นักบุญเยราร์ด มาแยลลา
St. Gerard Majella
เยราร์ดเป็นลูกชายของช่างตัดเสื้อในเมือง Mro Lucano ประเทศอิตาลีเขาเกิด
เมื่อวันที่ ๒๓ เมษายน ๑๗๒๖ เมื่อบิดาเสียชีวิต เขาก็ได้เรียนฝึกอาชีพเป็นช่าง
ตัดเย็บเสื้อผ้า
เยราร์ดพยายามสมัครเข้าคณะกาปูชินแต่ถูกปฏิเสธเพราะอายุน้อยเกินไป
เขาเข้าทำงานเป็นผู้รับใช้ในบ้านของสังฆราชแห่ง Lacedonia ซึ่งมีพ่อบ้าน
ที่ปฏิบัติต่อเขาอย่างเลวร้าย
หลังการเสียชีวิตของสังฆราช เยราร์ดกลับบ้าน เปิดร้านตัดเย็บเสื้อผ้า ต่อมา
เขาเข้าคณะพระมหาไถ่ในฐานะภราดาในปี ๑๗๔๘ และถวายตัวในปี ๑๗๕๒
เยราร์ดทำหน้าที่ตัดเย็บชุดเครื่องแบบให้สมาชิกนักบวชในบ้านและดูแลคนเจ็บ
ป่วยแต่ไม่ช้าก็มีชื่อเสียงในฐานะผู้มีพระพรเหนือธรรมชาติหลายประการ อาทิ
อยู่ในที่ ๒ แห่งในเวลาเดียวกัน ทำนายทายทักได้แม่นยำ เข้าปีติศานต์เห็นภาพนิมิต
และได้รับความรู้อย่างลึกซึ้งจากพระเจ้า
แม้จะไม่ได้เป็นพระสงฆ์แต่เยราร์ดก็ให้คำแนะนำด้านชีวิตฝ่ายจิต มีนักบวชพระสงฆ์
มาขอคำแนะนำมากมาย อารามซิสเตอร์ท้องถิ่นขอให้ท่านไปเทศน์ให้พวกเธอ เยราร์ด
ยังทำให้คนบาปมากมายกลับใจ ท่านขึ้นชื่อในความเมตตาและศักดิ์สิทธิ์
ปี ๑๗๕๔ ท่านถูกผู้หญิงคนหนึ่งชื่อ Neria Caggiano กล่าวหาว่ามีความสัมพันธ์ฉันชู้สาว
ซึ่งเธอยอมรับภายหลังว่าเป็นเรื่องโกหก แต่เยราร์ดไม่ปฏิเสธข้อกล่าวหา อธิการแยกตัว
เยราร์ดออกต่างหากและจับตาดูความประพฤติ นักบุญอัลฟอนโซผู้ตั้งคณะมหาไถ่ถาม
เยราร์ดว่าทำไมจึงนิ่งเงียบไม่ตอบโต้ เยราร์ดตอบว่าท่านคิดว่านั่นเป็นสิ่งที่ควรกระทำ
เมื่อถูกกล่าวหาอย่างอยุติธรรม
เยราร์ดถูกย้ายไปอารามเมืองเนเปิลเพราะสมาชิกของบ้านทนไม่ไหวกับแขกมากมายที่
ต้องการมาพบท่าน อีกไม่กี่เดือนต่อมา ท่านก็ถูกส่งไป Caposele และทำหน้าที่เป็นคน
เฝ้าประตูอาราม ซึ่งพร้อมกันนั้น ท่านก็ช่วยเหลือคนยากจนในเมืองด้วย
เยราร์ดช่วยระดมทุนก่อสร้างบ้านที่ Caposele ก่อนจะเสียชีวิตด้วยวัณโรค
ในวันที่ ๑๕ ตุลาคม ๑๗๕๕ เมื่ออายุ ๒๙ ปี
พระสันตะปาปาปีโอ ที่ ๑๐ ประกาศตั้งท่านเป็นนักบุญในวันที่ ๑๑ ธันวาคม ๑๙๐๔
และให้ท่านเป็นนักบุญองค์อุปถัมภ์การให้กำเนิดทารกและผู้ถูกกล่าวหาอย่างอยุติธรรม
CR. : Sinapis
