เตรียมพร้อมสู่วันแม่ครับ

ปรับทุกข์ หนุนใจ ขอคำภาวนา
ตอบกลับโพส
I Love Jesus

เสาร์ ก.ค. 30, 2005 2:54 pm

ลูกสุดที่รักของแม่

" ขอให้ฉันได้ดูหน้าลูกหน่อยได้ไหม "

คุณแม่คนใหม่กล่าวแก่นางพยาบาล ซึ่งได้ส่งห่อผ้าคลุมร่างเด็กน้อยเกินใหม่ให้แม่ เมื่อคลี่ห่อผ้าออกดู คุณแม่คนใหม่ก็กรีดร้องอย่างตกใจ ทำให้นางพยาบาลต้องอุ่มเด็กน้อยกลับไปตามเดิม

เด็กน้อยที่เกิดใหม่ไม่มีใบหูทั้งสองข้าง วันเวลาผ่านไป เด็กน้อยผู้ไร้ใบหูเติบโตขึ้น เขาไม่มีปัญหาเรื่องหูเกี่ยวกับการได้ยินเลย ความผิดปกติมีเพียงที่เขาไม่มีใบหูเหมือนคนอื่นเท่านั้น หลายครั้งเขาต้องร้องไห้กลับจากโรงเรียนวิ่งมาซบอกแม่ เพราะถูกเพื่อนล้อเรียนว่าเป็นสัตว์ประหลาดที่ไม่มีใบหู เขาไม่มีปัญหาในการเรียนและทำงานทุกอย่างได้ดี

วันหนึ่งเมื่อเขาจบปริญญาออกไปทำงาน ในปีหน้าพ่อบอกว่ามีหมอคนหนึ่งสามารถตัดเสริมใบหูมนุษย์ให้เหมือนจริงได้ แต่ต้องหาใบหูจากคนที่มีชีวิต ซึ่งเป็นเรื่องอยากอย่างยิ่งเพราะผู้บริจาคจะกลับกลายเป็นคนที่ไม่มีใบหูทันที แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากรอใบหูจากคนที่มีชีวิตได้หลายเดือน ก็โชคดีได้พบผู้ใจดีคนหนึ่ง ที่จะบริจาคใบหูทั้งสองข้างให้หนุ่มน้อยโดยไม่คิดค่าตอบแทน แต่มีข้อแม้ว่า จะเก็บชื่อผู้บริจาคใบหูใว้เป็นความลับจนถึงวันตายของผู้บริจาค

การผ่าตัดเสริมใบหูของหนุ่มน้อยดำเนินไปด้วยดี จนไม่มีใครสังเกตเห็นว่าเขาเคยพิการมาก่อน เขาเรียนจบปริญญา ทำงานเป็นนายแบบโฆษนา และผู้อ่านข่าวทางสถานีโทรทัศน์ เขาสมัครรับเลือกตั้งป็นผู้แทนราษฏร และอาจได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีในไม่ช้า

วันหนึ่งเขากลับไปหาพ่อและแม่

" ผมอยากทราบชื่อผู้บริจาคใบหูให้ผมครับ และอยากทดแทนบุญคุณอันยิ่งใหญ่ของเขาที่ทำให้ผมได้มีชีวิตอยู่ในโลกนี้เหมือนคนปกติ "

" ไม่ได้หรอกลูก " พ่อตอบ " เราสัญญากับผู้บริจาคว่าจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับจนถึงวันตายของผู้บริจาค "

แม้ว่าลูกจะอ่อนวอนขอชื่อผู้บริจาคหลายครั้งอย่างไร คำตอบของพ่อก็ยัง
ปฎิเสธเหมือนเดิม

อีกหนึ่งปีต่อมา แม่ป่วยหนังและเสียชีวิตอย่างกะทันหัน ในวันฝังศพแม่ พ่อเรียกลูกเข้าไปใกล้ศพของแม่ พ่อจับผมอยาวสลวยสีน้ำตาลของแม่แล้วยกขึ้น
ช้า ๆ ลูกร้องไห้โฮ..... เสียงดังลั่นเหมือนจะขาดใจ หน้าของแม่นั้นไม่มีใบหูทั้งสองข้าง ใบหูของแม่ถูกตัดออกไป เพื่อมอบให้ลูกสุดที่รักของแม่ ....... :'(

