วันนี้ฉลองนักบุญ...มาภาวนาร่วมกันนะครับ
-
- โพสต์: 659
- ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.ย. 10, 2005 2:01 pm
- ที่อยู่: I believe in God...
:D เป็นโอกาสที่ดีครับ
วันที่ 17 ตุลาคม

ระลึกถึง
นักบุญ อิกญาซิโอ ชาวอันติโอ๊ค
พระสังฆราชและมรณสักขี
อิกญาซีโอ หรือเทโอโฟโร ซึ่งมีความหมายว่า

ระลึกถึง
นักบุญ อิกญาซิโอ ชาวอันติโอ๊ค
พระสังฆราชและมรณสักขี
อิกญาซีโอ หรือเทโอโฟโร ซึ่งมีความหมายว่า
แก้ไขล่าสุดโดย Divine Mercy เมื่อ จันทร์ ต.ค. 17, 2005 8:59 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
วันที่ 18 ตุลาคม

ฉลองนักบุญลูกา
ผู้นิพนธ์พระวรสาร
ดันเต กวีมีชื่อชาวอิตาเลียนเรียกนักบุญ ลูกา ว่า

ฉลองนักบุญลูกา
ผู้นิพนธ์พระวรสาร
ดันเต กวีมีชื่อชาวอิตาเลียนเรียกนักบุญ ลูกา ว่า
แก้ไขล่าสุดโดย Divine Mercy เมื่อ จันทร์ ต.ค. 17, 2005 9:10 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
- King Zadin
- โพสต์: 419
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ พ.ค. 13, 2005 3:53 am
- ติดต่อ:
19 ตุลาคม

นักบุญ เปาโล แห่ง ไม้กางเขน
พระสงฆ์
นักบุญเปาโลแห่งไม้กางเขน เกิดที่โอวาดาในครอบครัวที่ได้รับการทดลองอย่างหนัก
ครั้งแรกท่านได้ไปเป็นทหารและเมื่ออายุได้ 26 ปี ท่านได้รับ

นักบุญ เปาโล แห่ง ไม้กางเขน
พระสงฆ์
นักบุญเปาโลแห่งไม้กางเขน เกิดที่โอวาดาในครอบครัวที่ได้รับการทดลองอย่างหนัก
ครั้งแรกท่านได้ไปเป็นทหารและเมื่ออายุได้ 26 ปี ท่านได้รับ
- King Zadin
- โพสต์: 419
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ พ.ค. 13, 2005 3:53 am
- ติดต่อ:
23 ตุลาคม

นักบุญ ยอห์น แห่ง กาปีสสตราโน
พระสงฆ์
นักบุญ ยอห์น เกิดที่เมืองกาปิสตราโนในแคว้นอาควีลา ประเทศอิตาลี ในวัยเด็กท่านได้มีประสบการณ์ถึงผลร้ายแห่งความเกลียดชังที่มีขึ้นในระหว่าง ตระกูลต่อตระกูล เพราะสมาชิก 12 คนในตระกูลของท่านถูกฆ่าตายในช่วงระยะ เวลา 2 - 3 ปี
นักบุญ ยอห์น ได้ศึกษาเล่าเรียนที่เมืองเปรูจา และได้กลายเป็นผู้พิพากษาที่มีคนรักมากที่สุดในเมืองนี้ด้วยแต่เพราะมรสุมของวิถีทางการเมืองท่านได้จบชีวิตของท่านในคุกและ ในคุกนี่เองที่ท่านได้เห็นภาพนิมิตรซึ่งได้ทำให้ท่านเปลี่ยนวิถีชีวิตใหม่ มาติดตามยึดถืออุดมคติของนักบุญ ฟรังซิส อัสซีซี
กิจกรรมทางด้านแพร่ธรรมของท่านนั้นมีมากมาย คือตลอดระยะเวลา 40 ปี ท่านได้อุทิศตนเองให้กับการเทศนาสั่งสอน ซึ่งเราสามารถกล่าวได้ว่า ท่านเทศน์สอนเกือบทุกวันเป็นประจำ และเพราะการเทศน์สอนของท่านนี่เองที่ท่านได้รับความสำเร็จอย่างแทบไม่น่าเชื่อ เป็นต้น ท่านได้ทำให้พวกนักศึกษาหนุ่มสาวในมหาวิทยาลัยกลับใจเช่น ที่เมืองไลพ์ซิก คราโคเวีย และเวียนนา และมีอยู่ครั้งหนึ่งที่หลังจากการเทศน์สอนของท่านได้มีนักศึกษามากกว่า 100 คนได้ขอเข้าเป็นนักบวชในคณะฟรังซิสกัน ท่านได้ฟังแก้บาปมาก ได้ช่วยสร้างสันติในหมู่ประชาชน ได้จัดแจงให้ความช่วยเหลือ เป็นต้นกับทางโรงพยาบาล และได้เป็นที่ปรึกษาของพระสันตะปาปาหลายพระองค์ด้วยกัน
นักบุญ ยอห์น ได้มีผลงานทางด้านแพร่ธรรมทั้งในประเทศอิตาลี ในแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ เปอีส-บาสเคอ ออสเตรีย เยอรมันนี โปแลนด์ ฮังการี โมราเวีย จนว่าท่านได้รับการขนานนามว่า

นักบุญ ยอห์น แห่ง กาปีสสตราโน
พระสงฆ์
นักบุญ ยอห์น เกิดที่เมืองกาปิสตราโนในแคว้นอาควีลา ประเทศอิตาลี ในวัยเด็กท่านได้มีประสบการณ์ถึงผลร้ายแห่งความเกลียดชังที่มีขึ้นในระหว่าง ตระกูลต่อตระกูล เพราะสมาชิก 12 คนในตระกูลของท่านถูกฆ่าตายในช่วงระยะ เวลา 2 - 3 ปี
นักบุญ ยอห์น ได้ศึกษาเล่าเรียนที่เมืองเปรูจา และได้กลายเป็นผู้พิพากษาที่มีคนรักมากที่สุดในเมืองนี้ด้วยแต่เพราะมรสุมของวิถีทางการเมืองท่านได้จบชีวิตของท่านในคุกและ ในคุกนี่เองที่ท่านได้เห็นภาพนิมิตรซึ่งได้ทำให้ท่านเปลี่ยนวิถีชีวิตใหม่ มาติดตามยึดถืออุดมคติของนักบุญ ฟรังซิส อัสซีซี
กิจกรรมทางด้านแพร่ธรรมของท่านนั้นมีมากมาย คือตลอดระยะเวลา 40 ปี ท่านได้อุทิศตนเองให้กับการเทศนาสั่งสอน ซึ่งเราสามารถกล่าวได้ว่า ท่านเทศน์สอนเกือบทุกวันเป็นประจำ และเพราะการเทศน์สอนของท่านนี่เองที่ท่านได้รับความสำเร็จอย่างแทบไม่น่าเชื่อ เป็นต้น ท่านได้ทำให้พวกนักศึกษาหนุ่มสาวในมหาวิทยาลัยกลับใจเช่น ที่เมืองไลพ์ซิก คราโคเวีย และเวียนนา และมีอยู่ครั้งหนึ่งที่หลังจากการเทศน์สอนของท่านได้มีนักศึกษามากกว่า 100 คนได้ขอเข้าเป็นนักบวชในคณะฟรังซิสกัน ท่านได้ฟังแก้บาปมาก ได้ช่วยสร้างสันติในหมู่ประชาชน ได้จัดแจงให้ความช่วยเหลือ เป็นต้นกับทางโรงพยาบาล และได้เป็นที่ปรึกษาของพระสันตะปาปาหลายพระองค์ด้วยกัน
นักบุญ ยอห์น ได้มีผลงานทางด้านแพร่ธรรมทั้งในประเทศอิตาลี ในแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ เปอีส-บาสเคอ ออสเตรีย เยอรมันนี โปแลนด์ ฮังการี โมราเวีย จนว่าท่านได้รับการขนานนามว่า
แก้ไขล่าสุดโดย King Zadin เมื่อ ศุกร์ พ.ย. 04, 2005 5:35 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
- King Zadin
- โพสต์: 419
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ พ.ค. 13, 2005 3:53 am
- ติดต่อ:
24 ตุลาคม

นักบุญ อันตน มารีอา คลาเร็ต
พระสังฆราช
อันตน มารีอา คลาเร็ต มีจิตตารมณ์ ของมิชชันนารีแพร่ธรรมที่ร้อนแรง ท่านได้ใช้ความสามารถของท่านให้บริการแก่พระศาสนจักรที่ คาทาโลญา บ้าน เกิดของท่านเอง ท่านได้ตั้งคณะนักบวชมิชชันนารีโดยใช้ชื่อว่า

นักบุญ อันตน มารีอา คลาเร็ต
พระสังฆราช
อันตน มารีอา คลาเร็ต มีจิตตารมณ์ ของมิชชันนารีแพร่ธรรมที่ร้อนแรง ท่านได้ใช้ความสามารถของท่านให้บริการแก่พระศาสนจักรที่ คาทาโลญา บ้าน เกิดของท่านเอง ท่านได้ตั้งคณะนักบวชมิชชันนารีโดยใช้ชื่อว่า
แก้ไขล่าสุดโดย King Zadin เมื่อ ศุกร์ พ.ย. 04, 2005 5:39 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
วันที่ 28 ตุลาคม

นักบุญ ซีมอน
และนักบุญ ยูดา อัครธรรมทูต
ประวัติศาสตร์ไม่ได้พูดถึงภารกิจหรือกิจการของอัครธรรมทูต 2 องค์นี้ ในพระธรรม ใหม่ อัครธรรมทูตซีมอนได้มีชื่ออีกชื่อหนึ่งว่า

นักบุญ ซีมอน
และนักบุญ ยูดา อัครธรรมทูต
ประวัติศาสตร์ไม่ได้พูดถึงภารกิจหรือกิจการของอัครธรรมทูต 2 องค์นี้ ในพระธรรม ใหม่ อัครธรรมทูตซีมอนได้มีชื่ออีกชื่อหนึ่งว่า
- King Zadin
- โพสต์: 419
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ พ.ค. 13, 2005 3:53 am
- ติดต่อ:
ขอเพิ่มเติมคำภาวนา วันฉลองนักบุญ ซีมอน และนักบุญ ยูดา อัครธรรมทูต นิดนึงครับ
คำภาวนาทูลขอ
1. ขอให้พระสงฆ์เป็นผู้ร่วมมือที่เข้มแข็งและจริงจังของพระสังฆราช
ในกิจการของพระศาสนาจักร
2. ขอให้พระสงฆ์ได้ถวายบูชามิสซาและโปรดศีลอภัยบาปด้วยความสัตย์ซื่อ
3. ขอให้พระสงฆ์ได้ผูกมัดตัวเองอย่างจริงจังในการเป็นศาสนบริกรแห่งพระวาจา
4. ขอให้พระคริสตเจ้าประทานพระสงฆ์ที่ศักดิ์สิทธิ์แก่พระศาสนจักรของพระองค์

คำภาวนาทูลขอ
1. ขอให้พระสงฆ์เป็นผู้ร่วมมือที่เข้มแข็งและจริงจังของพระสังฆราช
ในกิจการของพระศาสนาจักร
2. ขอให้พระสงฆ์ได้ถวายบูชามิสซาและโปรดศีลอภัยบาปด้วยความสัตย์ซื่อ
3. ขอให้พระสงฆ์ได้ผูกมัดตัวเองอย่างจริงจังในการเป็นศาสนบริกรแห่งพระวาจา
4. ขอให้พระคริสตเจ้าประทานพระสงฆ์ที่ศักดิ์สิทธิ์แก่พระศาสนจักรของพระองค์

วันที่ 2 พฤศจิกายน
ระลึกถึงวิญญาณในไฟชำระ
การระลึกถึงวิญญาณของผู้ตายในวันนี้ กำเนิดมาจากอารามฤาษีคณะเบเนดิกตินที่คลูนี และพระสันตะปาปาเบเนดิกโตที่ 15 ก่อนสงครามโลกครั้งแรก ได้อนุญาตให้พระสงฆ์สามารถถวายบูชามิสซาได้ 3 มิสซาในวันนี้
ในพิธีปลงศพและในบูชามิสซาที่ระลึกถึงผู้ตายนี้ พระศาสนจักรทรงทำการฉลองธรรมล้ำลึกแห่งปัสกาด้วยความเชื่อ โดยมีความหวังอย่างเต็มเปี่ยมว่าพวกเขาได้กลายเป็นอวัยวะในพระกายทิพย์ของพระคริสตเจ้าผู้ได้สิ้นพระชนม์และทรงกลับคืนชีพ โดยอาศัยศีลล้างบาปเราจะสามารถผ่านไปสู่ชีวิตพร้อมกับพระองค์โดยผ่านทางความตายของวิญญาณ และเมื่อเราตายจำเป็นที่วิญญาณของพวกเราจะต้องได้รับการชำระล้างให้สะอาดบริสุทธิ์เสียก่อนขณะที่ร่างกายกำลังคอยให้พระคริสตเจ้าเสด็จกลับมาและกำลังคอยการกลับคืนชีพของบรรดาผู้ตายด้วยความหวังที่ทำให้มีความสุข (Ordo Exsequiarum Praenotanda n, 1)
ในชีวิตของเรา มนุษย์ไม่เคยรู้สึกพอกับสิ่งที่เราได้รับ เราเจริญชีวิตโดยมุ่งไปสู่อนาคตเสมอ ไปสู่
ระลึกถึงวิญญาณในไฟชำระ
การระลึกถึงวิญญาณของผู้ตายในวันนี้ กำเนิดมาจากอารามฤาษีคณะเบเนดิกตินที่คลูนี และพระสันตะปาปาเบเนดิกโตที่ 15 ก่อนสงครามโลกครั้งแรก ได้อนุญาตให้พระสงฆ์สามารถถวายบูชามิสซาได้ 3 มิสซาในวันนี้
ในพิธีปลงศพและในบูชามิสซาที่ระลึกถึงผู้ตายนี้ พระศาสนจักรทรงทำการฉลองธรรมล้ำลึกแห่งปัสกาด้วยความเชื่อ โดยมีความหวังอย่างเต็มเปี่ยมว่าพวกเขาได้กลายเป็นอวัยวะในพระกายทิพย์ของพระคริสตเจ้าผู้ได้สิ้นพระชนม์และทรงกลับคืนชีพ โดยอาศัยศีลล้างบาปเราจะสามารถผ่านไปสู่ชีวิตพร้อมกับพระองค์โดยผ่านทางความตายของวิญญาณ และเมื่อเราตายจำเป็นที่วิญญาณของพวกเราจะต้องได้รับการชำระล้างให้สะอาดบริสุทธิ์เสียก่อนขณะที่ร่างกายกำลังคอยให้พระคริสตเจ้าเสด็จกลับมาและกำลังคอยการกลับคืนชีพของบรรดาผู้ตายด้วยความหวังที่ทำให้มีความสุข (Ordo Exsequiarum Praenotanda n, 1)
ในชีวิตของเรา มนุษย์ไม่เคยรู้สึกพอกับสิ่งที่เราได้รับ เราเจริญชีวิตโดยมุ่งไปสู่อนาคตเสมอ ไปสู่
- King Zadin
- โพสต์: 419
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ พ.ค. 13, 2005 3:53 am
- ติดต่อ:
3 พฤศจิกายน

นักบุญ มาร์ติน เดอ พอแรส
นักบวช
นักบุญ มาร์ติน เกิดที่กรุงลีมาในประเทศเปรู เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 1579 เป็นบุตรของอัศวินชาวสเปน และหญิงนิโกรชาวปานามา มาร์ตินได้มีอาชีพเป็นช่างตัดผมก่อนที่จะก้าวเข้าอารามนักบวชคณะโดมินิกัน ทีแรกท่านเป็นภราดารับใช้ก่อน แล้วจึงค่อยเป็นภราดาฆราวาสจริง ๆ ท่านมักจะพยายามเลือกทำงานที่ต่ำต้อยที่สุด ถึงกระนั้นก็ดี ท่านก็เป็นผู้ที่มีความรู้ทางเทววิทยาอย่างหาตัวจับยาก งานที่ท่านสนใจและเอาจริงเอาจังเหลือเกินคือ

