ผมกำลังแสวงหาอะไรอยู่?

ปรับทุกข์ หนุนใจ ขอคำภาวนา
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

พฤหัสฯ. ม.ค. 05, 2006 6:38 pm

sakda88 เขียน: และ Batholomew *thx ด้วยครับ
ไม่เป็นไรครับ อย่างไรซะเราก็พี่น้องกันนะครับ
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

พฤหัสฯ. ม.ค. 05, 2006 10:36 pm

ต้องขอบคุณพระที่ช่วยให้สงบใจได้ :)

ตอนนี้เป็นช่วงการเปลี่ยนแปลงในชีวิต เราจะรู้สึกสับสน ทำอะไรไม่ถูกไปพักนึง แต่เดี๋ยวก็จะดีเองค่ะ ;)

ลองอ่านหนังสือเล่มนี้ดีมั้ยคะ "Who Moved My Cheese?" มีฉบับแปลเป็นไทยด้วยชื่อ "ใครเอาเนยแข็งฉันไป" เล่มนี้แม่ซื้อให้พ่ออ่านตอนพ่อเกษียณ คือพอจากคนเคยทำงาน แล้วต้องหยุดทำนี่มันเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เหมือนกัน ตอนนั้นคุณพ่อทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน ได้อ่านเล่มนี้ ก็เลยเข้าใจตัวเองมากขึ้น และก็สามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนั้นได้ :)
sakda88
โพสต์: 317
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มิ.ย. 30, 2005 11:52 am
ที่อยู่: Bangkok

ศุกร์ ม.ค. 06, 2006 11:50 pm

Holy เขียน: อย่าคิดมากครับ พระเจ้าเท่านั้นกำหนดทุกอย่าง และไม่มีใครล่วงรู้พระประสงค์หรอกครับ อย่าเชื่อใครที่บอกว่ารู้อนาคต หรือบอกให้ถือเคล็ดถือลาง แล้วจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ พระเจ้าเท่านั้นที่ทรงกระทำให้ทุกอย่างเป็นไปตามพระประสงค์

จงเชื่อแต่ผู้ที่ควรเชื่อครับ
ทำอย่างไร ? ถึงจะเชื่อเช่นนี้ได้อย่างจริงจัง ส่วนหนึ่งครอบครัวผมพึ่งหมอดูกันค่อนข้างมาก และผมกำลังเชื่อในบางส่วน มันให้แนวทางบางอย่างเท่านั้น เป็นความจริงที่ไม่มีใครรู้อนาคต แต่คำพยากรณ์บางเรื่องก็ใกล้เคียงมาก บางเรื่องเท่านั้น
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

เสาร์ ม.ค. 07, 2006 12:16 am

sakda88 เขียน:
Holy เขียน: อย่าคิดมากครับ พระเจ้าเท่านั้นกำหนดทุกอย่าง และไม่มีใครล่วงรู้พระประสงค์หรอกครับ อย่าเชื่อใครที่บอกว่ารู้อนาคต หรือบอกให้ถือเคล็ดถือลาง แล้วจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ พระเจ้าเท่านั้นที่ทรงกระทำให้ทุกอย่างเป็นไปตามพระประสงค์

จงเชื่อแต่ผู้ที่ควรเชื่อครับ
ทำอย่างไร ? ถึงจะเชื่อเช่นนี้ได้อย่างจริงจัง ส่วนหนึ่งครอบครัวผมพึ่งหมอดูกันค่อนข้างมาก และผมกำลังเชื่อในบางส่วน มันให้แนวทางบางอย่างเท่านั้น เป็นความจริงที่ไม่มีใครรู้อนาคต แต่คำพยากรณ์บางเรื่องก็ใกล้เคียงมาก บางเรื่องเท่านั้น
ผมนี่แหละตะก่อนก็แอบๆเชื่อว่าเขาทายได้จริง แต่ตอนนี้ผมไม่สนแล้ว เพราะตอนนี้เดินกับพระเยซู ทุกก้าวอยู่ในสายพระเนตรของพระองค์ และพระองค์ทรงเปลี่ยนชีวิตผมใหม่หมด ตอนนี้ไม่มีหมอดูคนไหนในโลกดูดวงผมได้ออกอีกแล้ว นับแต่วันที่ผมถวายทุกอย่างแด่พระองค์ อะไรที่เคยมีหมอดูที่ไหนทายมา ไม่เกิดอีกเลย นี่คือความจริง ดังนั้นปัจจุบันผมมีสันติสุขยิ่งว่าเมื่อก่อนซะอีก เพราะตอนนี้ชีวิตผมไม่ได้เดินตามดวงแต่เดินตามพระประสงค์ มันเกิดขึ้นจริงในชีวิตของผมเอง ทุกวัน หมอดูทำได้แค่ดูและแม้แต่เดา แต่คนที่รู้ทุกอย่างโดยสมบูรณ์จริงๆคือพระเจ้าเท่านั้น และมีพระองค์ผุ้เดียวที่เปลี่ยนทุกอย่างได้ ดังนั้นหมอดูก็เหมือนคนที่อาจแอบได้ยินว่าค่ำนี้แม่จะทำกับข้าวอะไร เขาทำได้แค่เอามาบอก แต่แม่สามารถเปลี่ยนใจทำของโปรดของลูกได้ถ้าลูกขอ และที่สำคัญ แม่เลือกทำของที่มีคุณค่าให้ลูกเสมอ นี่คือความวางใจในพระบิดาที่รักเรายิ่งกว่าแม่ของเรา และมีฤทธินุภาพมากกว่าคนแอบฟังที่ทำอะไรไม่ได้นอกจากแอบเอาความลับมาคายมากมายหลายเท่า

