+ เปลี่ยนทุกอย่างเป็นการสรรเสิญพระเป็นเจ้า +
-
- ~@
- โพสต์: 2546
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm
ชี้แจง :: หากผลงานที่ขาพเจ้าเขียนนั้นสร้างสรรค์ และหนุนใจพี่น้องได้ก็เป็นสิ่งที่ดีที่มาจากพระพรของพระเป็นเจ้ามาสู่ขาพเจ้าและมาสู่ท่านทั้งหลาย หาใช่ความเก่งกาจของขาพเจ้าแม้แต่เพียงนิดเดียว จึงแจ้งมาให้ทราบโดยทั่วกัน ;)
ชีวิตในหนึ่งวันนี้หากให้เราลองนึกว่าเราได้ทำอะไรไปบ้าง.. หลายๆคนคงต้องนักนึกกันพักใหญ่เลยเพราะว่ามากมายเหลือเกินและบางอันก็ลืมไปแล้วเพราะเราไม่ได้ใส่ใจ แต่ถ้าหากผมถามใหม่ว่า ชีวิตในหนึ่งวันนี้ เราทำอะไรเพื่อพระเป็นเจ้าบ้าง? หลายๆคนคงคิดได้เร็วขึ้น...เพราะว่าน้อยเหลือเกิน :P อันที่จริงแล้วเราสามารถกระทำทุกๆสิ่งทุกๆอย่างโดยเป็นการสรเสิญพระเป็นเจ้าไปในตัวได้เพียงแค่นึกในใจอยู่ตลอดวันว่า "ทำเพื่อพระองค์ เพื่อพระเกียรติของพระองค์ และเพื่อความรักของพระองค์" แม้แต่การดื่มน้ำหรือการเดินการพูด ก็ไม่ใช่เพียงการกระทำที่ธรรมดาๆอีกต่อไปแต่จะเป็นการ สรรเสิญพระเป็นเจ้าตลอดวัน แทนเพราะทุกสิ่งทุกอย่างอวัยวะทุกอย่างนี้พระองค์ก็ทรงประทนให้เราเราจึงกล่าวสรรเสิญพระเป็นเจ้าทุกครั้งที่กระทำการใดๆก็ตาม การทำแบบนี้นั้นผลที่ได้คือ
- เนื่องจากทุกครั้งที่เราจะทำอะไรเราจะสรรเสิญพระเป็นเจ้าตลอด ดังนั้นหากเรานึกได้เช่นนี้แล้วเราก็ไม่มีสิทธ์ทำบาปเพราะการทำบาปนั้นเป็นการเพิกเฉยต่อความรักและพระเกียรติของพระองค์ แต่การกระทำของเราทุกอย่างนั้นให้ระลึกถึงว่าเราทำเพื่อพระองค์ เราก็จะสามารถทำบาปได้น้อยลงอีกด้วย
- พบสันติสุขตลอดวัน เพราะการระลึกถึงพระเป็นเจ้าเป็นการภาวนา.. นั่นหมายถึงชีวิตที่เหลือของเราต่อแต่นี้ไปไม่นับตอนนอนเราจะภาวนาอยู่ตลอดเวลาจวบจนเราตาย และหากว่าเรารักพระเป็นเจ้าด้วยหัวใจทั้งดวงแล้วการระลึกถึงพระองค์และการได้รักพระองค์รวมถึงการได้ทำอะไรเพื่อพระองค์นั้นคือความสันติสุขแห่งชีวิตจิตวิญญาณ จึงถือว่านี่เป็นความลับแห่งพระพรสันติสุขเลยก็ว่าได้ :o
-การงานทุกอย่าออกมาดีเพราะเราทำอย่างเต็มที่ ในเมื่อเราจะทำอะไรเพื่อพระเป็นเจ้าแล้วเราก็ต้องทำอย่างเต็มที่ เพราะเป็นการสรรเสิญและถวายเกียรติของเราให้พระ ดังนั้นงานทุกชิ้นที่เราทำหรือการกระทำต่างๆในวันนี้จึงสามารถออกมาได้จากความพยายามเต็มที่ของเราแล้วนั่นเอง
ตัวอย่างการเปลี่ยนการกระทำและเหตุการ์ณอันเปล่าประโยชน์ในชีวิตประทำวันเป็นการสรรเสิญพระเจ้าเช่น
เมื่อโดนมีดบาด พลีกรรมขอบคุรพระเป็นเจ้าที่ทรงให้ลูกได้มีส่วนร่วมในพระมหาทรมาณของพระองค์
เดินเฉยๆ ลูกจะเดินไปหาพระองค์ด้วยใจมุ่งมั่น เหมือนที่ลูกกำลังจะเดินไปเรียนแบบนี้แหละ
กินข้าว พระเป็นเจ้าของลูกโปรดประทานอาหารฝ่ายวิญญาณให้ลูกด้วยเทอญ
ชีวิตในหนึ่งวันนี้หากให้เราลองนึกว่าเราได้ทำอะไรไปบ้าง.. หลายๆคนคงต้องนักนึกกันพักใหญ่เลยเพราะว่ามากมายเหลือเกินและบางอันก็ลืมไปแล้วเพราะเราไม่ได้ใส่ใจ แต่ถ้าหากผมถามใหม่ว่า ชีวิตในหนึ่งวันนี้ เราทำอะไรเพื่อพระเป็นเจ้าบ้าง? หลายๆคนคงคิดได้เร็วขึ้น...เพราะว่าน้อยเหลือเกิน :P อันที่จริงแล้วเราสามารถกระทำทุกๆสิ่งทุกๆอย่างโดยเป็นการสรเสิญพระเป็นเจ้าไปในตัวได้เพียงแค่นึกในใจอยู่ตลอดวันว่า "ทำเพื่อพระองค์ เพื่อพระเกียรติของพระองค์ และเพื่อความรักของพระองค์" แม้แต่การดื่มน้ำหรือการเดินการพูด ก็ไม่ใช่เพียงการกระทำที่ธรรมดาๆอีกต่อไปแต่จะเป็นการ สรรเสิญพระเป็นเจ้าตลอดวัน แทนเพราะทุกสิ่งทุกอย่างอวัยวะทุกอย่างนี้พระองค์ก็ทรงประทนให้เราเราจึงกล่าวสรรเสิญพระเป็นเจ้าทุกครั้งที่กระทำการใดๆก็ตาม การทำแบบนี้นั้นผลที่ได้คือ
