>>:แนวทางการอดอาหารของคริสเตียน:>>
-
- Defender of lawS
- โพสต์: 3324
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
- ที่อยู่: Bangkok
คริสตชน แต่ละสักกัด คณะนิกาย มีแนวทางการ อดอาหารเพื่อการอธิษฐานภาวนา ไม่เหมือนกัน
พีพี จึงขอนำ เรื่อง แนวทางการอดอาหารของคริสเตียน มาแบ่งปัน เพื่อพี่-น้องคริสตังจะได้เรียนรู้
หรือแม้กระทั่งคริสเตียนเอง จะได้เข้าใจ อีกรูปแบบ หรือแนวทางหนึ่ง
อนึ่งการอดอาหารอธิษฐานภาวนา ไม่ใช่ เป็นการบีบบังคับพระเจ้า หรือประท้วงพระองค์
แบบเด็กดื้อ แต่เราตั้งใจ จริงใจ และให้ความสำคัญ กับการภาวนาเรื่องนั้นๆ และมีความเชื่อ
ว่าพระเจ้าจะทรงฟังคำภาวนา และเห็นถึงความตั้งใจของ พวกเรา
แต่ถึงแม้ไม่อดอาหาร แต่ยังรักในการภาวนาอธิษฐาน พระเจ้า ก็ทรงฟัง และประทานคำตอบ
เสมอ ส่วนคำตอบจะถูกใจเราหรือไม่ คงอีกเรื่องหนึ่งค่ะ ;D
พีพี จึงขอนำ เรื่อง แนวทางการอดอาหารของคริสเตียน มาแบ่งปัน เพื่อพี่-น้องคริสตังจะได้เรียนรู้
หรือแม้กระทั่งคริสเตียนเอง จะได้เข้าใจ อีกรูปแบบ หรือแนวทางหนึ่ง
อนึ่งการอดอาหารอธิษฐานภาวนา ไม่ใช่ เป็นการบีบบังคับพระเจ้า หรือประท้วงพระองค์
แบบเด็กดื้อ แต่เราตั้งใจ จริงใจ และให้ความสำคัญ กับการภาวนาเรื่องนั้นๆ และมีความเชื่อ
ว่าพระเจ้าจะทรงฟังคำภาวนา และเห็นถึงความตั้งใจของ พวกเรา
แต่ถึงแม้ไม่อดอาหาร แต่ยังรักในการภาวนาอธิษฐาน พระเจ้า ก็ทรงฟัง และประทานคำตอบ
เสมอ ส่วนคำตอบจะถูกใจเราหรือไม่ คงอีกเรื่องหนึ่งค่ะ ;D
แก้ไขล่าสุดโดย Prod Pran เมื่อ เสาร์ มี.ค. 26, 2005 8:58 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- Defender of lawS
- โพสต์: 3324
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
- ที่อยู่: Bangkok
การอดอาหารอธิษฐานตามพระคัมภีร์
การอธิษฐาน พระเจ้าสร้างมนุษย์ขึ้นเพื่อสามัคคีธรรมกับพระองค์ ในความสัมพันธ์นี้การอธิษฐานเป็นหนทางหนึ่งที่พระเจ้าใช้เพื่อเป้าหมายนี้ แต่เนื่องจากบาปแผ้วพานเข้ามาสัมพันธภาพนี้จึงขาดสะบั้นลงและการอธิษฐานกลายเป็นสิ่งที่เข้าไม่ถึง และน่าอึดอัดใจสำหรับมนุษย์
ผู้เชื่อพระเจ้าจะแบ่งปันชีวิตของเขากับพระองค์ผ่านทางการอธิษฐาน เราสามารถระบายความในใจทั้งหมด เปิดอกสารภาพบาปและทูลขอจากพระองค์ โดยมั่นใจว่าพระเจ้าจะตอบคำอธิษฐานด้วย สิ่งที่ขาดไม่ได้ในการอธิษฐานคือ
การอธิษฐาน พระเจ้าสร้างมนุษย์ขึ้นเพื่อสามัคคีธรรมกับพระองค์ ในความสัมพันธ์นี้การอธิษฐานเป็นหนทางหนึ่งที่พระเจ้าใช้เพื่อเป้าหมายนี้ แต่เนื่องจากบาปแผ้วพานเข้ามาสัมพันธภาพนี้จึงขาดสะบั้นลงและการอธิษฐานกลายเป็นสิ่งที่เข้าไม่ถึง และน่าอึดอัดใจสำหรับมนุษย์
ผู้เชื่อพระเจ้าจะแบ่งปันชีวิตของเขากับพระองค์ผ่านทางการอธิษฐาน เราสามารถระบายความในใจทั้งหมด เปิดอกสารภาพบาปและทูลขอจากพระองค์ โดยมั่นใจว่าพระเจ้าจะตอบคำอธิษฐานด้วย สิ่งที่ขาดไม่ได้ในการอธิษฐานคือ
-
- Defender of lawS
- โพสต์: 3324
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
- ที่อยู่: Bangkok
-3-
1. การถืออดอาหารในพระคัมภีร์เดิม
เฉลยธรรมบัญญัติ ( Deuteronomy ) บทที่ 9
9:1 "โอ คนอิสราเอล จงฟังเถิด ท่านกำลังจะข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปในวันนี้ เพื่อจะเข้าไปขับไล่ประชาชาติที่ใหญ่กว่าและมีกำลังมากกว่าท่าน ทั้งเมืองก็ใหญ่มีกำแพงสูงเทียมฟ้า
9:2 ประชาชนก็สูงใหญ่ เป็นลูกหลานของอานาค ผู้ที่ท่านทั้งหลายรู้จักแล้ว และผู้ที่ท่านได้ยินเขาพูดว่า "ใครจะยืนหยัดต่อสู้กับลูกหลานของอานาคได้"
9:3 วันนี้ท่านทั้งหลายจงทราบเถอะว่า ผู้ที่ไปดังเพลิงเผาผลาญข้างหน้าท่านนั้นคือพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน พระองค์จะทรงทำลายเขาและทรงกระทำให้เขาพ่ายแพ้ต่อหน้าท่าน ดังนั้นท่านจะได้ขับไล่เขาออกไป กระทำให้เขาพินาศโดยเร็ว ดังที่พระเยโฮวาห์ทรงสัญญาไว้กับท่านทั้งหลายแล้วนั้น
9:4 "เมื่อพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านได้ขับไล่เขาออกไปต่อหน้าท่านทั้งหลายแล้ว ท่านทั้งหลายอย่านึกในใจว่า "เพราะความชอบธรรมของข้า พระเจ้าจึงทรงนำข้ามาให้ยึดครองแผ่นดินนี้" แต่เพราะความชั่วของประชาชาติเหล่านี้ พระเจ้าจึงทรงขับไล่เขาออกไปต่อหน้าท่าน
9:5 ซึ่งท่านทั้งหลายกำลังเข้าไปยึดครองแผ่นดินนี้นั้น มิใช่เพราะความชอบธรรมของท่าน หรือความสัตย์ธรรมในใจของท่าน แต่เป็นเพราะความชั่วช้าของประชาชาตินี้ ซึ่งพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านต้องขับไล่เขาออกเสียต่อหน้าท่านทั้งหลาย และเพื่อว่าพระองค์จะทรงให้เป็นจริงตามพระวจนะซึ่งพระเจ้าทรงปฏิญาณต่อบรรพบุรุษของท่านคือต่ออับราฮัม ต่ออิสอัค และต่อยาโคบ