ชีวิตคุณอยู่ในพระหัตถ์พระองค์ คุณลองถามอี๊พิมสิครับว่าพระเจ้าทำการอัศจรรย์อะไรกับผมที่อเมริกา ไม่มีหมอดูคนไหนหรือใครจะหยั่งรู้พระประสงค์ได้เลย อัศจรรย์เกิดทุกวันพระองค์เปลี่ยนชีวิตใครก็ได้ถ้าทรงพอพระทัย ดังนั้นเมื่อเราเป็นบุตรของกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่กำหนดทุกอย่างของประเทศ เราจะสนทำไมกับทหารชั้นประทวนที่แอบเอาเรื่องที่ได้ยินในวังมาซุบซิบกัน พ่อเรารู้จริงยิ่งกว่าเขาอีก

กท 4:1-11 บุตรของพระเจ้า
4 (1)จะพูดอีกนัยหนึ่งว่า ตลอดเวลาที่ทายาทคนหนึ่งยังเป็นเด็ก เขาก็ไม่แตกต่างอะไรจากทาสเลย ทั้ง ๆ ที่เป็นนายของทรัพย์สินทั้งหมด (2)เขายังต้องถูกผู้ปกครองและผู้จัดการควบคุมดูแลจนกว่าจะถึงเวลาที่บิดากำหนดไว้ (3)พวกเราก็เช่นเดียวกัน เมื่อยังเป็นเด็ก เราก็เป็นทาสของบรรดาจิตที่ควบคุมโลกนี้อยู่ (4)แต่เมื่อถึงเวลาที่กำหนดไว้ พระเจ้าทรงส่งพระบุตรของพระองค์ให้มาบังเกิดจากหญิงผู้หนึ่ง เกิดมาอยู่ใต้ธรรมบัญญัติ (5)เพื่อทรงไถ่ผู้ที่อยู่ใต้ธรรมบัญญัติ และทำให้เราได้เป็นบุตรบุญธรรม (6)ข้อพิสูจน์ว่าท่านทั้งหลายเป็นบุตรก็คือพระเจ้าทรงส่งพระจิตของพระบุตรลงมาในดวงใจของเรา พระจิตผู้ตรัสด้วยเสียงอันดังว่า
sakda88
โพสต์: 317
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มิ.ย. 30, 2005 11:52 am
ที่อยู่: Bangkok

จันทร์ ม.ค. 09, 2006 7:38 am

Holy เขียน:
ตอนนี้ไม่มีหมอดูคนไหนในโลกดูดวงผมได้ออกอีกแล้ว นับแต่วันที่ผมถวายทุกอย่างแด่พระองค์ อะไรที่เคยมีหมอดูที่ไหนทายมา ไม่เกิดอีกเลย นี่คือความจริง ดังนั้นปัจจุบันผมมีสันติสุขยิ่งว่าเมื่อก่อนซะอีก
ชีวิตคุณอยู่ในพระหัตถ์พระองค์
จะลองปฏิบัติตามครับ *thx
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

อังคาร ม.ค. 10, 2006 7:08 am

ชอบที่พี่โฮลี่บอกว่า "เราจะสนทำไมกับทหารชั้นประทวนที่แอบเอาเรื่องที่ได้ยินในวังมาซุบซิบกัน พ่อเรารู้จริงยิ่งกว่าเขาอีก " :)

แต่ก่อนก็ชอบดูหมอเหมือนกัน ก็มาสังเกตุตัวเองทีหลังว่า ที่เราดูหมอเพราะเรารู้สึกขาดที่พึ่ง และก็รู้สึกไม่มั่นคง ก็เลยทำให้เราต้องไปพึ่งสิ่งเหล่านี้

ตอนที่ตัดสินใจมอบทุกอย่างไว้กับพระองค์ ตอนนั้นจำได้ เอาพวกกระดาษที่เคยผูกดวงเอาไว้มาฉีกทิ้งหมด แล้วก็เอาเศษไปวางไว้ที่ใต้หอกรูปปั้นอัครเทวดามิคาเอล ให้ท่านทำลายอำนาจฝ่ายต่ำนี้ทั้งหมด จากนั้น จำไม่ได้ว่า เอาไปเผาทิ้งหรือทิ้งในชักโครกก็ไม่รู้ ;D และก็จริอย่างที่พี่โฮลี่บอก จากนั้นสิ่งที่เค้าทำนายก็ไม่เป็นจริงอีกเลย

