ท่านรักเราไหม???

ถาม-ตอบพระคัมภีร์ เรื่องเสริมศรัทธา ความรู้ และสาระ บทความ ในคริสตศาสนา
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
salvation7
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 522
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ต.ค. 31, 2010 1:05 am
ติดต่อ:

เสาร์ พ.ค. 25, 2013 2:40 pm

มีโอกาสไปมิสซาเช้าเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2556 ที่โบสถ์มหาไถ่ ซอยร่วมฤดี
คุณพ่อเทศน์เกี่ยวกับความรัก การเป็นผู้นำ เลยนำมาแบ่งปันกัน .....
(ข้อมูลอาจตกหล่นบ้าง ก็ขออภัย..)

เทศน์โดย คุณพ่อไพบูลย์ อุดมเดช

ถ้าหากคนเราเรียนรู้เพียงทำตามแบบ ธรรมชาติ

คนที่มีปัญญาก็ต้องมานั่งคิดว่ามันหมายถึงอะไรกัน

พระเยซูเจ้าถามเปโตรว่า ท่านรักเราไหม
ทำไมพระเยซูเจ้าจึงถามเปโตรอย่างนั้น....

สำหรับพ่อ พ่อคิดว่า
พระเยซูเจ้า เห็นตัวจริงของเปโตรเมื่อตื่นขึ้นมาว่า
ต่อไปนั้น ท่านจะต้องเป็นผู้นำ นำคนอื่น
นอกจากนำแล้วจะต้อง take care เขาด้วยน๊ะ
ดูแลเขาด้วย เลี้ยงเค้าด้วย


คนที่มาดูแล คนที่จะเป็นผู้นำ หาเลี้ยงดูเนี่ย

ถ้าสมมุติว่า
ไม่มีคุณสมบัติบางอย่างมันจะทำได้ไหมเนี่ย..??

มันจะทำได้ไหม...

คุณสมบัตินั้นมีอะไร
พระเยซูเจ้าบอกว่า ท่านรักเราไหม??
ดังนั้นพระเยซูเจ้า ถามตรงไปที่หัวใจว่า...

ถ้าหากคุณต้องนำเค้า
คุณต้องเลี้ยงดูเค้า
คุณต้องดูแลทุกสิ่งทุกอย่าง


=================================================
ถ้าคุณไม่เริ่มที่ "รักน๊ะ"
มันไป
ไม่รอดหรอก...

=================================================

ความรักจะเป็นพลังจะต้อง ถามหัวใจ

ถ้าท่านรักเรา พระเยซูเจ้าก็สำคัญ ทุนแห่งความรัก
ถ้าท่านรักเรา ความรักในที่นี่จะช่วยให้ท่านเป็นผู้นำ
เป็นผู้เลี้ยงดู เป็นผู้ที่คอยดูแล ตามลูกแกะ


ก็แปลว่าบริบทเหมือน ๆ กับแนวคิดของเปโตร

ถามว่า การเป็นผู้นำ แล้วเกี่ยวอะไรกับการเรียนรู้จักธรรมชาติ

พ่อมองดูรอบกายเรานั้น พ่อคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้น อยู่กันได้อย่างสมดุล บนพื้นฐานของความรัก

คิดดี ๆ ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่กันอย่างเกิดความสมดุล บนพื้นฐานของความรัก อัตตาขจัดความรักที่มันอยากจะรู้ถึงความรัก และนี่คือคำสอน ระเบียบ ของชาวคริสต์ของเรา เพื่อค้นพบว่า ในธรรมชาตินั้นมันอยู่ของมันได้เพราะความรัก

ที่นี้มามองดูชีวิตมนุษย์ ทำไมชีวิตมนุษย์นี่... มันถึงเกิดความวุ่นวายกันนักหนา... ทำไม?

สำหรับพ่อ
พ่อคิดว่า เพราะมนุษย์มองที่ปัญญา ไม่ได้ด้วยสายตาของความรัก แต่ด้วยการ....

