คนที่ไม่รู้จักกับพระเจ้า จะเป็นยังไงต่อไป
ผมอยากรู้ว่า ถ้าเกิดคนที่เค้าไม่รู้จักกับพระเจ้า
แต่ก็เป็นคนดี มีเมตตา
และเสียสละเพื่อผู้อื่น
แต่เค้าไม่ได้นับถือพระเจ้า
อย่างนี้ เวลาเค้าตายไป
เค้าจะได้เข้าแผ่นดินสวรรค์มั้ยครับ
???
แต่ก็เป็นคนดี มีเมตตา
และเสียสละเพื่อผู้อื่น
แต่เค้าไม่ได้นับถือพระเจ้า
อย่างนี้ เวลาเค้าตายไป
เค้าจะได้เข้าแผ่นดินสวรรค์มั้ยครับ
???
ผมเชื่อว่า พระเจ้า
มีแผนการ ช่วยคนนั้นขึ้นสวรรค์
แต่อาจจะไม่ใช่ แผนการที่เราเห็นได้
พระเจ้า เป็นพระเจ้า ของทั้ง สิ่งที่เห็นได้ และเห็นไม่ได้ ครับ
อัลเลลูยา
มีแผนการ ช่วยคนนั้นขึ้นสวรรค์
แต่อาจจะไม่ใช่ แผนการที่เราเห็นได้
พระเจ้า เป็นพระเจ้า ของทั้ง สิ่งที่เห็นได้ และเห็นไม่ได้ ครับ
อัลเลลูยา
-
- ~@
- โพสต์: 2546
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm
พระเมตตาพระเป็นเจ้าเหลือจะกล่าวต้องได้ขึ้นสวรรค์แน่นอนครับ ตามความเชื่อของเราเขาเหล่านั้นจะต้องรอก่อนจนถึงวันพิพากษาแล้วพระเป็นเจ้าจะทรงรับเขาขึ้นสวรรค์ครับ :D ก่อนหน้านั้นเขาจะอยู่ในที่ๆนึงที่จัดเตรียมใว้สำหรับผู้ที่ทำดีแต่ไม่ได้เป็นคริส(หลักการคัดแยกผู้ที่เป็นและไม่ได้เป็น คือศีลล้างบาป)
รม 2:12
ทุกคนที่ทำบาปโดยไม่รู้จักธรรมบัญญัติจะพินาศไปโดยไม่มีธรรมบัญญัติ แต่ผู้ที่อยู่ใต้ธรรมบัญญัติและกระทำบาป จะถูกพิพากษาตามธรรมบัญญัติ เพราะผู้ที่พระเจ้าจะทรงบันดาลความชอบธรรมนั้น ไม่ใช่ผู้ที่ได้ยินได้ฟังธรรมบัญญัติเท่านั้น แต่เป็นผู้ที่ปฏิบัติตามธรรมบัญญัติด้วย ดังนั้น เมื่อคนต่างชาติซึ่งไม่รู้จักธรรมบัญญัติ และประพฤติตามข้อกำหนดของธรรมบัญญัติจากสามัญสำนึก แม้พวกเขาจะไม่รู้จักธรรมบัญญัติ พวกเขาก็เป็นธรรมบัญญัติสำหรับตนเอง พวกเขาแสดงให้เห็นสิ่งที่ธรรมบัญญัติกำหนดไว้ในใจตามมโนธรรมและบางครั้งความคิดตามเหตุผลที่กล่าวโทษก็ป้องกันพวกเขา ในวันที่พระเจ้าทรงตัดสินพิพากษาความคิดที่เร้นลับของมนุษย์ทุกคนด้วยเดชะพระเยซูคริสตเจ้า ตามข่าวดีที่ข้าพเจ้าได้ประกาศไว้
ทุกคนที่ทำบาปโดยไม่รู้จักธรรมบัญญัติจะพินาศไปโดยไม่มีธรรมบัญญัติ แต่ผู้ที่อยู่ใต้ธรรมบัญญัติและกระทำบาป จะถูกพิพากษาตามธรรมบัญญัติ เพราะผู้ที่พระเจ้าจะทรงบันดาลความชอบธรรมนั้น ไม่ใช่ผู้ที่ได้ยินได้ฟังธรรมบัญญัติเท่านั้น แต่เป็นผู้ที่ปฏิบัติตามธรรมบัญญัติด้วย ดังนั้น เมื่อคนต่างชาติซึ่งไม่รู้จักธรรมบัญญัติ และประพฤติตามข้อกำหนดของธรรมบัญญัติจากสามัญสำนึก แม้พวกเขาจะไม่รู้จักธรรมบัญญัติ พวกเขาก็เป็นธรรมบัญญัติสำหรับตนเอง พวกเขาแสดงให้เห็นสิ่งที่ธรรมบัญญัติกำหนดไว้ในใจตามมโนธรรมและบางครั้งความคิดตามเหตุผลที่กล่าวโทษก็ป้องกันพวกเขา ในวันที่พระเจ้าทรงตัดสินพิพากษาความคิดที่เร้นลับของมนุษย์ทุกคนด้วยเดชะพระเยซูคริสตเจ้า ตามข่าวดีที่ข้าพเจ้าได้ประกาศไว้
