เขียนโดย Luisa Muzii
แปลโดย คุณพ่อวสันต์ พิรุฬห์วงศ
ความปีติยินดีที่เกิดขึ้นในจิตวิญญาณของคุณพ่อแบร์โทนีนี้ แสดงให้เห็นถึงจุดเปลี่ยนสำคัญ
ของประสบการณ์ภายในของท่านที่ค่อยๆ พัฒนาผ่านทางธรรมล้ำลึกแห่งไม้กางเขน และที่สุด ก็เข้า
สู่การเป็นหนึ่งเดียวกับพระเยซูคริสตเจ้า ผู้ถูกตรึงบนไม้กางเขน
เป็นเรื่องที่แน่นอนว่า หลังจากที่คุณพ่อแบร์โทนีได้มีประสบการณ์ล้ำลึกนี้ บางสิ่งบางอย่าง
ในชีวิตของท่านก็เปลี่ยนไป และบางสิ่งบางอย่างนั้น ก็ได้แสดงตนอย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น บางที
ในพระหฤทัยที่ถูกทิ่มแทงด้วยหนามของพระเยซูเจ้านั้น คุณพ่อแบร์โทนีมองเห็นความเป็นไปได้ของ
"ความฝัน" ของท่านที่จะมีหมู่คณะนักบวชในอนาคต ที่จริง ท่านได้เคยบอกกับคุณพ่อโจวานนี มารา
นี ว่า ท่านได้ "นิมิต" เห็นการเริ่มต้นของหมู่คณะนักบวชของท่านด้วย
ประสบการณ์นี้ได้กลายเป็นเครื่องหมาย และจุดเริ่มต้นของความเจ็บป่วย และความทุกข์ทรมาน
ของคุณพ่อแบร์โทนี ซึ่งมีระยะเวลายาวนานถึง 40 ปี ท่านมองการนอนติดกับเตียงโดยลุกไปไปไหนมา
ไหนไม่ได้ของท่านว่า เป็นการเลียนแบบการถูกตองตรึงบนไม้กางเของพระเยซูคริสตเจ้า ท่านได้อดทน
และแบกรับความทุกข์ทรมานดังกล่าว เพื่อท่านจะได้เป็นเหมือนกับพระอาจารย์ของท่านอย่างครบสมบูรณ์
คือ พระเยซูเจ้า ผู้ถูกตรึงบนกางเขน นั่นเอง
แรงบันดาลใจที่ทำให้คุณพ่อแบร์โทนีปรารถนาที่จะเป็นเหมือน พระคริสต์เจ้า ผู้ถูกตรึงบนไม้กางเขน นั้น
เริ่มต้นและชัดเจนตั้งแต่สมัยที่ท่านเป็นพระสงฆ์ใหม่ๆ แล้ว หลักฐานเรื่องนี้ เราพบในสมุดบันทึกวิญญาณ
ของท่าน ในวันที่ 25 กันยายน ค.ศ. 1808 ท่านบันทึกไว้ตอนหนึ่งว่า "มีพลังกระตุ้น (ภายใน) ข้าพเจ้าอย่าง
รุนแรงให้ติดตามองค์พระผู้เป็นเจ้าของเราอย่างใกล้ชิด ในความยากจน และในการได้รับความอับอาย
แม้จะต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม" และในอีก 2 วันต่อมา ท่านบันทึกว่า "ข้าพเจ้าปรารถนาจะแบ่งปัน และเป็น
หนึ่งเดียวกับพระทรมาน และความอับอายของพระองค์อย่างใกล้ชิด ข้าพเจ้าจึงวิงวอนขอพระหรรษทาน
เพื่อข้าพเจ้าจะได้ทุกข์ทรมาน และได้รับการเกลียดชังเพื่อพระองค์" นี่เป็นการสารภาพ "ความปรารถนา
ที่จะเป็นมรณสักขี" ของท่าน และเป็นความปรารถนาที่ท่านไม่ยอมปล่อยให้หลุดลอยไป
แม้ว่าซิสเตอร์เลโอโปลดีนา โนเดต์ จะเลือกคุณพ่อแบร์โทนีเป็นผู้ฟังแก้บาปของเธอมานานกว่า
3 ปีแล้ว แต่เธอก็ยังไม่ได้ตัดสินใจเลือกท่านเป็นผู้แนะนำชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณของเธอ เหตุก็เพราะว่า
เธอต้องการเครื่องหมายที่ชัดเจนจากพระญาณเอื้ออาทรของพระเจ้าในเรื่องนี้
ไม่นานต่อมา เธอก็เริ่มมีความรู้สึกหนึ่งเกิดขึ้นในจิตใจของเธอว่า "จงวางใจในพ่อแบร์โทนีเถิด"
แต่เธอก็ยังคงรู้สึกแย้งในใจด้วยเหมือนกัน จึงตอบกลับไปว่า "แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าข้า ลูกก็มีพระองค์
ผู้เดียวมานาน และดีอยู่แล้วนี่" แล้วก็มีเสียงตอบกลับมาในใจของเธอว่า "จงวางใจในท่านเถิด แล้วเธอ
จะยิ่งสนิทกับเรามากขึ้นอีก!"
