“ความลับน่าอัศจรรย์ของวิญญาณในไฟชำระ” (มี23 ตอน)

[rosa-lee]

ความลับน่าอัศจรรย์ของวิญญาณในไฟชำระ
จากการสัมภาษณ์: "มารีอา ซิมมา" (Maria Simma)
แปลโดย: บาทหลวงสมชาย สลับเชื้อ สำนักมิซซัง คาทอลิก
จาก: The Amazing Secret of the Souls in Purgatory
โดยซิสเตอร์ เอ็มมานูแอล แห่ง เมดจูกอร์เร
เนื้อเรื่องทั้งหมด ( 23ตอน)

ความลับน่าอัศจรรย์ของวิญญาณในไฟชำระ
ตอนที่ ( 1 )
 เกี่ยวกับผู้เขียน [ซิสเตอร์เอ็มมานูแอล เมลลาร์ด]
          ซิสเตอร์เอ็มมานูแอล เมลลาร์ด เกิดที่ฝรั่งเศสเมื่อปี 1974 จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย
Sorbonne นครปารีสในปี 1970 พระเจ้าได้ช่วยเหลือเธอให้พ้นจากการฆ่าตัวตายและความผิดหวัง
นำเธอให้เข้าเป็นนักบวชในคณะ Beatitudes และเรียกเธอให้ไปตั้งอารามที่หมู่บ้านเมดจูกอร์เร
ตั้งแต่ปี 1989 งานแพร่ธรรมของเธอมีมากมาย ดังเช่นหนังสือศรัทธาที่เธอเขียนซึ่งถูกแปลถึง 22 ภาษา
และเธอมีโอกาสเดินทางไปทั่วโลกเพื่อประกาศเรื่องเมดจูกอร์เรให้เป็นที่รู้จัก เธอแพร่ธรรมโดยใช้สาร
แห่งสันติภาพของแม่พระ เธอมีโอกาสสนทนากับผู้ที่ได้เห็นการประจักษ์เป็นประจำ ทุกวันนี้เธอกล่าวถึง
พระพรพิเศษที่เธอได้รับคือการทำหน้าที่เป็น "ผู้เชื่อมโยงเด็กๆ ที่เห็นการประจักษ์ ณ เมดจูกอร์เร
กับผู้คนนับพันนับหมื่นจากทั่วโลก"

ความลับน่าอัศจรรย์ของวิญญาณในไฟชำระ
ตอนที่ ( 2 )
 หนังสือเล่มเล็กๆ นี้เติมเต็มสิ่งที่หายไป
          วันหนึ่ง ดิฉันได้อ่านเรื่องวิญญาณในไฟชำระอย่างตั้งใจ มันติดใจดิฉันมาก เพราะมันเป็นการ
เปิดเผยใหม่ๆ จากผู้ประสบเหตุการณ์โดยตรง และมันอธิบายคำสอนของพระศาสนจักรคาทอลิก
ถึงเรื่องนี้อย่างดี มันถูกเขียนโดย มารีอา ซิมมา ซึ่งให้ชื่อหนังสือของเธอว่า ความลับน่าอัศจรรย์ของ
วิญญาณในไฟชำระ ทันใดนั้น ดิฉันก็รีบจับปากกาเขียนไปหาบรรณาธิการ ซึ่งบอกดิฉันว่าเวลานั้น
มารีอา ซิมมา ยังมีชีวิตอยู่ ดิฉันรีบติดต่อกับเธอย่างรีบด่วน เธอก็ตกลงที่จะมาพบดิฉัน และตอบ
คำถามดิฉันหลายอย่าง!
          ดิฉันดีใจมาก เพราะทุกครั้งที่มีโอกาสพูดหรือเทศน์ถึงวิญญาณเหล่านี้ มีคนสนใจฟังมากผิดปกติ
พวกเขามักขอร้องให้ดิฉันพูดถึงบ่อยๆ ว่า "โปรดบอกเรามากกว่านี้ ถึงเรื่องวิญญาณเหล่านี้ในประเด็น
อื่นก็ได้" ดิฉันเห็นว่าสิ่งนี้เติมเต็มการกระหายใคร่รู้เรื่องที่สำคัญต่อชีวิต การกระหายที่จะทราบว่าอะไร
รอเราแต่ละคนอยู่ในชีวิตหลังความตาย
เราต้องยอมรับว่าในปัจจุบันแทบจะไม่มีการสอนถึงเรื่องนี้อย่างจริงจังเลย ไม่ว่าจะในบทเทศน์
ในคำสอนพระศาสนจักร หรือในสามเณราลัย ดังนั้น มันจึงเป็นความว่างเปล่า เป็นช่องว่างขนาดใหญ่
เป็นการขาดความรู้อย่างยิ่ง ในเรื่องของสิ่งที่เราต้องเผชิญหน้ากับมันในวาระสุดท้าย
ฉะนั้น หนังสือเล่มน้อยนี้ ไม่เพียงแต่จะช่วยเราให้รู้ว่าต้องเตรียมตัวเผชิญความตายอย่างไร เพื่อ
รอดพ้นความทรมานที่เราอาจต้องเจอในไฟชำระ แต่ยังจะส่องสว่างแก่เรา และให้ความหวังอันเต็มเปี่ยม
แก่เราด้วยว่า พระเจ้าได้มีแผนการอย่างไรสำหรับเราบ้าง
          นอกจากนั้น มันยังจะเตือนเราอีกว่า มันเป็นมหากุศลเพียงใดที่เราจะสวดภาวนา ขอมิสซาอุทิศ
แก่วิญญาณในไฟชำระ และเราสามารถทำสิ่งใดบนโลกนี้ เพื่อสันติสุขนิรันดรของเราเองในชีวิตหน้า
ขณะสัมภาษณ์นี้ คุณมารีอา ซิมมา มีอายุ 82 ปีแล้ว เธออยู่คนเดียวในบ้านหลังเล็กๆ
ในหมู่บ้านเล็กๆ บนภูเขาวอราเบิร์ก (Vorarbirg) ในประเทศออสเตรีย ดิฉันมาพบเธอที่นี่
(หมายเหตุ: มารีอา ซิมมาเสียชีวิตเมื่อ 16 มีนาคม 2004 ที่ตำบล Sonntag ขณะมีอายุ 89 ปี)
โปรดติดตามตอนต่อไป

[rosa-lee]

ความลับน่าอัศจรรย์ของวิญญาณในไฟชำระ
ตอนที่ ( 3 )
 มารีอา ซิมมา เป็นใคร?
          เป็นหญิงบ้านนอกซื่อๆ คนหนึ่ง ตั้งแต่เป็นเด็กเธอชอบสวดให้วิญญาณในไฟชำระมาก
เมื่อเธออายุ 25 ปี เธอได้รับพระพรพิเศษ (คาริสซึม : Charism) ที่แปลกและพิเศษมากในพระศาสนจักร
และมีผู้ได้รับน้อยมากเช่นกัน คือเธอได้รับการมาเยือนของวิญญาณในไฟชำระเพื่อมาขอคำภาวนา
จากเธอ เธอเป็นคาทอลิกที่ศรัทธาร้อนรนและสุภาพมาก และที่สะกิดใจดิฉันเป็นพิเศษก็คือความซื่อ
และความถ่อมตนอย่างยิ่งของเธอ เธอได้รับกำลังใจมากในการทำหน้าที่และพันธกิจของเธอจาก
คุณพ่อเจ้าวัด และพระสังฆราชของเธอ แม้เธอจะมีพระพรพิเศษอันน่าอัศจรรย์ แต่เธอก็ยังอยู่ในบ้าน
ซอมซ่อ เช่นในห้องเล็กๆ ที่เธออยู่นั้นแคบจนแทบไม่มีที่ว่างพอที่จะขยับเก้าอี้ให้เรานั่งด้วยซ้ำ

ความลับน่าอัศจรรย์ของวิญญาณในไฟชำระ
ตอนที่ ( 4 )
 นี่เป็นพระพรพิเศษจากพระเจ้าจริงหรือ?
          ใช่แล้ว! และเคยมีในประวัติศาสตร์พระศาสนจักรมาแล้ว คนที่ได้รับหลายคนเป็นนักบุญที่
พระศาสนจักรรับรอง หลายคนได้รับการรับรอง บางคนก็ไม่ ดิฉันขอเอ่ยชื่อท่านเหล่านั้นที่ได้รับและ
ใช้พระพรนี้พอเป็นตัวอย่าง เช่น นักบุญเกอร์ทรูด นักบุญแคทเธอรีนแห่งเจนัว ซึ่งได้เขียนมากมาย
เกี่ยวกับเรื่องนี้ นักบุญมารีอัม แห่งพระเยซู นักบุญมาร์กาแรตมารีแห่งปาเร เลอ มอนีอัล ซึ่งได้รับการ
ประจักษ์จากพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้า นักบุญกือเร ดาร์ส นักบุญโฟสตีนาผู้รับการประจักษ์
พระเมตตา นักบุญยอห์น บอสโก นักบุญมารีอัมแห่งเบธเลเฮม ฯลฯ เราอาจเขียนหนังสือเกี่ยวกับเรื่องนี้
ได้หลายเล่ม เมื่อเราอ่านชีวประวัตินักบุญเหล่านี้ เราจะเห็นว่า พวกเขาพูดเรื่องเดียวกัน และคล้ายกับ
ที่คุณซิมมาได้ประสบ
เพราะเหตุนี้ ดิฉันจึงไม่รีรอที่จะไปสัมภาษณ์เธอ ซึ่งนับว่าเป็นพยานปากเอกสดๆ ร้อนๆ และยังมี
ชีวิตอยู่ในยุคสมัยของเรา ท่านผู้อ่านคงจะจินตนาการได้ไม่ยากว่า ดิฉันจะถามอะไรเธอบ้าง ปัญหามี
เพียงว่า เธอพูดภาษาฝรั่งเศสไม่ได้ ดิฉันจำต้องใช้ล่ามเป็นสื่อถามให้ เพื่อความกะทัดรัดและชัดเจน
ดิฉันจึงสรุปเนื้อหาคำตอบของเธอในบางตอน แต่บางตอนก็แปลจากคำพูดของเธอแบบคำต่อคำ
และบางตอนดิฉันขอเพิ่มเติมความคิดเห็นส่วนตัวลงไปบ้าง
โปรดติดตามตอนต่อไป

[rosa-lee]

ความลับน่าอัศจรรย์ของวิญญาณในไฟชำระ
ตอนที่ ( 5 )
 บทสัมภาษณ์ มารีอา ซิมมา
ครั้งแรก
คุณมารีอาคะ คุณบอกเราได้ไหมว่าได้เห็นวิญญาณในไฟชำระครั้งแรกเมื่อไร?
ในปี 1940 คืนหนึ่ง ราวๆ ตีสาม ตีสี่ ก่อนรุ่งฉันได้ยินเสียงใครคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้องของฉัน
ฉันลุกขึ้นพยายามมองดูว่ามีใครเดินเข้ามาในห้องนอนยามวิกาลเช่นนี้
คุณกลัวไหมคะ?
ไม่ค่ะ ฉันไม่กลัวเลย ตอนเป็นเด็กเล็กๆ คุณแม่บอกฉันว่า ฉันเป็นเด็กพิเศษเพราะไม่กลัวอะไรเลย
ฉะนั้นโปรดเล่าเรื่องคืนนั้นให้เราฟังเถอะค่ะ
ฉันเห็นคนแปลกหน้าคนหนึ่งกำลังเดินไปมาช้าๆ ฉันพูดกับเขาอย่างขึงขังว่า "คุณเข้ามาในนี้ได้อย่างไร?
จงออกไปเสีย!" แต่เขากลับเฉย ยังคงเดินไปรอบๆ ห้องนอนของฉันราวกับไม่ได้ยินว่าฉันพูดอะไร ฉันจึง
ถามอีกว่า "คุณเข้ามาทำอะไร?" เขาก็ยังไม่ตอบ ฉันจึงกระโดดลงจากเตียงพยายามคว้ามือเขามาจับ
แต่ฉันจับได้แต่อากาศอันว่างเปล่าเท่านั้น ไม่มีอะไรเป็นตัว เขาเดินไปมาอีก ฉันแปลกใจ (งง) ว่าทำไมจึง
มองเห็นแต่จับเขาไม่ได้ ฉันลุกขึ้นอีก พยายามไขว่คว้าจับมือเขา และก็จับได้แต่อากาศธาตุ
ด้วยความงงงวย ฉันกลับไปที่เตียง และเขาก็ไม่กลับมาอีก แต่ฉันก็นอนหลับต่ออีกไม่ได้
วันต่อมา หลังมิสซา ฉันไปพบคุณพ่อจิตตาธิการ เล่าให้ท่านฟังทุกอย่าง ท่านบอกว่า
"ถ้าเกิดเรื่องเช่นนี้ พ่อจะไม่ถามว่า คุณเป็นใคร? แต่จะถามว่า คุณต้องการอะไรจากฉัน?"
          คืนต่อมาคนนั้นกลับมา เป็นคนเดียวกัน ฉันก็ถามว่า "คุณต้องการอะไรจากฉัน?"
เขาตอบว่า "ขอมิสซาให้ผมสามมิสซา แล้วผมจะพ้นโทษในไฟชำระ!"
ดังนั้น ฉันคิดว่าคงเป็นวิญญาณในไฟชำระมาหา และพระสงฆ์ก็บอกเช่นนั้น ท่านเตือนดิฉันว่า
อย่าไล่วิญญาณที่น่าสงสารกลับไป แต่จงต้อนรับเขาด้วยใจกว้าง ไม่ว่าเขาจะขออะไร
หลังจากนั้นมีการมาเยือนอีกไหม?
มีค่ะ ตลอดเวลาหลายปี มี 3-4 วิญญาณที่มา ในต้นเดือนพฤศจิกายน หลังจากนั้นมีมากกว่า