:-\ นี้ครับ ความรักของแม่ที่มีต่อลูก ถึงแม้ว่าลูกจะไม่มีใบหู แม่ก็ยอมสละให้

รูปภาพ

.... แม่จ๋า ลูกรักแม่ ....
แก้ไขล่าสุดโดย I Love Jesus เมื่อ เสาร์ ก.ค. 30, 2005 2:56 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
sinner

เสาร์ ก.ค. 30, 2005 3:32 pm

ซึ้งจังเลยฮะ
ความรักของแม่ยิ่งใหญ่มากๆๆเลย

รักแม่ที่สุดเลย (รักพ่อด้วย) :)
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

เสาร์ ก.ค. 30, 2005 7:21 pm

รักแม่ ก็ต้องไม่ทำให้แม่เสียใจนะครับ
New lamb
~@
โพสต์: 656
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 04, 2005 7:21 am
ที่อยู่: Florida U.S.A

เสาร์ ก.ค. 30, 2005 11:34 pm

ขอบคุณค่ะ อ่านแล้วอยากร้องไห้ ซึ้งจัง :'(
ภาพประจำตัวสมาชิก
-Rei-
โพสต์: 1015
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มิ.ย. 09, 2005 8:31 pm
ติดต่อ:

อาทิตย์ ก.ค. 31, 2005 2:16 am

ฮือ.... เศร้าจัง

นี่แหละถึงบอกแม่ไม่ได้
แม่รับไม่ได้ที่เราเป็นคริสต์ และเราก็ไม่อยากให้แม่เสียใจอีก TT
ภาพประจำตัวสมาชิก
Immanuel (MichaelPaul)
~@
โพสต์: 2887
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 8:49 pm
ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร

อาทิตย์ ก.ค. 31, 2005 10:58 am

ซึ้งมากๆ ครับ :'(
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

อาทิตย์ ก.ค. 31, 2005 6:01 pm

เคยอ่านมาก่อนแล้ว ...ไม่ทราบจากเว็บพี่หมอต้น หรือไง :D

กลับมาอ่านอีกครั้ง ยังดีมากๆ เลยฮับ

เห็นรูปแม่พระ น้ำพระสุชล เป็นพระโลหิต = แม่พระร้องไห้ น้ำตาเป็นเลือด สงสารมากๆ
และฉุนตัวเอง ที่เป็นคนหนึ่งที่ทำให้แม่พระร้องไห้ ด้วย
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

อาทิตย์ ก.ค. 31, 2005 6:07 pm

นี่เป็นเรื่องที่เจี๊ยบได้รับ FWD: มา ชอบมากๆ จึงขอแบ่งปันในกระทู้นี้ด้วยจ้า

"อันจินเผิง ลูกกตัญญู"
( หนูตั้งให้เอง ฮับ )

หนึ่งเหรียญทองที่สร้างขึ้นจากความรักคุณแม่
ในปี 1997 กันยายน วันที่ 28 ที่เทียนสิน
นักเรียนมัธยมปีที่ 6 อันจินเผิง ได้รับเหรียญทองชนะเลิศ
ในการแข่งขันคณิตศาสตร์โอลิมปิคครั้งที่ 38 ณ.ประเทศอาร์เจนติน่า
นับเป็นผู้เปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้แก่เมืองเทียนสินเบื้องหลังความสำเร็จของอัจฉริยะทางคณิตศาสตร์วัย 19 ปีคนนี้แฝงไว้ด้วยเรื่องราวของความรักที่ยิ่งใหญ่ของแม่
ที่ทำให้ทุกผู้คนต้อ งซาบซึ้งจนกลั้นน้ำตาไม่อยู่


ปี 1997 กันยายน วันที่ 5 เป็นวันที่ผมจากบ้านไปรายงานตัว
ที่คณะคณิตศาสตร์ มหาวิทยาลัยปักกิ่งควันจากเตาหุงข้าวในยามเช้าตรู่
ที่ลอยจากบ้านไร่หลังเก่า อันชำรุดทรุดโทรมของผมคุณแม่ที่ขากระเผลกกำลังทำหมี่ให้ผม
เป็นแป้งหมี่ที่คุ ณแม่ใช้ไข่ไก่ 5 ฟองแลกมากจากเพื่อนบ้าน
ขาแม่ที่แพลงนั้นเป็นเพราะวันก่อนท่านคิดจะหาเงินค่าเล่า เรียนให้แก่ผม
แล้วพลิกจนขัดยอก ในยามที่กำลังเข็นผักเต็มคันรถเพื่อไปขายในเมือง
ยามที่ยกชามขึ้น ผมกลั้นน้ำตาไม่อยู่ ผมวางตะเกียบลง
แล้วคุกเข่าลงบนพื้นลูบคลำเท้าของแม่ที่บวมเป่งใหญ่กว่าหมั่นโถวอ ยู่นาน
หยาดน้ำตาที่ละหยด ๆ ไหลกลิ้งลงสู่พื้น