คำถามแบบนี้แหละที่เคยทำให้พี่หนาวเยือกไปถึงหัวใจมาแล้ว (ขออภัยเจ้าของกระทู้ที่จะนอกเรื่องนิดนึง)
และคำถามนี้ที่ออกมาจากปากของเด็กวัย8ขวบลูกชายพี่เอง ที่ถามพี่ว่า แม่เคยคิดบ้างไม๊ถ้าแม่ตายไปแม่จะไปที่ไหน อย่างหนูกับพ่อเราจะไปสวรรค์กัน เพราะเราเชื่อพระเจ้า เราจะได้ไปอยู่ด้วยกัน แต่หนูเป็นห่วงแม่ มีทางไหนบ้างไหมที่แม่จะได้ไปสวรรค์ และนั่นเป็นครั้งแรกที่พี่เริ่มคิดถึงตัวเองและความตาย จนคืนนั้นนอนไม่หลับ เรี่มสับสน แต่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นก่อนที่พี่จะรู้จักพระเจ้า :D
และคำถามนี้ที่ออกมาจากปากของเด็กวัย8ขวบลูกชายพี่เอง ที่ถามพี่ว่า แม่เคยคิดบ้างไม๊ถ้าแม่ตายไปแม่จะไปที่ไหน อย่างหนูกับพ่อเราจะไปสวรรค์กัน เพราะเราเชื่อพระเจ้า เราจะได้ไปอยู่ด้วยกัน แต่หนูเป็นห่วงแม่ มีทางไหนบ้างไหมที่แม่จะได้ไปสวรรค์ และนั่นเป็นครั้งแรกที่พี่เริ่มคิดถึงตัวเองและความตาย จนคืนนั้นนอนไม่หลับ เรี่มสับสน แต่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นก่อนที่พี่จะรู้จักพระเจ้า :D
ผมดีใจนะครับที่มีกระทู้นี้ขึ้นมาถาม เพราะผมเคยถามคำถามนี้กับคุณพ่อที่สอนคำสอนผมเมื่อตอนที่เรียนคำสอนทำให้ผมประทับใจมากกับคำตอบ คุณพ่อตอบว่า "ความบาปผิดจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อบุคคลนั้นรู้จักมันหรือเปล่า ถ้าหากรู้แล้วไม่ทำก็มีโทษ แต่ถ้าหากไม่เคยรู้เลยแล้วทำย่อมได้รับการอภัยเสมอถือว่าไม่มีเจตนา อย่างเช่น คนป่าที่อยู่ในป่าลึกไม่เคยเรียนรู้เรื่องศาสนา หากเขาต้องดำเนินชีวิตด้วยการต่อสู้แย่งชิงกันก็เป็นสัญชาตญาณที่ต้องเอาชนะและเอาตัวรอด เป็นต้น และที่สุดพระเป็นเจ้าจะทรงส่งผู้แพร่ธรรมและบรรดามิสชั่นนารีไปสอนศีลธรรมและความถูกต้องให้เขาเอง พระเป็นเจ้าทรงเรียกสิ่งสร้างอันประเสริฐนี้ว่ามนุษย์ เมื่อมนุษย์ได้รับการสั่งสอนและใช้สมองในการตัดสินใจแล้วหากยังไปปฏิบัติสิ่งที่ขัดต่อศีลธรรมที่ได้ถูกสั่งสอนมาอีกก็ต้องได้รับการลงโทษ"
เราทุกคนถือว่าโชคดีกว่าคนอื่นๆที่ไม่รู้จักพระ หรือรู้จักแต่ปฏิเสธ เพราะเราสามารถขอพึ่งบารมีการไถ่กู้ของพระเยซูเจ้าได้อย่างเต็มที่ อย่าลืมว่ามนุษย์มีบาปกำเนิดนะครับ
สิ่งที่เราจะช่วยให้ทุกคนได้รู้จักพระและกลับมาหาพระผู้สร้างก็ต้องอาศัยการแพร่ธรรม และสวดภาวนาให้พระเป็นเจ้าส่งคนงานของพระองค์ลงมาทำงานแพร่ธรรมให้มากขึ้นนะครับ เหมือนกลุ่มลูกแกะน้อยของพระคริสตเจ้างัยครับ
เราทุกคนถือว่าโชคดีกว่าคนอื่นๆที่ไม่รู้จักพระ หรือรู้จักแต่ปฏิเสธ เพราะเราสามารถขอพึ่งบารมีการไถ่กู้ของพระเยซูเจ้าได้อย่างเต็มที่ อย่าลืมว่ามนุษย์มีบาปกำเนิดนะครับ
สิ่งที่เราจะช่วยให้ทุกคนได้รู้จักพระและกลับมาหาพระผู้สร้างก็ต้องอาศัยการแพร่ธรรม และสวดภาวนาให้พระเป็นเจ้าส่งคนงานของพระองค์ลงมาทำงานแพร่ธรรมให้มากขึ้นนะครับ เหมือนกลุ่มลูกแกะน้อยของพระคริสตเจ้างัยครับ