- เนื่องจากทุกครั้งที่เราจะทำอะไรเราจะสรรเสิญพระเป็นเจ้าตลอด ดังนั้นหากเรานึกได้เช่นนี้แล้วเราก็ไม่มีสิทธ์ทำบาปเพราะการทำบาปนั้นเป็นการเพิกเฉยต่อความรักและพระเกียรติของพระองค์ แต่การกระทำของเราทุกอย่างนั้นให้ระลึกถึงว่าเราทำเพื่อพระองค์ เราก็จะสามารถทำบาปได้น้อยลงอีกด้วย
- พบสันติสุขตลอดวัน เพราะการระลึกถึงพระเป็นเจ้าเป็นการภาวนา.. นั่นหมายถึงชีวิตที่เหลือของเราต่อแต่นี้ไปไม่นับตอนนอนเราจะภาวนาอยู่ตลอดเวลาจวบจนเราตาย และหากว่าเรารักพระเป็นเจ้าด้วยหัวใจทั้งดวงแล้วการระลึกถึงพระองค์และการได้รักพระองค์รวมถึงการได้ทำอะไรเพื่อพระองค์นั้นคือความสันติสุขแห่งชีวิตจิตวิญญาณ จึงถือว่านี่เป็นความลับแห่งพระพรสันติสุขเลยก็ว่าได้ :o
-การงานทุกอย่าออกมาดีเพราะเราทำอย่างเต็มที่ ในเมื่อเราจะทำอะไรเพื่อพระเป็นเจ้าแล้วเราก็ต้องทำอย่างเต็มที่ เพราะเป็นการสรรเสิญและถวายเกียรติของเราให้พระ ดังนั้นงานทุกชิ้นที่เราทำหรือการกระทำต่างๆในวันนี้จึงสามารถออกมาได้จากความพยายามเต็มที่ของเราแล้วนั่นเอง
ตัวอย่างการเปลี่ยนการกระทำและเหตุการ์ณอันเปล่าประโยชน์ในชีวิตประทำวันเป็นการสรรเสิญพระเจ้าเช่น
เมื่อโดนมีดบาด พลีกรรมขอบคุรพระเป็นเจ้าที่ทรงให้ลูกได้มีส่วนร่วมในพระมหาทรมาณของพระองค์
เดินเฉยๆ ลูกจะเดินไปหาพระองค์ด้วยใจมุ่งมั่น เหมือนที่ลูกกำลังจะเดินไปเรียนแบบนี้แหละ
กินข้าว พระเป็นเจ้าของลูกโปรดประทานอาหารฝ่ายวิญญาณให้ลูกด้วยเทอญ
แก้ไขล่าสุดโดย พระเจ้าสถิตย์กับเราเสมอ เมื่อ อาทิตย์ ก.ย. 18, 2005 6:25 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- ~@
- โพสต์: 2546
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm
หนึ่งในตัวอย่างการสรรเสิญพระเป็นเจ้าในชีวิตประจำวันที่น่าสนใจคือการเปลี่ยนบทเพลงที่เราได้ฟังจากวิทยุ พวกเพลงรักต่างๆ แทนที่จะฟังแล้ว "โอ้ยโคตรเหงาอยากมีแฟนโว้ย!!" เปลี่ยนเป็นการสรรเสิญความรักพระเป็นเจ้าแทน ลองฟังเพลงเหล่านี้นะครับแล้วแทนที่จะนึกเหงาอยากมีแฟน เป็นสรรเสิญความรักของพระเป็นเจ้าแทน ;)
----------------------------
http://music.kapook.com/newmusicstation ... hp?id=4067
เหมือนฝนตกตอนหน้าแล้ง
เหมือนเห็นสายรุ้งขึ้นกลางแจ้ง
เหมือนลมหนาวเดือนเมษา
เหมือนว่าใจอ่อนล้ากลับแข็งแกร่ง
เหมือนคนกำลังมีรัก
เหมือนคนหลงทางพบคนรู้จัก
เหมือนเจอของสำคัญที่หล่นหาย
เหมือนร้ายนั้นกลายเป็นดีมาก
เหมือนที่ฉันนั้นได้มาพบกับเธอ
ชีวิตฉันจึงได้เจอ
* แต่ไม่รู้จะขอบคุณ ไม่รู้ทำอย่างไร
ไม่รู้ว่าสิ่งไหนจะยิ่งใหญ่ควรค่าพอ
ที่ฉันได้จากเธอ ได้รักโดยไม่ต้องขอ
ได้รู้โดยไม่ต้องรอ ว่ารักคืออะไร
โอเธอ ทำให้ฉันรู้จัก
ความรักที่ไม่มีเหมือนใครใด
ได้มามีเธอนั้นเป็นคนให้
หัวใจอยากให้เธอรู้
---------------------------------------------
http://music.kapook.com/newmusicstation ... hp?id=4308
วันที่ได้พบกัน กับวันที่ฉันได้เจอ
เธอทำให้เข้าใจ ว่าอะไรที่ตัวฉันต้องการ
และฉันไม่เคยคิดเลย ว่าเธอนั้นจะสนใจ
กับคน ที่ ไม่พิเศษ อย่างที่ ตัวฉัน มันเป็น
และช่วงเวลาที่ผ่านพ้น
เกิดเรื่องราวตั้งมากมาย
ทำให้ตัวฉันมีความหมาย
อย่างที่ใจฉันไม่เคย
ได้เรียนรู้และเข้าใจ
ว่าความรักเป็นอย่างไร ก็เพราะเธอ
* ขอบคุณความรักเธอ
