จะออกมาเป็นทิดเมื่อไหร่เอ่ยMichaelPaul เขียน: ตอนนี้กำลังท่องคำขานนาคอยู่ แบบว่ามึนมาก มัง ยัง จัง มัง โอยตึ๊บๆ - -"
ทำไงดี T^T
-
- ~@
- โพสต์: 7624
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
- ที่อยู่: Pattaya Chonburi
;D ;D หลังจาก " ทิด " จะกลายเป็น " คริสต์ " ยินดีล่วงหน้าจ๊ะ
ช่วงที่เป็นพร ะน้องเอกก็คงมีเวลาได้นั่งสมาธิและสวดภาวนาแบบคริสต์มากขึ้น ถือเป็นการเข้าเงียบยาว ๆ สักครั้งหนึ่งก็ดีนะครับ
ส่วนการไหวพระพุทธรูป ก็ไหว้แต่กาย ใจน้องคงไม่ไหว้ตามอยู่แล้ว ก็ไม่น่าเสียหายอะไร เพราะเรานมัสการพระเจ้าด้วยจิตวิญญาณ ไม่ใช่ด้วยมือ แต่เวลาอยู่ที่วัดก็คงต้องมีการพบปะพูดคุยกับพระรูปอื่น ๆ น้องเตรียมตัวรับมืออย่างไรครับ
ส่วนการไหวพระพุทธรูป ก็ไหว้แต่กาย ใจน้องคงไม่ไหว้ตามอยู่แล้ว ก็ไม่น่าเสียหายอะไร เพราะเรานมัสการพระเจ้าด้วยจิตวิญญาณ ไม่ใช่ด้วยมือ แต่เวลาอยู่ที่วัดก็คงต้องมีการพบปะพูดคุยกับพระรูปอื่น ๆ น้องเตรียมตัวรับมืออย่างไรครับ
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
จงทำดังต่อไป
ทันทีที่กราบลง..จงนึกถึงพระเยซูมายืนอยู่ตรงหน้า
ทันทีที่ยกมือพนม....จงนึกว่าพระเป็นเจ้าสถิตอยู่เบื้องหน้า
เท่านี้พี่ก็ว่าการต้องกราบไหว้พระพุทธรูปน่าจะผ่านพ้นไปได้ง่ายขึ้นนะ
ทันทีที่กราบลง..จงนึกถึงพระเยซูมายืนอยู่ตรงหน้า
ทันทีที่ยกมือพนม....จงนึกว่าพระเป็นเจ้าสถิตอยู่เบื้องหน้า
เท่านี้พี่ก็ว่าการต้องกราบไหว้พระพุทธรูปน่าจะผ่านพ้นไปได้ง่ายขึ้นนะ
เรื่องกราบพระนั้น ในกรณีที่เลือกได้ สำหรับคาทอลิกแล้ว ก็ไม่สมควรกราบค่ะ แต่ดิฉันคิดว่า ในกรณีที่จำเป็นต้องกราบอย่างเลี่ยงไม่ได้เช่นนี้ ก็อาจมองว่า พระพุทธเจ้าท่านก็เป็นอริยบุคคลคนหนึ่งของโลก ไม่ใช่คนไม่ดีไม่งามอะไร กราบท่านก็เหมือนกราบนักบุญคนหนึ่งของโลก ดิฉันคิดว่า คิดได้อย่างนี้แล้ว ก็น่าจะกราบได้สนิทใจกว่ากราบคนไม่ดีนะคะ
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
เป็นข้อมูลนะครับanton เขียน:จะออกมาเป็นทิดเมื่อไหร่เอ่ยMichaelPaul เขียน: ตอนนี้กำลังท่องคำขานนาคอยู่ แบบว่ามึนมาก มัง ยัง จัง มัง โอยตึ๊บๆ - -"
"ทิด" จะใช้กับคนที่บวชเป็นภิกษุสงฆ์ในพรรษา 1 พรรษา (นับจากวันเข้าพรรษาถึงวันออกพรรษา)ขึ้นไปครับ
แก้ไขล่าสุดโดย Batholomew เมื่อ เสาร์ มิ.ย. 10, 2006 9:47 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
- Immanuel (MichaelPaul)
- ~@
- โพสต์: 2887
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 8:49 pm
- ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร
ผมก็คงพูดตอบตามที่เค้าถาม(กรณีที่เค้าถามเรื่องคริสต์อ่ะนะครับ) และอธิบายตามความรู้ที่ผมมีAndreas เขียน: ช่วงที่เป็นพร ะน้องเอกก็คงมีเวลาได้นั่งสมาธิและสวดภาวนาแบบคริสต์มากขึ้น ถือเป็นการเข้าเงียบยาว ๆ สักครั้งหนึ่งก็ดีนะครับ
ส่วนการไหวพระพุทธรูป ก็ไหว้แต่กาย ใจน้องคงไม่ไหว้ตามอยู่แล้ว ก็ไม่น่าเสียหายอะไร เพราะเรานมัสการพระเจ้าด้วยจิตวิญญาณ ไม่ใช่ด้วยมือ แต่เวลาอยู่ที่วัดก็คงต้องมีการพบปะพูดคุยกับพระรูปอื่น ๆ น้องเตรียมตัวรับมืออย่างไรครับ
ปล. ไปบวชวัดแถวบ้านย่า ลุงรู้จักกะเจ้าอาวาสซะด้วยอาจจะโดนกล่อม แต่ยากสสสสสสสสสสสสสสสสสสส ;D
ตกใจ :oMichaelPaul เขียน:ผมก็คงพูดตอบตามที่เค้าถาม(กรณีที่เค้าถามเรื่องคริสต์อ่ะนะครับ) และอธิบายตามความรู้ที่ผมมีAndreas เขียน: ช่วงที่เป็นพร ะน้องเอกก็คงมีเวลาได้นั่งสมาธิและสวดภาวนาแบบคริสต์มากขึ้น ถือเป็นการเข้าเงียบยาว ๆ สักครั้งหนึ่งก็ดีนะครับ
ส่วนการไหวพระพุทธรูป ก็ไหว้แต่กาย ใจน้องคงไม่ไหว้ตามอยู่แล้ว ก็ไม่น่าเสียหายอะไร เพราะเรานมัสการพระเจ้าด้วยจิตวิญญาณ ไม่ใช่ด้วยมือ แต่เวลาอยู่ที่วัดก็คงต้องมีการพบปะพูดคุยกับพระรูปอื่น ๆ น้องเตรียมตัวรับมืออย่างไรครับ
ปล. ไปบวชวัดแถวบ้านย่า ลุงรู้จักกะเจ้าอาวาสซะด้วยอาจจะโดนกล่อม แต่ยากสสสสสสสสสสสสสสสสสสส ;D
ถาม 2 คำถามค่ะ
1. พระลูกวัดดังกล่าว ทราบว่าน้องจะสมัครรับศีลล้างบาปด้วยเหรอคะ ทำไมจะมาถามเรื่องคริสตศาสนาล่ะคะ คือเจ๊เข้าใจว่า ถ้าไม่ทราบ ก็คงคิดว่าเหมือนกับพุทธศาสนิกชนคนอื่นมาอุปสมบทด้วยจิตศรัทธา ก็น่าจะสนทนาเรื่องพุทธธรรมกันไป แต่การที่เขาจะมาคุยหรือสนทนาเรื่องคริสตศาสนากับน้อง ก็แสดงว่าพวกเขาทราบว่าน้องเป็นคริสตศาสนิกชน เป็นเช่นนั้นเหรอคะ
2. ก็น้องยอมไปบวชแล้ว ยังมีกล่อมอะไรอีกเหรอคะ กล่อมให้อยู่ต่อครบพรรษา อย่างนี้หรือเปล่าคะ
อย่างไรก็ตาม เป็นกำลังใจให้เหมือนเดิมค่ะ ขอให้ฝ่าฟันให้ได้ นิดเดียวเท่านั้นค่ะ
แก้ไขล่าสุดโดย Jezebel เมื่อ เสาร์ มิ.ย. 10, 2006 3:35 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
- Immanuel (MichaelPaul)
- ~@
- โพสต์: 2887
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 8:49 pm
- ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร
1. ลุงผมสนิทกับเจ้าอาวาสครับและลุงผมก็รู้ว่าผมจะไปเป้นคริสต์ ไม่รุ้ว่าจะไปคุยกับเจ้าอาวาสด้วยหรือเปล่าJezebel เขียน:ตกใจ :oMichaelPaul เขียน:ผมก็คงพูดตอบตามที่เค้าถาม(กรณีที่เค้าถามเรื่องคริสต์อ่ะนะครับ) และอธิบายตามความรู้ที่ผมมีAndreas เขียน: ช่วงที่เป็นพร ะน้องเอกก็คงมีเวลาได้นั่งสมาธิและสวดภาวนาแบบคริสต์มากขึ้น ถือเป็นการเข้าเงียบยาว ๆ สักครั้งหนึ่งก็ดีนะครับ
ส่วนการไหวพระพุทธรูป ก็ไหว้แต่กาย ใจน้องคงไม่ไหว้ตามอยู่แล้ว ก็ไม่น่าเสียหายอะไร เพราะเรานมัสการพระเจ้าด้วยจิตวิญญาณ ไม่ใช่ด้วยมือ แต่เวลาอยู่ที่วัดก็คงต้องมีการพบปะพูดคุยกับพระรูปอื่น ๆ น้องเตรียมตัวรับมืออย่างไรครับ
ปล. ไปบวชวัดแถวบ้านย่า ลุงรู้จักกะเจ้าอาวาสซะด้วยอาจจะโดนกล่อม แต่ยากสสสสสสสสสสสสสสสสสสส ;D
ถาม 2 คำถามค่ะ
