75 ปีของการประจักษ์ของพระเยซูเจ้าต่อ นักบุญโฟสตินา เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2006

เหตุการณ์หลายอย่างที่เกิดขึ้นในโลกปัจจุบัน เช่น พายุ คลื่นสึนามี น้ำท่วม ดินถล่ม ไข้หวัดนก หิมะตกหนัก ฯลฯ ทำให้คิดถึงการลงโทษของพระเป็นเจ้าและการกลับมาครั้งที่สองของพระเยซูเจ้า .
เดือนนี้เป็นเวลาครบ 75 ปีที่ซิสเตอร์โฟสตินาได้รับการประจักษ์จากพระเยซูเจ้าในฐานะองค์แห่งพระเมตตา และพระองค์ได้มอบหมายภาระกิจพิเศษแก่ท่าน พระองค์บอกซิสเตอร์ให้วาดภาพของพระองค์พร้อมด้วยรังสีสองสายที่พุ่งออกมาจากพระทัยของพระองค์ เป็นลำแสงสีขาวและแดง มีอักษรเขียนข้างล่างว่า "พระเยซูเจ้าข้า ข้าพเจ้าวางใจในพระองค์" .

เป็นเวลา 7 ปี ที่พระเยซูเจ้าตรัสแก่เธอเกี่ยวกับพระเมตตาของพระองค์ และขอให้เธอเขียนบันทึกพระวาจาของพระองค์ในสมุดไดอารี่ซึ่งเธอให้ชื่อว่า "พระเมตตาในวิญญาณของฉัน" พระองค์แจ้งต่อเธอว่า นี่เป็นภาระกิจของเธอ คือ เตรียมโลกสำหรับการกลับมาครั้งที่สุดท้ายของพระองค์ . พระองค์ตรัสว่า : “จงเขียนว่า ก่อนที่เราจะกลับมาในฐานะผู้พิพากษา, เราได้เปิดประตูแห่งพระเมตตาของเรา ผู้ที่ปฏิเสธไม่เข้าไปในประตูแห่งพระเมตตา จะต้องผ่านเข้าไปในประตูแห่งพระยุติธรรมแทน …”(Diary 1146)
“เราได้ยืดเวลาแห่งพระเมตตาออกไปเพื่อเห็นแก่คนบาป . แต่วิบัติแก่ผู้ที่ไม่ใส่ใจถึงเวลานี้ซึ่งเราได้มาเยี่ยมพวกเขา . ในพระธรรมเก่า เราได้ส่งประกาศกมาตักเตือนประชากรของเรา . ในวันนี้เราได้ส่งเธอพร้อมด้วยพระเมตตาของเราไปหาประชาชนทั่วโลก . เราไม่ต้องการลงโทษมนุษยชาติ , แต่ปรารถนาจะช่วยเหลือเยียวยาพวกเขา นำพวกเขาเข้าสู่ดวงพระทัยแห่งพระเมตตาของเรา . เราใช้การลงโทษก็ต่อเมื่อพวกเขาเองที่บังคับให้เราต้องทำเช่นนั้น; พระหัตถ์ของเราไม่ปรารถนาที่จะลงดาบแห่งพระยุติธรรม . ก่อนจะถึงวันแห่งพระยุติธรรม เราได้ส่งวันแห่งพระเมตตามา ”(Diary 1588).
แม่พระเองได้ตรัสแก่ซิสเตอร์โฟสตินาเกี่ยวกับการกลับมาครั้งที่สองนี้ด้วย “แม่ได้มอบพระผู้ไถ่ให้แก่โลก, สำหรับเธอ, เธอต้องพูดกับโลกเกี่ยวกับพระเมตตาอันยิ่งใหญ่ของพระองค์และ เตรียมโลกสำหรับการกลับมาครั้งที่สอง ของพระองค์ผู้ซึ่งจะมา, มิใช่ในฐานะพระผู้ไถ่ที่เมตตา, แต่ในฐานะผู้พิพากษา. โอ,ช่างน่าหวาดหวั่นสักเพียงใดในวันนั้น ! ซึ่งจะเป็นวันแห่งการพิพากษา , วันแห่งการลงโทษอันศักดิ์สิทธิ์. เหล่าเทวดาต่างหวั่นกลัวก่อนที่มันจะมาถึง. จงพูดกับวิญญาณทั้งหลายเกี่ยวกับพระเมตตาอันยิ่งใหญ่นี้ ในขณะที่ยังมีเวลาเหลืออยู่สำหรับความเมตตา. ถ้าลูกนิ่งเงียบ, ลูกจะต้องตอบคำถามต่อวิญญาณจำนวนมากในวันอันน่าหวาดหวั่นนั้น . อย่ากลัวสิ่งใดเลย . จงซื่อสัตย์จนถึงที่สุด . แม่จะอยู่กับลูก และปลอบโยนลูก ” (Diary 635).
