สีในปฏิทินคาทอลิก
พี่น้องร่วมชาติที่รักทุกท่าน กระผมขัดข้องใจมาหลายเพลาแล้ว เวลาดูปฏิทินคาทอลิกมันจะมีเครื่องหมายรูปเสื้อกาซูลาเล็กๆในช่องวันที่ จะมีสีขาว สีเขียว สีแดง บางทีวันเดียวมีทั้งสามสีเลย (ไม่เชื่อเปิดดูปฏิทินคาทอลิกของเดือนสิงหานี้ก็ได้ มีอยู่วันหนึ่งมีทั้งสามสีเลย) เขาหมายถึงอะไรกันฤ ประสงค์จะรู้ยิ่งนัก ผู้ใดช่วยเฉลยได้ จักเป็นพระคุณอย่างหนัดเหนียน (แปลว่าหนักนา เยอะมั่กๆ)
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
ก็เป็นสีที่ใช้ในพิธีกรรมครับ
ถ้ามีหลายสีให้ใช้สีใดสีหนึ่งก็ได้ครับ
ถ้ามีหลายสีให้ใช้สีใดสีหนึ่งก็ได้ครับ
-
- ~@
- โพสต์: 2546
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm
จำได้คร่าวๆว่า สีเขียวนี่ฉลองมิสซาธรรมดา สีแดงนี่ปัสกา สีม่วงนี่มหาพรต สีทองนี่สมมโภชพระคริสสมภพ แต่เคยเห็นสีฟ้าด้วย!
-
- ~@
- โพสต์: 2546
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm
ก้อบอกแง้วง๊า~ ว่าจำได้คร่าวๆๆ ><~~anton เขียน:อ้าว ก็ตอนนี้เลยปัศกาแล้วนี่นา ทำไมยังมีสีแดงอยู่อีกละครับ ??? ??? ???princess of wands เขียน: จำได้คร่าวๆว่า สีเขียวนี่ฉลองมิสซาธรรมดา สีแดงนี่ปัสกา สีม่วงนี่มหาพรต สีทองนี่สมมโภชพระคริสสมภพ แต่เคยเห็นสีฟ้าด้วย!
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
บางครั้งก็เป็นวันฉลองนักบุญที่เป็นมรณสักขีครับanton เขียน:อ้าว ก็ตอนนี้เลยปัศกาแล้วนี่นา ทำไมยังมีสีแดงอยู่อีกละครับ ??? ??? ???princess of wands เขียน: จำได้คร่าวๆว่า สีเขียวนี่ฉลองมิสซาธรรมดา สีแดงนี่ปัสกา สีม่วงนี่มหาพรต สีทองนี่สมมโภชพระคริสสมภพ แต่เคยเห็นสีฟ้าด้วย!
ใช้สีแดง
-
- ~@
- โพสต์: 2546
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm
555 พี่บ๊าตเข้ามาช่วยได้ทันเวลา เป็นฮีโร่ในดวงใจของผมจริงๆเลย *kis
*gg
*gg
ความหมายของสีที่ใช้แสดงในพิธีกรรม
สีขาว
เป็นสีที่บ่งบอกถึงการผ่านพ้นจากบาป หรือความตายไปสู่ชีวิตใหม่ เพราะฉะนั้นจึงเป็นสีที่ใช่ในการล้างบาปและศีลกำลัง เป็นสีที่แสดงถึงความสะอาดบริสุทธิ์จากการได้รับศีลล้างบาป และเป็นสีที่แสดงถึงความบริสุทธิ์แห่งศีลพรหมจรรย์ด้วย นอกนั้น สีขาวยังใช้ในโอกาสที่มีพิธีศพด้วย จากความคิดในแง่ที่ว่าความตายเป็นการเปิดประตูสู่ชีวิตใหม่ที่แท้จริง เพราะฉะนั้นในสมัยโบราณ ผ้าแพรคลุมหีบศพและแถบผ้าต่างๆ จึงใช้สีขาว บางชาติก็ใช้สีขาวเป็นสีไว้ทุกข์ (เช่น จีน เป็นต้น) นอกจากสีขาวธรรมดาแล้ว พระศาสนจักรยังให้ใช้ สีขาวเจิดจ้า (แบบแสงตะวัน) หรือที่เรียกว่าสีเปลวเพลิงได้ด้วย ซึ่งมักจะออกไปทางสีทอง หรือสีเหลืองสด เหลืองจัด เพื่อบ่งบอกการไขแสดงของพระเจ้า การประทานพระคุณหรือพระหรรษทานของพระองค์ (สีของผู้สมัครรับศีลล้างบาป) สีของการจำแลงพระวรกายของพระคริสตเจ้า สีของม้าพาหนะของพระคริสตเจ้าผู้ทรงชัย สีแห่งสันติภาพที่ใช้ธงเป็นสัญลักษณ์ สีที่ใช้แสดงถึงพระบิดา ผู้เป็นแสงสว่างที่มิได้ถูกสร้างขึ้นโดยผู้ใด และเป็นองค์ความสัจจ ริง เที่ยงแท้ ที่ประกาศกดาเนียลได้ห็นในนิมิตเป็นภาพหมายถึงและยังนำมาสัมพันธ์กับพระบุตรในหนังสือวิวรณ์ แม้ในความหมายของภาษาชาวบ้าน ที่มิใช่ทางพระคัมภีร์ สีขาวก็ยังคงรักษาความหมายของการกลับคืนชีพหรือปัสกา คือหมายถึงชัยชนะและความบริสุทธิ์ โดยให้พระสงฆ์ผู้แทนของพระเป็นเจ้าก็ดี ผู้สมัครรับศีลล้างบาปก็ดี ตลอดจนสัตบุรุษและผู้ได้รับเชิญให้เข้าร่วมโต๊ะงานมงคลสมรสนิรันดร ต่างก็สวมเสื้อขาว
ในพิธีกรรม สีขาวใช้ในพิธีทำวัตร และในมิสซาของวันสมโภชปัสกา และในวันพระคริสตสมภพ ในวันฉลองและระลึกถึง พระเยซูเจ้า ที่มิใช่มหาทรมานของพระองค์ ในวันสมโภชและฉลองพระนางมารีย์ เทวดาและนักบุญที่มิใช่มรณสักขี ในวันสมโภชนักบุญทั้งหลาย สมโภชนักบุญ ยอห์น บัปติสต์ นักบุญยอห์นอัครสาวกและผู้นิพนธ์พระวรสาร ฉลองธรรมาสน์นักบุญเปโตรอัครสาวก และวันฉลองการกลับใจของนักบุญเปาโล
สีดำ
เป็นสีที่ให้ความหมายตรงข้ามกับสีขาวเป็นความมืดมน ซึ่งตรงข้ามกับแสงสว่าง ความชั่วซึ่งตรงข้ามกับความดี ความตายซึ่งตรงข้ามกับการมีชีวิต มีความหมายไปถึงการปฏิเสธหรือการขาดแคลน อาทิเช่น ความศักดิ์สิทธิ์ ยังหมายถึงการสละโลก (เสื้อยาวที่นักบวชสวมโดยปกติทั่วไปก็เป็นสีนี้ ยกเว้นเมืองร้อนที่อนุญาตให้ใช้สีขาวแทน) นอกนั้นยังมีความหมายถึงการถูกลงโทษ (การถูกแยกหรือตัดขาดจากแสงสว่างคือพระเป็นเจ้าตลอดนิรันดร) สมัยโบราณใช้หมายถึงการใช้โทษบาป (จึงใช้ในเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า และเทศกาลมหาพรต แต่ต่อมาได้ใช้สีม่วงแทน)
ในพิธีกรรม ใช้ในพิธีของผู้ล่วงลับ (อาจใช้สีม่วงแทน)
สีแดง
สีที่หมายถึงไฟ เลือด ชีวิต และการยอมตายเป็นมรณสักขี ซึ่งก็ให้ความหมายตามมาว่าเป็นความรัก (พระจิตเจ้า ปีกของเครูบ รัศมีของมรณสักขี อาดัมที่ถูกสร้างจากดิน (แดง)