1. พระลูกวัดดังกล่าว ทราบว่าน้องจะสมัครรับศีลล้างบาปด้วยเหรอคะ ทำไมจะมาถามเรื่องคริสตศาสนาล่ะคะ คือเจ๊เข้าใจว่า ถ้าไม่ทราบ ก็คงคิดว่าเหมือนกับพุทธศาสนิกชนคนอื่นมาอุปสมบทด้วยจิตศรัทธา ก็น่าจะสนทนาเรื่องพุทธธรรมกันไป แต่การที่เขาจะมาคุยหรือสนทนาเรื่องคริสตศาสนากับน้อง ก็แสดงว่าพวกเขาทราบว่าน้องเป็นคริสตศาสนิกชน เป็นเช่นนั้นเหรอคะ
2. ก็น้องยอมไปบวชแล้ว ยังมีกล่อมอะไรอีกเหรอคะ กล่อมให้อยู่ต่อครบพรรษา อย่างนี้หรือเปล่าคะ
อย่างไรก็ตาม เป็นกำลังใจให้เหมือนเดิมค่ะ ขอให้ฝ่าฟันให้ได้ นิดเดียวเท่านั้นค่ะ
2. อาจจะกล่อมไม่ให้เปลี่ยนเป็นคริสต์อ่ะครับ
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
วันนี้ไปคุยมาแล้ว ได้นอนในโบสถ์ และต้องไปเรียนกับพระครูอะไรสักอย่างที่เป็นสายวิปัสนา (อาจจะต้องฝึกวิปัสนา) เซ็งจิต
-
- ~@
- โพสต์: 7624
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
- ที่อยู่: Pattaya Chonburi
:) คงไม่มีใครมาเปลี่ยนหัวใจที่มั่นคง และร้อนรนของเอกได้มั๊งจ๊ะ
โอ น้องไมเคิล พอล คะ พี่ขอรบกวนถามเพิ่มหน่อยค่ะ
1. ขอถามน้องด้วยความเคารพนะคะ หลังจากที่น้องสึกออกมาแล้ว น้องก็คงรับศีลล้างบาป แต่กระนั้นน้องก็ยังต้องใช้ชีวิตในสภาวะที่บุคคลแวดล้อมส่วนใหญ่ก็ยังเป็นพุทธศาสนิกชน น้องวางแผนที่จะวางตัวอย่างไรคะ คือพี่คิดว่า บางทีน้องอาจจะวางตัวลำบากหรือเปล่าคะ คือ น้องจะเป็นคริสตศาสนิกชนคนเดียวในหมู่ญาติๆมากมายที่นับถือพุทธ ในทางจิตวิทยาจะเกิดความกดดันบ้างไหมคะ ประมาณว่าญาติๆทุกคนก็ปฏิบัติศาสนกิจทางพุทธกันหมด มีน้องคนเดียวที่หายไป อะไรประมาณนี้น่ะค่ะ น้องเตรียมรับมือกับสถานการณ์นี้อย่างไรคะ
2. ตามคติไทย เมื่อบวชแล้ว พอถึงเวลาอันสมควรก็เบียด น้องอย่าหาว่าพี่คิดไกลเกินไปนะคะ คือเป็นห่วงน้องจริงๆ อย่างตอนนี้น้องต้องไปบวช ปัญหาก็ไม่น่าหนักใจนัก เพราะยังไม่ได้รับศีลล้างบาป ไปบวชแล้วมาล้างบาป ก็เหมือนปัญหาจะหมดไป แต่พี่คิดไปถึงตอนที่น้องแต่งงานน่ะสิคะ น้องอาจแต่งงานเข้าโบสถ์ ไม่มีปัญหา ตรงนั้นพี่ว่าไม่มีใครมาห้ามน้องได้ แต่พี่คิดมากกว่านั้น ตรงที่ว่า อาจมีการเรียกร้องให้จัดพิธีสมรสแบบไทยประเพณี มีการเจิมหน้าผาก สวมมงคล รดน้ำสังข์(น้ำพระพุทธมนต์) เชิญพระภิกษุมาอวยพรคู่บ่าวสาว ประมาณว่า แต่งเข้าโบสถ์ก็แต่งไป แต่"ต้อง"มารดน้ำสังข์ด้วย อันนี้พี่ไม่ได้คิดมากเกินไปนะคะ มันเคยมีอย่างนี้จริงๆมาแล้ว ( ที่สมรสต่างศาสนาน่ะค่ะ ) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าคู่สมรสไม่ได้เป็นคาทอลิกด้วย ทางฝ่ายพ่อแม่เขาอาจขอให้มีการจัดการสมรสแบบพุทธด้วย ( อย่างน้อยก็จะได้สมดุลย์กับทางเราซึ่งเป็นคริสต์ ) ถึงตอนนั้นน้องอาจจะอึดอัดมากกว่านี้ เพราะน้องรับศีลล้างบาป และคงเป็นคริสตชนเต็มตัวไปสักระยะแล้ว ต่อกรณีนี้ น้องเตรียมรับมืออย่างไรคะ
พี่ขอบคุณน้องล่วงหน้ามากๆค่ะ สำหรับคำตอบ พี่คิดว่าจะเป็นประโยชน์กับพี่น้องคนอื่นในบอร์ดด้วย
อย่างไรก็ตาม คิดว่าก็ต้องภาวนาเพื่อการดำเนินชีวิตคริสตชนที่มีคุณภาพของน้องไมเคิลพอลต่อไปค่ะ
1. ขอถามน้องด้วยความเคารพนะคะ หลังจากที่น้องสึกออกมาแล้ว น้องก็คงรับศีลล้างบาป แต่กระนั้นน้องก็ยังต้องใช้ชีวิตในสภาวะที่บุคคลแวดล้อมส่วนใหญ่ก็ยังเป็นพุทธศาสนิกชน น้องวางแผนที่จะวางตัวอย่างไรคะ คือพี่คิดว่า บางทีน้องอาจจะวางตัวลำบากหรือเปล่าคะ คือ น้องจะเป็นคริสตศาสนิกชนคนเดียวในหมู่ญาติๆมากมายที่นับถือพุทธ ในทางจิตวิทยาจะเกิดความกดดันบ้างไหมคะ ประมาณว่าญาติๆทุกคนก็ปฏิบัติศาสนกิจทางพุทธกันหมด มีน้องคนเดียวที่หายไป อะไรประมาณนี้น่ะค่ะ น้องเตรียมรับมือกับสถานการณ์นี้อย่างไรคะ
2. ตามคติไทย เมื่อบวชแล้ว พอถึงเวลาอันสมควรก็เบียด น้องอย่าหาว่าพี่คิดไกลเกินไปนะคะ คือเป็นห่วงน้องจริงๆ อย่างตอนนี้น้องต้องไปบวช ปัญหาก็ไม่น่าหนักใจนัก เพราะยังไม่ได้รับศีลล้างบาป ไปบวชแล้วมาล้างบาป ก็เหมือนปัญหาจะหมดไป แต่พี่คิดไปถึงตอนที่น้องแต่งงานน่ะสิคะ น้องอาจแต่งงานเข้าโบสถ์ ไม่มีปัญหา ตรงนั้นพี่ว่าไม่มีใครมาห้ามน้องได้ แต่พี่คิดมากกว่านั้น ตรงที่ว่า อาจมีการเรียกร้องให้จัดพิธีสมรสแบบไทยประเพณี มีการเจิมหน้าผาก สวมมงคล รดน้ำสังข์(น้ำพระพุทธมนต์) เชิญพระภิกษุมาอวยพรคู่บ่าวสาว ประมาณว่า แต่งเข้าโบสถ์ก็แต่งไป แต่"ต้อง"มารดน้ำสังข์ด้วย อันนี้พี่ไม่ได้คิดมากเกินไปนะคะ มันเคยมีอย่างนี้จริงๆมาแล้ว ( ที่สมรสต่างศาสนาน่ะค่ะ ) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าคู่สมรสไม่ได้เป็นคาทอลิกด้วย ทางฝ่ายพ่อแม่เขาอาจขอให้มีการจัดการสมรสแบบพุทธด้วย ( อย่างน้อยก็จะได้สมดุลย์กับทางเราซึ่งเป็นคริสต์ ) ถึงตอนนั้นน้องอาจจะอึดอัดมากกว่านี้ เพราะน้องรับศีลล้างบาป และคงเป็นคริสตชนเต็มตัวไปสักระยะแล้ว ต่อกรณีนี้ น้องเตรียมรับมืออย่างไรคะ
พี่ขอบคุณน้องล่วงหน้ามากๆค่ะ สำหรับคำตอบ พี่คิดว่าจะเป็นประโยชน์กับพี่น้องคนอื่นในบอร์ดด้วย
อย่างไรก็ตาม คิดว่าก็ต้องภาวนาเพื่อการดำเนินชีวิตคริสตชนที่มีคุณภาพของน้องไมเคิลพอลต่อไปค่ะ
-
- ~@
- โพสต์: 2546
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm
ปั้มว่านะครับ
พี่เอกต้องแสดงจุดยืนและป่าวประกาศให้คนอื่นรู้ว่าที่ยอมไปเนี๊ยะ เพราะพระเยซูเจ้าสอนให้ถ่อมตนและเชื่อฟังบิดามารดาไม่ได้ไปเพราะศรัทธาในพระพุทธศาสนา
พี่เอกต้องแสดงจุดยืนและป่าวประกาศให้คนอื่นรู้ว่าที่ยอมไปเนี๊ยะ เพราะพระเยซูเจ้าสอนให้ถ่อมตนและเชื่อฟังบิดามารดาไม่ได้ไปเพราะศรัทธาในพระพุทธศาสนา
There's no need to worry about all of that... Just trust in God...Jezebel เขียน: โอ น้องไมเคิล พอล คะ พี่ขอรบกวนถามเพิ่มหน่อยค่ะ
1. ขอถามน้องด้วยความเคารพนะคะ หลังจากที่น้องสึกออกมาแล้ว น้องก็คงรับศีลล้างบาป .....
