พิธีศีลมหาสนิท
อยากถามเรื่องพิธีศีลมหาสนิท ครับ ว่าตามความเชื่อของคาทอลิกและโปรแตสแตน์ต่างกันอย่างไรครับ
เท่าที่อ่านมา พี่ ๆ จะบอกว่าทางคาทอลิกห้ามโปรแตสแตนท์รับศีลมหาสนิทของคาทอลิก (แต่มีบางนิกายที่สามารถรับได้)
เพราะความเชื่อของคริสเตียน เรื่องขนมปังและเหล้าองุ่น แตกต่างจากคาทอลิกหรือครับ แล้วแตกต่างกันอย่างไรครับ
แองลิกัน สามารถรับศีลมหาสนิทของคาทอลิกได้ไหมครับ เพราะอ่านจากในเวปนี้ เห็นบอกว่า แองลิกันจะมีพิธี
และความเชื่อ คล้าย ๆ คาทอลิก
แล้วการจัดพิธีศีลมหาสนิทจะจัดขึ้นทุกๆ กี่สัปดาห์ หรือกี่เดือนครับผม
เท่าที่อ่านมา พี่ ๆ จะบอกว่าทางคาทอลิกห้ามโปรแตสแตนท์รับศีลมหาสนิทของคาทอลิก (แต่มีบางนิกายที่สามารถรับได้)
เพราะความเชื่อของคริสเตียน เรื่องขนมปังและเหล้าองุ่น แตกต่างจากคาทอลิกหรือครับ แล้วแตกต่างกันอย่างไรครับ
แองลิกัน สามารถรับศีลมหาสนิทของคาทอลิกได้ไหมครับ เพราะอ่านจากในเวปนี้ เห็นบอกว่า แองลิกันจะมีพิธี
และความเชื่อ คล้าย ๆ คาทอลิก
แล้วการจัดพิธีศีลมหาสนิทจะจัดขึ้นทุกๆ กี่สัปดาห์ หรือกี่เดือนครับผม
คาทอลิคจะมีความเชื่อว่า ศีลมหาสนิท เมื่อกระทำการอธิษฐานและอวยพรโดยพระสงฆ์ในมิซซา นั่นคือพระกายและพระโลหิตของพระเยซูเจ้าจริงๆ
อ่านกรณีอัศจรรย์ศีลมหาสนิทในคาทอลิคได้ที่นี่
http://www.newmana.com/Miracle/s01.htm
ส่วนโปรแตสแตนท์บางนิกาย จะถือว่า การทำมหาสนิท เป็นเพียงการระลึกถึงเหตุการณ์ในอาหารค่ำมื้อสุดท้ายเท่านั้นไม่ถือว่าเป็นพิธีที่มีความศักดิ์สิทธิ์ในตัวเองหรือมีการเปลี่ยนเป็นพระกายจริงๆ และโปรแตสแตนท์บางโบสถ์ก็ไม่ร่วมรับมหาสนิทกับคริสตจักรอื่น โดยมองว่าพิธีนมัสการของคริสตจักรอื่นไม่ถูกแบบแผนเหมือนของตัวก็มี
ในคาทอลิค การส่งศีลให้คริสตชนนิกายอื่น ส่วนใหญ่ให้เป็นวิจารณญาณของคุณพ่อผู้ทำพิธีในเวลานั้น เท่าที่ทราบ อณุญาติให้ออโธดอกรับได้ และโปรแตสแตนท์มีบางนิกายที่ได้ระบุไว้(จำไม่ได้ว่าสังกัดใดบ้าง) ส่วนนอกเหนือจากนี้ให้พระสงฆ์พิจารณาเป็นรายๆไป
อ่านกรณีอัศจรรย์ศีลมหาสนิทในคาทอลิคได้ที่นี่
http://www.newmana.com/Miracle/s01.htm
ส่วนโปรแตสแตนท์บางนิกาย จะถือว่า การทำมหาสนิท เป็นเพียงการระลึกถึงเหตุการณ์ในอาหารค่ำมื้อสุดท้ายเท่านั้นไม่ถือว่าเป็นพิธีที่มีความศักดิ์สิทธิ์ในตัวเองหรือมีการเปลี่ยนเป็นพระกายจริงๆ และโปรแตสแตนท์บางโบสถ์ก็ไม่ร่วมรับมหาสนิทกับคริสตจักรอื่น โดยมองว่าพิธีนมัสการของคริสตจักรอื่นไม่ถูกแบบแผนเหมือนของตัวก็มี
ในคาทอลิค การส่งศีลให้คริสตชนนิกายอื่น ส่วนใหญ่ให้เป็นวิจารณญาณของคุณพ่อผู้ทำพิธีในเวลานั้น เท่าที่ทราบ อณุญาติให้ออโธดอกรับได้ และโปรแตสแตนท์มีบางนิกายที่ได้ระบุไว้(จำไม่ได้ว่าสังกัดใดบ้าง) ส่วนนอกเหนือจากนี้ให้พระสงฆ์พิจารณาเป็นรายๆไป
พิธีศีลมหาสนิท เป็นพิธีที่คาทอลิกเรียกว่าพิธีมหาบูชามิสซา หริอ พิธีบูชาขอบพระคุณ หรือ การ pray mass ทุกครั้งเป็นการระลึกถึง การที่พระเยซูยอมพลีพระชนม์ของพระองค์โดยยอมตายบนไม้กางเขน และเพราะยอมพลีเลือดและเนื้อของพระองค์เป็นอาหารหล่อเลี้ยงวิญญาณของมนุษย์ทุกคน โดยที่บาดหลวงจะเปลี่ยนปังและเหล้าองุ่น ให้เป็นพระกายและพระโลหิตของพระเยซู ทุกครั้งในพิธีมิสซา ถ้ามีพิธีในวัดแล้วไม่มีการเสกศีลมหาสนิทไม่เรียกว่าพิธีมิสซา
ดังนั้นทุกครั้งที่บาดหลวงประกอบพิธีมิสซาจะต้องเสกศีลมหาสนิทด้วย
ศาสนิกชนที่เตรียมตัวมาอย่างดีจึงจะมารับศีลมหาสนิท
การรับศีลมหาสนิท = confirmation คือการได้อยู้ชนิดสนิทกับพระนั้นเอง
วัดคาทอลิกในไทยมีพิธีมิสซาทุกวัน
เชื่อว่าทุกนาทีบนโลกนี้ มีการเสกศีลมหาสนิท โดยบาดหลวงของแต่ละชาติทั่วโลก :D
:D
ดังนั้นทุกครั้งที่บาดหลวงประกอบพิธีมิสซาจะต้องเสกศีลมหาสนิทด้วย