เรื่องผูกดวงนี่ก็เป็นอุปสรรคในการทำงานของพระจิตเจ้าเหมือนกันนะคะ เหมือนกับเราไปสร้างความสัมพันธ์กับอำนาจฝ่ายต่ำโดยที่เราไม่รู้ตัว ทางที่ดี เอาพวกกระดาษที่เคยผูกดวงไว้มาฉีกทิ้งให้หมดดีกว่าค่ะ พระจิตเจ้าจะได้ทำงานได้สะดวกขึ้น :)
แก้ไขล่าสุดโดย Buddy เมื่อ อังคาร ม.ค. 10, 2006 7:10 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
sakda88
โพสต์: 317
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มิ.ย. 30, 2005 11:52 am
ที่อยู่: Bangkok

พุธ ม.ค. 11, 2006 12:19 am

Buddy เขียน:
เรื่องผูกดวงนี่ก็เป็นอุปสรรคในการทำงานของพระจิตเจ้าเหมือนกันนะคะ เหมือนกับเราไปสร้างความสัมพันธ์กับอำนาจฝ่ายต่ำโดยที่เราไม่รู้ตัว ทางที่ดี เอาพวกกระดาษที่เคยผูกดวงไว้มาฉีกทิ้งให้หมดดีกว่าค่ะ พระจิตเจ้าจะได้ทำงานได้สะดวกขึ้น :)
เผาทิ้งเท่าที่หาเจอ ;D ;) :-*
Buddy.

พุธ ม.ค. 11, 2006 12:52 am

sakda88 เขียน:
Buddy เขียน:
เรื่องผูกดวงนี่ก็เป็นอุปสรรคในการทำงานของพระจิตเจ้าเหมือนกันนะคะ เหมือนกับเราไปสร้างความสัมพันธ์กับอำนาจฝ่ายต่ำโดยที่เราไม่รู้ตัว ทางที่ดี เอาพวกกระดาษที่เคยผูกดวงไว้มาฉีกทิ้งให้หมดดีกว่าค่ะ พระจิตเจ้าจะได้ทำงานได้สะดวกขึ้น :)
เผาทิ้งเท่าที่หาเจอ ;D ;) :-*
:o แสดงว่ามีเยอะมาก :o
:+: seraphim :+:
~@
โพสต์: 7624
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
ที่อยู่: Pattaya Chonburi

พฤหัสฯ. ม.ค. 12, 2006 5:57 pm

8) 8) กิจใช้โทษที่หลงผิด อ่านพระคัมภีร์เก่า-ใหม่ 1 รอบค่ะ แล้วเราจะยกโทษให้ เฮิ๊กส์ๆๆๆๆๆๆ ;D ;D ;D
sakda88
โพสต์: 317
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มิ.ย. 30, 2005 11:52 am
ที่อยู่: Bangkok

ศุกร์ ม.ค. 13, 2006 8:46 pm

ผมต้องเตือนตนเองอยู่เสมอว่าผมได้มอบทุกสิ่งแด่พระเจ้าแล้ว
และความจริงคือเราไม่เคยมีอะไรเลยนอกจากสิ่งที่พระเจ้าประทานให้
แก้ไขล่าสุดโดย sakda88 เมื่อ ศุกร์ ม.ค. 13, 2006 8:52 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

ศุกร์ ม.ค. 13, 2006 10:16 pm

บางทีการเตือนตัวเองจากคำพูดที่ได้ยินมา หรือจากที่คนอื่นพูดมา ก็ไม่ค่อยเข้าถึงส่วนลึกในใจเราเท่าไหร่ :) คนที่เค้าพูดแบบนั้นได้ เพราะพระจิตเจ้าดลใจ และทำให้เค้าคิดได้แบบนั้นจริงๆเลยพูดออกมา

ลองพยายามคิดจากข้างใน พยายามเป็นตัวของตัวเองก่อนดีมั้ยคะ เช่น ลึกๆในใจอยากรวย อยากมีเงินเยอะๆ ก็บอกพระไปแบบนั้น อาจจะไม่ใช่แบบอย่างที่พระศาสนจักรสอน แต่นี่คือตัวเรา อย่างน้อยเราก็ได้เปิดใจกับพระ ไม่ต้องอาย ถ้าเราไม่เปิดใจ มันก็เหมือนมีอะไรเคลือบๆอยู่ พระจะเข้าไปทำงานในตัวเราคงยาก และกว่าจะทำใจได้ว่า ทุกอย่างมาจากพระ ก็ยากเต็มที คำพูดว่า ทุกอย่างมาจากพระ ก็จะเป็นเพียงคำพูดปลอบใจ ไม่ใช่สิ่งที่เรารู้สึกจริงๆ

บางทีเราพูดออกไปว่า เราเป็นคนบาป พอถามว่า บาปยังไง นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก เพราะอะไร เพราะนั่นเป็นสิ่งที่เราได้ยินมา ได้รับการสอนมาแบบนั้น แต่ถ้าเราไม่มีประสบการณ์ในการเป็นทุกข์ถึงบาป เราก็ไม่มีวันที่จะพูดออกมาจากใจของเราจริงๆได้ว่า เราคือคนบาป

คริสตศาสนาคือศาสนาแห่งประสบการณ์ เราต้องมีประสบการณ์กับพระ (อันนี้คำพูดพ่อประเสริฐ มหาไถ่) เหมือนกับการคบใครซักคนที่เราต้องเปิดใจกับเค้า ไม่งั้นเราก็ไม่มีวันได้รู้จักเค้า