2. ตามคติไทย เมื่อบวชแล้ว พอถึงเวลาอันสมควรก็เบียด น้องอย่าหาว่าพี่คิดไกลเกินไปนะคะ........
พี่ขอบคุณน้องล่วงหน้ามากๆค่ะ สำหรับคำตอบ พี่คิดว่าจะเป็นประโยชน์กับพี่น้องคนอื่นในบอร์ดด้วย ......
God had prepared the way for you.. When He called someone, He had a plan for him. You don't even have to think of anything.. Just trust in God with your whole heart... :) Just trust Him and you'll be fine... :)
But if you really want to think what you should do for now, just pray to the Lord and He'll give you the answer.. :)
- Immanuel (MichaelPaul)
- ~@
- โพสต์: 2887
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 8:49 pm
- ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร
ผมก็ไปช่วยงานแต่ไม่ได้ไหว้ครับ(ผมเริ่มทำแบบนี้มานานแล้ว) เช่นสงกรานต์ ผมก็ไหว้กระดูกปู่และย่า (เป็นการแสดงความเคารพ) โดยไม่ได้จุดธูปไหว้พระพุทธรูป เวลาไปบังสุกุลกระดูกผมก็ทำหน้าที่จุดธูปแจกและรับธูปมาปักครับ ผมเน้นว่า แตกต่างแต่ไม่แตกแยก ;DJezebel เขียน: โอ น้องไมเคิล พอล คะ พี่ขอรบกวนถามเพิ่มหน่อยค่ะ
1. ขอถามน้องด้วยความเคารพนะคะ หลังจากที่น้องสึกออกมาแล้ว น้องก็คงรับศีลล้างบาป แต่กระนั้นน้องก็ยังต้องใช้ชีวิตในสภาวะที่บุคคลแวดล้อมส่วนใหญ่ก็ยังเป็นพุทธศาสนิกชน น้องวางแผนที่จะวางตัวอย่างไรคะ คือพี่คิดว่า บางทีน้องอาจจะวางตัวลำบากหรือเปล่าคะ คือ น้องจะเป็นคริสตศาสนิกชนคนเดียวในหมู่ญาติๆมากมายที่นับถือพุทธ ในทางจิตวิทยาจะเกิดความกดดันบ้างไหมคะ ประมาณว่าญาติๆทุกคนก็ปฏิบัติศาสนกิจทางพุทธกันหมด มีน้องคนเดียวที่หายไป อะไรประมาณนี้น่ะค่ะ น้องเตรียมรับมือกับสถานการณ์นี้อย่างไรคะ
2. ตามคติไทย เมื่อบวชแล้ว พอถึงเวลาอันสมควรก็เบียด น้องอย่าหาว่าพี่คิดไกลเกินไปนะคะ คือเป็นห่วงน้องจริงๆ อย่างตอนนี้น้องต้องไปบวช ปัญหาก็ไม่น่าหนักใจนัก เพราะยังไม่ได้รับศีลล้างบาป ไปบวชแล้วมาล้างบาป ก็เหมือนปัญหาจะหมดไป แต่พี่คิดไปถึงตอนที่น้องแต่งงานน่ะสิคะ น้องอาจแต่งงานเข้าโบสถ์ ไม่มีปัญหา ตรงนั้นพี่ว่าไม่มีใครมาห้ามน้องได้ แต่พี่คิดมากกว่านั้น ตรงที่ว่า อาจมีการเรียกร้องให้จัดพิธีสมรสแบบไทยประเพณี มีการเจิมหน้าผาก สวมมงคล รดน้ำสังข์(น้ำพระพุทธมนต์) เชิญพระภิกษุมาอวยพรคู่บ่าวสาว ประมาณว่า แต่งเข้าโบสถ์ก็แต่งไป แต่"ต้อง"มารดน้ำสังข์ด้วย อันนี้พี่ไม่ได้คิดมากเกินไปนะคะ มันเคยมีอย่างนี้จริงๆมาแล้ว ( ที่สมรสต่างศาสนาน่ะค่ะ ) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าคู่สมรสไม่ได้เป็นคาทอลิกด้วย ทางฝ่ายพ่อแม่เขาอาจขอให้มีการจัดการสมรสแบบพุทธด้วย ( อย่างน้อยก็จะได้สมดุลย์กับทางเราซึ่งเป็นคริสต์ ) ถึงตอนนั้นน้องอาจจะอึดอัดมากกว่านี้ เพราะน้องรับศีลล้างบาป และคงเป็นคริสตชนเต็มตัวไปสักระยะแล้ว ต่อกรณีนี้ น้องเตรียมรับมืออย่างไรคะ
พี่ขอบคุณน้องล่วงหน้ามากๆค่ะ สำหรับคำตอบ พี่คิดว่าจะเป็นประโยชน์กับพี่น้องคนอื่นในบอร์ดด้วย
อย่างไรก็ตาม คิดว่าก็ต้องภาวนาเพื่อการดำเนินชีวิตคริสตชนที่มีคุณภาพของน้องไมเคิลพอลต่อไปค่ะ
2. ผมไม่รับน้ำสังข์หรือทำพิธีทางพุทธเด็ดขาดครับ ทำทางคริสต์เท่านั้น(ใจแคบไปไหมนี่) เพราะผมจะบอกให้ทางเค้าเข้าใจถึงบัญญัติของเราซึ่งต่างจากเค้าครับ
พูดตรงๆจากใจจริงเลยนะคะ พี่ประทับใจในความเด็ดเดี่ยวศรัทธาของน้องมากเลยค่ะ จริงๆนะคะMichaelPaul เขียน:ผมก็ไปช่วยงานแต่ไม่ได้ไหว้ครับ(ผมเริ่มทำแบบนี้มานานแล้ว) เช่นสงกรานต์ ผมก็ไหว้กระดูกปู่และย่า (เป็นการแสดงความเคารพ) โดยไม่ได้จุดธูปไหว้พระพุทธรูป เวลาไปบังสุกุลกระดูกผมก็ทำหน้าที่จุดธูปแจกและรับธูปมาปักครับ ผมเน้นว่า แตกต่างแต่ไม่แตกแยก ;DJezebel เขียน: โอ น้องไมเคิล พอล คะ พี่ขอรบกวนถามเพิ่มหน่อยค่ะ
1. ขอถามน้องด้วยความเคารพนะคะ หลังจากที่น้องสึกออกมาแล้ว น้องก็คงรับศีลล้างบาป แต่กระนั้นน้องก็ยังต้องใช้ชีวิตในสภาวะที่บุคคลแวดล้อมส่วนใหญ่ก็ยังเป็นพุทธศาสนิกชน น้องวางแผนที่จะวางตัวอย่างไรคะ คือพี่คิดว่า บางทีน้องอาจจะวางตัวลำบากหรือเปล่าคะ คือ น้องจะเป็นคริสตศาสนิกชนคนเดียวในหมู่ญาติๆมากมายที่นับถือพุทธ ในทางจิตวิทยาจะเกิดความกดดันบ้างไหมคะ ประมาณว่าญาติๆทุกคนก็ปฏิบัติศาสนกิจทางพุทธกันหมด มีน้องคนเดียวที่หายไป อะไรประมาณนี้น่ะค่ะ น้องเตรียมรับมือกับสถานการณ์นี้อย่างไรคะ