ศาสนิกชนที่เตรียมตัวมาอย่างดีจึงจะมารับศีลมหาสนิท
การรับศีลมหาสนิท = confirmation คือการได้อยู้ชนิดสนิทกับพระนั้นเอง
วัดคาทอลิกในไทยมีพิธีมิสซาทุกวัน
เชื่อว่าทุกนาทีบนโลกนี้ มีการเสกศีลมหาสนิท โดยบาดหลวงของแต่ละชาติทั่วโลก :D
:D
...ผมอยากทราบว่า เคยอ่านพระคัมภีร์บ้างไหมครับ..ถ้าเคยอ่านผมอยากถามว่าเคยอ่านตอนที่พระเยซูตั้งพิธีศิลมหาสนิทไหมครับ ถ้าเคยผมว่าในเรื่องศิลนี้เราจะรู้ว่าพระเยซูต้องการให้เราทำอะไรและมองอย่างไร แต่ถ้าไม่เคยผมจะบอกให้ครับ
พระเยซูบอกอย่างชัดเจนในพระธรรม ลูกา บทที่ 22
19 พระองค์ทรงหยิบขนมปัง โมทนาพระคุณ แล้วหักส่งให้แก่เขาทั้งหลาย ตรัสว่า
"นี่เป็นกายของเรา [ซึ่งได้ให้สำหรับท่านทั้งหลาย จงกระทำอย่างนี้ให้เป็นที่ระลึกถึงเรา"
61 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเหลียวดูเปโตร แล้วเปโตรก็ระลึกถึงคำขององค์พระผู้เป็นเจ้า ซึ่งพระองค์ได้ตรัสไว้แก่เขาว่า
"วันนี้ก่อนไก่ขันท่านจะปฏิเสธเราสามครั้ง"
อ.เปาโลก็เน้นย้ำอย่างชัดเจนว่า 1 โครินธ์ บทที่ 11
24 ครั้นขอบพระคุณแล้วจึงทรงหัก แล้วตรัสว่า "นี่เป็นกายของเรา ซึ่งให้แก่ท่านทั้งหลาย
จงกระทำอย่างนี้ให้เป็นที่ระลึกถึงเรา"
25 เมื่อรับประทานแล้ว พระองค์จึงทรงหยิบถ้วยด้วยอาการอย่างเดียวกัน ตรัสว่า
"ถ้วยนี้คือพันธสัญญาใหม่ โดยโลหิตของเรา เมื่อท่านดื่มจากถ้วยนี้เวลาใด จงดื่มเป็นที่ระลึกถึงเรา"
เป้าหมายของการทำพิธีต่างๆ มิใช่เป็นบทสำเร็จแห่งความรอด แต่เพราะพระเยซูคริสต์ทรงสิ้นพระชนม์ เพื่อไถ่บาปเรา ดังนั้นเราก็รอดโดยพระคุณดังที่พระคัมภีร์ได้ตรัสไว้
กิจการ บทที่ 15
11 แต่เราเชื่อว่า เราเองก็รอดโดยพระคุณของพระเยซูคริสตเจ้าเหมือนอย่างเขา"
เอเฟซัส บทที่ 2
5 ถึงแม้ว่าเมื่อเราตายไปแล้วในการบาป พระองค์ยังทรงกระทำให้เรามีชีวิตอยู่กับพระคริสต์
(ซึ่งท่านทั้งหลายรอดนั้นก็รอดโดยพระคุณ)
8 ด้วยว่าซึ่งท่านทั้งหลายรอดนั้นก็รอดโดยพระคุณเพราะความเชื่อ และมิใช่โดยตัวท่านทั้งหลายกระทำเอง
แต่พระเจ้าทรงประทานให้
ดังนั้นการกระทำทั้งหลายมากมายของเราไม่สามารถทำให้รอดพ้นจากบาปซึ่งนำไปสู่ความตายได้(นรก) และพิธีต่างๆก็ไม่สามารถช่วยเราให้รอดจากความตายได้ แต่สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงสิ่งที่ทำให้เราคิดถึงพระคุณและความรักพระเจ้า ให้เราใกล้ชิดกับพระเจ้า ดังนั้นผมว่า เราควรให้ความสำคัญกับพระผู฿ช่วยให้รอดมากกว่าพิธีนะครับ พิธีไม่ผิดแต่เราเลือกให้ความสำคัญกับอะไรมากกว่าครับ
อีกนิดส์ การทำพิธีศิล การไปโบสถ์ การทำความดี ช่วยเราให้รอดไม่ได้ "เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จึงได้ทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะมิได้พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์" ยอห์น 3:16
พระเยซูบอกอย่างชัดเจนในพระธรรม ลูกา บทที่ 22
19 พระองค์ทรงหยิบขนมปัง โมทนาพระคุณ แล้วหักส่งให้แก่เขาทั้งหลาย ตรัสว่า
"นี่เป็นกายของเรา [ซึ่งได้ให้สำหรับท่านทั้งหลาย จงกระทำอย่างนี้ให้เป็นที่ระลึกถึงเรา"
61 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเหลียวดูเปโตร แล้วเปโตรก็ระลึกถึงคำขององค์พระผู้เป็นเจ้า ซึ่งพระองค์ได้ตรัสไว้แก่เขาว่า
"วันนี้ก่อนไก่ขันท่านจะปฏิเสธเราสามครั้ง"
อ.เปาโลก็เน้นย้ำอย่างชัดเจนว่า 1 โครินธ์ บทที่ 11
24 ครั้นขอบพระคุณแล้วจึงทรงหัก แล้วตรัสว่า "นี่เป็นกายของเรา ซึ่งให้แก่ท่านทั้งหลาย
จงกระทำอย่างนี้ให้เป็นที่ระลึกถึงเรา"
25 เมื่อรับประทานแล้ว พระองค์จึงทรงหยิบถ้วยด้วยอาการอย่างเดียวกัน ตรัสว่า
"ถ้วยนี้คือพันธสัญญาใหม่ โดยโลหิตของเรา เมื่อท่านดื่มจากถ้วยนี้เวลาใด จงดื่มเป็นที่ระลึกถึงเรา"