ที่เธอมีให้กันทุกอย่าง
คลายความเหงา ให้จืดจาง
ความอ้างว้าง ที่ฉัน เคยมี
และวันนี้ จะตอบแทน
ด้วยความรัก ที่ฉันมี
คนคนนี้ จะรักเธออย่างนี้ ตลอดไป
ยังไงฉันก็รัก เธอ
และในตอนนี้
เราสองอยู่แสนห่าง
แต่ความรักเธอไม่จาง
รักเธอนั้นไม่เคยห่าง
จากวันนั้น ถึงวันนี้
เธอคนนี้ยังคง รักไม่เปลี่ยน
---------------------------------------
จงขับร้องสรรเสิญพระยาเวห์ จงถวายพรแด่พระนามของพระองค์.......อัลเลลู ยา
----------------------------
http://music.kapook.com/newmusicstation ... hp?id=4067
เหมือนฝนตกตอนหน้าแล้ง
เหมือนเห็นสายรุ้งขึ้นกลางแจ้ง
เหมือนลมหนาวเดือนเมษา
เหมือนว่าใจอ่อนล้ากลับแข็งแกร่ง
เหมือนคนกำลังมีรัก
เหมือนคนหลงทางพบคนรู้จัก
เหมือนเจอของสำคัญที่หล่นหาย
เหมือนร้ายนั้นกลายเป็นดีมาก
เหมือนที่ฉันนั้นได้มาพบกับเธอ
ชีวิตฉันจึงได้เจอ
* แต่ไม่รู้จะขอบคุณ ไม่รู้ทำอย่างไร
ไม่รู้ว่าสิ่งไหนจะยิ่งใหญ่ควรค่าพอ
ที่ฉันได้จากเธอ ได้รักโดยไม่ต้องขอ
ได้รู้โดยไม่ต้องรอ ว่ารักคืออะไร
โอเธอ ทำให้ฉันรู้จัก
ความรักที่ไม่มีเหมือนใครใด
ได้มามีเธอนั้นเป็นคนให้
หัวใจอยากให้เธอรู้
---------------------------------------------
http://music.kapook.com/newmusicstation ... hp?id=4308
วันที่ได้พบกัน กับวันที่ฉันได้เจอ
เธอทำให้เข้าใจ ว่าอะไรที่ตัวฉันต้องการ
และฉันไม่เคยคิดเลย ว่าเธอนั้นจะสนใจ
กับคน ที่ ไม่พิเศษ อย่างที่ ตัวฉัน มันเป็น
และช่วงเวลาที่ผ่านพ้น
เกิดเรื่องราวตั้งมากมาย
ทำให้ตัวฉันมีความหมาย
อย่างที่ใจฉันไม่เคย
ได้เรียนรู้และเข้าใจ
ว่าความรักเป็นอย่างไร ก็เพราะเธอ
* ขอบคุณความรักเธอ
ที่เธอมีให้กันทุกอย่าง
คลายความเหงา ให้จืดจาง
ความอ้างว้าง ที่ฉัน เคยมี
และวันนี้ จะตอบแทน
ด้วยความรัก ที่ฉันมี
คนคนนี้ จะรักเธออย่างนี้ ตลอดไป
ยังไงฉันก็รัก เธอ
และในตอนนี้
เราสองอยู่แสนห่าง
แต่ความรักเธอไม่จาง
รักเธอนั้นไม่เคยห่าง
จากวันนั้น ถึงวันนี้
เธอคนนี้ยังคง รักไม่เปลี่ยน
---------------------------------------
จงขับร้องสรรเสิญพระยาเวห์ จงถวายพรแด่พระนามของพระองค์.......อัลเลลู ยา
-
- โพสต์: 659
- ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.ย. 10, 2005 2:01 pm
- ที่อยู่: I believe in God...
โอ้เป็นบทความที่ดีครับ
บทความที่เขียนดีมากคงจะเป็นสิ่งกระตุ้นเตือนให้หลายๆ คนได้ระลึกถึงพระเป็นเจ้าได้บ้างไม่มากก็น้อยขอพระเจ้าและแม่พระอำนวยพรทุกคนเสมอ
พระนางมารีย์ทรงเป็นต้นแบบของข้ารับใช้ของพระเป็นเจ้า พระนางทรงสรรเสริญพระเป็นเจ้าในทุกเหตุการณ์ของชีวิต จะเห็นได้อย่างชัดเจนจากบทมักญีฟีกัต(บทเพลงสรรเสริญของแม่พระ)
วิญญาณข้าฯถวายสดุดี
เทิดศักดิ์ศรีพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่
จิตใจข้าเปรมปรีดิ์นี่กระไร
ซาบซึ้งในพระผู้กู้โลกา
เหตุทรงสรรมูลิกาซึ่งข้าน้อย
แม้ต่ำต้อยไร้อำนาจวาสนา
แต่นี้ไปปวงชนจักนำพา
ให้สมญาว่าข้าฯนี้ผู้มีบุญ
ด้วยว่าองค์ทรงฤทธิ์อดิศร
นามกรศักดิ์สิทธิ์ทรงเกื้อหนุน
เกิดเหตุการณ์ยิ่งใหญ่ในพระคุณ
พระการุญแผ่ทั่วชั่วกาลนาน
ขอพระโปรดยกหัตถ์ประสาทพร
แก่นิกรยำเกรงพระบรรหาร
สำแดงฤทธิ์พิชิตอหังการ
ให้แตกซ่านไปด้วยพระเดชา
ทรราชอธรรมอัปยศ
ให้ต้องปลดยศศักดิ์อัครฐาน์
โปรดเชิดชูผู้เข็ญใจให้ขึ้นมา
ได้หรรษาเกษมสุขทุกคนไป
คนอดอยากโปรดให้ได้อิ่มหนำ
พระช่วยบำเหน็จทรัพย์อสงไขย
คนเศรษฐีใจดำบำราศไร้
ต้องกลับไปมือเปล่าเฝ้าอาดูร