2. ตามคติไทย เมื่อบวชแล้ว พอถึงเวลาอันสมควรก็เบียด น้องอย่าหาว่าพี่คิดไกลเกินไปนะคะ คือเป็นห่วงน้องจริงๆ อย่างตอนนี้น้องต้องไปบวช ปัญหาก็ไม่น่าหนักใจนัก เพราะยังไม่ได้รับศีลล้างบาป ไปบวชแล้วมาล้างบาป ก็เหมือนปัญหาจะหมดไป แต่พี่คิดไปถึงตอนที่น้องแต่งงานน่ะสิคะ น้องอาจแต่งงานเข้าโบสถ์ ไม่มีปัญหา ตรงนั้นพี่ว่าไม่มีใครมาห้ามน้องได้ แต่พี่คิดมากกว่านั้น ตรงที่ว่า อาจมีการเรียกร้องให้จัดพิธีสมรสแบบไทยประเพณี มีการเจิมหน้าผาก สวมมงคล รดน้ำสังข์(น้ำพระพุทธมนต์) เชิญพระภิกษุมาอวยพรคู่บ่าวสาว ประมาณว่า แต่งเข้าโบสถ์ก็แต่งไป แต่"ต้อง"มารดน้ำสังข์ด้วย อันนี้พี่ไม่ได้คิดมากเกินไปนะคะ มันเคยมีอย่างนี้จริงๆมาแล้ว ( ที่สมรสต่างศาสนาน่ะค่ะ ) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าคู่สมรสไม่ได้เป็นคาทอลิกด้วย ทางฝ่ายพ่อแม่เขาอาจขอให้มีการจัดการสมรสแบบพุทธด้วย ( อย่างน้อยก็จะได้สมดุลย์กับทางเราซึ่งเป็นคริสต์ ) ถึงตอนนั้นน้องอาจจะอึดอัดมากกว่านี้ เพราะน้องรับศีลล้างบาป และคงเป็นคริสตชนเต็มตัวไปสักระยะแล้ว ต่อกรณีนี้ น้องเตรียมรับมืออย่างไรคะ
พี่ขอบคุณน้องล่วงหน้ามากๆค่ะ สำหรับคำตอบ พี่คิดว่าจะเป็นประโยชน์กับพี่น้องคนอื่นในบอร์ดด้วย
อย่างไรก็ตาม คิดว่าก็ต้องภาวนาเพื่อการดำเนินชีวิตคริสตชนที่มีคุณภาพของน้องไมเคิลพอลต่อไปค่ะ
2. ผมไม่รับน้ำสังข์หรือทำพิธีทางพุทธเด็ดขาดครับ ทำทางคริสต์เท่านั้น(ใจแคบไปไหมนี่) เพราะผมจะบอกให้ทางเค้าเข้าใจถึงบัญญัติของเราซึ่งต่างจากเค้าครับ
น้องอย่าหาว่าพี่กวนประสาทเลยนะคะ คือพี่อยากทราบความเห็นของน้องจริงๆค่ะ
1. ถ้าสมมติว่าทางบ้านน้องบอกว่า ถ้าจะแต่งงานต้องรดน้ำสังข์พระพุทธมนต์ แบบว่าบังคับมาเลย น้องจะทำไงคะ เหมือนกับบอกว่า ถ้าจะล้างบาป ต้องอุปสมบทก่อน เป็นต้น
2. ถ้าทางบ้านฝ่ายหญิง(ถ้าแฟนน้องเป็นพุทธ)ยื่นคำขาดมาเลย บอกว่า ถ้าจะแต่งกับลูกสาวเขา น้องต้องรดน้ำสังข์ เพราะเขาเป็นพุทธ ไม่งั้นไม่ยอม ยังไงๆ ถ้าจะแต่งกับลูกสาวเขา จะแต่งเข้าโบสถ์ก็ทำได้ แต่ต้องรดน้ำสังข์ สวมมงคล เจิมหน้าผากด้วย แฟนน้องเองก็อาจจะมีใจไปทางพิธีพุทธด้วยสิ ทว่าแฟนน้องน้องก็รักมาก น้องจะทำอย่างไรคะ
เคยมีกรณีเช่นนี้จริงๆนะคะ คริสต์ไปแต่งกับพุทธ โดนยื่นข้อเสนอให้ต้องรดน้ำด้วยเนี่ยค่ะ พี่ว่าน้องไมเคิลพอลอาจจะต้องเตรียมใจไว้นิดน่ะค่ะ
อย่าเข้าใจว่าพี่กวนประสาทเลยนะคะ พี่อยากทราบความเห็นของน้องจริงๆค่ะ ทั้งนี้ ด้วยความปรารถนาดีต่อน้องอย่างที่สุดค่ะ พี่ขอขอบคุณน้องไมเคิลพอลล่วงหน้ามากๆด้วยนะคะ
แก้ไขล่าสุดโดย Jezebel เมื่อ อาทิตย์ มิ.ย. 11, 2006 9:09 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- ~@
- โพสต์: 7624
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
- ที่อยู่: Pattaya Chonburi
;D เหตุการณ์จริงยังไม่เกิดเลยคะเจ๊เบล ได้ข่าวว่าน้องเอกจะบวชเป็นพ่อด้วยอ่ะ
น้องฟีมคะ เจ๊คอนเฟิร์มค่ะว่า น้องไมเคิลพอลไม่บวชเป็นพ่อของสัตบุรุษ แต่จะแต่งเป็นพ่อของลูกค่ะ:+: seraphim :+: เขียน: ;D เหตุการณ์จริงยังไม่เกิดเลยคะเจ๊เบล ได้ข่าวว่าน้องเอกจะบวชเป็นพ่อด้วยอ่ะ
เรารอน้องไมเคิลพอลมาตอบดีกว่าค่ะ ขอบคุณน้องไมเคิลพอลล่วงหน้าสำหรับคำตอบนะคะ
-
- ~@
- โพสต์: 7624
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
- ที่อยู่: Pattaya Chonburi
;D อ้าว...สงสัยข่าวผิดอ่ะคะ งั้นรอเจ้าตัวแถลงนิ
ค่ะ ต้องรอน้องเขามาตอบ ที่สำคัญก็คือเจ๊อยากทราบความเห็นของน้องเขาเหมือนกันว่าถ้าต้อง"เลือก" น้องเขาจะ"เลือก"แก้ปัญหาอย่างไร เพราะ เจ๊สารภาพตรงๆนะคะ ถ้าเป็นเจ๊ เจ๊ก็คงลำบากใจ และอาจ"เลือก"ตัดสินใจไม่ถูกเหมือนกัน เจ๊ถึงได้ว่า"ทึ่ง"ในความเด็ดเดี่ยวศรัทธาของน้องไมเคิลพอลไงคะ:+: seraphim :+: เขียน: ;D อ้าว...สงสัยข่าวผิดอ่ะคะ งั้นรอเจ้าตัวแถลงนิ
ในตอนนี้ เจ๊ขอบคุณพระเจ้าสำหรับฤทธิ์กุศลความเชื่อที่ประทานแก่น้องไมเคิลพอลค่ะ
-
- ~@
- โพสต์: 7624
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
- ที่อยู่: Pattaya Chonburi
8) แหมๆๆๆๆ เจ๊ก็ใช่ย่อยคะ ตัดสินใจเด็ดเดี่ยวไปอยู่นอกแบบนี้ น่าทึ่งเหมือนกันคะ ทึ่งในความเป็นสาวมั่นอ่ะ
สาวมั่นอะไรคะ เจ๊ไม่สาวแล้วค่ะ แก่แล้ว...วววว....วว:+: seraphim :+: เขียน: 8) แหมๆๆๆๆ เจ๊ก็ใช่ย่อยคะ ตัดสินใจเด็ดเดี่ยวไปอยู่นอกแบบนี้ น่าทึ่งเหมือนกันคะ ทึ่งในความเป็นสาวมั่นอ่ะ
กรณีของเจ๊ไม่เหมือนกันนะคะ เพราะของเจ๊เป็นคริสตชนกันทั้งคู่ ตัดสินใจไม่ยากค่ะ ง่ายออก
เอาเป็นว่า เรารออ่านความเห็นของน้องไมเคิลพอลดีกว่าค่ะ เจ๊เชื่อว่าน้องเขาต้องมีความคิดดีๆแน่นอน และจะเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับพวกเราในเรื่องความเชื่อศรัทธาด้วย ซึ่งที่แน่ๆจะเป็นแบบอย่างที่ดีให้เจ๊แน่เลยค่ะ ขอบคุณพระเจ้าค่ะ
-
- ~@
- โพสต์: 7624
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
- ที่อยู่: Pattaya Chonburi
;D ความมั่นใจ ไม่มีอายุเจ้าคะ