9:6 "เพราะฉะนั้นท่านทั้งหลายพึงทราบเถิดว่า ซึ่งพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านทรงประทานแผ่นดินดีนี้ให้ท่านยึดครองนั้น มิใช่เพราะความชอบธรรมของท่าน เพราะว่าท่านทั้งหลายเป็นชนชาติที่ดื้อดึง
9:7 จงจำไว้และอย่าลืมเสียว่า พวกท่านได้กระทำให้พระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านพิโรธที่ในถิ่นทุรกันดาร ตั้งแต่วันที่ท่านออกจากแผ่นดินอียิปต์ กระทั่งท่านมาถึงที่นี่ท่านมักกบฏต่อพระเจ้าอยู่
9:8 แม้ว่าที่โฮเรบท่านก็กระทำให้พระเจ้าทรงพิโรธ และพระเจ้าก็ทรงกริ้วมากถึงกับจะทำลายท่านทั้งหลายเสีย
9:9 เมื่อข้าพเจ้าขึ้นไปบนภูเขาเพื่อจะรับศิลาจารึก เป็นศิลาพันธสัญญาซึ่งพระเจ้ากระทำไว้กับท่าน ข้าพเจ้าอยู่บนภูเขาสี่สิบวันสี่สิบคืน ข้าพเจ้าไม่ได้รับประทานอาหารหรือดื่มน้ำ
9:10 และพระเจ้าได้ประทานศิลาจารึกสองแผ่นที่พระองค์ทรงจารึก เองด้วยนิ้วพระหัตถ์ให้แก่ข้าพเจ้า บนศิลานั้นมีพระวจนะทั้งสิ้นซึ่งพระเจ้าได้ตรัสกับท่านทั้งหลายบนภูเขา จากท่ามกลางเพลิงในวันที่ประชุมกันอยู่
9:11 เมื่อสิ้นสี่สิบวันสี่สิบคืนแล้ว พระเจ้าประทานศิลาสองแผ่นเป็นศิลาพันธสัญญา
9:12 แล้วพระเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า "จงลุกขึ้นลงไปจากที่นี่เถิด เพราะชนชาติของเจ้าซึ่งเจ้านำออกจากอียิปต์ได้หลงกระทำผิด เขาได้หันเสียจากทางซึ่งเราบัญชาเขาไว้นั้นอย่างรวดเร็ว เขาได้หล่อรูปเคารพไว้สำหรับตัวเขาทั้งหลาย"
9:13 "ยิ่งกว่านั้นอีกพระเจ้ายังตรัสกับข้าพเจ้าว่า "เราได้เห็นชนชาตินี้แล้วและดูเถิด เขาทั้งหลายเป็นชนชาติที่ดื้อ
9:14 ขออย่าทักท้วงเรา ให้เราทำลายเขา และลบชื่อของเขาเสียจากใต้ฟ้า และเราจะตั้งเจ้าให้เป็นประชาชาติที่มีกำลังกว่าและใหญ่กว่าเขา"
9:15 ข้าพเจ้าจึงกลับลงมาจากภูเขา และภูเขานั้นก็มีเพลิงลุกอยู่ และศิลาพันธสัญญาสองแผ่นนั้นก็อยู่ในมือทั้งสองของข้าพเจ้า
9:16 ดูเถิด เมื่อข้าพเจ้ามองดูก็แลเห็นท่านทั้งหลายกระทำบาปต่อพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านทั้งหลายแล้ว ท่านทั้งหลายได้หล่อรูปลูกวัวไว้สำหรับท่าน ท่านได้หันจากพระมรรคาซึ่งพระเจ้าได้บัญชาแก่ท่านอย่างรวดเร็ว
9:17 ข้าพเจ้าจึงยกศิลาทั้งสองแผ่นเหวี่ยงเสียจากมือทั้งสองของข้าพเจ้าและทำศิลาให้แตกต่อหน้าต่อตาของท่านทั้งหลาย
9:18 แล้วข้าพเจ้าก็กราบราบลงต่อพระเจ้าอย่างครั้งก่อน สี่สิบวันสี่สิบคืนมิได้รับประทานอาหารหรือดื่มน้ำ เพราะบาปที่ท่านทั้งหลายได้กระทำเป็นเหตุ คือได้กระทำความชั่วในสายพระเนตรของพระเจ้า กระทำให้พระองค์ทรงพิโรธ
9:19 เพราะข้าพเจ้ากลัวพระพิโรธและความไม่พอพระทัยอย่างรุนแรง ซึ่งพระเจ้าทรงมีต่อท่าน พระองค์ก็จะทรงทำลายท่านอยู่แล้ว แต่พระเจ้าทรงฟังข้าพเจ้าในครั้งนั้นด้วย
9:20 พระเจ้าทรงพิโรธต่ออาโรนมากจะทำลายเขาอยู่แล้ว ในครั้งนั้นข้าพเจ้าก็อธิษฐานเผื่ออาโรนด้วย
9:21 แล้วข้าพเจ้าจึงเอาสิ่งที่บาปหนานั้น คือรูปลูกวัวซึ่งท่านสร้างขึ้นนั้นเผาเสียด้วยไฟแล้วทุบ แล้วบดให้เป็นผงละเอียดอย่างกับฝุ่น แล้วข้าพเจ้าก็โยนผงนั้นลงไปในลำธารซึ่งไหลลงมาจากภูเขา
9:22 "ท่านทั้งหลายได้กระทำให้พระเจ้าทรงพิโรธที่ทาเบ-ราห์ และที่มัสสาห์ และที่ขิบโรทหัทธาอาวาห์
9:23 และเมื่อพระเจ้าทรงใช้ท่านไปจากคาเดชบารเนีย ตรัสว่า "จงขึ้นไปยึดครองแผ่นดินนั้นซึ่งเราได้ให้แก่เจ้า" และท่านก็กบฏต่อพระบัญญัติของพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน ไม่ยอมเชื่อฟังหรือประพฤติตามพระสุรเสียงของพระองค์
9:24 ท่านทั้งหลายเป็นคนกบฏต่อพระเจ้าเสมอ ตั้งแต่วันที่ข้าพเจ้ารู้จักท่านทั้งหลาย
9:25 "ข้าพเจ้าจึงกราบลงต่อพระเจ้าสี่สิบวันสี่สิบคืนนี้ เพราะพระเจ้าได้ตรัสว่าจะทรงทำลายท่านทั้งหลายเสีย
9:26 ข้าพเจ้าได้อธิษฐานต่อพระเจ้าว่า "ข้าแต่พระเยโฮวาห์เจ้า ขออย่าทรงทำลายประชากรของพระองค์และมรดกของพระองค์ ซึ่งพระองค์ทรงไถ่เขาทั้งหลายมาด้วยความยิ่งใหญ่ เป็นคนที่พระองค์ทรงนำออกมาจากอียิปต์ด้วยพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์
9:27 ขอทรงระลึกถึงบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์ คืออับราฮัม อิสอัค และยาโคบ ขออย่าทรงใส่พระทัยในความดื้อดึง ความชั่วร้าย หรือบาป ของชนชาตินี้
9:28 กลัวว่าชาวแผ่นดินซึ่งพระองค์ทรงพาข้าพระองค์ทั้งหลายจากมานั้นจะว่า "เพราะพระเจ้าไม่สามารถจะพาเขาทั้งหลายเข้าไปในแผ่นดินซึ่งพระองค์ทรงสัญญากับเขาไว้ และเพราะว่าพระองค์ทรงเกลียดชังเขา พระองค์จึงทรงพาเขาออกมาฆ่าเสียในถิ่นทุรกันดาร"
9:29 เพราะว่าเขาทั้งหลายเป็นประชากรของพระองค์และเป็นมรดกของพระองค์ ซึ่งพระองค์ทรงนำเขาออกมาด้วยเดชานุภาพยิ่งใหญ่และด้วยพระกร ที่เหยียดออกของพระองค์"
.1.1
1. การถืออดอาหารในพระคัมภีร์เดิม
เฉลยธรรมบัญญัติ ( Deuteronomy ) บทที่ 9
9:1 "โอ คนอิสราเอล จงฟังเถิด ท่านกำลังจะข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปในวันนี้ เพื่อจะเข้าไปขับไล่ประชาชาติที่ใหญ่กว่าและมีกำลังมากกว่าท่าน ทั้งเมืองก็ใหญ่มีกำแพงสูงเทียมฟ้า
9:2 ประชาชนก็สูงใหญ่ เป็นลูกหลานของอานาค ผู้ที่ท่านทั้งหลายรู้จักแล้ว และผู้ที่ท่านได้ยินเขาพูดว่า "ใครจะยืนหยัดต่อสู้กับลูกหลานของอานาคได้"
9:3 วันนี้ท่านทั้งหลายจงทราบเถอะว่า ผู้ที่ไปดังเพลิงเผาผลาญข้างหน้าท่านนั้นคือพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน พระองค์จะทรงทำลายเขาและทรงกระทำให้เขาพ่ายแพ้ต่อหน้าท่าน ดังนั้นท่านจะได้ขับไล่เขาออกไป กระทำให้เขาพินาศโดยเร็ว ดังที่พระเยโฮวาห์ทรงสัญญาไว้กับท่านทั้งหลายแล้วนั้น
9:4 "เมื่อพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านได้ขับไล่เขาออกไปต่อหน้าท่านทั้งหลายแล้ว ท่านทั้งหลายอย่านึกในใจว่า "เพราะความชอบธรรมของข้า พระเจ้าจึงทรงนำข้ามาให้ยึดครองแผ่นดินนี้" แต่เพราะความชั่วของประชาชาติเหล่านี้ พระเจ้าจึงทรงขับไล่เขาออกไปต่อหน้าท่าน
9:5 ซึ่งท่านทั้งหลายกำลังเข้าไปยึดครองแผ่นดินนี้นั้น มิใช่เพราะความชอบธรรมของท่าน หรือความสัตย์ธรรมในใจของท่าน แต่เป็นเพราะความชั่วช้าของประชาชาตินี้ ซึ่งพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านต้องขับไล่เขาออกเสียต่อหน้าท่านทั้งหลาย และเพื่อว่าพระองค์จะทรงให้เป็นจริงตามพระวจนะซึ่งพระเจ้าทรงปฏิญาณต่อบรรพบุรุษของท่านคือต่ออับราฮัม ต่ออิสอัค และต่อยาโคบ
9:6 "เพราะฉะนั้นท่านทั้งหลายพึงทราบเถิดว่า ซึ่งพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านทรงประทานแผ่นดินดีนี้ให้ท่านยึดครองนั้น มิใช่เพราะความชอบธรรมของท่าน เพราะว่าท่านทั้งหลายเป็นชนชาติที่ดื้อดึง
9:7 จงจำไว้และอย่าลืมเสียว่า พวกท่านได้กระทำให้พระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านพิโรธที่ในถิ่นทุรกันดาร ตั้งแต่วันที่ท่านออกจากแผ่นดินอียิปต์ กระทั่งท่านมาถึงที่นี่ท่านมักกบฏต่อพระเจ้าอยู่
9:8 แม้ว่าที่โฮเรบท่านก็กระทำให้พระเจ้าทรงพิโรธ และพระเจ้าก็ทรงกริ้วมากถึงกับจะทำลายท่านทั้งหลายเสีย
9:9 เมื่อข้าพเจ้าขึ้นไปบนภูเขาเพื่อจะรับศิลาจารึก เป็นศิลาพันธสัญญาซึ่งพระเจ้ากระทำไว้กับท่าน ข้าพเจ้าอยู่บนภูเขาสี่สิบวันสี่สิบคืน ข้าพเจ้าไม่ได้รับประทานอาหารหรือดื่มน้ำ
9:10 และพระเจ้าได้ประทานศิลาจารึกสองแผ่นที่พระองค์ทรงจารึก เองด้วยนิ้วพระหัตถ์ให้แก่ข้าพเจ้า บนศิลานั้นมีพระวจนะทั้งสิ้นซึ่งพระเจ้าได้ตรัสกับท่านทั้งหลายบนภูเขา จากท่ามกลางเพลิงในวันที่ประชุมกันอยู่
9:11 เมื่อสิ้นสี่สิบวันสี่สิบคืนแล้ว พระเจ้าประทานศิลาสองแผ่นเป็นศิลาพันธสัญญา
9:12 แล้วพระเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า "จงลุกขึ้นลงไปจากที่นี่เถิด เพราะชนชาติของเจ้าซึ่งเจ้านำออกจากอียิปต์ได้หลงกระทำผิด เขาได้หันเสียจากทางซึ่งเราบัญชาเขาไว้นั้นอย่างรวดเร็ว เขาได้หล่อรูปเคารพไว้สำหรับตัวเขาทั้งหลาย"
9:13 "ยิ่งกว่านั้นอีกพระเจ้ายังตรัสกับข้าพเจ้าว่า "เราได้เห็นชนชาตินี้แล้วและดูเถิด เขาทั้งหลายเป็นชนชาติที่ดื้อ
9:14 ขออย่าทักท้วงเรา ให้เราทำลายเขา และลบชื่อของเขาเสียจากใต้ฟ้า และเราจะตั้งเจ้าให้เป็นประชาชาติที่มีกำลังกว่าและใหญ่กว่าเขา"
9:15 ข้าพเจ้าจึงกลับลงมาจากภูเขา และภูเขานั้นก็มีเพลิงลุกอยู่ และศิลาพันธสัญญาสองแผ่นนั้นก็อยู่ในมือทั้งสองของข้าพเจ้า
9:16 ดูเถิด เมื่อข้าพเจ้ามองดูก็แลเห็นท่านทั้งหลายกระทำบาปต่อพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านทั้งหลายแล้ว ท่านทั้งหลายได้หล่อรูปลูกวัวไว้สำหรับท่าน ท่านได้หันจากพระมรรคาซึ่งพระเจ้าได้บัญชาแก่ท่านอย่างรวดเร็ว
9:17 ข้าพเจ้าจึงยกศิลาทั้งสองแผ่นเหวี่ยงเสียจากมือทั้งสองของข้าพเจ้าและทำศิลาให้แตกต่อหน้าต่อตาของท่านทั้งหลาย
9:18 แล้วข้าพเจ้าก็กราบราบลงต่อพระเจ้าอย่างครั้งก่อน สี่สิบวันสี่สิบคืนมิได้รับประทานอาหารหรือดื่มน้ำ เพราะบาปที่ท่านทั้งหลายได้กระทำเป็นเหตุ คือได้กระทำความชั่วในสายพระเนตรของพระเจ้า กระทำให้พระองค์ทรงพิโรธ