พระทรงเอื้อเกื้อกูลอิสราเอล
ให้ร่มเย็นรับใช้ไม่เสื่อมสูญ
ใฝ่พระทัยรำลึกพระการุญ
แก่ตระกูลอับราฮัมอันอำไพ
ดังพระองค์ทรงมีพระวาจา
ตรัสสัญญากับบรรพชนไว้
ทรงซื่อสัตย์ถือมั่นนิรันดร์ไป
ชนอวยชัยทั่วหล้าสดุดี
สิริพึงมีแด่พระบิดา
พระบุตราพระจิตผู้เรืองศรี
เหมือนดั่งในแรกเริ่มแต่เดิมที
ทั้งบัดนี้และตลอดกาล อาแมน
พระนางมารีย์ทรงเป็นต้นแบบของข้ารับใช้ของพระเป็นเจ้า พระนางทรงสรรเสริญพระเป็นเจ้าในทุกเหตุการณ์ของชีวิต จะเห็นได้อย่างชัดเจนจากบทมักญีฟีกัต(บทเพลงสรรเสริญของแม่พระ)
วิญญาณข้าฯถวายสดุดี
เทิดศักดิ์ศรีพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่
จิตใจข้าเปรมปรีดิ์นี่กระไร
ซาบซึ้งในพระผู้กู้โลกา
เหตุทรงสรรมูลิกาซึ่งข้าน้อย
แม้ต่ำต้อยไร้อำนาจวาสนา
แต่นี้ไปปวงชนจักนำพา
ให้สมญาว่าข้าฯนี้ผู้มีบุญ
ด้วยว่าองค์ทรงฤทธิ์อดิศร
นามกรศักดิ์สิทธิ์ทรงเกื้อหนุน
เกิดเหตุการณ์ยิ่งใหญ่ในพระคุณ
พระการุญแผ่ทั่วชั่วกาลนาน
ขอพระโปรดยกหัตถ์ประสาทพร
แก่นิกรยำเกรงพระบรรหาร
สำแดงฤทธิ์พิชิตอหังการ
ให้แตกซ่านไปด้วยพระเดชา
ทรราชอธรรมอัปยศ
ให้ต้องปลดยศศักดิ์อัครฐาน์
โปรดเชิดชูผู้เข็ญใจให้ขึ้นมา
ได้หรรษาเกษมสุขทุกคนไป
คนอดอยากโปรดให้ได้อิ่มหนำ
พระช่วยบำเหน็จทรัพย์อสงไขย
คนเศรษฐีใจดำบำราศไร้
ต้องกลับไปมือเปล่าเฝ้าอาดูร
พระทรงเอื้อเกื้อกูลอิสราเอล
ให้ร่มเย็นรับใช้ไม่เสื่อมสูญ
ใฝ่พระทัยรำลึกพระการุญ
แก่ตระกูลอับราฮัมอันอำไพ
ดังพระองค์ทรงมีพระวาจา
ตรัสสัญญากับบรรพชนไว้
ทรงซื่อสัตย์ถือมั่นนิรันดร์ไป
ชนอวยชัยทั่วหล้าสดุดี
สิริพึงมีแด่พระบิดา
พระบุตราพระจิตผู้เรืองศรี
เหมือนดั่งในแรกเริ่มแต่เดิมที
ทั้งบัดนี้และตลอดกาล อาแมน
น้อง princess of wands เป็นความหมายที่ดี เหมือนพระเยซูรักเราดีครับ
ด้วยรักในพระคริสต์
*sadและในตอนนี้
เราสองอยู่แสนห่าง
แต่ความรักเธอไม่จาง
รักเธอนั้นไม่เคยห่าง
จากวันนั้น ถึงวันนี้
เธอคนนี้ยังคง รักไม่เปลี่ยน
ด้วยรักในพระคริสต์
แก้ไขล่าสุดโดย Joseph เมื่อ อังคาร ก.ย. 20, 2005 1:54 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ขอบคุณพระเจ้าที่ให้ได้เข้ามาอ่านค่ะ
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
ชอบเพลงพี่ปุ๊จังเลย *inlove
-
- Defender of lawS
- โพสต์: 3324
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
- ที่อยู่: Bangkok
ฮันนาห์มารดาของซามูเอล ก็ได้ร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าเมื่อพระองค์ทรงตอบคำอธิษฐานเรื่องการวิงวอนขอลูกชาย
2:1 นางฮันนาห์ได้อธิษฐานและกล่าวว่า "จิตใจของข้าพเจ้าชื่นชมในพระเจ้า ในพระเจ้ากำลังของข้าพเจ้าก็เข้มแข็ง ปากของข้าพเจ้าก็อ้ากว้างเข้าใส่ศัตรูของข้าพเจ้าเพราะข้าพเจ้าเปรมปรีดิ์ในความรอดของพระองค์
2:2 "ไม่มีผู้ใดบริสุทธิ์ดังพระเจ้า ไม่มีผู้ใดนอกเหนือพระเจ้า ไม่มีศิลาใดเหมือนพระเจ้าของข้าพเจ้าทั้งหลาย
2:3 อย่าพูดโอหังอีกต่อไปเลย อย่าให้ความจองหองออกมาจากปากของเจ้าเลย เพราะพระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าของความรู้ การกระทำทั้งหลายพระองค์ทรงเป็นผู้ชั่งตรวจ
2:4 คันธนูของผู้มีกำลังก็หัก แต่ผู้ที่ซวนเซก็ได้กำลังมาคาดเอว
2:5 บรรดาคนที่เคยกินอิ่มก็ต้องออกรับจ้างหากินแต่คนที่เคยหิวก็หยุดหิว คนที่เป็นหมันมีบุตรเจ็ดคน แต่นางที่มีบุตรมากก็เหี่ยวแห้งไป
2:6 พระเจ้าทรงประหารและทรงให้มีชีวิต พระองค์ทรงนำลงไปถึงแดนคนตายและก็นำขึ้นมา