- Immanuel (MichaelPaul)
- ~@
- โพสต์: 2887
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 8:49 pm
- ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร
เอาเรื่องบวชก่อนนะครับ ผมอยากบวชเป็นคุณพ่อครับ แต่ที่บ้านและตระกูลผมเป็นลูกชายคนเดียวนี่สิ และผมเคยคุยกะคุณพ่อเรื่องบวชว่าถ้าบวชแล้วมาดูแลพ่อแม่ได้ไหม(เพราะถ้าท่านแก่จะไม่มีคนดูแล) คุณพ่อบอกว่าการบวชนั้นจะต้องอุทิศตนอย่างเต็มที่หากมีภาระก็ไม่อยากให้บวชเพราะจะทำได้ไม่ดีสักอย่าง(ราวนี้อ่ะครับจำไม่ค่อยได้)
- Immanuel (MichaelPaul)
- ~@
- โพสต์: 2887
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 8:49 pm
- ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร
1. ผมบอกเค้าแล้วว่าจะไม่มีการทำแบบนี้อีกแล้วการบวชนี้จะเป็นหน้าที่ในทางพุทธครั้งสุดท้ายของผมดังนั้นไม่ว่ายังไงผมก็ไม่ทำJezebel เขียน:พูดตรงๆจากใจจริงเลยนะคะ พี่ประทับใจในความเด็ดเดี่ยวศรัทธาของน้องมากเลยค่ะ จริงๆนะคะMichaelPaul เขียน:ผมก็ไปช่วยงานแต่ไม่ได้ไหว้ครับ(ผมเริ่มทำแบบนี้มานานแล้ว) เช่นสงกรานต์ ผมก็ไหว้กระดูกปู่และย่า (เป็นการแสดงความเคารพ) โดยไม่ได้จุดธูปไหว้พระพุทธรูป เวลาไปบังสุกุลกระดูกผมก็ทำหน้าที่จุดธูปแจกและรับธูปมาปักครับ ผมเน้นว่า แตกต่างแต่ไม่แตกแยก ;DJezebel เขียน: โอ น้องไมเคิล พอล คะ พี่ขอรบกวนถามเพิ่มหน่อยค่ะ
1. ขอถามน้องด้วยความเคารพนะคะ หลังจากที่น้องสึกออกมาแล้ว น้องก็คงรับศีลล้างบาป แต่กระนั้นน้องก็ยังต้องใช้ชีวิตในสภาวะที่บุคคลแวดล้อมส่วนใหญ่ก็ยังเป็นพุทธศาสนิกชน น้องวางแผนที่จะวางตัวอย่างไรคะ คือพี่คิดว่า บางทีน้องอาจจะวางตัวลำบากหรือเปล่าคะ คือ น้องจะเป็นคริสตศาสนิกชนคนเดียวในหมู่ญาติๆมากมายที่นับถือพุทธ ในทางจิตวิทยาจะเกิดความกดดันบ้างไหมคะ ประมาณว่าญาติๆทุกคนก็ปฏิบัติศาสนกิจทางพุทธกันหมด มีน้องคนเดียวที่หายไป อะไรประมาณนี้น่ะค่ะ น้องเตรียมรับมือกับสถานการณ์นี้อย่างไรคะ
2. ตามคติไทย เมื่อบวชแล้ว พอถึงเวลาอันสมควรก็เบียด น้องอย่าหาว่าพี่คิดไกลเกินไปนะคะ คือเป็นห่วงน้องจริงๆ อย่างตอนนี้น้องต้องไปบวช ปัญหาก็ไม่น่าหนักใจนัก เพราะยังไม่ได้รับศีลล้างบาป ไปบวชแล้วมาล้างบาป ก็เหมือนปัญหาจะหมดไป แต่พี่คิดไปถึงตอนที่น้องแต่งงานน่ะสิคะ น้องอาจแต่งงานเข้าโบสถ์ ไม่มีปัญหา ตรงนั้นพี่ว่าไม่มีใครมาห้ามน้องได้ แต่พี่คิดมากกว่านั้น ตรงที่ว่า อาจมีการเรียกร้องให้จัดพิธีสมรสแบบไทยประเพณี มีการเจิมหน้าผาก สวมมงคล รดน้ำสังข์(น้ำพระพุทธมนต์) เชิญพระภิกษุมาอวยพรคู่บ่าวสาว ประมาณว่า แต่งเข้าโบสถ์ก็แต่งไป แต่"ต้อง"มารดน้ำสังข์ด้วย อันนี้พี่ไม่ได้คิดมากเกินไปนะคะ มันเคยมีอย่างนี้จริงๆมาแล้ว ( ที่สมรสต่างศาสนาน่ะค่ะ ) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าคู่สมรสไม่ได้เป็นคาทอลิกด้วย ทางฝ่ายพ่อแม่เขาอาจขอให้มีการจัดการสมรสแบบพุทธด้วย ( อย่างน้อยก็จะได้สมดุลย์กับทางเราซึ่งเป็นคริสต์ ) ถึงตอนนั้นน้องอาจจะอึดอัดมากกว่านี้ เพราะน้องรับศีลล้างบาป และคงเป็นคริสตชนเต็มตัวไปสักระยะแล้ว ต่อกรณีนี้ น้องเตรียมรับมืออย่างไรคะ
พี่ขอบคุณน้องล่วงหน้ามากๆค่ะ สำหรับคำตอบ พี่คิดว่าจะเป็นประโยชน์กับพี่น้องคนอื่นในบอร์ดด้วย
อย่างไรก็ตาม คิดว่าก็ต้องภาวนาเพื่อการดำเนินชีวิตคริสตชนที่มีคุณภาพของน้องไมเคิลพอลต่อไปค่ะ
2. ผมไม่รับน้ำสังข์หรือทำพิธีทางพุทธเด็ดขาดครับ ทำทางคริสต์เท่านั้น(ใจแคบไปไหมนี่) เพราะผมจะบอกให้ทางเค้าเข้าใจถึงบัญญัติของเราซึ่งต่างจากเค้าครับ
น้องอย่าหาว่าพี่กวนประสาทเลยนะคะ คือพี่อยากทราบความเห็นของน้องจริงๆค่ะ
1. ถ้าสมมติว่าทางบ้านน้องบอกว่า ถ้าจะแต่งงานต้องรดน้ำสังข์พระพุทธมนต์ แบบว่าบังคับมาเลย น้องจะทำไงคะ เหมือนกับบอกว่า ถ้าจะล้างบาป ต้องอุปสมบทก่อน เป็นต้น
2. ถ้าทางบ้านฝ่ายหญิง(ถ้าแฟนน้องเป็นพุทธ)ยื่นคำขาดมาเลย บอกว่า ถ้าจะแต่งกับลูกสาวเขา น้องต้องรดน้ำสังข์ เพราะเขาเป็นพุทธ ไม่งั้นไม่ยอม ยังไงๆ ถ้าจะแต่งกับลูกสาวเขา จะแต่งเข้าโบสถ์ก็ทำได้ แต่ต้องรดน้ำสังข์ สวมมงคล เจิมหน้าผากด้วย แฟนน้องเองก็อาจจะมีใจไปทางพิธีพุทธด้วยสิ ทว่าแฟนน้องน้องก็รักมาก น้องจะทำอย่างไรคะ
เคยมีกรณีเช่นนี้จริงๆนะคะ คริสต์ไปแต่งกับพุทธ โดนยื่นข้อเสนอให้ต้องรดน้ำด้วยเนี่ยค่ะ พี่ว่าน้องไมเคิลพอลอาจจะต้องเตรียมใจไว้นิดน่ะค่ะ
อย่าเข้าใจว่าพี่กวนประสาทเลยนะคะ พี่อยากทราบความเห็นของน้องจริงๆค่ะ ทั้งนี้ ด้วยความปรารถนาดีต่อน้องอย่างที่สุดค่ะ พี่ขอขอบคุณน้องไมเคิลพอลล่วงหน้ามากๆด้วยนะคะ
2. ผมจะคุยกับแฟนว่าผมไม่รดน้ำสังข์ไม่ทำพิธีแบบพุทธเด็ดขาด ส่วนทางบ้านฝ่ายหญิงก็ให้ฝ่ายหญิงเลือกเอาเองละกันว่าถ้าจะไม่แต่งกันเพราะเรื่องที่เอกไม่ยอมรดน้ำสังข์ก็ช่างเค้าละกันครับ