เป็นตัวของตัวเองดีกว่าค่ะ แล้วบอกพระองค์ไปแบบนั้น พระองค์จะแก้ไขเราเอง ถ้าพระองค์ไม่ชอบให้เราเป็นแบบนั้น :)

(พี่อย่าว่าหนูสอนเยอะเลยนะคะ หนูแค่อยากแบ่งปันประสบการณ์ที่ได้เรียนรู้มาเท่านั้นเอง :))
sakda88
โพสต์: 317
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มิ.ย. 30, 2005 11:52 am
ที่อยู่: Bangkok

เสาร์ ม.ค. 14, 2006 11:13 pm

Buddy เขียน: ลองพยายามคิดจากข้างใน พยายามเป็นตัวของตัวเองก่อนดีมั้ยคะ เช่น ลึกๆในใจอยากรวย อยากมีเงินเยอะๆ ก็บอกพระไปแบบนั้น อาจจะไม่ใช่แบบอย่างที่พระศาสนจักรสอน แต่นี่คือตัวเรา อย่างน้อยเราก็ได้เปิดใจกับพระ ไม่ต้องอาย ถ้าเราไม่เปิดใจ มันก็เหมือนมีอะไรเคลือบๆอยู่ พระจะเข้าไปทำงานในตัวเราคงยาก และกว่าจะทำใจได้ว่า ทุกอย่างมาจากพระ ก็ยากเต็มที คำพูดว่า ทุกอย่างมาจากพระ ก็จะเป็นเพียงคำพูดปลอบใจ ไม่ใช่สิ่งที่เรารู้สึกจริงๆ


คริสตศาสนาคือศาสนาแห่งประสบการณ์ เราต้องมีประสบการณ์กับพระ (อันนี้คำพูดพ่อประเสริฐ มหาไถ่) เหมือนกับการคบใครซักคนที่เราต้องเปิดใจกับเค้า ไม่งั้นเราก็ไม่มีวันได้รู้จักเค้า

เป็นตัวของตัวเองดีกว่าค่ะ แล้วบอกพระองค์ไปแบบนั้น พระองค์จะแก้ไขเราเอง ถ้าพระองค์ไม่ชอบให้เราเป็นแบบนั้น :)
เป็นคำแนะนำที่ดีนะ ลึกๆในใจอยากรวย อยากมีเงินเยอะๆ เป็นอย่างนั้นจริง ๆ แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกไม่มีประโยชน์อะไรมากนักที่จะมีเงินเยอะ ๆ มันขัดแย้งกันอยู่ มันเลยเป็นคำถามที่ถามตัวเองว่ากำลังแสวงหาอะไรอยู่ ?
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

เสาร์ ม.ค. 14, 2006 11:37 pm

ก็บอกไปตรงๆว่า จริงๆแล้วอยากรวย อยากมีเงิน แต่ก็ขัดๆอะไรอยู่ในตัวเอง ไม่รู้ว่าอะไร ยังสับสนอยู่

แล้วพระองค์ก็จะขจัดความสับสนในใจเราค่ะ :)

ตัวหนูเองก็เคยสับสนเหมือนกัน ก็สวดภาวนาอยู่ประมาณนึง แต่ดูเหมือนยังสวดไม่พอ พระองค์ก็ได้จัดให้มีคนมาช่วยสวดให้ สุดท้ายก็หลุดจากความสับสนนั้น ตอนนั้นก็พยายามวิเคราะห์ตัวเอง เท่าไหร่ก็ไม่ได้คำตอบ สุดท้ายก็หลุดได้ด้วยคำภาวนา

วันอังคารนี้ก็ลองไปรับพระจิตดูอีกครั้งนะคะ รับบ่อยๆ เปิดใจมากๆ น่าจะดีขึ้น :)
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

เสาร์ ม.ค. 14, 2006 11:45 pm

และถึงแม้สิ่งที่เราขอ อาจดูไม่เป็นประโยชน์ หรือไม่ตรงกับที่พระศาสนจักรสั่งสอน แต่นั่นคือตัวเรา คือการเปิดใจของเรา เปิดส่วนลึกในใจ ได้ไม่ได้ เหมาะสมไม่เหมาะสม เป็นเรื่องของพระเป็นเจ้าที่จะให้เรา ไม่ใช่เรื่องที่เราไปพิจารณา

เคยอ่าน มีคนเคยอธิษฐานว่า อยากกินเบียร์ได้เยอะๆ อยากกินเบียร์มาก แต่สุขภาพไม่อำนวย :)

คำภาวนานี้แปลก คนคงหาว่า บ้า ไปขออะไรพระเจ้าแบบนั้น มีแต่คนขอให้เลิกเหล้า แต่นั่นคือ สิ่งที่เค้าต้องการ นั่นคือการเปิดเผยส่วนลึกในจิตใจของเค้า คือความต้องการของเค้า

สุดท้าย สิ่งที่เค้าได้ คือ ลูกชายเค้าที่มีปัญหากลับดีขึ้น คือเค้ากลุ้มใจมานานจนลืมลูกชายไปแล้วไงคะ กินแต่เหล้า ..... แต่การที่เค้าเปิดใจกับพระองค์ พระองค์กลับให้สิ่งที่ดีที่สุดและเหมาะสมกับเค้า พอครอบครัวดี ไม่กลุ้มใจ เค้าก็กินเหล้าน้อยลง จนเลิกในที่สุด :)
sakda88
โพสต์: 317
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มิ.ย. 30, 2005 11:52 am
ที่อยู่: Bangkok

