงานทั้งมวล สำหรับชีวิตฝ่ายวิญญาณของตน
“ท่านทั้งหลายจงพยายามแสวงหาพระพรพิเศษที่ประเสริฐยิ่งกว่านี้เถิด ข้าพเจ้าจะขอชี้ทางที่ดีกว่าให้ท่าน
แม้ข้าพเจ้าพูดภาษาของมนุษย์และของทูตสวรรค์ได้ ถ้าไม่มีความรัก ข้าพเจ้าก็เป็นแต่เพียงฉาบหรือฉิ่งที่ส่งเสียงอึกทึก แม้ข้าพเจ้าจะประกาศพระวาจา เข้าใจธรรมล้ำลึกทุกข้อ และมีความรู้ทุกอย่าง หรือมีความเชื่อพอที่จะเคลื่อนภูเขาได้ ถ้าไม่มีความรัก ข้าพเจ้าก็ไม่มีความสำคัญแต่อย่างใด แม้ข้าพเจ้าจะแจกจ่ายทรัพย์สินทั้งปวงให้แก่คนยากจน หรือยอมมอบตนเองให้นำไปเผาไฟเสีย ถ้าไม่มีความรัก ข้าพเจ้าก็มิได้รับประโยชน์ใด” (1 โครินธ์ 12 : 31 - 13 : 3)
“ขณะนี้ยังมีความเชื่อ ความหวังและความรักอยู่ทั้งสามประการ แต่ที่ยิ่งใหญ่กว่าสิ่งใดทั้งหมดคือ ความรัก” (1 โครินธ์ 13 : 13)
ข้อ 1
คำสอนของนักบุญเทเรซา กล่าวถึงคุณค่าแห่งความรัก
ความรักเป็นวินัยประจำตัว
“กระแสเรียกของดิฉัน คือ รักพระเยซูเจ้า ดิฉันอยากรับพระองค์เหลือเกิน อยากรักอย่างที่พระองค์ไม่เคยถูกรักมาก่อน... ขอพระองค์ช่วยดิฉันรักพระองค์จนปราศจากขอบเขต... ดิฉันใฝ่ฝันแต่สิ่งนี้เท่านั้น... เพราะดิฉันไม่ปรารถนาอยากได้อะไรเลย นอกจากรักพระองค์อย่างหมดหัวใจ”
นักบุญเทเรซาไม่ถือว่าฤทธิ์กุศลต่าง ๆ เป็นทางนำไปสู่ความรัก แต่ตรงข้าม ความรักเป็นผู้นำฤทธิ์กุศลต่าง ๆ มาสู่เรา เธอคิดถึงคำสอนข้อที่ว่า “พระเจ้าทรงสร้างเรามาเพื่อรู้จัก รัก และปรนนิบัติพระองค์” และโดยการรักพระองค์ เธอจึงได้ปรนนิบัติพระองค์อย่างดีครบถ้วน
เกี่ยวกับคติพจน์ประการนี้ ท่านนักบุญเขียนไว้ว่า “ท่านอยากรู้ทางนำไปสู่ความครบครันหรือ? ดิฉันรู้ว่ามีทางเดียว คือ รัก”
เมื่อมีคนถามว่า “ซิสเตอร์คงลำบากมาก ในอันที่จะชนะใจตนเองได้ถึงเพียงนี้” ท่านตอบอย่างเด็ดเดี่ยวว่า “ไม่เป็นเช่นนั้นหรอกค่ะ” ในจดหมายฉบับหนึ่ง เขียนในปี 1893 ท่านบันทึกว่า “ดิฉันทราบดีว่า ผู้แนะนำวิญญาณบางท่านบอกว่า เพื่อจะบรรลุถึงความดีครบครัน ต้องนับจากกิจการดีที่ได้กระทำไปแล้ว แต่ว่าพระเยซูเจ้าทรงแนะนำดิฉันว่า ไม่ต้องนับดูกิจการดีของตน แต่จงกระทำกิจการทุกอย่างด้วยความรัก”
ก่อนตายท่านพูดได้เต็มปากว่า “ดิฉันไม่มีอะไรถวายแด่พระเจ้า นอกจากความรักเท่านั้น”