-
- Defender of lawS
- โพสต์: 3324
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
- ที่อยู่: Bangkok
ขอชื่นชมน้องเอกค่ะ .....โดยส่วนตัวพี่รู้สึกเสียดาย ที่หนุ่มๆ คริสตชนหลายๆคน ไม่ได้ เป็นท่อพระพรให้กับครอบครัวแบบ อับราฮัม เพราะเขาไม่กล้า ชวนแฟน มาเข้าโบสถ์/วัด ทั้งๆที่พระเจ้า ทรงให้สิทธิพิเศษ กับเขาในฐานะเป็นผู้นำครอบครัว ซึ่งผู้นำครอบครัว ต้องนำพระพร แห่งความรอด มาถึงครอบครัว คือ ภรรยา และบุตร-หลานในอนาคตMichaelPaul เขียน:
2. ผมจะคุยกับแฟนว่าผมไม่รดน้ำสังข์ไม่ทำพิธีแบบพุทธเด็ดขาด ส่วนทางบ้านฝ่ายหญิงก็ให้ฝ่ายหญิงเลือกเอาเองละกันว่าถ้าจะไม่แต่งกันเพราะเรื่องที่เอกไม่ยอมรดน้ำสังข์ก็ช่างเค้าละกันครับ
เพราะการสมรสเราต้องมองกาลไกลตลอดชีวิตนี้ และ โลกหน้า ( คือชีวิตนิรันดร์ )
ดังนั้น ชีวิตของเราแต่ละคนต้อง ประกาศ/แพร่ธรรม แก่ คนในครอบครัว โดยเฉพาะครอบครัวที่เป็นคู่พระพร และลูกๆ ที่เกิดมา ...............เพียงแต่ของพระปัญญาจากพระเจ้า ว่าเราจะเป็นพยานชีวิตอย่างไร และต้อง (ต้องนะคะ ) อธิษฐานภาวนาให้คู่ (รัก ) ที่ยังไม่รู้จักพระเจ้าอย่างเอาจริงเอาจัง เพราะเขา/เธอ คือ ลูกแกะที่พระเจ้าทรงมอบให้มาอยู่ภายใต้ร่มพระคุณของพระเจ้าผ่านเรา ค่ะ
ดังนั้น น้องเอก อย่าละเลยในการอธิษฐาน ให้แฟน
แก้ไขล่าสุดโดย Prod Pran เมื่อ จันทร์ มิ.ย. 12, 2006 11:20 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
- Immanuel (MichaelPaul)
- ~@
- โพสต์: 2887
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 8:49 pm
- ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร
ตอนนี้ท่องคำขอบวชไปได้ถึงช่วงที่4ละ เป็นศีล10 ศีลที่8ยาวมั๊กๆ จำยากจัง(ข้ออื่นใช้วิธีจำแบบโกงๆเอาอิอิ)
ต้องขอบคุณพระเจ้าที่ให้ผมอ่านคร่าวๆก่อนรอบนึงทำให้จับทางได้ว่า มันมี3บทที่เหมือนกันแต่ต่างกันแค่คำนิดเดียว บางบทก็ย้อนกลับหน้าหลัง บางคำก็สลับตำแหน่งกันเลยไม่ต้องจำแบบถึกๆใช้จำเปรียบเทียบแล้วเติมคำลงในช่องว่าง ;D
ส่วนตอนรับ อะหังภันเต กับ นัตถิ ภันเต ถ้าทางพระท่านไม่ได้สลับคำผมก็สามารถตอบได้โดยตอบ อะหังภันเต4ครั้ง นัตถิภันเต5ครังแล้วอะหังภันเต รัวๆไปเลย ;D (ถ้าเจอสลับคำซวยแน่ตู)
ต้องขอบคุณพระเจ้าที่ให้ผมอ่านคร่าวๆก่อนรอบนึงทำให้จับทางได้ว่า มันมี3บทที่เหมือนกันแต่ต่างกันแค่คำนิดเดียว บางบทก็ย้อนกลับหน้าหลัง บางคำก็สลับตำแหน่งกันเลยไม่ต้องจำแบบถึกๆใช้จำเปรียบเทียบแล้วเติมคำลงในช่องว่าง ;D
ส่วนตอนรับ อะหังภันเต กับ นัตถิ ภันเต ถ้าทางพระท่านไม่ได้สลับคำผมก็สามารถตอบได้โดยตอบ อะหังภันเต4ครั้ง นัตถิภันเต5ครังแล้วอะหังภันเต รัวๆไปเลย ;D (ถ้าเจอสลับคำซวยแน่ตู)
ประทับใจมากครับกับคำตอบ ขอพระเจ้าอวยพระพรน้องเอกตลอดไปนะครับ
1. ผมบอกเค้าแล้วว่าจะไม่มีการทำแบบนี้อีกแล้วการบวชนี้จะเป็นหน้าที่ในทางพุทธครั้งสุดท้ายของผมดังนั้นไม่ว่ายังไงผมก็ไม่ทำ
2. ผมจะคุยกับแฟนว่าผมไม่รดน้ำสังข์ไม่ทำพิธีแบบพุทธเด็ดขาด ส่วนทางบ้านฝ่ายหญิงก็ให้ฝ่ายหญิงเลือกเอาเองละกันว่าถ้าจะไม่แต่งกันเพราะเรื่องที่เอกไม่ยอมรดน้ำสังข์ก็ช่างเค้าละกันครับ
"ให้กิจการทุกอย่างที่ทำเป็นการถวายเกียรติแด่พระบิดาเจ้าสวรรค์
- SHANTIRAKSA
- โพสต์: 87
- ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ มี.ค. 19, 2005 8:58 pm
ไม่รำคาญนะครับ มีเรื่องอย่างนี้ทีไรผมต้องแวะมาเสนอทุกที
ก่อนอื่นผมต้องบอกว่าเห็นใจเจ้าของกระทู้นะครับ พอขึ้นชื่อว่า"ความเชื่อ"แล้วล่ะก็ มันพูดกันยาก
พูดกันลำบาก ผมว่าไม่มีฝ่ายไหน ถูก หรือ ผิด(คุณหรือครอบครัว) ต่างคนต่างเชื่อในสิ่งที่ตนเอง
เชื่อมั่นในหลักความดี นี่ถ้า ถอดๆๆๆ เอาเรื่องบัญญัติ กำหนด รูปแบบต่างๆออก เราก็จะเหลือ สาระเหมือนกันคือ "ความดีงาม"
สำหรับผม ผมมีความปรารถนาที่ออกจะตรงข้ามกับกรณีนี้ นั่นคือ ถ้าผมสามารถบวชได้ในทุกศาสนา ผมจะบวชให้หมดเลย สำหรับแคทอลิคผมอยากเป็นภราดาน้อยฟรันซิสกัน สำหรับออร์โทดอกซ์อยากบวชทั้งในฝ่ายกรีกและรัสเซียน ฮินดูผมอยากบวชสายอุปนิษัท-โยคะ มุสลิมผมอยากบวชสายซูฟี พุทธผมอยากบวชแบบเคร่งครัดอย่างเถรวาท อยากบวชแบบเรียบง่ายเป็นพระเซ็น อยากบวชแบบแนวทางอันลึกซึ้งของวัชรยาน
แต่ผมทำทั้งหมดไม่ได้ครับ ไม่ใช่ว่าผมไม่ยินยอม แต่เพราะเงื่อนไขทางศาสนาต่างๆ ไม่ไปในทางเดียวกันหมด มันมีข้อแม้ว่า เมื่อผมถืออันนี้ อันนี้ๆผมจะถือไม่ได้
แน่นอนครับถ้าผมเป็นคริสตชน ผมต้องศรัทธาในพระตรีเอกานุภาพเท่านั้น ผมจะมาศรัทธาในพระพุทธเจ้าไม่ได้ แล้วถ้าผมศรัทธาในศาสนาอิสลาม แค่เรื่องพระตรีเอกานุภาพ ทั้งๆที่มีฐานความเชื่อมาจากแหล่งเดียวกัน ผมก็จะศรัทธาไม่ได้