อยาก...ปกครอง
อยาก....เป็นเจ้าของ


ดูปัญหาความวุ่นวาย? ในสังคมรอบกายเราในประเทศ ในเมืองไทยนี่หล่ะ
ทำไมถึงวุ่นวาย?
มันวุ่นวายเพราะคนเก่งอยากจะปกครอง

อยากจะเพาะนำ
อยากจะควบคุม


แล้วมันไปขัดแย้งกับอะไรหล่ะ

มันไปขัดแย้งกับ องค์ประกอบทุกสิ่งทุกอย่าง

แต่ละคนที่มันมีมิตรภาพ
มันไม่อยากให้ปกครอง
มันไม่อยากให้มาดูแลกัน

ตรงนี้หล่ะ
============================================================

คุณจะเอาอะไรจูงใจเขาได้
ถ้าคุณอยากเป็นนักปกครอง


คุณต้องถาม ความรัก

============================================================

คุณต้องมองดูธรรมชาติรอบกาย มองอย่างธรรมชาติ
มองอย่างมีสมดุลมากกว่านี้ มันอยู่กันได้อย่างไร
มันอยู่กันด้วย อย่างความรัก ความเอื้ออาทร
ไม่ใช่การที่จะพยายามปกครอง

มีวันหนึ่ง พ่อจำได้ว่ามีพระภิกษุที่อยู่ภาคอีสาน เค้าพูดตามวิทยุ เสียงวิทยุชาวบ้านว่า
อย่าไปเอามาปลูกน๊ะ ต้นยูคาลิปตัสน๊ะ

??...แล้วทำไมปลูกต้นยูคาลิปตัสหล่ะ

มันไม่เอื้อเฟื้อ ภาษาชาวบ้าน

ยูคาลิปตัสมาจากออสเตเลีย นักการเมืองให้เอามาปลูก
มันไม่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อพืชพันธุ์อื่น ๆ เลย
มันไปกินเขาหมด ต้นพืช ต้นหญ้า ต้นยา ของพวกเราอยู่ตามต้นไม้มันตายหมด
มันไม่เอื้อเฟื้อ...


เอ๋ !! พ่อก็มานั่งมองนั่งคิด มองว่า เมื่อสังเกตุดูธรรมชาติ
มนุษย์เราก็เกี่ยวข้องกับธรรมชาติด้วย

เมื่อไหร่ก็ตามที่หัวใจของมนุษย์เรา เข้าใจในความรัก กฎของคำว่าความรัก กฎนั้น

นั่นหล่ะ พ่อคิดว่า "ความสุข" จึงเกิดขึ้น

ความเอื้ออาทรกัน
ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่


************************************************************************

ในหลักของการปกครอง มันมีคำคำหนึ่ง
บอกว่า นักปกครองที่ดีนั้น

"จงปกครองโดยที่อย่าให้เค้ารู้ว่าเค้าถูกปกครอง "

*************************************************************************

แปลว่าอะไร?
ก็แปลว่าอะไรหล่ะ
ที่ทำให้คนเรา เกิดความรู้สึกบอกว่า ไม่ถูกข่มขู่ ข่มเหง

คำตอบ

ก็คือ รัก

เพราะรักอยู่ในธรรมชาติรอบกาย
นึกดูชาวคริสต์ของเราค้นพบว่า รักมาจากกาย
มาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า


ที่นี่ก็จะมีการบ้านที่มันยากขึ้นมาหน่อยสำหรับพวกเราเกี่ยวกับงานที่ค้น
แต่เมื่อมาถึงจุดหนึ่งเราพบว่าความรักมาจากงาน มาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า

เราต้องถามตัวเราเองว่า เรายังเป็นควบคู่กับงานไหมหล่ะ
ถ้าเรายังไปควบคู่ กับงาน เราเดินผิดทาง
ถ้าเราอยากจะเป็นหนึ่ง
เป็นส่วนหนึ่งของความรักขององค์พระผู้เป็นเจ้า
เราเดินมาถูกทาง

==========================================================================

แล้วท่านหล่ะ

รักพระเยซูเจ้าแบบไหน...???

รักเพื่อนมนุษย์กันแบบไหน...???

เลือกเดินทางไหน...???


ไปรับผิดชอบต่อหน้าพระกันเอง.....

==========================================================================
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6637
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

อาทิตย์ พ.ค. 26, 2013 1:42 pm

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เอาอาหารไปทำบุญที่ อารามกาปูชิน สามพราน ได้พบกับ
(บราเดอร์ ชุมพล ดีสุดจิต ที่นั่นพอดี ก็ได้สวัสดีท่าน ท่านก็พูดว่า " ดีแล้วมาทำบุญ...ทำต่อไป
เมื่อเรา อยู่ต่อหน้าพระเจ้า พระองค์จะไม่ถามว่าอยู่ในโลกนี้ ทำอะไรมาบ้าง แต่จะถามว่า
รักเราหรือเปล่า" บราเดอร์ พูดย้ำแบบนี้ 2-3 ครั้ง .)
นั่นแสดงว่าความรักสำคัญที่สุด .....
เราจะแสดงความรักพระองค์อย่างไร......
และจะแสดงความรักต่อเพื่อนมนุษย์อย่างไร......
:s030: :s030:
kanya Muang-in
โพสต์: 282
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.พ. 25, 2013 4:55 pm