เป้าหมายของการทำพิธีต่างๆ มิใช่เป็นบทสำเร็จแห่งความรอด แต่เพราะพระเยซูคริสต์ทรงสิ้นพระชนม์ เพื่อไถ่บาปเรา ดังนั้นเราก็รอดโดยพระคุณดังที่พระคัมภีร์ได้ตรัสไว้
กิจการ บทที่ 15
11 แต่เราเชื่อว่า เราเองก็รอดโดยพระคุณของพระเยซูคริสตเจ้าเหมือนอย่างเขา"
เอเฟซัส บทที่ 2
5 ถึงแม้ว่าเมื่อเราตายไปแล้วในการบาป พระองค์ยังทรงกระทำให้เรามีชีวิตอยู่กับพระคริสต์
(ซึ่งท่านทั้งหลายรอดนั้นก็รอดโดยพระคุณ)
8 ด้วยว่าซึ่งท่านทั้งหลายรอดนั้นก็รอดโดยพระคุณเพราะความเชื่อ และมิใช่โดยตัวท่านทั้งหลายกระทำเอง
แต่พระเจ้าทรงประทานให้
ดังนั้นการกระทำทั้งหลายมากมายของเราไม่สามารถทำให้รอดพ้นจากบาปซึ่งนำไปสู่ความตายได้(นรก) และพิธีต่างๆก็ไม่สามารถช่วยเราให้รอดจากความตายได้ แต่สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงสิ่งที่ทำให้เราคิดถึงพระคุณและความรักพระเจ้า ให้เราใกล้ชิดกับพระเจ้า ดังนั้นผมว่า เราควรให้ความสำคัญกับพระผู฿ช่วยให้รอดมากกว่าพิธีนะครับ พิธีไม่ผิดแต่เราเลือกให้ความสำคัญกับอะไรมากกว่าครับ
อีกนิดส์ การทำพิธีศิล การไปโบสถ์ การทำความดี ช่วยเราให้รอดไม่ได้ "เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จึงได้ทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะมิได้พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์" ยอห์น 3:16
งั้นคุณเคลองอ่านพระคัมภีร์เล่มเดียวกันในจุดอื่นๆบ้างนะครับ
ยน 6:47
เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ผู้ที่เชื่อในเรา ก็มีชีวิตนิรันดร เราเป็นปังแห่งชีวิตบรรพบุรุษของท่านทั้งหลายได้กินมานนาในถิ่นทุรกันดารแล้วยังตาย แต่ปังที่ลงมาจากสวรรค์เป็นอย่างนี้ คือผู้ที่กินปังนี้แล้วจะไม่ตาย เราเป็นปังทรงชีวิต ที่ลงมาจากสวรรค์ ใครที่กินปังนี้จะมีชีวิตอยู่ตลอดไป และปังที่เราจะให้นี้ คือเนื้อของเราเพื่อให้โลกมีชีวิต” ชาวยิวจึงเถียงกันว่า “คนนี้เอาเนื้อของตนให้เรากินได้อย่างไร” พระเยซูเจ้าตรัสตอบเขาว่า เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ถ้าท่านไม่กินเนื้อของบุตรแห่งมนุษย์ และไม่ดื่มโลหิตของเขา ท่านจะไม่มีชีวิตในตนเอง ผู้ที่กินเนื้อของเรา และดื่มโลหิตของเรา ก็มีชีวิตนิรันดรเราจะทำให้เขากลับคืนชีพในวันสุดท้าย เพราะเนื้อของเราเป็นอาหารแท้ และโลหิตของเราเป็นเครื่องดื่มแท้ ผู้ที่กินเนื้อของเรา และดื่มโลหิตของเราก็ดำรงอยู่ในเรา และเราก็ดำรงอยู่ในเขา
พระบิดาผู้ทรงชีวิตทรงส่งเรามา
และเรามีชีวิตเพราะพระบิดาฉันใด
ผู้ที่กินเนื้อของเราจะมีชีวิตเพราะเราฉันนั้น
นี่คือปังที่ลงมาจากสวรรค์
ไม่เหมือนปังที่บรรดาบรรพบุรุษได้กิน แล้วยังตาย
ผู้ที่กินปังนี้จะมีชีวิตอยู่ตลอดไป”
-------------------------------------------------------------------------------
ดังนั้นการรับปังศีลมหาสนิทด้วยความเชื่อ จะทำให้รอดได้ครับ เพราะผู้เชื่อสำแดงออกในการกระทำด้วย โดยการรับพระกายของพระองค์ด้วยความเชื่อว่านี่คือพระกาย ไม่ใช่เชื่อแต่ปากแต่ต้องแสดงออกด้วยประเด็นศีลมหาสนิทในพระศาสนาจักร ไม่ได้ศักดิ์สิทธิ์ด้วยพิธีกรรม แต่ศักดิ์สิทธิ์ด้วยความเชื่อ เพราะต่อให้พระสงฆ์ทำพิธี แต่คนมารับรับโดยไม่เชื่อ ก็ไม่ได้รับผลใดๆจากพิธี และพิธี ทำให้คุณแยกแยะจากขนมปังนี้ ออกจากขนมปังทาเนยที่ขายหน้าปากซอยแถวบ้านได้ว่า ปังในพิธีนี้ คือปังที่พระเยซูเจ้าสอนเราให้กระทำเมื่อตอนพระกายาหารค่ำมื้อสุดท้าย มันต่างกันกับขนมปังทั่วๆไป
แล้วเรามาดูว่าอาจารย์เปาโลสอนท่าทีเรื่องของศีลมหาสนิทอย่างไร เวลาตัดมาตัดมาให้ครบนะครับ ว่าต่อจากประโยคนั้นอาจารย์เปาโลเน้นว่ายังไง
1คร 11:23