2:7 พระเจ้าทรงกระทำให้ยากจนและทรงกระทำให้มั่งคั่งพระองค์ทรงกระทำให้ต่ำลงและพระองค์ทรงยกขึ้น
2:8 พระองค์ทรงยกคนยากจนขึ้นจากผงคลี พระองค์ทรงยกคนขัดสนขึ้นจากกองขยะ กระทำให้เขานั่งร่วมกับเจ้านาย และได้ที่นั่งอันมีเกียรติเป็นมรดก เพราะว่าเสาแห่งพิภพเป็นของพระเจ้า พระองค์ทรงวางพิภพไว้บนนั้น
2:9 "พระองค์จะทรงดูแลย่างเท้าของธรรมิกชนของพระองค์แต่คนอธรรมจะต้องนิ่งอยู่ในความมืด เพราะว่ามนุษย์จะชนะด้วยกำลังของตนก็หาไม่
2:10 ศัตรูของพระเจ้าจะแตกเป็นชิ้นๆ พระองค์จะทรงเอาฟ้าร้องในสวรรค์ต่อสู้เขา พระเจ้าจะทรงพิพากษาที่สุดปลายพิภพ พระองค์จะทรงประทานกำลังแก่พระราชาของพระองค์ และจะทรงเสริมอำนาจของผู้ที่พระองค์ทรงเจิมไว้"
2:1 นางฮันนาห์ได้อธิษฐานและกล่าวว่า "จิตใจของข้าพเจ้าชื่นชมในพระเจ้า ในพระเจ้ากำลังของข้าพเจ้าก็เข้มแข็ง ปากของข้าพเจ้าก็อ้ากว้างเข้าใส่ศัตรูของข้าพเจ้าเพราะข้าพเจ้าเปรมปรีดิ์ในความรอดของพระองค์
2:2 "ไม่มีผู้ใดบริสุทธิ์ดังพระเจ้า ไม่มีผู้ใดนอกเหนือพระเจ้า ไม่มีศิลาใดเหมือนพระเจ้าของข้าพเจ้าทั้งหลาย
2:3 อย่าพูดโอหังอีกต่อไปเลย อย่าให้ความจองหองออกมาจากปากของเจ้าเลย เพราะพระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าของความรู้ การกระทำทั้งหลายพระองค์ทรงเป็นผู้ชั่งตรวจ
2:4 คันธนูของผู้มีกำลังก็หัก แต่ผู้ที่ซวนเซก็ได้กำลังมาคาดเอว
2:5 บรรดาคนที่เคยกินอิ่มก็ต้องออกรับจ้างหากินแต่คนที่เคยหิวก็หยุดหิว คนที่เป็นหมันมีบุตรเจ็ดคน แต่นางที่มีบุตรมากก็เหี่ยวแห้งไป
2:6 พระเจ้าทรงประหารและทรงให้มีชีวิต พระองค์ทรงนำลงไปถึงแดนคนตายและก็นำขึ้นมา
2:7 พระเจ้าทรงกระทำให้ยากจนและทรงกระทำให้มั่งคั่งพระองค์ทรงกระทำให้ต่ำลงและพระองค์ทรงยกขึ้น
2:8 พระองค์ทรงยกคนยากจนขึ้นจากผงคลี พระองค์ทรงยกคนขัดสนขึ้นจากกองขยะ กระทำให้เขานั่งร่วมกับเจ้านาย และได้ที่นั่งอันมีเกียรติเป็นมรดก เพราะว่าเสาแห่งพิภพเป็นของพระเจ้า พระองค์ทรงวางพิภพไว้บนนั้น
2:9 "พระองค์จะทรงดูแลย่างเท้าของธรรมิกชนของพระองค์แต่คนอธรรมจะต้องนิ่งอยู่ในความมืด เพราะว่ามนุษย์จะชนะด้วยกำลังของตนก็หาไม่
2:10 ศัตรูของพระเจ้าจะแตกเป็นชิ้นๆ พระองค์จะทรงเอาฟ้าร้องในสวรรค์ต่อสู้เขา พระเจ้าจะทรงพิพากษาที่สุดปลายพิภพ พระองค์จะทรงประทานกำลังแก่พระราชาของพระองค์ และจะทรงเสริมอำนาจของผู้ที่พระองค์ทรงเจิมไว้"
-
- Defender of lawS
- โพสต์: 3324
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
- ที่อยู่: Bangkok
เมื่อโมเสสได้นำชนอิสราเอลข้ามทะเลแดงแล้ว สิ่งแรกที่ท่านนำชนอิสราเอลควรกระทำคือ
สรรเสริญพระเจ้า (คือการแสดงออกถึงการขอบพระคุณพระเจ้า )
อพยพ 15
15:1 ขณะนั้นโมเสสกับชนชาติอิสราเอลร้องเพลงบทนี้ ถวายพระเจ้าว่า "ข้าพเจ้าจะร้องเพลงถวายพระเจ้า เพราะพระองค์ทรงได้ชัยชนะอย่างใหญ่หลวง พระองค์ทรงกวาดม้าและพลม้าลงในทะเล
15:2 พระเจ้าทรงเป็นผู้พิทักษ์ ผู้ออกรบแทนข้าพเจ้าพระองค์ทรงเป็นผู้ช่วยให้ข้าพเจ้ารอด พระองค์นี่แหละเป็นพระเจ้าของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระองค์ ทรงเป็นพระเจ้าของบรรพบุรุษของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะยกย่องสรรเสริญพระองค์
15:3 พระเจ้าทรงเป็นนักรบ พระนามของพระองค์คือ พระเยโฮวาห์
15:4 พระองค์ทรงเหวี่ยงรถรบ และโยนพลโยธาของฟาโรห์ลงในทะเล นายทหารรถรบชั้นยอดของฟาโรห์ก็จมในทะเลแดง