พระคริสตเจ้าทรงสวมเสื้อคลุมสีแดง เป็นเครื่องหมายถึงความรักของพระเจ้าที่มาบังเกิดเป็นมนุษย์ และหมายถึงการเป็นมนุษย์ของพระองค์โดยเฉพาะเจาะจง หลังจากการกลับคืนชีพแล้ว ซึ่งก็เหมือนกับครั้งที่ทรงจำแลงพระวรกาย ฉลองพระองค์ก็เปลี่ยนเป็นสีขาว เครื่องหมายของการได้รับความรุ่งโรจน์ สีแดงและสีขาว เป็นสีที่ยกถวายแก่พระเจ้า ในฐานะที่ทรงเป็นองค์แห่งความรักและปรีชาญาณ
ในพิธีกรรม ใช้ในวันอาทิตย์มหาทรมานของพระเยซูเจ้า วันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ วันอาทิตย์สมโภชพระจิตเจ้า ในวันฉลองการบังเกิดใหม่ในสวรรค์ของบรรดาอัครสาวก และผู้นิพนธ์พระวรสาร (ยกเว้นนักบุญยอห์นอัครสาวก) และบรรดานักบุญมรณสักขีทั้งหลาย
สีเขียว
เป็นสีผสมของสีเหลืองกับสีฟ้า สีเหลืองหรือทอง หมายถึงนิรันดรภาพและความเชื่อ ปรีชาญาณ และความรุ่งโรจน์ ส่วนสีฟ้าเป็นสีของพระเป็นเจ้า พระบิดา หมายถึง ความสัตย์จริงที่แสดงออกทางลมปราณของพระเจ้าหรือพระจิตเจ้า สีแห่งความไม่รู้ตายและความกระหายของมนุษย์ที่จะได้ชีวิตเหนือธรรมชาติและเป็นอมตะ สีเขียวที่ผสมจาก 2 สีนี้ จึงมีความหมายถึงการสร้างโลกที่เกิดจากพระปรีชาญาณ โดยการให้ลมปราณของพระจิตเจ้าเป็นสีที่แสดงถึงน้ำและการฟื้นฟูชีวิต หญ้าที่เขียวขจี สมัยโบราณเสื้อสวมบอกอาชีพการงานของหมอและเภสัชกรคือ สีเขียว โดยปรกติส ีเขียว หมายถึงคุณธรรมแห่งความหวัง (แม้ว่าในสมัยหนึ่งจะหมายถึง ความเชื่อ ส่วนความหวังใช้สีฟ้า) เปรียบประดุจโอเอซิสในทะเลทราย ที่ผู้เดินทางจะพบความอุดมสมบูรณ์ของน้ำและหญ้า เป็นสีที่เปรียบเหมือน "ทุ่งหญ้าเลี้ยงแกะนิรันดรในสวรรค์" เกลียวเชือกสีเขียวที่ผูกรอบหมวกดำปีกกว้าง หรือที่ใช้สวมแทนสายสร้อยโลหะรอบคอพระสังฆราชนั้นมุ่งให้คิดถึงภาพการเป็นผู้เลี้ยงแกะหรือสัตบุรุษ) ที่ดีของท่าน คือ นำแกะไปยังทุ่งหญ้าสีเขียว ชอุ่ม "บนพระบัลลังก์ของพระเจ้า มี ท่านผู้หนึ่งประทับอยู่ ปรากฏประดุจแก้วมณีโชติช่วงและแก้วทับทิม และมีรุ้งล้อมรอบพระที่นั่งนั้นดูประหนึ่งแก้วมรกต"(วว 14:3) นำความคิดไปสู่ภาพของการที่มนุษย์เป็นสัตว์โลก พบพระเจ้าที่ตนรู้จักด้วยความสงบสันติ
นอกนั้น สีเขียว ยังหมายถึงชีวิตแห่งพระหรรษทานและการได้รับพระคุณแห่งความรอดจากการกอบกู้มนุษย์ของพระองค์
ในพิธีกรรมใช้สีเขียวในพิธีทำวัตรและมิสซาในเทศกาลธรรมดาตลอดปี
สีม่วง