จันทร์ ม.ค. 16, 2006 3:21 pm

*thx *thx *thx Buddy ผมอ่านทวนหลายรอบกับคำแนะนำหลัง ๆ และเริ่มลองดูบ้างแล้ว
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

จันทร์ ม.ค. 16, 2006 10:24 pm

ขอบคุณพระนะคะ :D

หนูอยากให้พี่ไปมิสซาพระจิตทุกวันอังคารนะคะ กับคุณพ่อวิจิตรนั่นแหละค่ะ ก่อนไปก็อธิษฐานต่อพระจิตเจ้าแบบตรงไปตรงมา และก็แก้บาปก่อนไป :) และก็อย่าเครียด อย่ากังวล เราไปรับพระพรจากพระ ถ้าเราเครียด เรากังวล พระพรก็มาสู่เราได้ไม่เต็มที่

หนูเพิ่งไปดูหนังมาเรื่องนึง ไม่รู้เมืองไทยเข้ารึยัง รึว่า อาจจะออกไปแล้วก็ได้ ไม่แน่ใจ ;D คือเรื่อง Last Holiday ดูแล้วได้ข้อคิด บางครั้งพระเป็นเจ้าต้องการให้ชีวิตเรามีการเปลี่ยนแปลง เพียงเพราะพระองค์ต้องการให้รางวัลเรา ต้องการให้พระพร หรือ ของขวัญกับเรา เราต้องเปลี่ยน ไม่งั้นเรารับพระพรไม่ได้ ถ้าเราไม่ยอมเปลี่ยนแปลงชีวิต พระองค์ก็อาจต้องใช้วิธีการรุนแรงกับเรา ให้เรายอมที่จะเปลี่ยนแปลง :) ในเรื่องตัวละครเปลี่ยนจากคนที่ใช้ชีวิตไม่เต็มที่ กระเหม็ดกระแหม่ ไม่กล้าทำตามฝัน ไปเป็นคนที่ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ :)

http://www.lastholidaymovie.com/

ลองไปดูนะคะ หนังตลกมาก และให้ข้อคิดด้วย ;)
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

อังคาร ม.ค. 17, 2006 9:55 pm

เสริมอีกนิดเรื่องการเปลี่ยนจิตใจเพื่อรับพระหรรษทานใหม่ :)

มก 2:22 ไม่มีใครใส่เหล้าองุ่นใหม่ลงในถุงหนังเก่าเพราะเหล้าจะทำให้ถุงหนังขาด ทั้งเหล้า ทั้งถุงก็จะเสียไป แต่ต้องใส่เหล้าใหม่ลงในถุงหนังใหม่
sakda88
โพสต์: 317
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มิ.ย. 30, 2005 11:52 am
ที่อยู่: Bangkok

พฤหัสฯ. ม.ค. 19, 2006 8:55 pm

วัน 2วันที่ผ่านมาได้เฝ้าดูตัวเองเห็นความเห็นแก่ตัวของตนเองชัดมาก เราจะไม่ค่อยอยากทำอะไรนักถ้าเราไม่ได้ประโยชน์ และไม่แปลกใจในความเห็นแก่ตัวของคนอื่นมันก็เป็นเช่นเดียวกัน

เราทุกคนเป็นคนบาปเพราะเราทำในสิ่งที่เราว่าคนอื่นไม่สมควรทำกับเราและเราทำกับคนอื่นได้

ผมสังเกตเรื่องนี้มาหลายครั้งแล้วจนผมไม่กล้าว่าอะไรใคร เพราะผมก็ทำเหมือนกันหลังจากนั้น

แค่บ่นนะ
B^o^w

ศุกร์ ม.ค. 20, 2006 12:46 pm

อ่านที่คุณBuddy เขียนแล้วทำให้นึกตัวเองจัง
เมื่อก่อนก้อเคยขออะไรตลกๆเหมือนกันค่ะ
ขอพระเยซูเจ้าบอกว่า
ขอให้หนูพูดชัดๆ
เพราะตอนอนุบาลนี่ พูดไม่ชัดอย่างแรงเลย
ค ควาย ก็อ่านเป็น ซ ซาย
ฟ ฟัน เป็น ซ ซัน
แต่ในที่สุดความฝันก็เป็นจริงจนได้
ข้าพเจ้าพูดชัดแล้ว 555555++

[[จริงๆ พระเยซูเจ้าอาจจะฟังเราสวดไม่ค่อยรุ้เรื่อง
เลยประมาณว่า เอ้าๆ มาๆๆ เดี๋ยวเราจะทำให้พูดชัดๆซักที;D ;D ;D]]
sakda88
โพสต์: 317
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มิ.ย. 30, 2005 11:52 am
ที่อยู่: Bangkok

ศุกร์ ม.ค. 20, 2006 12:48 pm

คำสัญญา ผมระวังคำพูดคำสัญญาของผมมากเท่าไหร่ก็ตาม มีส่วนหนึ่งที่ผมไม่ปฏิบัติตามแล้วผมต่างจากคนอื่นที่พร่ำความหวังให้ผู้อื่นอย่างพร่ำเพรื่ออย่างไร