นักบุญ มาร์ติน เดอ พอแรส
นักบวช
นักบุญ มาร์ติน เกิดที่กรุงลีมาในประเทศเปรู เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 1579 เป็นบุตรของอัศวินชาวสเปน และหญิงนิโกรชาวปานามา มาร์ตินได้มีอาชีพเป็นช่างตัดผมก่อนที่จะก้าวเข้าอารามนักบวชคณะโดมินิกัน ทีแรกท่านเป็นภราดารับใช้ก่อน แล้วจึงค่อยเป็นภราดาฆราวาสจริง ๆ ท่านมักจะพยายามเลือกทำงานที่ต่ำต้อยที่สุด ถึงกระนั้นก็ดี ท่านก็เป็นผู้ที่มีความรู้ทางเทววิทยาอย่างหาตัวจับยาก งานที่ท่านสนใจและเอาจริงเอาจังเหลือเกินคือ
แก้ไขล่าสุดโดย King Zadin เมื่อ ศุกร์ พ.ย. 04, 2005 5:41 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
- King Zadin
- โพสต์: 419
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ พ.ค. 13, 2005 3:53 am
- ติดต่อ:
4 พฤศจิกายน

นักบุญชาร์ลส์ โบโรเมโอ
พระสังฆราช
ชาร์ลส์ โบโรเมโอ เกิดที่อะโรนา เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 1538 เป็นหลานของพระสันตะปาปาปีโอที่ 4 ได้ เป็นพระสังฆราชตั้งแต่อายุ 24
แม้ว่ากิจการทางด้านอภิบาลสัตบุรุษของท่านกำลังขยายกว้างขึ้นเรื่อยๆ แต่ว่าในเวลาเดียวกันชีวิตภายในของท่านก็มิได้ว่างเปล่าตรงข้ามกลับเข้มข้นยิ่งขึ้น การเจริญชีวิตประจำวันของท่านเป็นการกลับใจตามจิตตารมณ์พระวรสารเพื่อท่านจะได้ทำตัวให้ละม้ายคล้ายกับพระเยซูเจ้ายิ่งขึ้นเรื่อยๆ
ท่านได้เป็นเลขาธิการรัฐของพระสันตะปาปา และต่อมาก็ได้เป็นพระอัครสังฆราชของเมืองมิลานซึ่งต้องรับผิดชอบถึง 15 สังฆมณฑลในแคว้นลอมบาร์เดีย, บีเอมอนเต, ลีกูเรีย และ กันตน ติชิโน
นักบุญ ชาร์ลส์ ได้มีอิทธิพลอย่างมากต่อสภาสังคายนาแห่งเมืองเตรน และได้ช่วยให้พระสังคายนาจบลงด้วยดี ทั้งได้นำเอาผลของการประชุมมาใช้ด้วย คือท่านได้ออกเยี่ยมสัตบุรุษ วัด สังฆมณฑลบ่อยๆ เท่าที่จะทำได้จัดให้มีการประชุมพวกพระสงฆ์ ได้ตั้งบ้านเณรขึ้นหลายแห่ง และได้ออกข้อแนะนำสำหรับเป็นแนวทางปฏิบัติในเรื่องพิธีกรรมของทั้งสองจารีต คือจารีตโรมันและจารีตของนักบุญ อัมโบรซิโอ ท่านได้จัดให้มีการสอนคำสอนในทุกระดับ และได้จัดให้มีการประชุมสภาพระสังฆราชของสังฆมณฑลรวม 11 ครั้งด้วยกันซึ่งถือเป็นแบบอย่างในภายหลัง ท่านได้ตั้งโรงเรียนที่ไม่เก็บค่าเล่าเรียน ได้สร้างวิทยาลัย 4 แห่งสำหรับเยาวชนและบ้านพักสำหรับหญิงสาวที่อยู่ในภัยอันตราย นักบุญฟิลิป เนรี เมื่อได้ยินว่าท่านทำงานมากมายอย่างนี้ถึงกับร้องอุทานว่า

นักบุญชาร์ลส์ โบโรเมโอ
พระสังฆราช
ชาร์ลส์ โบโรเมโอ เกิดที่อะโรนา เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 1538 เป็นหลานของพระสันตะปาปาปีโอที่ 4 ได้ เป็นพระสังฆราชตั้งแต่อายุ 24
แม้ว่ากิจการทางด้านอภิบาลสัตบุรุษของท่านกำลังขยายกว้างขึ้นเรื่อยๆ แต่ว่าในเวลาเดียวกันชีวิตภายในของท่านก็มิได้ว่างเปล่าตรงข้ามกลับเข้มข้นยิ่งขึ้น การเจริญชีวิตประจำวันของท่านเป็นการกลับใจตามจิตตารมณ์พระวรสารเพื่อท่านจะได้ทำตัวให้ละม้ายคล้ายกับพระเยซูเจ้ายิ่งขึ้นเรื่อยๆ
ท่านได้เป็นเลขาธิการรัฐของพระสันตะปาปา และต่อมาก็ได้เป็นพระอัครสังฆราชของเมืองมิลานซึ่งต้องรับผิดชอบถึง 15 สังฆมณฑลในแคว้นลอมบาร์เดีย, บีเอมอนเต, ลีกูเรีย และ กันตน ติชิโน
นักบุญ ชาร์ลส์ ได้มีอิทธิพลอย่างมากต่อสภาสังคายนาแห่งเมืองเตรน และได้ช่วยให้พระสังคายนาจบลงด้วยดี ทั้งได้นำเอาผลของการประชุมมาใช้ด้วย คือท่านได้ออกเยี่ยมสัตบุรุษ วัด สังฆมณฑลบ่อยๆ เท่าที่จะทำได้จัดให้มีการประชุมพวกพระสงฆ์ ได้ตั้งบ้านเณรขึ้นหลายแห่ง และได้ออกข้อแนะนำสำหรับเป็นแนวทางปฏิบัติในเรื่องพิธีกรรมของทั้งสองจารีต คือจารีตโรมันและจารีตของนักบุญ อัมโบรซิโอ ท่านได้จัดให้มีการสอนคำสอนในทุกระดับ และได้จัดให้มีการประชุมสภาพระสังฆราชของสังฆมณฑลรวม 11 ครั้งด้วยกันซึ่งถือเป็นแบบอย่างในภายหลัง ท่านได้ตั้งโรงเรียนที่ไม่เก็บค่าเล่าเรียน ได้สร้างวิทยาลัย 4 แห่งสำหรับเยาวชนและบ้านพักสำหรับหญิงสาวที่อยู่ในภัยอันตราย นักบุญฟิลิป เนรี เมื่อได้ยินว่าท่านทำงานมากมายอย่างนี้ถึงกับร้องอุทานว่า
แก้ไขล่าสุดโดย King Zadin เมื่อ ศุกร์ พ.ย. 04, 2005 5:43 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
- King Zadin
- โพสต์: 419
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ พ.ค. 13, 2005 3:53 am
- ติดต่อ:
5 พฤศจิกายน

นักบุญเอลีซาเบธและเศคาริยาห์
เรื่องราวของท่านทั้งสองปรากฏอยู่ในพระวรสารบทแรกของนักบุญลูกา ซึ่งกล่าวถึงความศักดิ์สิทธิ์ของท่านทั้งสองไว้อย่างย่อ ๆ ว่า

นักบุญเอลีซาเบธและเศคาริยาห์
เรื่องราวของท่านทั้งสองปรากฏอยู่ในพระวรสารบทแรกของนักบุญลูกา ซึ่งกล่าวถึงความศักดิ์สิทธิ์ของท่านทั้งสองไว้อย่างย่อ ๆ ว่า
แก้ไขล่าสุดโดย King Zadin เมื่อ ศุกร์ พ.ย. 04, 2005 5:50 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ขอวันทาแด่ท่านนักบุญและพระสงฆ์สาวกของพระเจ้าเที่ยงธรรมลูกขอวันทา
ขอท่านทรงพะรเจริญเทอญอาแมน วันทามารีอาเปรียบด้วยพะรหรรษทานพระเจ้าสถิตกับท่านผู้มีบุญกว่าหญิงใดๆและพระเยซูโอรสของทานทรงบุญนักหนาสัญตะมารีอามารดาพระเจ้าโปรดภาวนาเพื่อเราคนบาปบัดนี้เราเมื่อจากตายอาแมน +
ขอท่านทรงพะรเจริญเทอญอาแมน วันทามารีอาเปรียบด้วยพะรหรรษทานพระเจ้าสถิตกับท่านผู้มีบุญกว่าหญิงใดๆและพระเยซูโอรสของทานทรงบุญนักหนาสัญตะมารีอามารดาพระเจ้าโปรดภาวนาเพื่อเราคนบาปบัดนี้เราเมื่อจากตายอาแมน +
- King Zadin
- โพสต์: 419
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ พ.ค. 13, 2005 3:53 am
- ติดต่อ:
10 พฤศจิกายน

นักบุญ เลโอ องค์ใหญ่
พระสันตะปาปา และนักปราชญ์
นักบุญ เลโอ องค์ใหญ่ ได้เป็นพระสังฆราชแห่งกรุงโรมตั้งแต่ปี 440 ขณะที่นครแห่งนี้กำลังถูกคุกคามจากพวกอนารยชน พระสันตะปาปาเลโอ สมที่จะได้รับการขนานนามว่า

นักบุญ เลโอ องค์ใหญ่
พระสันตะปาปา และนักปราชญ์
นักบุญ เลโอ องค์ใหญ่ ได้เป็นพระสังฆราชแห่งกรุงโรมตั้งแต่ปี 440 ขณะที่นครแห่งนี้กำลังถูกคุกคามจากพวกอนารยชน พระสันตะปาปาเลโอ สมที่จะได้รับการขนานนามว่า
- King Zadin
- โพสต์: 419
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ พ.ค. 13, 2005 3:53 am
- ติดต่อ:
11 พฤศจิกายน

นักบุญ มาร์ติน แห่งตูรส์
พระสังฆราช
มาร์ตินเป็นบุตรชายของเจ้าหน้าที่โรมันคนหนึ่ง ท่านเกิดที่ปันโนเรีย ในประเทศฮังการี และได้เข้ารับราชการทหารอยู่ในกองทัพของจักรพรรดิตั้งแต่อายุยังน้อย
นักบุญ มาร์ติน ได้ออกจากราชการทหารหลังจากที่ได้รับศีลล้างบาปแล้ว ก็ได้มุ่งเข้าสู่ประเทศฝรั่งเศส และได้มอบตัวเป็นศิษย์ของนักบุญ ฮีแลร์ แห่งปัวเจียร์ ท่านได้เจริญชีวิตแบบฤาษีที่เกาะกัลลีนารา (อะลัสซีโอ) ต่อมาเพราะคำแนะนำของนักบุญ ฮีแลร์ ท่านจึงได้ตั้งอารามแห่งแรกขึ้นในภาคพื้นตะวันตกที่เมืองลีกือเย และจากอารามแห่งนี้เองที่ท่านได้ส่งฤาษีของท่านให้ไปแพร่ธรรมทั่วประเทศ
ในปี 373 นักบุญ มาร์ติน ได้รับเลือกให้เป็นพระสังฆราชของเมืองตูรส์ ท่านอยู่ในสมัยเดียวกับนักบุญอัมโบรซีโอ ซึ่งก็ได้แข่งขันกันในเรื่องความมีใจร้อนรน ท่านได้กลายเป็นผู้หนึ่งแต่ในบรรดาผู้ก่อตั้งพระศาสนจักร ในประเทศฝรั่งเศส และได้ตั้งอารามที่มาร์มูทีเอร์ ที่อารามแห่งนี้เองที่ได้เป็นสถานที่สำหรับเตรียมเด็กหนุ่มให้เป็นพระสงฆ์ และได้กลายเป็นบ้านเณรแห่งแรกจริง ๆ ที่ได้ผลิตพระสังฆราชให้แก่ประเทศฝรั่งเศสหลายองค์ด้วยกัน ท่านได้ธุดงค์จากหมู่บ้านหนึ่ง พร้อมกันนั้นก็แพร่ธรรมไปด้วยในหมู่ของบรรดาชุมพาบาลและชาวบ้าน ท่านได้สร้างวัดในบ้านนอกหลายแห่งด้วยกัน อันทำให้ศูนย์กลางของชีวิตทางเศรษฐกิจย้ายจากตัวเมืองมาอยู่ที่บ้านนอก ท่านได้พยายามทำงานเพื่อกำจัดศาสนาที่ถือนอกรีตนอกทาง ทั้งได้พยายามสร้างสันติในหมู่นักบวชอันได้รับผลกระทบจากการหลงผิด ท่านได้เป็นนักบุญองค์หนึ่งในจำนวนองค์แรกๆ ซึ่งมิได้เป็นมรณสักขีแต่ได้รับการคารวะ ในพิธีกรรม การเคารพให้เกียรติท่านนั้นได้แพร่หลายมากแม้กระทั่งในทุกวันนี้
คำภาวนา
1. เพื่อที่จะทำความดี ให้เราได้เรียนรู้ถึงความจำเป็นของคนอื่นเขา
2. ให้เรามีจิตสำนึกว่ากิจการดีทุกอย่างจะต้องมีผลตอบสนองอย่างไม่ต้องสงสัย
3. ให้เราร่วมมือกับพระสังฆราชเพื่อคุณความดีของทุกๆคน
ข้าแต่นักบุญ มาร์ติน แห่งตูรส์ พระสังฆราช
ช่วยวิงวอนเพื่อข้าพเจ้าทั้งหลายและเพื่อเว็บ Newmana
และเพื่อกลุ่มลูกแกะน้อยของพระคริสตเจ้าด้วยเทอญ
credit--http://www.catholic.or.th

นักบุญ มาร์ติน แห่งตูรส์
พระสังฆราช
มาร์ตินเป็นบุตรชายของเจ้าหน้าที่โรมันคนหนึ่ง ท่านเกิดที่ปันโนเรีย ในประเทศฮังการี และได้เข้ารับราชการทหารอยู่ในกองทัพของจักรพรรดิตั้งแต่อายุยังน้อย
นักบุญ มาร์ติน ได้ออกจากราชการทหารหลังจากที่ได้รับศีลล้างบาปแล้ว ก็ได้มุ่งเข้าสู่ประเทศฝรั่งเศส และได้มอบตัวเป็นศิษย์ของนักบุญ ฮีแลร์ แห่งปัวเจียร์ ท่านได้เจริญชีวิตแบบฤาษีที่เกาะกัลลีนารา (อะลัสซีโอ) ต่อมาเพราะคำแนะนำของนักบุญ ฮีแลร์ ท่านจึงได้ตั้งอารามแห่งแรกขึ้นในภาคพื้นตะวันตกที่เมืองลีกือเย และจากอารามแห่งนี้เองที่ท่านได้ส่งฤาษีของท่านให้ไปแพร่ธรรมทั่วประเทศ
ในปี 373 นักบุญ มาร์ติน ได้รับเลือกให้เป็นพระสังฆราชของเมืองตูรส์ ท่านอยู่ในสมัยเดียวกับนักบุญอัมโบรซีโอ ซึ่งก็ได้แข่งขันกันในเรื่องความมีใจร้อนรน ท่านได้กลายเป็นผู้หนึ่งแต่ในบรรดาผู้ก่อตั้งพระศาสนจักร ในประเทศฝรั่งเศส และได้ตั้งอารามที่มาร์มูทีเอร์ ที่อารามแห่งนี้เองที่ได้เป็นสถานที่สำหรับเตรียมเด็กหนุ่มให้เป็นพระสงฆ์ และได้กลายเป็นบ้านเณรแห่งแรกจริง ๆ ที่ได้ผลิตพระสังฆราชให้แก่ประเทศฝรั่งเศสหลายองค์ด้วยกัน ท่านได้ธุดงค์จากหมู่บ้านหนึ่ง พร้อมกันนั้นก็แพร่ธรรมไปด้วยในหมู่ของบรรดาชุมพาบาลและชาวบ้าน ท่านได้สร้างวัดในบ้านนอกหลายแห่งด้วยกัน อันทำให้ศูนย์กลางของชีวิตทางเศรษฐกิจย้ายจากตัวเมืองมาอยู่ที่บ้านนอก ท่านได้พยายามทำงานเพื่อกำจัดศาสนาที่ถือนอกรีตนอกทาง ทั้งได้พยายามสร้างสันติในหมู่นักบวชอันได้รับผลกระทบจากการหลงผิด ท่านได้เป็นนักบุญองค์หนึ่งในจำนวนองค์แรกๆ ซึ่งมิได้เป็นมรณสักขีแต่ได้รับการคารวะ ในพิธีกรรม การเคารพให้เกียรติท่านนั้นได้แพร่หลายมากแม้กระทั่งในทุกวันนี้
คำภาวนา
1. เพื่อที่จะทำความดี ให้เราได้เรียนรู้ถึงความจำเป็นของคนอื่นเขา
2. ให้เรามีจิตสำนึกว่ากิจการดีทุกอย่างจะต้องมีผลตอบสนองอย่างไม่ต้องสงสัย
3. ให้เราร่วมมือกับพระสังฆราชเพื่อคุณความดีของทุกๆคน
ข้าแต่นักบุญ มาร์ติน แห่งตูรส์ พระสังฆราช
ช่วยวิงวอนเพื่อข้าพเจ้าทั้งหลายและเพื่อเว็บ Newmana
และเพื่อกลุ่มลูกแกะน้อยของพระคริสตเจ้าด้วยเทอญ
credit--http://www.catholic.or.th
แก้ไขล่าสุดโดย King Zadin เมื่อ อังคาร พ.ย. 15, 2005 4:13 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
- King Zadin
- โพสต์: 419
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ พ.ค. 13, 2005 3:53 am
- ติดต่อ:
12 พฤศจิกายน