ความลับน่าอัศจรรย์ของวิญญาณในไฟชำระ
ตอนที่ ( 6 )
 รอยแผลรัก
วิญญาณเหล่านี้ขออะไรจากคุณบ้าง?
ส่วนใหญ่เขาขอให้มีมิสซาอุทิศให้เขา และมีบางคนขอเพิ่มจากมิสซาด้วยการสวดสายประคำ
หนึ่งสาย หรือเดินรูป 14 ภาคหนึ่งครั้ง
มาถึงตอนนี้ก็มีคนถามว่า "ไฟชำระเป็นอะไรกันแน่?" ฉันก็ตอบว่ามันเป็นสิ่งประดิษฐ์อันแสน
อัศจรรย์ของพระเจ้า ฉันขอยกตัวอย่างตามแบบของฉันเองแบบนี้นะคะ สมมุติว่า วันหนึ่งประตูเปิดออก
มีคนคนหนึ่งปรากฏมา รูปร่างสวยงามที่สุดในโลก คุณคงจะพิศวงหลงใหลในคนนี้ที่สง่างามเจิดจ้า
และยิ่งกว่านั้นคนนั้นบอกว่าเขารักคุณมาก ซึ่งคุณไม่นึกฝันเลยว่าจะมีคนรักตนเช่นนี้ และคุณยังรู้สึก
ด้วยว่าเขาอยากได้ความรักจากคุณ อยากเป็นหนึ่งเดียวกับคุณ และไฟรักซึ่งกำลังเผาไหม้อยู่ในใจ
คุณนั้น ก็บังคับคุณให้โผเข้าสู่อ้อมแขนของเขา
แต่เดี๋ยวก่อน ในทันใดนั้น คุณก็พบความจริงว่า ตัวเองไม่ได้อาบน้ำอาบท่ามาหลายเดือนแล้ว
เหม็นสาบ สกปรก ผมเผ้ารุงรังเป็นมันเยิ้ม เสื้อผ้าก็เปรอะเปื้อนเลอะเทอะ ฯลฯ คุณจึงพูดกับตัวเองว่า
"ไม่ได้ล่ะ ฉันจะปรากฏตัวในสภาพเช่นนี้ไม่ดีแน่ ขอไปอาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาดก่อน แล้วจะรีบ
กลับมาทันที"
แต่ความรักซึ่งเกิดขึ้นในหัวใจของคุณนั้นรุนแรงมาก จนรู้สึกว่าการต้องไปอาบน้ำขัดสีฉวีวรรณ
ก่อนนั้นเป็นการนานเหลือทน และการต้องพรากจากกันแม้ไม่กี่นาที ก็เป็นดังแผลร้ายอำมหิตในดวงใจ
ของคุณที่กำลังร้อนกรุ่นด้วยไฟรักอยู่ในขณะนั้น นี่แหละคือ "บาดแผลแห่งรัก"
สำหรับวิญญาณในไฟชำระก็เช่นกัน การผัดผ่อนยืดเวลาไปหาพระเจ้า เพราะเห็นว่าตัวไม่สะอาด
บริสุทธิ์ แทนที่จะได้ตรงเข้า กอด จูบ พระองค์ทันที ก็ทำให้วิญญาณรู้สึกเช่นนี้ นี่แหละคือ แผลรักของ
วิญญาณ เวลานั้นคือการคอย หรือจะว่าเป็นความรู้สึกโหยหาคิดถึง (Nostalgia) เพราะรักก็ได้ ความ
ปรารถนาเร่าร้อนที่อยากพบพระเจ้าเร็วๆ นี้เอง มันเป็นไฟเผาผลาญที่ชำระสะสางวิญญาณของเราให้
สะอาดบริสุทธิ์ ไฟชำระเป็นสถานที่แห่งความปรารถนา เป็นที่แห่งความคลั่งรักพระเจ้า
ซึ่งตนได้รู้จักพระองค์ ได้เห็นพระองค์แล้ว แต่ยังไม่อาจร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ได้
บัดนี้ ดิฉันจะถามคุณมารีอาถึงปัญหาสำคัญๆ ดังนี้
คุณมารีอาคะ อย่างไรก็ตาม วิญญาณในไฟชำระทั้งๆ ที่ทรมาน แต่ยังมีความยินดีและความหวังใช่ไหม?
ใช่แล้ว! ไม่มีวิญญาณใดอยากออกจากไฟชำระเพื่อกลับมาอยู่ในโลกอีก พวกเขาได้มีความรู้เกินกว่า
ขอบเขตของพวกเราแล้ว พวกเขาไม่ปรารถนาที่จะมาอยู่ในความมืดของโลกอีกเลย
ในที่นี้ เราจะเห็นความต่างกันกับการทรมานบนโลกนี้ในไฟชำระ แม้วิญญาณจะเจ็บปวดอย่าง
มากมายก็ตาม เขาก็ยังมีความแน่ใจว่า เขากำลังจะได้อยู่กับพระเจ้านิจนิรันดร์ มันเป็นความแน่นอนที่
ไม่เปลี่ยนแปลง พวกเขามีความยินดีมากกว่าความเจ็บปวดที่ได้รับ ไม่มีอะไรบนโลกที่อาจทำให้เขา
อยากมาอยู่ที่โลกนี้อีก ซึ่งเป็นที่ที่ไม่แน่นอนสำหรับความรอด
คุณมารีคะ คุณบอกได้ไหมว่า เป็นพระเจ้าเองที่ส่งวิญญาณไปในไฟชำระหรือเขาตัดสินใจไปเอง?
วิญญาณตัดสินใจไปเอง เพื่อชำระตนให้บริสุทธิ์ก่อนจะเข้าไปอยู่ในสวรรค์
วิญญาณในไฟชำระผูกพันอย่างเหนียวแน่นกับน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้า พวกเขาชื่นชมในความดี
ปรารถนาในกิจการดีของเรา และพวกเขามีความรักมาก พวกเขารักพระเจ้าและรักพวกเราด้วย พวกเขา
รวมเป็นหนึ่งเดียวอย่างสมบูรณ์กับพระจิตเจ้า ผู้เป็นแสงสว่างของพระเจ้า
คุณมารีอาคะ ในเวลาตาย คนเราเห็นพระเจ้าด้วยความสว่างเต็มที่ หรือมองเห็นในสภาพสลัวๆ มัวๆ ?
ในสภาพสลัวๆ มัวๆ อยู่ แต่เวลาเดียวกัน ก็มีความสว่างไสวเพียงพอที่จะทำให้เขากระหายที่จะไปอยู่
กับพระองค์
ที่จริงความสว่างนี้ก็ยังเจิดจ้ายิ่งนักเมื่อเทียบกับความมืดมนของโลก! และยังไม่อาจหาสิ่งใดเทียบได้
กับความสว่างเต็มที่ที่วิญญาณจะรับรู้เมื่อเขาขึ้นสวรรค์ ในที่นี้เราอาจหมายถึง "ประสบการณ์เฉียดตาย"
ก็ได้ วิญญาณถูกดึงดูดจากแสงนี้ จนกระทั่งเขาแทบจะขาดใจตายถ้าหากต้องกลับมาในโลก
เมื่อได้รู้เห็นเช่นนี้แล้ว
โปรดติดตามตอนต่อไป

[rosa-lee]

ความลับน่าอัศจรรย์ของวิญญาณในไฟชำระ
ตอนที่ ( 7 )
 ความเมตตาและความรัก (Charity) ลบล้างบาปมากมาย A
คุณมารีอาคะ ช่วยบอกเราว่าแม่พระมีบทบาทอะไรกับวิญญาณในไฟชำระ?
พระแม่มาบรรเทาใจพวกเขาบ่อยๆ และบอกพวกเขาว่าพวกเขาได้ทำดีหลายอย่าง
แม่พระให้กำลังใจพวกเขา
มีวันไหนเป็นพิเศษบ้างที่แม่พระมาช่วยพวกเขา?
โดยมาก คือ วันคริสต์มาส วันนักบุญทั้งหลาย วันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ วันแม่พระรับเกียรติ
ยกขึ้นสวรรค์ และวันเสด็จขึ้นสวรรค์ของพระเยซูเจ้า
คุณมารีอาคะ ทำไมเขาจึงต้องไปไฟชำระ? บาปอะไรบ้างที่ทำให้ไปไฟชำระมากที่สุด?
บาปที่ขัดต่อความรักเมตตา ขัดกับการรักกันและกัน ใจแข็งกระด้างเกลียดชังกัน ความมุ่งร้าย
พูดให้ร้าย นินทา... เหล่านี้ทั้งหมด
การพูดจาร้ายกาจ และการนินทาเป็นบาปมลทินที่ร้ายกาจที่สุด ซึ่งต้องใช้เวลานาน
ในการชำระให้บริสุทธิ์หรือคะ?
ใช่แล้วค่ะ
ต่อไปนี้ คุณมารีอายกตัวอย่างหนึ่งให้เราฟัง ซึ่งติดใจเธอมากและดิฉันอยากจะแบ่งปัน
กับทุกท่าน เธอเคยถูกถามเพื่อค้นหาผู้หญิง และผู้ชายคนหนึ่งซึ่งอาจอยู่ในไฟชำระ ซึ่งยังความ
ประหลาดใจแก่ผู้ถามมาก เพราะผู้หญิงนั้นขึ้นสวรรค์ไปแล้ว ส่วนผู้ชายยังอยู่ในไฟชำระ ที่จริง
ผู้หญิงคนนี้เสียชีวิตทั้งๆ ที่ยังตกอยู่ในบาปทำแท้ง ในขณะที่ผู้ชายไปวัดบ่อยๆ
ดูเป็นคนน่าเคารพ และมีชีวิตที่ศรัทธาดี
         ดังนั้น คุณมารีอาจึงค้นหาข้อมูลมากขึ้นเพราะเธอคิดว่าเธออาจจะผิดพลาด แต่เปล่าเลย
มันเป็นเรื่องจริง พวกเขาตายในช่วงเวลาเดียวกัน แต่ผู้หญิงเป็นทุกข์ถึงบาปอย่างลึกซึ้ง และสุภาพ
ถ่อมตนมาก ในขณะที่ผู้ชายนั้นติเตียนวิพากษ์วิจารณ์ทุกคน เขาบ่นเสมอและพูดไม่ดีเกี่ยวกับคนอื่น
นี่แหละคือสาเหตุที่เขาต้องอยู่ในไฟชำระนานกว่า แล้วคุณมารีอาก็สรุปว่า
"เราต้องไม่ตัดสินคนแต่ภายนอก"
บาปอื่นที่ผิดต่อความรักเมตตา คือ การปฏิเสธคนที่เราไม่ชอบอย่างชัดเจน การปฏิเสธที่จะ
สร้างสันติของเรา การปฏิเสธการให้อภัยของเรา และเก็บความขมขื่นทั้งหมดไว้ในใจ
คุณมารีอายังอธิบายเรื่องนี้ด้วยอีกตัวอย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นอาหารใจแก่เรา มันเป็นเรื่องของ
ผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเธอรู้จักดีมาก ผู้หญิงคนนั้นตาย และอยู่ในไฟชำระที่ร้อนแรงที่สุดและโหดร้าย
ทรมานที่สุด และเมื่อเธอมาหาคุณมารีอา เธออธิบายว่าทำไม เธอบอกว่าเธอมีเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่ง
ระหว่างพวกเธอเกิดเป็นศัตรูกันอย่างรุนแรงโดยสาเหตุมาจากเธอเอง เธอเก็บความเป็นศัตรูไว้ปีแล้
วปีเล่า แม้มีหลายครั้งที่เพื่อนเธอจะมาขอคืนดี ขอปรับความเข้าใจด้วย แต่เธอก็ปฏิเสธทุกครั้ง
แม้เมื่อป่วยหนักจวนจะตายเธอก็ยังคงปิดใจ ปฏิเสธที่จะปรับความเข้าใจกับเพื่อนของเธอ
จนตายไปกับความโกรธนั้น
ดิฉันเชื่อว่าตัวอย่างนี้สำคัญมาก เกี่ยวกับความอาฆาตเคียดแค้นที่เก็บกดไว้ และคำพูดของเรา
ก็เหมือนกัน ที่สามารถทำลายล้างกันได้ เราอาจไม่สามารถยืนยันได้เลยว่า คำพูดที่รุนแรงหรือร้ายกาจ
จะสามารถฆ่าคนได้อย่างแท้จริงเพียงไร แต่ในทางกลับกัน คำพูดดีก็สามารถชุบชูจิตใจได้เช่นกัน
คุณพ่อสมชาย สลับเชื้อ ขอฝากข้อคิดถึงผลร้ายของการโกรธเรื่องหนึ่งว่า
เมื่อโกรธเขาจิตใจเรากลับเร่าร้อน แม้ยามนอนไม่หลับกระสับกระส่าย
คนที่เราโกรธเขาหลับสบาย ที่ไหนได้ตัวเราโดนเผาเอย
คุณมารีอา โปรดบอกพวกเราหน่อยว่า ใครคือผู้ที่มีโอกาสมากที่สุด ที่ได้ตรงไปสวรรค์ทันที?
ก็คนที่มีน้ำใจดีต่อทุกคน "ความรักลบล้างบาปมากมาย"
ใช่แล้ว นักบุญเปาโลบอกพวกเราแบบนี้! บนโลกนี้เรามีวิธีใดบ้างที่จะช่วยให้เราพ้นจากไฟชำระ
และตรงไปสวรรค์เลย?
เราต้องทำข้อตกลงที่เยี่ยมยอดกับวิญญาณในไฟชำระ เพื่อพวกเขาจะช่วยเรากลับคืนเมื่อเขาทำได้
พวกเราต้องมีความอ่อนน้อมถ่อมตนมาก นี่คืออาวุธที่สำคัญที่สุดในการต่อสู้ปีศาจ ความอ่อนน้อม
ถ่อมตน สามารถขับไล่ปีศาจไปได้ ฉันอดไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องจริงที่น่ารักมากของคุณพ่อแบร์ลีออช์
(ผู้เขียนหนังสือที่ดีเยี่ยมเกี่ยวกับเรื่องวิญญาณในไฟชำระ) เกี่ยวกับการช่วยวิญญาณในไฟชำระ
จนถึงผู้ที่ช่วยปลดปล่อยพวกเขาด้วยการสวดภาวนาและการอธิษฐาน ท่านพูดถึงเรื่องคนหนึ่งที่อุทิศตน
เป็นพิเศษเพื่อช่วยวิญญาณในไฟชำระไปจนตลอดชีวิตของเธอ ในเวลาที่เธอจะตาย เธอถูกโจมตี
อย่างรุนแรงจากปีศาจซึ่งเห็นว่าเธอกำลังจะหนีรอดไปจากมัน มันดูเหมือนว่าทางเข้าเหวนรกเปิดออก
เพื่อเธอ รายรอบเธอด้วยกองทัพจากนรก หญิงที่กำลังจะตายนั้นดิ้นรนอย่างสุดกำลังอยู่ชั่วครู่หนึ่ง
ทันใดนั้นที่ทางเข้าอพาร์ตเมนต์ของเธอ ก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งที่สว่างสุกใสสวยงามซึ่งตนไม่รู้จัก เข้ามา
ขับไล่ปีศาจไป แล้วตรงมาหาเธอที่เตียงนอน พูดกับเธออย่างให้กำลังใจ และปลอบโยนเธออย่าง
อ่อนหวานดุจเสียงสวรรค์ก่อนจะสิ้นลมหายใจ เธอร้องด้วยความยินดีว่า "พวกท่านเป็นใคร?
ได้โปรดบอกฉันว่าพวกท่านเป็นใคร จึงทำดีต่อฉันมากเช่นนี้?"
โปรดติดตามตอนต่อไป

[rosa-lee]

