สตรีผู้ห่วงใยผู้ตกทุกข์ได้ยากในสังคม
พระมารดา ไม่ได้ห่วงใยเฉพาะคนรอบข้าง แต่ห่วงใยทุกคน และ อธิษฐานต่อพระเจ้าเพื่อพวกเขา เราได้เห็นทัศนคติที่สตรีคนนี้มีต่อคนยากจนต่ำต้อย เพราะเมื่อครั้งที่พระนางได้รับการประกาศจากพระจิตว่าเป็น “พระมารดาของพระเจ้า” พระมารดาได้กล่าวสรรเสริญพระเจ้าทันทีว่า
ลก 1:46-56 บทเพลงสรรเสริญของพระนางมารีย์
พระนางมารีย์ ตรัสว่า
วิญญาณข้าพเจ้าประกาศความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า
จิตใจของข้าพเจ้าชื่นชมยินดีในพระเจ้า พระผู้กอบกู้ข้าพเจ้า
เพราะพระองค์ทอดพระเนตรผู้รับใช้ต่ำต้อยของพระองค์
ตั้งแต่นี้ไป ชนทุกสมัยจะกล่าวว่าข้าพเจ้าเป็นสุข
พระผู้ทรงสรรพานุภาพทรงกระทำกิจการยิ่งใหญ่สำหรับข้าพเจ้า
พระนามของพระองค์ศักดิ์สิทธิ์
พระกรุณาต่อผู้ยำเกรงพระองค์แผ่ไปตลอดทุกยุคทุกสมัย
พระองค์ทรงยกพระกรแสดงพระอานุภาพ
ทรงขับไล่ผู้มีใจมักใหญ่ใฝ่สูงให้กระจัดกระจายไป
ทรงคว่ำผู้ทรงอำนาจจากบัลลังก์ และทรงยกย่องผู้ต่ำต้อยให้สูงขึ้น
พระองค์ประทานสิ่งดีทั้งหลายแก่ผู้อดอยาก ทรงส่งเศรษฐีให้กลับไปมือเปล่า
พระองค์ทรงช่วยเหลืออิสราเอล ผู้รับใช้พระองค์
โดยทรงระลึกถึงพระกรุณา
ดังที่ทรงสัญญาไว้แก่บรรพบุรุษของเรา
แก่อับราฮัมและบุตรหลานตลอดไป
---แม่พระมีหัวใจเหมือนพระเยซูเจ้าคือ
พระนางรักคนจน คนลำบาก คนต่ำต้อย คนที่น่าสงสาร พระนางคือ “พระมารดาผู้เห็นอกเห็นใจผู้น่าสงสาร” เหมือนที่พระเยซูเจ้าได้ตรัสสอนต่อมาในคำเทศนาบนภูเขา
มธ 5:1-12 ความสุขแท้จริง
พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเห็นประชาชนมากมาย จึงเสด็จขึ้นบนภูเขา เมื่อประทับแล้ว บรรดาศิษย์เข้ามาห้อมล้อมพระองค์ พระองค์ทรงเริ่มตรัสสอนว่า
“ผู้มีใจยากจน ย่อมเป็นสุข เพราะอาณาจักรสวรรค์เป็นของเขา
ผู้เป็นทุกข์โศกเศร้า ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้รับการปลอบโยน
ผู้มีใจอ่อนโยน ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้รับแผ่นดินเป็นมรดก
ผู้หิวกระหายความชอบธรรม ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะอิ่ม
ผู้มีใจเมตตา ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้รับพระเมตตา
ผู้มีใจบริสุทธิ์ ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้เห็นพระเจ้า
ผู้สร้างสันติ ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้ชื่อว่าเป็นบุตรของพระเจ้า
