10 เกาะติดวิกฤติโลกผ่านทางพระคัมภีร์และนอสตาดามุส ( 91 -102)จบ

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6790
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

จันทร์ ก.ย. 01, 2025 3:27 pm

🕵️ เกาะติด​วิกฤติ​โลกผ่านทาง​พระคัมภีร์​และนอสตราดามุส 🕵️
โดย​ สนธิ​ สารธรรม
ตอนที่​ (. 91. )

✴️ สาส์น​แห่งฟาติมา​ (C) ✴️
ท่านมีความคิดว่าความเชื่อแบบคาทอลิกจะประสบชัยชนะได้อย่างไร?
กิตตอง ผมมีความบันดาลใจโดยสัญชาตญาณว่าจะมีภัยพิบัติบางอย่างเกิดขึ้น ติดตามมาด้วย
เหตุการณ์หนึ่ง ซึ่งจะเป็นเหตุการณ์พิเศษพิสดารสุดยอด และเป็นเหตุการณ์หนึ่งเดียวในประวัติศาสตร์
ของมนุษชาติ​ นั่นก็คือ Theophany การสำแดงพลังของเบื้องบน ในวิถีทางที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ตั้งแต่พระเยซูเสด็จมาจุติบนโลก ผมซึมซาบสิ่งนี้มาจากการได้คิดพิจารณาไตร่ตรองอย่างละเอียดถี่ถ้วน
ถึงคำทำนายเชิงคุกคาม ซึ่งเริ่มตั้งแต่หนังสือวิวรณ์ และ​คริสต์ศาสนาที่ดำเนินมาเป็นระยะเวลาถึง​20​
ศตวรรษจนกระทั่งปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหตุการณ์ที่แม่พระปรากฏมาที่ฟาติมา ณ ที่นั้นแม่พระได้
กล่าวแก่เด็กเลี้ยงแกะ 3 คนว่า “ในบั้นปลายรัสเซียจะกลับใจ ดวงใจนิรมลของแม่พระจะประสบชัยชนะ”
ลูเซีย​ เด็กที่มีอายุมากที่สุด ปัจจุบันยังมีชีวิตได้กล่าวซ้ำแล้วซ้ำเล่าถึงประโยคนี้มากกว่า 70 ปี น้อยคนนัก
ที่เชื่อเธออย่างจริงจัง ขณะนี้ลัทธิคอมมิวนิสต์ได้ล่มสลายอย่างรวดเร็ว รัสเซียกำลังกลับสู่ความเชื่อกัน
ทั้งประเทศ​
เป็นเรื่อง “ศรัทธา มิใช่เหตุผลล้วนๆ” ที่ทำให้ผมมั่นใจว่าคริสตศาสนาและพระศาสนจักรจะประสบ
ชัยชนะในที่สุด
นอกจากนี้ ผมอยากให้รำลึกถึงบางสิ่งซึ่งได้เกิดขึ้นที่ฟาติมา​ “บางสิ่ง” ที่จะได้เห็นล่วงหน้าก่อนที่จะได้
เห็น “พลังแห่งเบื้องบน” ซึ่งรอเราอยู่ข้างหน้าแล้ว นั่นก็คือ “ปาฏิหาริย์แห่งดวงอาทิตย์” ดวงอาทิตย์ได้เต้น
ระบำบนท้องฟ้า เปล่งประกายเป็นหลากสีต่อหน้าต่อตาประชาชนเป็นหมื่นๆ​ นักวิทยาศาสตร์มากหน้า
หลายตาได้เห็นเป็นพยานถึงปรากฏการณ์พิเศษพิสดารอันนี้ด้วย​ และได้ก่อให้เกิดการกลับใจมากมาย
แต่ทว่า คงเป็นเรื่องเหลือวิสัยที่จะให้คำตอบว่า “พลังแห่งเบื้องบน” คืออะไร? จะเกิดขึ้นเมื่อใด? และ
เกิดที่ไหน? แต่ผมอยากจะให้ความกระจ่างว่า “ชัยชนะ”​ แห่งความเชื่อศรัทธานั้นต้องเข้าใจในลักษณะที่
เป็นคุณภาพ มากกว่า ปริมาณ​ เพราะในพระคัมภีร์ยังตั้งปริศนาไว้ว่า “เมื่อบุตรแห่งมนุษย์ (พระเยซู) จะ
เสด็จกลับมาสู่โลกอีก พระองค์จะยังทรงพบความเชื่อศรัทธาอีกหรือเปล่า?”​
อยากให้ท่านลองเดาว่าใครคือโป๊ปองค์ต่อไป?
กิตตอง ผมเชื่อว่าโป๊ปแห่งสังคายนาวาติกันที่ 3 ก็จะมีชื่อว่า “จอห์น พอลที่ 3 (จนถึงปัจจุบันเรามี
สังคายนาวาติกัน 2 ครั้ง ครั้งแรกปี​ 1869 ครั้งที่ 2 ระหว่าง 1962 - 1965) ผมมีแค่ความคิด แต่ไม่มีข้อ
พิสูจน์ โป๊ปองค์ ต่อไปต้องเป็นชาวแอฟ​ริกัน อาจเป็นพระคาร์ดินัล Bernadin Gantin หรือไม่ก็พระคาร์ดินัล
Hyacinthe Thiandoum แต่อาจจะเป็นพระคาร์ดินัล​ Carlo Maria Martini เพราะพระคาร์ดินัล​แอฟ​ริกัน
ทั้งสองข้างต้นต่างก็ได้แสดงความจำนงจะเลือกท่านผู้นี้
ด้วยอายุของท่านขนาดนี้ ท่านมองความตายเป็นอย่างไร?
กิตตอง ด้วยอายุที่ใกล้ความตายแค่เอื้อม จากจุดนี้ก็จะเห็นมันได้อย่างชัดเจน​ ผมคิดว่าผมจะตายไม่
วันนี้ก็พรุ่งนี้ ผมหลีกเลี่ยงที่จะคิดถึงหลัง​ความตาย มันเหลือที่จะเดาได้​ ผมไม่รู้ว่าผมจะพบอะไร แต่ผมรู้ว่า
มันจะเป็นอะไรก็แล้วแต่ ผมจะไม่ผิดหวัง
จริงๆ แล้ว พระเบื้องบนคุยกับผมตลอดเวลา มิใช่ทางนิมิตหรือ​ ทางการปรากฏมา แต่โดยทางมโนธรรม
ของผม ซึ่งเป็นเสียงของพระผู้เป็นเจ้าในตัวผม ตัวผมนี่แหละ​ ตั้งแต่ผมมีอายุแค่ 4-5 ปี
เราต้องไม่ลืมว่า พระเบื้องบนมักจะอยู่ใกล้ๆ กับเด็กเล็กๆ​ เพราะว่าพวกเขาซื่อๆ ตรงไปตรงมา โดยไม่
ต้องยกเหตุยกผลอะไรทั้งสิ้น
เมื่อเร็วๆ นี้ ท่าน​ ฟรังชัวส์​ มิตเตรองด์ได้กลับใจเข้าสู่พระศาสนา​ ท่านพอจะบอกได้ไหมว่าเรื่องมัน
เป็นมาอย่างไร?
กิตตอง ท่านฟรังซัวส์​ มิตเตรองด์​ ซึ่งผมรู้จักดีได้มาเยี่ยมผมเมื่อเดือนเศษๆ มาแล้ว ได้กล่าวกับผมว่า
“คุณเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับกาลเวลา และนิรันดรภาพ และความตายเป็นตัวกำหนดการผ่านไปจากเวลา
ปัจจุบันสู่นิรันดรภาพ ที่นั่นคุณก็ได้นิรันดรภาพ นี่คือเหตุผลที่ผมมาปรากฏตัวที่บ้านของคุณ”​
ฉะนั้นการพูดคุยค่อนข้างจะยืดยาว และออกรสออกชาติก็ได้เริ่มขึ้น​ ท่านประธานาธิบดีตามที่รู้กัน
ท่านไม่สบายมาก และรู้ว่าท่านใกล้ความตายแล้ว แน่นอนเหลือเกินที่ท่านจะต้องครุ่นคิดถึงสิ่งนี้อยู่บ่อยๆ
ท่านมิตเตรองด์กลัวความตายไหม?
กิตตอง ท่านไม่กลัวความตาย​ แต่กลัวการตัดสินของพระเจ้า นั้นก็คือ​ ในขณะที่ท่านจะอยู่เฉพาะพระพักตร์
​องค์พระผู้เป็นเจ้า เฉกเช่นคนอื่นๆ​ ผมดีใจมากเพราะท่านประธานาธิบดีเดี๋ยวนี้เชื่อในพระเจ้าอย่างดื่มด่ำและ
ล้ำลึก ในขณะที่บางช่วงแห่งเวลาที่เราได้ประสบปัญหา​ เราก็ได้รู้จักซึ่งกันและกันเป็นเวลา​50 ปีแล้ว ดูเหมือน
ตอนนั้นท่านค่อนข้างจะเป็นคนขี้สงสัย ท่านเป็นคนค่อนข้างลึกลับ แต่ขณะนี้ท่านอธิษฐานภาวนาอย่างดื่มด่ำ
พระเจ้าและสวรรค์ที่ ณัง กิตตอง เชื่อเป็นอันเดียวกันกับพระเจ้าและสวรรค์ที่ท่านมิตเตรองด์เชื่อหรือเปล่า?
กิตตอง แน่นอนเป็นสิ่งเดียวกัน​ พระเจ้าและสวรรค์ที่เต็มไปด้วยความลึกลับ...เราต่างก็ชื่นชมโสมนัสใน
พระรหัสธรรมล้ำลึกแห่งพระผู้เป็นเจ้า

🔹---โปรดติดตามตอนต่อไป​-​--🔹
แก้ไขล่าสุดโดย rosa-lee เมื่อ อังคาร ก.ย. 09, 2025 10:32 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6790
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

จันทร์ ก.ย. 01, 2025 3:32 pm

🕵️ เกาะติด​วิกฤติ​โลกผ่านทาง​พระคัมภีร์​และนอสตราดามุส 🕵️
โดย​ สนธิ​ สารธรรม
ตอนที่​ ( 92 )