ข้าพเจ้าได้รับสิ่งใดมาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้มอบสิ่งนั้นต่อให้ท่าน คือในคืนที่ทรงถูกทรยศนั้นเอง พระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงหยิบปัง ขอบพระคุณ แล้วทรงบิออก ตรัสว่า “นี่คือกายของเราเพื่อท่านทั้งหลาย จงทำการนี้เพื่อระลึกถึงเราเถิด” เช่นเดียวกัน หลังอาหารค่ำ ก็ทรงหยิบถ้วย ตรัสว่า “ถ้วยนี้คือพันธสัญญาใหม่ในโลหิตของเรา ทุกครั้งที่ท่านจะดื่ม จงทำการนี้เพื่อระลึกถึงเราเถิด” ทุกครั้งที่ท่านกินปังนี้ และดื่มจากถ้วยนี้ ท่านก็ประกาศการสิ้นพระชนม์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าจนกว่าพระองค์จะเสด็จมา ดังนั้น ผู้ใดที่กินปังหรือดื่มจากถ้วยขององค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างไม่สมควร ก็ผิดต่อพระกายและผิดต่อพระโลหิตขององค์พระผู้เป็นเจ้า แต่ละคนจงพิจารณาตนเอง แล้วจึงกินปังและดื่มจากถ้วย เพราะผู้ใดที่กินและดื่ม โดยไม่ยอมรับรู้พระกายก็กินและดื่มการตัดสินลงโทษตนเอง เพราะเหตุนี้ ในหมู่ท่านทั้งหลายจึงมีหลายคนอ่อนแอ เจ็บป่วย และบางคนก็ตายไปแล้ว ถ้าเราได้พิจารณาตนอย่างละเอียด เราจะไม่ถูกตัดสินลงโทษ
------------------------------------------------------------
คริสตชนตั้งแต่สมัยแรกเริ่มก่อนสมัยอาจารย์เปาโล รับพิธีศีลมหาสนิท โดยการสำนึกว่านี่คือพระกายและพระโลหิตจริงๆครับ ดังที่พระคัมภีร์ได้จารึกไว้
ยน 6:47
เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ผู้ที่เชื่อในเรา ก็มีชีวิตนิรันดร เราเป็นปังแห่งชีวิตบรรพบุรุษของท่านทั้งหลายได้กินมานนาในถิ่นทุรกันดารแล้วยังตาย แต่ปังที่ลงมาจากสวรรค์เป็นอย่างนี้ คือผู้ที่กินปังนี้แล้วจะไม่ตาย เราเป็นปังทรงชีวิต ที่ลงมาจากสวรรค์ ใครที่กินปังนี้จะมีชีวิตอยู่ตลอดไป และปังที่เราจะให้นี้ คือเนื้อของเราเพื่อให้โลกมีชีวิต” ชาวยิวจึงเถียงกันว่า “คนนี้เอาเนื้อของตนให้เรากินได้อย่างไร” พระเยซูเจ้าตรัสตอบเขาว่า เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ถ้าท่านไม่กินเนื้อของบุตรแห่งมนุษย์ และไม่ดื่มโลหิตของเขา ท่านจะไม่มีชีวิตในตนเอง ผู้ที่กินเนื้อของเรา และดื่มโลหิตของเรา ก็มีชีวิตนิรันดรเราจะทำให้เขากลับคืนชีพในวันสุดท้าย เพราะเนื้อของเราเป็นอาหารแท้ และโลหิตของเราเป็นเครื่องดื่มแท้ ผู้ที่กินเนื้อของเรา และดื่มโลหิตของเราก็ดำรงอยู่ในเรา และเราก็ดำรงอยู่ในเขา
พระบิดาผู้ทรงชีวิตทรงส่งเรามา
และเรามีชีวิตเพราะพระบิดาฉันใด
ผู้ที่กินเนื้อของเราจะมีชีวิตเพราะเราฉันนั้น
นี่คือปังที่ลงมาจากสวรรค์
ไม่เหมือนปังที่บรรดาบรรพบุรุษได้กิน แล้วยังตาย
ผู้ที่กินปังนี้จะมีชีวิตอยู่ตลอดไป”
-------------------------------------------------------------------------------
ดังนั้นการรับปังศีลมหาสนิทด้วยความเชื่อ จะทำให้รอดได้ครับ เพราะผู้เชื่อสำแดงออกในการกระทำด้วย โดยการรับพระกายของพระองค์ด้วยความเชื่อว่านี่คือพระกาย ไม่ใช่เชื่อแต่ปากแต่ต้องแสดงออกด้วยประเด็นศีลมหาสนิทในพระศาสนาจักร ไม่ได้ศักดิ์สิทธิ์ด้วยพิธีกรรม แต่ศักดิ์สิทธิ์ด้วยความเชื่อ เพราะต่อให้พระสงฆ์ทำพิธี แต่คนมารับรับโดยไม่เชื่อ ก็ไม่ได้รับผลใดๆจากพิธี และพิธี ทำให้คุณแยกแยะจากขนมปังนี้ ออกจากขนมปังทาเนยที่ขายหน้าปากซอยแถวบ้านได้ว่า ปังในพิธีนี้ คือปังที่พระเยซูเจ้าสอนเราให้กระทำเมื่อตอนพระกายาหารค่ำมื้อสุดท้าย มันต่างกันกับขนมปังทั่วๆไป
แล้วเรามาดูว่าอาจารย์เปาโลสอนท่าทีเรื่องของศีลมหาสนิทอย่างไร เวลาตัดมาตัดมาให้ครบนะครับ ว่าต่อจากประโยคนั้นอาจารย์เปาโลเน้นว่ายังไง
1คร 11:23