ความซื่อสัตย์ บางครั้งบางคราวต้องเลี่ยงที่จะพูดความจริง แล้วจะต่างจากคนพูดปดเป็นอาจินต์อย่างไร

ผมยิ่งสารภาพบาปบ่อยแค่ไหนผมรู้ว่าผมผิดสัญญาบ่อยแค่นั้นและผมรู้ว่าผมต้องสารภาพบาปไปเรื่อย ๆเรื่อย ๆ จนกว่าผมจะรักษาสัญญาของผมได้

แค่บ่นนะ
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

เสาร์ ม.ค. 21, 2006 5:15 am

ฟ้าคราม เขียน: อ่านที่คุณBuddy เขียนแล้วทำให้นึกตัวเองจัง
เมื่อก่อนก้อเคยขออะไรตลกๆเหมือนกันค่ะ
ขอพระเยซูเจ้าบอกว่า
ขอให้หนูพูดชัดๆ
เพราะตอนอนุบาลนี่ พูดไม่ชัดอย่างแรงเลย
ค ควาย ก็อ่านเป็น ซ ซาย
ฟ ฟัน เป็น ซ ซัน
แต่ในที่สุดความฝันก็เป็นจริงจนได้
ข้าพเจ้าพูดชัดแล้ว 555555++

[[จริงๆ พระเยซูเจ้าอาจจะฟังเราสวดไม่ค่อยรุ้เรื่อง
เลยประมาณว่า เอ้าๆ มาๆๆ เดี๋ยวเราจะทำให้พูดชัดๆซักที;D ;D ;D]]
น่ารักจังเลยค่ะ ;D ตัวเองล้างบาปตอนโต ก็เลยไม่มีเรื่องราวกับพระองค์ในตอนเด็ก

ถึงจะเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ก็เป็นสิ่งที่เราต้องการมากที่สุด :) เราก็จะสามารถเปิดใจกับพระได้จริงใจที่สุด ไม่มีอะไรปิดบัง .... ขอบคุณที่มาเล่าให้ฟังค่ะ :)
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

เสาร์ ม.ค. 21, 2006 5:17 am

sakda88 เขียน: คำสัญญา ผมระวังคำพูดคำสัญญาของผมมากเท่าไหร่ก็ตาม มีส่วนหนึ่งที่ผมไม่ปฏิบัติตามแล้วผมต่างจากคนอื่นที่พร่ำความหวังให้ผู้อื่นอย่างพร่ำเพรื่ออย่างไร

ความซื่อสัตย์ บางครั้งบางคราวต้องเลี่ยงที่จะพูดความจริง แล้วจะต่างจากคนพูดปดเป็นอาจินต์อย่างไร

ผมยิ่งสารภาพบาปบ่อยแค่ไหนผมรู้ว่าผมผิดสัญญาบ่อยแค่นั้นและผมรู้ว่าผมต้องสารภาพบาปไปเรื่อย ๆเรื่อย ๆ จนกว่าผมจะรักษาสัญญาของผมได้

แค่บ่นนะ
อย่าเครียดกับชีวิตมาก และก็ไม่ต้องทำอะไรให้มันเพอร์เฟกมาก ยิ่งพยายามไม่ให้มีข้อบกพร่องเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีมากเท่านั้น :D

สบายๆ เดี๋ยวดีเองค่ะ :)
sakda88
โพสต์: 317
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มิ.ย. 30, 2005 11:52 am
ที่อยู่: Bangkok

เสาร์ ม.ค. 21, 2006 9:36 pm

ผมไม่ได้แสวงหาความสมบรูณ์แบบหรอก ผมเฝ้าดูความเป็นมนุษย์ของผมเท่านั้น โดยมองจากคนอื่นแล้วย้อนมามองตนเอง สิ่งที่เห็นคือผมไม่ได้แตกต่างจากคนอื่นเลย ผมมีสิ่งที่ดีและไม่ดีเหมือนคนอื่น และยังทำบาปอยู่เสมอ ๆ เปลี่ยนแปลง แปรปรวน เอาแน่เอานอนไม่ได้

วันนี้ผมหยิบหนังสือ

กุญแจแห่งการเจริญรุ่งเรือง
ชัยชนะต่ออุปสรรคด้านการเงิน
พระเจ้าต้องการให้คุณเจริญรุ่งเรือง
พระเจ้าไม่ต้องการให้คุณยากจน

the key to prosperity
กรกมล มาลากุล ณ อยุธยา มาอ่านอีกครั้งหนึ่ง
Buddy.