แก้ไขล่าสุดโดย Divine Mercy เมื่อ จันทร์ ก.ค. 25, 2005 9:42 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
เราไปสวรรค์เดียวกัน ดีกว่าไปคนละสวรรค์นะคะ พี่ติ๊ก
เอาไว้จากโลกนี้ไปแล้ว เราไปเม้าส์กันต่อ
ที่สวรรค์ด้วยกันงัยคะ ;D
เอาไว้จากโลกนี้ไปแล้ว เราไปเม้าส์กันต่อ
ที่สวรรค์ด้วยกันงัยคะ ;D
คิดว่าโดยอาศัยความรัก และพระเมตตาของพระแล้ว คงได้ขึ้นสวรรค์แน่ๆ แต่ถ้ามีโอกาสคิดว่า ควรทำความรู้จักดีกว่าการเพิกเฉย ;) ;)
แก้ไขล่าสุดโดย kyrie เมื่อ อังคาร ก.ค. 26, 2005 12:59 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- โพสต์: 659
- ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.ย. 10, 2005 2:01 pm
- ที่อยู่: I believe in God...
ผมว่าถ้าเขาไม่รู้จักพระเจ้าแต่เขาทำความดี น่าจะได้ไปสวรรค์นะครับ เพราะบางศาสนาไม่มีการนับถือพระเจ้า เชื่อแต่ว่าทำดีได้ขึ้นสวรรค์ประมาณนี้อะครับ
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
โรม
10:9 คือว่าถ้าท่านจะรับด้วยปากของท่านว่า พระเยซูทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า และเชื่อในจิตใจว่า พระเจ้าได้ทรงชุบพระองค์ให้เป็นขึ้นมาจากความตาย ท่านจะรอด
10:10 ด้วยว่า ความเชื่อด้วยใจก็นำไปสู่ความชอบธรรม และการยอมรับสัจจะของพระเจ้าด้วยปากก็นำไปสู่ความรอด
10:11 เพราะมีข้อพระคัมภีร์ว่า ผู้หนึ่งผู้ใดที่เชื่อในพระองค์จะไม่ได้รับความอับอาย
10:12 เพราะว่าพวกยิวและพวกต่างชาตินั้น ไม่ทรงถือว่าต่างกัน ด้วยว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าองค์เดียว ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าของคนทั้งปวง และทรงโปรดอย่างบริบูรณ์แก่คนทั้งปวงที่ทูลขอต่อพระองค์
10:13 เพราะว่า ผู้ที่ร้องออกพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะรอด
>>>: พวกเราโปรเตสแตนต์ส่วนใหญ่ ยัง ตีความหมายคนที่จะเข้าแผ่นดินของพระเจ้าคือ คนที่รู้จักพระเยซูเจ้า
10:14 แต่ผู้ที่ยังไม่เชื่อในพระองค์ จะทูลขอต่อพระองค์อย่างไรได้ และผู้ที่ยังไม่ได้ยินถึงพระองค์ จะเชื่อในพระองค์อย่างไรได้ และเมื่อไม่มีผู้ใดประกาศให้เขาฟัง เขาจะได้ยินถึงพระองค์อย่างไรได้
10:15 และถ้าไม่มีใครใช้เขาไป เขาจะไปประกาศอย่างไรได้ ตามที่มีคำเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า เท้าของคนเหล่านั้นที่นำข่าวดีมา ช่างงามจริงๆ หนอ
10:16 แต่มิใช่ทุกคนได้เชื่อฟังข่าวประเสริฐนั้น เพราะอิสยาห์ได้กล่าวไว้ว่า พระองค์เจ้าข้า ใครเล่าได้เชื่อสิ่งที่เขาได้ยินจากเราทั้งหลาย
10:17 ฉะนั้นความเชื่อเกิดขึ้นได้ก็เพราะการได้ยิน และการได้ยินเกิดขึ้นได้ก็เพราะการประกาศพระคริสต์