9:19 เพราะข้าพเจ้ากลัวพระพิโรธและความไม่พอพระทัยอย่างรุนแรง ซึ่งพระเจ้าทรงมีต่อท่าน พระองค์ก็จะทรงทำลายท่านอยู่แล้ว แต่พระเจ้าทรงฟังข้าพเจ้าในครั้งนั้นด้วย
9:20 พระเจ้าทรงพิโรธต่ออาโรนมากจะทำลายเขาอยู่แล้ว ในครั้งนั้นข้าพเจ้าก็อธิษฐานเผื่ออาโรนด้วย
9:21 แล้วข้าพเจ้าจึงเอาสิ่งที่บาปหนานั้น คือรูปลูกวัวซึ่งท่านสร้างขึ้นนั้นเผาเสียด้วยไฟแล้วทุบ แล้วบดให้เป็นผงละเอียดอย่างกับฝุ่น แล้วข้าพเจ้าก็โยนผงนั้นลงไปในลำธารซึ่งไหลลงมาจากภูเขา
9:22 "ท่านทั้งหลายได้กระทำให้พระเจ้าทรงพิโรธที่ทาเบ-ราห์ และที่มัสสาห์ และที่ขิบโรทหัทธาอาวาห์
9:23 และเมื่อพระเจ้าทรงใช้ท่านไปจากคาเดชบารเนีย ตรัสว่า "จงขึ้นไปยึดครองแผ่นดินนั้นซึ่งเราได้ให้แก่เจ้า" และท่านก็กบฏต่อพระบัญญัติของพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน ไม่ยอมเชื่อฟังหรือประพฤติตามพระสุรเสียงของพระองค์
9:24 ท่านทั้งหลายเป็นคนกบฏต่อพระเจ้าเสมอ ตั้งแต่วันที่ข้าพเจ้ารู้จักท่านทั้งหลาย
9:25 "ข้าพเจ้าจึงกราบลงต่อพระเจ้าสี่สิบวันสี่สิบคืนนี้ เพราะพระเจ้าได้ตรัสว่าจะทรงทำลายท่านทั้งหลายเสีย
9:26 ข้าพเจ้าได้อธิษฐานต่อพระเจ้าว่า "ข้าแต่พระเยโฮวาห์เจ้า ขออย่าทรงทำลายประชากรของพระองค์และมรดกของพระองค์ ซึ่งพระองค์ทรงไถ่เขาทั้งหลายมาด้วยความยิ่งใหญ่ เป็นคนที่พระองค์ทรงนำออกมาจากอียิปต์ด้วยพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์
9:27 ขอทรงระลึกถึงบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์ คืออับราฮัม อิสอัค และยาโคบ ขออย่าทรงใส่พระทัยในความดื้อดึง ความชั่วร้าย หรือบาป ของชนชาตินี้
9:28 กลัวว่าชาวแผ่นดินซึ่งพระองค์ทรงพาข้าพระองค์ทั้งหลายจากมานั้นจะว่า "เพราะพระเจ้าไม่สามารถจะพาเขาทั้งหลายเข้าไปในแผ่นดินซึ่งพระองค์ทรงสัญญากับเขาไว้ และเพราะว่าพระองค์ทรงเกลียดชังเขา พระองค์จึงทรงพาเขาออกมาฆ่าเสียในถิ่นทุรกันดาร"
9:29 เพราะว่าเขาทั้งหลายเป็นประชากรของพระองค์และเป็นมรดกของพระองค์ ซึ่งพระองค์ทรงนำเขาออกมาด้วยเดชานุภาพยิ่งใหญ่และด้วยพระกร ที่เหยียดออกของพระองค์"
.1.1
-
- Defender of lawS
- โพสต์: 3324
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
- ที่อยู่: Bangkok
-5-
2.การถืออดอาหารในพันธสัญญาใหม่
ในพันธสัญญาใหม่ได้ยืนยันถึงความสำคัญของการถืออดอาหาร ในชีวิตของพระเยซูพระองค์เริ่มต้นพระราชกิจของพระองค์ด้วยการอดพระกระยาหารเป็นเวลา 40 วัน ในถิ่นทุรกันดาร และทรงได้รับการทดลอง 3 ประการก็เกิดขึ้นกับพระองค์ แต่พระเยซูทรงชนะการทดลองทั้งหมด คือ
-ชนะฝ่ายเนื้อหนัง
-ฝ่ายโลก และ
-ฝ่ายมาร
ยังมีคริสเตียนจำนวนมากที่มีชีวิตทุกข์ใจมานานนับอาทิตย์ เดือน หรือเป็นปีๆ ความกดดันฝ่ายวิญญาณบางครั้งก็มาจากวิญญาณชั่ว พระเยซูตรัสว่าการปลดปล่อยจากวิญญาณชั่วบางจำพวกจะต้องใช้วิธีอดอาหารเท่านั้น เช่น "แต่ผีชนิดนี้ไม่เคยถูกขับออก เว้นไว้โดยการอดอาหารอธิษฐาน" มัทธิว 17:21 แสดงว่าการถูกปลดปล่อยจากวิญญาณชั่วก็ต้องด้วยวิธีการอดอาหารอธิษฐาน
แต่ก็มีคริสเตียนจำนวนมากไม่เชื่อฟังพระเยซูคริสต์เรื่องการอดอาหารและอธิษฐาน เพื่อทำลายอำนาจที่กดขี่ อาจจะเคยได้ยินบางคนกล่าวว่า
2.การถืออดอาหารในพันธสัญญาใหม่
ในพันธสัญญาใหม่ได้ยืนยันถึงความสำคัญของการถืออดอาหาร ในชีวิตของพระเยซูพระองค์เริ่มต้นพระราชกิจของพระองค์ด้วยการอดพระกระยาหารเป็นเวลา 40 วัน ในถิ่นทุรกันดาร และทรงได้รับการทดลอง 3 ประการก็เกิดขึ้นกับพระองค์ แต่พระเยซูทรงชนะการทดลองทั้งหมด คือ
-ชนะฝ่ายเนื้อหนัง
-ฝ่ายโลก และ
-ฝ่ายมาร
ยังมีคริสเตียนจำนวนมากที่มีชีวิตทุกข์ใจมานานนับอาทิตย์ เดือน หรือเป็นปีๆ ความกดดันฝ่ายวิญญาณบางครั้งก็มาจากวิญญาณชั่ว พระเยซูตรัสว่าการปลดปล่อยจากวิญญาณชั่วบางจำพวกจะต้องใช้วิธีอดอาหารเท่านั้น เช่น "แต่ผีชนิดนี้ไม่เคยถูกขับออก เว้นไว้โดยการอดอาหารอธิษฐาน" มัทธิว 17:21 แสดงว่าการถูกปลดปล่อยจากวิญญาณชั่วก็ต้องด้วยวิธีการอดอาหารอธิษฐาน
แต่ก็มีคริสเตียนจำนวนมากไม่เชื่อฟังพระเยซูคริสต์เรื่องการอดอาหารและอธิษฐาน เพื่อทำลายอำนาจที่กดขี่ อาจจะเคยได้ยินบางคนกล่าวว่า
-
- Defender of lawS
- โพสต์: 3324
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
- ที่อยู่: Bangkok
-6-
4. เหตุผล 10 ประการ ของการถืออดอาหาร