✴️ สาส์น​จากสวรรค์​ (A)​ ✴️
เก็บความจากหนังสือ​ Mankindʼs final Destiny ชะตากรรมสุดท้ายของมนุษยชาติ​
โดย​ อดีตเอกอัครราชทูต Howard Q. Dee
เราคงได้ทบทวนเหตุการณ์แห่งฟาติมา ที่เรียกร้องเราให้มาสนใจชีวิตทางจิตวิญญาณ เราคงประจักษ์
แก่สายตาแล้วว่า มนุษยชาติกำลังดิ้นสุดฤทธิ์เพื่อจะเอาตัวรอด เราต่างเป็นสักขีพยานถึงความพยายามอัน
หาญกล้าของพระสันตะปาปา ที่จะออกมาทัดทานกระแสธารแห่งความชั่ว ที่กำลังไหลบ่ามาท่วมท้นวัฒนธรรม
ให้พินาศไป เราคงได้ยินคำตักเตือนของพระองค์ การชี้นำของพระองค์ต่อมวลสัตบุรุษ ในระหว่างช่วงเวลา
แห่งคลื่นลมจัดนี้ ในขณะนี้พวกเราทุกคนคงจะซึมซาบถึงสาส์นจากสวรรค์ ซึ่งแม่พระกำลังเรียกลูกๆ​ ทุกคน
จากทั่วโลก ให้ทำสงครามกับความชั่วด้วยหัวใจเด็ดเดี่ยวมั่นคง แต่จะต้องคอยฟังเสียงจากผู้หลักผู้ใหญ่
หรือผู้เชี่ยวชาญให้คอยชี้แนะในระหว่างการเดินทาง ที่สำคัญต้องไม่ลืมอธิษฐานภาวนาขอแม่พระให้ช่วย
คุ้มครองเรา ให้ปลอดภัยตลอดเส้นทางสู่จุดหมายปลายทาง
ระหว่างทศวรรษที่แล้ว​ เหตุการณ์ใหม่​ๆ อันเกี่ยวกับสาส์นของแม่พระได้กลายมาเป็นความจริงอีก
เช่น การล่มสลายของลัทธิคอมมิวนิสต์แห่งโซเวียต ทำให้เข้าใจสาส์นของแม่พระฟาติมาแจ่มแจ้งขึ้น
สาส์นแห่งฟาติมานี้ได้ก่อให้เกิดความหวัง และเกิดความกระตือรือร้นที่จะปฏิบัติตามคำเตือนของแม่พระ
เหตุการณ์ใหม่ๆ เหล่านี้ได้เกิดขึ้นเมื่อทศวรรษที่แล้วคือ
การแย้มถึงความลับข้อที่ 3 แห่งฟาติมา จากโป๊ปจอห์น พอลที่ 2
การเผยหลายครั้งถึงความลับข้อที่ 3 แห่งฟาติมาจากพระคาร์ดินัล​ โยเซฟ รัตซิงเกอร์
สาส์นแห่งแม่พระอากีตะ ญี่ปุ่น​ สาส์นแม่พระกีเบโฮ รวันดา และจากที่อื่นๆ อีก
สาส์นแม่พระเผยแก่บาทหลวงกอบบี
โป๊ปจอห์น พอลที่ 2 กับสาส์นแห่งฟาติมา เมื่อสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น พอลที่ 2 เสด็จเยี่ยมฟาติมา
เมื่อปี 1982 เพื่อทรงขอบคุณแม่พระที่ได้ช่วยชีวิตพระองค์ไว้​ พระองค์ได้ทรงออกคำแถลงการณ์ที่สำคัญที่สุด
ดังนี้ :
“ขอให้ท่านทั้งหลายเป็นทุกข์ถึงบาปที่ได้กระทำ และปฏิบัติตามข่าวอันประเสริฐนี้เถิด”​ (มาระโก 1:15)
นี่เป็นถ้อยคำแรก​ๆ ของพระ​เมสสิยาห์ที่ได้กล่าวแก่มนุษยชาติ​ สาส์นแห่งฟาติมา เป็นการเรียกร้องให้กลับใจ
และใช้โทษบาป ที่มีกล่าวไว้ในพระคัมภีร์ เป็นถ้อยคำที่ออกมาเมื่อต้นศตวรรษที่ 20 และได้ออกมาเฉพาะ
เจาะจงแก่ศตวรรษนี้เป็นพิเศษ
“การเรียกร้องให้กลับใจและใช้โทษบาป เป็นเรื่องที่จะต้องกระทำสม่ำเสมอ แต่ทว่าในศตวรรษของเรานี้
จำเป็นที่จะต้องออกแรงมากเป็นพิเศษ​ เพราะเป็นช่วงที่พลังแห่งความดี และพลังแห่งความชั่ว กำลังประลอง
กำลังกันแบบใครดีใครอยู่”​
“อุปสรรคสำคัญของการเดินทางของมนุษย์สู่พระผู้เป็นเจ้าคือ​ บาป​การหลงระเริงในบาป และในที่สุดก็
ปฏิเสธพระเป็นเจ้า การจงใจลบพระเจ้าออกไปจากความคิดของมนุษย์ การสลัดพระองค์ออกไปจากกิจกรรม
ของมนุษย​์ การปฏิเสธพระผู้เป็นเจ้าเช่นนี้ จะนำไปสู่การปฏิเสธของพระผู้เป็นเจ้าต่อมนุษย์เช่นกัน​ และนั่นจะ
นำความพินาศมาสู่มนุษย์อย่างไม่ต้องสงสัย”​
“สาส์นของแม่พระฟาติมา เป็นเสมือนคำเตือนของผู้เป็นแม่ ที่ค่อนข้างจะเข้มงวดกวดขันเอาจริงเอาจัง​
ด้วยกระแสเสียงที่เป็นห่วงเป็นใยคล้ายกับท่านจอห์น บับติสต์ เทศน์เตือนผู้คนบนฝั่งแม่น้ำจอร์แดน นี่ก็เช่นกัน
​ แม่พระเชื้อเชิญเราให้เป็นทุกข์ถึงบาปที่ได้กระทำ เรียกร้องให้สวดภาวนา​ และแนะนำให้สวดสายประคำ”
“สาส์นของแม่พระมีไปถึงมนุษย์ทุกคน ความรักของพระมารดาแห่งพระผู้ไถ่มีถึงทุกคนในสมัยของเรา
และไปถึงทุกสังคม ทุกชาติ และทุกเผ่าพันธุ์​ สังคมถูกคุกคามด้วยการทิ้งศาสนา​ ถูกเร่งเร้าให้เสื่อมศีลธรรม
การล่มสลายของศีลธรรม นำไปสู่การล่มสลายของสังคม”
ในปี 1983 เมื่อพระองค์เสด็จเยี่ยมเยอรมนี พระองค์ถูกถามจากผู้แสวงบุญกลุ่มหนึ่งว่า ทำไมความลับ
ของแม่พระฟาติมาจึงไม่ได้รับการเปิดเผย​ พระองค์ตรัสตอบ ตามรายงานข่าวในนิตยสารเยอรมัน​Stimme
des Glaubens ว่า “เนื่องจากในความลับบรรจุข้อความฉกรรจ์หลายข้อ เพื่อมิให้เป็นการยั่วเย้าอำนาจของ
ลัทธิคอมมิวนิสต์ให้มีการเคลื่อนไหวอย่างหนึ่งอย่างใด ผู้ครองอาสน์องค์ก่อนๆ จึงเห็นสมควรที่จะระงับการ
แพร่ความลับนั้นไว้ หากมีข้อความที่กล่าวว่า น้ำทะเลจะท่วมท้นไปทั่ว ผู้คนเป็นล้านๆ จะพินาศไป ด้วยข้อ
ความประเภทนี้ พวกท่านก็เห็นแล้วว่าโป๊ปองค์ก่อนๆ จึงไม่ประกาศให้สาธารณชนได้ล่วงรู้” “คนต้องการรู้
เพราะความอยากรู้อยากเห็นเท่านั้น​ เขาคงลืมไปว่า​ เมื่อรู้แล้วก็ต้องรับผิดชอบด้วย เขาแสวงหาแค่ใคร่รู้
ใคร่เห็นเท่านั้น มันเป็นเรื่องอันตราย​ หากเขาไม่พร้อมที่จะทำอย่างหนึ่งอย่างใดลงไป” แล้วพระองค์ทรงเอา
สายประคำออกมาแล้วตรัสว่า “ดูนี่ซิ! นี่เป็นอาวุธที่จะสู้กับมาร แล้วอย่ามาถามเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก ขอให้วางใจ
ในแม่พระ” แล้วมีบางคนในกลุ่มนั้นได้ถามโป๊ปอีกว่า “จะเกิดอะไรกับพระศาสนจักร”​ พระองค์ตรัสตอบว่า
​ “เราจะต้องเตรียมตัวรับมือกับการทดสอบครั้งใหญ่ ซึ่งจะต้องทุ่มสุดตัวแม้กระทั่งชีวิตให้พระเยซู มหาภัย
พิบัติอาจจะเบาบางได้โดยาศัยการอธิษฐานภาวนาของเรา​ แต่จะให้ยกเลิกไปคงจะไม่ได้ ด้วยวิธีนี้เท่านั้น​
พระศาสนจักรจะถูกชำระล้างอย่างมีประสิทธิภาพ​ กี่ครั้งกี่หนมาแล้วที่พระศาสนจักรผลิดอกออกช่อมาจาก
กองเลือด และครั้งนี้ก็จะไม่ต่างอะไรไปจากนั้น เราจะต้องเข้มแข็ง เราต้องเตรียมเนื้อเตรียมตัวของเรา
เราต้องวางใจในพระเยซู​ และพระแม่ของพระองค์ และต้องหมั่นสวดลูกประคำเสมอเป็นนิจ"

🔹---โปรดติดตามตอนต่อไป​-​--🔹
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6790
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

จันทร์ ก.ย. 01, 2025 3:38 pm

🕵️ เกาะติด​วิกฤติ​โลกผ่านทาง​พระคัมภีร์​และนอสตราดามุส 🕵️
โดย​ สนธิ​ สารธรรม
ตอนที่​ ( 9 3 )

✴️ สาส์น​จากสวรรค์​ (B)​ ✴️
พระคาร์ดินัล รัตชิงเกอร์ กับความลับข้อที่ 3 ลองมาฟังวาทะของท่านคาร์ดินัลรัตซิงเกอร์ให้
สัมภาษณ์แมกกาชีน Jesus เมื่อปี 1984 ท่านเป็นพระสมณมนตรีว่าด้วยพระธรรมความเชื่อ ท่าน
เป็นผู้ตีความเป็น ทางการในข้อคำสอนต่างๆ ของสันตะสำนัก นอกจากนี้ท่านยังเป็นผู้ดูแลความลับ
ขัอที่ 3 แห่งฟาติมา​นอก จากซิส​เตอร์ลูเซีย ก็มีพระสันตะปาปาและท่านคาร์ดินัล รัตซิงเกอร์​ เท่านั้นที่รู้
ความลับแห่งฟาติมา​ เมื่อท่าน รัตซิงเกอร์ถูกถามถึงความลับข้อที่ 3 ท่านตอบว่า
“อาตมาภาพได้อ่านข้อความนั้นแล้ว แต่ไม่เป็นที่เปิดเผยได้ เพราะตามความเห็นของบรรดา
พระสันตะปาปา ไม่มีอะไรต่างไปจากที่ชาวคริสต์ควรจะรู้จากหนังสือวิวรณ์ ก็คือการเรียกร้องให้กลับใจ
อย่างจริงจัง ความสำคัญ ยิ่งยวดแห่งประวัติศาสตร์ คืออันตรายที่คุกคามความความเชื่อและชีวิตของ
ชาวคริสต์ และยังคุกคามโลกด้วย และแล้วความสำคัญของเหตุการณ์สุดท้ายตอนสิ้นยุค (Novissim)
ถ้าหากไม่ได้ประกาศให้รู้ อย่างน้อยก็ ในปัจจุบันนี้ ก็เพื่อหลีกเลี่ยงการตีความคำทำนายบางข้อที่อาจ
ผิดพลาดได้ ซึ่งก่อให้เกิดความตระหนกแก่พวกขวัญอ่อนบางคน แต่ที่จริงข้อความที่บรรจุในความลับข้อ
ที่ 3 นั้นก็มีอยู่ในพระคัมภีร์แล้ว คือ กลับใจ ใช้โทษบาป เป็นเงื่อนไขสำคัญที่จะเอาตัวรอด
การสัมภาษณ์อีกครั้งหนึ่งจากนักหนังสือพิมพ์ชื่อดังของอิตาลี​ Vittorio Messori พระคาร์ดินัล รัตซิงเกอร์
ถูกสัมภาษณ์ดังนี้
“ท่านได้อ่านความลับข้อที่ 3 ของฟาติมาแล้วหรือยัง”​ “อาตมาภาพอ่านแล้ว”​ นายเมสโซรี ถามต่อไปว่า
“ข้อความ (ความลับข้อที่ 3) ที่ไม่เคยถูกปฏิเสธ (จากวาติกัน) กำลังแพร่ไปทั่วโลก ซึ่งบรรยายถึงข้อความ
ที่เป็นความลับนั้นบ่งบอกอะไรที่เป็น “ภัยพิบัติตอนสิ้นยุค” (Apocayptic) และเป็นเรื่องทำให้กระวนกระวายใจ
เป็นการเตือนถึงความทุกข์ทรมานที่น่ากลัว​ โป๊ปจอห์น พอลที่ 2 เอง คราวเสด็จเยือนเมืองฟุลดา ประเทศ
เยอรมนี ปี 1984 ได้ยืนยันอย่างไม่เป็นทางการกับคนกลุ่มหนึ่ง พระองค์ตอบไปอย่างเสียมิได้ถึงความลับแบบ
เลี่ยงๆ ไปว่า “โลกกำลังอยู่บทที่ 12 ของหนังสือวิวรณ์​ (Apocalypse)” นักหนังสือพิมพ์หัวเห็ดรุกต่อไปว่า
“เหตุใดจึงไม่เคยตัดสินใจที่จะเปิดเผย​ หากเป็นเพียงแค่จะพบการกระทำบางอย่างเหนือการคาดเดาเท่านั้น
เองหรือ?”​ พระคาร์ดินัลตอบว่า “เมื่อไม่มีการตัดสินใจประกาศเรื่องนี้​ ไม่ใช่เป็นเพราะบรรดาพระสันตะปาปา
ทรงต้องการปิดบังบางอย่างที่น่ากลัว!
งั้นแปลว่ามีบางอย่างที่น่ากลัวในข้อความที่ชิสเตอร์ลูเซียเขียนด้วยลายมืออย่างนั้นหรือ?
ถึงแม้เป็นเช่นนั้นจริง ก็เป็นการยืนยันบางส่วนของสาส์นแห่งฟาติมาซึ่งเป็นที่รู้กันอยู่แล้ว จากฟาติมานั้นเอง
ได้มีการออกข่าวตักเตือนถึงเรื่องความเฉื่อยชาทางศาสนา ได้มีการปลุกเร้าให้เอาจริงเอาจังทางจิตวิญญาณ​ ได้
พูดถึงอันตรายที่กำลังคุกคามมนุษยชาติ ก็เป็นเรื่องที่พระเคยเรียกร้องบ่อยๆ อยู่แล้วว่า ....หากเจ้าไม่เป็นทุกข์
ถึงบาปที่ได้กระทำ​​ เจ้าจะต้องพินาศ​ (ลูกา 13:3) การ​กลับใจเป็นคำเรียกร้องที่มีอยู่สม่ำเสมอในชีวิตคริสตชน​
และที่ฟาติมาก็ย้ำเตือนเป็นประจำ เราควรรู้จากพระคัมภีร์อยู่แล้ว”
เมื่อถูกถามถึงความลับข้อที่ 3 เคยถูกเผยแพร่หรือไม่ ท่านตอบว่า ​ “พระสันตะปาปาถือว่าไม่จำเป็นต้องเพิ่ม
เติมอะไรเข้าไปในหนังสือวิวรณ์​ (การเปิดเผยถึงภัยพิบัติตอนสิ้นยุค) ที่ชาวคริสด์คนหนึ่งควรรู้ หรือความรู้ที่ได้
จากการประจักษ์มาของแม่พระ​ ซึ่งพระศาสนจักรรับรองก็น่าจะเป็นการเพียงพอ เพราะเป็นการยืนยันถึงเรื่อง
ความรีบด่วนว่าจะต้องกลับใจใช้โทษบาป​ ยกโทษต่อกัน​ คืนดีต่อกัน และจำศีล​ เป็นต้น การเปิดเผยความลับ
ก็หมายถึงการเอาพระศาสนจักรไปหากิน ซึ่งจะนำอันตรายมาสู่คนขวัญอ่อนบางคน
ในการสัมภาษณ์ทั้งสองครั้งของพระคาร์ดินัล รัตซิงเกอร์ ก็ได้เปิดเผยให้เรารู้ถึงความลับข้อที่ 3 เพียงพอแล้ว
มันเป็นสาส์นที่ทรงพลังอันหนึ่งแก่มนุษยชาติโดยนัยที่น่ากลัว สิ่งที่ท่านให้สัมภาษณ์ก็ตรงกับวิทยุวาติกันพูดถึง
ความลับข้อที่ 3 และตรงกับสิ่งที่พระสันตะปาปาได้กล่าวที่เยอรมนีและที่ฟาติมา
โดยอาศัยแหล่งที่มาแห่งข่าวสารที่น่าเชื่อถือเหล่านี้มารวมกันเข้า​ ก็พอได้ข้อสรุปโดยปราศจากการโต้แย้ง
ใดๆ ทั้งสิ้น ดังนี้
ความลับข้อที่ 3 เป็นสาส์นที่หนักหนาสาหัสสำหรับโลกทั้งมวล​ และมีความเกี่ยวพันกับเหตุการณ์ต่างๆ
แห่งการสิ้นยุค โดยนัยแล้ว​ พวกเราก็กำลังอยู่ในมหาภัยพิบัติตอนสิ้นยุค (Apocalyptic) นั่นเอง​ มนุษยชาติ
กำลังอยู่ ณ จุดบรรจบที่สำคัญในประวัติศาสตร์ คือเรากำลังอยู่ช่วงสิ้นศตวรรษที่ 20 และกำลังเข้าสู่พันปีที่ 3
ชาวคริสต์ทุกวันนี้ใช้ชีวิตแบบไม่เอาจริงเอาจัง สนุกไปวันๆ โดยไม่คำนึงถึงความหมายที่แท้จริง และจุด
มุ่งหมายแห่งชีวิตคืออะไร เพราะข้อนี้แหละ ที่ทำให้ชีวิตทางศีลธรรมเสื่อมทรามลง ผลที่ตามมาก็คือ การทิ้ง
ศาสนา​ ไม่ปฏิบัติศาสนกิจอันพึงกระทำ ไม่แยแสกับความเชื่อศรัทธาอีกต่อไป แล้วชีวิตทางจิตวิญญาณไม่ต้อง
พูดถึง ย่อมเสี่ยงที่จะพินาศไปชั่วนิรันดร
การทิ้งศาสนานี้ เป็นการเมินหน้าไปจากพระผู้เป็นเจ้า จะเป็นอันตรายแก่ชะตากรรมแห่งมนุษยชาติ จะนำ
ไปสู่หายนะฉกาจฉกรรจ์ การล่มสลายของศีลธรรม จะนำไปสู่การล่มสลายของสังคมและวัฒนธรรมเอง
และแล้ว​“Novissimi” เหตุการณ์ตอนสิ้นยุค​ ตามที่มีทำนายไว้ในพระคัมภีร์ก็จะตามมาอย่างมิต้องสงสัย