สีผสมเท่าๆ กันระหว่างฟ้ากับแดง จึงความหมายถึงความรัก (=แดง) ในความสัตย์จริง (=ฟ้า) และความสัตย์จริงในความรัก (=แดง) ซึ่งมาจากพระเป็นเจ้า (=ฟ้า) และเพื่อจะเป็นพยานของความรัก และความสัตย์จริงนี้ พระบุตรผู้เสด็จมาบังเกิดเป็นมนุษย์ ยอมทนทรมานจนถึงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน เหตุการณ์นี้ทำให้เกิดความทุกข์ปั่นป่วนในจิตใจ จึงเป็นสีแห่งความทุกข์ทรมานและการใช้โทษบาป พระผู้กอบกู้ในขณะที่ใกล้จะกลับไปหาพระบิดา ในขณะที่กำลังอยู่ในสภาพทนทุกข์ ทรมาน กำลังสวมใส่เสื้อแห่งความทุกข์นี้ (เทศกาลมหาพรต) ยังมีการอธิบายสีม่วงที่แสดงถึงการเป็นทุกข์ใช้โทษบาปอีกทางหนึ่งว่า เป็นสีที่ผสมกันระหว่าง สีดำ (ความตาย ความเจ็บปวด) กับสีแดง (ความรัก) เป็นความทุกข์ทรมานที่รับไว้ด้วยความรักและด้วยสินไถ่ การที่หนังสือพระคัมภีร์บางรูปเล่ม ใช้ปกพื้นสีม่วง และตัวหนังสือสีทองนั้น ก็โดยมุ่งแสดงว่า ความสัตย์จริงของพระเจ้า ซึ่งผ่านทางพระวาจาของพระองค์ มักจะผ่านความยากลำบากเสมอ พิธีระลึกถึงผู้ล่วงลับในปัจจุบั นที่ให้ใช้สีม่วงแทนสีดำได้นั้น ก็เพื่อจะให้เราระลึกถึงความเชื่อนี้ว่าเขาผู้ล่วงลับได้ผ่านจากความมืดมน หรือความเจ็บปวด ไปสู่ความสว่างหรือความรักของพระเจ้าแล้ว
ในพิธีกรรมสีม่วงใช้ในเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้าและเทศกาลมหาพรต สีนี้แทนสีดำในมิสซาและพิธีเกี่ยวกับผู้ล่วงลับ
สีกุหลาบ สีชมพู
พระศาสนจักรอนุญาตให้ใช้สีนี้แทนสีม่วงในวันอาทิตย์ที่ 3 ในเทศกาลเตรียมรับเสด็จ (ที่เรียกว่า "อาทิตย์ยินดี gaudete) และอาทิตย์ที่ 4 ในเทศกาลมหาพรต (ที่เรียกว่า อาทิตย์ชื่นบาน laetare) เพื่อแสดงว่า แม้จะอยู่ในเทศกาลแห่งความทุกข์โศก และใช้โทษบาป ก็ยังมีความยินดีอยู่บ้าง เพราะวันแห่งการฉลองพระคริสตสมภพหรือปัสกาใกล้เข้ามาแล้ว สีกุหลาบหรือชมพู ก็เป็นสีที่สดกว่าสีม่วง จึงแสดงถึงความหมายนี้ได้ดี อย่างไรก็ตามสีนี้ไม่ได้บังคับให้ใช้
http://www.catholic.or.th/document/docu ... ex.html#d2
สีขาว
เป็นสีที่บ่งบอกถึงการผ่านพ้นจากบาป หรือความตายไปสู่ชีวิตใหม่ เพราะฉะนั้นจึงเป็นสีที่ใช่ในการล้างบาปและศีลกำลัง เป็นสีที่แสดงถึงความสะอาดบริสุทธิ์จากการได้รับศีลล้างบาป และเป็นสีที่แสดงถึงความบริสุทธิ์แห่งศีลพรหมจรรย์ด้วย นอกนั้น สีขาวยังใช้ในโอกาสที่มีพิธีศพด้วย จากความคิดในแง่ที่ว่าความตายเป็นการเปิดประตูสู่ชีวิตใหม่ที่แท้จริง