ความลับน่าอัศจรรย์ของวิญญาณในไฟชำระ
ตอนที่ (8)
 ความเมตตาและความรัก (Charity) ลบล้างบาปมากมาย B
          ผู้มาเยี่ยมที่ใจดีเหล่านั้นตอบว่า "พวกเราเป็นชาวสวรรค์ ซึ่งเธอเคยช่วยให้ได้ไปสวรรค์
และถึงคราวที่เรามาตอบแทนเธอด้วยความสำนึกในบุญคุณ เพื่อให้เข้าสู่ชีวิตนิรันดร และช่วย
ให้พ้นจากการทรมานที่นี่ นำพาเธอร่วมสู่ความชื่นชมยินดีในอาณาจักรสวรรค์"
พอได้ยินคำเหล่านี้ หญิงที่กำลังจะตายก็ยิ้ม หลับตาลง แล้วหลับไปในสันติสุขกับพระเจ้า
วิญญาณของเธอบริสุทธิ์เหมือนนกพิราบมอบถวายแด่พระเจ้า มีผู้ปกป้องและสนับสนุนเธอมากมาย
เท่ากับดวงวิญญาณที่เธอเคยช่วยปลดปล่อย รับรองเธอว่าสมที่จะได้รับสิริมงคลนิรันดร และสมควร
เข้าสู่พระราชัย ท่ามกลางการชื่นชมสรรเสริญ และอวยพรจากบรรดาผู้ที่เธอเคยช่วยให้พ้นจาก
ไฟชำระ ขอให้เราได้มีโชคดีเหมือนเธอเช่นนั้นสักวันเถอะ
วิญญาณที่เราเคยช่วยโดยการภาวนานั้นเป็นผู้กตัญญูรู้คุณเรามาก พวกเขาช่วยเราในชีวิต
ประจำวัน ซึ่งเราสามารถรับรู้ได้ ฉันขอรับรองอย่างหนักแน่นว่าคุณจะมีประสบการณ์เช่นนี้ด้วยตัว
คุณเอง พวกเขาช่วยเราจริงๆ รู้ความต้องการของเรา และขอพระหรรษทานต่างๆ ให้แก่เรา
คุณมารีอาคะ ฉันคิดถึงโจรกลับใจซึ่งถูกตรึงอยู่ข้างๆ พระเยซูบนกางเขน อยากรู้เหลือเกินว่า
เขาได้ทำอะไร พระเยซูจึงได้สัญญาในวันนั้นเองว่า เขาจะได้เข้าสู่พระราชัยสวรรค์กับพระองค์?
เขายอมรับความทรมานด้วยความสุภาพถ่อมตน และพูดออกมาว่ามันยุติธรรมแล้วในโทษ
ที่ได้รับ และเขายังได้เตือนโจรอีกคนหนึ่งให้ยอมรับโทษของตนด้วย เขาได้มีความยำเกรงพระเจ้า
นั่นหมายถึงความสุภาพถ่อมตนนั่นเอง
อีกตัวอย่างที่งดงาม จาก คุณมารีอา ซิมมา ได้แสดงว่าการกระทำดีช่วยชีวิตของคนบาปได้อย่างไร?
มาฟังจากคุณมารีอากัน
"ฉันรู้จักหนุ่มคนหนึ่ง อายุราวๆ 20 ปี อยู่ในหมู่บ้านใกล้ๆ นี้ หนุ่มคนนี้ถูกขยี้อย่างรุนแรงจาก
หิมะถล่มที่ไหลลงมาจากภูเขา ซึ่งได้ฆ่าคนไปหลายคน คืนหนึ่งเขาอยู่ในบ้านกับพ่อแม่ เมื่อเขาได้ยินเสียง
หิมะถล่มลงมากระแทกบ้านที่อยู่ข้างบ้านของเขา เขาได้ยินเสียงกรีดร้อง ครวญครางอย่างน่าสยองว่า
"ช่วยพวกเราด้วย มาช่วยพวกเราด้วย พวกเราติดอยู่ใต้น้ำแข็งนี้" เขากระโดดขึ้นจากเตียง รีบลงบันได
เพื่อไปช่วยคนเหล่านั้น มารดาของเขาได้ยินเสียงร้องเหมือนกันและห้ามเขามิให้ลงไป เธอขวางประตูไว้
พูดว่า "ไม่! ปล่อยให้คนอื่นไปช่วยพวกเขาเถอะ ไม่ใช่พวกเรา! ข้างนอกนั้นอันตรายมาก แม่ไม่อยากให้
ลูกตายไปด้วยอีกคน" แต่เนื่องจากเขาสะเทือนใจมากจากเสียงกรีดร้องนั้น อยากจะไปช่วยผู้เคราะห์ร้าย
จริงๆ เขาผลักแม่ไปอีกทางหนึ่ง พูดกับแม่ว่า "ผมจะไป ผมไม่สามารถปล่อยให้พวกเขาตายเช่นนี้"
เขาวิ่งออกไปที่ถนน แล้วถูกหิมะถล่มกระแทกใส่จนตาย
สามวันหลังจากที่เขาตาย เขามาเยี่ยมฉันเวลากลางคืนแล้วพูดว่า "ขอมิสซาให้ผมสามมิสซา
ด้วยวิธีนี้ ผมจะพ้นจากไฟชำระ" ฉันไปบอกครอบครัวและเพื่อนๆ ของเขา พวกเขาแปลกใจมากที่
ทราบว่าเพียงสาม มิสซาเท่านั้น เขาก็จะพ้นจากไฟชำระ เพื่อนคนหนึ่งของเขาพูดว่า "โอ ผมไม่อยาก
อยู่ที่เช่นนั้นเวลาตาย ถ้าคุณได้เห็นสิ่งไม่ดีต่างๆ ที่เขาทำ" แต่หนุ่มคนนี้ได้พูดกับฉันว่า
"คุณเห็นไหม? ผมได้แสดงความรักที่บริสุทธิ์ใจในการเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยคนเหล่านั้น เพราะเหตุนี้
พระเจ้าจึงทรงต้อนรับผมอย่างรวดเร็วให้เข้าสู่อาณาจักรสวรรค์ของพระองค์ ใช่แล้ว ความรักเมตตา
ลบล้างบาปมากมาย"
เรื่องนี้แสดงถึงความรักเมตตา ด้วยเมตตาจิตเพียงครั้งเดียวซึ่งแสดงออกโดยเต็มใจ ก็เพียงพอ
ที่จะชำระวิญญาณของหนุ่มเสเพลคนนี้ให้บริสุทธิ์ และพระเจ้าก็ตอบแทนความรักแก่เขา ที่จริง คุณมารีอา
ได้กล่าวแถมท้ายว่า หนุ่มคนนี้คงไม่มีโอกาสแสดงความรักยิ่งใหญ่เช่นนี้อีก และอาจเป็นคนเลวต่อไป
พระผู้ทรงเมตตาได้มารับเขาในช่วงเวลาที่ฝ่าอันตรายไปช่วยคนอื่น ซึ่งเป็นการแสดงความรักที่สวยงาม
บริสุทธิ์ใจจริงๆ มันเป็นสิ่งสำคัญมาก ที่ในเวลาใกล้จะตายถ้าเรายินยอมถวายชีวิตตนเองตามน้ำพระทัย
พระเป็นเจ้า คุณมารีอาได้เล่าให้ดิฉันฟังถึงกรณีแม่ลูกสี่คนหนึ่ง ซึ่งกำลังจะตาย แทนที่จะเสียใจและบ่นด่า
แช่งพระเจ้า เธอพูดกับพระเจ้าว่า "ฉันขอรับความตายตามน้ำพระทัยพระองค์ ขอมอบชีวิตไว้ในพระหัตถ์
ของพระองค์ ขอมอบลูกทั้งสี่คนให้พระองค์ ดิฉันรู้ว่าพระองค์จะทรงดูแลพวกเขา"
คุณมารีอากล่าวว่า เพราะเธอไว้วางใจพระเจ้าอย่างสุดใจ เธอตรงไปสวรค์ทันทีโดยไม่ผ่านไฟชำระ
ฉะนั้น เราสามารถพูดได้ว่า ความรัก ความสุภาพ การยินยอมตามน้ำพระทัยของพระเจ้า เป็นกุญแจทอง
สามดอกซึ่งจะพาให้เราตรงไปสวรรค์
โปรดติดตามตอนต่อไป

[rosa-lee]

ความลับน่าอัศจรรย์ของวิญญาณในไฟชำระ
ตอนที่ (9)
 การถวายหนึ่งมิสซาเพื่อพวกเขา
คุณมารีอาคะ ช่วยบอกพวกเราได้ไหมว่าอะไรมีผลช่วยปลดปล่อยวิญญาณในไฟชำระได้มากที่สุด?
สิ่งที่ได้ผลมากที่สุด คือการขอมิสซาอุทิศให้
ทำไมจึงเป็นมิสซาคะ?
เพราะเป็นพระคริสต์เอง ได้มอบตัวพระองค์เองแก่เราด้วยความรัก เป็นการถวายตัวพระคริสต์เอง
แด่พระเจ้า ซึ่งเป็นการถวายที่งดงามที่สุด พระสงฆ์เป็นผู้แทน แต่เป็นพระเจ้าเองที่ถวายตัวพระองค์เอ
งเป็นยัญบูชาเพื่อเรา ประสิทธิภาพของมิสซาสำหรับผู้ตายนั้น จะยิ่งสูงค่าสำหรับผู้ที่ไปร่วมมิสซา
โดยความตั้งใจในขณะที่มีชีวิตอยู่ ถ้าเขาตั้งใจร่วมมิสซาและสวดภาวนาด้วยหัวใจ ถ้าเราไปร่วม
มิสซาทุกวันเท่าที่มีโอกาส พวกเขาจะได้รับผลอย่างมากมายจากมิสซาที่อุทิศแด่ดวงวิญญาณของ
พวกเขา นั่นคือ เราแต่ละคนย่อมเก็บเกี่ยวผลที่เราได้หว่านไว้ วิญญาณในไฟชำระมองเห็นได้อย่าง
ชัดเจนในวันฝังศพ ว่าเราสวดภาวนาให้เขาจริงๆ หรือเพียงแค่แสดงให้เห็นว่า เราไปอยู่ร่วมงานเฉยๆ
วิญญาณที่น่าสงสารบอกว่าน้ำตาไม่มีประโยชน์อะไรกับพวกเขา มีแต่การสวดภาวนาเท่านั้นที่ช่วย
เขาได้ บ่อยๆ ที่พวกเขาจะบ่นว่าพวกเราไปร่วมงานศพโดยไม่สวดให้เขาแม้สักบท แต่หลั่งน้ำตา
หลายแก้วทีเดียว ซึ่งไม่มีประโยชน์อะไรเลย เกี่ยวกับเรื่องมิสซา ฉันขออ้างตัวอย่างที่งดงามของท่าน
นักบุญยอห์น มารีย์ เวียนเนย์ ที่เล่าให้สัตบุรุษฟังว่า
"ลูกที่รัก พระสงฆ์ที่ดีคนหนึ่งเสียใจมากที่เขาเสียเพื่อนรักไปคนหนึ่ง ดังนั้น ท่านจึงสวดภาวนา
ให้เขาอย่างมาก วันหนึ่งพระเจ้าไขแสดงให้ท่านรู้ว่าเพื่อนของท่านทรมานมากในไฟชำระ พระสงฆ์
ผู้ศักดิ์สิทธิ์เชื่อว่า เขาสามารถไม่ทำอะไรได้ดีไปกว่าการถวายยัญบูชาศักดิ์สิทธิ์ในพิธีบูชามิสซาเพื่อ
อุทิศให้เพื่อนที่ เสียชีวิตของท่าน เมื่อถึงตอนเสกศีล ท่านชูแผ่นศีลขึ้นและพูดว่า "พระบิดานิรันดรผู้
ศักดิ์สิทธิ์ เรามาแลก เปลี่ยนกันเถอะ พระองค์ทรงจับวิญญาณของเพื่อนผมซึ่งอยู่ในไฟชำระไว้ และ
ลูกจับพระกายของพระบุตร ของพระองค์ไว้ในมือ โอ... พระบิดาผู้เมตตาและแสนดี ปล่อยเพื่อน
ของผมเถอะ และลูกจะถวายพระบุตร ของพระองค์ อาศัยผลบุญทั้งหมดของการสิ้นพระชนม์
และพระมหาทรมานของพระเยซูเจ้า"
การขอร้องนั้นได้รับคำตอบ ที่จริงในเวลาที่ท่านชูศีล ท่านเห็นวิญญาณของเพื่อนส่งรัศมีรุ่งโรจน์
และขึ้นสู่สวรรค์ พระเจ้าทรงยอมรับข้อต่อรองของท่าน "ลูกที่รัก เมื่อเราอยากช่วยวิญญาณของผู้เป็นที่รัก
ให้พ้นไฟชำระ ขอให้ทำเช่นเดียวกันเถอะ ให้เราถวายพระเจ้าผ่านยัญบูชาศักดิ์สิทธิ์ของพระบุตรของ
พระองค์ ด้วยผลแห่งการสิ้นพระชนม์ และพระมหาทรมานของพระเยซูเจ้า พระบิดาจะไม่ทรงปฏิเสธเราเลย"


ความลับน่าอัศจรรย์ของวิญญาณในไฟชำระ
ตอนที่ ( 10 )
 อย่าทำให้การทรมานในโลกนี้ของเราสูญเปล่า!
          มีอีกสิ่งที่ทรงพลังมากสามารถช่วยเหล่าวิญญาณที่น่าสงสารคือ การถวายความทุกข์ยาก
ของเรา การพลีกรรม เช่น การจำศีล การตัดสละน้ำใจของเรา ฯลฯ ทั้งนี้รวมทั้งการทรมานที่เรา
ไม่เต็มใจเท่าไรด้วย เช่น การเจ็บป่วย และการร้องไห้เศร้าโศก
คุณมารีอาคะ หลายครั้งที่คุณถูกขอร้องให้ทนทรมานจากวิญญาณที่น่าสงสารเพื่อปลดปล่อย
พวกเขา ช่วยบอกเราได้ไหมคะ ว่าคุณมีประสบการณ์อย่างไร และทำอย่างไรบ้าง?
ครั้งแรก วิญญาณหนึ่งถามฉันว่าจะรังเกียจไหม ถ้าฉันต้องทนเจ็บปวดในร่างกายเป็นเวลา
สามชั่วโมงเพื่อเธอ และหลังจากนั้นฉันก็จะทำงานของฉันต่อได้ ฉันพูดกับตัวเองว่า "ถ้าเพียงแต่สาม
ชั่วโมงฉันสามารถรับได้" ระหว่างสามชั่วโมงนั้นฉันรู้สึกนานเท่าสามวัน และเจ็บปวดเป็นอย่างมาก
แต่สุดท้ายฉันมองดูที่นาฬิกาก็เห็นว่ามันผ่านไปเพียงสามชั่วโมงเท่านั้น วิญญาณนั้นบอกฉันว่าโดย
การรับทนทรมานด้วยความรักเพียงสามชั่วโมง ฉันช่วยลดเวลาในไฟชำระให้เธอได้ถึง 20 ปี
ใช่แล้ว แต่ทำไมด้วยการรับทรมานเพียงสามชั่วโมงสามารถแลกเวลาในไฟชำระได้ถึง 20 ปี
คุณเจ็บปวดทรมานอย่างไรจึงมีค่าถึงขนาดนั้น?
มันเป็นเพราะการทรมานบนโลกมีค่าไม่เหมือนกับในไฟชำระ บนโลก เมื่อเราทรมาน เราสามารถ
ทำด้วยความรัก เราสามารถได้บุญกุศล ซึ่งไม่เหมือนกับการทรมานในไฟชำระ ในไฟชำระ การทรมาน
ช่วยเราเพียงชำระเราให้สะอาดจากบาป บนโลก เรารับพระหรรษทานทั้งหมดได้ เรามีเสรีภาพที่จะเลือก
เอาเรื่องนี้ ทำให้เรามีกำลังใจมากที่จะทนความยากลำบากแม้เล็กๆ น้อยๆ หรือจะเป็นการเจ็บป่วยก็ตาม
การทรมานเล็กๆ น้อยๆ ของเรา ถ้าเราพลีกรรมด้วยความอดทน ถ้าเราน้อมรับการพลีกรรมอย่างสุภาพ
การพลีกรรมนี้สามารถมีพลังมากอย่างคาดไม่ถึงเพื่อช่วยวิญญาณทั้งหลาย
คุณมารีอาบอกว่า สิ่งที่ดีที่สุดคือ ให้เรารวมการทรมานของเราเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับพระเยซูเจ้า
โดยฝากไว้ในอ้อมพระหัตถ์ของแม่พระ พระนางเป็นผู้ที่รู้ดีที่สุดว่าจะใช้ผลของการพลีกรรมอย่างไร
เพราะบ่อยครั้งที่ตัวเราเองไม่รู้ว่ารอบๆ ตัวเรานี้อะไรเป็นความต้องการที่จำเป็นมากที่สุด ทั้งหมดนี้ แน่นอนว่า
แม่พระจะคืนมาให้แก่เราเมื่อในวาระใกล้จะตาย คุณเห็นไหมว่า การทรมานที่เรามอบถวายนี้เป็นสมบัติล้ำค่า
ในโลกหน้า เราควรเตือนซึ่งกันและกันถึงเรื่องนี้ และให้กำลังใจซึ่งกันและกันเมื่อเราเกิดมีความทุกข์ยาก

โปรดติดตามตอนต่อไป

[rosa-lee]