พระสันตปาปายอห์น ปอลที่ 2 โดยอาศัยพระญาณสอดส่อง, ทรงอ่านใคร่ครวญสาส์นแห่งพระเมตตานี้ในยุคต้นๆและทรงให้ความเห็นว่า “นี่เป็นภาระกิจที่พระเป็นเจ้าทรงประทานให้แก่พระองค์ที่จะต้องเผยแพร่สาสน์นี้ไปทั่วโลก ”. พระองค์ตรัสว่า “เราขอขอบพระคุณพระญาณสอดส่องของพระเป็นเจ้าที่ทำให้พระองค์สามารถปฏิบัติตามน้ำพระทัยของพระคริสตเจ้าได้โดยการสถาปนาวันฉลองแห่งพระเมตตาขึ้น ”(คราวเสด็จเยี่ยมโปแลนด์ ).
ในสมุดไดอารี่ มีพระดำรัสของพระเยซูเจ้า 14 ครั้งที่ของให้มีการสถาปนาวันฉลองแห่งพระเมตตาขึ้นเพื่อให้เป็น "ความหวังสุดท้ายของการไถ่กู้ให้รอด" . พระสันตปาปายอห์น ปอลที่ 2 ทรงตั้งวันฉลองแห่งพระเมตตาในวันอาทิตย์ระหว่างการสถาปนานักบุญโฟสตินาที่กรุงโรมในปีศักดิสิทธิ์ 2000 นับเป็นนักบุญองค์แรกแห่งสหัสวรรษ !
พระเยซูเจ้าตรัสแก่ซิสเตอร์โฟสตินาว่า “จากที่นั่น [โปแลนด์] จะมีแสงสว่างส่องออกมาซึ่งจะเตรียมโลกสำหรับการกลับมาครั้งสุดท้ายของเรา ” (Diary 1732). ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นี่หมายถึงพระสันตะปาปายอห์น ปอลที่ 2, พระองค์ไม่เพียงแต่ตั้งวันฉลองตามที่พระเยซูเจ้าทรงร้องขอ แต่ยังประทานพระคุณพิเศษในวันนั้น และให้พระสงฆ์ถือเป็นหน้าที่ที่จะต้องประกาศถึงพระคุณพิเศษที่ประทานให้นี้แก่ชาวโลกด้วย .
นี่ยังไม่ใช่ข้อพิสูจน์ที่เพียงพอถึงพระญาณสอดส่องของพระเป็นเจ้าหรือ ? คือการที่พระสันตปาปาได้ทรงสิ้นพระชนม์ในวันอาทิตย์,วันฉลองพระเมตตา , หลังจากที่มีการฉลองและรับพระคุณแล้ว!
พระเยซูเจ้าบอกแก่ซิสเตอร์โฟสตินาว่า ก่อนที่วันแห่งพระยุติธรรมจะมาถึง, จะมีเครื่องหมายให้แก่ประชาชน เครื่องหมายในท้องฟ้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ :”
“แสงทั้งหมดในท้องฟ้าจะดับมืดลง , และความมืดมิดจะปกคลุมไปทั่วโลก . แล้วนั้นเครื่องหมายกางเขนจะปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า, และจากรอยแผลที่มือและเท้าจะมีแสงสว่างจ้าส่องออกมาทำให้โลกสว่างขึ้นมาชั่วระยะเวลาหนึ่ง . นี่เป็นช่วงเวลาสั้นๆ ก่อนจะถึงวันสุดท้าย ” (Diary 83).