นักบุญ โยซาฟัต
พระสังฆราช และมรณสักขี
ยอห์น กุนเซวิคส์ ถูกพ่อแม่ซึ่งเป็นออร์โธด๊อกซ์ส่งไปเรียนวิชาพาณิชย์ที่เมืองวิลนา แต่ไม่ช้าท่านได้เลิก เรียน และได้เข้าสู่พระศาสนจักร รูเทนา ซึ่งมีความสัมพันธ์กับพระศาสนจักรที่กรุงโรม ต่อมาท่านได้เข้าเป็นฤาษี โดยใช้ชื่อว่า โยซาฟัต และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระสังฆราชของโปลอสค์ (รัสเซียขาว)
นักบุญ โยซาฟัต ท่านได้ออกแรงทำงานอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อยเพื่อให้เกิดเอกภาพกับพระศาสนจักรโรมัน ประชาชนโดยทั่วไปยอมรับงานของท่านชิ้นนี้แต่กลับไม่ได้รับการสนับสนุน ซ้ำร้ายยังถูกหมายว่าเป็นศัตรูจากพวกขุนนางและพวกที่ไม่เห็นด้วยกับท่าน
เพราะความมีใจร้อนรนของท่านนี่เอง ที่ท่านได้รับมงกุฎแห่งการเป็นมรณสักขีเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 1623 ท่านได้รับแต่งตั้งให้เป็นนักบุญจากพระสันตะปาปาปีโอที่ 11 ในโอกาสฉลองครบรอบ 18 ศตวรรษของอัครธรรมทูตเปโตรและเปาโลท่ามกลางบรรดาพระสังฆราชที่มาร่วมประชุม
การฉลองระลึกถึงท่านในวันนี้ มีค่านิยมทางศาสนสัมพันธ์
ขอให้ชาวคาทอลิกที่ถือจารีตตะวันออก เป็นต้นพวกยูเครนซึ่งแม้กระทั่งทุกวันนี้ยังต้องทนทุกข์ทรมาน เพราะความสัตย์ซื่อของตนที่มีต่อกรุง1โรมได้เป็นผู้ริเริ่มการเสวนา และสร้างเอกภาพระหว่างคริสตชนฝ่ายตะวันออกกับคริสตชนฝ่ายตะวันตกด้วยเถิด
คำภาวนา
1. ขอให้เราได้เรียนรู้และรักพี่น้องของเราที่ถือจารีตตะวันออก
2. ขอให้จารีตพิธีกรรมตะวันออกบอกเราว่า ธรรมล้ำลึกของคริสตศาสนา
มีได้หลายแบบด้วยกัน
3. ขอให้ศีลมหาสนิท (บูชามิสซา) เป็นศีลศักดิ์สิทธิ์แห่งเอกภาพกับพระศาสนจักรตะวันออก
4. ขอพระคริสตเจ้าโปรดเร่งสร้างเอกภาพที่สมบูรณ์ให้แก่คริสตชนทุกๆ ฝ่ายด้วยเถิด
ข้าแต่นักบุญ โยซาฟัต
พระสังฆราช และมรณสักขี
ช่วยวิงวอนเพื่อข้าพเจ้าทั้งหลายและเพื่อเว็บ Newmana
และเพื่อกลุ่มลูกแกะน้อยของพระคริสตเจ้าด้วยเทอญ
credit--http://www.catholic.or.th

นักบุญ โยซาฟัต
พระสังฆราช และมรณสักขี
ยอห์น กุนเซวิคส์ ถูกพ่อแม่ซึ่งเป็นออร์โธด๊อกซ์ส่งไปเรียนวิชาพาณิชย์ที่เมืองวิลนา แต่ไม่ช้าท่านได้เลิก เรียน และได้เข้าสู่พระศาสนจักร รูเทนา ซึ่งมีความสัมพันธ์กับพระศาสนจักรที่กรุงโรม ต่อมาท่านได้เข้าเป็นฤาษี โดยใช้ชื่อว่า โยซาฟัต และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระสังฆราชของโปลอสค์ (รัสเซียขาว)
นักบุญ โยซาฟัต ท่านได้ออกแรงทำงานอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อยเพื่อให้เกิดเอกภาพกับพระศาสนจักรโรมัน ประชาชนโดยทั่วไปยอมรับงานของท่านชิ้นนี้แต่กลับไม่ได้รับการสนับสนุน ซ้ำร้ายยังถูกหมายว่าเป็นศัตรูจากพวกขุนนางและพวกที่ไม่เห็นด้วยกับท่าน
เพราะความมีใจร้อนรนของท่านนี่เอง ที่ท่านได้รับมงกุฎแห่งการเป็นมรณสักขีเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 1623 ท่านได้รับแต่งตั้งให้เป็นนักบุญจากพระสันตะปาปาปีโอที่ 11 ในโอกาสฉลองครบรอบ 18 ศตวรรษของอัครธรรมทูตเปโตรและเปาโลท่ามกลางบรรดาพระสังฆราชที่มาร่วมประชุม
การฉลองระลึกถึงท่านในวันนี้ มีค่านิยมทางศาสนสัมพันธ์
ขอให้ชาวคาทอลิกที่ถือจารีตตะวันออก เป็นต้นพวกยูเครนซึ่งแม้กระทั่งทุกวันนี้ยังต้องทนทุกข์ทรมาน เพราะความสัตย์ซื่อของตนที่มีต่อกรุง1โรมได้เป็นผู้ริเริ่มการเสวนา และสร้างเอกภาพระหว่างคริสตชนฝ่ายตะวันออกกับคริสตชนฝ่ายตะวันตกด้วยเถิด
คำภาวนา
1. ขอให้เราได้เรียนรู้และรักพี่น้องของเราที่ถือจารีตตะวันออก
2. ขอให้จารีตพิธีกรรมตะวันออกบอกเราว่า ธรรมล้ำลึกของคริสตศาสนา
มีได้หลายแบบด้วยกัน
3. ขอให้ศีลมหาสนิท (บูชามิสซา) เป็นศีลศักดิ์สิทธิ์แห่งเอกภาพกับพระศาสนจักรตะวันออก
4. ขอพระคริสตเจ้าโปรดเร่งสร้างเอกภาพที่สมบูรณ์ให้แก่คริสตชนทุกๆ ฝ่ายด้วยเถิด
ข้าแต่นักบุญ โยซาฟัต
พระสังฆราช และมรณสักขี
ช่วยวิงวอนเพื่อข้าพเจ้าทั้งหลายและเพื่อเว็บ Newmana
และเพื่อกลุ่มลูกแกะน้อยของพระคริสตเจ้าด้วยเทอญ
credit--http://www.catholic.or.th
แก้ไขล่าสุดโดย King Zadin เมื่อ อังคาร พ.ย. 15, 2005 4:01 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
- King Zadin
- โพสต์: 419
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ พ.ค. 13, 2005 3:53 am
- ติดต่อ:
15 พฤศจิกายน

นักบุญ อัลเบิร์ต
พระสังฆราชและนักปราชญ์
อัลเบิร์ต แห่งเลาอิงเกน ในแค้วนบาวาเรีย ประเทศเยอรมันนี ขณะที่ยังกำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยที่ เมืองปาดัวก็ได้เข้าเป็นนักบวชคณะโดมินีกัน ต่อมาท่านได้รับแต่งตั้งให้เป็นอธิการแขวงและสอนเทววิทยาที่กรุงปารีส และที่กรุงปารีสนี่เอง ท่านได้มีลูกศิษย์คนหนึ่งคือ นักบุญ โทมัส อะไควนัส ที่สุดท่านได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระสังฆราชแห่งเมืองเรเกนสบูร์ก (ประเทศเยอรมันนี) แต่เป็นพระสังฆราชได้ปีเดียวก็ขอลาออกจากตำแหน่งเพื่อจะได้อุทิศตัวเองให้กับการศึกษาค้นคว้าได้อย่างเต็มที่
นักบุญ อัลเบิร์ต ยิ่งใหญ่ในฐานะที่เป็นนักเทววิทยา นายชุมพาบาล นักวิทยาศาสตร์ และเป็นผู้ก่อให้เกิดสันติระหว่างไพร่ฟ้าประชาชนกับเจ้านาย เนื่องจากว่าท่านเป็นนักธรรมชาตินิยมผู้ช่ำชองคนหนึ่งและก็เป็นคนเดียว ในสมัยของท่านที่ได้นำเอาวิชาการทางธรรมชาติกับการไขแสดง ปรัชญากับเทววิทยามารวมเข้าไว้ด้วยกันอย่างน่าพิศวง และเพราะความเข้ากันได้ระหว่างวิทยาศาสตร์กับความเชื่อนี่เองที่ได้ทำให้ความคิดอ่านของนักบุญ อัลเบิร์ต ใกล้ชิดกับปัญหาของเรามนุษย์ในสมัยปัจจุบันนี้มาก ท่านได้ช่วยเปิดขอบฟ้าแห่งเทววิทยาเกี่ยวกับปัญหา

นักบุญ อัลเบิร์ต
พระสังฆราชและนักปราชญ์
อัลเบิร์ต แห่งเลาอิงเกน ในแค้วนบาวาเรีย ประเทศเยอรมันนี ขณะที่ยังกำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยที่ เมืองปาดัวก็ได้เข้าเป็นนักบวชคณะโดมินีกัน ต่อมาท่านได้รับแต่งตั้งให้เป็นอธิการแขวงและสอนเทววิทยาที่กรุงปารีส และที่กรุงปารีสนี่เอง ท่านได้มีลูกศิษย์คนหนึ่งคือ นักบุญ โทมัส อะไควนัส ที่สุดท่านได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระสังฆราชแห่งเมืองเรเกนสบูร์ก (ประเทศเยอรมันนี) แต่เป็นพระสังฆราชได้ปีเดียวก็ขอลาออกจากตำแหน่งเพื่อจะได้อุทิศตัวเองให้กับการศึกษาค้นคว้าได้อย่างเต็มที่
นักบุญ อัลเบิร์ต ยิ่งใหญ่ในฐานะที่เป็นนักเทววิทยา นายชุมพาบาล นักวิทยาศาสตร์ และเป็นผู้ก่อให้เกิดสันติระหว่างไพร่ฟ้าประชาชนกับเจ้านาย เนื่องจากว่าท่านเป็นนักธรรมชาตินิยมผู้ช่ำชองคนหนึ่งและก็เป็นคนเดียว ในสมัยของท่านที่ได้นำเอาวิชาการทางธรรมชาติกับการไขแสดง ปรัชญากับเทววิทยามารวมเข้าไว้ด้วยกันอย่างน่าพิศวง และเพราะความเข้ากันได้ระหว่างวิทยาศาสตร์กับความเชื่อนี่เองที่ได้ทำให้ความคิดอ่านของนักบุญ อัลเบิร์ต ใกล้ชิดกับปัญหาของเรามนุษย์ในสมัยปัจจุบันนี้มาก ท่านได้ช่วยเปิดขอบฟ้าแห่งเทววิทยาเกี่ยวกับปัญหา
แก้ไขล่าสุดโดย King Zadin เมื่อ อังคาร พ.ย. 15, 2005 4:05 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
- King Zadin
- โพสต์: 419
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ พ.ค. 13, 2005 3:53 am
- ติดต่อ:
16 พฤศจิกายน

นักบุญมาร์เกรีตา แห่งสก๊อตแลนด์
นักบุญ มาร์เกรีตา เกิดในประเทศฮังการี ขณะที่พระบิดาคือ พระเจ้าเอ็ดเวิร์ด เอฌธลิง ซึ่งในขณะนั้นเป็นทายาทของราชบัลลังก์อังกฤษกำลังอยู่ในถิ่นเนรเทศ พระนางได้เดินทางเข้าสู่ประเทศอังกฤษ แต่ในไม่ช้าก็ต้องรีบหนีไปหลบภัยในประเทศสก๊อตแลนด์ และได้แต่งงานกับกษัตริย์มัลคอมที่ 3
นักบุญ มาร์เกรีตา เป็นราชินีที่ใช้ชีวิตอย่างเข้มงวดเป็นชีวิตแห่งการใช้โทษบาปจริงๆ พระนางได้สนใจในการที่จะปฏิรูปประเทศเสียใหม่โดยได้พยายามส่งเสริมชีวิตนักบวชเผยแพร่วัฒนธรรมในหมู่ประชาชน และส่งเสริมการศึกษาให้กับประชาชนโดยทั่ว ๆ ไป พระนางได้เป็นตัวอย่างแห่งชีวิตครอบครัวโดยได้พยายามทำตัวให้เข้ากัน ได้กับพระสวามีและได้อบรมสั่งสอนลูกๆ ในวิถีทางของคริสตชนอย่างดีเยี่ยม พระนางได้พยายามเปิดตาพวกลูกๆ ให้แลเห็นความเป็นจริงทางสังคมที่น่าเป็นห่วงที่สุดของประเทศ ทั้งยังได้ต้อนรับเลี้ยงดูพวกคนจนในราชสำนักเป็นการส่วนตัวอีกด้วย
คำภาวนา
1. ให้เรามั่นคงที่จะประกอบกิจการแห่งความเมตตาไม่ว่าจะเป็นทางวิญญาณหรือทางฝ่าย
ร่างกายก็ดี
2. ให้เราได้เรียนรู้และเข้าใจถึงความต้องการของผู้ที่เจริญชีวิตอยู่เคียงข้าง เรา
3. ให้เราได้เปิดตาของเราเพื่อความเป็นจริงทางสังคมที่น่าห่วงใยมากที่สุด
4. ขอพระคริสตเจ้าโปรดบันดาลให้มีสตรีที่ทำงานเพื่อการปฏิรูปสังคมด้วยเถิด
ข้าแต่นักบุญมาร์เกรีตา แห่งสก๊อตแลนด์
ช่วยวิงวอนเพื่อข้าพเจ้าทั้งหลายและเพื่อเว็บ Newmana
และเพื่อกลุ่มลูกแกะน้อยของพระคริสตเจ้าด้วยเทอญ
credit--http://www.catholic.or.th

นักบุญมาร์เกรีตา แห่งสก๊อตแลนด์
นักบุญ มาร์เกรีตา เกิดในประเทศฮังการี ขณะที่พระบิดาคือ พระเจ้าเอ็ดเวิร์ด เอฌธลิง ซึ่งในขณะนั้นเป็นทายาทของราชบัลลังก์อังกฤษกำลังอยู่ในถิ่นเนรเทศ พระนางได้เดินทางเข้าสู่ประเทศอังกฤษ แต่ในไม่ช้าก็ต้องรีบหนีไปหลบภัยในประเทศสก๊อตแลนด์ และได้แต่งงานกับกษัตริย์มัลคอมที่ 3
นักบุญ มาร์เกรีตา เป็นราชินีที่ใช้ชีวิตอย่างเข้มงวดเป็นชีวิตแห่งการใช้โทษบาปจริงๆ พระนางได้สนใจในการที่จะปฏิรูปประเทศเสียใหม่โดยได้พยายามส่งเสริมชีวิตนักบวชเผยแพร่วัฒนธรรมในหมู่ประชาชน และส่งเสริมการศึกษาให้กับประชาชนโดยทั่ว ๆ ไป พระนางได้เป็นตัวอย่างแห่งชีวิตครอบครัวโดยได้พยายามทำตัวให้เข้ากัน ได้กับพระสวามีและได้อบรมสั่งสอนลูกๆ ในวิถีทางของคริสตชนอย่างดีเยี่ยม พระนางได้พยายามเปิดตาพวกลูกๆ ให้แลเห็นความเป็นจริงทางสังคมที่น่าเป็นห่วงที่สุดของประเทศ ทั้งยังได้ต้อนรับเลี้ยงดูพวกคนจนในราชสำนักเป็นการส่วนตัวอีกด้วย
คำภาวนา
1. ให้เรามั่นคงที่จะประกอบกิจการแห่งความเมตตาไม่ว่าจะเป็นทางวิญญาณหรือทางฝ่าย
ร่างกายก็ดี
2. ให้เราได้เรียนรู้และเข้าใจถึงความต้องการของผู้ที่เจริญชีวิตอยู่เคียงข้าง เรา
3. ให้เราได้เปิดตาของเราเพื่อความเป็นจริงทางสังคมที่น่าห่วงใยมากที่สุด
4. ขอพระคริสตเจ้าโปรดบันดาลให้มีสตรีที่ทำงานเพื่อการปฏิรูปสังคมด้วยเถิด
ข้าแต่นักบุญมาร์เกรีตา แห่งสก๊อตแลนด์
ช่วยวิงวอนเพื่อข้าพเจ้าทั้งหลายและเพื่อเว็บ Newmana
และเพื่อกลุ่มลูกแกะน้อยของพระคริสตเจ้าด้วยเทอญ
credit--http://www.catholic.or.th
วันอาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายน 2005