บ้านของผมอยู่ที่หมู่บ้านต้าอิ้วไต้ อำเภออู่ เมืองเทียนสิน
ผมมีแม่ที่ดีที่สุดในโลกคนหนึ่ง ชื่อของท่านเรียกว่า หลี่ เอี้ยน เสีย
บ้านของผมจนมาก ๆ ตอนที่ผมเกิดมา คุณย่าก็ล้มป่วยอยู่บนเตียง
ในปีที่อายุ 4 ขวบ คุณปู่ก็ป่วยเป็นโรคหืดหอบ เป็นอัมพฤกษ์ครึ่งตัว
พอ 7 ขวบ ผมก็เข้าโรงเรียน ค่าเล่าเรียนก็เป็นคุณแม่ไปหยิบยืมจากผู้อื่น
ผมมักจะเก็บเอาดินสอที่เพื่อนนักเร ียนโยนทิ้งแล้วกลับมา คุณแม่ปวดใจมาก
บางครั้งแม้แต่เงินที่จะซื้อดินสอกับสมุดยังต้องหยิบยืมจากผู้อื่ น
แต่ทว่า คุณแม่ก็ยังมีช่วงเวลาที่ดีใจอยู่ ไม่ว่าการสอบไล่ หรือ สอบซ่อม
ผมมักจะสอบได้ที่ 1 เสมอ ยิ่งวิชาคณิตศาสตร์ได้คะแนนเต็มมาตลอด
ภายใต้กำลังใจจากแม่ ผมยิ่งเรียนก็ยิ่งมีความสุข


ผมนึกว่าไม่รู้ว่าในโลกนี้ยังจะมีเรื่องที่เป็นสุขมากไปกว่าการเรียนหนังสือ
ผมยังไม่ทันเข้าเรียนประถมก็เรียนรู้พื้นฐานการคิดเลข
บวก ลบ คูณ หาร เศษส่วน ทศนิยมแล้ว พอขึ้นประถมก็เรียนรู้ด้วยตนเอง
ทำความเข้าใจต่อวิชาคณิตฟิสิกส์ เคมี ของชั้นมัธยมต้น

พฤษภาคม ปี 1994เมืองเทียนสินได้จัดให้มีการแข่งขันวิชาฟิสิกส์ในระดับมัธยมต้น
ผมเป็นเด ็กชายลูกชาวนาเพียงคนเดียวที่สอบติด 3 ลำดับต้น
จากนักเรียนที่มาจาก 5 อำเภอชานเมือง มิถุนายนของในปีนั้น
ผมได้รับเลือกสรรเป็นกรณีพิเศษจากโรงเรียนมัธยมต้นอี้จงของเ ทียนสิน
ผมวิ่งกลับบ้านด้วยความดีใจ เหมือนดั่งคนเสียสติแต่คิดไม่ถึง เมื่อบอกข่าวดีให้กับคนทางบ้านฟังบนใบหน้าของพวกเขากลับเต็มไปด้วยความโศกเศร้า
คุณย่าเสียชีวิตไปไม่ถึงครึ่งปี ชีวิตคุณปู่ก็อยู่ในช่วงอันตรายที่บ้านติดหนี้เขาหมื่นกว่าหยวนแล้ว
ผมค่อย ๆ เดินกลับเข้าห้องอย่างสงบพร้อมทั้งร้องไห้ตลอดทั้งวันคืนนั้น ก็ได้ยินเสียงโต้เถียงกันที่นอกบ้านที่แท้คุณแม่คิดจะเอาลาในบ้านไปขายเพื่อให้ผ มได้เรียนต่อ