มาทำความเข้าใจว่า การถืออดอาหาร อธิษฐานคืออะไร จาก ๑๐ ประการต่อไปนี้น่าจะทำให้คริสตชนเข้าใจ และเมื่อตัวเองอดอาหารอธิษฐานก็สามารถเข้าใจอย่างถูกต้อง
4.1 .เพื่อเป็นการนมัสการพระเจ้า (กิจการ 1:2,3)
4.2.เพื่อเพิ่มความเชื่อของท่าน (มัทธิว 17:19-21)
4.3.เพื่ออุทิศตัวของท่านในการอธิษฐาน (1 โครินธ์ 7:5)
4.4.เพื่อดำเนินในพระวิญญาณ (โรม บทที่ 8)
พระคัมภีร์ได้กล่าวว่าเนื้อหนังกับวิญญาณมีความขัดแย้งกัน เพราะถ้าไม่ได้ถืออดอาหารนานถึงสองสามสัปดาห์ เราจะไม่มีทางรู้เลยว่าธรรมชาติของตัวเก่าของเราควรจะถูกฆ่าวันละกี่ครั้ง ช่วงการถืออดอาหาร เป็นช่วงที่ร่างกายอ่อนแอ ความบาปที่ซ่อนเร้นแอบแฝงอยู่ และความต้องการของเนื้อหนังก็จะแสดงออกมาให้เห็น
"เหตุฉะนั้นจงประหารโลกียวิสัยในตัวท่านเสีย มีการล่วงประเวณี การโสโครก ราคะตัณหา ความปรารถนาชั่ว และความโลภ ซึ่งเป็นการนับถือรูปเคารพ" ( โคโลสี 3:5 )
4.5.เพื่อทำให้เกิดความเชื่ออย่างสุดจิตสุดใจ (มาระโก 11:23,24)
เป็นความเชื่อมั่นในพระคำและพระสัญญาของพระเยซูคริสต์ คริสเตียนส่วนใหญ่เชื่อด้วยสมอง แต่การเชื่อมั่นอย่างสุดจิตสุดใจจะก่อให้เกิดการอัศจรรย์ ( มาระโก ๑๑.๒๓-๒๔ )
"และมิได้สงสัยในใจ แต่เชื่อว่าจะเป็นไปตามที่สั่งนั้นก็จะเป็นตามนั้นจริง"
4.6.เพื่อมีความเชื่อมั่นในการอธิษฐานให้คนป่วย (มัทธิว 17:20)
เพื่อวางมึอรักษาโรคให้คนป่วย ปลดปล่อยคน จากการครอบงำของวิญญาณชั่ว หรือแม้แต่คนเจ็บป่วยเพราะพระเจ้าทรงฟังผู้ชอบธรรมอธิษฐาน
"ถ้าท่านมีความเชื่อ สิ่งหนึ่งสิ่งใดซึ่งท่านทำไม่ได้จะไม่มีเลย"
4.7.เพื่อให้ความมั่นใจที่องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงใช้ (มาระโก 1:17)
"จงตามเรามาเถิด และเราจะตั้งให้ท่านเป็นผู้หาคน ดังหาปลา"
และ เราต้องใช้ความพยายามอย่างสุดกำลัง เพื่อการนี้แผ่นดินสวรรค์ก็เป็นสิ่งที่คนได้แสวงหาด้วยความร้อนรน ก็ชิงเอามาได้" มัทธิว 11:12
4.8.เพื่อให้ความเชื่อของท่านเต็มล้นไปด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ (1 โครินธ์ 12:11)
ดังนั้นพระวิญญาณบริสุทธ์จะอยู่ในท่าน และสำแดงออกมาผ่านท่าน การปรากฏของพระวิญญาณบริสุทธ์ในท่ามกลางท่าน กล่าวไว้ใน ๑ โครินธ์ บทที่ ๑๒ คือของประทานฝ่ายพระวิญญาณบริสุทธิ์ ๙ ประการ มีคนจำนวนมากถืออดอาหารและอธิษฐานเพื่อขอให้ได้รับของประทาน ของประทานฝ่ายพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ผ่านผู้เชื่อ เพื่อพระสิริขององค์พระเยซู ( ยอห์น ๑๖.๔ )
"การถืออดอาหารอธิษฐาน เป็นการเปิดประตูให้หมายสำคัญเข้ามาสู่ชีวิตของเราอย่างมากมาย
1 โครินธ์ 14:12" และ "การถืออดอาหารอธิษฐานจะช่วยให้ท่านได้รับของประทานอย่างรุ่งเรือง ( 2 ทิโมธี 1:6)
4.9.การอธิษฐานถืออดอาหารเป็นเกราะกำบังที่มีฤทธิ์อำนาจมากที่สุด (โคโลสี 2:15)
"ฤทธิ์อำนาจที่ท่านมีเหนือโรคร้าย ผีมาร วิญญาณชั่วเหนือเทพผู้ครองและศักดิเทพ ซึ่งพระเยซูทรงมอบให้ท่านผ่านชัยชนะของพระองค์ในนามของท่านบนไม้กางเขน"
4.10.การถืออดอาหารอธิษฐานจะทำให้ท่านมีความเชื่อมั่นในสิ่งที่ท่านจะได้รับพระพรของท่านเอง (อิสยาห์ 58:8-14) พระคำเหล่านี้พระเจ้าทรงประทานให้แก่ท่านอันเป็นผลมาจากการที่ท่านถืออดอาหารตามแบบอย่างในพระคัมภีร์ ที่พระองค์มีพระสัญญาว่าท่านจะได้รับสิ่งนั้นคือ
1) ฟื้นฟูจิตวิญญาณ
2) ฤทธิ์อำนาจใหม่ ในการมีจิตใจที่มีสมาธิ
3) สุขภาพที่ได้รับการฟื้นฟูใหม่ของท่าน
5. ควรจะถืออดอาหารนานเท่าใด
เป็นความรับผิดชอบของแต่ละคนในการอดอาหารอธิษฐานกับพระเจ้า และขอรับการทรงนำในระหว่างที่ทำการอธิษฐาน ถ้าหากเราตัดสินใจจะอดอาหารอธิษฐาน 1 มื้อ ก็ขอให้เราทำด้วยความพอใจและถวายเกียรติแด่พระเจ้า และไม่รับประทานอะไรเลย (นอกจากดื่มน้ำสะอาด) หรือ 24 ชั่วโมง หรือว่า 72 ชั่วโมงก็ตาม เวลานานไม่ใช่เป็นมาตรฐาน แต่ความสัตย์ซื่อคือมาตรฐานในการที่พระเจ้าทรงพอพระทัย
เราต้องอธิษฐานจนกว่าวิญญาณชั่วจะออกจากเราจนหมด และบางคนก็อดอาหารเป็นเวลา 40 วันติดต่อกัน จนวิญญาณชั่ว ความท้อแท้ ความเจ็บป่วย และความทุกข์ออกไปหมดเลยจากชีวิตของเขา หรือจนหลุดพ้นจากความบาป ความเจ็บป่วย หรือความทุกข์ใจ ....ขอพระเจ้าทรงเพิ่มภาระใจให้แก่เรามากพอ ที่จะมีภาระใจต่อผู้ที่หลงหาย หลงทาง หรือต้องการความช่วยเหลือ จนเราพร้อมจะแบกภาระในการถืออดอาหารอธิษฐานเผื่อคนที่ต้องการความช่วยเหลือ โดยไม่มีเงื่อนไขอันใด นอกจาก เพราะความรักของพระคริสต์ที่สวมทับในชีวิตของเรา
4. เหตุผล 10 ประการ ของการถืออดอาหาร
มาทำความเข้าใจว่า การถืออดอาหาร อธิษฐานคืออะไร จาก ๑๐ ประการต่อไปนี้น่าจะทำให้คริสตชนเข้าใจ และเมื่อตัวเองอดอาหารอธิษฐานก็สามารถเข้าใจอย่างถูกต้อง