ไม่มีทางที่ผมจะได้รับแผ่นศีล เพราะผมไม่ได้ล้างบาป แต่เท่าที่ผมจำได้ ท่าน นัท ฮันห์ พระเซ็นชาวเวียดนามผู้เผยแผ่คำสอนเรื่องสันติภาพไปทั่วโลก เคยได้รับจากบาทหลวงท่านนึง(ข้อนี้ขออภัย ผมจำรายละเอียดไม่ถนัดนัก)
ราวๆสี่สิบ ห้าสิบปีมานี้โลกตะวันตกหันมาสนใจในศาสนสัมพันธ์เพื่อสันติภาพกันอย่างกว้างขวาง มีการประชุมศาสนาต่างๆเพื่อสันติภาพกันบ่อยครั้ง มีการเปิดกว้างมากขึ้นแก่กันและกัน เพราะเน้นเอาสาระเป็นสำคัญ ผมว่าทางในไทยเรายังให้ความสำคัญกับเรื่องนี้น้อยอยู่ แล้วปัญหามันก็คือ เราไม่เข้าใจคำสอนของศาสนาอื่นอย่างจริงๆเพียงพอ แม้แต่ใน nostra aetate ก็ให้ความสำคัญกับเรื่องการให้คุณค่าต่อสิ่งที่ดีในศาสนาอื่นๆและช่วยกันรักษาคุณค่าดีๆนั้นไม่ให้สูญหายไป
ในฐานะที่ผมเป็นชาวพุทธ ผมกลับดีใจที่คุณได้มีโอกาสศึกษา"พระธรรม"ของทั้งสองศาสนา อย่างที่ท่านหนึ่งได้แสดงความคิดเห็นเช่นนี้ไว้แล้ว เพราะไม่ใช่โอกาสที่จะมีง่ายนัก และหากคุณไม่สบายใจใน "วัตร" ต่างๆที่คุณต้องปฏิบัติเมื่อเป็นพระภิกษุ ผมจะขอเรียนให้สบายใจดังนี้
ประการแรก พระพุทธศาสนาไม่ได้เป็นความเชื่อลางนอกรีต สำหรับคริสตศาสนาอย่างแน่นอน สิ่งที่พุทธศาสนาสอนคือจริยธรรมและการปฏิบัติตนให้ก้าวพ้นออกจากความทุกข์ อันเกิดจากกิเลสของเราทั้งหลาย ดังนั้นคำสอนในพุทธศาสนาจึงส่งเสริมความดีงามทั้งปวงเช่นเดียวกับคริสตศาสนา
ประการต่อมา พระพุทธเจ้า ไม่ใช่พระเจ้า คุณจึงไม่ได้เคารพพระเจ้า"อีกองค์หนึ่ง"เมื่อคุณไหว้พระพุทธรูป ข้อนี้ผมอยากให้หมายสำคัญชัดว่าพระพุทธเจ้าเป็นมนุษย์เช่นเดียวกับเรา แต่ได้ตรัสรู้"ธรรม" หรือจะเรียกว่า ความรู้ที่จะทำให้เราฝึกตนเพื่อล่วงจากกิเลสทั้งหลาย ไม่มีดวงวิญญาณพระพุทธเจ้าในพระพุทธรูป พระพุทธรูปเป็นสัญลักษณ์เตือนใจให้ระลึกถึงคำสอนของพระพุทธเจ้า ดังที่ท่านตรัสว่า "ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นย่อมเห็นเรา ผู้ใดเห็นเรา ผู้นั้นย่อมเห็นธรรม" หมายถึงผู้ที่เข้าใจธรรมที่พระพุทธเจ้าสอน จึงจะเสมือนว่าเห็นท่าน(เห็นชัด เห็นเบลอๆต่างกันไป) หากว่าไม่เข้าใจธรรมนั้น ต่อให้เห็นตัวท่านเป็นๆต่อหน้า ก็เหมือนว่าไม่เห็นท่าน ดังนั้นการไหว้พระพุทธรูปหมายเอาการระลึกถึงพระธรรมที่ท่านสอนมาใส่ใจปฏิบัติ เป็นสำคัญ ข้อนี้จึงไม่น่าจะมีปัญหากับคุณเจ้าของกระทู้อีกเช่นกันเพราะ"ธรรม"ที่ระลึกนั้น ก็เป็น"วิชาการฝึกตนให้ไกลจากกิเลส"(จากมาร จากซาตานหรืออะไรก็ตามแต่ที่ไม่ดีงามทั้งหลาย)
ดังนั้นประการต่อมา เรื่องจำพวกจุดธูปจุดเทียนไหว้ ก็อยู่ในเกณฑ์เดียวกันโดยเน้นถึงคำสอนเป็นหลัก เน้นนะครับว่าหากว่าจุดธูปไว้บุคคลได้ อย่ากังวลเวลาจุดไหว้พระพุทธเจ้า เพราะท่านก็เป็นบุคคลเช่นกัน(อย่างน้อยคิดเอาก็ได้ว่า คำสอนของท่านก็ทำให้คนหลายล้านคนบนโลกมีความสุขสงบใจ) เคยเห็นภาพคุณพ่อเดินเวียนเทียนนะครับ นั่นล่ะครับเป็นนัยยะแบบนั้น
เรื่องแต่งงานรดน้ำสังข์ (ประเพณีพราหมณ์ครับ)น้ำพระพุทธมนต์อย่างไรนั้น(ออกนอกเรื่องบวชไปหน่อย เพราะมีผู้คิดเห็นมา) ข้อนี้เป็นประเพณีครับ ไม่ได้เป็นการปฏิบัติทางศาสนาพุทธโดยเนื้อ และหากพระท่านสวดก็สวดคำสอน หรือคำมงคลทั้งนั้น คุณจะรับหรือไม่รับ ก็เป็นเรื่องของคุณ(คนฟัง)เองครับ (ในข้อนี้ทั้งหมดคือกรณีที่คุณหลีกประเพณีนี้ไม่ได้ ถ้าได้ก็แล้วไป ถ้าไม่ผมก็อยากให้รู้ว่ามันไม่มีอะไรที่ชวนให้คุณเปลี่ยนเความเชื่อความศรัทธาในนั้นได้เลย)
โอย ผมพิมพ์ยาวมากจนน่ารำคาญ แต่ก็นั่นล่ะครับ ผมอยากให้เราเข้าใจกันให้มากขึ้นๆ เพราะเรื่องที่เลวร้ายที่สุดในโลก คือการเอาเรื่องศาสนามาตั้งแง่กันเอง(ทั้งๆที่จุดหมายของศาสนาไม่ใช่เรื่องแบบนั้น)
ดังนั้นรีบสรุปดีกว่าครับก่อนที่จะน่ารำคาญไปกว่านี้
ศรัทธาอย่างมั่นคงในพระเจ้าของท่าน
ส่วนในพุทธศาสนา มีเนื้อหาคือการขัดเกลาจิตใจตนเป็นสำคัญ
ผมยังไม่เห็นเหตุผลที่จะทำให้ดำเนินไปพร้อมๆกันไม่ได้
กราบขออภัยอย่างที่สุดครับ ที่พิมพ์ยาวมาก
หากมีข้อสงสัย หรือต้องการแลกเปลี่ยนประการใด กดส่งมาได้ที่ artislong@hotmail.com ครับ
นักบุญฟรันซิส แห่งอัสซิซิ ช่วยวิงวอนเทอญ
ก่อนอื่นผมต้องบอกว่าเห็นใจเจ้าของกระทู้นะครับ พอขึ้นชื่อว่า"ความเชื่อ"แล้วล่ะก็ มันพูดกันยาก
พูดกันลำบาก ผมว่าไม่มีฝ่ายไหน ถูก หรือ ผิด(คุณหรือครอบครัว) ต่างคนต่างเชื่อในสิ่งที่ตนเอง
เชื่อมั่นในหลักความดี นี่ถ้า ถอดๆๆๆ เอาเรื่องบัญญัติ กำหนด รูปแบบต่างๆออก เราก็จะเหลือ สาระเหมือนกันคือ "ความดีงาม"
สำหรับผม ผมมีความปรารถนาที่ออกจะตรงข้ามกับกรณีนี้ นั่นคือ ถ้าผมสามารถบวชได้ในทุกศาสนา ผมจะบวชให้หมดเลย สำหรับแคทอลิคผมอยากเป็นภราดาน้อยฟรันซิสกัน สำหรับออร์โทดอกซ์อยากบวชทั้งในฝ่ายกรีกและรัสเซียน ฮินดูผมอยากบวชสายอุปนิษัท-โยคะ มุสลิมผมอยากบวชสายซูฟี พุทธผมอยากบวชแบบเคร่งครัดอย่างเถรวาท อยากบวชแบบเรียบง่ายเป็นพระเซ็น อยากบวชแบบแนวทางอันลึกซึ้งของวัชรยาน