ความลับน่าอัศจรรย์ของวิญญาณในไฟชำระ
ตอนที่ ( 11 )
 อย่าละเลยการสวดภาวนาต่างๆ A
          คุณมารีอาได้บอกเราว่าอีกสิ่งที่มีผลอย่างมาก คือ การเดินรูปสิบสี่ภาค เพราะโดยการรำพึง
ถึงการทรมานของพระเยซูเจ้า ทำให้เราเริ่มเกลียดบาปทีละเล็กทีละน้อย และกระหายความรอด
ของทุกๆ คน การโน้มเอียงของจิตใจเราเช่นนี้ นำการช่วยเหลือมาให้วิญญาณในไฟชำระอย่างมาก
การเดินรูปนี้ยังชวนเราให้เป็นทุกข์ถึงบาป เราเริ่มเป็นทุกข์เมื่อเราเผชิญหน้ากับบาป อีกสิ่งหนึ่งที่
ช่วยวิญญาณในไฟชำระได้มากก็คือ การสวดสายประคำ สวดทั้ง 15 ข้อรำพึง (ครบ 3 สาย) สำหรับ
ผู้ตาย โดยการสวดสายประคำนี้วิญญาณหลายดวงรอดพ้นจากไฟชำระ ในแต่ละปีเราต้องบอกว่า
เป็นพระมารดาพระเจ้าเองที่ลงมายังไฟชำระ เพื่อช่วยนำพวกเขาขึ้นสวรรค์ นี่เป็นสิ่งที่สวยงามที่สุด
เพราะเหล่าวิญญาณทั้งหลายในไฟชำระเรียกพระนางว่า "พระมารดาแห่งพระเมตตา"
วิญญาณต่างๆ ยังบอกคุณมารีอาด้วยว่า พระคุณการุณย์ก็ช่วยได้มาก หลายครั้งดูก็เป็นการ
ใจดำ เมื่อเรามีโอกาสรับพระคุณนี่เพื่อผลประโยชน์ของวิญญาณทั้งหลาย แต่เราก็เฉยเมย การอธิบาย
เรื่องนี้จะยาวไปหน่อย ดิฉันขอยกเอาข้อความที่ยอดเยี่ยมของ พระสันตะปาปาเปาโลที่ 6 ในปี ค.ศ 1968
ฉะนั้น เราจึงกล้ากล่าวได้เต็มปากว่า อุปกรณ์ที่ดีที่สุดในการช่วยวิญญาณในไฟชำระก็คือ การสวด
ภาวนาทั่วๆ ไป กล่าวคือการสวดทุกชนิดนั่นเอง ที่นี้ดิฉันอยากขอยกคำให้การของนายเฮอร์มันน์ โกเฮ็น
(Hermann Cohen) ศิลปินชาวยิวซึ่งกลับใจมาเป็นคาทอลิกในปี 1864 และมีความเคารพต่อศีลมหาสนิท
มาก ท่านสละทางโลกไปเข้าอารามนักพรต ท่านกราบไหว้เทิดทูนศีลมหาสนิทด้วยความเคารพบ่อยๆ
ระหว่าง การนมัสการของท่าน ท่านจะขอพระเยซูเจ้าโปรดให้มารดาของท่านที่ท่านรักมากได้กลับใจ
          แต่ที่สุดมารดาก็ตายลงโดยไม่ได้กลับใจ ดังนั้น เฮอร์มันน์ผู้ป่วยเพราะความเสียใจก็กราบลงต่อ
หน้าศีลมหาสนิท และสวดด้วยความตรอมใจว่า "พระเจ้าข้า ผมเป็นหนี้พระองค์ทุกสิ่งก็จริง แต่ผมได้
ปฏิเสธอะไรพระองค์บ้าง? ความหนุ่มของผม ความหวังในโลกของผม ความสะดวกสบาย ความสุขใน
ครอบครัว การพักผ่อน การเสียสละทั้งหมดทันทีที่พระองค์ทรงเรียกผม ส่วนพระองค์ผู้พระทัยดีนี้เล่า
ผู้เคยสัญญาว่าจะตอบแทนร้อยเท่า พระองค์ได้ปฏิเสธวิญญาณของแม่ผม โอ พระเจ้า ผมยอมตายเป็น
มรณสักขี ผมจะหยุดบ่นแล้ว" ท่านรำพันความเศร้าใจอย่างน่าสงสาร ทันใดนั้น มีเสียงลึกลับแว่วที่หูท่านว่า
"เจ้าคนความเชื่อน้อย! แม่ของเจ้ารอดแล้ว จงรู้ไว้ด้วยว่าคำภาวนามีพลังมากต่อหน้าเรา เราได้
รวบรวมคำภาวนาทั้งหมดของเจ้าที่ขอให้กับแม่ของเจ้า และพระญาณเอื้ออาทรของเราได้ตรวจสอบบัญชี
ของนางอย่างดีในชั่วโมงสุดท้าย ในเวลาที่นางสิ้นลมหายใจ เราได้มาหานาง และนางได้เห็นเรา และร้องว่า
          "พระเจ้าของข้าพเจ้า และองค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า!" จงดีใจเถอะ แม่ของเจ้าพ้นจากการตกนรกแล้ว
และการสวดภาวนาที่ร้อนรนจะช่วยเธอพ้นจากไฟชำระไม่ช้านี้"
และเราทราบภายหลังโดยการประจักษ์ครั้งที่สองว่า มารดาของคุณพ่อเฮอร์มันน์ขึ้นสวรรค์แล้ว
ดิฉันขอเสนอแนะอย่างจริงจังถึงบทสวดของนักบุญบริจิต ซึ่งอุทิศเพื่อวิญญาณที่น่าสงสาร ดิฉันขอย้ำ
อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญมาก วิญญาณในในไฟชำระไม่สามารถช่วยตัวเองได้ พวกเขาหมดหนทางอย่างสิ้นเชิง
ถ้าพวกเราที่มีชีวิตไม่สวดเพื่อพวกเขา พวกเขาก็จะถูกทิ้งให้ทรมานจนสิ้นโลก ฉะนั้น มันสำคัญมากที่เรา
ต้องเชื่อว่าคำภาวนามีพลังมากมายมหาศาล พลังอันเหลือเชื่อที่อยู่ในมือของเราแต่ละคนสามารถช่วยเหล่า
วิญญาณ ที่ทรมานได้
เราคงไม่ต้องคิดถึงสองรอบเพื่อจะเข้าไปช่วยเด็กที่ตกต้นไม้ขาหักที่อยู่ตรงหน้าเรา แน่นอนว่าเรา
จะทำทุกอย่างเพื่อช่วยเขา ดังนั้น เช่นเดียวกันสำหรับวิญญาณเหล่านี้ผู้ซึ่งรอทุกอย่างจากเรา ตั้งอกตั้งใจ
รอคอยแม้เพียงการพลีกรรมที่เล็กน้อยที่สุด หวังเพียงอย่างน้อยที่สุดแค่การสวดภาวนาของเรา เพื่อปลด
ปล่อยพวกเขาจากความทรมาน และนี่คือวิธีที่ดีที่สุดในการปฏิบัติเมตตากิจ ดิฉันคิดว่าตัวอย่างเช่น เรื่อง
ในพระวรสารเรื่องชาวสะมาเรียผู้ใจดีที่ช่วยคนใกล้ตายที่ถูกทำร้ายบาดแผลเต็มตัว เลือดไหลโทรมกาย
อยู่ที่ข้างถนน ชายคนนี้แสดงให้เห็นถึงจิตใจที่ดีของผู้ที่เดินทางผ่านมา ซึ่งคงสะกิดใจเราอย่างดี
เมื่อคิดถึงภาพของวิญญาณในไฟชำระ เขากำลังรอเรา รอแล้ว รอเล่า!

โปรดติดตามตอนต่อไป

[rosa-lee]

ความลับน่าอัศจรรย์ของวิญญาณในไฟชำระ
ตอนที่ ( 12 )
 อย่าละเลยการสวดภาวนาต่างๆ B

คุณมารีอาคะ ทำไมผู้ที่อยู่ในไฟชำระไม่สามารถสร้างบุญอะไรได้อีก แต่คนที่อยู่บนโลกทำได้?
เพราะเมื่อเขาตาย เวลาที่จะสร้างบุญกุศลได้หมดลงแล้ว เนื่องจากตลอดเวลาที่เรามีชีวิตบนโลก
เราสามารถชดเชยความชั่วที่เราได้ทำ วิญญาณในไฟชำระอิจฉาเรามากที่มีโอกาสนี้ แม้แต่เทวดาก็
อิจฉาพวกเรา เพราะพวกเราสามารถเพิ่มพูนฤทธิ์กุศลได้ตราบเท่าที่เรายังอยู่บนโลกนี้
แต่บ่อยครั้ง ความทุกข์ยากในชีวิตทำให้เราคิดกบฏ และเราก็ลำบากมากในการยอมรับและ
ใช้ชีวิตในความความยากลำบากนั้น เราจะทนความยากลำบากอย่างไรจึงจะเกิดผลดีต่อเรา? การรับ
ทรมาน เป็นเครื่องพิสูจน์ที่ยิ่งใหญ่ถึงความรักของเราที่มีต่อพระเจ้า และถ้าเรายกถวายมันแก่พระเจ้า
อย่างดี มันก็ช่วยวิญญาณได้มาก แต่เราจะสามารถรับความทรมานอย่างดีเสมือนเป็นของขวัญ และ
มิใช่การลงโทษ (ซึ่งเรามักกระทำบ่อยๆ) ได้อย่างไร? เราต้องถวายทุกอย่างแก่แม่พระ พระแม่ทราบดีว่า
ใครต้องการอะไร และการถวายเช่นนี้เป็นทางที่ดีมากสำหรับความรอด
พูดเรื่องการทรมานแล้ว ดิฉันก็อยากเล่าคำพยานที่ไม่ธรรมดาซึ่งคุณมารีอาได้เล่าให้เราฟัง มันเป็น
ปี 1954 เมื่อเกิดหิมะมฤตยูถล่มอย่างต่อเนื่องที่หมู่บ้านใกล้ๆ กับหมู่บ้านของเธอ เมื่อเกิดหิมะถล่มขึ้นอีก
แต่มันถูกหยุดโดยวิธีการน่าอัศจรรย์ทีเดียว โดยถูกหยุดก่อนจะถึงหมู่บ้านนั้นเอง ดังนั้น หมู่บ้านจึงไม่ถูก
ทำลาย เหล่าวิญญาณได้อธิบายว่า ในหมู่บ้านนี้มีผู้หญิงคนหนึ่งได้ตายเพราะการป่วยไข้ และได้รับการดู
แลรักษาไม่เพียงพอ เธอทนทรมานอยู่ 30 ปี และเธอได้ถวายการเจ็บป่วยนี้แก่พระเป็นเจ้าเพื่อความ
ปลอดภัยของหมู่บ้านของเธอ เหล่าวิญญาณอธิบายให้คุณมารีอาฟังว่า ต้องขอบคุณการถวายความ
เจ็บป่วยของ ผู้หญิงคนนี้ หมู่บ้านจึงปลอดภัยจากหิมะถล่ม
         เธอได้อดทนการเจ็บป่วยด้วยความเพียรอดทน คุณมารีอาบอกเราว่า หากเธอมีสุขภาพดี ทั้งหมู่บ้าน
ก็คงไม่พ้นจากความพินาศนี้ เธอบอกว่าการที่รับทรมานด้วยความเพียรอดทน ได้ช่วยวิญญาณมากมาย
ยิ่งกว่าการภาวนาเสียอีก (แต่การภาวนาช่วยเราให้มีความอดทนต่อการเจ็บป่วยทรมาน)
เราไม่ควรคิดว่าการเจ็บป่วยทรมานเป็นการลงโทษจากพระเจ้า เราสามารถน้อมรับเพื่อใช้โทษบาป
ไม่ใช่เฉพาะของเราเอง แต่เพื่อคนอื่นด้วย พระเยซูเจ้าเป็นผู้บริสุทธิ์ไม่มีบาป แต่พระองค์ยังรับทนทรมาน
เพื่อชดใช้บาปของเรา ในสวรรค์เท่านั้นที่เราจะรู้ว่าการทรมานของเราร่วมกับพระคริสตเจ้า เกิดดอกออกผล
แก่วิญญาณเพียงใด
คุณมารีอาคะ วิญญาณในไฟชำระโกรธแค้นไหม เมื่อต้องทรมานใช้โทษในนั้น?
เปล่าเลยค่ะ พวกเขาก็ต้องการชำระตนให้บริสุทธิ์ พวกเขาเข้าใจดีว่าจำเป็นต้องทำเช่นนี้
ณ เวลาใกล้จะตาย การเป็นทุกข์ถึงบาปมีบทบาทอะไรคะ?
การเป็นทุกข์ถึงบาปนั้นสำคัญมาก บาปได้รับการอภัยในทุกๆ กรณี แต่ก็ยังคงเหลือผลของบาปอยู่
ถ้าใครอยากรับพระคุณการุณย์ (Indulgence) เต็มที่ ณ วาระใกล้จะตาย ซึ่งหมายถึงการตรงไปสวรรค์
เลยนั้น วิญญาณนั้นต้องไม่มีมลทินบาปใดเหลืออยู่เลย
ต่อไปนี้ ดิฉันจะแบ่งปันเรื่องที่มีความสำคัญซึ่งคุณมารีอาได้เล่าให้ฟัง เป็นเรื่องน่าสนใจมาก เธอ
ถูกขอร้องให้ค้นดูว่าผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งญาติของเขาเชื่อว่าตกนรกไปแล้ว เพราะเธอมีชีวิตที่เสเพล เธอ
ประสบอุบัติเหตุ เธอตกจากรถไฟและเสียชีวิตลง วิญญาณหนึ่งได้บอกคุณมารีอาว่า ผู้หญิงคนนี้รอดแล้ว
รอดจากนรกเพราะเวลาใกล้จะตาย เธอพูดกับพระเจ้าว่า "พระองค์ทำถูกแล้วที่มาเอาชีวิตของฉัน เพราะ
โดยการทำเช่นนี้ ฉันไม่สามารถทำผิดต่อพระองค์ได้อีก" การพูดเช่นนี้ได้ลบล้างบาปต่างๆ ของเธอจนหมดสิ้น
ตัวอย่างนี้สำคัญมาก เพราะมันแสดงว่าในชั่วไม่กี่วินาทีที่ใครคนหนึ่งแสดงความสุภาพ และเป็นทุกข์ถึงบาป
อย่างแท้จริง ณ เวลาใกล้จะตายสามารถช่วยให้รอดได้ แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเธอไม่ต้องไปไฟชำระ
เธอเพียงแต่พ้นจากนรก ซึ่งเธอควรไปตามความประพฤติไม่ดีของเธอ
คุณมารีอาคะ ดิฉันอยากถามคุณว่า เวลาใกล้จะตายนั้นยังมีเวลาพอที่วิญญาณจะขอโทษพระเจ้าไหม
หลังจากที่มีชีวิตตกอยู่ในบาปมาตลอด ก่อนที่จะเข้าสู่ชีวิตหลังความตายซึ่งจะเป็นนิรันดร เวลาหนึ่งซึ่ง
อยู่ระหว่างเวลาที่ดูเหมือนตาย กับตายจริง?
ค่ะ ใช่แล้ว พระเจ้าได้ให้เวลาเราหลายนาทีเพื่อเป็นทุกข์ถึงบาป และให้เราตัดสินใจว่า "ฉันรับหรือ
ไม่รับการพบพระเจ้า" ที่นั่น เราเห็นภาพชีวิตของเราแวบหนึ่ง ฉันรู้จักชายคนหนึ่งซึ่งเชื่อในคำสอนของ
พระศาสนจักร แต่ไม่เชื่อในชีวิตนิรันดร วันหนึ่งเขาป่วยหนักและอยู่ในสภาพโคม่า เขาเห็นตัวเองเข้าไป
ในห้องหนึ่ง มีกระดานเขียนการกระทำต่างๆของเขาไว้หมด ทั้งดีและไม่ดี ครู่หนึ่งกระดานนั้นก็หายไป
รวมทั้งกำแพงห้อง และเขาตื่นขึ้นจากอาการโคม่าและตัดสินใจเปลี่ยนชีวิต
เรื่องนี้คล้ายกันมากกับคำอ้างของเรื่อง "ประสบการณ์ใกล้ตาย" เป็นประสบการณ์ของแสง
เหนือธรรมชาติ ซึ่งเป็นแสงที่เจิดจ้ามาก เป็นแสงที่ทำให้ผู้ที่เห็นไม่อยากมีชีวิตแบบที่ผ่านมา

โปรดติดตามตอนต่อไป

[rosa-lee]