10:18 ข้าพเจ้าถามว่า "เขาทั้งหลายไม่ได้ยินหรือ" เขาได้ยินแล้วจริงๆ เสียงของเขากระจายออกไปทั่วแผ่นดินโลก และถ้อยคำของเขาประกาศออกไปถึงสุดปลายพิภพ
>>: อย่างไรก็ตามน้องเจี๊ยบก็ อินเทรนไปกับพี่น้องคริสตัง ว่า กรณี คนที่ไม่มีโอกาสฟังเรื่องพระเจ้า
และได้ทำดีสุดๆ ตามนโนธรรมของเขา พระเป็นเจ้าเป็นผู้ตัดสินเองฮะ
10:9 คือว่าถ้าท่านจะรับด้วยปากของท่านว่า พระเยซูทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า และเชื่อในจิตใจว่า พระเจ้าได้ทรงชุบพระองค์ให้เป็นขึ้นมาจากความตาย ท่านจะรอด
10:10 ด้วยว่า ความเชื่อด้วยใจก็นำไปสู่ความชอบธรรม และการยอมรับสัจจะของพระเจ้าด้วยปากก็นำไปสู่ความรอด
10:11 เพราะมีข้อพระคัมภีร์ว่า ผู้หนึ่งผู้ใดที่เชื่อในพระองค์จะไม่ได้รับความอับอาย
10:12 เพราะว่าพวกยิวและพวกต่างชาตินั้น ไม่ทรงถือว่าต่างกัน ด้วยว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าองค์เดียว ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าของคนทั้งปวง และทรงโปรดอย่างบริบูรณ์แก่คนทั้งปวงที่ทูลขอต่อพระองค์
10:13 เพราะว่า ผู้ที่ร้องออกพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะรอด
>>>: พวกเราโปรเตสแตนต์ส่วนใหญ่ ยัง ตีความหมายคนที่จะเข้าแผ่นดินของพระเจ้าคือ คนที่รู้จักพระเยซูเจ้า
10:14 แต่ผู้ที่ยังไม่เชื่อในพระองค์ จะทูลขอต่อพระองค์อย่างไรได้ และผู้ที่ยังไม่ได้ยินถึงพระองค์ จะเชื่อในพระองค์อย่างไรได้ และเมื่อไม่มีผู้ใดประกาศให้เขาฟัง เขาจะได้ยินถึงพระองค์อย่างไรได้
10:15 และถ้าไม่มีใครใช้เขาไป เขาจะไปประกาศอย่างไรได้ ตามที่มีคำเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า เท้าของคนเหล่านั้นที่นำข่าวดีมา ช่างงามจริงๆ หนอ
10:16 แต่มิใช่ทุกคนได้เชื่อฟังข่าวประเสริฐนั้น เพราะอิสยาห์ได้กล่าวไว้ว่า พระองค์เจ้าข้า ใครเล่าได้เชื่อสิ่งที่เขาได้ยินจากเราทั้งหลาย
10:17 ฉะนั้นความเชื่อเกิดขึ้นได้ก็เพราะการได้ยิน และการได้ยินเกิดขึ้นได้ก็เพราะการประกาศพระคริสต์
10:18 ข้าพเจ้าถามว่า "เขาทั้งหลายไม่ได้ยินหรือ" เขาได้ยินแล้วจริงๆ เสียงของเขากระจายออกไปทั่วแผ่นดินโลก และถ้อยคำของเขาประกาศออกไปถึงสุดปลายพิภพ
>>: อย่างไรก็ตามน้องเจี๊ยบก็ อินเทรนไปกับพี่น้องคริสตัง ว่า กรณี คนที่ไม่มีโอกาสฟังเรื่องพระเจ้า
และได้ทำดีสุดๆ ตามนโนธรรมของเขา พระเป็นเจ้าเป็นผู้ตัดสินเองฮะ
แก้ไขล่าสุดโดย Jeab Agape เมื่อ พุธ ต.ค. 12, 2005 8:57 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
มันทำให้ความกลัวความตายน้อยลงเยอะเลย
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
ความตายไม่น่ากลัวนะครับNKL เขียน: มันทำให้ความกลัวความตายน้อยลงเยอะเลย
น่าจะดีใจซะด้วยซ้ำ ที่จะได้ไปพบพระองค์ครับ