อาทิตย์ ม.ค. 22, 2006 12:41 am

Well, in fact, I didn't mean anything.. just want to keep you company... I don't want to see you talking alone.. :D Don't take it so serious.... :)

Anyway, just keep thinking and reading.. *no1
จอมนางกระบี่เดี่ยว
โพสต์: 1159
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มิ.ย. 13, 2005 2:03 pm

อาทิตย์ ม.ค. 22, 2006 12:33 pm

น้องบัดดี้ นี่น่ารักเนอะ ใส่ใจคนอื่นดีจังเลย เนี่ยแหละ คือวิธีการหนึ่งที่จะนำพระคริสต์เจ้าไปสู่โลก

ว่าแต่น้องเรียนไร ที่ไหนอ่ะ เผื่อพี่ตามไปเรียน ตอนนี้กำลังพยายามฟื้นฟูภาษาปะกิตตัวเองสุดฤทธิ์อยู่ ไม่รู้ 1 ปี จะรอดหรือเปล่า
sakda88
โพสต์: 317
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มิ.ย. 30, 2005 11:52 am
ที่อยู่: Bangkok

อาทิตย์ ม.ค. 22, 2006 10:55 pm

Buddy,may be it's time to improve myself in English. By now I try to translate my idea to English.
Thank you for your kind. I try to read English Bible Catholic version. I can understand some of them
and very slow to read them. No use Dictionary. So I pass some word I didn't understant.
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

จันทร์ ม.ค. 23, 2006 10:17 am

จอมนางกระบี่เดี่ยว เขียน: น้องบัดดี้ นี่น่ารักเนอะ ใส่ใจคนอื่นดีจังเลย เนี่ยแหละ คือวิธีการหนึ่งที่จะนำพระคริสต์เจ้าไปสู่โลก

ว่าแต่น้องเรียนไร ที่ไหนอ่ะ เผื่อพี่ตามไปเรียน ตอนนี้กำลังพยายามฟื้นฟูภาษาปะกิตตัวเองสุดฤทธิ์อยู่ ไม่รู้ 1 ปี จะรอดหรือเปล่า
ชมซะเยอะเลย :D หนูเป็นพี่คนโตค่ะ ก็เลยติดดูแลน้อง :D แต่บางคนก็ไม่ชอบหรอกค่ะ บางทีเค้าก็รำคาญ :D

เรียนที่ Marquette University (Milwaukee, WI, USA) เป็นมหาวิทยาลัยของคณะเยซูอิต ก็ไม่ถึงกับดังอะไรมากมายนะคะ ;D พี่อยากให้หนูโทรไปหามั้ยล่ะค่ะ ตอนนี้ได้บัตรโทรศัพท์ โทรฟรีเฉพาะกรุงเทพ ๒๐ ชั่วโมง เบอร์บ้านนะคะ มือถือไม่ฟรี ;D ก็ทิ้งเบอร์ไว้ที่ไอเอ็มนะคะ เพราะอาจไม่ได้เข้ามาอ่านแล้ว ตอนนี้เปิดเทอม :D
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

จันทร์ ม.ค. 23, 2006 10:29 am

sakda88 เขียน: Buddy,may be it's time to improve myself in English. By now I try to translate my idea to English.
Thank you for your kind. I try to read English Bible Catholic version. I can understand some of them
and very slow to read them. No use Dictionary. So I pass some word I didn't understant.
ดีแล้วค่ะ ทำโน่นทำนี่ จะได้ไม่เบื่อ :D หนูเองก็ไม่เก่งภาษาขนาดนั้นค่ะ กว่าจะอธิบายความคิดตัวเองได้ก็ใช้เวลานาน ตอนนี้ก็ยังได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เคยเขียนให้พี่พีอ่าน พี่เค้าก็จะงง มันเขียนอะไรของมัน ;D แต่น้องชายเก่งภาษา เค้าอยู่อเมริกามา ๑๐ ปี แต่ก็ยังมี dictionary ข้างกายเสมอ คือเค้าไม่ปล่อยให้มีศัพท์ตัวไหนที่ไม่รู้ไงคะ บางทีอ่านผ่านไป พอเดาได้ เค้าก็เปิดจนแน่ใจ หนูเองก็ทำไม่ได้ขนาดนั้น แต่ก็ อืม... เป็นวิธีการที่ดี เค้าทำแล้วเค้าเก่งน่ะค่ะ :)

ก็คงไม่ค่อยได้เข้ามาคุยแล้วนะคะ เพราะเปิดเทอมแล้ว พี่คงไม่เหงาเกินไปนะคะ เดี๋ยวก็มีคนมาคุย :D มาฟังพี่บ่น :D

อย่าลืมไปรับพระจิตบ่อยๆนะคะ :D
แก้ไขล่าสุดโดย Buddy เมื่อ จันทร์ ม.ค. 23, 2006 10:30 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
sakda88
โพสต์: 317
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มิ.ย. 30, 2005 11:52 am
ที่อยู่: Bangkok

อังคาร ก.พ. 14, 2006 8:47 am

ขอความช่วยเหลือในการอธิบายความ
ผมถามพระเจ้าว่าจะทำอะไรต่อไปดีแล้วเปิดพระคัมภีร์
เป็น 1 คร 8:1 - 9:15 (ฉบับคาธอลิก)
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