ความลับน่าอัศจรรย์ของวิญญาณในไฟชำระ
ตอนที่ ( 13 )
 อย่าละเลยการสวดภาวนาต่างๆ C

คุณมารีอาคะ เวลาจวนจะตายพระเจ้าทรงเปิดเผยพระองค์เองแก่วิญญาณ ด้วยความแจ่มชัด
เท่ากันทุกวิญญาณไหม?
ทุกคนได้รับความรู้ถึงชีวิตของตน และการทรมานที่ตนจะมาถึง แต่ไม่เท่ากันในทุกคน ความเข้ม
- แจ่มชัด ของการเปิดเผยของพระองค์นี้ขึ้นอยู่กับชีวิตของเราแต่ละคน
คุณมารีอาคะ ปีศาจได้รับอนุญาตให้โจมตี (ล่อลวง) เราเวลาใกล้จะตายไหม?
ใช่แล้วค่ะ แต่เราทุกคนได้รับพระหรรษทานให้ต่อต้านมันและไล่มันไปได้ ดังนั้น ถ้าเราไม่สนใจมัน
มันก็ทำอะไรเราไม่ได้
คนที่กำลังจะตาย ควรมีท่าที (ทัศนคติ) อย่างไร? และเราจะช่วยเขาได้อย่างไร?
ให้สวดภาวนามากๆ เตรียมตัวเขาให้เผชิญความตาย เราต้องพูดความจริงแก่เขา
คุณมารีอาคะ คุณมีคำแนะนำอะไรสำหรับผู้ต้องการจะเป็นนักบุญบนโลกนี้?
ต้องเป็นคนสุภาพมากๆ เราต้องไม่ยึดมั่นถือมั่นตัวเองมาก ความจองหองเป็นกับดักใหญ่ของปีศาจ
คุณมารีอาคะ โปรดบอกเราด้วยว่า เราจะขอพระเจ้าให้มีไฟชำระสำหรับคนบนโลกนี้ได้ไหม
เพื่อจะไม่ต้องไปรับโทษในไฟชำระหลังจากตายแล้ว?
ได้ค่ะ ฉันรู้จักพระสงฆ์องค์หนึ่งและหญิงสาวคนหนึ่ง ซึ่งทั้งสองป่วยเป็นวัณโรคอยู่ที่โรงพยาบาล
หญิงสาวพูดกับพระสงฆ์ว่า
"ให้เราขอพระเจ้าให้เราทนทรมานในโลกมากพอเท่าที่จำเป็น เพื่อในเวลาตายจะได้ตรงไปสวรรค์"
พระสงฆ์ตอบว่า ตนไม่กล้าขอเช่นนี้ แต่บังเอิญใกล้ๆ กันมีซิสเตอร์คนหนึ่งแอบได้ยินเข้า หญิงสาว
ตายก่อนแล้วพระสงฆ์ตายหลังจากนั้น และวิญญาณคุณพ่อได้ปรากฏมาหาซิสเตอร์บอกว่า
"ถ้าเพียงแต่พ่อมีความวางใจในพระเจ้าเหมือนหญิงสาวคนนั้น พ่อคงตรงไปสวรรค์ทันทีหลังตาย"
ขอบคุณ คุณมารีอามากที่ให้ความกระจ่างแก่เรา
มาถึงตอนนี้ คุณมารีอาขอเวลาพักห้านาทีเพราะต้องไปให้อาหารลูกไก่ของเธอ แต่อีกไม่กี่นาที
ก็กลับมา เราจึงเริ่มถามคำถามของเราต่อ
ผู้ที่อยู่ในไฟชำระ คุณมารีอาคะ ในไฟชำระมีระดับขั้นไหมคะ?
ค่ะ มีความแตกต่างกันมากของระดับความทรมานฝ่ายจิต วิญญาณแต่ละดวงทนทรมานไม่เหมือนกัน
แยกย่อยไปตามแต่ละคนและมีหลายระดับ
วิญญาณที่น่าสงสารเหล่านั้นรู้เรื่องความเป็นไปในโลกไหมคะ?
ค่ะ รู้หลายเรื่อง แต่ไม่รู้ทุกเรื่อง
ในบางครั้ง วิญญาณเหล่านี้ เคยมา
บอกว่าจะเกิดเหตุอะไรไหมคะ?
โดยปกติพวกเขาจะพูดว่ามีบางสิ่งบางอย่างรออยู่ แต่พวกเขาไม่บอกว่าเป็นอะไรกัน พวกเขา
เพียงแต่บอกสิ่งที่จำเป็นสำหรับการกลับใจของเรา
คุณมารีอาคะ การทรมานในไฟชำระนี้เจ็บปวดมากกว่าการเจ็บปวดในโลกนี้ไหม?
ใช่แล้วค่ะ แต่โดยนัยแล้ว มันเป็นความเจ็บปวดในวิญญาณมากกว่า
ค่ะ ดิฉันคิดว่ามันเป็นการยากที่จะอธิบาย พระเยซูเองเคยเสด็จมาที่ไฟชำระบ้างไหมคะ?
ยังไม่มีวิญญาณใดบอกฉันเรื่องนี้ค่ะ แต่พระมารดาพระเจ้าเคยมาครั้งหนึ่ง ฉันถามวิญญาณที่
น่าสงสารดวงหนึ่งว่า ถ้าจะขอให้เธอไปตามหาวิญญาณดวงหนึ่งซึ่งมีคนขอให้ฉันตามหาจะได้ไหม
เธอตอบว่า "ไม่ได้ มีแต่พระมารดาแห่งพระเมตตาเท่านั้นที่บอกเราได้" เช่นกัน บรรดาวิญญาณ
ในสวรรค์จะไม่มาที่ไฟชำระ แต่มีเทวดาอยู่ที่นั่นได้ เช่น อัครเทวดามีคาแอล และวิญญาณแต่ละดวง
มีอารักขเทวดาของตัวอยู่ด้วย
น่าอัศจรรย์เหลือเกินค่ะ! เทวดาอยู่กับเรา....แต่เทวดาทำอะไรในไฟชำระคะ?
พวกเขาช่วยบรรเทาความทรมาน ให้ความบรรเทาใจ วิญญาณในไฟชำระสามารถมองเห็นเทวดาได้

โปรดติดตามตอนต่อไป

[rosa-lee]

ความลับน่าอัศจรรย์ของวิญญาณในไฟชำระ
ตอนที่ ( 14 )
 อย่าละเลยการสวดภาวนาต่างๆ D

เหลือเชื่อ! ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ คุณมารีอาคะ คุณเกือบทำให้ฉันยอมไปไฟชำระ เมื่อได้ฟังเรื่อง
เกี่ยวกับเหล่าทูตสวรรค์เหล่านี้! มีอีกคำถามหนึ่งนะคะ รู้ไหมคะ สมัยนี้หลายคนเชื่อว่ามีการ
เวียนว่ายตายเกิด วิญญาณเหล่านี้บอกอะไรแก่คุณเกี่ยวกับเรื่องนี้บ้างคะ?
เหล่าวิญญาณบอกว่า พระเจ้าให้เราเพียงชีวิตเดียว
แต่บางคนอาจพูดว่า เพียงชีวิตเดียวไม่พอสำหรับการรู้จักพระเจ้า และยังไม่มีเวลาพอที่จะกลับใจ
ซึ่งนั่นไม่ยุติธรรมเลย คุณจะตอบเขาอย่างไรคะ?
มนุษย์เราทุกคนมีมโนธรรม แม้เขาไม่ปฏิบัติตามเสียงมโนธรรม แต่ในใจลึกๆ เขารู้สึกว่ามีพระเจ้า
คนที่ไม่มีความเชื่อเลย จริงๆ แล้วไม่มีหรอกค่ะ! เพราะใครก็รู้สึกว่ามีเสียงเตือนใจเขาว่าจะทำดีหนีชั่ว
ซึ่งเสียงมโนธรรมนี้พระเจ้าทรงประทานให้ เป็นความรู้ภายในที่อาจรู้ไม่เท่าเทียมกันทุกคนก็เป็นได้
แต่อย่างน้อยทุกคนก็รู้ว่าอะไรดี อะไรชั่ว และโดยมโนธรรมนี้แหละ ทุกวิญญาณอาจขึ้นสวรรค์ได้
อะไรจะเกิดขึ้นแก่ผู้ที่ฆ่าตัวตาย? คุณเคยได้รับการเยี่ยมจากวิญญาณเหล่านี้บ้างไหมคะ?
จนบัดนี้ ฉันยังไม่พบวิญญาณที่ฆ่าตัวตายแล้วตกนรก แต่ไม่ได้มาหาฉัน ไม่ได้แปลว่าไม่มีนะ
แค่บ่อยครั้งที่เหล่าวิญญาณบอกฉันว่า พวกที่อยู่รอบตัวเขาที่รู้สึกสำนึกผิดมากที่สุด
คือพวกใจเย็นเฉย และชอบครหานินทา
          มาตอนนี้ ดิฉันถามมารีอาว่า พวกเขาเคยเสียใจที่ได้ฆ่าตัวตายไหม?
      เธอตอบว่ามี และบอกว่าส่วนใหญ่พวกฆ่าตัวตายเพราะป่วยทางกายหรือทางใจ วิญญาณเหล่านี้
เสียใจในการกระทำของตนเอง เพราะเมื่อเขาได้มองเห็นสิ่งต่างๆ ในแสงสว่างของพระเจ้า พวกเขา
เข้าใจทันทีถึงพระหรรษทานต่างๆ ที่เตรียมไว้สำหรับเขาหากเขามีชีวิตต่อไป และพวกเขายังมองเห็นว่า
เวลาที่ยังเหลืออยู่สำหรับเขาซึ่งบางทีก็เป็นเดือนเป็นปี และเขาอาจใช้ช่วยวิญญาณมากมายให้รู้จัก
พระเจ้าได้ และสุดท้ายสิ่งที่เขาเสียใจมากที่สุดก็คือ มองเห็นว่ามีกิจการดีอีกหลายอย่างที่เขาอาจทำได้
แต่เขาไม่ได้ทำ เพราะเขาตัดชีวิตตัวเองให้สิ้นเสียแล้ว แต่ถ้าฆ่าตัวตายเพราะความเจ็บป่วย แน่นอน
พระเป็นเจ้าก็ใช้เรื่องนี้ประกอบการตัดสิน
คุณมารีอาคะ มีวิญญาณที่ทำลายชีวิตตนเอง โดยยาเสพติด เสพยาเกินขนาดมาหาหรือไม่คะ?
ค่ะ พวกเขาไม่ได้ไปนรก มันขึ้นอยู่กับเหตุผลของการติดยาของเขา แต่พวกเขาก็ต้องทนทุกข์ในไฟชำระ
ยกตัวอย่างนะคะ สมมุติดิฉันบอกว่า ฉันทุกข์ทรมานมากทั้งกายและใจ ซึ่งเป็นการทรมานมากเกิน
กว่าจะรับได้ และฉันอยากตาย ฉันจะทำอะไรดี?
ค่ะ เรื่องนี้มีบ่อย ฉันจะพูดว่า
"พระเจ้าของลูก ลูกขอถวายความทรมานนี้เพื่อช่วยวิญญาณทั้งหลาย" เท่านี้เอง ความศรัทธาและกำลังใจ
ก็จะเพิ่มพูนขึ้นใหม่ แต่ทุกวันนี้ไม่มีใครพูดเช่นนี้อีกแล้ว เราสามารถพูดได้อีกว่า ด้วยการทำเช่นนี้ วิญญาณ
ได้กุศลมาก สมจะได้รับความสุขในสวรรค์ ในสวรรค์มีความสุขหลายพันรูปแบบ และแต่ละคนก็มีความสุข
ที่อิ่มใจสมบูรณ์ ความปรารถนาทุกอย่างถูกเติมเต็ม แต่ละคนรู้ว่าตนสมควรได้รับความสุขมากน้อยแค่ไหน?
คุณมารีอาคะ ดิฉันอยากถามคุณว่า มีวิญญาณจากศาสนาอื่นเช่น ยิว... มาหาคุณบ้างไหมคะ?
มีค่ะ พวกเขาดีใจที่ได้มา ใครที่ดำรงชีวิตตามความเชื่อของตนอย่างดีก็มีความสุข แต่ก็โดยผ่าน
ความเชื่อคาทอลิก เราได้เปรียบในการไปสวรรค์มากที่สุด
มีศาสนาที่ไม่ดี สำหรับวิญญาณหรือไม่?
ไม่มีค่ะ แต่ก็มีศาสนามากมายบนโลกนี้ที่ใกล้ชิดกับเรามากที่สุดก็มี ออร์โธดอกซ์ และโปรเตสแตนท์
มีชาวโปรเตสแตนท์หลายคนที่สวดสายประคำ แต่มีบางลัทธินิกายซึ่งชั่วร้าย เราต้องหาทางพยายาม
ดึงเอาคนเหล่านั้กลับมา
มีพระสงฆ์ในไฟชำระไหมคะ?
(ดิฉันเห็นคุณมารีอาช้อนตาขึ้นสู่สวรรค์ ราวกับจะพูดว่าอนิจจา!)
ค่ะ มีมากมาย พวกเขาไม่ส่งเสริมให้สัตบุรุษศรัทธาต่อศีลมหาสนิท ดังนั้น ความเชื่อจึงอ่อนแอ
พวกเขาไปไฟชำระมากเพราะไม่สนใจ ละเลยในการสวดภาวนา แต่ก็มีหลายคนตรงไปสวรรค์เลย

โปรดติดตามตอนต่อไป

[rosa-lee]