แต่คุณพ่อคัดค้านไม่เห็นด้วยเด็ดขาดคำพูดที่โต้เถียงกันของพวกท ่านได้ยินไปถึงคุณปู่ที่ป่วยหนักพอคุณปู่กระวนกระวายใจ ท่านก็จึงลาโลกนี้ไปตลอดกาล
ผมก็ไม่พูดถึงเรื่องเรียนต่ออีก นำเอา "ใบแจ้งผลการคัดเลือก" พับอย่างดี
แล้วยัดเข้าไปในปลอกหมอน แล้วช่วยคุณแม่ทำงานเลี้ยงชีพไปวัน ๆ
ผ่านไป 2 วัน ผมและคุณพ่อได้รับรู้พร้อมกันว่า
แก้ไขล่าสุดโดย Jeab Agape เมื่อ จันทร์ ส.ค. 01, 2005 12:18 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

อาทิตย์ ก.ค. 31, 2005 6:09 pm

( ต่อ )

วันนั้น เพื่อนบ้านยังบอกกับผมว่าแม่ใช้วิธีการดั้งเดิมในการเก็บเกี่ยวซึ่งน่าเศร้ามาก!
แม่ไม่มีแรงพอที่หาบข้าวสาลีไปที่ลาดเพื่อนวดข้าวและก็ไม่มีเงินที่จะจ้างคนมาช่ วย
ท่านได้แต่รอข้าวสุกแปลงหนึ่ง จากนั้นเอาใส่กระดานลากกลับบ้าน
ตกเย็นก็ปูผ้าพลาสติกที่ลานใช้สองมือกำข้าวส าลีกำใหญ่เหวี่ยงฟาดกับก้อนหินเพื่
อนวดข้าว..ข้าวสาลี 3 ไร่จีน ( 1 ไร่จีน เท่ากับ 600 ตารางฟุต) ล้วนอาศัยแม่ทำคนเดียว
แม่เหนื่อยจนยืนเกี่ยวไม่ไหวจึงคุกเข่าเกี่ยว หัวเข่าถูกสีจนเลือดออก

เวลาเดินก็สั่นเทาไปหมด ผมไม่รอให้เพื่อนบ้านพูดจบก็รีบวิ่งกลับบ้านอย่างรวดเร็วปานเหินบินร้องไห้เสียง ดังพูดว่า"แม่ แม่ ผมไม่สามารถเรียนต่อไปอีกแล้ว" ในที่สุด แม่ก็ไล่ให้ผมกลับไปเรียนค่าใช้จ่ายแต่ละเดือนของผมอยู่ที่ 60 ถึง 80 หยวน

ถ้าจะเปรียบกับเพื่อนนักเรียนที่ใช้จ่าย 200-240 หยวนแล้ว
นับว่าน้อยจนน่าสงสารมีแต่ผมเท่านั้นที่รู้ว่า เพื่อเงินจำนวนน้อยนิดนี้
แต่ต้องเก็บสะสมอย่างประหยัดตั้งแต่ต้นเดือน ทีละหยวน ๆ จากการขายไข่ไก่
ขายผักจริง ๆแล้วยามที่รวบรวมไม่ครบยังต้องไปขอยืมอีก 20 หรือ 30 หยวน
พ่อ น้องชาย แทบจะไม่เคยได้กินผักเลย ถึงจะมีผักบ้างก็ไม่ใช้น้ำมันหมูคลุก
เพียงตักน้ำผักดองมาคลุกกิน หรือทำอาหารกินแม่ไม่เคยปล่อยให้ผมต้องหิวโหย
ทุกเดือนท่านจะเดินสิบกว่าลี้ เพื่อซื้อหมี่สำเร็จรูปส่งไปให้ผม

ทุกสิ้นเดือนแม่มักจะแบกถุงใบใหญ่ เหนื่อยยากลำบาก มาดูผมที่เทียนสิน
ภายในถุงนอกจากเศษหมี่สำเร็จรูปแล้วยังมีกระดาษที่พิมพ์เส ียของโรงพิมพ์ที่ห่างบ้าน 6 ลี้กว่า(นั่นเอาไว้ให้ผมใช้เป็นกระดาษทดเลข) กับเต้าเจี้ยวเผ็ด 1 ขวดใหญ่
ผักกาดเขียวเค็มหั่นเป็นเส้นและเครื่องมือตัดผม 1 อัน (ค่าตัดผมที่ถูกที่สุดในเทียนสินก็ต้อง 5 หยวน) แม่ต้องการให้ผมประหยัดจะได้ซื้อหมั่นโถวไว้กินอีกหลายใบ
ผมเป็นนัก เรียนคนเดียวของมัธยมอี้จง ของเทียนสิน