อังคาร พ.ค. 28, 2013 11:06 am

:s007: :s007:
ภาพประจำตัวสมาชิก
sunofgod
โพสต์: 2477
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ย. 18, 2011 8:17 pm

อังคาร พ.ค. 28, 2013 4:58 pm

:s002: :s002: :s015:
aqua-alta
โพสต์: 286
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ต.ค. 27, 2010 8:03 pm
ที่อยู่: ถ.ราชปรารภ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กทม.

เสาร์ ก.ค. 06, 2013 12:51 am

ยน 21:15-17 แท้ที่จริงพระวจนะตอนนี้มีความล้ำค่าอย่างมาก ถึงขนาดทุกวันนี้มีอนุสรณ์แห่งความรักที่หาดทิเบเรียส(ยน21:1 ) ก็เพราะพระวจนะตอนนี้

ใครอ่านไม่เกทก็อาจสงสัยว่า เอ๊ะ พระองค์จะถามอะไรเปโตรนักหนา ถามตั้งสามครั้ง ทั้งที่พระองค์ทรงรู้ทุกอย่าง หรืออาจแค่คิดว่า พระองค์แค่จะเน้นเรื่องความรัก ความรักมาก่อน แต่แท้จริง สิ่งที่พระองค์จะทรงบอกเราทุกวันนี้มันแค่นั้นจริงหรือ เพราะคนที่เกทความหมายของพระวจนะตอนนี้ หลายคนน้ำตาตก กลับใจ รักพระองค์ยิ่งกว่าเดิม
(ที่ผมเข้าใจก็เพราะเมื่อหลายๆๆๆๆๆปีมาแล้ว มีผู้อาวุโสท่านหนึ่งแบ่งปันให้ฟัง ประกอบกับอีกท่านที่ไปเที่ยวอิสราเอลมาเล่าให้ผมฟังว่ามีอนุสรณ์ที่หาดทิเบเรียส ตอนท่านไป ได้แต่ยืนน้ำตาซึม พูดอะไรไม่ออก)

ก่อนอื่น น่าเสียดายที่ทั้งภาษาไทยและอังกฤษไม่สามารถแปลความหมายของภาษาเดิม(ภาษากรีก)ได้ครบถ้วนกระบวนความ ในภาษากรีกมีคำทั้งหมด 4 คำ ซึ่งแปลเป็นภาษาอังกฤษและไทยว่า รัก (Love) ทั้งหมด แต่ที่จริงมีความหมายลึกซึ้งกว่านั้นมาก (อันที่จริงคุณ salvation7 ก็เคยโพสแล้วถ้าจำไม่ผิดชื่อกระทู้"ความรักแท้จริงคืออะไร" ผมขอลงอีกที ไว้ฟื้นความจำละกันครับ)

1. στοργή storgē
ความรักอย่างคนในบ้าน เรารักพ่อแม่ รักพี่รักน้อง รักปู่ย่าตายาย เป็นต้น ความรักชนิดนี้ ดูเหมือนยิ่งใหญ่ แต่จากที่เราเห็น มีคนไม่น้อยตัดพ่อตัดลูก ตัดพี่ตัดน้องได้ ฆ่าแกงกันได้ แสดงให้เห็นว่าเป็นความรักที่ไม่จีรังยั่งยืน

2.ἔρως érōs
ความรักฉันชายหญิง พูดให้เข้าใจง่ายคือแบบโรมานซ์ อันนี้เราๆท่านๆเห็นเป็นปกติ ว่ามันจืดจางเร็วจะตาย แสดงให้เห็นว่าเป็นความรักที่ไม่จีรังยั่งยืน(ปรากฏในพระคัมภีร์ส่วนใหญ่คือเพลงซาโลมอน)


3.φιλία philía
ความรักแบบเพื่อนมีให้เพื่อน ถึงแม้จะสนิทกันเพียงใด เช่นกัน เราๆท่านๆก็คงจะเคยเห็นเคยได้ยินคำว่าตัดเพื่อน เพื่อนกัน วันนี้คุยดี พรุ่งนี้หักหลัง หรือความผูกพันระหว่างคู่สมรส ถ้าความรักเช่นนี้จีรังยั่งยืน ในโลกนี้ใบหย่าคงไม่จำเป็นอีกต่อไป แสดงให้เห็นว่าเป็นความรักที่ไม่จีรังยั่งยืน