ความลับน่าอัศจรรย์ของวิญญาณในไฟชำระ
ตอนที่ ( 15 )
 อย่าละเลยการสวดภาวนาต่างๆ E

เช่นนั้นคุณอยากจะพูดอะไรบ้างไหม แก่พระสงฆ์ที่อยากดำเนินชีวิตตามน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้า?
ฉันอยากขอแนะนำเขาให้ สวดขอพระจิตเจ้ามากๆ และสวดสายประคำทุกวัน
คุณมารีอาคะ มีเด็กในไฟชำระบ้างไหมคะ?
มีค่ะ แต่ไฟชำระสำหรับเขาไม่กินเวลานาน และไม่ทรมานนัก เพราะเขายังไม่รู้จักบาปบุญอะไรนัก
ฉันเชื่อว่ามีเด็กบางคนมาหาคุณเพราะคุณเคยเล่าเรื่องเด็กๆ ให้ดิฉันฟัง เช่นเด็กเล็กๆ ที่คุณเห็น
ซึ่งอายุน้อยสุด คือ เด็กหญิงอายุ 4 ขวบ โปรดบอกเราว่าทำไมเธอจึงต้องอยู่ในไฟชำระคะ?
เพราะในวันคริสต์มาส เธอได้รับตุ๊กตาเป็นของขวัญจากพ่อแม่ แต่เธอมีน้องสาวฝาแฝด ซึ่งได้รับ
ตุ๊กตาด้วยตัวหนึ่ง ซึ่งเด็กน้อยอายุ 4 ขวบนี้ ได้ทำลายตุ๊กตาของตนอย่างลับๆ คิดว่าไม่มีใครเห็น
แล้วเอาตุ๊กตาตัวที่หักนี้ไปวางแทนตุ๊กตาของน้อง และขโมยเอาตุ๊กตาของน้องไป โดยรู้ดีว่าการทำ
เช่นนี้จะทำให้น้องเสียใจมาก และรู้ด้วยว่ามันเป็นการโกหกและไม่ยุติธรรม เพราะเหตุนี้เด็กหญิงที่
น่าสงสารจึงต้องชำระตนก่อน
ในความเป็นจริงแล้ว เด็กๆ มักจะมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีที่ละเอียดอ่อนกว่าผู้ใหญ่ มันจึง
เป็นสิ่งจำเป็นเหนือสิ่งอื่นใดสำหรับพวกเขาที่จะต่อสู้กับการโกหก เด็กๆ จะตอบสนองต่อสิ่งที่
ไม่เป็นความจริงได้อย่างง่ายดาย
คุณมารีอาคะ ผู้เป็นบิดามารดาจะช่วยอบรมบ่มนิสัยสร้างมโนธรรมของเด็กๆ อย่างไรบ้างคะ?
ประการแรก ก็โดยการเป็นตัวอย่างที่ดีแก่ลูก สิ่งนี้สำคัญมาก จากนั้นก็ผ่านการสวดภาวนา
พ่อแม่ต้องสวดขอพระพรให้ลูก และสอนเขาอย่างดี ในเรื่องของพระเจ้า
สำคัญมาก! คุณเคยถูกเยี่ยมจากวิญญาณที่เมื่ออยู่ในโลกประพฤตินอกลู่นอกทางไหมคะ?
(ดิฉันกำลังคิดถึงคนชอบทำบาปทางเพศ)
มีค่ะ พวกเขาไม่ได้ตกนรก แต่พวกเขาต้องทรมานเพื่อชำระตนมาก ตัวอย่างเช่น ความต้องการ
ร่วมเพศกับเพศเดียวกัน นี่แน่นอนว่ามาจากปีศาจ
คุณจะแนะนำคนที่ชอบมีความต้องการร่วมเพศกับเพศเดียวกันนี้อย่างไรคะ?
จงสวดให้เขามีกำลังต่อต้านการประจญ สวดขออัครเทวดามีคาแอล ท่านคือนักต่อสู้ผู้ยิ่งใหญ่
ซึ่งเป็นตัวอย่างอันยอดเยี่ยมในการต่อสู้กับปีศาจ
อะไรคือทัศนคติในใจ ซึ่งนำพาเราให้เสียวิญญาณ ดิฉันหมายถึงตกนรก?
นั่นคือ เมื่อวิญญาณไม่อยากไปหาพระเจ้า เมื่อพูดอย่างตั้งใจจริงๆ ว่า "ฉันไม่ต้องการพระเจ้า"
ขอบคุณคุณมารีอามากนะคะที่ให้ความสว่างในเรื่องนี้ มาถึงตอนนี้ ดิฉันอยากพูดถึงเรื่องหนึ่ง
ดิฉันได้ถามคุณวิคก้า หนึ่งในผู้เห็นการประจักษ์ที่เมดจูกอร์เร ซึ่งเคยบอกกับดิฉันว่าใครที่ไปนรก
และเธอได้เห็นนรก มีแต่คนที่ตัดสินใจไปที่นั่นเอง มิใช่พระเจ้าส่งเขาไปนรก ตรงกันข้าม พระองค์
เป็นพระผู้ไถ่ พระองค์ขอร้องวิญญาณเหล่านั้นให้รับพระเมตตาของพระองค์ บาปผิดต่อพระจิตเจ้าที่
พระเยซูเจ้าได้พูดถึงนั้นไม่อาจอภัยได้ ก็เพราะมันเป็นการปฏิเสธพระเมตตาของพระองค์อย่างชัดแจ้ง
โดยรู้ตัวและเต็มใจ พระสันตะปาปาจอห์นปอล ที่สอง ได้อธิบายเรื่องนี้อย่างดีในหนังสือสมณสาร
เรื่องพระเมตตาแล้วในที่นี้ด้วย เราสามารถสวดภาวนาอย่างมากมายเพื่อวิญญาณที่กำลังอยู่ใน
อันตราย เกือบจะเสียวิญญาณไป คุณมารีอาคะ มีตัวอย่างอธิบายเรื่องนี้ไหมคะ?
วันหนึ่ง ฉันอยู่บนรถไฟ และในตู้ของฉันนั้นมีผู้ชายคนหนึ่งพูดจาชั่วร้ายถึงพระศาสนจักรไม่ยอม
หยุด พูดถึงพระสงฆ์ และแม้แต่พระเจ้าด้วย ฉันเลยบอกเขาว่า "ฟังนะ คุณไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดทั้งหมดนั้น
มันไม่ดี" เขาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟใส่ฉัน หลังจากนั้น เมื่อฉันถึงสถานีปลายทาง ฉันก็ลงจากรถไฟและ
พูดกับพระเจ้าว่า "พระเจ้าข้า ขออย่าให้วิญญาณดวงนี้ตกนรกเลย"
หลายปีต่อมา วิญญาณของชายคนนี้มาหาฉัน เขาบอกว่าเขาได้มาใกล้นรกเต็มที แต่รอดตัว
เพราะคำภาวนาของฉันที่พูดในตอนนั้น ใช่ค่ะ มันเป็นเรื่องที่แปลกที่ความคิดชั่วประเดี๋ยว แค่แรง
กระตุ้นหนึ่งในใจ การสวดภาวนาเรียบๆ ง่ายๆ เพื่อใครคนหนึ่งสามารถช่วยเขาไม่ให้ตกนรกได้
เป็นความจองหองเองแหละที่นำไปสู่นรก นรก คือ การพูดอย่างดื้อรั้นว่า "ไม่" ต่อพระเจ้า คำภาวนา
ของเราสามารถกระตุ้นให้เกิดความสุภาพในใจของผู้ตาย ความสุภาพเพียงเดี๋ยวเดียวเท่านั้น แม้ว่า
จะเล็กน้อยสักแค่ไหนก็สามารถช่วยเขาให้พ้นจากนรกได้
แต่คุณมารีอาคะ มันไม่น่าเชื่อเลยที่คนคนหนึ่งจะพูดว่า "ไม่" กับพระเจ้า ในเวลาตาย
เมื่อเขาได้เห็นพระเจ้าแล้ว?
เพื่อเป็นตัวอย่างนะคะ ครั้งหนึ่งมีชายคนหนึ่งบอกฉันว่า เขาไม่อยากไปสวรรค์ ทำไมหรือ?
เพราะพระเจ้ายอมรับความไม่เป็นธรรม ฉันตอบเขาว่า มนุษย์เองต่างหากที่ไม่เป็นธรรม ไม่ใช่
พระเจ้า เขาพูดว่า "ผมหวังว่าผมจะไม่พบพระเจ้าหลังจากผมตาย หรือไม่ผมก็จะฆ่าพระองค์ด้วย
ขวานซะเลย" เขาเกลียดพระเจ้ามาก พระเจ้าให้มนุษย์มีน้ำใจอิสระ พระองค์ให้เราทุกคนมีอิสระ
ที่จะเลือกอะไรก็ได้ในระหว่างที่มีชีวิตอยู่ และเวลาใกล้จะตายเขามีพระหรรษทานพอสำหรับการ
กลับใจ แม้หลังจากใช้ชีวิตในหนทางมืดมน ถ้าเขามาขอโทษพระองค์อย่างจริงใจ
เขาจะเอาตัวรอดแน่นอน

โปรดติดตามตอนต่อไป

[rosa-lee]

ความลับน่าอัศจรรย์ของวิญญาณในไฟชำระ
ตอนที่ ( 16 )
 อย่าละเลยการสวดภาวนาต่างๆ F

พระเยซูเจ้ากล่าวว่า "มันเป็นการยากที่คนรวยจะเข้าสวรรค์" คุณเคยเห็นกรณีเช่นนี้ไหมคะ?
เคยค่ะ แต่ถ้าเขาทำความดี ทำเมตตากิจ ปฏิบัติด้วยความรัก เขาก็ไปสวรรค์ได้เหมือนคนจน
คุณมารีอาคะ ทุกวันนี้คุณยังได้รับการเยี่ยมเยือนจากบรรดาวิญญาณในไฟชำระบ้างไหมคะ?
มีค่ะ 2-3 รายต่อสัปดาห์
จริงหรือคะ? แล้วคุณคิดยังไงกับการฝึกทรงเจ้าเข้าผี เช่น การเรียกวิญญาณที่ตายไปแล้วมา
หรือ พวกผีถ้วยแก้ว ฯลฯ
มันไม่ดีเลยค่ะ เป็นพวกปีศาจทั้งนั้น เป็นปีศาจเองที่ทำให้อุปกรณ์พวกนั้นขยับเขยื้อน มันสำคัญ
มากที่จะต้องพูดแล้วพูดอีกเกี่ยวกับเรื่องนี้! ผู้คนจำเป็นที่จะต้องรู้เรื่องนี้ เพราะทุกวันนี้ มากกว่าที่เคย
เป็นมา เรื่องไร้สาระเหล่านี้เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างน่ากลัว!
มันต่างกันอย่างไร ระหว่างการติดต่อกับวิญญาณของคุณและกับพวกคนทรงหรือผีถ้วยแก้วพวกนั้น?
เราไม่มีเจตนาเรียกวิญญาณมา ฉันไม่ได้พยายามทำให้พวกเขามา แต่พวกทรงเจ้าเข้าผีพยายาม
ที่จะเรียกพวกเขามา นี่แสดงว่ามันแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด และเราต้องแยกแยะเรื่องนี้อย่างจริงจัง
ถ้าใครคิดจะเชื่ออะไรสักอย่างที่ดิฉันพูด ดิฉันก็ขอให้เป็นเรื่องนี้ ส่วนคนที่หมกมุ่นกับเรื่องเวทมนตร์คาถา
หรือพวกผีถ้วยแก้ว (เช่น พวกสิ่งของเคลื่อนที่บนแผ่นกระดาน หรืออะไรพรรค์นั้น) แล้วคิดว่าสามารถเรียก
วิญญาณคนตายมาได้ แต่ที่จริงแล้ว ถ้ามีการตอบกลับมาตามเสียงเรียกของพวกเขา มันก็เป็นการตอบ
จากซาตานและสมุนของมันต่างหาก คนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องทรงเจ้าเข้าผี เรียกวิญญาณ นักทำนาย แม่มด
และอื่นๆ กำลังทำสิ่งที่อันตรายอย่างยิ่งทั้งต่อตนเอง และต่อผู้อื่นที่เกี่ยวข้อง พวกเขากำลังเอาตัวเองเข้า
ไปสู่ความหลอกลวง มันเป็นสิ่งต้องห้าม ต้องห้ามอย่างมากที่เรียกวิญญาณคนตาย ศาสนาเรามีบัญญัติ
ห้ามเรียกวิญญาณ สำหรับฉันนั้นไม่เคยทำเลย และจะไม่ทำเป็นอันขาด เมื่ออะไรปรากฏมาหาฉันก็เป็น
เพราะพระเจ้าทรงอนุญาตให้มาเท่านั้น
       แน่นอน ปีศาจอาจเลียนแบบหรือการกระทำบางอย่างคล้ายของพระเจ้าได้ เช่น อาจทำเสียง ปรากฏตัว
มาเป็นผู้ตายได้ แต่การปรากฏที่หวือหวามากเกินไปมักมาจากปีศาจ อย่าลืมว่าปีศาจสามารถแม้แต่รักษา
โรคได้ แต่การหายโรคนั้นอยู่ได้ไม่นาน
คุณเคยถูกหลอกบ้างไหม? เช่น โดนปีศาจปลอมตัวเป็นวิญญาณในไฟชำระมาพูดกับคุณ?
เคยค่ะ ครั้งหนึ่งมีวิญญาณหนึ่งมาหาฉันและพูดกับฉันว่า "จงอย่ารับวิญญาณที่กำลังจะมาหลังจากฉัน
เพราะเขากำลังจะขอให้รับการทรมานที่มากเกินไปสำหรับคุณ ซึ่งคุณจะไม่สามารถทนได้ คุณจะทำในสิ่ง
ที่เขาขอไม่ได้"
ดังนั้น ฉันจึงกังวลมาก เพราะฉันจำคำที่คุณพ่อเจ้าวัดเคยบอกฉันไว้ว่า ฉันควรต้อนรับทุกวิญญาณ
ด้วยความกรุณา และฉันก็คิดไม่ออกว่าจะนบนอบหรือไม่นบนอบกันแน่
ดังนั้น ฉันจึงพูดกับตัวเองว่า "บางทีอาจเป็นปีศาจก็ได้ที่อยู่ตรงหน้าฉันนี่ มิใช่วิญญาณในไฟชำระ
เจ้าปีศาจมันปลอมตัวมา" ฉันเลยพูดกับวิญญาณนั้นว่า "ถ้าเจ้าเป็นปีศาจ จงไปเสียให้พ้น" ทันใดนั้น
มันก็ร้องเสียงหลงแล้วก็หนีไป ที่จริงวิญญาณที่มาหลังจากมันนั้น เป็นวิญญาณที่ต้องการความช่วยเหลือ
จากฉันจริงๆ เป็นสิ่งสำคัญมากที่ฉันต้องทำตามคำขอของวิญญาณนี้!
เมื่อปีศาจปรากฏตัวมา น้ำเสกไล่มันไปได้เสมอไหมคะ?
น้ำเสกก่อกวนมันมาก และมันรีบหนีไปทันที
คุณมารีอาคะ เดี๋ยวนี้คุณเป็นที่รู้จักมาก โดยเฉพาะในเยอรมันและออสเตรีย และทั่วยุโรปด้วย
ขอบคุณคุณมากนะคะสำหรับการให้สัมภาษณ์และหนังสือของคุณ อย่างไรก็ตาม ตอนแรกดูคุณจะ
เก็บตัวมาก มันเป็นมาอย่างไรที่ไม่นานใครๆ ก็รับรู้ว่า ปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติของคุณเป็น
เรื่องจริงและเชื่อถือได้?
มันคือเมื่อเหล่าวิญญาณขอให้ฉันไปบอกครอบครัวของพวกเขาว่า ให้คืนสิ่งของที่ได้มาด้วย
ความ ไม่ซื่อสัตย์แก่เจ้าของ พวกเขาก็เห็นว่าสิ่งที่ฉันไปบอกนั้นเป็นความจริง
        ถึงตอนนี้ คุณมารีอาได้เล่าเรื่องให้ฟังอีกหลายเรื่อง ซึ่งดูจะยาวเกินไปสำหรับเอามาลงในที่นี้
หลายครั้งเหล่าวิญญาณมาหาเธอพูดว่า
"ไปหาครอบครัวของฉัน ที่อยู่หมู่บ้านนั้นๆ (ซึ่งคุณมารีอามักไม่รู้จัก...) และบอกพ่อของฉัน ลูกชาย
ของฉัน หรือน้องชายของฉัน ให้คืนสิ่งของหรือเงินเท่านั้นเท่านี้ที่โกงเขามาอย่างไม่ซื่อสัตย์ แล้วฉัน
ก็จะพ้นจากไฟชำระ เมื่อของเหล่านี้ถูกคืนเจ้าของแล้ว"
คุณมารีอาต้องจำรายละเอียดถึงที่อยู่ จำนวนเงิน สิ่งของ จนครอบครัวที่เธอไปบอกนั้นแปลกใจ
มากว่าเธอรู้รายละเอียดเหล่านี้ได้อย่างไร เพราะบางอย่างพวกเขาก็ยังไม่รู้เลยว่าของสิ่งนั้นญาติ
ของตนโกงเขามา ด้วยเหตุนี้ คุณมารีอาจึงเริ่มเป็นที่รู้จักกันดี

โปรดติดตามตอนต่อไป

[rosa-lee]