ที่แม้แต่ผักในโรงอาหารก็ยังไม่สามารถซื้อกินได้แต่เพียงแค่ซื้อ หมั่นโถว 2 ใบ กลับมาที่หอพัก
ชงเศษหมี่สำเร็จรูปแล้วใส่เต้าเจี้ยวเผ็ดกับผักกาดเค็มกินผมก ็เป็นนักเรียนคนเดียวที่ไม่สามารถใช้กระดาษต้นฉบับ (แบบฟอร์ม) มาเขียนได้แต่ใช้กระดาษที่พิมพ์เสียจากโรงพิมพ์มาเขียนต้นฉบับผมยังเป็นนักเ รียนคนเดียวที่ไม่เคยใช้สบู่เวลาซักเสื้อก็ไปที่โรงอาหารเอากรดโซเดียมจากหมี่ที ่เสียแล้วมาใช้แทนสบู่

แต่ผมไม่เคยน้อยเนื้อต่ำใจมาก่อนผมรู้สึกว่าคุณแม่นับ เป็นวีรสตรีที่ต่อสู้กับความยากลำบาก และความโชคร้ายได้เกิดมาเป็นลูกของแม่ ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างไม่อาจเปรียบอีกแล้ว
เมื่อเริ่มเข้ามัธยมอี้จง ของเทียนสินคอร์สแรกของภาษาอังกฤษทำให้ผมฟังจนงงไปหมด
ตอนที่แม่มาหาผมผมได้บอกถึงความวิตกกังวลกลัวว่าภาษาอังกฤษจะเรียนไม่ทันเพื่อน
ใครจะรู้ได้ ใบหน้าของแม่กลับเปี่ยมด้วยรอยยิ้มแล้วตอบว่า"แม่เพียงรู้ว่าเจ้าเป็นเด็กท ี่ทนความลำบากที่สุดแม่ไม่ชอบฟังเจ้าพูดว่ายากลำบาก เพราะขอเพียงทนลำบากได้ ก็ไม่ยากอีกแล้ว"

ผมจำคำของแม่คำนี้ไว้แล้ว ผมมีอาการติดอ่างเล็กน้อยมีคนบอกกับผมว่า
จะเรียนภาษาอังกฤษให้ได้ดีอันดับแร กต้องให้ลิ้นฟังคำสั่งตัวเองดังนั้นผมมักจะเก็บก้อนหินก้อนหนึ่ง อมไว้ในปากจากนั้นก็ขยันท่องภาษาอังกฤษอย่างเอาเป็นเอาตาย
ลิ้นเมื่อได้เสียด สีกับก้อนหินบางครั้งที่มีเลือดไหลออกมาทางมุมปาก
แต่ผมก็กัดฟันยืนหยัดอย่างเสมอ ต้นเสมอปลายครึ่งปีผ่านไป ก้อนหินเล็ก ๆ ถูกสีจนกลม ลิ้นของผมก็ถูกสีจนเรียบผลการเรียนภาษาอังกฤษขยับขึ้นเป็น 3 ลำดับต้นของห้อง
ผมต้องขอบคุณแม่เป็นอย่างยิ่ง คำพูดของท่านทำให้เกิดปาฎิหาริย์ในการก้าวข้ามอุปสรรคอันยิ่งใหญ่ของการฝึกฝนของ ผม
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

อาทิตย์ ก.ค. 31, 2005 6:15 pm

( ต่อ ๒ )

ปี 1996 ผมได้เข้าร่วมแข่งขันโอลิมปิควิชาการที่จัดขึ้นทั่วประเทศในเขตเทียนสิน เป็นครั้งแรก
ได้รับรางวัลที่ 1 ในวิชาฟิสิกส์ และรางวัลที่ 2 ในวิชาคณิตศาสตร์ ได้เป็นตัวแทนของเทียนสินไปหังโจวเพื่อร่วมแข่งขันโอลิมปิก ฟิสิกส์จากทั่วประเทศ"ผมเอารางวัลที่ 1 ของประเทศมามอบให้แม่จากนั้นก็ไปแข่งขันโอลิมปิกฟิสิกส์ระดับโลก"ผมคุม ความตื่นเต้นในใจไว้ไม่อยู่