![Jump :s001:](./images/smilies/Sheep_Jump.gif)
![Jump :s001:](./images/smilies/Sheep_Jump.gif)
![Jump :s001:](./images/smilies/Sheep_Jump.gif)
16 ตุลาคม นักบุญมาร์การีตา มารีย์ อาลาก๊อก พรหมจารี
(St. Margaret Mary Alacoque, Virgin)
นักบุญมาร์การีตา มารีย์ อาลาก๊อก เกิดในครอบครัวขุนนางมีฐานะร่ำรวย
ราวปี 1647 เป็นลูกคนที่ 5 จาก 7 คน บิดาเป็นเจ้าหน้าที่ด้านเอกสารของราชสำนัก
น่ารัก มารดาด้วยก็เป็นบุคคลสำคัญในวงสังคม
วัยเด็ก เรียบร้อย รักความสงบ ชอบภาวนามากกว่าวิ่งเล่นเหมือนเด็กคนอื่นๆ
ด้วยวัย 5 ขวบ แม้ยังไม่รู้ความหมายของคำว่า พรหมจรรย์ แต่ท่านก็ได้ปฏิญาณตน
ด้วยความศรัทธาในระหว่างมิสซาว่า จะถือพรหมจรรย์ถวายแด่พระเจ้าตลอดชีวิต
พระเจ้าทรงเตรียมท่านไว้สำหรับภารกิจในอนาคต พระองค์ประทับตราแห่งความศักดิ์สิทธิ์
ไว้ในดวงวิญญาณของเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆคนนี้แล้ว
เมื่ออายุ 8 ปี บิดาเสียชีวิตกะทันหัน ถูกส่งเข้าโรงเรียนประจำ บ้านมีความลำบากเพราะ
ญาติทางพ่อยึดอำนาจการจัดการทั้งหมด ทำให้แม่ของท่านนักบุญมีปัญหา ลูกๆได้รับความ
ยากลำบาก ท่านสวดมากขึ้น บางครั้งต้องไปซ่อนตัวในโรงเลี้ยงสัตว์ โดยไม่ยอมกินอาหาร
ท่านคุกเข่าแทบเชิงกางเขน และร้องไห้ทั้งคืน
อายุ 9 ปี รับศีลมหาสนิทครั้งแรก หลังจากนั้นท่านทำกิจพลีกรรมทรมานตัวเองอย่างลับๆ
เพื่อใช้โทษบาป สุขภาพแย่ลง ท่านยังทำกิจใช้โทษบาป ต่อมาท่านป่วยจนอ่อนแรง และร่างกาย
ผอมลงอย่างรวดเร็ว ท่านสวดภาวนาขอให้หายป่วย โดยบอกว่าอนาคตจะขอเป็นลูกของแม่พระ
และหายป่วยอย่างอัศจรรย์ เมื่อรับศีลกำลังเติมชื่อว่า มารีย์ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าถวายตัวแด่
แม่พระ ท่านยังภาวนาไม่หยุดหย่อน และเริ่มได้รับการประจักษ์ของพระเยซูเจ้า ท่านเห็นพระเยซูเจ้า
ทรงถูกตรึงกางเขน และเห็นพระคริสต์ทรงเปี่ยมด้วยความเมตตากรุณา ซึ่งทำให้ท่านรู้สึกสะท้าน
ใจในบาปของมนุษย์ จึงหมั่นภาวนาใช้โทษบาปมากขึ้น
ท่านเริ่มอ่านหนังสือประวัตินักบุญต่างๆ เลียนแบบวิธีทรมานตนเพื่อใช้โทษบาป ท่านเริ่ม
ค้นหา จะเข้าคณะนักบวชที่พระเจ้าประสงค์ และท่านได้มาถึงอารามแม่พระเสด็จเยี่ยม