4.1 .เพื่อเป็นการนมัสการพระเจ้า (กิจการ 1:2,3)
4.2.เพื่อเพิ่มความเชื่อของท่าน (มัทธิว 17:19-21)
4.3.เพื่ออุทิศตัวของท่านในการอธิษฐาน (1 โครินธ์ 7:5)
4.4.เพื่อดำเนินในพระวิญญาณ (โรม บทที่ 8)
พระคัมภีร์ได้กล่าวว่าเนื้อหนังกับวิญญาณมีความขัดแย้งกัน เพราะถ้าไม่ได้ถืออดอาหารนานถึงสองสามสัปดาห์ เราจะไม่มีทางรู้เลยว่าธรรมชาติของตัวเก่าของเราควรจะถูกฆ่าวันละกี่ครั้ง ช่วงการถืออดอาหาร เป็นช่วงที่ร่างกายอ่อนแอ ความบาปที่ซ่อนเร้นแอบแฝงอยู่ และความต้องการของเนื้อหนังก็จะแสดงออกมาให้เห็น
"เหตุฉะนั้นจงประหารโลกียวิสัยในตัวท่านเสีย มีการล่วงประเวณี การโสโครก ราคะตัณหา ความปรารถนาชั่ว และความโลภ ซึ่งเป็นการนับถือรูปเคารพ" ( โคโลสี 3:5 )
4.5.เพื่อทำให้เกิดความเชื่ออย่างสุดจิตสุดใจ (มาระโก 11:23,24)
เป็นความเชื่อมั่นในพระคำและพระสัญญาของพระเยซูคริสต์ คริสเตียนส่วนใหญ่เชื่อด้วยสมอง แต่การเชื่อมั่นอย่างสุดจิตสุดใจจะก่อให้เกิดการอัศจรรย์ ( มาระโก ๑๑.๒๓-๒๔ )
"และมิได้สงสัยในใจ แต่เชื่อว่าจะเป็นไปตามที่สั่งนั้นก็จะเป็นตามนั้นจริง"
4.6.เพื่อมีความเชื่อมั่นในการอธิษฐานให้คนป่วย (มัทธิว 17:20)
เพื่อวางมึอรักษาโรคให้คนป่วย ปลดปล่อยคน จากการครอบงำของวิญญาณชั่ว หรือแม้แต่คนเจ็บป่วยเพราะพระเจ้าทรงฟังผู้ชอบธรรมอธิษฐาน
"ถ้าท่านมีความเชื่อ สิ่งหนึ่งสิ่งใดซึ่งท่านทำไม่ได้จะไม่มีเลย"
4.7.เพื่อให้ความมั่นใจที่องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงใช้ (มาระโก 1:17)
"จงตามเรามาเถิด และเราจะตั้งให้ท่านเป็นผู้หาคน ดังหาปลา"
และ เราต้องใช้ความพยายามอย่างสุดกำลัง เพื่อการนี้แผ่นดินสวรรค์ก็เป็นสิ่งที่คนได้แสวงหาด้วยความร้อนรน ก็ชิงเอามาได้" มัทธิว 11:12
4.8.เพื่อให้ความเชื่อของท่านเต็มล้นไปด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ (1 โครินธ์ 12:11)
ดังนั้นพระวิญญาณบริสุทธ์จะอยู่ในท่าน และสำแดงออกมาผ่านท่าน การปรากฏของพระวิญญาณบริสุทธ์ในท่ามกลางท่าน กล่าวไว้ใน ๑ โครินธ์ บทที่ ๑๒ คือของประทานฝ่ายพระวิญญาณบริสุทธิ์ ๙ ประการ มีคนจำนวนมากถืออดอาหารและอธิษฐานเพื่อขอให้ได้รับของประทาน ของประทานฝ่ายพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ผ่านผู้เชื่อ เพื่อพระสิริขององค์พระเยซู ( ยอห์น ๑๖.๔ )
"การถืออดอาหารอธิษฐาน เป็นการเปิดประตูให้หมายสำคัญเข้ามาสู่ชีวิตของเราอย่างมากมาย
1 โครินธ์ 14:12" และ "การถืออดอาหารอธิษฐานจะช่วยให้ท่านได้รับของประทานอย่างรุ่งเรือง ( 2 ทิโมธี 1:6)
4.9.การอธิษฐานถืออดอาหารเป็นเกราะกำบังที่มีฤทธิ์อำนาจมากที่สุด (โคโลสี 2:15)
"ฤทธิ์อำนาจที่ท่านมีเหนือโรคร้าย ผีมาร วิญญาณชั่วเหนือเทพผู้ครองและศักดิเทพ ซึ่งพระเยซูทรงมอบให้ท่านผ่านชัยชนะของพระองค์ในนามของท่านบนไม้กางเขน"
4.10.การถืออดอาหารอธิษฐานจะทำให้ท่านมีความเชื่อมั่นในสิ่งที่ท่านจะได้รับพระพรของท่านเอง (อิสยาห์ 58:8-14) พระคำเหล่านี้พระเจ้าทรงประทานให้แก่ท่านอันเป็นผลมาจากการที่ท่านถืออดอาหารตามแบบอย่างในพระคัมภีร์ ที่พระองค์มีพระสัญญาว่าท่านจะได้รับสิ่งนั้นคือ
1) ฟื้นฟูจิตวิญญาณ
2) ฤทธิ์อำนาจใหม่ ในการมีจิตใจที่มีสมาธิ
3) สุขภาพที่ได้รับการฟื้นฟูใหม่ของท่าน
5. ควรจะถืออดอาหารนานเท่าใด
เป็นความรับผิดชอบของแต่ละคนในการอดอาหารอธิษฐานกับพระเจ้า และขอรับการทรงนำในระหว่างที่ทำการอธิษฐาน ถ้าหากเราตัดสินใจจะอดอาหารอธิษฐาน 1 มื้อ ก็ขอให้เราทำด้วยความพอใจและถวายเกียรติแด่พระเจ้า และไม่รับประทานอะไรเลย (นอกจากดื่มน้ำสะอาด) หรือ 24 ชั่วโมง หรือว่า 72 ชั่วโมงก็ตาม เวลานานไม่ใช่เป็นมาตรฐาน แต่ความสัตย์ซื่อคือมาตรฐานในการที่พระเจ้าทรงพอพระทัย
เราต้องอธิษฐานจนกว่าวิญญาณชั่วจะออกจากเราจนหมด และบางคนก็อดอาหารเป็นเวลา 40 วันติดต่อกัน จนวิญญาณชั่ว ความท้อแท้ ความเจ็บป่วย และความทุกข์ออกไปหมดเลยจากชีวิตของเขา หรือจนหลุดพ้นจากความบาป ความเจ็บป่วย หรือความทุกข์ใจ ....ขอพระเจ้าทรงเพิ่มภาระใจให้แก่เรามากพอ ที่จะมีภาระใจต่อผู้ที่หลงหาย หลงทาง หรือต้องการความช่วยเหลือ จนเราพร้อมจะแบกภาระในการถืออดอาหารอธิษฐานเผื่อคนที่ต้องการความช่วยเหลือ โดยไม่มีเงื่อนไขอันใด นอกจาก เพราะความรักของพระคริสต์ที่สวมทับในชีวิตของเรา
-
- Defender of lawS
- โพสต์: 3324
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
- ที่อยู่: Bangkok
-7-
6. จะเริ่มการถืออดอาหารอย่างไร?