เอาข่าวดีและความมุ่งหวังเขียนใส่จดหมายส่งไปบอกแม่สุดท้ายผมได้แค่ที่ 2 ผมล้มแผ่ลงบนเตียง ไม่ดื่มไม่กินอะไรแม้ว่าจะเป็นผลงานที่ดีที่สุดในบรรดาผู้แข่งขันของเทียนสิน
แต่หากจะทดแทนความเหนื่อยยากลำบากของแม่แล้ว นับว่ายังไม่เพียงพอจริง ๆ
กลับถึงโรงเรียน กลุ่มคุณครูช่วยผมวิเคราะห์ถึงสาเหตุของความพ่ายแพ้
ฉันมักจะคิดให้คณิตศาสตร ์ฟิสิกส ์และเคมีล้วนได้ดีวิชาเอกที่เลือกมากไป ทำให้ความมุ่งมั่นไม่เป็นหนึ่งเดียวหากว่าตอนนี้ผมมุ่งเรียนคณิตศาสตร์อย่างเดีย วต้องสำเร็จแน่

มกราคม ปี 1997 ในที่สุดในการแข่งขันคณิตศาสตร์โอลิมปิกทั่วประเทศ
ผมก็ชนะเลิศที่ 1 ด้วยคะแนนเต็มได้เข้าร่วมกลุ่มฝึกซ้อมระดับประเทศอย่างราบรื่น
และในการทดสอบ ทั้งสิบครั้งนั้นก็ช่วงชิงจนได้เป็นตัวแทนไปแข่งขัน
แต่ตามกฎกำหนดไว้ว่าค่าใ ช้จ่ายในการไปร่วมการแข่งขันที่อาร์เยนติน่าต้องจัดการเอง
จ่ายค่าสมัครเรียบร้อย แล้ว ผมเอาหนังสือที่ต้องเตรียมและเต้าเจี้ยวเผ็ดที่แม่ทำให้ห่อไว้อย่างดี งานที่ตัองเตรียมก็เสร็จสิ้นลง หัวหน้าภาควิชากับอาจารย์คณิตศาสตร์เห็นผมยัง คงใส่เสื้อผ้าที่คนอื่นสงเคราะห์ให้ทั้งสีสัน ขนาดของเสื้อผ้าไม่สมกับตัว เมื่อเปิดตู้เก็บของ

ชี้ไปที่แขนเสื้อที่ต่อมาสองครั้ง ชายเสื้อหนาวที่ต่อยาวอีก 3 นิ้วกับชุดชั้นในที่มีรอยปะ
แล้วพูดว่า "จินเผิง นี่เป็นเสื้อผ้าทั้งหมดของเธอหรือฉันไม่รู้จะจัดการอย่างไร"
ผมจึงรีบตอบว่า ครูครับ ผมไม่กลัวขายหน้าคุณแม่บอกกับผมเสมอว่า
"ในตัวถ้ามีภูมิความรู้ ก็จะมีความสง่าเองถึงผมต้องใส่เสื้อพวกนี้ไปอเมริกาพบกับคลินตัน ผมก็ไม่กลัว"

27 กรกฎาคม โอลิมปิควิชาการเริ่มขึ้นพวกเรานั่งทำข้อสอบตั้งแต่แปดโมงครึ่ง ถึง บ่ายสองโมง
รวมเวลาในการทำข้อสอบห้าชั่วโมงครึ่ง วันที่สองเป็นวันประกาศผล
ก่อนอื่นเป็นการประกาศรางวัลเหรียญทองแดง ผมไม่หวังจะได้ยินชื่อของตัวเอง
ถัดจากนั้นก็เป็นรางวัลเหรียญเงิน สุดท้ายประกาศเหรียญทองคนที่หนึ่ง คนที่สอง คนที่สามก็คือผมผมดีใจจนร้องไห้ เรียกพึมพำอยู่ในใจว่า
แค๊ป

จันทร์ ส.ค. 01, 2005 11:53 am

ไม่ได้เอามาจากเวปอื่นเลยครับ

ผมพิมพ์กับมือเลยนะเนี่ย อิอิอิๆๆๆ
พิมพ์ออกมาจากใจด้วย ;D
Maria Magdalena
โพสต์: 1946
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มิ.ย. 01, 2005 8:23 pm
ที่อยู่: On this earth obviously

อังคาร ส.ค. 02, 2005 10:12 am

ฮือๆ รักแม่ที่สุดเลยฮะ
ตอบกลับโพส