ข้าพเจ้าได้รับสิ่งใดมาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้มอบสิ่งนั้นต่อให้ท่าน คือในคืนที่ทรงถูกทรยศนั้นเอง พระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงหยิบปัง ขอบพระคุณ แล้วทรงบิออก ตรัสว่า “นี่คือกายของเราเพื่อท่านทั้งหลาย จงทำการนี้เพื่อระลึกถึงเราเถิด” เช่นเดียวกัน หลังอาหารค่ำ ก็ทรงหยิบถ้วย ตรัสว่า “ถ้วยนี้คือพันธสัญญาใหม่ในโลหิตของเรา ทุกครั้งที่ท่านจะดื่ม จงทำการนี้เพื่อระลึกถึงเราเถิด” ทุกครั้งที่ท่านกินปังนี้ และดื่มจากถ้วยนี้ ท่านก็ประกาศการสิ้นพระชนม์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าจนกว่าพระองค์จะเสด็จมา ดังนั้น ผู้ใดที่กินปังหรือดื่มจากถ้วยขององค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างไม่สมควร ก็ผิดต่อพระกายและผิดต่อพระโลหิตขององค์พระผู้เป็นเจ้า แต่ละคนจงพิจารณาตนเอง แล้วจึงกินปังและดื่มจากถ้วย เพราะผู้ใดที่กินและดื่ม โดยไม่ยอมรับรู้พระกายก็กินและดื่มการตัดสินลงโทษตนเอง เพราะเหตุนี้ ในหมู่ท่านทั้งหลายจึงมีหลายคนอ่อนแอ เจ็บป่วย และบางคนก็ตายไปแล้ว ถ้าเราได้พิจารณาตนอย่างละเอียด เราจะไม่ถูกตัดสินลงโทษ
------------------------------------------------------------
คริสตชนตั้งแต่สมัยแรกเริ่มก่อนสมัยอาจารย์เปาโล รับพิธีศีลมหาสนิท โดยการสำนึกว่านี่คือพระกายและพระโลหิตจริงๆครับ ดังที่พระคัมภีร์ได้จารึกไว้
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ จันทร์ ก.พ. 27, 2006 1:14 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ผมขอถามคุณเคว่า ถ้าพิธีศีลมหาสนิทไม่มีความสำคัญแล้ว
ทำไมถึงยังพิธีนี้อยู่ล่ะครับ ทำไมถึงไม่งดไปเลยครับ
ทำไมถึงยังพิธีนี้อยู่ล่ะครับ ทำไมถึงไม่งดไปเลยครับ
เอาไว้ผมจะนำบทสรรเสริญศีลมหาสนิทที่แต่งโดยนักบุญโทมัส อะไควนาสมาให้อ่านครับ
ไม่ต้องใส่ใจตัวจริงผมหรอกครับ
ผมเป็นแค่ผู้รับใช้ที่ต่ำต้อยของพระเยซูคริสต์ จะกระทำอะไรได้ก็มาจากพระอานุภาพของพระองค์ทั้งนั้น ตัวจริงๆไม่มีอะไรดีแล้วก็ไม่น่าสนใจอะไรเลยครับ
ขอให้พระนามของพระองค์ได้รับการสรรเสริญ :D
ผมเป็นแค่ผู้รับใช้ที่ต่ำต้อยของพระเยซูคริสต์ จะกระทำอะไรได้ก็มาจากพระอานุภาพของพระองค์ทั้งนั้น ตัวจริงๆไม่มีอะไรดีแล้วก็ไม่น่าสนใจอะไรเลยครับ
ขอให้พระนามของพระองค์ได้รับการสรรเสริญ :D
บทสรรเสริญศีลมหาสนิท
แต่งโดย นักบุญโทมัส อะไควนัส นักปราชญ์พระศาสนจักร

ศิโยนเอ๋ย จงขับร้องบทเพลงศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ สรรเสริญพระผู้ไถ่ผู้นำและผู้เลี้ยงดูของเจ้าเถิด
จงทำดังนี้ให้สุดความสามารถเพราะพระองค์ทรงยิ่งใหญ่กว่าคำสรรเสริญใด ๆ
เจ้าจะสรรเสริญอย่างไรก็ไม่เพียงพอ
เนื้อหาพิเศษของคำสรรเสริญที่กล่าวถึงในวันนี้คือเรื่องปังทรงชีวิตที่ให้ชีวิตนั่นเอง
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพระคริสตเจ้าประทานปังนี้ให้แก่อัครสาวกทั้งสิบสองคนในการเลี้ยงอาหารค่ำศักดิ์สิทธิ์กับบรรดามิตรสหาย
เจ้าจงสรรเสริญให้เต็มที่ จงเปล่งเสียงแสดงความยินดีอย่างไพเราะ เพื่อแสดงความชื่นชมในจิตใจ
เพราะเป็นวันฉลองอย่างสง่าที่เราระลึกถึงงานเลี้ยงอาหารนี้เป็นครั้งแรก
ในงานเลี้ยงนี้ของกษัตริย์องค์ใหม่ ปัสกาใหม่แห่งธรรมบัญญัติใหม่ทำให้ปัสกาเก่าจบสิ้นไป
ความใหม่ขับไล่ความเก่า ความจริงขับไล่เงาออกไป แสงสว่างขจัดกลางคืนให้สิ้นไป
พระคริสตเจ้าทรงทำสิ่งใดในการเลี้ยงอาหารค่ำพระองค์ก็ทรงบัญชาให้ทำสิ่งนั้นเพื่อระลึกถึงพระองค์ด้วย
พวกเราได้รับพระบัญชาจากพระองค์ จึงเสกขนมปังและเหล้าองุ่นให้เป็นของถวายที่บันดาลความรอดพ้น
บรรดาคริสตชนได้รับคำสั่งสอนมาว่าขนมปังเปลี่ยนเป็นพระกาย และเหล้าองุ่นเปลี่ยนเป็นพระโลหิต
สิ่งที่ท่านไม่เข้าใจและไม่เห็นนั้น ความเชื่อทำให้เรามั่นใจ แม้ว่าไม่เป็นไปตามวิถีทางธรรมชาติก็ตาม