การถืออดอาหารระยะสั้นประมาณวันหรือสองวัน ไม่ต้องเตรียมอะไรเป็นพิเศษ แต่ควรจะทำเพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้าเสมอ แต่ถ้าหากอดอาหารนานๆ เช่น สี่วันขึ้นไป หรือ 3 อาทิตย์ หรือมากกว่านั้น เราควรต้องเตรียมสถานที่ที่สงบ อยู่คนเดียวได้ เพื่อพักผ่อน และอุทิศตัวของท่านในการอธิษฐาน และอ่านพระวจนะของพระเจ้า ไม่มีสิ่งอื่นรบกวนมอบชีวิตของเราต่อพระเจ้าอย่างจริงจัง
เมื่อพระเยซูคริสต์ทรงอยู่เพียงพระองค์เดียวในถิ่นทุรกันดารและอดพระกระยาหาร เป็นเวลา 40 วัน การเตรียมตัวอาจทำได้ดังนี้
6.1.ไม่ควรทำงานหนักก่อนที่จะอด หรือทำงานในระหว่างอดอาหารอยู่
6.2.ควรเลือกสถานที่ที่สงบ
6.3.ก่อนจะเริ่มต้นอดอาหารนาน ควรจะรับประทานผักสด ผลไม้สด และควรดื่มน้ำสะอาดๆ
6.4.อาบน้ำอุ่นอย่างน้อยทุกๆ สองวัน
ในระหว่างอดอาหารอธิษฐานนั้นปากของเราจะมีกลิ่นเหม็น เพราะร่างกายขับของเสียออกมาจากร่างกายที่หมักอยู่เป็นแรมปี แต่เมื่อเสร็จแล้วเราจะได้รับผลประโยชน์ก็คือ มีร่างกายที่สดชื่น ควบคู่กับชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณที่เข้มแข็ง ในวันแรกๆท่านจะรู้สึกหิวมาก หลังจากนั้น สามวัน ความหิวทั้งหลายจะหายหมด จึงทำให้เป้าหมายการถืออดอาหารอธิษฐานบรรลุผล
7. ควรจะทำอย่างไรในช่วงอดอาหารอธิษฐาน
อิสยาห์ บทที่ 58
58:3 'ทำไมข้าพระองค์ทั้งหลายได้อดอาหาร และพระองค์มิได้ทอดพระเนตร ทำไมข้าพระองค์ทั้งหลายได้ถ่อมตัวลง และพระองค์มิได้ทรงสนพระทัย' ดูเถิด ในวันที่เจ้าอดอาหาร เจ้าทำตามใจของเจ้าและบีบบังคับคนงานของเจ้าทั้งหมด
58:4 ดูเถิด เจ้าอดอาหารเพียงเพื่อวิวาทและต่อสู้และเพื่อต่อยด้วยหมัดอธรรม การอดอาหารอย่างของเจ้าในวันนี้ จะไม่กระทำให้เสียงของเจ้าได้ยินไปถึงที่สูง
58:5 อย่างนี้หรือเป็นการอดอาหารที่เราเลือก คือวันที่คนข่มตัว การก้มศีรษะของเขาลงเหมือนอ้อเล็ก และปูผ้ากระสอบและขี้เถ้ารองใต้เขา อย่างนี้หรือเจ้าจะเรียกการอย่างนี้ว่าการอดอาหาร และเป็นวันที่พระเจ้าโปรดปรานอย่างนั้นหรือ
58:6 "การอดอาหารอย่างนี้ไม่ใช่หรือที่เราต้องการคือการแก้พันธนะของความอธรรม การแก้สายรัดแอก และการปล่อยให้ผู้ถูกบีบบังคับเป็นอิสระ และการหักแอกเสียทุกอัน
58:7 ไม่ใช่การที่จะปันอาหารของเจ้าให้กับผู้หิวและนำคนยากจนไร้บ้านเข้ามาในบ้านของเจ้า เมื่อเจ้าเห็นคนเปลือยกายก็คลุมกายเขาไว้ และไม่ซ่อนตัวของเจ้าจากญาติของเจ้าเอง ดอกหรือ
58:8 แล้วความสว่างจะพุ่งออกมาแก่เจ้าอย่างอรุณและแผลของเจ้าจะเรียกเนื้อขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ความชอบธรรมของเจ้าจะเดินนำหน้าเจ้า และพระสิริของพระเจ้าจะระวังหลังเจ้า
58:9 แล้วเจ้าจะทูล และพระเจ้าจะทรงตอบ เจ้าจะร้องทูล และพระองค์จะตรัสว่า เราอยู่นี่"ถ้าเจ้าจะเอาออกไปจากท่ามกลางเจ้าเสีย ซึ่งแอกซึ่งการชี้หน้า และซึ่งการพูดอธรรม
58:10 ถ้าเจ้าทุ่มเทชีวิตของเจ้าแก่คนหิว และให้ผู้ถูกข่มใจได้อิ่มใจ แล้วความสว่างจะโผล่ขึ้นแก่เจ้าในความมืด และความมืดคลุ้มของเจ้าจะเป็นเหมือนเที่ยงวัน
58:11 และพระเจ้าจะนำเจ้าอยู่เป็นนิตย์ และให้เจ้าอิ่มด้วยของดี และกระทำให้กระดูกของเจ้าแข็ง และเจ้าจะเป็นเหมือนสวนที่มีน้ำรด เหมือนน้ำพุ ที่น้ำของมันไม่ขาด
58:12 และสิ่งสลักหักพังโบราณของเจ้าจะได้รับการสร้างขึ้นใหม่ เจ้าจะได้ซ่อมเสริมรากฐานของคนหลายชั่วอายุมาแล้วขึ้น เจ้าจะได้ชื่อว่าเป็นผู้ซ่อมกำแพงที่พัง ผู้ซ่อมแซมถนนให้คืนคงเพื่อจะได้อาศัยอยู่
58:13 "ถ้าเจ้าหยุดเหยียบย่ำวันสะบาโต คือจากการทำตามใจของเจ้าในวันบริสุทธิ์ของเราและเรียกสะบาโตว่า วันปีติยินดี และเรียกวันบริสุทธิ์ของพระเจ้าว่า วันมีเกียรติถ้าเจ้าให้เกียรติมัน ไม่ไปตามทางของเจ้าเอง หรือทำตามใจของเจ้า หรือพูดแต่เรื่องไร้สาระ