สมโภชพระเยซูเจ้ากษัตริย์แห่งสากลจักรวาล
บทอ่านที่ 1 อสค 34:11-12,15-17
พระผู้ทรงเป็นเจ้าตรัสว่า "เราจะตามหาแกะของเรา และจะเอาใจใส่ดูแลมันด้วยตนเอง เหมือนคนเลี้ยงแกะดูแลแกะ เมื่อเขาอยู่ท่ามกลางฝูงแกะที่กระจัดกระจายไปฉันใด เราก็จะดูแลแกะของเราฉันนั้น เราจะช่วยมันให้พ้นอันตรายจากที่ต่าง ๆ ที่มันกระจัดกระจายไป ในวันที่เมฆหมอกมืดครึ้ม
เรานี่แหละจะเลี้ยงดูฝูงแกะของเรา เรานี่แหละ จะให้มันพักผ่อนอย่างผาสุก พระผู้ทรงเป็นเจ้าตรัสดังนี้ เราจะตามหาแกะที่หาย ตัวไหนหลงทางไป เราจะนำกลับมา ที่บาดเจ็บก็จะทำแผลให้ ตัวไหนอ่อนแอ ก็จะบำรุงให้แข็งแรง ที่อ้วนท้วนแข็งแรงอยู่แล้ว ก็จะทะนุถนอมไว้ เราจะเลี้ยงมันอย่างที่ควร พระผู้ทรงเป็นเจ้าตรัสว่าดังนี้ พวกเจ้าซึ่งเป็นแกะของเรา เราจะพิพากษาแกะกับแกะ แกะตัวผู้กับแพะตัวผู้"
เพลงสดุดี สดด 23:1-4
ก) พระเจ้าทรงเป็นผู้เลี้ยงดูข้าฯประทานมาสารพัดไม่ขัดสน
ทรงนำข้าฯสู่จุดหมายแหล่งสายชลสงัดเงียบไกลผู้คนได้อาบกิน
ข) ทรงให้ข้าฯพักผ่อนนอนบนหญ้าเขียวสดชื่นรื่นตาอารมณ์ถวิล
เพิ่มพลังวังชาเป็นอาจินต์ไม่สุดสิ้นอุปถัมภ์นำมรรคา
ไปตามทางชอบธรรมแม้ลำบากมืดมิดมากก็ไม่หวั่นขวัญผวา
เพราะไม้เท้าไม้ขอชลอพาปลอบประโลมอารักขาข้าฯปลอดภัย
บทอ่านที่ 2 1 คร 15:20-26,28
พี่น้องทั้งหลาย ความจริง พระคริสตเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย เป็นผลแรกของบรรดาผู้ล่วงหลับไปแล้ว ความตายมาจากมนุษย์คนหนึ่งฉันใด การกลับคืนชีพของบรรดาผู้ตายก็มาจากมนุษย์คนหนึ่งฉันนั้น มนุษย์ทุกคนตายเพราะอาดัมฉันใด มนุษย์ทุกคนก็จะกลับมีชีวิตเพราะพระคริสตเจ้าฉันนั้น แต่จะ เป็นไปตามลำดับของแต่ละคน พระคริสตเจ้าทรงเป็นผลแรก ต่อไปก็คือผู้ที่เป็นของพระคริสตเจ้า เมื่อพระองค์จะเสด็จมา แล้วจะถึงวาระสุดท้าย เวลานั้นพระองค์จะทรงมอบพระอาณาจักรให้แก่พระเจ้าพระบิดา หลังจากทรงทำลายการปกครอง อำนาจและอานุภาพทั้งหลาย เพราะพระคริสตเจ้าจะต้องทรงครองราชย์จนกว่าพระเจ้าจะทรงปราบศัตรูทั้งมวลให้อยู่ใต้พระบาทของพระองค์ ศัตรูสุดท้ายที่จะถูกทำลายคือความตาย เพราะพระเจ้าทรงปราบทุกสิ่งให้อยู่ใต้พระบาทของพระองค์
เมื่อทุกสิ่งถูกปราบอยู่ใต้อำนาจของพระคริสตเจ้าแล้ว พระบุตรก็จะทรงอยู่ใต้อำนาจของพระเจ้า ผู้ทรงปราบทุกสิ่งให้อยู่ใต้อำนาจของพระองค์ เพื่อพระเจ้าจะได้ทรง เป็นทุกสิ่งในทุกคน
พระวรสาร มธ 25:31-46
เวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า "เมื่อบุตรแห่งมนุษย์จะเสด็จมาในพระสิริรุ่งโรจน์พร้อมกับบรรดาทูตสวรรค์ทั้งหลาย พระองค์จะประทับ เหนือพระบัลลังก์อันรุ่งโรจน์ บรรดาประชาชาติจะมาชุมนุมกันเฉพาะพระพักตร์ พระองค์จะทรงแยกเขาออกเป็นสองพวก ดังคนเลี้ยงแกะแยกแกะออกจากแพะ ให้แกะอยู่เบื้องขวา ส่วนแพะอยู่เบื้องซ้าย
แล้วพระมหากษัตริย์จะตรัสแก่ผู้ที่อยู่เบื้องขวาว่า 'เชิญมาเถิด ท่านทั้งหลายที่ได้รับพระพรจากพระบิดาของเรา เชิญมารับอาณาจักรเป็นมรดกที่เตรียมไว้ให้ท่านแล้วตั้งแต่สร้างโลก เพราะว่า เมื่อเราหิว ท่านให้เรากิน เรากระหาย ท่านให้เราดื่ม เราเป็นแขกแปลกหน้า ท่านก็ต้อนรับ เราไม่มีเสื้อผ้า ท่านก็ให้เสื้อผ้าแก่เรา เราเจ็บป่วย ท่านก็มาเยี่ยม เราอยู่ในคุก ท่านก็มาหา'
บรรดาผู้ชอบธรรมจะทูลถามว่า 'พระเจ้าข้า เมื่อไรเล่าข้าพเจ้าทั้งหลายเห็นพระองค์ทรงหิว แล้วถวายพระกระยาหาร หรือทรงกระหาย แล้วถวายให้ทรงดื่ม เมื่อใดเล่าข้าพเจ้าทั้งหลายเห็นพระองค์ทรงเป็นแขกแปลกหน้า แล้วต้อนรับ หรือทรงไม่มีเสื้อผ้า แล้วถวายให้ เมื่อใดเล่าข้าพเจ้าทั้งหลายเห็นพระองค์ประชวรหรือทรงอยู่ในคุกแล้วไปเยี่ยม'
พระมหากษัตริย์จะตรัสตอบว่า 'เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ท่านทำสิ่งใดต่อพี่น้องผู้ต่ำต้อยที่สุดของเราคนหนึ่ง ท่านก็ทำสิ่งนั้นต่อเรา'แล้วพระองค์จะตรัสกับพวกที่อยู่เบื้องซ้ายว่า 'ท่านทั้งหลายที่ถูกสาปแช่ง จงไปให้พ้น ลงไปในไฟนิรันดรที่ได้เตรียมไว้ให้ปีศาจและพรรคพวกของมัน เพราะว่า เมื่อเราหิว ท่าน ไม่ให้อะไรเรากิน เรากระหายท่านไม่ให้อะไรเราดื่ม เราเป็นแขกแปลกหน้า ท่านก็ไม่ต้อนรับ เราไม่มีเสื้อผ้า ท่านก็ไม่ให้เสื้อผ้า เราเจ็บป่วยและอยู่ในคุกท่านก็ไม่มาเยี่ยม'
พวกนั้นจะทูลถามว่า 'พระเจ้าข้า เมื่อไรเล่าที่ข้าพเจ้าทั้งหลายเห็นพระองค์ทรงหิว ทรงกระหาย ทรงเป็นแขกแปลกหน้า หรือไม่มีเสื้อผ้า เจ็บป่วยหรืออยู่ในคุก และ ไม่ได้ช่วยเหลือ'
พระองค์จะตรัสตอบว่า 'เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ท่านไม่ได้ทำสิ่งใดต่อผู้ต่ำต้อยของเราคนหนึ่งท่านก็ไม่ได้ทำสิ่งนั้นต่อเรา' แล้วพวกนี้ก็จะไปรับ โทษนิรันดร ส่วนผู้ชอบธรรมจะไปรับชีวิตนิรันดร"
ถ้าเราจะต้องบรรยายว่าพระเยซูเจ้าหมายถึงอะไรสำหรับคริสตชน เราคงจะทำได้ด้วยการใช้คำพูดที่คุ้นเคยกับพระมหากษัตริย์ที่ทรงเป็น "ผู้นำ" ของประเทศชาติ ไม่ว่าในฐานะเป็นกษัตริย์ เนื่องจากว่าผู้นำกษัตริย์เป็นบุคคลเดียวกันในพระคัมภีร์
ความเป็นความตายขององค์กรขึ้นอยู่กับการมีผู้นำที่มีความสามารถ เรามีประสบการณ์ในเรื่องนี้ แม้กระทั่งในเขตวัดของเราเอง ในระดับท้องถิ่น และระดับชาติ เราจึงทดสอบความสามารถในการเป็นผู้นำของผู้สมัครเป็นผู้แทน เราฟังคำปราศรัยของพวกเขาอดีตของพวกเขาถูกนำมาตรวจสอบ ถ้าพวกเขาเป็นคนซื่อสัตย์สุจริตและทำงานดี เราจึงเลือก
การเป็นผู้นำในระบอบการปกครองของพระเจ้ามาจากพระเจ้า และไม่ถูกเลือกจากหน่วยเลือกตั้งใดๆ เนื่องจากพระเยซูแห่งนาซาเร็ธ ทรงเป็นมนุษย์ที่มีพระเจ้าประทับอยู่แบบที่ว่าทรงได้รับชื่อว่าเป็น "บุตรของพระเจ้า" เราจึงไม่ต้องห่วง เกี่ยวกับความซื่อสัตย์และความสามารถของพระองค์ "พระเยซูเจ้าทรงเป็นพระฉายาของพระเจ้าที่เรามองไม่เห็น" บัดนี้พระเยซูเจ้าผู้ทรงดำรงชีวิตและ "ประทับเบื้องขวาของพระเจ้า" ทรงเป็นผู้นำของทุกคนผู้กำลังพยายามทำให้อาณาจักรของพระเจ้าเป็ฯจริงขึ้นมาในตัวเขาและพี่น้อง
การปกครองของพระเยซูเจ้าในฐานะกษัตริย์ที่เริ่มขึ้นพร้อมกับการกลับคืนพระพระชนม์ชีพของพระองค์ จะคงอยู่ต่อไปจนถึงการเสด็จกลับมาครั้งที่สองของพระองค์ ในวันนั้น พระองค์จะทรงมอบอาณาจักรแด่พระบิดา อาณาจักรของความศักดิ์สิทธิ์และพระหรรษทาน อาณาจักรของความยุติธรรม ความรักและสันติ ทุกสิ่งจะปรากฏแจ้งในการเสด็จกลับมาอีกครั้งของพระองค์ในการตัดสินดี - ชั่ว ภาพการเสด็จกลับมาครั้งที่สองของพระเยซูเจ้าในความรุ่งโรจน์ นักบุญมัทธิวได้เห็นนถึงแก่นความคิดของคำสอนเชิงจริยธรรมของพระเยซูเจ้า ผู้ได้รับการแนะนำว่าทรงเป็นกษัตริย์ และผู้พิพากษา ซึ่งนักบุญมัทธิวได้แสดงให้เห็นในพระวรสารว่า :
"เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับพวกศิษย์ว่า "เมื่อบุตรแห่งมนุษย์จะเสด็จมาพร้อมด้วยมหิทธานุภาพ มีขบวนนิกรเทวดาห้อมล้อม พระองค์จะประทับเหนือพระบัลลังก์อันรุ่งโรจน์ บรรดาประชาชาติมาชุมนุมกันเฉพาะพระพักตร์ แล้วพระองค์จะทรงแบ่งพวกเขาออกเป็นสองพวก ดังคนเลี้ยงแกะแยกแกะออกจากแพะให้แกะอยู่เบื้องขวาส่วนแพะอยู่เบื้องซ้าย
แล้วพระมหากษัตริย์จะตรัสกับผู้ที่อยู่เบื้องขวาว่า "เชิญมาเถิด พวกท่านที่ได้รับพระพรจากพระบิดา เชิญมาครอบครองเหนืออาณาจักร ที่เตรียมไว้ให้พวกท่านแล้วตั้งแต่สร้างโลก เพราะเมื่อเราหิว ท่านก็ให้เรากิน เรากระหายท่านก็ให้เราดื่ม เราเป็นแขกไป ท่านก็ต้อนรับเรา เราไม่มีนุ่งไม่มีห่มท่านก็ให้ เราเจ็บไข้ได้ป่วยท่านก็มาเยี่ยม เราติดคุก ท่านก็มาหา
บรรดาผู้ชอบธรรมจึงทูลว่า "พระเจ้าข้า เมื่อไรเล่าที่ข้าพเจ้าทั้งหลายเห็นพระองค์ทรงหิว แล้วได้ถวายพระกายาหาร เมื่อไรเล่าที่ทรงกระหายแล้วข้าพเจ้าทั้งหลายได้ถวายให้ทรงดื่ม ทรงเป็นแขกเมื่อไร ข้าพเจ้าทั้งหลายจึงได้ต้อนรับ เห็นพระองค์ไม่มีนุ่งไม่มีห่มเมื่อไรเล่า ข้าพเจ้าทั้งหลายจึงได้ถวายเครื่องนุ่งห่ม ทรงเจ็บไข้ได้ป่วยหรือทรงติดคุกเมื่อไร ข้าพเจ้าทั้งหลายจึงไปเยี่ยม
พระมหากษัตริย์จะตรัสตอบว่า "เราขอยืนยันว่า พวกท่านที่ปฏิบัติต่อพี่น้องแม้ที่ต่ำต้อยของเราครั้งใด ก็เท่ากับปฏิบัติต่อเรา
ครั้นแล้วจะตรัสกับพวกที่อยู่เบื้องซ้ายว่า เจ้าชาติชั่วถอยไปให้พ้น ลงไปในไฟนิรันดร ที่ได้เตรียมไว้ให้ปีศาจกับพรรคพวกของมัน เพราะเมื่อเราหิวเจ้าไม่ได้ให้อะไรเรากิน เรากระหายเจ้าไม่ให้อะไรเราดื่ม เราเป็นแขกไปเจ้าก็ไม่ต้อนรับ เราไม่มีนุ่งไม่มีห่มเจ้าก็ไม่ได้ให้ เราเจ็บไข้ได้ป่วยและอยู่ในคุกเจ้าก็ไม่ได้มาเยี่ยม
พวกนั้นจึงทูลว่า "พระเจ้าข้า เมื่อไรเล่าที่ข้าพเจ้าทั้งหลายเห็นพระองค์ทรงหิวกระหาย เป็นแขกมาเมื่อไหร่ไม่มีนุ่งไม่มีห่ม เจ็บไข้ได้ป่วยหรืออยู่ในคุกเจ้าก็ไม่ได้ช่วยเหลือ?
พระมหากษัตริย์จะทรงตอบว่า "เราขอยืนยันว่า ตราบใดที่พวกเจ้าไม่ได้ปฏิบัติต่อผู้ต่ำต้อยคนใดคนหนึ่งนี้ พวกเจ้าก็ไม่ได้ปฏิบัติต่อเรา
แล้วพวกนี้ก็จะไปรับทรมานตลอดนิรันดร ส่วนคนชอบธรรมก็จะรับไปชีวิตนิรันดร" (มธ.25:31 - 46)
พระวรสารที่เกี่ยวกับการพิพากษานี้ถือเป็นจุดสุดท้ายของปีพิธีกรรม เราควรพิจารณาตนเอง การพิพากษาครั้งสุดท้ายจะไม่เป็นการจบสิ้น แต่เป็นการเริ่มต้นใหม่สำหรับผู้ที่ได้ติดตามการเป็นผู้นำของพระเยซูเจ้า ฟังปละปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระองค์ ถวายกิจการต่างๆ ที่เรากระทำทุกวันแด่พระองค์ เพื่อเป็นการแสดงความจงรักภักดีต่อพระผู้ทรงเป็นพระมหากษัตริย์
สมเด็จพระสันตะปาปาปีโอที่ 11 ทรงตรัสไว้ว่า "พระเยซูเจ้าคือพระมหากษัตริย์ของเรา พระองค์ทรงอำนาจเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง บรรดาเทวดาในสวรรค์ยังต้องกราบนมัสการพระองค์ สาอะไรกับเรามนุษย์ ยิ่งต้องกราบถวายสามิภักดิ์ และเคารพ เชื่อฟังพระองค์เยี่ยงข้าบริการที่ซื่อสัตย์ของพระองค์"
นักุญเปาโลกล่าวว่า "พระเยซูเจ้าทรงเป็นศรีษะแห่งพระวรกายอันได้แก่ พระศาสนจักร คือพระองค์ทรงเป็นปฐมเหตุ บุคคลแรกที่กลับคืนพระชนม์ชีพจากบรรดาผู้ตาย เพื่อพระองค์จะได้ทรงอภิสิทธิ์เหนือสรรพสิ่ง" (คส.1:18)
"พระอาณาจักรของพระองค์จงมาถึง" ในหนังสืออริเจ็นกล่าวถึงการภาวนาตอนนี้ว่า :
"ตามพระวาจาพระผู้ไถ่ของเรา "อาณาจักรของพระเป็นเจ้า มิได้มาถึงตามแบบที่เราจะเห็นได้ ไม่มีใครจะพูดได้ว่า ดูซิอยู่นี่แล้ว หรืออยู่นั่นแน่ะ เหตุว่าอาณาจักรของพระเป็นเจ้าอยู่ในตัวเราเอง พระวาจาของพระเจ้าอยู่ใกล้เรามาก อยู่บนริมฝีปากและในใจของเรา "จึงเห็นได้ชัดว่าเมื่อคนใดคนหนึ่ง ภาวนาขอให้พระอาณาจักรของพระเป็นเจ้ามาถึง เขาจึงภาวนาอย่างที่เขาควรภาวนา เพื่อว่าพระอาณาจักรของพระเป็นเจ้า ซึ่งอยู่ในเขาจะได้ปรากฏออกมา เจริญขึ้นและเติบโตเต็มที่ นักบุญทุกท่าน สังกัดอยู่ในพระอาณาจักรของพระเป็นเจ้า และปฏิบัติตามกฎหมายฝ่ายจิตของพระเป็นเจ้า ผู้ประทับอยู่ในท่านเหมือนในนคร ที่มีการปกครองเป็นระเบียบเรียบร้อยดี พระบิดาสถิตอยู่ในท่าน และพระคริสตเจ้าทรงครองราชย์ร่วมกับพระบิดา ในวิญญาณของผู้ที่บรรลุถึงความครบครันดังที่พระองค์ตรัสว่า "เราจะมาหาเขา และจะพำนักอยู่ในตัวเขา"
สำหรับพวกเรา ที่รีบรุดหน้าไปอย่างไม่หยุดหย่อน อาณาจักรของพระเป็นเจ้า ซึ่งอยู่ในเราจะบรรลุถึงขั้นสมบูรณ์ เมื่อวาจาของท่านอัครสาวกสำเร็จไป คือเมื่อพระคริสตเจ้าได้ทรงปราบศัตรู ให้อยู่ใต้อำนาจของพระองค์แล้ว จะทรงมอบอาณาจักรแด่พระบิดาเจ้าเพื่อพระเป็นเจ้าจะได้เป็นทุกสิ่งสำหรับทุกคน ดังนั้นเมื่อเราภาวนาอย่างไม่ว่างเว้น ด้วยจิตตารมณ์ ซึ่งพระวจนาตถ์ทรงบันดาลในใจเรา ให้เราทูลพระบิดาผู้สถิตในสวรรค์ว่า "พระนามจงเป็นที่สักการะ พระอาณาจักรจงมาถึง"
ในเรื่องพระอาณาจักรของพระเจ้าเราต้องเข้าใจว่า โดยเหตุที่ "ความชอบธรรมและความอธรรม จะเคียงคู่กันไปไม่ได้ ความสว่างกับความมืดจะอยู่ร่วมกันไม่ได้ พระคริสตเจ้ากับเบเลียลจะเข้ากันไม่ได้" อาณาจักรแห่งบาปจึงคงอยู่ร่วมกับอาณาจักรของพระเป็นเจ้าไม่ได้
ถ้าเราอยากมีพระเป็นเจ้า เป็นผู้ครองราชย์เหนือเรา ก็อย่าให้บาปครองร่างกายอันรู้ตายของเรา เราต้องทำลายสิ่งที่เป็นโลกนี้ในเรา และบังเกิดผลในพระจิตเจ้า เพื่อพระเป็นเจ้าจะได้ทรงดำเนินในเรา เหมือนในอุทยานและครองราชย์ในเรา
สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นกับเราแต่ละคน และศัตรูสุดท้ายของเราคือความตาย ก็จะถูกทำลายไปด้วย พระคริสตเจ้าจึงจะตรัสในตัวเราว่า "ความตายพิษสงของเจ้าอยู่ที่ไหนเล่า? ความตายชัยชนะของเจ้าอยู่ที่ไหน?" บัดนี้จงให้สิ่งที่เสื่อมสลายได้ในตัวเรา สวมใส่ความศักดิ์สิทธิ์ และความไม่เสื่อมสลายให้สิ่งที่ตายได้สวมใส่อมรภาพของพระบิดา เมื่อความตายถูกทำลายไปแล้ว พระเป็นเจ้าจะได้ครองราชย์เหนือเรา และจะได้ดำรงชีวิต ในพระคุณแห่งการบังเกิดใหม่ และการกลับคืนชีพตั้งแต่บัดนี้"
ข้าแต่พระเยซูเจ้ากษัตริย์แห่งสากลจักรวาล พระเป็นเจ้าของลูกทั้งหลาย โปรดทรงเมตตาเทอญ