ความลับน่าอัศจรรย์ของวิญญาณในไฟชำระ
ตอนที่ ( 17 )
 อย่าละเลยการสวดภาวนาต่างๆ G

คุณมารีอาคะ พระศาสนจักรรับรองพระพรพิเศษ (คาริสซึม) ซึ่งคุณมีเกี่ยวกับวิญญาณเหล่านี้
อย่างเป็นทางการไหมคะ? และคนที่ได้รับรู้เรื่องราวของคุณรู้สึกอย่างไร?
พระสังฆราชของฉันบอกว่า ตราบใดที่ยังไม่ผิดขัดต่อทางเทววิทยา ฉันควรจะทำงานนี้ต่อไป
ท่านไม่ว่าอะไร ส่วนพระสงฆ์เจ้าวัดของฉันซึ่งเป็นพ่อวิญญาณของฉันด้วยก็ยืนยันเช่นเดียวกัน
ดิฉันอยากถามคุณเรื่องหนึ่ง ซึ่งบางทีอาจเป็นเรื่องไม่สมควร คือแน่นอนว่าคุณได้ทำการช่วยเหลือ
วิญญาณที่น่าสงสารมามากต่อมาก เมื่อคุณตายลงในคราวของคุณคงมีบรรดาวิญญาณนับพันคุ้มกัน
คุณขึ้นไปสวรรค์แน่ๆ ดิฉันคิดว่าคุณคงไม่อยากผ่านไฟชำระแน่ๆ เลย!
ฉันไม่เชื่อว่าตัวเองจะได้ตรงไปสวรรค์ทันทีโดยไม่ผ่านไฟชำระหรอกค่ะ เพราะฉันได้รับความ
สว่างมาก และมีความรู้มากกว่า ฉะนั้นถ้าทำผิด ความผิดของฉันย่อมมากกว่าคนทั่วไป
แต่อย่างไรก็ตาม ฉันหวังว่าวิญญาณเหล่านั้นจะช่วยฉันไปสวรรค์
แน่นอนค่ะ เออ คุณมารีอาคะ คุณมีความสุขกับพระพรพิเศษนี้ไหมคะ? หรือว่าเป็นภาระและเรื่อง
ยากลำบากสำหรับคุณคะ ที่ถูกขอร้องจากวิญญาณต่างๆ เหล่านั้น?
ไม่ค่ะ ฉันไม่ได้ใส่ใจมากเรื่องความยากลำบาก เพราะฉันรู้ว่าฉันสามารถช่วยพวกเขาได้มาก
ฉันสามารถช่วยวิญญาณมากมาย และฉันมีความสุขที่ได้ทำเช่นนี้
คุณมารีอาคะ ดิฉันอยากขอบคุณคุณอย่างมาก ในนามของท่านผู้อ่านทุกท่านสำหรับการแบ่งปัน
ประสบการณ์อันงดงามนี้ แต่ได้โปรดขอให้ดิฉันถามเรื่องสุดท้าย เพื่อเราจะได้รู้จักคุณมากขึ้นนะ
คะ คุณจะกรุณาพูดถึงชีวิตของคุณให้เราฟังสักหน่อยได้ไหมคะ?
ค่ะ คือตั้งแต่เด็กๆ ฉันอยากเข้าอาราม แต่แม่บอกให้คอยจนอายุ 20 ปีเสียก่อน ฉันไม่ปรารถนา
จะแต่งงาน แม่ได้พูดถึงข้อดีของการตอบแทนจากเหล่าวิญญาณในไฟชำระให้ฟัง และที่โรงเรียน
วิญญาณเหล่านั้นได้ช่วยฉันอย่างมากทีเดียว ดังนั้น ฉันจึงพูดกับตัวเองว่า จะทำทุกอย่างเพื่อพวกเขา
หลังจากเรียนจบ ฉันก็คิดจะเข้าอาราม ฉันเข้าคณะซิสเตอร์แห่งพระหฤทัยของพระเยซู แต่พวกท่าน
บอกฉันว่าสุขภาพของฉันแย่มากเกินกว่าจะบวชอยู่กับพวกท่านได้ เพราะเมื่อเป็นเด็กฉันเคยเป็น
ปอดบวม และเยื่อหุ้มปอดอักเสบ แม่อธิการยืนยันว่าฉันมีกระแสเรียก แต่แนะนำให้เข้าคณะที่
จิตตารมณ์ง่ายกว่า และขอให้คอยอีก 2-3 ปี แต่ฉันก็ยังอยากเข้าอารามและทันทีด้วย
แต่หลังจากพยายามอีกสองครั้ง คำตอบก็ออกมาเช่นเดิม คือสุขภาพของฉันแย่มาก ดังนั้น
ฉันจึงพูดกับตัวเองว่า การเข้าอารามมิใช่น้ำพระทัยของพระเจ้าที่เตรียมให้ฉันแน่ๆ แต่ฉันก็เสียใจมาก
ฉันพูดกับตัวเองว่า ทำไมพระองค์ไม่บอกฉันว่าพระองค์ต้องการอะไรจากฉัน? จนเมื่อถึงเวลานั้น
พระองค์ได้มอบความรับผิดชอบให้ฉันด้วยภารกิจการช่วยวิญญาณในไฟชำระเมื่ออายุ 25 ปี นั่นคือ
พระองค์ได้ให้ฉันคอยถึง 8 ปี
ที่บ้าน เรามีพี่น้องด้วยกัน 8 คน ฉันทำงานที่ฟาร์มของพวกเราเอง เริ่มตั้งแต่ตอนอายุ 15 ปี
แล้วฉันก็ไปเยอรมัน ไปเป็นคนใช้ที่บ้านชาวนา หลังจากนั้นก็มาทำงานที่ฟาร์มในซอนแทก (Sonntag) นี้
จากอายุ 25 ปี เมื่อวิญญาณเริ่มมาหา ฉันต้องลำบาก (ทรมาน) มากเพื่อพวกเขา แต่เดี๋ยวนี้ด้านจิตใจ
ฉันดีขึ้นมากแล้ว ทั้งหมดก็มีแค่นี้ค่ะ
          มันเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่งสำหรับดิฉันที่ได้พบคุณมารีอา ผู้หญิงที่อุทิศทั้งชีวิตอย่างสิ้นเชิง
ทุกวินาที ทุกชั่วโมงของชีวิต เธอแบกภาระหนักของนิรันดรภาพ มิใช่เพื่อตัวเองเท่านั้น แต่สำหรับ
ไม่วิญญาณทั้งหลายทั้งรู้จักและไม่รู้จักที่เธอได้ช่วยด้วยหลายวิธี และด้วยความรักมากมาย เพื่อปลดปล่อย
วิญญาณเหล่านั้นให้พ้นจากไฟชำระ เข้าสู่ความสุขนิรันดรในสวรรค์

โปรดติดตามตอนต่อไป

[rosa-lee]

ความลับน่าอัศจรรย์ของวิญญาณในไฟชำระ
ตอนที่ ( 18 )
 ข้อเสนอแก่ทุกคน

          บัดนี้ ดิฉันมีข้อเสนอแนะแก่พวกคุณแต่ละคน คือ เราสามารถตัดสินใจว่าเราจะไม่ไปไฟชำระ!
นี่เป็นเรื่องที่เป็นไปได้จริงๆ เรามีทุกๆ อย่างในมือที่จะทำให้มันเป็นจริง ดิฉันยังจำคำของนักบุญยอห์น
แห่งไม้กางเขนได้ว่า "พระญาณเอื้ออาทรของพระเจ้าถูกจัดหาให้เราอยู่เสมอในทุกชีวิต ให้เรามีการ
ชำระตน เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อพวกเราจะได้ตรงไปสวรรค์ในเวลาสิ้นชีวิต"
พระญาณเอื้ออาทรจัดวางความยากลำบากทั้งหลายอย่างเพียงพอไว้ในชีวิตของเรา เช่น การทดลอง
ความทุกข์ ความทรมาน ความเจ็บไข้ ความยากลำบาก ฯลฯ ดังนั้น ด้วยการชำระตนทั้งหมดนี้ ถ้าเรายอม
รับมัน บางทีอาจจะเพียงพอที่จะนำเราให้ตรงไปสวรรค์ได้
          ทำไมสิ่งนี้จึงไม่เกิดขึ้น? ก็เพราะเรามีความจองหองและดื้อรั้น เราไม่ยอมรับมันด้วยความรัก ด้วย
ความซาบซึ้ง และขอบคุณพระพรแห่งการทดลองเหล่านี้ในชีวิต ตรงข้ามพวกเราตกในบาปด้วยความเป็น
กบฏ ด้วยความไม่อ่อนน้อมมากกว่า ฉะนั้น ให้เราขอพระเจ้า สำหรับพระพรในการฉกฉวยทุกโอกาสเพื่อ
ในเวลาสิ้นชีวิต พระองค์จะได้เห็นว่าเราส่องสว่างด้วยความบริสุทธิ์และงดงามแน่นอน ถ้าเราตัดสินใจ
เช่นนี้ ดิฉันจะไม่บอกว่าวิธีนี้จะง่ายดาย ให้เราจดจำกันเถอะค่ะว่า...
พระเจ้าไม่เคยสัญญาว่า หนทางจะราบเรียบ ปราศจากอุปสรรค แต่หนทางของเราจะมีสันติและ
จะพบความสุข พระองค์จะอยู่กับเรา เหนืออื่นใดดิฉันขอเน้นหนักว่า ให้เราใช้เวลาที่เหลือบนโลกนี้อย่างดี
เวลาเหล่านี้มีค่ามาก ในระหว่างที่เรามีโอกาสเติบโตในความรัก นี่หมายถึงเติบโตให้พระสิริรุ่งโรจน์และ
ความงดงามมาถึงเรา ทุกๆ นาที เราสามารถเพิ่มพูนความรักนี้ได้ แต่วิญญาณในไฟชำระทำไม่ได้
แม้แต่เทวดาก็ยังอิจฉาสิทธิอำนาจนี้ของเรา เพราะท่านก็เพิ่มพูนความรัก ความศรัทธาต่อพระเจ้า
ไม่ได้อีกเช่นกัน เราต้องเพิ่มพูนความรักทุกๆ นาที ในขณะทียังอยู่ในโลก ทุกกิจการเล็กๆ น้อยๆ แห่ง
ความรักที่เราถวายแก่พระเจ้า ทุกการพลีกรรม (Sacrifice) หรือการอดอาหาร ทุกการกระทำที่เสียสละ
หรือขัดแย้งต่อความโน้มเอียงที่ไม่ดีของเรา ทุกความผิดพลาดของเรา ทุกการให้อภัย ศัตรูของเรา ทุกสิ่ง
เล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ จะเป็นดังเครื่องประดับวิญญาณของเราเป็นอัญมณี เป็นสมบัติที่แท้จริงของชีวิตนิรันดร
ดังนั้น ขอให้เราฉวยเอาทุกโอกาสที่จะเป็นคนดี คนสวย ดังที่พระเจ้าปรารถนาให้เราเป็น ถ้าเรา
มองเห็นความสดสวยของวิญญาณที่บริสุทธิ์ วิญญาณที่ชำระตนจนสะอาด เราจะต้องร้องด้วยความยินดี
และอัศจรรย์ เพราะมันสวยงามเหลือเกิน! วิญญาณมนุษย์สวยสดงดงามต่อหน้าพระเจ้านั่นแหละ ทำไม
พระองค์จึงอยากให้เราบริสุทธิ์ ไม่มีราศีหม่นหมอง ผ่านทางการสำนึกผิดต่อบาปทั้งหลายของเราด้วย
ความถ่อมตน คุณเห็นไหมคะ มันแตกต่างกัน การเป็นนักบุญไม่ใช่เพราะมีวิญญาณที่ไม่มีข้อบกพร่อง
แต่เป็นผู้ที่ล้มแล้วลุกทุกครั้งที่พวกเขาผิดพลาด และร้องขอการอภัยโทษต่างหาก นี่สำคัญมาก
          ดังนั้น ให้พวกเราใช้เครื่องมือที่แสนมหัศจรรย์นี้ที่พระเจ้ามอบไว้ในมือของเรา เพื่อช่วยวิญญาณ
ทั้งหลายที่กำลังรอคอยพระเจ้า หรือผู้ที่รู้จักพระเจ้าช้ากว่าเรา เพราะด้วยความงดงามของเครื่องมือจาก
พระเจ้านี้ พวกเขาก็จะได้สัมผัส ซึ่งก็คือผู้ที่ความปรารถนาด้วยหัวใจทั้งหมดของเขานั่นเอง
ยิ่งกว่านั้น เราต้องไม่ลืมว่า การภาวนาของเด็กๆ มีพลังมากต่อพระทัยของพระเจ้า ดังนั้น
เราต้องสอนเด็กๆ ให้รู้จักสวดภาวนา
ฉันจำเด็กหญิงเล็กๆ คนหนึ่ง ซึ่งฉันเคยเล่าถึงความน่าสงสารของวิญญาณในไฟชำระ ฉันบอก
เธอว่า "ตอนนี้ให้หนูสวดเพื่อวิญญาณของญาติพี่น้อง และเพื่อนที่ล่วงลับไปแล้ว หนูอยากจะไปอยู่
ต่อหน้าพระเยซูเจ้า แล้วขอร้องพระองค์ไหม?"
เธอไปยืนต่อหน้ารูปพระเยซูอยู่ห้านาที แล้วก็กลับมาหา ฉันจึงถามเธอว่า "หนูขออะไรจากพระองค์?"
เธอตอบว่า "หนูขอพระองค์ให้ปลดปล่อยทุกวิญญาณจากไฟชำระ!" ฉันดีใจและทึ่งในคำตอบซื่อๆ
ของเธอ และฉันรู้ดีว่าฉันพูดเพียงไม่กี่คำในคำขอร้องของฉัน แต่หนูน้อยเข้าใจในทันทีทันใดว่าต้องขออะไร
การขอของเด็กๆ เป็นที่พอพระทัยพระเจ้ามากที่สุด ขอกล่าวแถมท้ายคือว่า สำหรับผู้เกษียณและคนที่มี
เวลาว่าง ถ้าพวกเขาไปร่วมมิสซาบ่อยๆ เป็นประจำทุกวัน นั่นคือขุมทรัพย์ อย่าลืมพระคุณการุณย์
พระศาสนจักรได้กักตุนทรัพย์สมบัติทางวิญญาณไว้ให้เรามากมาย ให้เราเข้ามาดูใกล้ๆ กันเถอะ!
"โดยพระคุณการุณย์ สัตบุรุษสามารถรับการยกบาปสำหรับตนและวิญญาณในไฟชำระ"
(คำสอนคาทอลิก *1498)
พระคุณการุณย์คืออะไร? นี่เป็นคำตอบที่พระศาสนจักรคาทอลิกได้อธิบายไว้ "พระคุณการุณย์
คือ การยกโทษบาปชั่วคราวที่เรากระทำต่อหน้าพระเจ้า ยกไปแล้วในแง่ความผิด การยกบาปซึ่งคริสตชน
มีความพร้อมในฐานะเป็นหนี้ และตกอยู่ในเงื่อนไขที่กำหนดไว้ ได้มาโดยความช่วยเหลือของพระศาสนจักร
ซึ่งเป็นผู้จัดการเรื่องการใช้โทษ และรับจากคลังสมบัติแห่งพระบารมีของพระคริสต์เจ้าและบรรดานักบุญ
(เปาโล ที่ 6 คำสอนเรื่องพระคุณการุณย์) พระการุณย์นั้นแบ่งเป็นสมบูรณ์และไม่สมบูรณ์ อยู่กับว่าปลด
ปล่อยบางส่วนหรือทั้งหมดจากบาปเบาที่ต้องรับเพราะบาป" (คำสอนเรื่องพระคุณการุณย์ 2 เทียบ 3)
คริสตชนสามารถได้รับพระคุณการุณย์สำหรับตนเองหรืออุทิศแก่ผู้ล่วงลับ (กฎหมายพระศาสนจักร ม.994)
พระเยซูเจ้าได้มอบอำนาจแก่สาวกและแก่พระศาสนจักร ที่จะมัดและปลดปล่อยตลอดมาหลายศตวรรษ
โดยหลายวิธี พระศาสนจักรได้ใช้ช่องทางแห่งความเมตตาของพระเจ้าแจกจ่ายพระคุณทั้งต่อผู้เป็นและผู้ตาย
"เป้าหมายที่พระศาสนจักรเพ่งเล็งในการประทานพระคุณการุณย์ มิใช่เพื่อเป็นการชดใช้โทษบาปเท่านั้น
แต่เพื่อให้เขาทำกิจศรัทธา การเป็นทุกข์ถึงบาป และการแสดงความรัก เป็นต้น สิ่งที่พาให้เกิดความเชื่อ
ในสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ส่วนรวม"
"และถ้าสัตบุรุษอุทิศพระคุณการุณย์แด่ผู้ตาย ก็เป็นการแสดงความรักเมตตาต่อวิญญาณอย่างดียิ่ง
เป็นการเตือนใจเขาให้คิดถึงสวรรค์ได้ดีที่สุดในโลก"
แม้ว่าในความเป็นจริง พระคุณการุณย์คือของประทานที่ให้เปล่า แม้กระนั้นก็มีเงื่อนไขกำหนดไว้
เมื่อจะอุทิศให้กับผู้เป็นหรือผู้ตาย ผู้ศรัทธาต้องรักพระเจ้า เกลียดชังบาป วางใจในพระคุณความดีของ
พระคริสตเจ้า และเชื่ออย่างมั่นคงในความช่วยเหลืออันยิ่งใหญ่ ที่พวกเขาจะได้รับจากสหพันธ์นักบุญ
"ผลของการปฏิรูปนี้ก็คือ ความแตกต่างกันเรื่องวัน เดือน ปี ถูกยกเลิก ยังเหลือไว้เพียงความแตกต่าง
ระหว่างพระคุณการุณย์ครบบริบูรณ์ กับพระคุณการุณย์ไม่ครบบริบูรณ์"