🔹---โปรดติดตามตอนต่อไป​-​--🔹
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6790
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ ก.ย. 05, 2025 7:29 pm

🕵️ เกาะติด​วิกฤติ​โลกผ่านทาง​พระคัมภีร์​และนอสตราดามุส 🕵️
โดย​ สนธิ​ สารธรรม
ตอนที่​ (. 94. )

✴️ สาส์น​จากสวรรค์​ (C) ✴️
หากมนุษย์ไม่ปฏิรูป และยังคงเมินหน้าไปจากองค์พระผู้เป็นเจ้า​ พระเมตตาของพระเป็นเจ้าก็จะ
เปิดทางให้พระยุติธรรมของพระองค์เข้ามาแทนที่​ ซึ่งเรียกร้องให้ชดเชยบาป มนุษย์ปฏิเสธพระเจ้า
พระเจ้าก็จะปฏิเสธมนุษย์ ซึ่งก็คือความพินาศนั่นเอง การลงทัณฑ์ครั้งใหญ่จะมาเยือนมนุษยชาติ
เป็นการชำระล้างโลก
การลงทัณฑ์นี้ตามที่ทำนายในพระคัมภีร์จะมาในรูปของไฟ
สัตบุรุษถูกเรียกสู่การกลับใจ​ และใช้โทษบาป ซึ่งเป็นวิธีหรือเครื่องมือที่สำคัญอันสุดท้ายที่จะ
ช่วยเขาให้รอดได้ คริสตชนจะต้องกระทำในทันทีทันใด​ ถ้าอยากจะเป็นแสงแห่งความรอดตลอดนิรันดร
เรากำลังเข้าสู่ช่วงเวลาแห่งการทดสอบครั้งใหญ่ และมหาภัยพิบัติ​ ซึ่งเรียกร้องเราให้ยอมพลีแม้
ชีวิตเพื่อปกป้องความเชื่อของเรา สิ่งนี้เป็นเรื่องจำเป็นสำหรับการชำระล้างพระศาสนจักร เราต้อง​เตรียม
​ตัวด้วยการบำเพ็ญภาวนา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง​ การสวดลูกประคำ ทำพลีกรรม​ และชดเชยบาป
การตอบสนองของเรา เราจะต้องเชื่อว่าพระเยซูจะเสด็จมาตั้งอาณาจักรของพระองค์บนโลกนี้จริงๆ
หรือ? การเสด็จมาครั้งที่​ 2 ใกล้เข้ามาแล้วจริงหรือ?​ บาทหลวง​ โลรังแต็ง ให้ทรรศนะในเรื่องนี้แบบระมัด
ระวังว่า “ที่ว่า อาณาจักรของพระเจ้า ใกล้จะถึงนั้น สำหรับบุคคลที่มุ่งหวังตั้งตาคอยด้วยความร้อนรน​
มันก็ดูเหมือนใกล้จริงๆ ... แต่สำหรับบางคนที่ไม่ได้ตั้งความหวัง หรือสนอกสนใจในเรื่องนี้นัก ก็จะ
หมายถึงใกล้จะถึง แต่ยังไม่ถึง อาจจะเป็นหนึ่งปี​ เป็นสิบปี ก็ใช้คำใกล้ได้ทั้งนั้น
แล้วท่านก็แนะนำให้รอบคอบไว้ บาทหลวง​ โลรังแต็ง ได้วางแนวปฏิบัติไว้ด้วยว่า เราจำเป็นที่จะตอบ
สนองอย่างรีบด่วนดังนี้ “ภารกิจของแม่พระก็คือภารกิจของผู้เป็นมารดาของชาวโลก ตามความเห็นของ
ท่านนักบุญ​กรีญอง เดอ มองฟอร์ต ภารกิจอันนี้จะเพิ่มความเข้นขึ้นในวันท้ายๆ ของโลก ไม่ใช่เพราะความ
เร่งด่วนดอกหรือ แม่พระจึงได้ปรากฏมาถี่ขึ้น​ ความเร่งด่วนอาจมิได้หมายถึงจะสิ้นโลก แต่อย่างน้อยก็หมาย
ถึงมาถึงจุดเปลี่ยนที่สำคัญทางประวัติศาสตร์​ เพราะจะเป็นธรณีประตูสู่พันปีที่ 3 มิใช่หรือ?
การตอบสนองที่เต็มด้วยความรับผิดชอบต่อสาส์นของแม่พระก็คือ​ การตอบรับเสียงเรียกร้องของแม่พระ
คือ กลับใจ​ อธิษฐานภาวนา จำศีลอดอาหาร ทำพลีกรรม ชดเชยบาป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง​ หลีกหนีบาป แล้ว
หันหน้าเข้าหาพระ คริสตชนที่รับผิดชอบจะถือสาส์นของแม่พระเป็นเรื่องเล่นๆ ไม่ได้​ หากไม่มีการเปลี่ยนแปลง
ความประพฤติในทางเสื่อมศีลธรรมอย่างจริงจัง การชำระล้างโลกจะมาแน่ๆ​ ตามที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์
ไม่มีใครรู้วันใดและเวลาใด​ นอกจากพระบิดาแต่ผู้เดียว “วันใด​ ชั่วโมงใดไม่มีใครรู้ แม้แต่ทูตสวรรค์​
หรือพระบุตรก็ไม่รู้ รู้แต่พระบิดาแต่ผู้เดียว (มาระโก 13:32) มันก็เหมือนกับเพื่อนเจ้าสาวฉลาด*​ คือเราซึ่ง
เตรียมพร้อมที่จะออกไปรับเจ้าบ่าวที่กำลังมา แม่พระเป็นเหมือนตะเกียง​ การสวดภาวนาเป็นเหมือนน้ำมัน
ตะเกียง เราสามารถคอยรับพระเยซู​(เจ้าบ่าว) ผู้กำลังมาเพื่อสถาปนาราชอาณาจักรของพระองค์ ท่ามกลาง
ประชากรของพระองค์ ณ ฟ้าใหม่และแผ่นดินใหม่
....................................
* อุปมาเรื่องหญิงสาวพรหมจารีสิบคน “อาณาจักรสวรรค์อาจเปรียบได้กับเรื่องหญิงพรหมจารีสิบคน ซึ่งถือ
ตะเกียงออกไปรับเจ้าบ่าว ในจำนวนนั้น​ ห้าคนเป็นผู้ที่เฉลียวฉลาด เวลาเอาตะเกียงมาเติมน้ำมัน ก็รู้จักหา
ภาชนะใส่น้ำมันสำรองเผื่อไว้ ส่วนอีกห้าคนเป็นคนโง่เขลาขาดความรอบคอบ จึงมิได้เตรียมน้ำมันสำรองไว้
ในระหว่างที่เจ้าบ่าวยังชักช้ามาไม่ตรงตามกำหนดเวลา​ หญิงสาวทั้งสิบคนนี้จึงม่อยหลับไป ครั้นตกเที่ยงคืน
มีเสียงตะโกนว่า​ “เจ้าบ่าวมาแล้ว​ ออกไปต้อนรับกันเถิด”​
หญิงทั้งสิบต่างลุกขึ้นและไขตะเกียงของตนให้สว่าง ฝ่ายหญิงโง่เขลาทั้งห้าซึ่งมิได้เตรียมน้ำมันสำรองไว้
เห็นว่าตะเกียงของตนริบหรี่จวนจะดับ​ จึงขอแบ่งปันน้ำมันจากหญิงสาวอีกห้าคน ซึ่งมีความรอบคอบในเรื่องนี้​
แต่หญิงสาวทั้งห้าคนนั้นตอบปฏิเสธว่า “น้ำมันของเราไม่พอที่จะแบ่งปันให้พวกเธอได้หรอก ขอให้พวกเธอ
ไปซื้อจากร้านค้าเอาเองเถิด”​
แต่ขณะที่หญิงสาวผู้โง่เขลาทั้งห้าคนกำลังไปซื้อหาน้ำมันอยู่นั้น​ เจ้าบ่าวก็มาถึง หญิงสาวพรหมจารีห้า
คนที่เตรียมพร้อมอยู่แล้วก็ได้ร่ามขบวนไปในงานเลี้ยงฉลองการสมรสกับเจ้าบ่าว เมื่อไปถึงแล้วเจ้าบ่าวก็
ปิดประตูบ้านไว้​ ครั้นเมื่อหญิงสาวอีกห้าคนไปถึง (จึงได้แต่ยืนอยู่ข้างนอก) และรัองเรียกว่า​ “ท่านเจ้าคะ
ท่านเจ้าคะ​ โปรดเปิดประตูให้พวกเราด้วยเถิด”​
แต่เจ้าบ่าวก็ร้องตอบว่า “เราไม่รู้จักพวกเธอ”
ฉะนั้นท่านทั้งหลายจึงต้องระวังระไว เตรียมตัวไว้ให้พร้อมอยู่เสมอ​ เพราะพวกท่านไม่รู้ว่า
เราจะมาวันใดและเวลาใด (มัทธิว 25:1-3)”

🔹---โปรดติดตามตอนต่อไป​-​--🔹
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6790
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ ก.ย. 05, 2025 7:35 pm

🕵️ เกาะติด​วิกฤติ​โลกผ่านทาง​พระคัมภีร์​และนอสตราดามุส 🕵️
โดย​ สนธิ​ สารธรรม
ตอนที่​ ( 95 )