สมโภชพระเยซูเจ้ากษัตริย์แห่งสากลจักรวาล
บทอ่านที่ 1 อสค 34:11-12,15-17
พระผู้ทรงเป็นเจ้าตรัสว่า "เราจะตามหาแกะของเรา และจะเอาใจใส่ดูแลมันด้วยตนเอง เหมือนคนเลี้ยงแกะดูแลแกะ เมื่อเขาอยู่ท่ามกลางฝูงแกะที่กระจัดกระจายไปฉันใด เราก็จะดูแลแกะของเราฉันนั้น เราจะช่วยมันให้พ้นอันตรายจากที่ต่าง ๆ ที่มันกระจัดกระจายไป ในวันที่เมฆหมอกมืดครึ้ม
เรานี่แหละจะเลี้ยงดูฝูงแกะของเรา เรานี่แหละ จะให้มันพักผ่อนอย่างผาสุก พระผู้ทรงเป็นเจ้าตรัสดังนี้ เราจะตามหาแกะที่หาย ตัวไหนหลงทางไป เราจะนำกลับมา ที่บาดเจ็บก็จะทำแผลให้ ตัวไหนอ่อนแอ ก็จะบำรุงให้แข็งแรง ที่อ้วนท้วนแข็งแรงอยู่แล้ว ก็จะทะนุถนอมไว้ เราจะเลี้ยงมันอย่างที่ควร พระผู้ทรงเป็นเจ้าตรัสว่าดังนี้ พวกเจ้าซึ่งเป็นแกะของเรา เราจะพิพากษาแกะกับแกะ แกะตัวผู้กับแพะตัวผู้"
เพลงสดุดี สดด 23:1-4
ก) พระเจ้าทรงเป็นผู้เลี้ยงดูข้าฯประทานมาสารพัดไม่ขัดสน
ทรงนำข้าฯสู่จุดหมายแหล่งสายชลสงัดเงียบไกลผู้คนได้อาบกิน
ข) ทรงให้ข้าฯพักผ่อนนอนบนหญ้าเขียวสดชื่นรื่นตาอารมณ์ถวิล
เพิ่มพลังวังชาเป็นอาจินต์ไม่สุดสิ้นอุปถัมภ์นำมรรคา
ไปตามทางชอบธรรมแม้ลำบากมืดมิดมากก็ไม่หวั่นขวัญผวา
เพราะไม้เท้าไม้ขอชลอพาปลอบประโลมอารักขาข้าฯปลอดภัย
บทอ่านที่ 2 1 คร 15:20-26,28
พี่น้องทั้งหลาย ความจริง พระคริสตเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย เป็นผลแรกของบรรดาผู้ล่วงหลับไปแล้ว ความตายมาจากมนุษย์คนหนึ่งฉันใด การกลับคืนชีพของบรรดาผู้ตายก็มาจากมนุษย์คนหนึ่งฉันนั้น มนุษย์ทุกคนตายเพราะอาดัมฉันใด มนุษย์ทุกคนก็จะกลับมีชีวิตเพราะพระคริสตเจ้าฉันนั้น แต่จะ เป็นไปตามลำดับของแต่ละคน พระคริสตเจ้าทรงเป็นผลแรก ต่อไปก็คือผู้ที่เป็นของพระคริสตเจ้า เมื่อพระองค์จะเสด็จมา แล้วจะถึงวาระสุดท้าย เวลานั้นพระองค์จะทรงมอบพระอาณาจักรให้แก่พระเจ้าพระบิดา หลังจากทรงทำลายการปกครอง อำนาจและอานุภาพทั้งหลาย เพราะพระคริสตเจ้าจะต้องทรงครองราชย์จนกว่าพระเจ้าจะทรงปราบศัตรูทั้งมวลให้อยู่ใต้พระบาทของพระองค์ ศัตรูสุดท้ายที่จะถูกทำลายคือความตาย เพราะพระเจ้าทรงปราบทุกสิ่งให้อยู่ใต้พระบาทของพระองค์
เมื่อทุกสิ่งถูกปราบอยู่ใต้อำนาจของพระคริสตเจ้าแล้ว พระบุตรก็จะทรงอยู่ใต้อำนาจของพระเจ้า ผู้ทรงปราบทุกสิ่งให้อยู่ใต้อำนาจของพระองค์ เพื่อพระเจ้าจะได้ทรง เป็นทุกสิ่งในทุกคน
พระวรสาร มธ 25:31-46
เวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า "เมื่อบุตรแห่งมนุษย์จะเสด็จมาในพระสิริรุ่งโรจน์พร้อมกับบรรดาทูตสวรรค์ทั้งหลาย พระองค์จะประทับ เหนือพระบัลลังก์อันรุ่งโรจน์ บรรดาประชาชาติจะมาชุมนุมกันเฉพาะพระพักตร์ พระองค์จะทรงแยกเขาออกเป็นสองพวก ดังคนเลี้ยงแกะแยกแกะออกจากแพะ ให้แกะอยู่เบื้องขวา ส่วนแพะอยู่เบื้องซ้าย
แล้วพระมหากษัตริย์จะตรัสแก่ผู้ที่อยู่เบื้องขวาว่า 'เชิญมาเถิด ท่านทั้งหลายที่ได้รับพระพรจากพระบิดาของเรา เชิญมารับอาณาจักรเป็นมรดกที่เตรียมไว้ให้ท่านแล้วตั้งแต่สร้างโลก เพราะว่า เมื่อเราหิว ท่านให้เรากิน เรากระหาย ท่านให้เราดื่ม เราเป็นแขกแปลกหน้า ท่านก็ต้อนรับ เราไม่มีเสื้อผ้า ท่านก็ให้เสื้อผ้าแก่เรา เราเจ็บป่วย ท่านก็มาเยี่ยม เราอยู่ในคุก ท่านก็มาหา'
บรรดาผู้ชอบธรรมจะทูลถามว่า 'พระเจ้าข้า เมื่อไรเล่าข้าพเจ้าทั้งหลายเห็นพระองค์ทรงหิว แล้วถวายพระกระยาหาร หรือทรงกระหาย แล้วถวายให้ทรงดื่ม เมื่อใดเล่าข้าพเจ้าทั้งหลายเห็นพระองค์ทรงเป็นแขกแปลกหน้า แล้วต้อนรับ หรือทรงไม่มีเสื้อผ้า แล้วถวายให้ เมื่อใดเล่าข้าพเจ้าทั้งหลายเห็นพระองค์ประชวรหรือทรงอยู่ในคุกแล้วไปเยี่ยม'
พระมหากษัตริย์จะตรัสตอบว่า 'เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ท่านทำสิ่งใดต่อพี่น้องผู้ต่ำต้อยที่สุดของเราคนหนึ่ง ท่านก็ทำสิ่งนั้นต่อเรา'แล้วพระองค์จะตรัสกับพวกที่อยู่เบื้องซ้ายว่า 'ท่านทั้งหลายที่ถูกสาปแช่ง จงไปให้พ้น ลงไปในไฟนิรันดรที่ได้เตรียมไว้ให้ปีศาจและพรรคพวกของมัน เพราะว่า เมื่อเราหิว ท่าน ไม่ให้อะไรเรากิน เรากระหายท่านไม่ให้อะไรเราดื่ม เราเป็นแขกแปลกหน้า ท่านก็ไม่ต้อนรับ เราไม่มีเสื้อผ้า ท่านก็ไม่ให้เสื้อผ้า เราเจ็บป่วยและอยู่ในคุกท่านก็ไม่มาเยี่ยม'
พวกนั้นจะทูลถามว่า 'พระเจ้าข้า เมื่อไรเล่าที่ข้าพเจ้าทั้งหลายเห็นพระองค์ทรงหิว ทรงกระหาย ทรงเป็นแขกแปลกหน้า หรือไม่มีเสื้อผ้า เจ็บป่วยหรืออยู่ในคุก และ ไม่ได้ช่วยเหลือ'
พระองค์จะตรัสตอบว่า 'เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ท่านไม่ได้ทำสิ่งใดต่อผู้ต่ำต้อยของเราคนหนึ่งท่านก็ไม่ได้ทำสิ่งนั้นต่อเรา' แล้วพวกนี้ก็จะไปรับ โทษนิรันดร ส่วนผู้ชอบธรรมจะไปรับชีวิตนิรันดร"
ถ้าเราจะต้องบรรยายว่าพระเยซูเจ้าหมายถึงอะไรสำหรับคริสตชน เราคงจะทำได้ด้วยการใช้คำพูดที่คุ้นเคยกับพระมหากษัตริย์ที่ทรงเป็น "ผู้นำ" ของประเทศชาติ ไม่ว่าในฐานะเป็นกษัตริย์ เนื่องจากว่าผู้นำกษัตริย์เป็นบุคคลเดียวกันในพระคัมภีร์
ความเป็นความตายขององค์กรขึ้นอยู่กับการมีผู้นำที่มีความสามารถ เรามีประสบการณ์ในเรื่องนี้ แม้กระทั่งในเขตวัดของเราเอง ในระดับท้องถิ่น และระดับชาติ เราจึงทดสอบความสามารถในการเป็นผู้นำของผู้สมัครเป็นผู้แทน เราฟังคำปราศรัยของพวกเขาอดีตของพวกเขาถูกนำมาตรวจสอบ ถ้าพวกเขาเป็นคนซื่อสัตย์สุจริตและทำงานดี เราจึงเลือก
การเป็นผู้นำในระบอบการปกครองของพระเจ้ามาจากพระเจ้า และไม่ถูกเลือกจากหน่วยเลือกตั้งใดๆ เนื่องจากพระเยซูแห่งนาซาเร็ธ ทรงเป็นมนุษย์ที่มีพระเจ้าประทับอยู่แบบที่ว่าทรงได้รับชื่อว่าเป็น "บุตรของพระเจ้า" เราจึงไม่ต้องห่วง เกี่ยวกับความซื่อสัตย์และความสามารถของพระองค์ "พระเยซูเจ้าทรงเป็นพระฉายาของพระเจ้าที่เรามองไม่เห็น" บัดนี้พระเยซูเจ้าผู้ทรงดำรงชีวิตและ "ประทับเบื้องขวาของพระเจ้า" ทรงเป็นผู้นำของทุกคนผู้กำลังพยายามทำให้อาณาจักรของพระเจ้าเป็ฯจริงขึ้นมาในตัวเขาและพี่น้อง
การปกครองของพระเยซูเจ้าในฐานะกษัตริย์ที่เริ่มขึ้นพร้อมกับการกลับคืนพระพระชนม์ชีพของพระองค์ จะคงอยู่ต่อไปจนถึงการเสด็จกลับมาครั้งที่สองของพระองค์ ในวันนั้น พระองค์จะทรงมอบอาณาจักรแด่พระบิดา อาณาจักรของความศักดิ์สิทธิ์และพระหรรษทาน อาณาจักรของความยุติธรรม ความรักและสันติ ทุกสิ่งจะปรากฏแจ้งในการเสด็จกลับมาอีกครั้งของพระองค์ในการตัดสินดี - ชั่ว ภาพการเสด็จกลับมาครั้งที่สองของพระเยซูเจ้าในความรุ่งโรจน์ นักบุญมัทธิวได้เห็นนถึงแก่นความคิดของคำสอนเชิงจริยธรรมของพระเยซูเจ้า ผู้ได้รับการแนะนำว่าทรงเป็นกษัตริย์ และผู้พิพากษา ซึ่งนักบุญมัทธิวได้แสดงให้เห็นในพระวรสารว่า :
"เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับพวกศิษย์ว่า "เมื่อบุตรแห่งมนุษย์จะเสด็จมาพร้อมด้วยมหิทธานุภาพ มีขบวนนิกรเทวดาห้อมล้อม พระองค์จะประทับเหนือพระบัลลังก์อันรุ่งโรจน์ บรรดาประชาชาติมาชุมนุมกันเฉพาะพระพักตร์ แล้วพระองค์จะทรงแบ่งพวกเขาออกเป็นสองพวก ดังคนเลี้ยงแกะแยกแกะออกจากแพะให้แกะอยู่เบื้องขวาส่วนแพะอยู่เบื้องซ้าย
แล้วพระมหากษัตริย์จะตรัสกับผู้ที่อยู่เบื้องขวาว่า "เชิญมาเถิด พวกท่านที่ได้รับพระพรจากพระบิดา เชิญมาครอบครองเหนืออาณาจักร ที่เตรียมไว้ให้พวกท่านแล้วตั้งแต่สร้างโลก เพราะเมื่อเราหิว ท่านก็ให้เรากิน เรากระหายท่านก็ให้เราดื่ม เราเป็นแขกไป ท่านก็ต้อนรับเรา เราไม่มีนุ่งไม่มีห่มท่านก็ให้ เราเจ็บไข้ได้ป่วยท่านก็มาเยี่ยม เราติดคุก ท่านก็มาหา
บรรดาผู้ชอบธรรมจึงทูลว่า "พระเจ้าข้า เมื่อไรเล่าที่ข้าพเจ้าทั้งหลายเห็นพระองค์ทรงหิว แล้วได้ถวายพระกายาหาร เมื่อไรเล่าที่ทรงกระหายแล้วข้าพเจ้าทั้งหลายได้ถวายให้ทรงดื่ม ทรงเป็นแขกเมื่อไร ข้าพเจ้าทั้งหลายจึงได้ต้อนรับ เห็นพระองค์ไม่มีนุ่งไม่มีห่มเมื่อไรเล่า ข้าพเจ้าทั้งหลายจึงได้ถวายเครื่องนุ่งห่ม ทรงเจ็บไข้ได้ป่วยหรือทรงติดคุกเมื่อไร ข้าพเจ้าทั้งหลายจึงไปเยี่ยม
พระมหากษัตริย์จะตรัสตอบว่า "เราขอยืนยันว่า พวกท่านที่ปฏิบัติต่อพี่น้องแม้ที่ต่ำต้อยของเราครั้งใด ก็เท่ากับปฏิบัติต่อเรา
ครั้นแล้วจะตรัสกับพวกที่อยู่เบื้องซ้ายว่า เจ้าชาติชั่วถอยไปให้พ้น ลงไปในไฟนิรันดร ที่ได้เตรียมไว้ให้ปีศาจกับพรรคพวกของมัน เพราะเมื่อเราหิวเจ้าไม่ได้ให้อะไรเรากิน เรากระหายเจ้าไม่ให้อะไรเราดื่ม เราเป็นแขกไปเจ้าก็ไม่ต้อนรับ เราไม่มีนุ่งไม่มีห่มเจ้าก็ไม่ได้ให้ เราเจ็บไข้ได้ป่วยและอยู่ในคุกเจ้าก็ไม่ได้มาเยี่ยม
พวกนั้นจึงทูลว่า "พระเจ้าข้า เมื่อไรเล่าที่ข้าพเจ้าทั้งหลายเห็นพระองค์ทรงหิวกระหาย เป็นแขกมาเมื่อไหร่ไม่มีนุ่งไม่มีห่ม เจ็บไข้ได้ป่วยหรืออยู่ในคุกเจ้าก็ไม่ได้ช่วยเหลือ?
พระมหากษัตริย์จะทรงตอบว่า "เราขอยืนยันว่า ตราบใดที่พวกเจ้าไม่ได้ปฏิบัติต่อผู้ต่ำต้อยคนใดคนหนึ่งนี้ พวกเจ้าก็ไม่ได้ปฏิบัติต่อเรา
แล้วพวกนี้ก็จะไปรับทรมานตลอดนิรันดร ส่วนคนชอบธรรมก็จะรับไปชีวิตนิรันดร" (มธ.25:31 - 46)
พระวรสารที่เกี่ยวกับการพิพากษานี้ถือเป็นจุดสุดท้ายของปีพิธีกรรม เราควรพิจารณาตนเอง การพิพากษาครั้งสุดท้ายจะไม่เป็นการจบสิ้น แต่เป็นการเริ่มต้นใหม่สำหรับผู้ที่ได้ติดตามการเป็นผู้นำของพระเยซูเจ้า ฟังปละปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระองค์ ถวายกิจการต่างๆ ที่เรากระทำทุกวันแด่พระองค์ เพื่อเป็นการแสดงความจงรักภักดีต่อพระผู้ทรงเป็นพระมหากษัตริย์
สมเด็จพระสันตะปาปาปีโอที่ 11 ทรงตรัสไว้ว่า "พระเยซูเจ้าคือพระมหากษัตริย์ของเรา พระองค์ทรงอำนาจเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง บรรดาเทวดาในสวรรค์ยังต้องกราบนมัสการพระองค์ สาอะไรกับเรามนุษย์ ยิ่งต้องกราบถวายสามิภักดิ์ และเคารพ เชื่อฟังพระองค์เยี่ยงข้าบริการที่ซื่อสัตย์ของพระองค์"
นักุญเปาโลกล่าวว่า "พระเยซูเจ้าทรงเป็นศรีษะแห่งพระวรกายอันได้แก่ พระศาสนจักร คือพระองค์ทรงเป็นปฐมเหตุ บุคคลแรกที่กลับคืนพระชนม์ชีพจากบรรดาผู้ตาย เพื่อพระองค์จะได้ทรงอภิสิทธิ์เหนือสรรพสิ่ง" (คส.1:18)
"พระอาณาจักรของพระองค์จงมาถึง" ในหนังสืออริเจ็นกล่าวถึงการภาวนาตอนนี้ว่า :
"ตามพระวาจาพระผู้ไถ่ของเรา "อาณาจักรของพระเป็นเจ้า มิได้มาถึงตามแบบที่เราจะเห็นได้ ไม่มีใครจะพูดได้ว่า ดูซิอยู่นี่แล้ว หรืออยู่นั่นแน่ะ เหตุว่าอาณาจักรของพระเป็นเจ้าอยู่ในตัวเราเอง พระวาจาของพระเจ้าอยู่ใกล้เรามาก อยู่บนริมฝีปากและในใจของเรา "จึงเห็นได้ชัดว่าเมื่อคนใดคนหนึ่ง ภาวนาขอให้พระอาณาจักรของพระเป็นเจ้ามาถึง เขาจึงภาวนาอย่างที่เขาควรภาวนา เพื่อว่าพระอาณาจักรของพระเป็นเจ้า ซึ่งอยู่ในเขาจะได้ปรากฏออกมา เจริญขึ้นและเติบโตเต็มที่ นักบุญทุกท่าน สังกัดอยู่ในพระอาณาจักรของพระเป็นเจ้า และปฏิบัติตามกฎหมายฝ่ายจิตของพระเป็นเจ้า ผู้ประทับอยู่ในท่านเหมือนในนคร ที่มีการปกครองเป็นระเบียบเรียบร้อยดี พระบิดาสถิตอยู่ในท่าน และพระคริสตเจ้าทรงครองราชย์ร่วมกับพระบิดา ในวิญญาณของผู้ที่บรรลุถึงความครบครันดังที่พระองค์ตรัสว่า "เราจะมาหาเขา และจะพำนักอยู่ในตัวเขา"
สำหรับพวกเรา ที่รีบรุดหน้าไปอย่างไม่หยุดหย่อน อาณาจักรของพระเป็นเจ้า ซึ่งอยู่ในเราจะบรรลุถึงขั้นสมบูรณ์ เมื่อวาจาของท่านอัครสาวกสำเร็จไป คือเมื่อพระคริสตเจ้าได้ทรงปราบศัตรู ให้อยู่ใต้อำนาจของพระองค์แล้ว จะทรงมอบอาณาจักรแด่พระบิดาเจ้าเพื่อพระเป็นเจ้าจะได้เป็นทุกสิ่งสำหรับทุกคน ดังนั้นเมื่อเราภาวนาอย่างไม่ว่างเว้น ด้วยจิตตารมณ์ ซึ่งพระวจนาตถ์ทรงบันดาลในใจเรา ให้เราทูลพระบิดาผู้สถิตในสวรรค์ว่า "พระนามจงเป็นที่สักการะ พระอาณาจักรจงมาถึง"
ในเรื่องพระอาณาจักรของพระเจ้าเราต้องเข้าใจว่า โดยเหตุที่ "ความชอบธรรมและความอธรรม จะเคียงคู่กันไปไม่ได้ ความสว่างกับความมืดจะอยู่ร่วมกันไม่ได้ พระคริสตเจ้ากับเบเลียลจะเข้ากันไม่ได้" อาณาจักรแห่งบาปจึงคงอยู่ร่วมกับอาณาจักรของพระเป็นเจ้าไม่ได้
ถ้าเราอยากมีพระเป็นเจ้า เป็นผู้ครองราชย์เหนือเรา ก็อย่าให้บาปครองร่างกายอันรู้ตายของเรา เราต้องทำลายสิ่งที่เป็นโลกนี้ในเรา และบังเกิดผลในพระจิตเจ้า เพื่อพระเป็นเจ้าจะได้ทรงดำเนินในเรา เหมือนในอุทยานและครองราชย์ในเรา
สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นกับเราแต่ละคน และศัตรูสุดท้ายของเราคือความตาย ก็จะถูกทำลายไปด้วย พระคริสตเจ้าจึงจะตรัสในตัวเราว่า "ความตายพิษสงของเจ้าอยู่ที่ไหนเล่า? ความตายชัยชนะของเจ้าอยู่ที่ไหน?" บัดนี้จงให้สิ่งที่เสื่อมสลายได้ในตัวเรา สวมใส่ความศักดิ์สิทธิ์ และความไม่เสื่อมสลายให้สิ่งที่ตายได้สวมใส่อมรภาพของพระบิดา เมื่อความตายถูกทำลายไปแล้ว พระเป็นเจ้าจะได้ครองราชย์เหนือเรา และจะได้ดำรงชีวิต ในพระคุณแห่งการบังเกิดใหม่ และการกลับคืนชีพตั้งแต่บัดนี้"
ข้าแต่พระเยซูเจ้ากษัตริย์แห่งสากลจักรวาล พระเป็นเจ้าของลูกทั้งหลาย โปรดทรงเมตตาเทอญ
แก้ไขล่าสุดโดย Divine Mercy เมื่อ อาทิตย์ พ.ย. 20, 2005 3:24 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
สุขสันต์วันสมโภช ขอพระเยซูคริสตเจ้ากษัตริย์แห่งสากลจักรวาล
ทรงประทานพระเมตตาและพระหรรษทานแก่ลูกๆของพระองค์ตลอดนิรันดร์เทอญ
ทรงประทานพระเมตตาและพระหรรษทานแก่ลูกๆของพระองค์ตลอดนิรันดร์เทอญ
วันที่ 21 พฤศจิกายน