ซิสเตอร์โนเตต์ จึงได้เริ่มเข้าใจว่า หนทางของพระอาจารย์เจ้าที่จะทำให้เรามนุษย์ เข้าสู่ความ
ครบสมบูรณ์ตามคำแนะนำของพระวรสารได้นั้น "ต้องผ่านทางมนุษย์ที่มีใจสุภาพและเปี่ยมด้วยฤทธิ์กุศล"
เธอจึงยอมจำนนต่อเสียงพระเจ้า และนับจากนั้นเป็นต้นมา เธอก็เริ่มเริ่มเรียนรู้ที่จะพบพระคริสตเจ้าใน
พี่น้องร่วมคณะของเธอ ในพี่น้องเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในจิตใจของ
ความเป็นมนุษย์ของเธอเอง
หลังจากมารดาเสียชีวิตแล้ว คุณพ่อแบร์โทนีก็เริ่มมีสุขภาพที่ไม่ค่อยดีนัก แต่ท่านก็ไม่ยอมผ่อน
ปรนการมัธยัสถ์ตัว และความเคร่งครัดในการถือความยากจน ท่านไม่เคยสร้างความยุ่งยากให้ใคร
และไม่เคยใช้ความเจ็บป่วยของท่านเป็นอุปสรรคขัดขวาง หรือลดทอนงานของท่านเลย ท่านกลับอุทิศ
ตัวมากขึ้นในการทำงานให้ความช่วยเหลือผู้อื่น ศึกษาหาความรู้อย่างจริงจังและอย่างทุ่มเท และ
ใช้เวลาแทบจะตลอดทั้งคืนเพื่ออธิษฐานภาวนาและรำพึง นี่ทำให้ท่านถึงกลับล้มป่วยลง และ
มีอาการหนักจนแทบจะเอาชีวิตไม่รอด
หลังจากรับเป็นผู้ให้คำแนะนำชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณของซิสเตอร์ เลโอโปลดีนา โนเดต์ ได้ไม่นาน
(ตุลาคม ค.ศ. 112) คุณพ่อแบร์โทนีก็ล้มป่วยหนักอีกครั้งหนึ่ง เมื่อชาวเวโรนารู้ข่าวนี้ ก็ร่วมใจกัน
อธิษฐานภาวนากันทั้งเมือง เพื่อหวังให้ท่านหายจากความเจ็บป่วย และกลับมาทำงานเพื่อพวกเขา
ได้ต่อไป ซึ่งในช่วงเวลานั้น ซิสเตอร์โนเดต์เองก็ถึงกับนิมิตเห็นชายคนหนึ่งกำลังสิ้นใจ และได้พูดกับ
เธอว่า ที่หลบภัยเดียวที่มีคือการภาวนาอย่างร้อนรนและอย่างวางใจ ในที่สุด สุขภาพของคุณพ่อแบร์โทนี
ก็กลับฟื้นขึ้นมาดังเดิม ท่านได้ไปขอบคุณซิสเตอร์โนเดต์ และชาวเมืองเวโรนาที่ร่วมใจกันอธิษฐานภาวนา
วิงวอนขอพระเป็นเจ้าเพื่อ "คนบาปที่น่าสงสาร" อย่างท่าน และท่านยังได้พูดกับพวกเขาอย่างสุภาพและ
ถ่อมตนว่า "จงรักที่จะอธิษฐานภาวนาต่อไปเถิด เพื่อพ่อจะได้สามารถรับพระคุณที่พระเจ้าประทานให้
ต่อไปได้ เพื่อวิญญาณของพ่อจะได้ปลอดภัย เหมือนอย่างที่ร่างกายของพ่อปลอดภัยแล้วในตอนนี้"