ภาพวาดพระเมตตานับเป็นจุดศูนย์กลางของสาส์นทั้งหมดของพระเมตตาและมีความสำคัญเป็นพิเศษที่ปรากฏในพระศาสนาจักร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันฉลองพระเมตตา .

พระเยซูเจ้าได้ทรงตรัสถึงความสำคัญของรูปภาพต่อวันฉลองนี้หลายครั้ง . พระองค์ตรัสว่า “เราปรารถนาให้มีวันฉลองพระเมตตา . เราปรารถนาให้รูปภาพนี้, ซึ่งเธอวาดขึ้นด้วยแปรงวาดภาพ, ได้รับการเคารพในวันอาทิตย์แรกหลังจากวันอาทิตย์ปาสกา ; ในวันนั้นจะเป็นวันฉลองแห่งพระเมตตา ” (Diary 49).
วันหนึ่งซิสเตอร์โฟสตินาถามพระเยซูเจ้า “พวกเขาบอกลูกว่ามีวันฉลองเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว ดังนั้นทำไมลูกจึงควรพูดกับเขาเกี่ยวกับสิ่งนี้ ?” พระเยซูเจ้าตอบว่า “แล้วใครบ้างที่รู้เรื่องวันฉลองนี้ ? ไม่มีใครเลย! แม้แต่ผู้ที่ควรจะเป็นผู้ประกาศถึงพระเมตตาของเราและสอนประชาชนเรื่องนี้ ก็ยังไม่ค่อยรู้เลย . นั่นแหละ ทำไมเราจึงปรารถนาให้ รูปภาพ ได้รับการเคารพในวันอาทิตย์แรกหลังจากวันปาสกา, และเราต้องการให้มีการเคารพอย่างเป็นทางการในที่สาธารณะ เพื่อที่วิญญาณทุกดวงจะได้รู้เรื่องนี้ ” (Diary 340).
พระสันตปาปาเบเนดิกส์ที่ 16 ก็ทรงสนับสนุนเรื่องรูปภาพพระเมตตานี้ในหนังสือ “The Spirit of the Liturgy”. พระองค์อธิบายถึงความสำคัญของรูปภาพในพิธีกรรมและตรัสต่อไปว่า รูปภาพนั้นเป็นตัวแทนถึงรหัสธรรมปาสกา ประกอบด้วยสาส์นแห่งความหวังในการเตรียมพร้อมสำหรับการกลับมาครั้งที่สองของพระเยซูเจ้า !
รูปพระเมตตาเหมาะสมที่จะได้รับการติดตั้งไม่เฉพาะแต่วันอาทิตย์พระเมตตาเท่านั้น, แต่สำหรับพิธีกรรมทั่วไปด้วย . พระสันตปาปาเบเนดิกส์ ตรัสถึงการที่มีความอายในการติดตั้งรูปศักดิ์สิทธิ์ไว้ในโบสถ์ในศตวรรษที่ 20 นี้
พระเยซูเจ้าทรงทราบดีว่าพระองค์ทรงมอบภาพนี้แก่เราเพื่ออะไร ภาพนี้จะเป็นสิ่งที่ให้ความหวังแก่มนุษยชาติสำหรับอีกหลายปีข้างหน้าซึ่งจะมีภัยพิบัติต่างๆทางธรรมชาติและสิ่งที่เราไม่อาจทราบได้ . รูปภาพอาจแทนคำพูดได้มากเป็นพันๆคำ !
พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ลำแสงทั้งสองสายหมายถึงน้ำและพระโลหิต . ลำแสงสีจางหมายถึงน้ำซึ่งทำวิญญาณบริสุทธิ์. ลำแสงสีแดงหมายถึงชีวิตของวิญญาณ. ลำแสงทั้งสองออกมาจากส่วนลึกของพระเมตตาอันอ่อนหวานของเราขณะที่เราดวงพระทัยทุกข์โศกของเราเปิดออกจากการแทงด้วยหอกเมื่ออยู่บนกางเขน … เป็นบุญของผู้ที่หลบมาพึ่งพิงในพระเมตตานี้ เพราะพระหัตถ์ของพระเป็นเจ้าจะไม่ตกลงมาเหนีอเขา” (Diary 299).
Robert R. Allard, Director
Apostles of Divine Mercy
www.DivineMercySunday.com