พระนางพรหมจารีมารีย์
ถวายองค์ในพระวิหาร
วันนี้เป็นวันฉลองอันเป็นที่รักที่สุด วันฉลองหนึ่งของพระศาสนจักรตะวันออกตั้งแต่ศตวรรษที่ 6 มาแล้ว พระศาสนจักรที่กรุงโรมได้รับเอาวันฉลองนี้เข้ามาไว้ในปฏิทินพิธีกรรมโดยเริ่มจากศตวรรษที่ 14 เท่านั้น สำหรับคริสตชนตะวันออก

พระนางพรหมจารีมารีย์
ถวายองค์ในพระวิหาร
วันนี้เป็นวันฉลองอันเป็นที่รักที่สุด วันฉลองหนึ่งของพระศาสนจักรตะวันออกตั้งแต่ศตวรรษที่ 6 มาแล้ว พระศาสนจักรที่กรุงโรมได้รับเอาวันฉลองนี้เข้ามาไว้ในปฏิทินพิธีกรรมโดยเริ่มจากศตวรรษที่ 14 เท่านั้น สำหรับคริสตชนตะวันออก
แก้ไขล่าสุดโดย Divine Mercy เมื่อ จันทร์ พ.ย. 21, 2005 2:17 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
วันที่ 22 พฤศจิกายน

ระลึกถึง
นักบุญ เซซีลีอา
พรหมจารีและมรณสักขี
รายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับนักบุญองค์นี้ แต่ก็มีเรื่องที่เล่าต่อๆ กันมาว่านักบุญเซซีลีอา เป็นนักบุญชาวโรมันที่รูจักกันแพร่หลายองค์หนึ่ง บทขับร้องถึงเธอที่โบราณมากบทหนึ่งซึ่งมีชื่อว่า

ระลึกถึง
นักบุญ เซซีลีอา
พรหมจารีและมรณสักขี
รายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับนักบุญองค์นี้ แต่ก็มีเรื่องที่เล่าต่อๆ กันมาว่านักบุญเซซีลีอา เป็นนักบุญชาวโรมันที่รูจักกันแพร่หลายองค์หนึ่ง บทขับร้องถึงเธอที่โบราณมากบทหนึ่งซึ่งมีชื่อว่า
แก้ไขล่าสุดโดย Divine Mercy เมื่อ จันทร์ พ.ย. 21, 2005 9:52 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
วันที่ 23 พฤศจิกายน

ระลึกถึง/ไม่บังคับ
นักบุญ เคลเมนท์ที่ 1
พระสันตะปาปา และมรณสักขี
นักบุญ เคลเมนท์ ที่ 1 หรือในนามของ

ระลึกถึง/ไม่บังคับ
นักบุญ เคลเมนท์ที่ 1
พระสันตะปาปา และมรณสักขี
นักบุญ เคลเมนท์ ที่ 1 หรือในนามของ
แก้ไขล่าสุดโดย Divine Mercy เมื่อ จันทร์ พ.ย. 21, 2005 9:51 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
- King Zadin
- โพสต์: 419
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ พ.ค. 13, 2005 3:53 am
- ติดต่อ:
24 พฤศจิกายน
นักบุญอันเดรดุงลักศ์
และเพื่อนมรณสักขี
ในวันที่ 19 มิถุนายน 1988 สมเด็จพระสันตะปาปาเปาโลที่ 2 ทรงประกาศแต่งตั้ง 117 มรณสักขีแห่ง
นักบุญอันเดรดุงลักศ์
และเพื่อนมรณสักขี
ในวันที่ 19 มิถุนายน 1988 สมเด็จพระสันตะปาปาเปาโลที่ 2 ทรงประกาศแต่งตั้ง 117 มรณสักขีแห่ง
- King Zadin
- โพสต์: 419
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ พ.ค. 13, 2005 3:53 am
- ติดต่อ:
30 พฤศจิกายน

นักบุญแอนดรูว์
อัครธรรมทูต
อันเดรอัส เป็นชื่อกรีกที่ไพเราะมากซึ่งมีความหมายว่า

นักบุญแอนดรูว์
อัครธรรมทูต
อันเดรอัส เป็นชื่อกรีกที่ไพเราะมากซึ่งมีความหมายว่า
วันที่ 8 ธันวาคม