เพราะฉะนั้นในสมัยโบราณ ผ้าแพรคลุมหีบศพและแถบผ้าต่างๆ จึงใช้สีขาว บางชาติก็ใช้สีขาวเป็นสีไว้ทุกข์ (เช่น จีน เป็นต้น) นอกจากสีขาวธรรมดาแล้ว พระศาสนจักรยังให้ใช้ สีขาวเจิดจ้า (แบบแสงตะวัน) หรือที่เรียกว่าสีเปลวเพลิงได้ด้วย ซึ่งมักจะออกไปทางสีทอง หรือสีเหลืองสด เหลืองจัด เพื่อบ่งบอกการไขแสดงของพระเจ้า การประทานพระคุณหรือพระหรรษทานของพระองค์ (สีของผู้สมัครรับศีลล้างบาป) สีของการจำแลงพระวรกายของพระคริสตเจ้า สีของม้าพาหนะของพระคริสตเจ้าผู้ทรงชัย สีแห่งสันติภาพที่ใช้ธงเป็นสัญลักษณ์ สีที่ใช้แสดงถึงพระบิดา ผู้เป็นแสงสว่างที่มิได้ถูกสร้างขึ้นโดยผู้ใด และเป็นองค์ความสัจจ ริง เที่ยงแท้ ที่ประกาศกดาเนียลได้ห็นในนิมิตเป็นภาพหมายถึงและยังนำมาสัมพันธ์กับพระบุตรในหนังสือวิวรณ์ แม้ในความหมายของภาษาชาวบ้าน ที่มิใช่ทางพระคัมภีร์ สีขาวก็ยังคงรักษาความหมายของการกลับคืนชีพหรือปัสกา คือหมายถึงชัยชนะและความบริสุทธิ์ โดยให้พระสงฆ์ผู้แทนของพระเป็นเจ้าก็ดี ผู้สมัครรับศีลล้างบาปก็ดี ตลอดจนสัตบุรุษและผู้ได้รับเชิญให้เข้าร่วมโต๊ะงานมงคลสมรสนิรันดร ต่างก็สวมเสื้อขาว
ในพิธีกรรม สีขาวใช้ในพิธีทำวัตร และในมิสซาของวันสมโภชปัสกา และในวันพระคริสตสมภพ ในวันฉลองและระลึกถึง พระเยซูเจ้า ที่มิใช่มหาทรมานของพระองค์ ในวันสมโภชและฉลองพระนางมารีย์ เทวดาและนักบุญที่มิใช่มรณสักขี ในวันสมโภชนักบุญทั้งหลาย สมโภชนักบุญ ยอห์น บัปติสต์ นักบุญยอห์นอัครสาวกและผู้นิพนธ์พระวรสาร ฉลองธรรมาสน์นักบุญเปโตรอัครสาวก และวันฉลองการกลับใจของนักบุญเปาโล
สีดำ
เป็นสีที่ให้ความหมายตรงข้ามกับสีขาวเป็นความมืดมน ซึ่งตรงข้ามกับแสงสว่าง ความชั่วซึ่งตรงข้ามกับความดี ความตายซึ่งตรงข้ามกับการมีชีวิต มีความหมายไปถึงการปฏิเสธหรือการขาดแคลน อาทิเช่น ความศักดิ์สิทธิ์ ยังหมายถึงการสละโลก (เสื้อยาวที่นักบวชสวมโดยปกติทั่วไปก็เป็นสีนี้ ยกเว้นเมืองร้อนที่อนุญาตให้ใช้สีขาวแทน) นอกนั้นยังมีความหมายถึงการถูกลงโทษ (การถูกแยกหรือตัดขาดจากแสงสว่างคือพระเป็นเจ้าตลอดนิรันดร) สมัยโบราณใช้หมายถึงการใช้โทษบาป (จึงใช้ในเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า และเทศกาลมหาพรต แต่ต่อมาได้ใช้สีม่วงแทน)
ในพิธีกรรม ใช้ในพิธีของผู้ล่วงลับ (อาจใช้สีม่วงแทน)
สีแดง