ความเป็นจริงอันสูงส่งซ่อนอยู่ภายใต้รูปปรากฏที่แตกต่างกัน เพียงแต่ในเรื่องเครื่องหมายเท่านั้น ไม่ใช่ในความเป็นจริง

พระกายเป็นอาหาร พระโลหิตเป็นเครื่องดื่ม ถึงกระนั้นพระคริสตเจ้าทั้งองค์ก็ทรงอยู่ครบถ้วนในรูปปรากฏแต่ละอย่าง
ผู้ที่รับศีลมหาสนิท รับพระคริสตเจ้าอย่างครบถ้วน ไม่ทรงถูกตัด ไม่ทรงถูกหัก ไม่ทรงถูกแบ่ง
ผู้รับศีลจะมีเพียงคนเดียวหรือพันคน ก็รับพระองค์เท่ากัน เมื่อทรงถูกรับแล้วพระองค์ก็ไม่สูญหายไปไหน
คนดีหรือคนชั่วก็รับพระองค์ได้ แต่ผลที่ได้รับนั้นไม่เหมือนกัน คือเป็นชีวิตสำหรับคนดี หรือความตายสำหรับคนชั่ว
ความตายเป็นของคนชั่ว ชีวิตเป็นของคนดี เห็นไหมว่าแม้จะรับเหมือนกัน แต่ผลที่ตามมานั้นไม่เหมือนกันเลย
เมื่อศีลถูกบิแล้ว ท่านอย่าข้องใจเลย และจงจำไว้ว่าพระองค์ทรงอยู่ในเศษเล็ก ๆ เท่ากับทรงอยู่ในแผ่นปังทั้งแผ่น
การบิปังนี้เป็นเพียงการแบ่งเครื่องหมายเท่านั้น ความเป็นจริงมิได้ถูกแบ่งเลย สภาพความเป็นอยู่และขนาดของพระองค์ภายใต้เครื่องหมายมิได้ลดน้อยลงเลย

นี่คือปังของทูตสวรรค์ที่กลายเป็นอาหารสำหรับมนุษย์ผู้เดินทางเป็นอาหารสำหรับบรรดาบุตรจึงต้องไม่ให้อาหารนี้แก่สุนัข
ศีลมหาสนิทนี้มีเครื่องหมายแสดงไว้แล้วในอดีต เมื่ออิสอัคถูกถวายเป็นบูชา เมื่อลูกแกะปัสกาถูกฆ่าเป็นบูชา เมื่อพระเจ้าประทานมานนาแก่บรรพบุรุษ
ข้าแต่พระเยซูเจ้า พระองค์ทรงเป็นผู้เลี้ยงที่ดี ทรงเป็นอาหารแท้จริง โปรดทรงพระกรุณาข้าพเจ้าทั้งหลายเถิด ขอพระองค์ทรงเลี้ยงดูและปกปักรักษาข้าพเจ้าทั้งหลาย โปรดให้ข้าพเจ้าทั้งหลายได้พบความสุขในแดนของผู้มีชีวิตด้วยเถิด
พระองค์ทรงทราบทุกสิ่ง พระองค์ทรงทำได้ทุกสิ่ง พระองค์ทรงเลี้ยงดูข้าพเจ้าทั้งหลายผู้รู้ตายในแผ่นดินนี้แล้ว ขอพระองค์ทรงบันดาลให้ผู้ที่ทรงเชิญให้มาร่วมโต๊ะกับพระองค์ ได้ร่วมรับมรดกและเป็นมิตรสหายกับบรรดาชาวสวรรค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ด้วยเถิด
ประวัตินักบุญโทมัส อะไควนัส
พระสงฆ์และนักปราชญ์
ค.ศ. 1225-1275 (ฉลอง 28 มกราคม)

โทมัส มีตำแหน่งเป็นท่านเคานท์แห่วอากวีโน ในอิตาลี สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยแห่งเนเปิล แล้วไปอยู่กับคณะสงฆ์โดมินิกัน พี่ชายสองคนของท่านได้นำท่านกลับไปกักขังไว้ในปราสาทตลอดเวลา 2 ปี เพื่อมิให้ท่านหนีไปบวช
สมเด็จพระสันตะปาปาทรงเรียกให้โทมัสเข้าพบ ทั้งยังได้ทรงเตือนมารดาและพี่ชายของโทมัสมิให้ขัดขวางเสรีภาพในการบวชของโทมัส ท่านจึงกลับไปยังคณะโดมินิกัน ทางคณะส่งโทมัสไปศึกษาต่อในฝรั่งเศสและเยอรมัน เมื่อโทมัสบวชเป็นพระสงฆ์แล้ว ก็ได้เป็นอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาก ท่านชอบเทศน์สอนให้คนจนฟัง และเขียนข้อพระธรรมคำสอน บทภาวนา บทสวดสรรเสริญศีลมหาสนิทที่พระศาสนจักรยังคงใช้อยู่ในทุกวันนี้ หนังสือปรัชญาและเทวศาสตร์ที่ท่านเขียนเป็นคำสอนที่สมบูรณ์ที่สุดอันดับหนึ่ง พระสังคายนาวาติกันที่ 2 ก็ได้อ้างอิงคำสอนของท่านอย่างมากทีเดียว ท่านได้รับเกียรติด้วยการที่พระศาสนจักรขนานนามท่านว่า "นักปราชญ์เทวดา"
พระเยซูเจ้าประจักษ์มาขณะที่โทมัสเข้าฌาน ตรัสถามว่า "ท่านต้องการรางวัลอะไรจากเรา" โทมัสทูลตอบว่า "ข้าพเจ้าไม่ปรารถนาสิ่งใดเลย นอกจากพระองค์แต่ผู้เดียวเท่านั้น"
แต่งโดย นักบุญโทมัส อะไควนัส นักปราชญ์พระศาสนจักร

ศิโยนเอ๋ย จงขับร้องบทเพลงศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ สรรเสริญพระผู้ไถ่ผู้นำและผู้เลี้ยงดูของเจ้าเถิด
จงทำดังนี้ให้สุดความสามารถเพราะพระองค์ทรงยิ่งใหญ่กว่าคำสรรเสริญใด ๆ
เจ้าจะสรรเสริญอย่างไรก็ไม่เพียงพอ