แต่ผมทำทั้งหมดไม่ได้ครับ ไม่ใช่ว่าผมไม่ยินยอม แต่เพราะเงื่อนไขทางศาสนาต่างๆ ไม่ไปในทางเดียวกันหมด มันมีข้อแม้ว่า เมื่อผมถืออันนี้ อันนี้ๆผมจะถือไม่ได้
แน่นอนครับถ้าผมเป็นคริสตชน ผมต้องศรัทธาในพระตรีเอกานุภาพเท่านั้น ผมจะมาศรัทธาในพระพุทธเจ้าไม่ได้ แล้วถ้าผมศรัทธาในศาสนาอิสลาม แค่เรื่องพระตรีเอกานุภาพ ทั้งๆที่มีฐานความเชื่อมาจากแหล่งเดียวกัน ผมก็จะศรัทธาไม่ได้
ไม่มีทางที่ผมจะได้รับแผ่นศีล เพราะผมไม่ได้ล้างบาป แต่เท่าที่ผมจำได้ ท่าน นัท ฮันห์ พระเซ็นชาวเวียดนามผู้เผยแผ่คำสอนเรื่องสันติภาพไปทั่วโลก เคยได้รับจากบาทหลวงท่านนึง(ข้อนี้ขออภัย ผมจำรายละเอียดไม่ถนัดนัก)
ราวๆสี่สิบ ห้าสิบปีมานี้โลกตะวันตกหันมาสนใจในศาสนสัมพันธ์เพื่อสันติภาพกันอย่างกว้างขวาง มีการประชุมศาสนาต่างๆเพื่อสันติภาพกันบ่อยครั้ง มีการเปิดกว้างมากขึ้นแก่กันและกัน เพราะเน้นเอาสาระเป็นสำคัญ ผมว่าทางในไทยเรายังให้ความสำคัญกับเรื่องนี้น้อยอยู่ แล้วปัญหามันก็คือ เราไม่เข้าใจคำสอนของศาสนาอื่นอย่างจริงๆเพียงพอ แม้แต่ใน nostra aetate ก็ให้ความสำคัญกับเรื่องการให้คุณค่าต่อสิ่งที่ดีในศาสนาอื่นๆและช่วยกันรักษาคุณค่าดีๆนั้นไม่ให้สูญหายไป
ในฐานะที่ผมเป็นชาวพุทธ ผมกลับดีใจที่คุณได้มีโอกาสศึกษา"พระธรรม"ของทั้งสองศาสนา อย่างที่ท่านหนึ่งได้แสดงความคิดเห็นเช่นนี้ไว้แล้ว เพราะไม่ใช่โอกาสที่จะมีง่ายนัก และหากคุณไม่สบายใจใน "วัตร" ต่างๆที่คุณต้องปฏิบัติเมื่อเป็นพระภิกษุ ผมจะขอเรียนให้สบายใจดังนี้
ประการแรก พระพุทธศาสนาไม่ได้เป็นความเชื่อลางนอกรีต สำหรับคริสตศาสนาอย่างแน่นอน สิ่งที่พุทธศาสนาสอนคือจริยธรรมและการปฏิบัติตนให้ก้าวพ้นออกจากความทุกข์ อันเกิดจากกิเลสของเราทั้งหลาย ดังนั้นคำสอนในพุทธศาสนาจึงส่งเสริมความดีงามทั้งปวงเช่นเดียวกับคริสตศาสนา
ประการต่อมา พระพุทธเจ้า ไม่ใช่พระเจ้า คุณจึงไม่ได้เคารพพระเจ้า"อีกองค์หนึ่ง"เมื่อคุณไหว้พระพุทธรูป ข้อนี้ผมอยากให้หมายสำคัญชัดว่าพระพุทธเจ้าเป็นมนุษย์เช่นเดียวกับเรา แต่ได้ตรัสรู้"ธรรม" หรือจะเรียกว่า ความรู้ที่จะทำให้เราฝึกตนเพื่อล่วงจากกิเลสทั้งหลาย ไม่มีดวงวิญญาณพระพุทธเจ้าในพระพุทธรูป พระพุทธรูปเป็นสัญลักษณ์เตือนใจให้ระลึกถึงคำสอนของพระพุทธเจ้า ดังที่ท่านตรัสว่า "ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นย่อมเห็นเรา ผู้ใดเห็นเรา ผู้นั้นย่อมเห็นธรรม" หมายถึงผู้ที่เข้าใจธรรมที่พระพุทธเจ้าสอน จึงจะเสมือนว่าเห็นท่าน(เห็นชัด เห็นเบลอๆต่างกันไป) หากว่าไม่เข้าใจธรรมนั้น ต่อให้เห็นตัวท่านเป็นๆต่อหน้า ก็เหมือนว่าไม่เห็นท่าน ดังนั้นการไหว้พระพุทธรูปหมายเอาการระลึกถึงพระธรรมที่ท่านสอนมาใส่ใจปฏิบัติ เป็นสำคัญ ข้อนี้จึงไม่น่าจะมีปัญหากับคุณเจ้าของกระทู้อีกเช่นกันเพราะ"ธรรม"ที่ระลึกนั้น ก็เป็น"วิชาการฝึกตนให้ไกลจากกิเลส"(จากมาร จากซาตานหรืออะไรก็ตามแต่ที่ไม่ดีงามทั้งหลาย)
ดังนั้นประการต่อมา เรื่องจำพวกจุดธูปจุดเทียนไหว้ ก็อยู่ในเกณฑ์เดียวกันโดยเน้นถึงคำสอนเป็นหลัก เน้นนะครับว่าหากว่าจุดธูปไว้บุคคลได้ อย่ากังวลเวลาจุดไหว้พระพุทธเจ้า เพราะท่านก็เป็นบุคคลเช่นกัน(อย่างน้อยคิดเอาก็ได้ว่า คำสอนของท่านก็ทำให้คนหลายล้านคนบนโลกมีความสุขสงบใจ) เคยเห็นภาพคุณพ่อเดินเวียนเทียนนะครับ นั่นล่ะครับเป็นนัยยะแบบนั้น
เรื่องแต่งงานรดน้ำสังข์ (ประเพณีพราหมณ์ครับ)น้ำพระพุทธมนต์อย่างไรนั้น(ออกนอกเรื่องบวชไปหน่อย เพราะมีผู้คิดเห็นมา) ข้อนี้เป็นประเพณีครับ ไม่ได้เป็นการปฏิบัติทางศาสนาพุทธโดยเนื้อ และหากพระท่านสวดก็สวดคำสอน หรือคำมงคลทั้งนั้น คุณจะรับหรือไม่รับ ก็เป็นเรื่องของคุณ(คนฟัง)เองครับ (ในข้อนี้ทั้งหมดคือกรณีที่คุณหลีกประเพณีนี้ไม่ได้ ถ้าได้ก็แล้วไป ถ้าไม่ผมก็อยากให้รู้ว่ามันไม่มีอะไรที่ชวนให้คุณเปลี่ยนเความเชื่อความศรัทธาในนั้นได้เลย)
โอย ผมพิมพ์ยาวมากจนน่ารำคาญ แต่ก็นั่นล่ะครับ ผมอยากให้เราเข้าใจกันให้มากขึ้นๆ เพราะเรื่องที่เลวร้ายที่สุดในโลก คือการเอาเรื่องศาสนามาตั้งแง่กันเอง(ทั้งๆที่จุดหมายของศาสนาไม่ใช่เรื่องแบบนั้น)
ดังนั้นรีบสรุปดีกว่าครับก่อนที่จะน่ารำคาญไปกว่านี้
ศรัทธาอย่างมั่นคงในพระเจ้าของท่าน
ส่วนในพุทธศาสนา มีเนื้อหาคือการขัดเกลาจิตใจตนเป็นสำคัญ
ผมยังไม่เห็นเหตุผลที่จะทำให้ดำเนินไปพร้อมๆกันไม่ได้
กราบขออภัยอย่างที่สุดครับ ที่พิมพ์ยาวมาก
หากมีข้อสงสัย หรือต้องการแลกเปลี่ยนประการใด กดส่งมาได้ที่ artislong@hotmail.com ครับ
นักบุญฟรันซิส แห่งอัสซิซิ ช่วยวิงวอนเทอญ