สีที่หมายถึงไฟ เลือด ชีวิต และการยอมตายเป็นมรณสักขี ซึ่งก็ให้ความหมายตามมาว่าเป็นความรัก (พระจิตเจ้า ปีกของเครูบ รัศมีของมรณสักขี อาดัมที่ถูกสร้างจากดิน (แดง)
พระคริสตเจ้าทรงสวมเสื้อคลุมสีแดง เป็นเครื่องหมายถึงความรักของพระเจ้าที่มาบังเกิดเป็นมนุษย์ และหมายถึงการเป็นมนุษย์ของพระองค์โดยเฉพาะเจาะจง หลังจากการกลับคืนชีพแล้ว ซึ่งก็เหมือนกับครั้งที่ทรงจำแลงพระวรกาย ฉลองพระองค์ก็เปลี่ยนเป็นสีขาว เครื่องหมายของการได้รับความรุ่งโรจน์ สีแดงและสีขาว เป็นสีที่ยกถวายแก่พระเจ้า ในฐานะที่ทรงเป็นองค์แห่งความรักและปรีชาญาณ
ในพิธีกรรม ใช้ในวันอาทิตย์มหาทรมานของพระเยซูเจ้า วันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ วันอาทิตย์สมโภชพระจิตเจ้า ในวันฉลองการบังเกิดใหม่ในสวรรค์ของบรรดาอัครสาวก และผู้นิพนธ์พระวรสาร (ยกเว้นนักบุญยอห์นอัครสาวก) และบรรดานักบุญมรณสักขีทั้งหลาย
สีเขียว
เป็นสีผสมของสีเหลืองกับสีฟ้า สีเหลืองหรือทอง หมายถึงนิรันดรภาพและความเชื่อ ปรีชาญาณ และความรุ่งโรจน์ ส่วนสีฟ้าเป็นสีของพระเป็นเจ้า พระบิดา หมายถึง ความสัตย์จริงที่แสดงออกทางลมปราณของพระเจ้าหรือพระจิตเจ้า สีแห่งความไม่รู้ตายและความกระหายของมนุษย์ที่จะได้ชีวิตเหนือธรรมชาติและเป็นอมตะ สีเขียวที่ผสมจาก 2 สีนี้ จึงมีความหมายถึงการสร้างโลกที่เกิดจากพระปรีชาญาณ โดยการให้ลมปราณของพระจิตเจ้าเป็นสีที่แสดงถึงน้ำและการฟื้นฟูชีวิต หญ้าที่เขียวขจี สมัยโบราณเสื้อสวมบอกอาชีพการงานของหมอและเภสัชกรคือ สีเขียว โดยปรกติส ีเขียว หมายถึงคุณธรรมแห่งความหวัง (แม้ว่าในสมัยหนึ่งจะหมายถึง ความเชื่อ ส่วนความหวังใช้สีฟ้า) เปรียบประดุจโอเอซิสในทะเลทราย ที่ผู้เดินทางจะพบความอุดมสมบูรณ์ของน้ำและหญ้า เป็นสีที่เปรียบเหมือน "ทุ่งหญ้าเลี้ยงแกะนิรันดรในสวรรค์" เกลียวเชือกสีเขียวที่ผูกรอบหมวกดำปีกกว้าง หรือที่ใช้สวมแทนสายสร้อยโลหะรอบคอพระสังฆราชนั้นมุ่งให้คิดถึงภาพการเป็นผู้เลี้ยงแกะหรือสัตบุรุษ) ที่ดีของท่าน คือ นำแกะไปยังทุ่งหญ้าสีเขียว ชอุ่ม "บนพระบัลลังก์ของพระเจ้า มี ท่านผู้หนึ่งประทับอยู่ ปรากฏประดุจแก้วมณีโชติช่วงและแก้วทับทิม และมีรุ้งล้อมรอบพระที่นั่งนั้นดูประหนึ่งแก้วมรกต"(วว 14:3) นำความคิดไปสู่ภาพของการที่มนุษย์เป็นสัตว์โลก พบพระเจ้าที่ตนรู้จักด้วยความสงบสันติ
นอกนั้น สีเขียว ยังหมายถึงชีวิตแห่งพระหรรษทานและการได้รับพระคุณแห่งความรอดจากการกอบกู้มนุษย์ของพระองค์