✴️ ฟ้าใหม่​ แผ่นดินใหม่​ (A)​ ✴️
เก็บความจากหนังสือ​Mankindʼs Final Destiny ชะตากรรมสุดท้ายของมนุษยชาติ โดย​
อดีตเอกอัครราชทูต Howard Q. Dee
“ท้องฟ้าเดิมและแผ่นดินเดิมจะผ่านไป (โป๊ป จอห์น พอลที่ 2) พระเยซูจะเสด็จกลับมาอีกจริงๆ​ หรือ?​
อันที่จริงความเชื่อของชาวคริสต์ที่ว่า​ “พระเยซูจะเสด็จกลับมาเป็นครั้งที่ 2”​ นั้นถือเป็นความเชื่อขั้นพื้นฐาน​
จะเห็นได้ว่าระหว่าง พิธีบูชามิสซา​ ช่วงที่สำคัญที่สุด คือตอนพระสงฆ์ยกศีลมหาสนิท ทันทีหลังจากนั้น
บรรดาสัตบุรุษทุกคนจะกล่าวพร้อมกันว่า​ “พระคริสต์เจ้าทรงสิ้นพระชนม์” “พระคริสต์เจ้าทรงกลับคืนชีพ”
“พระคริสต์เจ้าจะเสด็จกลับมาอีก”
ชาวคริสต์ได้พร่ำสวดและตั้งตาคอยการเสด็จกลับครั้งที่ 2 ของพระเยซูเป็นเวลาถึง 20 ศตวรรษมาแล้ว​
แต่ดูเหมือนว่าต่างรู้สึกกันว่ายังอยู่อีกนาน และบางครั้งรู้สึกว่าไม่อยากพูด​ หรือได้ยินถึงเรื่องนี้เสียด้วยซ้ำ
แม้แต่คำเทศน์ของพระสงฆ์ก็ดูเหมือนไม่ค่อยเคยได้ยิน ซ้ำร้ายใครเทศน์หรือพูดเรื่องนี้กลายเป็นที่สะดุดใจ
ให้คิดไปในทางลบไปเสียด้วยซ้ำ
โป๊ป พอลที่ 6 พูดถึงยุคสุดท้ายก่อนสิ้นพระชนม์ด้วยถ้อยคำตัดพ้อดังนี้ “ในระยะนี้มีหนังสือออกมาใหม่
หลายเล่ม ซึ่งส่อแสดงถึงความเชื่อได้ลดน้อยถอยร่นมาสู่จุดอันตราย​ แต่คณะพระสังฆราชยังคงนิ่งเฉย​ และ
ต่างก็รู้สึกไม่แปลกใจในหนังสือเหล่านี้ แต่สำหรับอาตมาภาพรู้สึกแปลกใจมาก บางครั้งอาตมาภาพอ่าน
พระคัมภีร์ตอนสิ้นยุค​ และอาตมาภาพขอเป็นสักขีพยานว่า​ ณ​ เวลานี้ มีสัญญาณบางอย่างของการสิ้นสุด
แห่งกาลเวลาปรากฏมาให้เห็นแล้ว”
สาส์นของพระสันตะปาปาปี​ 1977 นี้ ไม่ใช่ธรรมดาที่องค์สมเด็จพระสันตะปาปาแห่งพระศาสนจักรเอง
ได้ทรงยืนยันอย่างมั่นใจว่า​ “ณ​ เวลานี้ มีสัญญาณบางอย่างแห่งการสิ้นสุดแห่งกาลเวลาปรากฏมาให้เห็นแล้ว”
และโป๊ป พอลที่ 6 เช่นเดียวกันที่กล่าวว่า “ควันของมารซาตานได้เล็ดลอดเข้ามาในพระศาสนจักร”​ และเมื่อ
พระองค์ตรัสถึงสาส์นแห่งฟาติมา​ พระองค์ตรัสว่า​ “เป็นสาส์นที่บอกถึงสิ่งสุดท้ายของโลกที่จะอุบัติ​
(eschatological) ในความหมายคล้ายกับประกาศว่า เป็นฉากของยุคสุดท้ายของมนุษยชาติทั้งมวลพร้อม
หน้ากัน” พระองค์เป็นโป๊ปองค์แรกที่เปิดเผยว่า สาส์นแห่งฟาติมามีความเกี่ยวพันกับชะตากรรมสุดท้ายของ
มนุษยชาติ และในปีเดียวกัน​ วิทยุวาติกันเตือนว่า เราคงจะถึงจุดสมบูรณ์สุดยอดแห่งกาลเวลา และอาจเริ่ม
มีชีวิตที่มีกล่าวในหนังสือวิวรณ์ของเซนต์จอห์น
การที่โป๊ป จอห์น พอลที่ 2 ถูกลอบปลงพระชนม์เมื่อ 13 พฤษภาคม​1981 ที่หน้าวิหารเซนต์ปีเตอร์
ก็เป็นส่วนหนึ่งของคำทำนายของแม่พระแห่งฟาติมาที่ว่า “โป๊ปจะต้องทนทุกข์ทรมานอย่างสาหัส”​
ในปี 1985 พระคาร์ดินัล รัตซิงเกอร์ พระสมณมนตรีกระทรวงพระธรรมความเชื่อได้เปิดความลับข้อที่​ 3
แห่งฟาติมาด้วยความกล้าหาญและด้วยความรอบคอบว่า ท่านเป็นผู้ดูแลรักษาความลับนี้เอง ซึ่งมีความเกี่ยว
พันกับ Novissimi คือเหตุการณ์ของยุคสุดท้าย ตามที่พรรณนาในหนังสือวิวรณ์​ คำพูดอันนี้ได้เพิ่มความเชื่อถือ
แก่การประกาศของวิทยุวาติกันและบทความของโป๊ป จอห์น พอลที่ 2 ที่ว่า เราเป็นพระศาสนจักรที่กำลังจาริก
แสวงบุญในเส้นทางสุดท้าย ท้ายสุดสู่ชะตากรรมสุดท้ายของเรา
พระคาร์ดินัลรัตซิงเกอร์ได้รับรองสาส์นของแม่พระที่อากีตะ​ เมื่อปี ​1988 ท่านยอมรับว่า สาส์นแห่ง​อากีตะ
เป็นการยืนยันสาส์นแห่งฟาติมานั้นเอง แน่นอนสาส์นแห่ง​อากีตะพรรณนาถึงการสิ้นยุค...การลงทัณฑ์จะรุนแรง
กว่าน้ำมหาวินาศอย่างที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน... ไฟจะตกจากฟากฟ้า​ และจะเผาผลาญส่วนใหญ่ของ
มนุษยชาติ ทั้งคนดีและคนเลว ไม่เว้นแม้แต่พระสงฆ์องค์เจ้าหรือชาวบ้านธรรมดาๆ
ในปี 1989 สาส์นล่าสุดของแม่พระที่ Kibeho รวันดา แม่พระวิงวอนพวกเรา ให้เตรียมตัวสำหรับการเสด็จ
กลับมาสู่โลกอีกครั้งหนึ่งของพระเยซู ในเหตุการณ์พร้อมๆ กันกับช่วงสิ้นยุคหลังการลงทัณฑ์​ สาส์นแห่งคีเบโฮ
บอกไว้ว่า พระเยซูเองกล่าวว่ามนุษย์ดูเหมือนตาบอด​ และไม่อีนังขังขอบกับอันตรายที่ใกล้ตัวที่สุดแห่งการ
ทำลาย-ตัวเอง เราจะต้องไม่ยอมทำผิดศีลธธรรม และให้ปรับปรงตัวตามคำเตือนของแม่พระ
​ นั่นคือการเตรียมช่วย โลกมิให้พินาศเป็นจุณ
ในปี 1992 ผู้มีญาณพิเศษที่ได้เห็นแม่พระ 3 ท่านได้มาเยี่ยมประเทศฟิลิปปินส์เพื่อแบ่งปัน “สาส์นจาก
เบื้องงบน” ซึ่งพวกเขาได้รับ คนแรกคือ วาสสุลา ไรเดน เป็นชาวคริสต์​ออร์โร​ดอกซ์​อยู่ในประเทศสวิสเซอร์แลนด์
คนที่ 2 คือ จูเลีย ยุน ฮุงซุน แม่บ้านชาวเกาหลี คนที่ 3 คือ โยซิป เตเรลยา ชาวยูเครนเป็นนักต่อสู้เพื่ออิสรภาพ
ซึ่งได้เป็นพยานในการปรากฏมาของแม่พระในพระศาสนจักรที่กำลังถูกเบียดเบียนในโซเวียตรัสเซีย
แต่ละคนต่างก็มีประสบการณ์คนละแบบแล้วแต่กรณีแวดล้อม
วาสสุลา ไรเดน ได้รับ “สาส์น” ทั้งจากพระเยซูและแม่พระโดยได้ยินเสียงภายในใจ แล้วเธอจดบันทึกทีละ
ประโยค จากพระเยซู​เองเป็นส่วนใหญ่ นานๆ ครั้งก็จากแม่พระ (ข้อสังเกต วาสสุลา เป็นแม่บ้านธรรมดาไม่ค่อย
จะมีความรู้ด้านศาสนาเท่าใด​ บางครั้งก็เป็นนางแบบสมัครเล่นด้วย-สนธิ) เธอเห็นพระเยซูและแม่พระด้วยตา
ภายใน (ดวงตาที่ 3 - สนธิ) เธอมาฟิลิปปินส์พร้อมกับผู้แนะนำทางจิตวิญญาณประจำตัวของเธอ คือท่าน
บาทหลวง Michael OʼCaroll ผู้เข้าร่วมประชุม​International Symposium ในหัวข้อ “พระหฤทัยของพระเยซูเจ้า
และดวงหทัยของแม่พระ” ซึ่งจัดโดยพระคาร์ดินัล ซิน ที่ฟาติมาในปี 1986 และที่มะนิลา ในปี 1987

🔹---โปรดติดตามตอนต่อไป​-​--🔹
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6790
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ ก.ย. 05, 2025 7:40 pm

🕵️ เกาะติด​วิกฤติ​โลกผ่านทาง​พระคัมภีร์​และนอสตราดามุส 🕵️
โดย​ สนธิ​ สารธรรม
ตอนที่​ ( 96 )

✴️ ฟ้าใหม่​ แผ่นดินใหม่​ (B)​ ✴️
วาสสุลา ได้นิมิตเห็นการลงทัณฑ์มาเป็นลำแสงไฟจากฟากฟ้า​ และเธอยังได้เห็นผู้คนวิ่งพล่านอย่าง
ตระหนกตกใจ ตามตัวลุกเป็นไฟ​ และบนท้องฟ้าก็มีไฟลุกโหมอยู่ทั่วไป พระเยซูได้มอบสาส์นต่อไปนี้
แก่เธอในคืนวันคริสต์มาสปี 1991
“ลูกเอ๋ย ขอให้ลูกติดตามรอยเท้าเปื้อนเลือดของเรา และจงป่าวประกาศนามของเราไปให้ทั่ว เวลา
มาถึงแล้ว ลูกจะต้องไม่รั้งรออีกแล้ว​ จงปลูกสวนองุ่นไปให้ทั่ว จะเป็นที่ไหนก็ได้ที่ลูกสามารถไปถึง จงทำ
ทะเลทรายให้เป็นสวนให้ได้ เราได้อวยพรสาส์นของเราให้เจริญงอกงามและหยั่งรากลึก จงกล้าหาญเถอะ
ลูก จงเขียนไปว่า ป้อมปราการทั้งหลายแหล่ กำลังถูกอ้ายตัวกบฏล้อมไว้แล้ว เรามาวันนี้ก็เพื่อมอบสันติสุข
ของเราแก่มนุษย์ แต่น้อยคนเหลือเกินที่ฟังเรา วันนี้เรามาพร้อมกับแผนสันติภาพและสาส์นรัก แต่ทว่าสันติสุข
ที่เรากำลังมอบให้ กลายเป็นคำผรุสวาทตอบจากโลก และความรักมีดังนี้ ที่เรามอบให้พวกเขากลับถูกตอบ
แทนด้วยคำเย้ยหยันและเหยียดหยาม ในคืนนี้เอง ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดของเรา ผู้คนกำลังเฉลิมฉลองวันนี้
โดยไม่มีชื่ออันศักดิ์สิทธิ์บริสุทธิ์ของเรา ชื่อของเราได้ถูกยกเลิกไป พวกเขาถือวันเกิดของเราประหนึ่งวันหยุด
พักผ่อนหาความสนุก ความสำราญสบายๆ​ โดยไปกราบไหว้รูปอิฐรูปปูน”
ประสบการณ์ของจูเลีย ก็เร้าใจไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาพของแม่พระที่ได้หลั่งน้ำตาเป็น
เลือด เมื่อบาทหลาง Jerry Orbos พร้อมกับ June Keithley แห่ง Center of Peace ได้ไปเยี่ยมจูเลียเมื่อ
เดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว ศีลมหาสนิทที่เธอรับเข้าปากจากบาทหลวง​ Orbos ได้กลายเป็นก้อนเนื้อและหลั่ง
เป็นเลือดจนเอ่อล้นออกจากปากของเธอ​ ในขณะเดียวกันนั่นเอง แม่พระก็ได้ปรากฏมาพบเธอ​ เธอก็ร้องไห้
โดยกอดแขนของบาทหลวง Orbos และพระสงฆ์อีกรูปหนึ่ง ครั้นแล้วพระเยซู​ก็ตรัสกับเธอว่า​ “ดวงใจอัน
ศักดิ์สิทธิ์บริสุทธิ์ของเราที่กำลังแผดเผาอยู่นี้​ จะเป็นแหล่งกำเนิดแห่งความรอด สำหรับโลกอันดำทะมึนนี้”
ถึงเวลาแล้ว ที่มนุษย์จะถูกลงโทษอย่างหนัก เพราะบาปของพวกเขา จูเลียกล่าวว่า​ การลงทัณฑ์จะมาเป็น
ไฟจากฟ้า และมันอาจมาจากมนุษย์ด้วยกันเองก็ได้​ เป็นการบอกใบ้ว่าอาจเป็นสงครามนิวเคลียร์​ แม่พระ
กล่าวแก่จูเลียว่า​ “โลกกำลังดิ่งสู่หายนะ อย่างไม่มีอะไรจะทัดทานได้ ขณะที่มารซาตานกำลังวางกำลังเพื่อ
ทำลายโลก อย่างเอาเป็นเอาตาย แม่ปรารถนาที่จะช่วยให้โลกรอด แม่จะประสบชัยชนะโดยอาศัยความ
เมตตาและความรัก​ หากลูกสวดพร้อมกับแม่ กอดมือแม่ไว้ด้วยความวางใจในแม่ ดวงใจอันบริสุทธิ์ของ
แม่จะประสบชัยชนะอย่างแน่นอน”​
“ในไม่ช้านี้ เร็วๆ นี้แหละ ลูกจะได้ยินเสียงของเรา เราจะมาเยี่ยมลูกด้วยเสียงฟ้าคำรามและเปลวไฟ​
ยุติธรรมอยู่ใกล้แค่เอื้อม ดวงใจทั้งสองของเราที่พวกลูกได้ต่อสู้จะประสบชัยชนะได้ในที่สุด และอาณาจักร
ของโลกนี้จะกลายเป็นอาณาจักรของเรา​ นี่ก็ใกล้เข้ามาแล้ว เปิดตาของพวกลูกดูรอบๆ​ ตัวของลูก​ เรากำลัง
ให้สัญญาณแห่งกาลเวลา....”
โยซิป เตเรลยา ใช้เวลา 20 ปี​ ในคุกโซเวียต ได้พยายามป้องกันความเชื่อแบบคริสต์เอาไว้ได้ แม้ต้อง
ถูกส่งไปทำงานหนักในค่ายกักกัน​ หรืออยู่ในโรงพยาบาลประสาท เขาเล่าการปรากฏมาของแม่พระใน
ยูเครนต่อหน้าฝูงชนหลายพันคน ทุกคนเห็นแม่พระ และได้ยินสาส์นที่แม่พระมอบให้ด้วย แม่พระกล่าวว่า
“แม่เห็นสนามใหญ่แห่งหนึ่งเต็มไปด้วยเปลวไฟ และในสนามนั้นมีอยู่ด้วยกันหลายชาติหลายภาษา ไม่มี
เวลาพอที่จะขุดหลุมฝังศพด้วยซ้ำ ไม่มีน้ำ ไฟลุกไปทั่วท้องฟ้า แม่ขอให้ลูกๆ​ วิงวอนแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า
ขอพระองค์ยกโทษให้ลูก และรับลูกๆ​ ไว้ใต้ปีกของพระองค์ ในอดีต​ แผนการแห่งความรอดของพระเป็นเจ้า
ถูกมอบให้แก่มนุษยชาติผ่านทางบรรดาประกาศก ทำไมพวกลูกจึงไม่เดินตามเส้นทางที่พระบิดาผู้ศักดิ์สิทธิ์
ทรงกำหนดไว้เล่า?”​
บาทหลวงโลรังแต็ง : แม่พระกำลังบอกอะไร?
บาทหลวงเรอเน โลรังแต็ง​ เป็นผู้เชี่ยวชาญที่สุดเกี่ยวกับการปรากฏมาของแม่พระ ได้ใช้เวลาถึง 4 ปี
ในการทำวิจัยที่ต้องใช้ความอดทนสูง​ อันเป็นภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากท่านพระคาร์ดินัล ซิน ในหัวข้อ
“แม่พระกำลังบอกอะไรในระหว่างการประจักษ์มา”​ บทสรุปในหนังสือชื่อ​ “การปรากฏมาของแม่พระในวัน
เหล่านี้” “การปรากฏมาของแม่พระในวันเหล่านี้ก็เหมือนครั้งก่อนๆ คือสาระของสาส์นที่แม่พระมอบให้ก็ล้วน
เป็นการตอบสนองทางพระคัมภีร์ และในเวลาเดียวกันก็เป็นสาส์นเชิงพยากรณ์ไปในตัวด้วย​ การตอบสนอง
ทางพระคัมภีร์ดูเหมือนจะซ้ำๆ และธรรมดาๆ ล้วนแต่เคยได้ยินมาแล้วทั้งสิ้น อย่างไรก็ดี การเตือนเชิงพยากรณ์
นั้นอาจจะช่วยเขย่าเราให้ออกมาจากความเฉื่อยชาก็ได้​ ทำให้เราดูความจริงต่างๆ​ อย่างจริงจังว่าเราได้เพิก
เฉยและหลงลืมไปหรือเปล่า เพราะบางครั้งเรามักเอาเรื่อง “รีบเร่ง” ไปไว้ในที่ของเรื่อง “สำคัญ”