โปรดติดตามตอนต่อไป

[rosa-lee]

ความลับน่าอัศจรรย์ของวิญญาณในไฟชำระ
ตอนที่ ( 19 )
 เราควรจดจำดังต่อไปนี้ไว้ด้วยว่า

          *เราจะขอรับพระคุณการุณย์อุทิศให้คนยังไม่ตายไม่ได้
*ทั้งพระคุณการุณย์ครบบริบูรณ์และพระคุณการุณย์ไม่ครบบริบูรณ์ อุทิศให้ผู้ตายได้
สัตบุรุษที่ใช้วัตถุเกี่ยวกับความเชื่อความศรัทธา (กางเขน ลูกประคำ สายจำพวก รูปพระ)
ที่ได้รับการอวยพรอย่างดีจากพระสงฆ์ สามารถรับพระคุณการุณย์ไม่ครบบริบูรณ์ได้ แต่ถ้าวัตถุเหล่านี้
ถูกอวยพรโดยพระสันตะปาปา หรือพระสังฆราช สัตบุรุษที่ใช้สิ่งเหล่านี้อย่างเลื่อมใส ก็สามารถรับ
พระคุณครบบริบูรณ์ในวันฉลองนักบุญเปโตรและเปาโล ขอแต่ให้เขาสวด "บทแสดงความเชื่อ" โดย
ใช้บทที่ถูกต้องครบถ้วน ในเอกสารเรื่องเมดจูกอร์เร ลงวันที่ 18 กรกฎาคม 1995 พระแม่พูดว่า
"ลูกที่รักทั้งหลาย วันนี้แม่เรียกร้องลูกให้วางศาสนภัณฑ์ที่พระสงฆ์อวยพรแล้วไว้ในบ้านให้มากขึ้น
และเรียกร้องทุกคนให้ใส่หรือพกศาสนภัณฑ์ (ที่อวยพรแล้ว) ไว้กับตัว จงนำศาสนภัณฑ์ทุกอย่างไปให้
พระสงฆ์อวยพร และดังนี้ ซาตานจะโจมตีลูกน้อยลง เพราะพวกลูกจะมีเสื้อเกราะป้องกันมัน"
เพื่อจะได้รับพระคุณการุณย์ครบบริบูรณ์ มันจำเป็นต้องทำตามวิธีที่ได้บอกไว้ และทำตามเงื่อนไข
3 ประการ การแก้บาป การรับศีลมหาสนิท และสวดภาวนาตามความมุ่งหมายของพระสันตะปาปา
นอกจากนี้ ยังเรียกร้องอีกว่า ต้องไม่มีการติดใจในบาป แม้แต่บาปเบาก็ต้องหายไปด้วย เงื่อนไขในการ
สวดตามจุดประสงค์ของพระสันตะปานั้น คือต้องตั้งใจที่จะชดเชยอย่างเต็มที่
โดยการสวดบท “ แสดงความเชื่อ” "ข้าแด่พระบิดา" 1 บท และ "วันทามารีอา" 1 บท แต่อย่างไร
ก็ตาม ผู้มีใจศรัทธามีอิสระที่จะสวดบทใดก็ได้ตามความศรัทธา นอกเหนือจากที่พระสันตะปาปากำหนด

โปรดติดตามตอนต่อไป


ความลับน่าอัศจรรย์ของวิญญาณในไฟชำระ
ตอนที่ ( 20 )
 เงื่อนไขสำหรับพระคุณการุณย์ไม่ครบบริบูรณ์

1. พระคุณการุณย์ไม่ครบบริบูรณ์ถูกประทานให้แก่สัตบุรุษ ผู้ที่ในการทำหน้าที่ประจำวันของตนแล้ว
ต้องเผชิญความลำบากในชีวิต ให้ยกจิตวิญญาณขึ้นหาพระเจ้าด้วยความสุภาพและไว้วางใจ และ
ในใจก็สวดภาวนาด้วยความศรัทธา
2. พระคุณการุณย์ไม่ครบบริบูรณ์ถูกประทานให้แก่สัตบุรุษ ผู้ที่ในจิตวิญญาณเต็มไปด้วยความศรัทธา
และความเมตตา ได้อุทิศตนเองหรือทรัพย์สินของตนแก่พี่น้องที่ต้องการความช่วยเหลือ
3. พระคุณการุณย์ไม่ครบบริบูรณ์ถูกประทานให้แก่สัตบุรุษ ผู้ที่มีจิตตารมณ์แห่งการเป็นทุกข์ถึงบาป
สละหรืออดกลั้นธรรมชาติฝ่ายเนื้อหนังบางอย่างของตนโดยเต็มใจ

โปรดติดตามตอนต่อไป

[rosa-lee]

ความลับน่าอัศจรรย์ของวิญญาณในไฟชำระ
ตอนที่ ( 21 )
 พระคุณการุณย์ครบบริบูรณ์สามารถได้รับในโอกาสต่อไปนี้

1. เฝ้าศีลมหาสนิทอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง
2. สวดสายประคำ 1 สายในวัด กับครอบครัวหรือเป็นหมู่คณะ
3. เดินรูป 14 ภาค
4. อ่านพระคัมภีร์อย่างน้อยครึ่งชั่วโมง
5. การเข้าวัดสวดระหว่างเที่ยงวันของวันที่ 1 พฤศจิกายน ถึงเที่ยงวันของ
วันที่ 2 พฤศจิกายน เพื่อสวดอุทิศให้แก่วิญญาณในไฟชำระ
6. เข้าสุสานเพื่อสวดอุทิศแก่ผู้ตาย
7. เข้าร่วมในพิธีรับศีลมหาสนิทครั้งแรก หรือมิสซาแรกของพระสงฆ์บวชใหม่
หรือวันฉลอง ครบบวช 25, 50 หรือ 60 ปีของการเป็นสงฆ์
8. รื้อฟื้นคำสัญญาศีลล้างบาปของตนเองในคืนวันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์ (ปัสกา)
9. นมัสการกางเขนในพิธีวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ (ปัสกา)
10. พรของพระสันตะปาปา รับโดยการฟังวิทยุหรือดูโทรทัศน์ได้ด้วย
โดยการไปสารภาพบาปเป็นประจำสม่ำเสมอ เราอาจจะรับพระคุณการุณย์บริบูรณ์
ได้หลายครั้ง วันหนึ่งๆ จะรับพระคุณบริบูรณ์ได้เพียงครั้งเดียว แต่จะรับพระคุณการุณย์ไม่
ครบบริบูรณ์ได้หลายครั้งในหนึ่งวัน ถ้าสวดบทที่พระศาสนจักรกำหนดไว้ หน้าถัดไปคือ
บทสวดบางบทสำหรับวิญญาณที่ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย

โปรดติดตามตอนต่อไป

ความลับน่าอัศจรรย์ของวิญญาณในไฟชำระ
ตอนที่ ( 22 )
 บทสวดสำหรับวิญญาณที่ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย

1. ข้าแต่นักบุญยอแซฟ
2. พรหมถือสารแจ้งเหตุแก่พระนางมารีย์
3. สายประคำสำหรับวิญญาณที่ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย (Chaplet of the Holy Souls)**
4. บทสวดประจำวันสำหรับวิญญาณที่ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย (Daily Prayer For The Holy Souls**
5. บทสวดเพื่อวิญญาณที่ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายของพระคาร์ดินัล นิวแมน
(Cardinal Newman Prayer for the Holy Souls)**
6. บทลีเบรา เม (Liberera Me)
7. บทสดุดีที่ 130 บทภาวนาอุทิศแต่ผู้ล่วงลับ (เดปรอฟุนดิส)
8. บท โอ ยัญบูชาศักดิ์สิทธิ์เพื่อความรอดพ้นของชาวเรา (O Salutaris Hostia Sacra)**
9. บทแม่พระ ราชินีแห่งสวรรค์ และแผ่นดิน (Prayer to Mary, Queen of Heaven and Earth)**
10. บทสวดสำหรับบรรดาผู้ตาย (A prayer for the Dead)**
11. บทสวดสำหรับผู้ล่วงลับอันเป็นที่รักของเรา (A Prayer for Our Dear Departed)**
12. บทสวดสำหรับวิญญาณที่ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย (Prayer for the Holy Souls)**
13. บทปลดปล่อยพวกเขาจากไฟชำระ (Deliver Them from Purgatory)**
14. บทสวดสำหรับวิญญาณที่ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ของนักบุญเกอร์ทรูดจ์
(Prayer of St.Gertrude for the Holy Souls)**
          ส่วนพระคุณการุณย์ไม่ครบบริบูรณ์นั้น ได้แก่ การสวดบทแสดงความเชื่อ ความไว้ใจ
และความรัก ในท่ามกลางความยุ่งยากของชีวิต และเมื่อเราทำหน้าที่ประจำวันของเราอย่างดี
พระคุณนี้ยังรับได้โดยการแสดงความรักเมตตาต่อผู้อื่น การอดอาหารโดยสมัครใจ บทภาวนา
สั้นๆ จากใจ (ที่คิดเอง) ถึงพระเจ้า แม่พระผู้ทรงบุญ ครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ หนังสือพระคุณการุณย์
ระบุรายชื่อบทสวดไว้มากมาย มันเป็นหนังสือล้ำค่าที่ควรค่าแก่การอ่าน

โปรดติดตามตอนต่อไป

 

[rosa-lee]

ความลับน่าอัศจรรย์ของวิญญาณในไฟชำระ
ตอนที่ ( 23 ) ตอนจบ
 พระคัมภีร์ที่กล่าวพาดพิงถึงไฟชำระ

พระคัมภีร์พระธรรมเดิม

บาปได้รับการอภัยแต่โทษบาปยังต้องชดใช้
ซมอ 12:13-14
ดาวิดจึงรับสั่งกับนาธันว่า "เรากระทำบาปต่อพระยาเวห์แล้ว" และนาธันกราบทูลดาวิดว่า
"พระยาเวห์ทรงให้อภัยบาปของพระองค์แล้ว พระองค์จะไม่ถึงแก่ความตาย อย่างไรก็ตาม
เพราะด้วยการกระทำนี้พระองค์ได้ให้พวกศัตรูของพระยาเวห์มีโอกาสเหยียดหยามได้
ราชบุตรที่จะประสูติมานั้นจะต้องสิ้นชีวิต"

การทำบุญอุทิศให้ผู้ตาย
2 มคบ 12:42-45
เขาอธิษฐานภาวนาวอนขอพระเจ้าให้ทรงลบล้างบาปให้หมดสิ้นไป ยูดาผู้ทรงศักดิ์
เตือนบรรดาทหารให้รักษาตนให้พ้นจากบาป เพราะเขาทั้งหลายได้เห็นกับตาแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
กับผู้ที่ตายเพราะได้ทำบาป ยูดาจึงเรี่ยไรเงินจากทหารแต่ละคน ได้เงินจำนวนสองพันเหรียญดรักมาร์
ส่งไปกรุงเยรูซาเล็ม เพื่อจัดให้มีการถวายบูชาชดเชยบาป นับว่าเป็นการกระทำที่งดงามและน่ายกย่อง
โดยคำนึงถึงการกลับคืนชีพของผู้ตาย เพราะถ้าเขาไม่มีความหวังว่าผู้ตายจะกลับคืนชีพอีก
การอธิษฐานภาวนาเพื่อผู้ตายคงไม่มีประโยชน์และไร้ความหมาย แต่ถ้าเขาทำไปเพราะคิดว่า ผู้ที่ตาย
ขณะที่ยังเลื่อมใสต่อพระเจ้าจะได้รับบำเหน็จรางวัลงดงาม ก็เป็นความคิดที่ดีและศักดิ์สิทธิ์ เขาสั่ง
ให้ถวายเครื่องบูชาชดเชยบาปของผู้ตาย เพื่อจะได้พ้นจากบาป

พระคัมภีร์พระธรรมใหม่

พระเยซูเจ้าสามารถปลดปล่อยวิญญาณออกจากที่คุมขังได้แม้เขาจะตายไปแล้ว
1 ปต 3:18-20
พระคริสตเจ้าสิ้นพระชนม์เพียงครั้งเดียวเพราะบาป พระองค์ผู้ทรงชอบธรรมสิ้นพระชนม์
เพื่อคนอธรรม พระองค์จะทรงนำเราไปเฝ้าพระเจ้า พระองค์ทรงถูกประหารในสภาพมนุษย์
แต่พระจิตเจ้าประทานชีวิตให้พระองค์อีก พระจิตเจ้ายังทรงนำพระองค์ไปประกาศความรอดพ้น
แก่จิตที่ถูกจองจำในกาลก่อน จิตเหล่านี้ไม่ยอมเชื่อฟังเมื่อพระเจ้าทรงอดทนรอคอย ขณะที่
โนอาห์กำลังต่อเรือ ซึ่งช่วยชีวิตคนจำนวนน้อย นั่นคือเพียงแปดชีวิตให้รอดพ้นจากน้ำวินาศ

พระเยซูเจ้าตรัสถึงที่ชำระความผิดที่ครบกำหนดแล้วจะออกมา
มธ 5:25-26
จงคืนดีกับคู่ความของท่านขณะที่กำลังเดินทางไปศาลด้วยกัน มิฉะนั้นคู่ความจะมอบท่าน
แก่ผู้พิพากษา และผู้พิพากษาจะมอบท่านให้ผู้คุม ซึ่งจะขังท่านในคุก เราบอกความจริงแก่ท่านว่า
ท่านจะออกจากคุกไม่ได้ จนกว่าท่านจะชำระหนี้จนเศษสตางค์สุดท้าย

          นักบุญเปาโลกล่าวถึงการชำระบาปให้ผู้ตาย
1 คร 15:29
บางท่านรับศีลล้างบาปเพื่อผู้ตาย ถ้าผู้ตายไม่กลับคืนชีพ จะมีประโยชน์ใด
ที่จะรับศีลล้างบาปเพื่อเขาเหล่านั้นถ้าไม่มีการกลับคืนชีพ

นักบุญเปาโลกล่าวถึงความรอดที่ผ่านไฟ
1 คร 3:15
แต่ถ้าผลงานของผู้ใดถูกไฟผลาญ เขาก็ไม่มีผลงานใดเหลือ เขารอดพ้นได้ก็จริง
แต่ก็เหมือนกับคนที่หนีไฟรอดมาได้เท่านั้น

พระเยซูเจ้าตรัสถึงการให้อภัยในชีวิตหลังความตาย
มธ 12:31-32
ดังนั้น เราบอกท่านทั้งหลายว่า มนุษย์จะได้รับการอภัยบาปทุกชนิด รวมทั้งคำ
ดูหมิ่นพระเจ้าด้วย แต่คำดูหมิ่นพระจิตเจ้าจะไม่ได้รับการอภัยเลย ใครที่กล่าวร้ายต่อ
บุตรแห่งมนุษย์จะได้รับการอภัย แต่ใครที่กล่าวร้ายต่อพระจิตของพระเจ้าจะไม่ได้รับ
การอภัยเลยทั้งในโลกนี้และในโลกหน้า

          การพลีกรรมให้คนอื่นร่วมกับมหาทรมานของพระเยซู
คส 1:24
บัดนี้ข้าพเจ้ายินดีที่ได้รับทุกข์ทรมานเพื่อท่านทั้งหลาย ความทรมานของ
พระคริสตเจ้า ยังขาดสิ่งใด ข้าพเจ้าก็เสริมให้สมบูรณ์ด้วยการทรมานในกายของข้าพเจ้า
เพื่อพระกายของพระองค์คือพระศาสนจักร

จบบริบูรณ์