15:5 น้ำท่วมเขา เขาจมลงในทะเลที่ลึก ประดุจก้อนหิน
15:6 ข้าแต่พระเจ้า พระหัตถ์ขวาของพระองค์ ทรงอานุภาพยิ่ง ข้าแต่พระเจ้า พระหัตถ์ขวาของพระองค์ทรงทำลายศัตรูให้พินาศไป
15:7 ด้วยเดชานุภาพอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ พระองค์ทรงคว่ำปฏิปักษ์ของพระองค์เสีย พระองค์ทรงใช้พระพิโรธของพระองค์ เผาผลาญเขาเสียอย่างตอฟาง
15:8 โดยลมที่ระบายจากช่องพระนาสิก {คือ จมูก} น้ำก็ท่วมสูงขึ้นไป น้ำท่วมก็ท้นสูงขึ้น น้ำก็แข็งขึ้นในท้องทะเล
15:9 พวกข้าศึกกล่าวว่า 'เราจะติดตาม เราจะจับให้ทัน เราจะริบสิ่งของมาแบ่งปันกัน เราจึงจะพอใจที่ได้กระทำกับพวกนั้น ดังประสงค์ เราจะชักดาบออก มือเราจะทำลายเขาเสีย'
15:10 พระองค์ทรงบันดาลให้ลมพัดมา น้ำทะเลก็ท่วมเขามิด เขาจมลงในกระแสน้ำอันไหลแรงนั้นเหมือนตะกั่ว
15:11 ข้าแต่พระเจ้า ในบรรดาพระทั้งปวงองค์ไหนจะเป็นเหมือนพระองค์เล่า องค์ไหนจะเหมือนพระองค์ผู้ทรงประกอบด้วยความบริสุทธิ์และน่าเกรงขามเนื่องด้วยพระราชกิจอันรุ่งเรืองและอัศจรรย์ที่พระองค์ทรงกระทำ
15:12 พระองค์ทรงเหยียดพระหัตถ์ขวาออก แผ่นดินก็กลืนพวกเขาเสีย
15:13 พระองค์ทรงนำชนชาติ ซึ่งพระองค์ทรงไถ่ไว้ด้วยความรักมั่นคงของพระองค์ พระองค์ทรงพาเขามาถึงที่สถิตอันบริสุทธิ์ของพระองค์ ด้วยพระเดชานุภาพ
15:14 ชนชาติทั้งหลายได้ยินแล้ว ก็พากันสะทกสะท้านชาวประเทศฟีลิสเตียรู้สึกเสียวสยอง
15:15 ครั้งนั้นพวกเจ้านายในเมืองเอโดม ก็พากันหวาดกลัวและพวกหัวหน้าในเมืองโมอับก็สะทกสะท้าน ชาวเมืองคานาอันทั้งปวงก็ระส่ำระสายไป
15:16 ความรู้สึกเสียวสยอง และความตกใจกลัวอุบัติขึ้นในใจของเขา เนื่องด้วยฤทธานุภาพแห่งพระกรของพระองค์ เขาหยุดนิ่งอยู่เหมือนก้อนหิน ข้าแต่พระเจ้า จนประชากรของพระองค์ผ่านพ้นไป จนชนชาติซึ่งพระองค์ทรงไถ่ไว้แล้วผ่านไป
15:17 พระองค์ทรงนำเขาเข้ามา และให้เขาตั้งหลักแหล่งอยู่บนภูเขาของพระองค์ ข้าแต่พระเจ้า เป็นสถานที่ซึ่งพระองค์ทรงสร้างไว้ เพื่อเป็นที่สถิตของพระองค์ ข้าแต่พระเจ้า สถานนมัสการซึ่งพระหัตถ์ของพระองค์สถาปนาไว้
15:18 พระเจ้าจะทรงครอบครองอยู่เป็นนิตย์นิรันดร์"
15:19 เพราะเมื่อกองม้าของฟาโรห์กับราชรถ และพลม้าของท่านลงไปในทะเล พระเจ้าก็ทรงให้น้ำทะเลไหลกลับมาท่วมเสีย แต่ชนชาติอิสราเอลเดินไปบนดินแห้งกลางทะเลนั้น
15:20 ฝ่ายมิเรียมหญิงผู้เผยพระวจนะ พี่สาวของอาโรนก็ถือรำมะนา และหญิงทั้งปวงก็ถือรำมะนาเดินตาม พร้อมกับเต้นรำไปด้วย
15:21 มิเรียมจึงร้องนำว่า "จงร้องเพลงถวายพระเจ้าเถิด เพราะพระองค์ทรงได้ชัยชนะอย่างใหญ่หลวง พระองค์ทรงกวาดม้าและพลม้าให้ตกลงไปในทะเล"
15:22 ต่อมาโมเสสนำพวกอิสราเอลออกจากทะเลแดงไปยังป่าชูร์ เดินไปในถิ่นทุรกันดารสามวัน ก็มิได้พบน้ำเลย
15:23 ครั้นมาถึงตำบลมาราห์ เขาก็กินน้ำที่ตำบลมาราห์นั้นไม่ได้ เพราะน้ำขม เหตุฉะนั้นจึงตั้งชื่อว่ามาราห์ {แปลว่า ความขม}
15:24 ประชาชนก็พากันบ่น และต่อว่าโมเสสว่า "พวกเราจะเอาอะไรดื่ม"
15:25 โมเสสก็ร้องทูลพระเจ้า พระเจ้าจึงทรงชี้ให้ท่านเห็นต้นไม้ต้นหนึ่ง เมื่อโยนต้นไม้นั้นลงในน้ำ น้ำก็จืด ณที่นั้นพระองค์ทรงประทานกฎเกณฑ์ และกฎหมายไว้ และทรงลองใจเขาที่นั่น
15:26 พระองค์ตรัสว่า "ถ้าเจ้าทั้งหลายฟังพระสุรเสียงของพระเจ้าของเจ้า และกระทำสิ่งที่ชอบในสายพระเนตรของพระองค์ เงี่ยหูฟังพระบัญญัติของพระองค์ และปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของพระองค์ทุกประการ แล้วโรคต่างๆ ซึ่งเราบันดาลให้เกิดแก่ชาวอียิปต์นั้น เราจะไม่ให้บังเกิดแก่พวกเจ้าเลย เพราะเราคือพระเจ้าแพทย์ของเจ้า"