🔹---โปรดติดตามตอนต่อไป​-​--🔹
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6790
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ ก.ย. 05, 2025 7:48 pm

🕵️ เกาะติด​วิกฤติ​โลกผ่านทาง​พระคัมภีร์​และนอสตราดามุส 🕵️
โดย​ สนธิ​ สารธรรม
ตอนที่​ ( 97 )

✴️ ฟ้าใหม่​ แผ่นดินใหม่​ (C) ✴️
“สาส์นของการปรากฏมาของแม่พระ นำเสนอการวินิจฉัยเป็นเบื้องต้นว่า โลกสมัยใหม่ของเรา ปล่อยตัว
ปล่อยใจให้หาความสุขอย่างเพลิดเพลิน โดยไม่ไยดีต่อพระบัญญัติแห่งพระผู้เป็นเจ้า มันเป็นการทำลายตัวเอง
อย่างน่าเป็นห่วง”
“การวินิจฉัยนี้ต้องหันกลับไปดูประวัติศาสตร์ โลกเชื่อว่าได้พบความลับแห่งความสุข
โดยการทอดทิ้งพระเจ้าเมื่อต้นศตวรรษที่ 20 นักวิทยาศาสตร์ผู้กำลังประสบชัยชนะได้ประกาศว่าความก้าวหน้า
ทางวิทยาศาสตร์ไม่มีทางจะผิดพลาดได้ และเหตุผลก็จะสามารถสร้างสันติภาพ​ ความเจริญ และสุขภาพ​ ซึ่งแต่
ก่อนนี้มนุษย์ต้องวอนขอจากพระเจ้า​ วิทยาศาสตร์กำลังขจัดปัดเป่า เชื้อโรค ความอดอยากและสงครามให้สูญ
สิ้นไปได้ ความมั่นใจที่นอกลู่นอกทางย่อมไม่ยั่งยืน ศตวรรษนี้เชื่อว่าจะเป็นธรณีประตูไปสู่ยุคทอง ได้สร้าง
สงครามมาถึงสองครั้งสองครา​ และดูเหมือนว่าจะลามปามเป็นครั้งที่ 3 โลกของเราได้กลายเป็นโรงละครสำหรับ
การระเบิดแห่งความรุนแรงที่ไม่คาดฝัน ความเบี่ยงเบนทางศีลธรมก่อให้เกิดความรับผิดชอบใหญ่หลวงต่อการ
เกิดของโรคใหม่ ซึ่งไม่มีทางจะเยียวยาได้ มีผู้คนมากมายที่เป็นโรคขาดอาหาร​ แต่ในขณะเดียวกันก็มีคนอีก
จำนวนมาก เกิดโรคเพราะบริโภคอาหารเกินความจำเป็น และยาเสพติดก็แพร่หลายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ผู้เชี่ยวชาญระดับอินเตอร์ และผู้นำระดับโลก จะระวังระไวแต่การวินิจฉัยเท่านั้น พวกเขาจะเอาใจจดจ่อ
เฉพาะคะแนนนิยมจากประชาชนมากกว่าแก้ไขปัญหาให้ลุล่วงไป ตลอดระยะเวลาหลายทศวรรษ​ได้กระทำ
การส่งเสริมสันติภาพได้ดีเยี่ยม โดยสร้าง​ “ดุลยภาพแห่งความกลัว” ซึ่งนำไปสู่การแข่งขันทางอาวุธไปเสียฉิบ
คลังแสงมหันตภัยที่สะสมอาวุธเอาไว้ไม่ใช่อะไรอื่นไกล ล้วนเป็นอาวุธทำลายแบบชีวภาพเอย​ เคมีเอย รวมไป
ถึงอาวุธปรมาณูซึ่งมีอานุภาพสามารถทำลายโลกทั้งโลก
การลงทัณฑ์ด้วยไฟ ใครคนหนึ่งอาจถามว่าการลงทัณฑ์ด้วยไฟนิวเคลียร์จะเกิดขึ้นอย่างไร จะทำให้สงคราม
เย็นสิ้นสุดอย่างไร และการล่มสลายของลัทธิคอมมิวนิสต์ยุโรปจะเป็นไปในรูปใด คำตอบที่มาถึงข้าพเจ้าเป็น
จดหมายจาก John Halfert เป็นข้อความจากหนังสือ​ “To prevent this” ที่เขาเขียนเป็นบทหนึ่งในหัวข้อ “
....” “การลงทัณฑ์อยู่​ใกล้แค่เอื้อม” เขาได้กล่าวถึงหลายๆ เหตุการณ์ดังนี้
เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 1992 ประธานาธิบดี ยูเครน Leonid Kravchuck ประกาศว่า​ สาธารณรัฐของเขา
จะไม่ส่งหัวรบนิวเคลียร์ไปให้รัสเซียอีกแล้ว เพราะกลัวว่า “แทนที่จะเอาไปทำลายทิ้ง​ พวกเขาจะเอาไปติดตั้ง
ใหม่มากกว่า”​
เนื่องจากมีความวุ่นวายและความไม่แน่นอนในรัสเซีย เราไม่สามารถรับประกันว่าอาวุธเหล่านี้จะไม่ตกในมือมาร”
เมื่อเร็วๆ นี้ มอสโก ได้บอกกับเจ้าหน้าที่ชาวตะวันตกว่า “หัวรบหลายลูกได้หายไป”​ จากคลังแสง​ ตำรวจ
เยอรมนีจับได้ผู้ชาย 2 คน​ จากอดีตสหภาพโซเวียต กำลังติดต่อขายแร่ยูเรเนียมที่ใช้สำหรับอาวุธปรมาณู​ มี
รายงานการขายแร่ยูเรเนียมชนิดเข้มข้น ได้กระทำผ่านเจ้าหน้าที่อดีตโซเวียต ไปยังบริษัทยุโรปซึ่งเป็นตัวแทน
แก่ผู้ที่สนใจชาวตะวันออกกลาง
ผู้อำนวยการ CIA โรเบิร์ต เกทส์ ได้กล่าวเมื่อเดือนมีนาคม 1992​ถึงอันตรายที่ยิ่งทียิ่งเพิ่มขึ้นของนิวเคลียร์
เขาใช้คำ​“Cataclysmic” ในการพรรณนาถึงการล่มสลายของจักรภพโซเวียตว่า “พลังอำนาจที่เคยเป็นปึกแผ่น
มาเป็นเวลาถึง 70 ปี ต้องมาหลุดลอยกระจัดกระจายไป” เขาเผยว่า เกาหลีเหนือมีเครื่องปฏิกรณ์ปรมาณู​ใหม่จะ
ปฏิบัติการได้ในปี​ 1992 และกล่าวว่า จีนกำลังจัดหาจรวด และเทคโนโลยีนิวเคลียร์ไปให้ประเทศโลกที่สาม
อินเดียและปากีสถานก็มีความสามารถทางนิวเคลียร์​ และได้กล่าวว่า กำลังใช้ความพยายามต่อไปที่จะเป็นผู้นำ
ทางหัวรบนิวเคลียร์ เหมือนซัดดัม​ ฮุสเซ็น​ แห่งอิรัก และกัดดาฟี แห่งลิเบีย
คลังแสงนิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดมีมากเกินพอที่จะทำลายโลกทั้งโลกขณะนี้อยู่ในคาซัคสถาน อดีตสาธารณรัฐ
ในเครือสหภาพโซเวียต​ ด้วยประชากรเพียง 17 ล้านคน มีเส้นกั้นแดนกับจีนมีความยาวถึง​1,122 ไมล์​ กำลังมี
ปัญหาภายในคาซัคสถาน​เอง และยังจะเผชิญหน้ากับจีนอีก
เมื่ออดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ​ เชวาร์ดนาสเซถูกถามเมื่อต้นปี 1992 ว่า เขารู้สึกอย่างไร (เพราะขาดการ
ควบคุมจากส่วนกลางเกี่ยวกับอาวุธนิวเคลียร์ของโซเวียตที่มีถึง 30,000 ชิ้น) หากเขาเป็นชาวตะวันตก เขาจะ
ตอบว่า “หัวใจจะวาย”​ (เมื่อเดือนพฤษภาคม 1992 หน่วยสืบราชการลับสหรัฐ ได้เปิดเผยภาพถ่ายจากดาว
เทียมว่า คิวบาได้รับจรวดพิสัยไกลหนึ่งลำเรือ จากอดีตสหภาพโชเวียต ถึงแม้หลังจากล่มสลายไปแล้วก็ตาม)
John Haffert ซึ่งได้อุทิศชีวิตไว้กับแม่พระได้สรุปว่า “สาส์นของแม่พระทั้งที่ฟาติมา และที่อากีตะ ล้วนเป็น
จริงทั้งสิ้น แม่พระเท่านั้นที่จะสามารถช่วยโลกให้รอดจากการทำลายล้างอย่างกว้างขวาง เราอาจไม่มีเวลามาก
พอสำหรับเขียนหนังสือ เราเพียงแต่ฟังข่าวด้วยใจเปิดกว้าง​ ไม่มีเวลาอีกแล้วที่จะตอบสนองสาส์นของแม่พระ
จะมีเวลาแต่เพียงตอบสนองอย่างรวดเร็ว และอย่างร้อนรนเท่าที่จะทำได้ หนูน้อยยาชินทา​ แห่งฟาติมา​ กล่าวว่า
​ “พระผู้เป็นเจ้าวางใจในสันติภาพของโลกไว้กับแม่พระ”​

🔹---โปรดติดตามตอนต่อไป​-​--🔹
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6790
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

จันทร์ ก.ย. 08, 2025 9:16 pm

🕵️ เกาะติด​วิกฤติ​โลกผ่านทาง​พระคัมภีร์​และนอสตราดามุส 🕵️
โดย​ สนธิ​ สารธรรม
ตอนที่​ ( 98 )

✴️ ฟ้าใหม่​ แผ่นดินใหม่​ (D) ✴️
ฟังสาส์นของแม่พระล้วนแต่เป็นเรื่องเขย่าอารมณ์แทบทั้งสิ้น​ แม่พระคงจะต้องการ​ “ปลุก”
เราให้ตื่นจากการหลับไหลพลางบอกว่า “เรีอ” กำลังจะถึงฝั่งรอมร่ออยู่แล้ว จริงๆ​ แล้ว​ บทสวด
ทุกเช้าของเราก็ให้​ “ความหวัง”​ และ “กำลังใจ” แก่เราเสมอมา​ ~แล้วพระองค์จะนิมิตแผ่นดินขึ้น
ใหม่~ ลองเปิดพระคัมภีร์ดู เพื่อจะรู้ว่า​ “ฟ้าใหม่แผ่นดินใหม่” ที่เป็นเสมือนรางวัลชีวิตนั้นคืออะไร?
ต้องเปิด 2 เปโตร บทที่ 3
พระองค์จะเสด็จมาในฉับพลันโดยที่ไม่มีใครรู้ตัว
องค์พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จกลับมาอย่างแน่นอน พระองค์จะเสด็จกลับมาในฉับพลัน โดยที่ไม่มี
ใครรู้ตัวเหมือนอย่างการย่องเบาของขโมย​ ครั้นแล้วท้องฟ้าถูกทำลายไปด้วยเสียงดังอันกึกก้อง​
ดวงอาทิตย์​ ดวงจันทร์​ และดวงดาวทั้งหลาย​ ตลอดจนโลก​ และทุกสิ่งทุกอย่างที่มีอยู่ในโลก​ ก็จะถูก
ไฟเผาผลาญให้มลายไปสิ้น
เมื่อท่านทั้งหลายรู้แล้วว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่แวดล้อมตัวเราจะต้องถูกทำลายไปเช่นนี้ ดังนั้น
ท่านทั้งหลายจึงควรประพฤติตนอย่างไร? ท่านควรประพฤติตนให้บริสุทธิ์ผุดผ่อง ดำรงชีวิตอยู่ใน
ทำนองครองธรรมที่ดีงามของพระองค์มิใช่หรือ? โดยรอคอยและเร่งให้ถึงวันเวลาของพระเจ้า​ คือ
วันที่พระเจ้าจะทรงเผาผลาญทำลายท้องฟ้า และทุกสิ่งทุกอย่างบนท้องฟ้าให้ละลายไปด้วยไฟอันร้
อนแรง ทั้งนี้เพราะพระองค์ได้ทรงสัญญาไว้แล้วว่า​ ภายหลังจากนั้นพระองค์จะทรงเนรมิตฟ้าใหม่และ
แผ่นดินใหม่ที่สมบูรณ์แบบ​ อันเป็นดินแดนแห่งความบริสุทธิ์และยุติธรรม
จงดำเนินชีวิตให้บริสุทธิ์ผุดผ่อง เว้นจากการทำบาปทั้งปวง
พี่น้องที่รักทั้งหลาย ระหว่างที่ท่านกำลังรอคอยการเสด็จกลับมาของพระองค์ ตลอดจนคอยท่าที
จะให้เหตุการณ์ทั้งหลายดังกล่าวแล้วเกิดขึ้น จงพากเพียรพยายามดำเนินชีวิตให้บริสุทธิ์ผุดผ่องในสาย
พระเนตรของพระเจ้า เว้นจากการทำบาปทั้งปวง และอยู่ร่วมกับผู้อื่นด้วยความสงบสุข จงจำไว้ว่า การที่
พระองค์ทรงรั้งรอด้วยความอดกลั้นพระทัยอยู่นี้​ ก็เพื่อเปิดโอกาสให้เรารับความรอดพ้นจากความผิดบาป​
ดังที่เปาโลน้องชายที่รักยิ่งของเราได้เคยเขียนจดหมายบอกกล่าวแก่ท่านทั้งหลายเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้มาแล้ว
(เหมือนกับที่เขียนในจดหมายทุกฉบับ) ตามสติปัญญาที่ได้รับจากพระเจ้า แต่ข้อความบางตอนในจดหมาย
ของเขายากแก่การเข้าใจ​ ฉะนั้นจึงมีบางคนซึ่งมีความศรัทธาไม่มั่นคง ประกอบกับขาดความรอบรู้และ
ความเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง​ ตีความหมายไว้อย่างผิดๆ​ เช่นเดียวกับที่ได้บิดเบือนความหมายของพระธรรม
เล่มอื่นๆ ในพระคริสตธรรมคัมภีร์มาแล้ว พฤติการณ์ของคนเหล่านี้จะทำให้เขาต้องประสบกับ,
ความพินาศอย่างแน่นอน
จงระมัดระวังตัวให้ดีเพื่อว่าจะได้ไม่หลงผิด
พี่น้องที่รักทั้งหลาย เมื่อพวกท่านได้รู้ตัวล่วงหน้าเช่นนี้แล้ว จึงควรระมัดระวังตัวให้ดี เพื่อว่าจะได้ไม่
หลงผิดบิดผันไปจากหลักธรรมแห่งคำสั่งสอนของพระเจ้า ที่ท่านยึดมั่นอยู่ตามการชักนำของคนชั่วเหล่านี้​
ขอให้ชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณของท่านทั้งหลาย จงเจริญก้าวหน้าในการรู้จักพระเยชูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้า
​ และพระผู้ช่วยให้รอดของเรา และได้รับความเมตตากรุณาจากพระองค์โดยทั่วหน้ากัน ขอพระสง่าราศี
ของพระองค์ จงรุ่งโรจน์และยั่งยืนตลอดกาล อาแมน

🔹---โปรดติดตามตอนต่อไป​-​--🔹
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6790
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

จันทร์ ก.ย. 08, 2025 9:20 pm

🕵️ เกาะติด​วิกฤติ​โลกผ่านทาง​พระคัมภีร์​และนอสตราดามุส 🕵️
โดย​ สนธิ​ สารธรรม
ตอนที่​ ( 99 )

✴️ สวรรค์​ ณ​ แผ่น​ดิน​ (A)​ ✴️
ในที่สุด ก็มาถึงวันที่จะกล่าวเลียนแบบนวนิยายฝรั่งว่า​ “The Mission is accomplished” คือ
ภารกิจกิจที่ (เบื้องบน หรือสยามโพสต์)​ ได้มอบหมายให้นั้นได้ปฏิบัติลุล่วงไปแล้ว ทำเผลอๆ 2 ปี 6 เดือน​
ต่อไปนี้คงจะมีเวลารวมเป็นเล่ม​ สำหรับแฟนๆ ที่เรียกร้องมา ต้องขอขอบคุณคุณเปลว สีเงิน ที่ให้เกียรติ
เชิญน้องใหม่อย่างผม มาขีดเขียนในหัวข้อค่อนข้างเร้นลับและท้าทาย แต่เพราะความกระหายใคร่รู้
จึงยอมอาสาศึกษาค้นคว้าด้วยความยินดี​ ทั้งๆ ที่ไม่สันทัดด้วยประการทั้งปวง​ เป็นโอกาสให้ผมได้ใช้
บั้นปลายของชีวิต สร้างสรรค์สิ่งที่เป็นประโยชน์แก่สังคมบ้างไม่มากก็น้อย
บทความของวันนี้ก็คงจะเป็นการสรุปสาระสำคัญๆ เกี่ยวกับการทำนายทางคริสตศาสนาซึ่งค้นคว้า
ได้มาจากการเผยแสดงเป็นการส่วนตัว​(Private Revelation) หรือจากการเผยสำแดง (Revelation)
โดยตรงจากพระผู้เป็นเจ้า​ หรือจากพระเยซูที่บันทึกในพระคัมภีร์
พูดถึงการเผยแสดงส่วนตัวแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่งจากพระเยซู​ หรือจากแม่พระนั้น แม้พระศาสนจักร
มิได้เรียกร้องให้ต้องเชื่อก็จริง แต่เซนต์โทมัส อไควนัส ก็ให้ความสำคัญเกี่ยวกับการเผยแสดงส่วนตัวนี้
เป็นอย่างมาก ท่านกล่าวว่า “คนส่วนใหญ่ต้องการหยั่งรู้ถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดโดยอาศัยการปรากฏมาของ
แม่พระก็ดี หรือพระเยซูก็ดี​ แก่บุคคลใดบุคคลหนึ่งเป็นการเฉพาะเจาะจง​ เพื่อมอบสารบางอย่างให้โลกรู้
การปรากฏหรือการประจักษ์มานี้ถือเป็นการให้กำลังใจ หรือสะกิดใจได้ดีกว่าการรับรู้จากพระคัมภีร์
ซึ่งจะเป็นการชักนำไปสู่การรอดพ้นได้”​
มหาภัยพิบัติที่กำลังมาถึง โดย​ Yves Dupont
เหตุการณ์ทั่วไป
- ไม่ใช่สงครามระหว่าง 2 ฝ่าย​ แต่เป็นสงครามระหว่างหลายๆ ฝ่าย
- ไม่ใช่เกิดสงครามเท่านั้น แต่จะเกิดการปฏิวัติไปทั่วโลกด้วย
- ไม่ใช่เป็นการฆ่าฟันที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์เท่านั้น แต่เป็นการลงทัณฑ์ที่ลงมาจากเบื้องบน
ผสมโรงกับการสับสนอลหม่านแห่งจักรวาล
- จะกินเวลา 4 ปี
เหตุการณ์เฉพาะเจาะจง
การประหัตประหารจะเบ่งบานไปทั่วโลก ผลพวงเด่นๆ จะมี​ 2 จุด
จุดที่ 1 คือ ประชาธิปไตยจะล่มสลายไปในทุกประเทศตะวันตก
จุดที่ 2 มหาอำนาจอาหรับรุมขยี้ยุโรป
บทบาทของสหรัฐอเมริกากับสหภาพโซเวียตไม่แจ่มชัด ในตอนแรกสหรัฐอาจเข้าไปพัวพันใน
ตะวันออกไกล หรือวุ่นอยู่ในบ้าน​ หรือไม่ก็ทั้งสองอย่าง สหภาพโซเวียตอาจต้องการอยู่ห่างๆ จากการ
โรมพันตูไม่ว่าในรูปแบบใดในช่วงแรก หรือไม่ก็อาจถูกลากเข้าไปพัวพันด้วยในไซบีเรีย​ ในกรณีเข้า
ไปยุยงส่งเสริมในโลกอาหรับ
สงครามกลางเมืองจะอาละวาดไปทั่วยุโรปตะวันตก ศาสนจักรคาทอลิกจะถูกเบียดเบียน โป๊ปจะหนี
ไปจากกรุงโรม และเสียชีวิตในถิ่นเนรเทศ ปรปักษ์โป๊ปจะถูกตั้งขึ้นในกรุงโรม ศาสนจักรคาทอลิกจะ
แตกแยกขาดผู้นำ และอลเวงขนานใหญ่ ลัทธิคอมมิวนิสต์จะประสบชัยชนะ ชาวอาหรับตะลุยยุโรป​
ประกอบการทารุณกรรมเหลือจะคะเนได้
ชาวคริสต์ในตะวันตกจะห้อมล้อมอัศวินม้าขาว ผู้มีเลือดกษัตริย์
การสับสนอลหม่านทางธรรมชาติจะเริ่มปรากฏ น้ำท่วม​ อากาศแห้งแล้ง ทุพภิกขภัย
ดาวหางโคจรเข้าใกล้โลก ภูเขาเกิดรอยแยกอยู่ทั่วไป น้ำในทะเลจะปั่นป่วนม้วนตัวกลายเป็นคลื่นยักษ์​
ซัดถาโถมท่วมไร่น่าป่าเขาวอดวาย​ ก้อนหินจะตกจากฟ้า หมอกพิษและแก๊สพิษจะเต็มบรรยากาศ ความมืด
อันยืนยาวจะครอบคลุมโลก มนุษย์​ 2 ใน 3 จะถูกกวาดไปสิ้น
อำนาจแห่งมารจะแตกสลายมลายไปสิ้น เจ้าชายชาวคริสต์นำทัพที่โตวันโตคืนเข้าปะทะ และจะประสบ
ชัยชนะครั้งแล้วครั้งเล่า ในเยอรมันตะวันตกเขาสามารถบดขยี้กองทัพรัสเซียผสมเยอรมัน ลัทธิคอมมิวนิสต์
จะล่มสลายไปไม่มีอะไรเหลือ ชาวอาหรับจะถูกโยนตกทะเล​ สงครามรุกคืบหน้าไปจนถึงแอฟริกาและตะวัน
ออกกลาง ซึ่งแสนยานุภาพของอาหรับจะถูกตีกระหน่ำจนลุกไม่ขึ้น ณ จุดนี้เองกองกำลังของสหรัฐจะเข้ามา
ช่วยยุโรปตะวันตกไว้ทันท่วงที
รัสเซียและจีนจะเปลี่ยนศาสนาเป็นคริสต์คาทอลิก และชาวอาหรับก็เช่นเดียวกัน และทุกคนจะกลับคืน
สู่พระศาสนจักรแม่ โป๊ปศักดิ์สิทธิ์ผู้หนึ่งจะได้รับการสถาปนา พระองค์ส่องประกายแห่งความเป็นผู้นำ
และพระองค์จะฟื้นฟูกฎระเบียบเก่าในพระศาสนจักร

🔹---โปรดติดตามตอนต่อไป​-​--🔹
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6790
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

จันทร์ ก.ย. 08, 2025 9:27 pm

🕵️ เกาะติด​วิกฤติ​โลกผ่านทาง​พระคัมภีร์​และนอสตราดามุส 🕵️
โดย​ สนธิ​ สารธรรม
ตอนที่ ( 100 )