เนื้อหาพิเศษของคำสรรเสริญที่กล่าวถึงในวันนี้คือเรื่องปังทรงชีวิตที่ให้ชีวิตนั่นเอง
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพระคริสตเจ้าประทานปังนี้ให้แก่อัครสาวกทั้งสิบสองคนในการเลี้ยงอาหารค่ำศักดิ์สิทธิ์กับบรรดามิตรสหาย
เจ้าจงสรรเสริญให้เต็มที่ จงเปล่งเสียงแสดงความยินดีอย่างไพเราะ เพื่อแสดงความชื่นชมในจิตใจ
เพราะเป็นวันฉลองอย่างสง่าที่เราระลึกถึงงานเลี้ยงอาหารนี้เป็นครั้งแรก
ในงานเลี้ยงนี้ของกษัตริย์องค์ใหม่ ปัสกาใหม่แห่งธรรมบัญญัติใหม่ทำให้ปัสกาเก่าจบสิ้นไป
ความใหม่ขับไล่ความเก่า ความจริงขับไล่เงาออกไป แสงสว่างขจัดกลางคืนให้สิ้นไป
พระคริสตเจ้าทรงทำสิ่งใดในการเลี้ยงอาหารค่ำพระองค์ก็ทรงบัญชาให้ทำสิ่งนั้นเพื่อระลึกถึงพระองค์ด้วย
พวกเราได้รับพระบัญชาจากพระองค์ จึงเสกขนมปังและเหล้าองุ่นให้เป็นของถวายที่บันดาลความรอดพ้น
บรรดาคริสตชนได้รับคำสั่งสอนมาว่าขนมปังเปลี่ยนเป็นพระกาย และเหล้าองุ่นเปลี่ยนเป็นพระโลหิต
สิ่งที่ท่านไม่เข้าใจและไม่เห็นนั้น ความเชื่อทำให้เรามั่นใจ แม้ว่าไม่เป็นไปตามวิถีทางธรรมชาติก็ตาม
ความเป็นจริงอันสูงส่งซ่อนอยู่ภายใต้รูปปรากฏที่แตกต่างกัน เพียงแต่ในเรื่องเครื่องหมายเท่านั้น ไม่ใช่ในความเป็นจริง

พระกายเป็นอาหาร พระโลหิตเป็นเครื่องดื่ม ถึงกระนั้นพระคริสตเจ้าทั้งองค์ก็ทรงอยู่ครบถ้วนในรูปปรากฏแต่ละอย่าง
ผู้ที่รับศีลมหาสนิท รับพระคริสตเจ้าอย่างครบถ้วน ไม่ทรงถูกตัด ไม่ทรงถูกหัก ไม่ทรงถูกแบ่ง
ผู้รับศีลจะมีเพียงคนเดียวหรือพันคน ก็รับพระองค์เท่ากัน เมื่อทรงถูกรับแล้วพระองค์ก็ไม่สูญหายไปไหน
คนดีหรือคนชั่วก็รับพระองค์ได้ แต่ผลที่ได้รับนั้นไม่เหมือนกัน คือเป็นชีวิตสำหรับคนดี หรือความตายสำหรับคนชั่ว
ความตายเป็นของคนชั่ว ชีวิตเป็นของคนดี เห็นไหมว่าแม้จะรับเหมือนกัน แต่ผลที่ตามมานั้นไม่เหมือนกันเลย
เมื่อศีลถูกบิแล้ว ท่านอย่าข้องใจเลย และจงจำไว้ว่าพระองค์ทรงอยู่ในเศษเล็ก ๆ เท่ากับทรงอยู่ในแผ่นปังทั้งแผ่น
การบิปังนี้เป็นเพียงการแบ่งเครื่องหมายเท่านั้น ความเป็นจริงมิได้ถูกแบ่งเลย สภาพความเป็นอยู่และขนาดของพระองค์ภายใต้เครื่องหมายมิได้ลดน้อยลงเลย
นี่คือปังของทูตสวรรค์ที่กลายเป็นอาหารสำหรับมนุษย์ผู้เดินทางเป็นอาหารสำหรับบรรดาบุตรจึงต้องไม่ให้อาหารนี้แก่สุนัข
ศีลมหาสนิทนี้มีเครื่องหมายแสดงไว้แล้วในอดีต เมื่ออิสอัคถูกถวายเป็นบูชา เมื่อลูกแกะปัสกาถูกฆ่าเป็นบูชา เมื่อพระเจ้าประทานมานนาแก่บรรพบุรุษ
ข้าแต่พระเยซูเจ้า พระองค์ทรงเป็นผู้เลี้ยงที่ดี ทรงเป็นอาหารแท้จริง โปรดทรงพระกรุณาข้าพเจ้าทั้งหลายเถิด ขอพระองค์ทรงเลี้ยงดูและปกปักรักษาข้าพเจ้าทั้งหลาย โปรดให้ข้าพเจ้าทั้งหลายได้พบความสุขในแดนของผู้มีชีวิตด้วยเถิด
พระองค์ทรงทราบทุกสิ่ง พระองค์ทรงทำได้ทุกสิ่ง พระองค์ทรงเลี้ยงดูข้าพเจ้าทั้งหลายผู้รู้ตายในแผ่นดินนี้แล้ว ขอพระองค์ทรงบันดาลให้ผู้ที่ทรงเชิญให้มาร่วมโต๊ะกับพระองค์ ได้ร่วมรับมรดกและเป็นมิตรสหายกับบรรดาชาวสวรรค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ด้วยเถิด
ประวัตินักบุญโทมัส อะไควนัส
พระสงฆ์และนักปราชญ์
ค.ศ. 1225-1275 (ฉลอง 28 มกราคม)

โทมัส มีตำแหน่งเป็นท่านเคานท์แห่วอากวีโน ในอิตาลี สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยแห่งเนเปิล แล้วไปอยู่กับคณะสงฆ์โดมินิกัน พี่ชายสองคนของท่านได้นำท่านกลับไปกักขังไว้ในปราสาทตลอดเวลา 2 ปี เพื่อมิให้ท่านหนีไปบวช