15:27 พวกเขามาถึงตำบลเอลิม ที่มีบ่อน้ำพุสิบสองบ่อ มีต้นอินทผลัมเจ็ดสิบต้น พวกเขาจึงตั้งค่ายใกล้บ่อน้ำนั้น
สรรเสริญพระเจ้า (คือการแสดงออกถึงการขอบพระคุณพระเจ้า )
อพยพ 15
15:1 ขณะนั้นโมเสสกับชนชาติอิสราเอลร้องเพลงบทนี้ ถวายพระเจ้าว่า "ข้าพเจ้าจะร้องเพลงถวายพระเจ้า เพราะพระองค์ทรงได้ชัยชนะอย่างใหญ่หลวง พระองค์ทรงกวาดม้าและพลม้าลงในทะเล
15:2 พระเจ้าทรงเป็นผู้พิทักษ์ ผู้ออกรบแทนข้าพเจ้าพระองค์ทรงเป็นผู้ช่วยให้ข้าพเจ้ารอด พระองค์นี่แหละเป็นพระเจ้าของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระองค์ ทรงเป็นพระเจ้าของบรรพบุรุษของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะยกย่องสรรเสริญพระองค์
15:3 พระเจ้าทรงเป็นนักรบ พระนามของพระองค์คือ พระเยโฮวาห์
15:4 พระองค์ทรงเหวี่ยงรถรบ และโยนพลโยธาของฟาโรห์ลงในทะเล นายทหารรถรบชั้นยอดของฟาโรห์ก็จมในทะเลแดง
15:5 น้ำท่วมเขา เขาจมลงในทะเลที่ลึก ประดุจก้อนหิน
15:6 ข้าแต่พระเจ้า พระหัตถ์ขวาของพระองค์ ทรงอานุภาพยิ่ง ข้าแต่พระเจ้า พระหัตถ์ขวาของพระองค์ทรงทำลายศัตรูให้พินาศไป
15:7 ด้วยเดชานุภาพอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ พระองค์ทรงคว่ำปฏิปักษ์ของพระองค์เสีย พระองค์ทรงใช้พระพิโรธของพระองค์ เผาผลาญเขาเสียอย่างตอฟาง
15:8 โดยลมที่ระบายจากช่องพระนาสิก {คือ จมูก} น้ำก็ท่วมสูงขึ้นไป น้ำท่วมก็ท้นสูงขึ้น น้ำก็แข็งขึ้นในท้องทะเล
15:9 พวกข้าศึกกล่าวว่า 'เราจะติดตาม เราจะจับให้ทัน เราจะริบสิ่งของมาแบ่งปันกัน เราจึงจะพอใจที่ได้กระทำกับพวกนั้น ดังประสงค์ เราจะชักดาบออก มือเราจะทำลายเขาเสีย'
15:10 พระองค์ทรงบันดาลให้ลมพัดมา น้ำทะเลก็ท่วมเขามิด เขาจมลงในกระแสน้ำอันไหลแรงนั้นเหมือนตะกั่ว
15:11 ข้าแต่พระเจ้า ในบรรดาพระทั้งปวงองค์ไหนจะเป็นเหมือนพระองค์เล่า องค์ไหนจะเหมือนพระองค์ผู้ทรงประกอบด้วยความบริสุทธิ์และน่าเกรงขามเนื่องด้วยพระราชกิจอันรุ่งเรืองและอัศจรรย์ที่พระองค์ทรงกระทำ
15:12 พระองค์ทรงเหยียดพระหัตถ์ขวาออก แผ่นดินก็กลืนพวกเขาเสีย
15:13 พระองค์ทรงนำชนชาติ ซึ่งพระองค์ทรงไถ่ไว้ด้วยความรักมั่นคงของพระองค์ พระองค์ทรงพาเขามาถึงที่สถิตอันบริสุทธิ์ของพระองค์ ด้วยพระเดชานุภาพ
15:14 ชนชาติทั้งหลายได้ยินแล้ว ก็พากันสะทกสะท้านชาวประเทศฟีลิสเตียรู้สึกเสียวสยอง
15:15 ครั้งนั้นพวกเจ้านายในเมืองเอโดม ก็พากันหวาดกลัวและพวกหัวหน้าในเมืองโมอับก็สะทกสะท้าน ชาวเมืองคานาอันทั้งปวงก็ระส่ำระสายไป
15:16 ความรู้สึกเสียวสยอง และความตกใจกลัวอุบัติขึ้นในใจของเขา เนื่องด้วยฤทธานุภาพแห่งพระกรของพระองค์ เขาหยุดนิ่งอยู่เหมือนก้อนหิน ข้าแต่พระเจ้า จนประชากรของพระองค์ผ่านพ้นไป จนชนชาติซึ่งพระองค์ทรงไถ่ไว้แล้วผ่านไป
15:17 พระองค์ทรงนำเขาเข้ามา และให้เขาตั้งหลักแหล่งอยู่บนภูเขาของพระองค์ ข้าแต่พระเจ้า เป็นสถานที่ซึ่งพระองค์ทรงสร้างไว้ เพื่อเป็นที่สถิตของพระองค์ ข้าแต่พระเจ้า สถานนมัสการซึ่งพระหัตถ์ของพระองค์สถาปนาไว้
15:18 พระเจ้าจะทรงครอบครองอยู่เป็นนิตย์นิรันดร์"
15:19 เพราะเมื่อกองม้าของฟาโรห์กับราชรถ และพลม้าของท่านลงไปในทะเล พระเจ้าก็ทรงให้น้ำทะเลไหลกลับมาท่วมเสีย แต่ชนชาติอิสราเอลเดินไปบนดินแห้งกลางทะเลนั้น
15:20 ฝ่ายมิเรียมหญิงผู้เผยพระวจนะ พี่สาวของอาโรนก็ถือรำมะนา และหญิงทั้งปวงก็ถือรำมะนาเดินตาม พร้อมกับเต้นรำไปด้วย