✴️ สวรรค์​ ณ​ แผ่น​ดิน​ (B) ✴️
ทุกชาติในยุโรปตะวันตก จะร่วมกันสถาปนาจักรวรรดิโรมันใหม่​ และยอมรับจักรพรรดิของ
พวกเขาคือ เจ้าชายคริสต์ผู้ยิ่งใหญ่​ ผู้ได้รับการคัดเลือกจากพระผู้เป็นเจ้า เขาจะลงมือทำงานเคียง
บ่าเคียงไหล่กับพระสันตะปาปาผู้ศักดิ์สิทธิ์ พระศาสนจักรคาทอลิกจะประสบชัยชนะไปทั่วโลก
ทั่วทั้งโลกจะประสบสันติสุขและความเจริญรุ่งเรืองอย่างไม่คาดคิดมาก่อน จะมีความรักและ
นับถือระหว่างประชาชนและระหว่างชาติเป็นระยะเวลานานพอสมควร
สันติสุขจะคงอยู่จนกระทั่งแอนตี้ไคร้สต์ปรากฏโฉม
ภัยพิบัติและ Theophany จากนิตยสาร Inside The Vatican ฌัง​ กิตตอง นักปราชญ์ชาวฝรั่งเศส​
อายุ 94 ปี เป็นฆราวาสแต่ผู้เดียวที่ได้ร่วมประชุมสังคายนาวาติกันที่ 2 ได้กล่าวว่า “ผมมีความบันดาลใจ
โดยสัญชาตญาณว่าเร็วๆ นี้จะมีภัยพิบัติบางอย่างเกิดขึ้น ติดตามมาด้วยเหตุการณ์หนึ่ง ซึ่งจะเป็นเหตุการณ์
พิเศษสุดยอด และเป็นเหตุการณ์หนึ่งเดียวในประวัติศาสตร์แห่งมนุษยชาติ นั่นก็คือ Theophany การ
สำแดงพลังของเบื้องบน ในวิถีทางที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ตั้งแต่พระเยซูจุติมาบนโลก ผมซึมซาบสิ่งนี้
มาจากที่ได้คิดพิจารณาไตร่ตรองอย่างละเอียดถี่ถ้วนถึงคำทำนายเชิงคุกคาม ซึ่งเริ่มตั้งแต่หนังสือวิวรณ์
และคริสตศาสนาที่ดำเนินมาเป็นระยะเวลาถึง 20 ศตวรรษ จนกระทั่งปัจจุบัน​ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง​ เหตุการณ์
ที่แม่พระปรากฏมาที่ฟาติมา ณ ที่นั้น​ แม่พระได้กล่าวแก่เด็กเลี้ยงแกะ 3 คนว่า ในบั้นปลายรัสเซียจะกลับใจ​
ดวงใจอันบริสุทธิ์ของแม่พระจะประสบชัยชนะ ลูเซีย เด็กที่มีอายุมากที่สุด​ ปัจจุบันยังมีชีวิต ได้กล่าวซ้ำ
แล้วซ้ำเล่าถึงประโยคนี้มากว่า 70 ปี มีน้อยคนนักที่เชื่อเธออย่างจริงจัง ขณะนี้ลัทธิคอมมิวนิสต์ได้ล่มสลาย
อย่างรวดเร็ว​ รัสเซียกำลังกลับสู่ความเชื่อกันทั้งประเทศ นอกจากนี้ผมอยากให้รำลึกถึงบางสิ่งที่ได้เกิดขึ้น
ที่ฟาติมา ก่อนที่จะได้เห็นการสำแดงพลังจากเบื้องบนบางสิ่งนั้นก็คือ​ ปาฏิหาริย์แห่งดวงอาทิตย์ ดวงอาทิตย์
ได้เต้นระบำบนท้องฟ้า​ เปล่งประกายเป็นหลากสีต่อหน้าต่อตาประชาชนเป็นหมื่นๆ นักวิทยาศาสตร์มากหน้า
หลายตาได้เห็นเป็นพยานถึงปรากฏการณ์พิเศษพิสดารอันนี้ด้วย
ความลับข้อที่ 3 แห่งฟาติมา​ จากหนังสือ Mankindʼs Destiny โดย​ เอกอัครราชทูตฟิลิปปินส์ประจำ
วาติกัน Howard Q. Dee “พระเบื้องบนจะลงโทษมนุษยชาติด้วยความรุนแรงมากกว่าครั้งที่ได้เคยทำมา
แล้วครั้งน้ำมหาวินาศ... จะเป็นเวลาแห่งการทดสอบอันแสนสาหัสต่อพระศาสนจักร... คาร์ดินัลจะขัดกับ
คาร์ดินัล สังฆราชจะแย้งกับสังฆราช​ ซาตานจะเดินปนเปในระหว่างพวกเขา... พระศาสนจักรจะถูกทำให้
มัวหมอง​ โลกจะหวั่นไหวด้วยความน่ากลัว สงครามใหญ่จะระเบิดในครึ่งหลังของศตวรรษที่​ 20... และ
แล้วกลุ่มไฟและกลุ่มควันจะลิ่วละล่องจากท้องฟ้า​ น้ำในมหาสมุทรจะปั่นป่วนม้วนตัวเป็นคลื่น​ แล้วสลาย
กลายเป็นไอ... คนเป็นล้านๆ จะพินาศไป และคนที่ยังไม่ตายก็จะอิจฉาคนที่ตายไปแล้ว​ และในที่สุดคนที่
รอดชีวิตจะประกาศพระเกียรติมงคลของพระผู้เป็นเจ้า​ พวกเขาจะปรนนิบัติพระเบื้องบนเฉกเช่นในอดีต
เมื่อโลกยังไม่วิปริตปานนั้น...
วาติกันยอมรับเป็นครั้งแรกว่า​ ความลับข้อที่ 3 บรรรจุข้อความที่หนักหนาสาหัสสำหรับมนุษยชาติ​
โดยไม่ยืนยันหรือปฏิเสธถึงความจริงแท้แห่งความลับนั้น วิทยุวาติกันกล่าวว่า “ไม่ว่าโป๊ป จอห์นที่ 23
หรือโป๊ปพอลที่ 6 ต่างก็ทรงพินิจพิจารณาว่าไม่เป็นสิ่งบังควรที่จะเปิดเผยความลึกลับแห่งฟาติมาให้แก่
ชาวโลก สิ่งที่ได้ถูกเปิดเผยในหนังสือพิมพ์สต๊อกโฮม NEUES Europa ในวันที่ 15 ตุลาคม 1963 นั้นไม่
ได้รับการยืนยันหรือปฏิเสธโดยตรงเลย อย่างไรก็ตาม ความจริงมีอยู่ว่า​ ความลับข้อที่ 3 มีความหนัก
หน่วงเป็นพิเศษ ยืนยันได้จากความเป็นจริงอันเศร้าสลดว่า โลกทั้งโลกในวันเหล่านี้มีชีวิตอยู่อย่างไร​
เรากำลังมีชีวิตในระยะเริ่มต้นแห่งวิวรณ์ ของเซนต์จอห์นแล้วหรือ?​ (วิวรณ์คือพระคัมภีร์เล่มสุดท้ายที่เขียน
โดยเซนต์จอห์น กล่าวถึงนิมิตพระศาสนจักร 7 ยุค ที่ท่านมองเห็น​ และในยุคสุดท้ายนั้นจะเกิดมหาภัยพิบัติ
ต่างๆ ชาวบ้านทั่วไป​ โดยเฉพาะนักหนังสือพิมพ์มักตีความของคำวิวรณ์ - Apocalypse
ในความหมายสุดท้ายคือภัยพิบัติตอนสิ้นยุค)
สมเด็จพระสันตะปาปาพอลที่ 6 คงได้ทรงสังเกตเห็นเหตุการณ์ต่างๆ ของโลกดำเนินไป จึงรู้สึกถึง
ความจำเป็นที่จะได้ตักเตือนถึงความหนักหน่วงแห่งกาลเวลาต่อมวลสัตบุรุษในปี 1977 ก่อนที่พระองค์จะ
สิ้นพระชนม์เพียงหนึ่งปี พระองค์ได้ตรัสว่า “อาตมาภาพได้อ่านพระคัมภีร์ตอนสิ้นยุค อาตมาภาพขอให้
ความมั่นใจว่า ณ เวลานี้ มีสัญญาณบางอย่างแห่งอวสานกาลกำลังปรากฏออกมาให้เห็นแล้ว”
The Marian Movement of Priest ปอล ส.สลับเชื้อ แปล
ลูกที่รัก แม่เป็นพระมารดาแห่งสวรรค์ของลูก และกำลังจัดแผนการใหญ่แห่งความรักสำหรับลูก
เพื่อเป็นการเร่งรัดการมาแห่งชัยชนะของดวงใจแม่ เพราะไม่มีครั้งใดที่โลกจะต้องการความใกล้ชิด
ของแม่เท่ากับครั้งนี้เลย
สัญญาณที่พระเป็นเจ้าส่งมานั้น พวกเขาไม่เข้าใจ หรือไม่รับฟังเลย ที่พระสันตะปาปาของแม่ได้ชี้บอก
ไว้อย่างอาจหาญ และเป็นห่วงว่าพายุร้ายกำลังคอยพวกลูกอยู่นั้น​ หามีใครเชื่อไม่
สาส์นซึ่งแม่ให้โดยผ่านทางลูกตัวเล็กๆ และซื่อๆ ที่แม่เลือกให้เอาไปส่งทุกมุมโลกนั้น ก็ไม่มีใคร
ใคร่ครวญหรือเหลียวแลอีกนั่นแหละ
เจ้ามังกรแดงก็คือ​ ลัทธิ​อเทวนิยมมาร์ค​ซิสม์ (คอมมิวนิสต์) ซึ่งปัจจุบันนี้ได้ชนะโลกแล้ว
(ข้อความนี้บันทึกเมื่อปี 1983) ซึ่งได้ชักพาให้มนุษยชาติสร้างอารยธรรมขึ้นใหม่ของมันเอง เป็น
วัฒนธรรมที่ไม่มีพระเจ้าเป็นสรณะ ฉะนั้นโลกจึงตกอยู่ในทะเลทรายอันหนาวเย็นและแห้งแล้ง จมดิ่งอยู่
ในธารน้ำแข็งแห่งความเกลียด และในความมืดมิดแห่งบาป และความไม่บริสุทธิ์

🔹---โปรดติดตามตอนต่อไป​-​--🔹
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6790
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

อังคาร ก.ย. 09, 2025 10:26 pm

🕵️ เกาะติด​วิกฤติ​โลกผ่านทาง​พระคัมภีร์​และนอสตราดามุส 🕵️
โดย​ สนธิ​ สารธรรม
ตอนที่​ ( 101 )

✴️ สวรรค์​ ณ​ แผ่น​ดิน​ (C) ✴️
ส่วนเจ้าเดรัจฉานดำนั้นได้แก่​ ลัทธิมาซอนรี (ฟรีเมซอน) ซึ่งแทรกซึมเข้าไปในพระศาสนจักร​ และ
โจมตีพระศาสนจักร และหาวิธีด้วยเทคนิคและเล่ห์กลอันชั่วร้ายของมันในอันที่จะทำลายพระศาสนจักรนี้​
มันเป็นเหมือนกลุ่มเมฆพิษ และจิตตารมณ์ของมันซึมซาบเข้าไปในทุกแห่ง​ เพื่อทำให้ความเชื่อชะงักงัน
เป็นอัมพาตไป ให้ความเร่าร้อนในการแพร่ธรรมสูญสิ้นไป​ ทำให้เกิดมีการเหินห่างจากพระเยซูเจ้า
และพระ​วร​สารอย่างที่ไม่มีครั้งใดร้ายแรงเช่นนี้
แอนตี้ไคร้สต์เริ่มบทบาท มีรายละเอียดในวิวรณ์ 9:1-11 เป็นคำบรรยายของพระเยซูเองที่ปรากฏ
มาในนิมิตของ “จอห์นน้อย” Valtorta ณ เดือนสิงหาคม 1943 ใจความว่าง​ “มันผู้นี้มักเรียกกันว่า
“ลูกของซาตาน”​ “เกิดจากมาร”​ “ผู้ทุศีล” “จอมทำลายล้าง” จะเป็นบุคคลมาจากเบื้องสูง​ สูงระดับดวงดาว
ไม่ใช่ดาวธรรมดาๆ ซึ่งส่องแสงในท้องฟ้า​ หากแต่มาจากดวงดาวที่อยู่ในชั้นเหนือธรรมดา ซึ่งยอมจำนน
ต่อการล่อลวงของศัตรู​ มันจะเป็นคนหยิ่งยโส หลังจากที่เคยเป็นคนสุภาพถ่อมตน จะเป็นคนไม่เชื่อพระเจ้า
หลังจากที่เคยมีความเชื่อศรัทธาในพระเจ้า จะเป็นคนที่จมในปลักแห่งกองกิเลส หลังจากที่เคยถือศีล
พรหมจรรย์อย่างเคร่งครัด​ จะเป็นคนที่หิวกระหายในทรัพย์สินเงินทอง หลังจากที่เคยบำเพ็ญตนเป็นผู้สมถะ
จะเป็นคนอยากได้ใคร่ดีในลาภยศ หลังจากที่เคยทำตัวเงียบๆ
การที่เห็นดาวดวงหนึ่งตกจากท้องฟ้า ยังไม่น่าใจหายเท่ากับการที่เห็นสัตว์โลกที่ถูกเลือกสรรมาแล้ว
ต้องมาตกเข้าสู่วังวนของซาตาน ซึ่งต้องยอมสยบมันประดุจบิดาบังเกิดเกล้า
ลูซีเฟอร์ เพราะอหังการ์ หยิ่งจองหอง ต้องกลายเป็นผู้ถูกสาป​ และความมืด แอนตี้ไคร้สต์​ เพราะความ
หยิ่งจองหองแค่ครึ่งชั่วโมง จะต้องป็นผู้ถูกสาป เป็นความมืด หลังจากที่เคยเป็นดาวในกองทัพของเรา
ผลพวงที่มันตระบัดสัตย์กับเรา​ จะทำให้ท้องฟ้าสะเทือนเลื่อนลั่นอย่างน่าหวาดหวั่น และยังจะทำให้เสา
ของศาสนจักรของเราต้องสั่นสะท้านและหวั่นไหวทำท่าจะพังครืนลงมาอย่างน่าใจหาย มันจะได้รับความ
ช่วยเหลืออย่างดีจากมารซาตาน ซึ่งจะมอบกุญแจแห่งขุมนรกแก่มันเพื่อจะใช้เปิดขุมนรกนั้น”
แม่พระได้ปรากฏมาที่เมือง ลาซาแลตต์ ฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 19 กันยายน 1946 มาพบเด็ก 2 คน คือ​
เมลานี คาลวาต์ และมักซีแม็ง ชิโรด์ ได้มอบสาส์นหลายข้อแก่เด็กทั้งสอง มีสาส์นข้อหนึ่งที่พูดถึงแอนตี้
ไคร้สต์​ ดังนี้ “แอนตี้ไคร้สต์จะเกิดจากนักบวชหญิงชาวยิวคนหนึ่ง เป็นพรหมจารีย์เก๊​ ซึ่งมีสัมพันธ์กับเจ้างู
ตัวเก่า เจ้าแห่งความโสโครก พ่อของมันจะเป็นพระชั้นผู้ใหญ่ พอมันเกิดก็สำรอกคำแช่งชักหักกระดูก
ออกมาได้แล้ว ฟันมันจะขึ้นเต็มปาก พูดให้ถูก เป็นผีมาผุดมาเกิดนั่นเอง มันจะแผดเสียงดังก้องจนคนขวัญ
หนีดีฝ่อ​ มันจะแสดงอภินิหารให้เห็น อาหารประจำคือสิ่งปฏิกูล​ มันยังมีพี่ๆ น้องๆ อีก ถึงไม่ใช่ผีมาผุดมา
เกิดอย่างมัน​ พวกมันก็เป็นลูกมารอยู่นั่นเอง
นอสตราดามุส พูดถึงแอนตี้ไคร้สต์ในกลอนบทที่ 10/9 ดังนี้
Moyne Moynesse dʼenfant mort expose,
Mourir par ourse & rowy par verrier,
ทารกที่เกิดจากสงฆ์และนางชี​ ถูกนำไปทิ้งหวังให้ตาย หมีตัวเมียคาบเอามาหมายจะขย้ำ แต่หมูป่า
ตัวผู้แย่งเอาไปได้
นางจีน ดิกสัน เล่าถึงนิมิตประหลาด ณ วันที่ 5 กุมภาพันธ์​1962 เวลา 07.17 น. เธอนิมิตเห็น เนเฟอร์ตีติ
พระมเหสี ฟาโรห์อาเมนโฮเทพที่ 4 ผู้บูชาสุริยเทพอาทอน มอบทารกน้อยให้เธอ​ พอหันกลับมามองเด็กน้อย
ก็เห็นเป็นเด็กหนุ่ม เธอเห็นผู้คนทุกชาติทุกภาษา ทุกสีผิวต่างก็คุกเข่าและยกแขนทั้งสองขึ้นกราบไหว้ห้อม
ล้อมเขา แล้วเธอรู้คำตอบในใจว่า​ ก่อนสิ้นศตวรรษนี้เขาจะปฏิวัติโลก มนุษยชาติจะเริ่มรู้สึกถึงพลังอันยิ่งใหญ่
ของหนุ่มคนนี้ในทศวรรษที่​ 80 และหลังจากนั้น​ เขาจะสำแดงให้โลกรู้ถึงพลานุภาพของเขาในปี​1999
เมื่อนั้นแหละผู้คนจึงจะตระหนักอย่างทะลุปรุโปร่งถึงภาพนิมิตอันนี้ของเธอ
การตีความจากหนังสือวิวรณ์ (Apocalypse) โดยบาทหลวง​ Martino M. Penasa O.F.M. Conv.
ปริญญาโท เทวศาสตร์ และพระคัมภีร์ (Biblicum)
บทที่ 8, 9, 10, 11 (เหตุการณ์จะเกิดในศตวรษที่ 20) เมื่อทูตสวรรค์องค์แรกเป่าแตร หมายถึงสงคราม
โลกครั้งที่ 1 ทูตสวรรค์องค์ที่ 2 เป่าแตร​ หมายถึงสงครามโลกครั้งที่​ 2 แตรครั้งที่​ 3 หมายถึงปฏิวัติวัฒนธรรม
​ (ทางการศึกษาและการเมือง) ครั้งที่ 4 หมายถึงความเห็นแย้งในสังคายนาวิกฤตการณ์ทางความเชื่อศรัทธา
แตรครั้งที่ 5 หมายถึงแอนตี้ไคร้สต์เริ่มแสดงพลัง​ แตรครั้งที่ 6 หมายถึงสงครามโลกครั้งที่ 3 โรมถูกเหยียบย่ำ
​ เ​อลียาห์​ และแม่พระประสบชัยชนะ แตรครั้งที่ 7 มหาภัยพิบัติ 7 ประการ​ เป็นการลงทัณฑ์คนชั่ว
นอกจากนี้ท่านยังตีความเรื่องการเสด็จกลับมาอย่างรุ่งเรืองของพระเยซู (Parousia) แปลกกว่าที่เคยรู้มา
ตามปกติชาวคาทอลิกระดับชาวบ้านมีความรู้เกี่ยวกับเหตุการณ์ก่อนสิ้นพิภพคร่าวๆ ดังนี้ ในทางภูมิศาสตร์
จะเกิดภัยพิบัตินานาชนิด​ ในทางการเมืองก็มีการรบราฆ่าฟันกัน และในทางศาสนาก็เกิดความวุ่นวายในพระ
ศาสนาโดยมีแอนตี้ไคร้สต์เป็นหัวโจก ในที่สุดพระเยซู​เสด็จลงมาเพื่อพิพากษามนุษย์ ซึ่งตอนนั้นจะไม่มีใคร
เหลืออยู่เลยบนโลก​ ทุกคนจะฟื้นขึ้นมาใหม่ เพื่อฟังคำพิพากษาพร้อมกัน คนดีจะขึ้นสวรรค์​
คนชั่วจะลงนรกตลอดนิรันดร

🔹---โปรดติดตามตอนต่อไป​-​--🔹
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6790
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

อังคาร ก.ย. 09, 2025 10:31 pm

🕵️ เกาะติด​วิกฤติ​โลกผ่านทาง​พระคัมภีร์​และนอสตราดามุส
โดย​ สนธิ​ สารธรรม
ตอนที่ ( 102 ) ตอนจบ

✴️ สวรรค์​ ณ​ แผ่น​ดิน​ (D) ✴️
เมื่อได้อ่านหนังสือที่บาทหลวงเปนาซาได้เขียน เกี่ยวกับการเสด็จกลับมาอย่างรุ่งเรืองของพระเยซู
ซึ่งให้ศัพท์ภาษากรีกว่า Parousia ทำให้ได้ความรู้กว้างขวางขึ้น ดังจะขยายสู่กันฟังดังนี้​
Parousia ของพระเยซูมี 3 ครั้ง
ครั้งที่ 1 คือตอนที่พระองค์ทรงฟื้นขึ้นมาหลังถูกฝังไว้ 3 วัน (เมื่อราว ค.ศ. 33) แล้วพระองค์ก็ทรงปรากฏองค์
ในห้องของสานุศิษย์บางคนโดยไม่ได้เข้าทางประตู พระองค์ทรงใช้เวลาอยู่บนโลก​ 40​ วันเพื่อมอบหมาย
หน้าที่ให้อัครสาวกออกไปเทศนา​ แล้วจึงเสด็จสู่สวรรค์​
Parousia ครั้งที่ 2 ตอนสิ้นยุค คือราวๆ ต้นศตวรรษที่ 21 ซึ่งเป็นการคาดคะเน อาศัยการเผยสำแดง
​(Private revelation) เป็นการส่วนตัวจากแม่พระ หรือจากพระเยซูเอง
Parousia ครั้งที่ 3 หลังจากครั้งที่ 2 หนึ่งพันปี พระเยซูจะเสด็จมาพิพากษามนุษย์ทุกคน​ ซึ่งตอนนั้นจะไม่มี
มนุษย์ที่มีชีวิตอยู่บนโลกอีกเลย​ มนุษย์ทุกคนจะฟื้นขึ้นมาใหม่ คนดีจะได้รับบำเหน็จไปสู่สวรรค์ และคนชั่ว
จะได้รับโทษไปสู่นรกทั้งกายและวิญญาณตลอดนิรันดร
Parousia ครั้งที่ 2 คือการเสด็จมาครั้งที่ 2 ของพระเยซูนั้น ควรจะเป็นสิ่งน่ายินดี เพราะพระองค์จะนำ
ความรัก ความยินดี และสันติสุขมาให้ แต่เพราะความเข้าใจอย่างคลุมเครือ จึงกลายเป็นความกลัว​
ความหวาดหวั่น นึกว่าพระองค์จะนำอวสานกาลมาสู่โลก
พระเยซูจะเสด็จมาครั้งที่ 2 อย่างไร? พระองค์จะเสด็จมาด้วยพระสิริรังสีเรืองรอง แวดล้อมด้วยหมู่
นิกรเทวดา และบรรดานักบุญด้วยกายทิพย์ ลอยลงมาจากฟากฟ้า​ มารับมนุษย์ที่ได้รับเลือกสรร ซึ่งยังมี
หนังมีกระดูกครบ แล้วทรงยกขึ้นไปไว้สถานที่แห่งหนึ่ง ในขณะเดียวกันนั้นเอง ทูตสวรค์ค์ก็จะจัดการกับ
คนชั่ว ซึ่งมีแอนตี้ไคร้สต์เป็นหัวโจก​ ให้เป็นอาหารของแร้งและกา แล้วพระองค์จะทรงนิมิตแผ่นดินขึ้นใหม่
ให้สดสวยเหมือน สวรรค์ ณ แผ่นดิน คราวสร้างไว้ให้บิดามารดาเดิมของเราในกาลก่อน ที่สุดพระองค์จะ
ทรงรับมนุษย์ที่ถูกยกขึ้นไปนั้นลงมาสู่แผ่นดิน ซึ่งถูกเนรมิตขึ้นมาใหม่​ ทุกคนจะเจริญชีวิตบนโลกใหม่อย่าง
มีความสุข เพราะต่างก็ได้สัมผัสพระเจ้าช่วงก่อนกลียุค หรือมหาภัยพิบัติซึ่งเรียกกันว่าช่วงชำระล้างครั้งใหญ่
เมื่อได้สัมผัสพระเจ้า เข้าใจลึกซึ้งถึงเรื่องจิตวิญญาณ ก็พยายามยกระดับจิตวิญญาณให้สูงขึ้นไปเรื่อยๆ​ ก็
แปลว่า ลด​ ละ เลิก กิเลสตัณหา ก็จะมีแต่รัก และรัก เท่านั้น ช่วงแรกๆ​ พระเยซูจะประทับอยู่กับเรา เช่นครั้งที่
เพิ่งฟื้นขึ้นมา แล้วไปพบบรรดาสานุศิษย์ 40 วัน คงจะช่วยประคับประคองไปสักระยะหนึ่ง แล้วจึงเสด็จสู่สวรรค์​
มนุษย์เราก็จะมีความสุขในสวรรค์ ณ แผ่นดิน เป็นระยะเวลาหนึ่งพันปี แล้วจึงเริ่มมีมารเข้ามารังควานใหม่
จะเกิดการรบราฆ่าฟันครั้งใหญ่จนมนุษย์สูญพันธุ์ไปสิ้น​ แล้วพระเยซูจะเสด็จมาครั้งที่ 3 เพื่อพิพากษามนุษย์
ทุกคนพร้อมกัน ทุกคนจะฟื้นขึ้นมาใหม่​ คนดีจะได้รับบำเหน็จให้ไปสวรรค์ และคนชั่วจะได้รับโทษให้ไปนรก
ทั้งกายและวิญญาณตลอดชั่วนิรันดร
ผมขอจบบทความด้วยกลอนของนอสตราดามุสที่พูดถึงผู้ตายออกจากหลุมฝังศพ ซึ่งนักวิเคราะห์
กลอนนอสตราดามุสทุกคนที่ผมอ่านจะตีความสอดคล้องกับความเชื่อของชาวคริสต์ที่ว่า ในวันสิ้นโลกนั้น​
ผู้ตายจะฟื้นแล้วออกมาจากหลุมฝังศพเพื่อฟังคำพิพากษา แต่สำหรับผม​ ผมมีความคิดแตกต่างออกไป​
เชิญอ่านกลอน บทที่ 74/10
Au revolu du grand nombre Septiesme,
Apparoistra au temps ieux DʼHeca tombe,
Non eslaigneʼ du grand aage milliesme,
Que les entrez sortirnt de leur tombe,
เมื่อจะครบรอบหมายเลขเจ็ดเลขเด็ด
จะเกิดการนองเลือดในวาระแข่งขันกีฬา
ไม่ห่างจากช่วงเวลาสำคัญแห่งรอบพันปี
ผู้เข้า (ชม) ต่างก็จะออกจากหลุมฝังศพ (สนามกีฬา) ของพวกเขา

วิเคราะห์
เนื่องจากนอสตราดามุสมีเชื้อสายยิว จึงใช้ตัวเลขของศาสนายิวมาผสมด้วย ศักราชของยิวจะก่อน
ศาสนาคริสต์ราว 4,000 ปี​ ถ้าคริสตศักราช 2000 ก็แปลว่าเข้ารอบพันปีที่ 3 และศักราชของยิวก็เป็น​ 6000
ก็คือ เข้ารอบพันปีที่ 7 ศัพท์​Hecatomebe เป็นภาษากรีกแปลว่า​การฆ่าวัว 100 ตัวบูชาเทพเจ้า ผมติดใจ
ศัพท์ 3 คำ คำ ieux การละเล่นเกม les entrez ผู้เข้าชม และ de leur tombe หลุมฝังศพ​(เอกพจน์) ของ
พวกเขา ถ้าคิดว่าในวันสิ้นโลก ผู้ตายจะออกจากหลุมฝังศพก็น่าจะใช้ศัพท์หลุมฝังศพให้เป็นพหูพจน์ แต่นี่
ใช้เอกพจน์ก็ทำให้ผมเห็นภาพสนามกีฬาฟุตบอลที่มีผู้เข้าชมมากมาย ต่างหนีอุตลุดออกจากสนามกีฬา​
(หลุมฝังศพ) คราวโอลิมปิก ที่ออสเตรเลียในปี 2000 ก็คือรอบพันปีที่ 3 ของชาวคริสต์​ และรอบพันปีที่ 7
ของชาวยิว
ขอส่งท้ายด้วยกลอนปลอบใจของนอสตราดามุส บทที่ 24/6
Mars & le Sceptre se trouvera conioinct
Dessoubs Cancer calamiteuse guerre
Un peu apres sera nouveau Roy oingt
Qui par longtemps pacifiera laterre.
เมื่อดาวอังคารกับคทาโคจรมาสู่ราศีกรกฎจนก่อให้เกิดสงครามมหาประลัยแล้ว หลังจากนั้นสัก
เล็กน้อย​ จะมีกษัตริย์ใหม่พระองค์หนึ่ง​ (คงจะหมายถึงพระเยซู ผู้มีสมญานามว่า​ “พญาธรรมิกราช”)
จะได้รับการสถาปนา ผู้ซึ่งจะนำความสงบสุขมายังโลกเป็นเวลานาน

ขอพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงสรรพานุภาพ ทรงอวยพรให้พี่น้องทุกท่าน​ จงปลอดจากภัยพิบัติทุกประการ
เพื่อจะได้มีชีวิตรอดเหลืออยู่ในพระอาณาจักรของพระเยซูผู้​เป็น​ “พญาธรรมิกราช” ณ สวรรค์บนดินไปอีก
นานแสนนาน จวบจนอวสานแห่งชีวิต แล้วดวงจิตจงสถิตสถาพรกับองค์พระผู้เป็นเจ้าตราบกาลนิรันดร์​ สาธุ
*****************

🔹---จบบริบูรณ์​-​--🔹

:s002: :s002:
ตอบกลับโพส