เธอรู้ดีว่า “พระเยซูเจ้าทรงปรารถนาอย่างยิ่งที่จะเสด็จเข้าไปในหัวใจของเรา พระองค์ทรงถือว่า ความรักของเราประเสริฐกว่าเครื่องบรรณาการใด ๆ ทั้งสิ้น ปราศจากความรัก งานใด ๆ แม้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ก็ไร้คุณค่า แน่นอนทีเดียวว่า พระเยซูเจ้าไม่ทรงเรียกร้องกิจการใหญ่โต แต่ทรงขอให้เรามอบตัวไว้ในพระหัตถ์และกตัญญู คือ รักพระองค์เท่านั้น”
ในบทเพลงสดุดีที่ 49 พระเจ้าตรัสว่า “เราไม่ต้องการลูกโคเพศผู้จากบ้านของท่าน หรือแพะจากคอกของท่าน เพราะสัตว์ทั้งหลายในป่าล้วนเป็นของเรา เช่นเดียวกับสัตว์นับพันบนภูเขา เรารู้จักนกทุกตัวในอากาศ ทุกสิ่งที่เคลื่อนไหวในทุ่งนาก็เป็นของเรา ถ้าเราหิว เราก็ไม่บอกท่าน เพราะโลกและทุกสิ่งในโลกล้วนเป็นของเรา เราจะกินเนื้อโคเพศผู้ และดื่มเลือดแพะกระนั้นหรือ? จงถวายเครื่องบูชาสรรเสริญแด่พระเจ้า จงแก้บนตามที่ได้สัญญาไว้กับพระผู้สูงสุด”
นักบุญเทเรซาระลึกถึงคำสอนของนักบุญยอห์นแห่งไม้กางเขนเสมอว่า “พระเจ้าไม่ต้องการกิจการของเรา ทรงมีพระประสงค์แต่ความรักของเราเท่านั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าเองทรงประกาศว่าไม่ต้องการบอกเราว่าทรงหิว แต่ก็ไม่ทรงลังเลพระทัยขอน้ำดื่มจากหญิงชาวสะมาเรีย... พระองค์ทรงกระหาย.. แต่ว่าที่พระองค์ตรัสว่า “ขอน้ำดื่มทีเถิด” แท้จริงแล้วพระองค์ทรงกระหายความรักจากมนุษย์ที่น่าสงสารของพระองค์”
เธอเคยเขียนบ่อยๆ ว่า พระเจ้าทรงน่ารักสักเพียงไร พระองค์ทรงรักเรามากเพียงไร และทรงแสวงหาความรักของเรา พระองค์ช่างเกรงใจเราเหลือเกิน เราให้อะไรแด่พระองค์แม้แต่นิดเดียว พระองค์ก็พอพระทัย ความรักเป็นทางนำไปสู่ความดีครบครันได้อย่างไร
“พระองค์ทรงปรารถนาให้เรารักพระองค์ พระองค์ขอความรักจากเรา...” ท่านนักบุญเทเรซากล่าวว่า “สุดแล้วแต่เราจะเห็นอกเห็นใจพระองค์ก็ว่าได้ พระองค์ไม่ทรงขออะไรนอกจากสิ่งที่เรายกให้ด้วยความสมัครใจ และของถวายแด่พระองค์แม้แต่เล็กน้อยที่สุด ก็เป็นสิ่งที่มีค่าเฉพาะพระพักตร์”
ท่านยกเอาพระคัมภีร์มากล่าวว่า “เธอได้บาดหัวใจของเราด้วยผมเส้นหนึ่งที่ปลิวว่อนบนคอของเธอ โดยพระวาจานี้ พระเยซูเจ้าทรงปรารถนาจะแสดงให้เราเข้าใจว่า กิจการแม้แต่เล็กน้อยที่สุดที่เราทำไปด้วยความรัก ย่อมนำความยินดีแด่พระหฤทัยของพระองค์อย่างยิ่ง”
“วิญญาณที่กระตือรือร้นที่สุด คือวิญญาณที่ประกอบการงานทุกอย่างด้วยความรักเสมอ”