15:21 มิเรียมจึงร้องนำว่า "จงร้องเพลงถวายพระเจ้าเถิด เพราะพระองค์ทรงได้ชัยชนะอย่างใหญ่หลวง พระองค์ทรงกวาดม้าและพลม้าให้ตกลงไปในทะเล"
15:22 ต่อมาโมเสสนำพวกอิสราเอลออกจากทะเลแดงไปยังป่าชูร์ เดินไปในถิ่นทุรกันดารสามวัน ก็มิได้พบน้ำเลย
15:23 ครั้นมาถึงตำบลมาราห์ เขาก็กินน้ำที่ตำบลมาราห์นั้นไม่ได้ เพราะน้ำขม เหตุฉะนั้นจึงตั้งชื่อว่ามาราห์ {แปลว่า ความขม}
15:24 ประชาชนก็พากันบ่น และต่อว่าโมเสสว่า "พวกเราจะเอาอะไรดื่ม"
15:25 โมเสสก็ร้องทูลพระเจ้า พระเจ้าจึงทรงชี้ให้ท่านเห็นต้นไม้ต้นหนึ่ง เมื่อโยนต้นไม้นั้นลงในน้ำ น้ำก็จืด ณที่นั้นพระองค์ทรงประทานกฎเกณฑ์ และกฎหมายไว้ และทรงลองใจเขาที่นั่น
15:26 พระองค์ตรัสว่า "ถ้าเจ้าทั้งหลายฟังพระสุรเสียงของพระเจ้าของเจ้า และกระทำสิ่งที่ชอบในสายพระเนตรของพระองค์ เงี่ยหูฟังพระบัญญัติของพระองค์ และปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของพระองค์ทุกประการ แล้วโรคต่างๆ ซึ่งเราบันดาลให้เกิดแก่ชาวอียิปต์นั้น เราจะไม่ให้บังเกิดแก่พวกเจ้าเลย เพราะเราคือพระเจ้าแพทย์ของเจ้า"
15:27 พวกเขามาถึงตำบลเอลิม ที่มีบ่อน้ำพุสิบสองบ่อ มีต้นอินทผลัมเจ็ดสิบต้น พวกเขาจึงตั้งค่ายใกล้บ่อน้ำนั้น
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
ดีจังเลยครับ
ผมแนะนำว่าที่อิสระรายปักษ์ (เล่มที่พี่พีพีเขียนถึงความสัมพันธ์ระหว่างพระเยซูเจ้าและสามพี่น้อง) มีอยู่เรื่องหนึ่งครับ ชื่อ "ลูกโป่งสวรรค์" ก็มีเขียนเรื่องนี้ด้วยครับ
ผมแนะนำว่าที่อิสระรายปักษ์ (เล่มที่พี่พีพีเขียนถึงความสัมพันธ์ระหว่างพระเยซูเจ้าและสามพี่น้อง) มีอยู่เรื่องหนึ่งครับ ชื่อ "ลูกโป่งสวรรค์" ก็มีเขียนเรื่องนี้ด้วยครับ
-
- ~@
- โพสต์: 2546
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm
ว้าววว ใจตรงกันกับคนเขียนเลย ;DBatholomew เขียน: ดีจังเลยครับ
ผมแนะนำว่าที่อิสระรายปักษ์ (เล่มที่พี่พีพีเขียนถึงความสัมพันธ์ระหว่างพระเยซูเจ้าและสามพี่น้อง) มีอยู่เรื่องหนึ่งครับ ชื่อ "ลูกโป่งสวรรค์" ก็มีเขียนเรื่องนี้ด้วยครับ
เพลงรัก ตอนแรกเราก็ฟังแล้วก็ว่าเพราะดี เฉยๆๆ ไม่ได้คิดอะไร แต่พอมาได้อ่านบทความนี้ รู้สึกดีจังเลยค่ะ เพราะเพลงนี้เป็นเหมือนความรักของพระเจ้าที่มีต่อเราเลย เราไม่ได้เป็นคริสต์ แม้ตอนนี้ก็ยังไม่ได้เป็น แต่เราเพืงได้มารู้จักกับพระเจ้าเมื่อเดือนกุมภาที่ผ่านมา เป็นเหมือนพระองค์ทำให้เรารู้จักกับความรักจริงๆเลยล่ะค่ะ
โอเธอ ทำให้ฉันรู้จัก
ความรักที่ไม่มีเหมือนใครใด
ได้มามีเธอนั้นเป็นคนให้
หัวใจอยากให้เธอรู้
ชอบท่อนนี้มากๆๆเลยค่ะ ความรักของพระองค์ไม่เหมือนรักใดเลยจริงๆๆ
ขอบคุณนะค่ะที่ทำให้ชีวิตของเราในแต่ล่ะวันได้สรรเสริญพระเจ้า และขอบคุณที่พระองค์ทำให้เรารู้จักเวบนี้ ขอบคุณจริงๆๆ :)
โอเธอ ทำให้ฉันรู้จัก
ความรักที่ไม่มีเหมือนใครใด
ได้มามีเธอนั้นเป็นคนให้
หัวใจอยากให้เธอรู้
ชอบท่อนนี้มากๆๆเลยค่ะ ความรักของพระองค์ไม่เหมือนรักใดเลยจริงๆๆ
ขอบคุณนะค่ะที่ทำให้ชีวิตของเราในแต่ล่ะวันได้สรรเสริญพระเจ้า และขอบคุณที่พระองค์ทำให้เรารู้จักเวบนี้ ขอบคุณจริงๆๆ :)
-
- โพสต์: 659
- ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.ย. 10, 2005 2:01 pm
- ที่อยู่: I believe in God...
อ่านแล้วใจสงบดีจัง
-
- ~@
- โพสต์: 2546
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm