
เช้าวันรุ่งขึ้นเราเดินทางไป knock ใช้เวลาประมาณ 3ชั่วโมง
น้องชายขับหลงทาง แต่พระก็ส่งคนใจดีมาบอกทางให้ ขอบคุณพระองค์
ฝนตกตลอดทาง หนาวมากๆ มาถึง เที่ยงพอดี วัดใหญ่โตลานหน้าวัดกว้าง
มากๆ อากาศหนาวเย็นฝนตกลมแรงจริงๆ ดูแล้วเหมือนที่ลูดร์เลย แต่วันที่ไป
คนไปแสวงบุญน้อย อาจเป็นฝนตกและลมแรงหนาวมากๆ พื้นถนนเย็นจนเป็น
เหมือนเกล็ดน้ำแข็ง ซึ่งวันรุ่งขึ้นฝนตกตอนเช้าพอสายหิมะตกเลย บนถนน
บนรถมีแต่หิมะ เราได้เข้าไปที่วัดน้อยสวดขอพร มีคนไปแสวงบุญนั่งสวดกันมาก
พอสมควร ในวัดน้อยมีรูปปั้นการประจักษ์ ของแม่พระ มีนักบุญยอแซฟ
นักบุญยอนห์ ยืนข้างซ้ายขวาของแม่พระ อยู่ซ้ายมือพระแท่น ตรงกลางพระแท่น
เป็นรูปลูกแกะและมีไม้กางเขนอยู่ด้านหลัง สูงขึ้นไปบนไม้กางเขน มีทูตสวรรค์
บินอยู่ข้างบน เป็นวง (ดูรูปประกอบค่ะ) และบนประตูทางเข้า-ออก มีแผ่นข้อความ
อยู่ข้างบน บอกเหตุการณ์คนเห็นการประจักษ์
.........(เหตุการณ์การประจักษ์ วันที่ 21 สิงหาคม 1879 มีพยาน 15คน เป็นผู้
มีวัยต่างๆกัน ได้เห็นการประจักษ์ของพระแม่มารีย์ นักบุญยอแซฟ และนักบุญ
ยอห์นผู้นิพนธ์พระวรสาร ที่บนจั่วหลังคาของวัดเป็นเวลานานมากกว่า 2 ชั่วโมง
ทางขวามือ ตรงกลางจั่วหลังคาวัด มีแท่นว่างเปล่ามีลูกแกะอยู่ และมีกางเขนใหญ่
ตั้งอยู่หลังลูกแกะนั้น หมู่ทูตสวรรค์ บินอยู่รอบๆลูกแกะ ตลอดเวลาที่มีการประจักษ์
ซึ่งปกคลุมไปด้วยแสงสว่างจากสวรรค์....มีการไต่สวนอย่างเป็นทางการของคณะ
กรรมการของพระศาสนจักร 2 ครั้งคือในปี 1879 และในปี 1936 ได้พบว่าคำให้
การของพยานทั้งหมดเพียงพอ และน่าเชื่อถือได้......)
เมื่อออกมาก็เป็นลานกว้างมีวัดน้อยแต่ใหญ่ อยู่ใต้ดิน อยู่ตรงใกล้ที่แม่พระ
ประจักษ์ ตรงที่ประจักษ์ เขาล้อมรั้วไว้ เราไม่ได้อยู่บริเวณนั้นนาน ฝนตกลมแรง
เมื่อเดินออกมาถึงมุมตึก จะมีภาพสายประคำใหญ่มากเราก็เข้าไปถ่ายรูปและ
ที่ติดกันตรงนั้นจะมีตู้กระจกเล็กๆ ในนั้นเป็นช่อกุหลาบสีทองสวยงามมาก
และเราก็เดินออกมาที่ถนน บริเวณนั้นมีร้านศาสนภัณฑ์ ขายหลายร้าน
ถามเขารูปพระมาจากที่ไหน เขาบอกจากอิตาลี เราก็เข้าไปซื้อมาหลายชิ้นและ
เผื่อเพื่อนๆในนิวมานา ด้วย
.......(วัดใหญ่ปิดซ่อมแซมค่ะ.........