อังคาร ก.พ. 14, 2006 11:23 am

แยกเป็น2ประเด็นครับ



ข: อาหารถวายแด่รูปเคารพ
1คร 8:1-6 หลักการทั่วไป
8 (1)เรื่องเนื้อที่ถวายแด่รูปเคารพนั้น เรารู้ว่า เราทุกคนมีความรู้แล้ว แต่ความรู้ทำให้ทะนงตน สิ่งที่เสริมสร้างคือความรัก (2)ถ้าผู้ใดคิดว่าตนมีความรู้เรื่องใด ๆ เขายังไม่รู้เท่าที่ควร (3)แต่ถ้าผู้ใดรักพระเจ้า พระองค์ก็ทรงรู้จักผู้นั้น (4)เรื่องการกินเนื้อที่ถวายแด่รูปเคารพแล้วนั้น เราก็รู้แล้วว่า รูปเคารพเป็นเพียงรูป และไม่มีพระอื่นใดนอกจากพระเจ้าเพียงพระองค์เดียว (5)แม้จะมีสิ่งที่เรียกกันว่าพระเจ้าทั้งในสวรรค์และบนแผ่นดิน พระเจ้าและเจ้านายเช่นนี้มีอยู่มากมาย (6)แต่สำหรับเราพระเจ้ามีเพียงพระองค์เดียวคือพระบิดา สรรพสิ่งมาจากพระองค์ เราเป็นอยู่เพื่อพระองค์ และมีองค์พระผู้เป็นเจ้าเพียงพระองค์เดียวคือพระเยซูคริสต์ สรรพสิ่งเป็นมาโดยทางพระองค์ เราก็เป็นมาโดยทางพระองค์ด้วย
1คร 8:7-13 การอ้างว่ามีความรู้
(7)ทุกคนมิใช่มีความรู้เช่นนี้ บางคนนับถือรูปเคารพจนถึงบัดนี้ เมื่อกินเนื้อก็คิดว่าเนื้อเป็นของถวายแด่รูปเคารพจริง ๆ เพราะมโนธรรมของเขายังอ่อนไหวจึงเป็นกังวล (8)อาหารมิใช่สิ่งที่จะทำให้เราเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้า เราไม่สูญเสียอะไรถ้าไม่กิน และไม่ได้อะไรถ้าเรากิน (9)แต่จงระวังอย่าให้การใช้เสรีภาพของท่านเป็นโอกาสให้ผู้ที่มโนธรรมอ่อนไหวต้องตกในบาป (10)สมมติว่า ผู้ที่ยังมีมโนธรรมอ่อนไหวเห็นท่านที่มีความรู้ในเรื่องนี้นั่งกินอยู่ในวิหารของรูปเคารพ ผู้นั้นย่อมจะกล้าฝ่าฝืนมโนธรรมกินเนื้อที่ถวายแด่รูปเคารพแล้วมิใช่หรือ (11)ดังนั้น ความรู้ของท่านทำให้ผู้อ่อนไหวประสบหายนะ เขาเป็นพี่น้องซึ่งพระคริสตเจ้าสิ้นพระชนม์เพื่อเขา (12)ถ้าท่านทำบาปต่อพี่น้องและทำร้ายมโนธรรมที่อ่อนไหวของเขา ท่านก็ย่อมทำบาปต่อพระ คริสตเจ้า (13) ดังนั้น ถ้าอาหารเป็นเหตุให้พี่น้องของข้าพเจ้าตกในบาป ข้าพเจ้าก็จะไม่กินเนื้ออีกเลย ด้วยเกรงว่าข้าพเจ้าจะเป็นเหตุให้พี่น้องตกในบาป




แยกเป็นประเด็นๆนะครับคือ
1.ความรักสำคัญกว่าความรู้
2.เรื่องการเกี่ยวข้องกับศาสนาอื่นและความเชื่ออื่นครับ เช่นถ้าเราร่วมอยู่ในพิธีกรรมหรือความเชื่ออื่น หรืออะไรก็ตาม โดยที่เราไม่ได้เชื่อในศาสนานั้นจริงๆ เช่นมีคนบอกว่า ใส่หินสีนั้นสีนี้สิ จะเป้นมงคลกับชีวิต แล้วเขาเอามาให้เราใส่ เราก็ใส่แต่เราไม่เชื่อเรื่องมงคลมงเคิลอะไร เชื่อแต่พระเจ้า แต่ใส่มันในฐานะเครื่องประดับสวยๆ และไม่ให้เสียน้ำใจคนห้อย อันนี้ไม่ผิดอะไรอยู่แล้ว

แต่ถ้าสมมุติว่าไม่ใช่หินสี แต่เป็นรูปเทพเจ้าหรืออะไรทำนองนี้เลย ที่ถ้าคนที่เขารู้ว่าเราเป็นคริสต์ หรือเป็นคริสตชนที่ความเชื่อไม่มั่นคง เขาเห็นเราใส่แล้ว เขาจะคิดเลยว่าเราเชื่อโชคลางเอาของพวกนี้มาใส่ แล้วคิดว่าทำอะไรเกี่ยวกับความเชื่ออื่นได้(โดยเขาเชื่องมงายด้วยว่าจะได้รับผลอิทธิฤทธิ์)เป็นสิ่งทำได้ไม่ผิด จึงไปทำบ้าง อันนี้ไม่ควรทำครับ เพราะแม้เราจะอ้างว่าบริสุทธิ์ใจใส่โดยไม่ได้นับถือ แต่ถ้าทำให้พี่น้องไขว้เขวหรือเสียไปก็เท่ากับทำบาปครับ
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ อังคาร ก.พ. 14, 2006 11:49 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ตอบกลับโพส