4.ἀγάπη agápē
ความรักชนิดนี้เป็นความรักประเสริฐที่สุด เป็นความรักที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง เป็นความรักของพระเจ้า รักเราตั้งแต่ก่อนวางรากสร้างโลก รักเราจนยอมมาบังเกิดรับทุกข์ทรมานแทนเรา รักเรากระทั่งมรณาที่กางเขน รักเราจึงเป็นขึ้นและเสด็จสู่สวรรค์ รักเราจึงจะเสด็จกลับมา รักเราเช่นนี้ตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน และอนาคต แสดงให้เห็นว่าเป็นความรักเดียวที่จีรังยั่งยืน


เข้าเรื่องครับ ใช้วิญญาณสัมผัสกับคำว่ารักดีๆนะครับ ใส่ใจกับความหมายแท้จริงของคำว่ารักนิดนึง^^

ยน 21:15-17
เมื่อรับประทานอาหารเสร็จแล้ว พระเยซูตรัสกับซีโมนเปโตรว่า “ซีโมนบุตรยอห์นเอ๋ย ท่านรัก(agápē)เรายิ่งกว่าสิ่งเหล่านี้จริงๆ หรือ?”เขาทูลว่า “ใช่พระเจ้าข้า พระองค์ทรงทราบว่าข้าพระองค์รัก(philía)พระองค์”
พระเยซูตรัสว่า “จงเลี้ยงลูกแกะของเรา”
พระเยซูตรัสอีกครั้งหนึ่งว่า “ซีโมนบุตรยอห์นเอ๋ย ท่านรัก(agápē)เราจริงๆ หรือ?” เขาทูลว่า “ใช่พระเจ้าข้า พระองค์ทรงทราบว่าข้าพระองค์รัก(philía)พระองค์”
พระเยซูตรัสว่า “จงดูแลลูกแกะของเรา”
(ในครั้งที่สาม ทรงผ่อนปรนลงมา รู้ถึงสภาพการณ์ของเปโตรว่ายังมีขีดจำกัด ผมว่าพระองค์ก็คงเสียพระทัย)
พระองค์ตรัสกับเขาเป็นครั้งที่สามว่า “ซีโมนบุตรยอห์นเอ๋ย ท่านรัก(philía)เราหรือ?”เปโตรรู้สึกเสียใจ เพราะพระเยซูทรงถามเขาเป็นครั้งที่สามว่า “ท่านรักเราหรือ?” เขาทูลว่า “พระองค์เจ้าข้า พระองค์ทรงทราบทุกอย่าง พระองค์ทรงทราบว่าข้าพระองค์รัก(philía)พระองค์”พระเยซูตรัสว่า “จงเลี้ยงแกะของเรา"

และนี่คือเหตุผลว่าทำไม "เปโตรรู้สึกเสียใจ" หากเราอ่านแล้ว ท่าทีที่สมควรมีคือเสียใจเช่นกัน และกลับใจ รักพระองค์ยิ่งขึ้น เพราะพระองค์ทรงรักเราด้วยรัก(agápē)ที่จีรังยั่งยืน ยอมแม้กระทั่งตายแทนเรา แต่ทุกวันนี้ เมื่อทรงถามเรา"ท่านรักเราหรือ?" เรากลับให้พระองค์ได้แค่รัก(philía)อันแสนจะเบาบางและไม่จีรังยั่งยืน หรือซ้ำร้ายกว่า ในชีวิตประจำวันลืมพระองค์ด้วยซ้ำ จำพระองค์ได้แค่ตอนเข้าโบสถ์วันอาทิตย์ด้วยซ้ำ ต้องขอพระเจ้าเมตตาเราจริงๆ เพราะแท้จริงรักที่พระองค์ต้องการจากเราคือ รัก(agápē)ที่จีรังยั่งยืน

ลำพังเราทำไม่ได้หรอกครับ ขอทรงเพิ่มพูนความรัก(agápē)ในใจเราทุกๆวัน อาเมน

1ยน 4:19 เราทั้งหลายเกิดความรัก(agápē)ในพระองค์ ก็เพราะพระองค์ทรงรัก(agápē)เราก่อน

ปล.ภาษากรีกอ้างอิงจาก พระคัมภีร์ใหม่&พจนานุกรมกรีกไทย ฉบับศึกษาคำกรีก ของกนกบรรณสาร
อิมมานูเอล
ตอบกลับโพส