ผู้ถูกเบียดเบียนข่มเหงเพราะความชอบธรรม ย่อมเป็นสุข เพราะอาณาจักรสวรรค์เป็นของเขา
“ท่านทั้งหลายย่อมเป็นสุข เมื่อถูกดูหมิ่น ข่มเหงและใส่ร้ายต่าง ๆ นานาเพราะเรา จงชื่นชมยินดีเถิด เพราะบำเหน็จรางวัลของท่านในสวรรค์นั้นยิ่งใหญ่นัก เขาได้เบียดเบียนบรรดาประกาศกที่อยู่ก่อนท่านดังนี้ด้วยเช่นเดียวกัน
---ในการประจักษ์ครั้งสำคัญของพระแม่ที่ กัวดาลูป
พระแม่เลือกที่จะประจักษ์ต่อชาวอินเดียแดง ผู้ต่ำต้อยยากจน และทรงประจักษ์มาในรูปลักษณ์ของคนเหล่านั้นที่ชนผิวขาว ชนชาติที่นับถือพระแม่ส่วนใหญ่ในสมัยนั้นดูถูก และเหยียดหยามว่าป่าเถื่อน ต่ำต้อย และเป็นชนชั้นทาส แต่แม่พระเลือกประจักษ์มาในผิวพรรณ และหน้าตา ของคนต่ำต้อย มีผิวคล้ำ หน้าตาแบบคนอินเดียนแดง และไม่ได้พูดภาษาของชนชั้นสุงที่อ้างตัวว่าศิวิไลซ์ แต่พูดภาษาพื้นเมืองของชาวอินเดียน ทำไมน่ะหรือ
เพราะพระแม่รักคนจน คนต่ำต้อย เหมือนที่แม่ได้ประกาศไว้ในพระคำภีร์ เป็นแม่คนเดียวกันที่แหละที่ยืนยันความรักของแม่ต่อผู้ต่ำต้อยที่สุดในสังคม ในครั้งนั้นแม่ตรัสด้วยภาษาอินเดียนอย่างอ่อนหวานว่า
"ลูกรักของแม่ แม่คือ มารีอา ผู้เป็นพรหมจารี และมารดาพระเจ้า พระผู้ทรงผู้สร้างสรรพสิ่งและอยู่ทุกหนทุกแห่ง แม่ปรารถนาให้เขาสร้างวัดในที่นี้ ณ วัดนี้ แม่..... มารดาผู้รักชาวอินเดียนจะแสดงความเมตตาอย่างลึกซึ้งสำหรับผู้ที่มาหาแม่ ในวัดนี้แม่จะฟังคำภาวนาและบรรเทาความทุกข์ของผู้ทุกข์ร้อน”
ใช่แล้วครับ แม่พูดว่า “แม่ผู้รักชาวอินเดียน” พระนางผู้มีดวงอาทิตย์เป็นอาภรณ์ มีมงกุฎดวงดาว และแม้ดวงจันทร์ยังอยู่ใต้เท้า พึงพอใจที่จะมีรูปร่างหน้าตาดั่งลูกที่ต่ำต้อยและน่าสงสารของแม่ที่คนอื่นรังเกียจเหยียดผิว และรักลูกๆที่ต่ำต้อยน่าสงสารของแม่และสัญญาว่าจะช่วยพวกเขาในความทุกข์ยากของพวกเขา
แม่คนนี้คือแม่คนเดียวกันกับที่สรรเสริญพระเจ้า และพรรณาถึงความรักของพระเจ้าในคนต่ำต้อยยากจน ในพระคัมภีร์ แม่ไม่เคยเปลี่ยนไป แม้จะขึ้นสวรรค์รับพระสิริรุ่งโรจน์ประทับเบื้องขวาพระบุตรแล้ว แต่แม่ก็ยังเป็นแม่คนเดิม เป็น “พระมารดาผู้เห็นอกเห็นใจเพื่อความยุติธรรมแก่ผู้น่าสงสาร” และแม่จะน่ารักอย่างนี้เสมอไปตราบนิรันดร
เช่นนี้แล้วจะแปลกอะไร ถ้าใครๆที่รู้จักพระนางจากพระคัมภีร์แล้ว จะรักพระนาง และวอนขอความช่วยเหลือจากพระมารดาของเรา...