สมโภชการปฏิสนธินิรมลของพระนางมารีย์
การปฏิสนธินิรมล คือ การบังเกิดโดยปราศจากบาปกำเนิดและบาปทุกชนิด
เราต้องแสวงหาความรู้ และเข้าใจความหมายทำไมที่เมืองลูร์ด พระนางพรหมจารีมารีอาได้เรียกพระนางเองว่า: " ฉันคือการปฏิสนธินิรมลทิน" พระนางไม่ได้บอกเราว่า พระนางได้ปฏิสนธินิรมลทิน แต่ว่าพระนางทั้งครบเป็นการปฏิสนธินิรมลทิน ถ้าเราพูดสิ่งหนึ่งขาว เรายอมรับว่า สิ่งนั้นมีสีขาวอยู่จำนวนหนึ่ง และ เมื่อเวลาผ่านพ้นไป สามารถเปรอะเปื้อนได้ แต่เมื่อเราพูดว่า: "โดยตัวของมันเอง สิ่งหนึ่งเป็นความขาว" เราเข้าใจว่า สิ่งนั้นต้องขาวอย่างถาวร และจะไม่เปลี่ยนสีอีกเลย สิ่งนั้นจะไม่มีวันเปรอะเปื้อน และจะเป็นสีขาวอยู่วันยังค่ำ
พระนางมารีอา ผู้ปฏิสนธินิรมลทินตลอดกาล จะไม่ตกอยู่ในอำนาจของซาตานเป็นอันขาด ขณะพระเยซูคริสตเจ้าตรัสว่า: "เราเป็นหนทาง ความจริง และชีวิต" พระนางยืนยันว่า พระนางเป็นการปฏิสนธินิรมลทิน เราจะได้เข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า ลำพังตัวเราเอง เราไม่สามารถมีการเกิดอย่างบริสุทธิ์ หรือความบริสุทธิ์ผุดผ่อง นอกจากเราต้องมีส่วนร่วมในการปฏิสนธินิรมลทินของพระนาง
ที่เมืองลูร์ดพระนางพรหมจารีมารีอาได้เสด็จลงมาจากสวรรค์ เพื่อยืนยันข้อความเชื่อแห่งการปฏิสนธินิรมลทินของพระนาง ในเวลาเดียวกันพระนางเตรียมเราสำหรับข้อความเชื่อที่ว่า: "พระนางมารีอา เป็นคนกลางระหว่างพระเป็นเจ้าและมนุษย์ และเป็นผู้แจกจ่ายพระหรรษทานทุกชนิดของพระองค์" การปฏิสนธินิรมลทินไม่เป็นเพียงสิ่งพิเศษสุด ที่พระเป็นเจ้าได้ประทานแก่พระนาง แต่เป็นของพระนางโดยธรรมชาติ นี่คือโครงการณ์ของพระเป็นเจ้าในการกอบกู้มนุษยชาติ และเป็นงานของเราที่จะต้องปลูกฝังความจริงนี้ในดวงใจของมนุษย์ทุกคน
การแยกพระเยซูเจ้าออกจากพระนางพรหมจารีมารีอา นำความเสียหายมาสู่ข้อลึกลับศักดิ์สิทธิ์มหัศจรรย์แห่งการไถ่บาปมนุษยชาติ ความศักดิ์สิทธิ์อย่างครบครันของพระนางมารีอา มีแหล่งกำเนิดมาจากการเป็นหนึ่งเดียวของพระนางกับพระตรีเอกภาพอันศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง: พระบุตรีของพระเป็นเจ้าพระบิดา พระมารดาของพระเป็นเจ้าพระบุตร และพระภัสดาของพระเป็นเจ้าพระจิต ขณะพระเป็นเจ้าทั้งครบประทับอยู่ในพระกายของพระเยซูคริสตเจ้า พระองค์ทรงสถิตอยู่ในครรภ์ของพระนางมารีอาเป็นเวลา 9 เดือน หายใจทางลมหายใจของพระนาง และมีชีวิตอยู่ในร่างกายของพระนาง ลำธารชีวิต ซึ่งหล่อเลี้ยงการเจริญเติบโตของพระเยซูเจ้า ไหลมาจากดวงพระทัยของพระนางมารีอา ด้วยทุกจังหวะการเต้นของชีพจรลำธารนั้นไหลกลับไป กลับเข้าไปในดวงพระทัยของพระนางมารีอา ฉะนั้น พระนางอุดมสมบูรณ์ไปด้วยจิตแห่งพระเทวภาพของพระองค์ ในการเป็นหนึ่งเดียวกันนั้น พระเยซูเจ้าได้ทำให้ดวงพระทัยของพระนางครบบริบูรณ์อย่างมหัศจรรย์สุดยอด
เรารู้ว่า คนถูกผีสิง พูด คิด และกระทำโดยปิศาจ เราจะต้องให้พระนางพรหมจารีมารีอาครอบครองตัวเรา โดยการถวายร่างกาย ความคิด และการกระทำของเราแด่พระนาง พระนางมารีอาจะได้คิด พูด และกระทำในตัวเรา โดยส่วนตัวและส่วนรวม เราจะต้องถวายชีวิตของเราและทุกสิ่งที่เป็นของเรา แด่การปฏิสนธินิรมลทินของพระนาง ในการเป็นหนึ่งเดียวกับพระนางมารีอา เราจะต้องกลายเป็นมารดา ผู้ให้กำเนิดบุตร ที่มีการปฏิสนธินิรมลทินในดวงใจและวิญญานของเขาทั้งหลายตลอดไป พระนางจะเข้าไปประทับอยู่ในดวงใจของเขาทั้งหลาย พระนางจะครอบครองดวงใจเหล่านั้นอย่างสิ้นเชิง และหล่อเลี้ยงเขาทั้งหลายในพระเยซูคริสตเจ้า และพระเยซูคริสตเจ้าในเขาทั้งหลาย เมื่อการปฏิสนธินิรมลทินของพระนางสถิตอยู่ในดวงใจของมนุษย์ พระนางจะสร้างบัลลังก์ของพระบุตรในดวงใจเหล่านั้น นำเขาทั้งหลายมารู้จักพระองค์ และจุดไฟในดวงใจของเขาทั้งหลายให้เร่าร้อน ด้วยความรักต่อพระองค์
การถวายตัวของเราโดยสิ้นเชิงแด่พระนางพรหมจารีมารีอา ช่วยปลูกฝังและเลี้ยงดูเรา ด้วยฤทธิ์กุศลจากการที่ พระนางตอบสนองน้ำพระทัยพระเป็นเจ้าอย่างครบครัน เราทุกคนถูกเรียกให้มีส่วนร่วมในการปฏิสนธินิรมลทินของพระนางมารีอา ครั้งแรกสิ่งนี้อาจฟังแล้วไม่ได้ศัพท์ หรือเป็นของใหม่ แต่ความจริงก็หนีความจริงไม่พ้น พระเป็นเจ้าได้สร้างมนุษย์ตามพระฉายาลักษณ์ของพระองค์ และได้เตรียมเราเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์อย่างลึกลับมหัศจรรย์ และเป็นหนึ่งเดียวกับเรากันเอง
โดยความเหย่อหยิ่งจองหอง การกระด้างกระเดื่อง และการไม่มีความเชื่อ อาดำและเอวาได้ทำบาปและสูญเสียเมืองสวรรค์ การเป็นหนึ่งเดียวของเราได้พังพินาศจบสิ้นไป ยกเว้นพระนางพรหมจารีมารีอา ผู้ปฏิสนธินิรมลทิน มนุษยชาติทุกคนได้สูญเสียชีวิตนิรันดร และติดบาปของมนุษย์คู่แรก ถ้าเราแต่ละคน โดยธรรมชาติของการเป็นหนึ่งเดียวกัน ได้มีส่วนร่วมในบาปของอาดำ เราจะไม่ถูกกำหนดให้มีส่วนร่วม ในการปฏิสนธินิรมลทินของพระนางมารีอาโดยเหตุผลเดียวกันหรือ? สิ่งนี้จะบรรลุผลสำเร็จอย่างไร? พระนางมารีอาจะปลูกฝังและเลี้ยงดูเรา โดยเป็นคนกลางระหว่างพระเป็นเจ้าและมนุษย์ ในการแจกจ่ายพระหรรษทานทุกชนิดของพระองค์แก่เรา ฤทธิ์กุศลทั้งหมด พระคุณต่างๆ ความรู้สึกท่าที และการผูกมัดอย่างเดียวกัน ซึ่งได้ปลูกฝังและหล่อเลี้ยงในพระนาง โดยพระหรรษทานแห่งการปฏิสนธินิรมลทินของพระนาง
ด้วยเหตุนี้ การปฏิสนธินิรมลทินของพระนางมารีอาเป็นสิ่งจำเป็นในการฟื้นฟูการเป็นหนึ่งเดียวของมนุษย์ ซึ่งเป็นขั้นแรกของการกอบกู้มนุษยชาติของพระเยซูคริสตเจ้า โดยการเป็นมารดาพระเจ้าของพระนางพรหมจารีมารีอา และโดยการถวายตัวเราอย่างสิ้นเชิงแด่พระนาง พระนางจะต่อสู้อย่างมีพระฤทธานุภาพกับความเหย่อหยิ่งจองหอง ความเห็นแก่ตัว และการกระด้างกระเดื่อง ซึ่งชาตานได้ปลูกฝังในตัวเราโดยบาปของอาดำ
ในโลก พระนางพรหมจารีมารีอาจะได้รับชัยชนะอันรุ่งเรืองสุกใสจากโลหิตของมรณะสักขี การวางใจอย่างสุภาพถ่อมตน และความอดทนในความทุกข์ยากลำบาก ลูกๆของพระนางมารีอา รวมกับคาทอลิกทั่วโลก และพระตรีเอกภาพอันศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง พร้อมกับเสียงของพระสันตปาปา ผู้แทนพระเยซูคริสตเจ้า จะประกาศทั่วโลกให้เป็นข้อความเชื่อ: พระนางมารีอาเป็นคนกลางระหว่างพระเป็นเจ้าและมนุษย์ และเป็นผู้แจกจ่ายพระหรรษทานทุกชนิดของพระเป็นเจ้า เพราะพระนางได้มีส่วนร่วมในการไถ่บาปของมนุษยชาติ ความจริง นี่เป็นการแซ่ซ้องชัยชนะแห่งพระสิริโรจนาของพระคริสตเจ้า จอมกษัตริย์ พระหรรษทานศักดิ์สิทธิกรจะท่วมผิวโลก และสันติสุขซึ่งพระคริสตเจ้าได้สัญญากับเราที่ฟาติมา จะสถิตอยู่กับทุกประเทศในโลก เราแต่ละคน ผู้สวดลูกประคำ อยู่ในกองทัพจักรวาล ได้รับมอบหมายให้ปลูกฝัง ความจริงแห่งการปฏิสนธินิรมล ในดวงวิญญานของมนุษย์ทุกชาติทุกภาษา ทุกยุคทุกสมัย แล้วเราจะได้รับสิริโรจนาชั่วนิรันดร ในการรับใช้พระราชินี สิ้นสุดดวงใจและเงินทองของเรา
" ในที่สุดดวงพระทัยปฏิสนธินิรมลทินของฉันจะมีชัยชนะ"
โลกและมนุษย์ทุกคน ที่ถวายตัวแด่ดวงพระทัยปฏิสนธินิรมลทินของพระนางพรหมจารีมารีอา จะรักพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูคริสตเจ้า ด้วยความรักสำหรับพระองค์แต่ผู้เดียว ที่หมดสิ้นความรักทุกสิ่งในโลกนี้ เป็นความรักของพระตรีเอกภาพอันศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง ที่ประทับอยู่ในดวงพระทัยปฏิสนธินิรมลทินของพระนางมารีอา ซึ่งหายใจในรักเพื่อรัก: พระเป็นเจ้าองค์เดียวรักพระองค์เอง
เราทุกคน ลูกของพระนางมารีอา ต้องเพียรพยายามมีส่วนคล้ายพระแม่ของเรา
บทภาวนา
ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทรงจัดให้พระนางพรหมจารีมารีย์ผู้ปฏิสนธินิรมล เป็นที่พำนักสมเกียรติของพระบุตร พระองค์ยังได้ทรงพิทักษ์รักษา พระนางให้พ้นมลทิลบาปทั้งสิ้นไว้ล่วงหน้า โดยเห็นแก่พระบารมีอันเนื่องจากการสิ้นพระชนม์ของพระบุตร ขอพระนางช่วยอ้อนวอนขอให้ข้าพเจ้าทั้งหลายเป็นผู้บริสุทธิ์สมจะได้พบพระองค์ด้วยเถิด ทั้งนี้ขอพึ่งพระบารมีพระเยซูคริสตเจ้า พระบุตรผู้ทรงจำเริญและครองราชย์ร่วมกับพระองค์และพระจิตตลอดนิรันดร อาแมน
ข้าแต่พระแม่ผู้ปฏิสนธินิรมล ช่วยวิงวอนเพื่อลูกทั้งหลาย
เพื่อWeb Newmana และเพื่อกลุ่มลูกแกะน้อยของพระคริสตเจ้าด้วยเทอญ