สมเด็จพระสันตะปาปาทรงเรียกให้โทมัสเข้าพบ ทั้งยังได้ทรงเตือนมารดาและพี่ชายของโทมัสมิให้ขัดขวางเสรีภาพในการบวชของโทมัส ท่านจึงกลับไปยังคณะโดมินิกัน ทางคณะส่งโทมัสไปศึกษาต่อในฝรั่งเศสและเยอรมัน เมื่อโทมัสบวชเป็นพระสงฆ์แล้ว ก็ได้เป็นอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาก ท่านชอบเทศน์สอนให้คนจนฟัง และเขียนข้อพระธรรมคำสอน บทภาวนา บทสวดสรรเสริญศีลมหาสนิทที่พระศาสนจักรยังคงใช้อยู่ในทุกวันนี้ หนังสือปรัชญาและเทวศาสตร์ที่ท่านเขียนเป็นคำสอนที่สมบูรณ์ที่สุดอันดับหนึ่ง พระสังคายนาวาติกันที่ 2 ก็ได้อ้างอิงคำสอนของท่านอย่างมากทีเดียว ท่านได้รับเกียรติด้วยการที่พระศาสนจักรขนานนามท่านว่า "นักปราชญ์เทวดา"
พระเยซูเจ้าประจักษ์มาขณะที่โทมัสเข้าฌาน ตรัสถามว่า "ท่านต้องการรางวัลอะไรจากเรา" โทมัสทูลตอบว่า "ข้าพเจ้าไม่ปรารถนาสิ่งใดเลย นอกจากพระองค์แต่ผู้เดียวเท่านั้น"
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
เห็นตัวจริงๆแล้วพี่จะตะลึง ฮับ *lick *omgPhulasso เขียน: ประทับใจประโยคของคุณ HOLY ที่ว่า
"งั้นคุณเคลองอ่านพระคัมภีร์เล่มเดียวกันในจุดอื่นๆบ้างนะครับ"
เฉียบคมจริงๆ
อยากเห็นตัวจริงแล้วสิ
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
Jeab Agape เขียน:เห็นตัวจริงๆแล้วพี่จะตะลึง ฮับ *lick *omgPhulasso เขียน: ประทับใจประโยคของคุณ HOLY ที่ว่า
"งั้นคุณเคลองอ่านพระคัมภีร์เล่มเดียวกันในจุดอื่นๆบ้างนะครับ"
เฉียบคมจริงๆ
อยากเห็นตัวจริงแล้วสิ
.........หมายความว่าดี หรือ ไม่ดีล่ะเจี๊ยบ
ปล.
พี่ก็ตะลึงอยู่ทุกวันนะ...... *shock
เมื่อไหร่ถึงจะจัดให้มีพิธีศีลมหาสนิท ทุก ๆ เดือน หรือว่าอย่างอื่นครับ
ทั้งโปรแตสแตนท์ และคาทอลิกเลยครับ
ทั้งโปรแตสแตนท์ และคาทอลิกเลยครับ
คาทอลิคมีพิธีศีลมหาสนิทในมิซซาทุกวันนะครับ จนมีคำกล่าวว่า ถ้านับจากพระแท่นทั่วโลก คาทอลิคจะมีพิธีมหาสนิททุกนาทีNominee เขียน: เมื่อไหร่ถึงจะจัดให้มีพิธีศีลมหาสนิท ทุก ๆ เดือน หรือว่าอย่างอื่นครับ
ทั้งโปรแตสแตนท์ และคาทอลิกเลยครับ
ส่วนของโปรฯจัดมหาสนิททุกวันอาทิตย์
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
แต่ละคณะของคริสตจักร ไม่เหมือนกันคร้าบNominee เขียน: เมื่อไหร่ถึงจะจัดให้มีพิธีศีลมหาสนิท ทุก ๆ เดือน หรือว่าอย่างอื่นครับ
ทั้งโปรแตสแตนท์
เช่นบางคริสตจักร มีทุกวันอาทิตย์ บางคริสตจักร อาทิตย์แรกของเดือน บางคริสตจักร อาทิตย์ที่สองของเดือน หรือ ทุกสองเดือน หรือสามเดือน
ต้องเข้าใจว่า เทวศาสตร์ของโปรเตสแตนต์น่ะ เน้น ไปที่ พระวาจา (พระคำ) ดังนั้นเมื่อนมัสการ จะเทศนายาว เพื่อให้เข้าใจว่าพระเจ้า ตรัสอะไรกับพวกเรา แต่คาทอลิกเน้น พระกาย จึงเน้นมหาสนิท
หนูเชื่อว่าไม่ว่า จะเน้นพระกาย หรือพระวาจา หรือพวกที่เน้นพระจิต ( กลุ่ม เพ็นเทคอส เช่น คจ.ความหวัง
ใจสมาน หรือ ) ต่างก็มุ่งไปที่พระบุตร ที่เป็นศูนย์กลางของชีวิต พวกเรา ฮะ
เมื่อตอนที่ผมไปร่วมสัมมนาหลักข้อเชื่อฯ และได้ร่วมสังเกตการณ์พิธีมหาสนิทของคริสเตียน ซึ่งก็มีคุณพ่อบาทหลวง หลาย ๆ ท่านได้ร่วมสังเกตการณ์ด้วย คุณพ่อบางท่านได้แบ่งปันว่า ท่านรู้สึกประทับใจในพิธีมหาสนิทของคริสเตียนมาก และเชื่อว่าพระเยซูคริสตเจ้าทรงสถิตอยู่ในพิธีนี้เหมือนกัน ท่านอยากให้สมณมนตรีกระทรวงพิธีกรรมที่วาติกัน หรือแม้แต่สมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ ที่ 16 ได้มาร่วมสังเกตการณ์พิธีมหาสนิทนี้บ้าง เพื่อว่าจะได้เกิดความเข้าใจมากขึ้นในพิธีนี้ อันจะเป็นแนวทางสร้างความเป็นเอกภาพระหว่างนิกาย ซึ่งปัจจุบันพิธีมหาสนิทนี้ยังเป็นกำแพงที่ขวางกันเราทั้งหลายอยู่ เพื่อไรที่พระศาสนจักรของพระคริสตเจ้า สามารถร่วมรับประทานปังทรงชีวิตบนโต๊ะเดียวกันได้ เมื่อนั้นแหละคือวันที่พระศาสนจักรมีเอกภาพอย่างแท้จริง
ขอพระเป็นเจ้า ได้โปรดประทานความเป็นเอกภาพให้แก่พระศาสนจักรทุก ๆ นิกายด้วยเทอญ....อาเมน
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
อาแมน