ในพิธีกรรมใช้สีเขียวในพิธีทำวัตรและมิสซาในเทศกาลธรรมดาตลอดปี
สีม่วง
สีผสมเท่าๆ กันระหว่างฟ้ากับแดง จึงความหมายถึงความรัก (=แดง) ในความสัตย์จริง (=ฟ้า) และความสัตย์จริงในความรัก (=แดง) ซึ่งมาจากพระเป็นเจ้า (=ฟ้า) และเพื่อจะเป็นพยานของความรัก และความสัตย์จริงนี้ พระบุตรผู้เสด็จมาบังเกิดเป็นมนุษย์ ยอมทนทรมานจนถึงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน เหตุการณ์นี้ทำให้เกิดความทุกข์ปั่นป่วนในจิตใจ จึงเป็นสีแห่งความทุกข์ทรมานและการใช้โทษบาป พระผู้กอบกู้ในขณะที่ใกล้จะกลับไปหาพระบิดา ในขณะที่กำลังอยู่ในสภาพทนทุกข์ ทรมาน กำลังสวมใส่เสื้อแห่งความทุกข์นี้ (เทศกาลมหาพรต) ยังมีการอธิบายสีม่วงที่แสดงถึงการเป็นทุกข์ใช้โทษบาปอีกทางหนึ่งว่า เป็นสีที่ผสมกันระหว่าง สีดำ (ความตาย ความเจ็บปวด) กับสีแดง (ความรัก) เป็นความทุกข์ทรมานที่รับไว้ด้วยความรักและด้วยสินไถ่ การที่หนังสือพระคัมภีร์บางรูปเล่ม ใช้ปกพื้นสีม่วง และตัวหนังสือสีทองนั้น ก็โดยมุ่งแสดงว่า ความสัตย์จริงของพระเจ้า ซึ่งผ่านทางพระวาจาของพระองค์ มักจะผ่านความยากลำบากเสมอ พิธีระลึกถึงผู้ล่วงลับในปัจจุบั นที่ให้ใช้สีม่วงแทนสีดำได้นั้น ก็เพื่อจะให้เราระลึกถึงความเชื่อนี้ว่าเขาผู้ล่วงลับได้ผ่านจากความมืดมน หรือความเจ็บปวด ไปสู่ความสว่างหรือความรักของพระเจ้าแล้ว
ในพิธีกรรมสีม่วงใช้ในเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้าและเทศกาลมหาพรต สีนี้แทนสีดำในมิสซาและพิธีเกี่ยวกับผู้ล่วงลับ
สีกุหลาบ สีชมพู
พระศาสนจักรอนุญาตให้ใช้สีนี้แทนสีม่วงในวันอาทิตย์ที่ 3 ในเทศกาลเตรียมรับเสด็จ (ที่เรียกว่า "อาทิตย์ยินดี gaudete) และอาทิตย์ที่ 4 ในเทศกาลมหาพรต (ที่เรียกว่า อาทิตย์ชื่นบาน laetare) เพื่อแสดงว่า แม้จะอยู่ในเทศกาลแห่งความทุกข์โศก และใช้โทษบาป ก็ยังมีความยินดีอยู่บ้าง เพราะวันแห่งการฉลองพระคริสตสมภพหรือปัสกาใกล้เข้ามาแล้ว สีกุหลาบหรือชมพู ก็เป็นสีที่สดกว่าสีม่วง จึงแสดงถึงความหมายนี้ได้ดี อย่างไรก็ตามสีนี้ไม่ได้บังคับให้ใช้
http://www.catholic.or.th/document/docu ... ex.html#d2
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ จันทร์ ส.ค. 01, 2005 2:22 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
ปานนั้น*swtprincess of wands เขียน: 555 พี่บ๊าตเข้ามาช่วยได้ทันเวลา เป็นฮีโร่ในดวงใจของผมจริงๆเลย *kis
*gg