สมโภชการปฏิสนธินิรมลของพระนางมารีย์
การปฏิสนธินิรมล คือ การบังเกิดโดยปราศจากบาปกำเนิดและบาปทุกชนิด
เราต้องแสวงหาความรู้ และเข้าใจความหมายทำไมที่เมืองลูร์ด พระนางพรหมจารีมารีอาได้เรียกพระนางเองว่า: " ฉันคือการปฏิสนธินิรมลทิน" พระนางไม่ได้บอกเราว่า พระนางได้ปฏิสนธินิรมลทิน แต่ว่าพระนางทั้งครบเป็นการปฏิสนธินิรมลทิน ถ้าเราพูดสิ่งหนึ่งขาว เรายอมรับว่า สิ่งนั้นมีสีขาวอยู่จำนวนหนึ่ง และ เมื่อเวลาผ่านพ้นไป สามารถเปรอะเปื้อนได้ แต่เมื่อเราพูดว่า: "โดยตัวของมันเอง สิ่งหนึ่งเป็นความขาว" เราเข้าใจว่า สิ่งนั้นต้องขาวอย่างถาวร และจะไม่เปลี่ยนสีอีกเลย สิ่งนั้นจะไม่มีวันเปรอะเปื้อน และจะเป็นสีขาวอยู่วันยังค่ำ
พระนางมารีอา ผู้ปฏิสนธินิรมลทินตลอดกาล จะไม่ตกอยู่ในอำนาจของซาตานเป็นอันขาด ขณะพระเยซูคริสตเจ้าตรัสว่า: "เราเป็นหนทาง ความจริง และชีวิต" พระนางยืนยันว่า พระนางเป็นการปฏิสนธินิรมลทิน เราจะได้เข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า ลำพังตัวเราเอง เราไม่สามารถมีการเกิดอย่างบริสุทธิ์ หรือความบริสุทธิ์ผุดผ่อง นอกจากเราต้องมีส่วนร่วมในการปฏิสนธินิรมลทินของพระนาง
ที่เมืองลูร์ดพระนางพรหมจารีมารีอาได้เสด็จลงมาจากสวรรค์ เพื่อยืนยันข้อความเชื่อแห่งการปฏิสนธินิรมลทินของพระนาง ในเวลาเดียวกันพระนางเตรียมเราสำหรับข้อความเชื่อที่ว่า: "พระนางมารีอา เป็นคนกลางระหว่างพระเป็นเจ้าและมนุษย์ และเป็นผู้แจกจ่ายพระหรรษทานทุกชนิดของพระองค์" การปฏิสนธินิรมลทินไม่เป็นเพียงสิ่งพิเศษสุด ที่พระเป็นเจ้าได้ประทานแก่พระนาง แต่เป็นของพระนางโดยธรรมชาติ นี่คือโครงการณ์ของพระเป็นเจ้าในการกอบกู้มนุษยชาติ และเป็นงานของเราที่จะต้องปลูกฝังความจริงนี้ในดวงใจของมนุษย์ทุกคน
การแยกพระเยซูเจ้าออกจากพระนางพรหมจารีมารีอา นำความเสียหายมาสู่ข้อลึกลับศักดิ์สิทธิ์มหัศจรรย์แห่งการไถ่บาปมนุษยชาติ ความศักดิ์สิทธิ์อย่างครบครันของพระนางมารีอา มีแหล่งกำเนิดมาจากการเป็นหนึ่งเดียวของพระนางกับพระตรีเอกภาพอันศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง: พระบุตรีของพระเป็นเจ้าพระบิดา พระมารดาของพระเป็นเจ้าพระบุตร และพระภัสดาของพระเป็นเจ้าพระจิต ขณะพระเป็นเจ้าทั้งครบประทับอยู่ในพระกายของพระเยซูคริสตเจ้า พระองค์ทรงสถิตอยู่ในครรภ์ของพระนางมารีอาเป็นเวลา 9 เดือน หายใจทางลมหายใจของพระนาง และมีชีวิตอยู่ในร่างกายของพระนาง ลำธารชีวิต ซึ่งหล่อเลี้ยงการเจริญเติบโตของพระเยซูเจ้า ไหลมาจากดวงพระทัยของพระนางมารีอา ด้วยทุกจังหวะการเต้นของชีพจรลำธารนั้นไหลกลับไป กลับเข้าไปในดวงพระทัยของพระนางมารีอา ฉะนั้น พระนางอุดมสมบูรณ์ไปด้วยจิตแห่งพระเทวภาพของพระองค์ ในการเป็นหนึ่งเดียวกันนั้น พระเยซูเจ้าได้ทำให้ดวงพระทัยของพระนางครบบริบูรณ์อย่างมหัศจรรย์สุดยอด
เรารู้ว่า คนถูกผีสิง พูด คิด และกระทำโดยปิศาจ เราจะต้องให้พระนางพรหมจารีมารีอาครอบครองตัวเรา โดยการถวายร่างกาย ความคิด และการกระทำของเราแด่พระนาง พระนางมารีอาจะได้คิด พูด และกระทำในตัวเรา โดยส่วนตัวและส่วนรวม เราจะต้องถวายชีวิตของเราและทุกสิ่งที่เป็นของเรา แด่การปฏิสนธินิรมลทินของพระนาง ในการเป็นหนึ่งเดียวกับพระนางมารีอา เราจะต้องกลายเป็นมารดา ผู้ให้กำเนิดบุตร ที่มีการปฏิสนธินิรมลทินในดวงใจและวิญญานของเขาทั้งหลายตลอดไป พระนางจะเข้าไปประทับอยู่ในดวงใจของเขาทั้งหลาย พระนางจะครอบครองดวงใจเหล่านั้นอย่างสิ้นเชิง และหล่อเลี้ยงเขาทั้งหลายในพระเยซูคริสตเจ้า และพระเยซูคริสตเจ้าในเขาทั้งหลาย เมื่อการปฏิสนธินิรมลทินของพระนางสถิตอยู่ในดวงใจของมนุษย์ พระนางจะสร้างบัลลังก์ของพระบุตรในดวงใจเหล่านั้น นำเขาทั้งหลายมารู้จักพระองค์ และจุดไฟในดวงใจของเขาทั้งหลายให้เร่าร้อน ด้วยความรักต่อพระองค์
การถวายตัวของเราโดยสิ้นเชิงแด่พระนางพรหมจารีมารีอา ช่วยปลูกฝังและเลี้ยงดูเรา ด้วยฤทธิ์กุศลจากการที่ พระนางตอบสนองน้ำพระทัยพระเป็นเจ้าอย่างครบครัน เราทุกคนถูกเรียกให้มีส่วนร่วมในการปฏิสนธินิรมลทินของพระนางมารีอา ครั้งแรกสิ่งนี้อาจฟังแล้วไม่ได้ศัพท์ หรือเป็นของใหม่ แต่ความจริงก็หนีความจริงไม่พ้น พระเป็นเจ้าได้สร้างมนุษย์ตามพระฉายาลักษณ์ของพระองค์ และได้เตรียมเราเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์อย่างลึกลับมหัศจรรย์ และเป็นหนึ่งเดียวกับเรากันเอง
โดยความเหย่อหยิ่งจองหอง การกระด้างกระเดื่อง และการไม่มีความเชื่อ อาดำและเอวาได้ทำบาปและสูญเสียเมืองสวรรค์ การเป็นหนึ่งเดียวของเราได้พังพินาศจบสิ้นไป ยกเว้นพระนางพรหมจารีมารีอา ผู้ปฏิสนธินิรมลทิน มนุษยชาติทุกคนได้สูญเสียชีวิตนิรันดร และติดบาปของมนุษย์คู่แรก ถ้าเราแต่ละคน โดยธรรมชาติของการเป็นหนึ่งเดียวกัน ได้มีส่วนร่วมในบาปของอาดำ เราจะไม่ถูกกำหนดให้มีส่วนร่วม ในการปฏิสนธินิรมลทินของพระนางมารีอาโดยเหตุผลเดียวกันหรือ? สิ่งนี้จะบรรลุผลสำเร็จอย่างไร? พระนางมารีอาจะปลูกฝังและเลี้ยงดูเรา โดยเป็นคนกลางระหว่างพระเป็นเจ้าและมนุษย์ ในการแจกจ่ายพระหรรษทานทุกชนิดของพระองค์แก่เรา ฤทธิ์กุศลทั้งหมด พระคุณต่างๆ ความรู้สึกท่าที และการผูกมัดอย่างเดียวกัน ซึ่งได้ปลูกฝังและหล่อเลี้ยงในพระนาง โดยพระหรรษทานแห่งการปฏิสนธินิรมลทินของพระนาง
ด้วยเหตุนี้ การปฏิสนธินิรมลทินของพระนางมารีอาเป็นสิ่งจำเป็นในการฟื้นฟูการเป็นหนึ่งเดียวของมนุษย์ ซึ่งเป็นขั้นแรกของการกอบกู้มนุษยชาติของพระเยซูคริสตเจ้า โดยการเป็นมารดาพระเจ้าของพระนางพรหมจารีมารีอา และโดยการถวายตัวเราอย่างสิ้นเชิงแด่พระนาง พระนางจะต่อสู้อย่างมีพระฤทธานุภาพกับความเหย่อหยิ่งจองหอง ความเห็นแก่ตัว และการกระด้างกระเดื่อง ซึ่งชาตานได้ปลูกฝังในตัวเราโดยบาปของอาดำ
ในโลก พระนางพรหมจารีมารีอาจะได้รับชัยชนะอันรุ่งเรืองสุกใสจากโลหิตของมรณะสักขี การวางใจอย่างสุภาพถ่อมตน และความอดทนในความทุกข์ยากลำบาก ลูกๆของพระนางมารีอา รวมกับคาทอลิกทั่วโลก และพระตรีเอกภาพอันศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง พร้อมกับเสียงของพระสันตปาปา ผู้แทนพระเยซูคริสตเจ้า จะประกาศทั่วโลกให้เป็นข้อความเชื่อ: พระนางมารีอาเป็นคนกลางระหว่างพระเป็นเจ้าและมนุษย์ และเป็นผู้แจกจ่ายพระหรรษทานทุกชนิดของพระเป็นเจ้า เพราะพระนางได้มีส่วนร่วมในการไถ่บาปของมนุษยชาติ ความจริง นี่เป็นการแซ่ซ้องชัยชนะแห่งพระสิริโรจนาของพระคริสตเจ้า จอมกษัตริย์ พระหรรษทานศักดิ์สิทธิกรจะท่วมผิวโลก และสันติสุขซึ่งพระคริสตเจ้าได้สัญญากับเราที่ฟาติมา จะสถิตอยู่กับทุกประเทศในโลก เราแต่ละคน ผู้สวดลูกประคำ อยู่ในกองทัพจักรวาล ได้รับมอบหมายให้ปลูกฝัง ความจริงแห่งการปฏิสนธินิรมล ในดวงวิญญานของมนุษย์ทุกชาติทุกภาษา ทุกยุคทุกสมัย แล้วเราจะได้รับสิริโรจนาชั่วนิรันดร ในการรับใช้พระราชินี สิ้นสุดดวงใจและเงินทองของเรา
" ในที่สุดดวงพระทัยปฏิสนธินิรมลทินของฉันจะมีชัยชนะ"
โลกและมนุษย์ทุกคน ที่ถวายตัวแด่ดวงพระทัยปฏิสนธินิรมลทินของพระนางพรหมจารีมารีอา จะรักพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูคริสตเจ้า ด้วยความรักสำหรับพระองค์แต่ผู้เดียว ที่หมดสิ้นความรักทุกสิ่งในโลกนี้ เป็นความรักของพระตรีเอกภาพอันศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง ที่ประทับอยู่ในดวงพระทัยปฏิสนธินิรมลทินของพระนางมารีอา ซึ่งหายใจในรักเพื่อรัก: พระเป็นเจ้าองค์เดียวรักพระองค์เอง
เราทุกคน ลูกของพระนางมารีอา ต้องเพียรพยายามมีส่วนคล้ายพระแม่ของเรา
บทภาวนา
ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทรงจัดให้พระนางพรหมจารีมารีย์ผู้ปฏิสนธินิรมล เป็นที่พำนักสมเกียรติของพระบุตร พระองค์ยังได้ทรงพิทักษ์รักษา พระนางให้พ้นมลทิลบาปทั้งสิ้นไว้ล่วงหน้า โดยเห็นแก่พระบารมีอันเนื่องจากการสิ้นพระชนม์ของพระบุตร ขอพระนางช่วยอ้อนวอนขอให้ข้าพเจ้าทั้งหลายเป็นผู้บริสุทธิ์สมจะได้พบพระองค์ด้วยเถิด ทั้งนี้ขอพึ่งพระบารมีพระเยซูคริสตเจ้า พระบุตรผู้ทรงจำเริญและครองราชย์ร่วมกับพระองค์และพระจิตตลอดนิรันดร อาแมน
ข้าแต่พระแม่ผู้ปฏิสนธินิรมล ช่วยวิงวอนเพื่อลูกทั้งหลาย
เพื่อWeb Newmana และเพื่อกลุ่มลูกแกะน้อยของพระคริสตเจ้าด้วยเทอญ
แก้ไขล่าสุดโดย Divine Mercy เมื่อ พุธ ธ.ค. 07, 2005 9:13 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ขอสรรเสริญ และถวายพระพรแด่พระเป็นเจ้าผู้ทรงพระกรุณาโปรดให้พระนางมารีย์ปฏิสนธินิรมล
อัลเลลูยา อัลเลลูยา อัลเลลูยา
ขอถวายพระพร พระแม่มารีย์ราชินีผู้ปฏิสนธินิรมล
ขอพระแม่จงทรงพระเจิรญในพระสิริโรจนาของพระตรีเอกภาพนิรันดรเทอญ
อัลเลลูยา อัลเลลูยา อัลเลลูยา
ขอถวายพระพร พระแม่มารีย์ราชินีผู้ปฏิสนธินิรมล
ขอพระแม่จงทรงพระเจิรญในพระสิริโรจนาของพระตรีเอกภาพนิรันดรเทอญ
วันที่ 9 ธันวาคม

ระลึกถึง/ไม่บังคับ
นักบุญยวง ดิเอโก ผู้รับการประจักษ์ของพระนางมารีย์แห่งกวาดาลูป
ยวง ดิเอโก ท่านเกิดในปี 1474เป็นคนยากจนมาตั้งแต่เกิดแต่ไม่ได้เป็นทาส ซึ่งในสมัยนั้นยังมีการแบ่งฐานะชนชั้นในสังคม ท่านทำงานเป็นคนงานในโรงนา, เป็นกรรมกรในไร่ และเป็นคนทอพรม ท่านเป็นฆราวาส สมรสแต่ท่านไม่มีบุตร ท่านเป็นผู้ที่มีฌานพิเศษ, เป็นผู้ที่เคร่งศาสนา และเป็นแม้กระทั่งผู้นอกรีต (ผู้ไม่ใช่คริสต์ศาสนิกชน) ท่านเป็นผู้ใหญ่ที่ได้กลับใจมาเป็นคริสต์ศาสนิกชนเมื่ออายุได้ประมาณ 50 ปี โดยใช้ชื่อว่า ยวง ดิเอโก ภรรยาของท่านเสียชีวิตลงในปี 1529
ในวันที่ 9 ธันวาคม ค.ศ. 1531 ท่านได้เห็นการประจักษ์ของพระนางพรหมจารีมารีอาที่กวาดาลูป แม่พระได้ทรงประทานรูปภาพไว้ให้แก่ท่านซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนามของพระแม่แห่งกวาดาลูปบนเสื้อคลุมของท่าน ท่านใช้เวลาในการเผยแพร่สารของแม่พระเป็นเวลา 17 ปี ท่านเสียชีวิตในวันที่ 30 พฤษภาคม 1548
เมื่อเกิดอัศจรรย์ครั้งที่สองทำให้ท่าน ยวง ดิเอโก ได้รับการรับรองให้ท่านได้เป็นนักบุญจากสมณะกระทรวงและได้รับกฤษฎีการับรองจากสมเด็จพระสันตปาปา จอห์น ปอล ที่สองในวันที่ 20 ธันวาคม ค.ศ. 2001
(แปลโดย เปโตร นิพนธ์)
บทภาวนา
ข้าแต่พระเจ้าผู้ทรงสรรพฤทธิ์ พระองค์ทรงโปรดประทานพระพรและเลือกสรรท่านนักบุญยวง ดิเอโก เป็นผู้รับการประจักษ์ของพระนางมารีย์แห่งกวาดาลูป เพราะท่านเป็นผู้ที่มีจิตใจที่ซื่อตรง และมีความเชื่อและดำเนินชีวิตด้วยความเรียบง่าย ขอพระองค์ให้ท่านช่วยวิงวอนเพื่อลูกทั้งหลายจะได้เลียนแบบฤทธิ์กุศลขอท่านเพื่อเป็นหนทานให้ลูกได้มีส่วนในแผ่นดินของพระองค์เถิด พระเจ้าข้า ทั้งนี้ขอพึ่งพระบารมี พระเยซูคริสตเจ้า พระบุตรผู้ทรงจำเริญและครองราชย์ร่วมกับพระองค์และพระจิตตลอดนิรันดรเทอญ อาแมน
ข้าแต่นักบุญยวง ดิเอโก ช่วยวิงวอนเพื่อลูกทั้งหลาย
เพื่อเว็บ Newmana และเพื่อกลุ่มลูกแกะน้อยของพระคริสตเจ้าด้วยเทอญ

ระลึกถึง/ไม่บังคับ
นักบุญยวง ดิเอโก ผู้รับการประจักษ์ของพระนางมารีย์แห่งกวาดาลูป
ยวง ดิเอโก ท่านเกิดในปี 1474เป็นคนยากจนมาตั้งแต่เกิดแต่ไม่ได้เป็นทาส ซึ่งในสมัยนั้นยังมีการแบ่งฐานะชนชั้นในสังคม ท่านทำงานเป็นคนงานในโรงนา, เป็นกรรมกรในไร่ และเป็นคนทอพรม ท่านเป็นฆราวาส สมรสแต่ท่านไม่มีบุตร ท่านเป็นผู้ที่มีฌานพิเศษ, เป็นผู้ที่เคร่งศาสนา และเป็นแม้กระทั่งผู้นอกรีต (ผู้ไม่ใช่คริสต์ศาสนิกชน) ท่านเป็นผู้ใหญ่ที่ได้กลับใจมาเป็นคริสต์ศาสนิกชนเมื่ออายุได้ประมาณ 50 ปี โดยใช้ชื่อว่า ยวง ดิเอโก ภรรยาของท่านเสียชีวิตลงในปี 1529
ในวันที่ 9 ธันวาคม ค.ศ. 1531 ท่านได้เห็นการประจักษ์ของพระนางพรหมจารีมารีอาที่กวาดาลูป แม่พระได้ทรงประทานรูปภาพไว้ให้แก่ท่านซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนามของพระแม่แห่งกวาดาลูปบนเสื้อคลุมของท่าน ท่านใช้เวลาในการเผยแพร่สารของแม่พระเป็นเวลา 17 ปี ท่านเสียชีวิตในวันที่ 30 พฤษภาคม 1548
เมื่อเกิดอัศจรรย์ครั้งที่สองทำให้ท่าน ยวง ดิเอโก ได้รับการรับรองให้ท่านได้เป็นนักบุญจากสมณะกระทรวงและได้รับกฤษฎีการับรองจากสมเด็จพระสันตปาปา จอห์น ปอล ที่สองในวันที่ 20 ธันวาคม ค.ศ. 2001
(แปลโดย เปโตร นิพนธ์)
บทภาวนา
ข้าแต่พระเจ้าผู้ทรงสรรพฤทธิ์ พระองค์ทรงโปรดประทานพระพรและเลือกสรรท่านนักบุญยวง ดิเอโก เป็นผู้รับการประจักษ์ของพระนางมารีย์แห่งกวาดาลูป เพราะท่านเป็นผู้ที่มีจิตใจที่ซื่อตรง และมีความเชื่อและดำเนินชีวิตด้วยความเรียบง่าย ขอพระองค์ให้ท่านช่วยวิงวอนเพื่อลูกทั้งหลายจะได้เลียนแบบฤทธิ์กุศลขอท่านเพื่อเป็นหนทานให้ลูกได้มีส่วนในแผ่นดินของพระองค์เถิด พระเจ้าข้า ทั้งนี้ขอพึ่งพระบารมี พระเยซูคริสตเจ้า พระบุตรผู้ทรงจำเริญและครองราชย์ร่วมกับพระองค์และพระจิตตลอดนิรันดรเทอญ อาแมน
ข้าแต่นักบุญยวง ดิเอโก ช่วยวิงวอนเพื่อลูกทั้งหลาย
เพื่อเว็บ Newmana และเพื่อกลุ่มลูกแกะน้อยของพระคริสตเจ้าด้วยเทอญ
แก้ไขล่าสุดโดย Divine Mercy เมื่อ พุธ ธ.ค. 07, 2005 9:24 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.