ในเมื่อพระมารดารักเราก่อน
และพระมารดายินดีที่จะร้องขอต่อพระบิดา พระบุตร และพระจิตเพื่อเรา
และพระมารดายินดีให้ความช่วยเหลือเราอย่างสุดความสามารถของพระนาง
และพระมารดาก็ห่วงใยเราทุกวันทุกเวลา
และพระมารดาก็นำเราไปหาพระบุตรของพระนาง และสอนเราให้เชื่อฟังพระบุตรของพระนาง ((ยน 2:5)พระมารดาของพระเยซูเจ้าจึงกล่าวแก่บรรดาคนรับใช้ว่า “เขาบอกให้ท่านทำอะไร ก็จงทำเถิด”) อันเป็นคำเดียวกันกับที่พระบิดาตรัสแก่บรรดาศิษย์((มธ 17:5) “ท่านผู้นี้เป็นบุตรสุดที่รักของเรา เราพึงพอใจยิ่งนัก จงฟังท่านเถิด”) เราได้ยินคำสั่งนี้จากพระบิดาของพระเยซูเจ้าผู้ทรงเป็นพระเจ้า และเรายังได้ยินคำสั่งเดียวกันนี้จากพระมารดามารีย์มารดาของพระองค์ผู้เป็นมนุษย์ด้วย
ดังนั้นเรามีเหตุผลทุกประการในพระคัมภีร์ ที่จะรักผู้หญิงคนนี้เหมือนที่พระบิดา และพระบุตร และพระจิตทรงรักและโปรดปรานพระนาง ดังนี้แล้วเรายังมีเหตุผลอะไรที่จะไม่รักแม่ของพระเยซู ผู้ที่พระองค์มอบให้เราที่เชิงกางเขนแล้ว ((ยน 19: 27)พระเยซูเจ้าตรัสกับศิษย์ที่พระองค์ทรงรักว่า “นี่คือแม่ของท่าน” นับตั้งแต่นั้น ศิษย์ผู้นั้นก็รับพระนางเป็นมารดาของตน)
มีเหตุผลอะไรในเมื่อเรารักคนอื่นที่เป็นมนุษย์มากมาย แม้แต่คนที่ไม่มีความดีอะไรเท่าไหร่ เช่นดารา หรือแม้แต่ตัวละครในนิยาย
ดังนี้แล้วมีความผิดอะไรถ้าเราจะรักพระมารดาของพระองค์ ผู้แสนดีทุกอย่าง เมื่อเรารักพระมารดา เราก็ได้ทำตามที่พระองค์สอน และหากเราจะสรรเสริญพระนางเราก็ได้ทำตามคำทำนายในพระคัมภีร์ที่ว่า “ตั้งแต่นี้ไป ชนทุกสมัยจะกล่าวว่าข้าพเจ้าเป็นสุข”(ลก 1:48) และเมื่อเราขอความช่วยเหลือผ่านพระนาง เราก็เหมือนเจ้าภาพในงานสมรสที่พระเยซูเจ้าทรงเมตตาด้วย และได้ทำตามที่พระแม่สอนเราว่า “พระเยซูสอนให้ลูกทำอะไร ก็จงทำเถิด” (ยน 2:5)
ขอพระบิดาเจ้า พระเยซูเจ้า และพระจิตเจ้า ประทานพระพร ให้ชนทุกสมัยกล่าวสรรเสริญพระนามพระมารดาของพระองค์สมดั่งคำในพระคัมภีร์ และขอพระมารดามารีย์ ได้นำลูกๆของแม่ทุกคน เข้าสู่ความรักและสันติสุขในพระบุตรของพระนาง
ขอวิงวอนพระบิดาเจ้า ในพระนามพระเยซูเจ้าพระบุตรสุดที่รักของพระองค์ อาศัยคำเสนอวิงวอนของพระมารดามารีย์พระมารดาพระเจ้าผู้ที่พระองค์ทรงโปรดปรานยิ่งนัก
อาแมน