ที่เมืองปาเรย์ เลอ โมนิอัล ที่นี่ท่านได้ยินพระเยซูเจ้าตรัสว่า "ที่นี่แหละที่เราต้องการให้เจ้ามาอยู่"
ท่านได้ปฏิญาณตนเมื่ออายุ 24 ปี ทั้งๆที่สุขภาพไม่แข็งแรง ท่านปฏิบัติตนด้วยความสุภาพ
อ่อนน้อมอย่างที่สุด แม้ว่าพระเยซูเจ้าทรงประจักษ์มาหาท่าน แต่ท่านก็ไม่เคยนำมาอวดอ้างเลย
ในปี ค.ศ. 1675 พระเยซูเจ้าทรงประจักษ์มา และทรงเผยให้ท่านนักบุญเห็นพระหฤทัยของ
พระองค์ พระองค์ตรัสกับท่านว่า "หัวใจดวงนี้แหละที่รักมวลมนุษย์อย่างสุดซึ้ง จนกระทั่งพลีตนเอง
ทั้งสิ้นเป็นพยานแห่งความรัก แต่เรากลับได้รับการไม่รู้จักคุณค่าแห่งความรักจากคนหมู่มากเป็น
การตอบแทน"
ท่านนักบุญตระหนักถึงภารกิจที่พระเยซูเจ้าทรงมอบหมายให้ท่านเพื่ออุทิศตนต่อพระหฤทัย
ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ ท่านพยายามสื่อสารกับผู้อื่นถึงสาส์นของพระเยซูเจ้า แต่ท่านกลับถูกต่อต้าน
ถูกภคินีอาวุโสกว่าเรียกไปตำหนิ และบอกให้ท่านทำตัวเหมือนคนปกติอื่นๆ ท่านยอมรับคำตำหนิ
เหล่านั้นด้วยความสุภาพอย่างที่สุด ทำให้บรรดาภคินีที่เคยต่อต้านท่านค่อยๆกลับมาเชื่อในสิ่งที่
ท่านกล่าว ท่านได้เริ่มกิจปฏิบัติในการสวดภาวนาที่เรียกกันว่า ชั่วโมงศักดิ์สิทธิ์ในช่วง 5 ทุ่มถึง
เที่ยงคืนของวันพฤหัสบดีแรกของเดือน เพื่อมีส่วนในพระมหาทรมานของพระเยซูเจ้าเป็นการใช้
โทษบาป เพื่อจะได้ร่วมมิสซา และรับศีลมหาสนิทในมิสซาเช้าวันศุกร์ต้นเดือน
พระเยซูเจ้าทรงเลือกให้วันศุกร์หลังวันสมโภชพระวรกาย และพระโลหิตของพระคริสตเจ้า
เป็นวันสมโภชพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ พระองค์ทรงเรียกท่านนักบุญว่า เป็นสานุศิษย์ผู้
เป็นที่รักแห่งพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ และผู้รับสืบทอดพระพรทั้งหมดแห่งพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์
ในวาระสุดท้าย ท่านยังคงเป็นทุกข์ถึงบาป ท่านรำพึงภาวนาช้าๆว่า "พระเจ้าข้า พระองค์เท่านั้น
คือสิ่งที่ลูกปรารถนาเมื่ออยู่ในโลกนี้ และลูกจะได้อยู่กับพระองค์ในสวรรค์" ท่านสิ้นใจในขณะที่
รำพึงพระนามพระเยซูเจ้า ในวันที่ 16 ตุลาคม 1690 อายุ 43 ปี
( ถอดความโดย คุณพ่อ วิชา หิรัญญการ
[จำไม่ได้ว่ามาจากหนังสือเล่มไหน คือทำไว้นานแล้ว] )