58:14 แล้วเจ้าจะได้ความปีติยินดีในพระเจ้า และเราจะให้เจ้าขึ้นขี่อยู่บนที่สูงของแผ่นดินโลก และเราจะเลี้ยงเจ้าด้วยมรดกของยาโคบบิดาของเจ้าเพราะโอษฐ์ของพระเจ้าได้ตรัสแล้ว"
เพื่อให้การถืออดอาหารอธิษฐานได้ผลสูงสุด เราควรจะปฏิบัติตาม 3 แบบ ดังนี้
7.1.อธิษฐานอย่างเอาจริงเอาจังตามที่กล่าวไว้ในอิสยาห์บทที่ 58
7.2. ค้นหาความต้องการภายในจิตใจของท่านเอง
7.3.อ่านและใคร่ครวญพระวจนะของพระเจ้า
ในการอดอาหารอธิษฐานอยู่นั้น ท่านไม่ต้องทำงาน แต่ตื่นเช้า อาบน้ำ แต่งตัวตามปกติ และเริ่มอธิษฐานจนเข้านอน อาจมีอาการอาเจียน ปวดหัว คลื่นไส้ แต่นั่นหมายถึงร่างกายของท่านกำลังขับของเสียออกมา และสมองของท่านจะปลอดโปร่ง และจำพระวจนะของพระเจ้าได้ดีกว่าเดิม
ในขณะที่ท่านทำการอดอาหารอธิษฐานอยู่นั้นควรดื่มน้ำสะอาด อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว และเมื่อมีอาการอาเจียนมากๆ และไม่สามารถรับน้ำได้แล้วก็ควรจะเลิกอดอาหารอธิษฐานในครั้งนั้นก่อน
ในคริสตจักรหรือในกลุ่มอธิษฐานของท่านควรจะมี 1 หรือ 2 คนที่จะอธิษฐานอย่างสม่ำเสมอ ใน 1 อาทิตย์ หรือสลับกันหลายๆ คน การอธิษฐานอดอาหารเป็นการ
6. จะเริ่มการถืออดอาหารอย่างไร?
การถืออดอาหารระยะสั้นประมาณวันหรือสองวัน ไม่ต้องเตรียมอะไรเป็นพิเศษ แต่ควรจะทำเพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้าเสมอ แต่ถ้าหากอดอาหารนานๆ เช่น สี่วันขึ้นไป หรือ 3 อาทิตย์ หรือมากกว่านั้น เราควรต้องเตรียมสถานที่ที่สงบ อยู่คนเดียวได้ เพื่อพักผ่อน และอุทิศตัวของท่านในการอธิษฐาน และอ่านพระวจนะของพระเจ้า ไม่มีสิ่งอื่นรบกวนมอบชีวิตของเราต่อพระเจ้าอย่างจริงจัง
เมื่อพระเยซูคริสต์ทรงอยู่เพียงพระองค์เดียวในถิ่นทุรกันดารและอดพระกระยาหาร เป็นเวลา 40 วัน การเตรียมตัวอาจทำได้ดังนี้
6.1.ไม่ควรทำงานหนักก่อนที่จะอด หรือทำงานในระหว่างอดอาหารอยู่
6.2.ควรเลือกสถานที่ที่สงบ
6.3.ก่อนจะเริ่มต้นอดอาหารนาน ควรจะรับประทานผักสด ผลไม้สด และควรดื่มน้ำสะอาดๆ
6.4.อาบน้ำอุ่นอย่างน้อยทุกๆ สองวัน
ในระหว่างอดอาหารอธิษฐานนั้นปากของเราจะมีกลิ่นเหม็น เพราะร่างกายขับของเสียออกมาจากร่างกายที่หมักอยู่เป็นแรมปี แต่เมื่อเสร็จแล้วเราจะได้รับผลประโยชน์ก็คือ มีร่างกายที่สดชื่น ควบคู่กับชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณที่เข้มแข็ง ในวันแรกๆท่านจะรู้สึกหิวมาก หลังจากนั้น สามวัน ความหิวทั้งหลายจะหายหมด จึงทำให้เป้าหมายการถืออดอาหารอธิษฐานบรรลุผล
7. ควรจะทำอย่างไรในช่วงอดอาหารอธิษฐาน
อิสยาห์ บทที่ 58
58:3 'ทำไมข้าพระองค์ทั้งหลายได้อดอาหาร และพระองค์มิได้ทอดพระเนตร ทำไมข้าพระองค์ทั้งหลายได้ถ่อมตัวลง และพระองค์มิได้ทรงสนพระทัย' ดูเถิด ในวันที่เจ้าอดอาหาร เจ้าทำตามใจของเจ้าและบีบบังคับคนงานของเจ้าทั้งหมด
58:4 ดูเถิด เจ้าอดอาหารเพียงเพื่อวิวาทและต่อสู้และเพื่อต่อยด้วยหมัดอธรรม การอดอาหารอย่างของเจ้าในวันนี้ จะไม่กระทำให้เสียงของเจ้าได้ยินไปถึงที่สูง
58:5 อย่างนี้หรือเป็นการอดอาหารที่เราเลือก คือวันที่คนข่มตัว การก้มศีรษะของเขาลงเหมือนอ้อเล็ก และปูผ้ากระสอบและขี้เถ้ารองใต้เขา อย่างนี้หรือเจ้าจะเรียกการอย่างนี้ว่าการอดอาหาร และเป็นวันที่พระเจ้าโปรดปรานอย่างนั้นหรือ
58:6 "การอดอาหารอย่างนี้ไม่ใช่หรือที่เราต้องการคือการแก้พันธนะของความอธรรม การแก้สายรัดแอก และการปล่อยให้ผู้ถูกบีบบังคับเป็นอิสระ และการหักแอกเสียทุกอัน
58:7 ไม่ใช่การที่จะปันอาหารของเจ้าให้กับผู้หิวและนำคนยากจนไร้บ้านเข้ามาในบ้านของเจ้า เมื่อเจ้าเห็นคนเปลือยกายก็คลุมกายเขาไว้ และไม่ซ่อนตัวของเจ้าจากญาติของเจ้าเอง ดอกหรือ
58:8 แล้วความสว่างจะพุ่งออกมาแก่เจ้าอย่างอรุณและแผลของเจ้าจะเรียกเนื้อขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ความชอบธรรมของเจ้าจะเดินนำหน้าเจ้า และพระสิริของพระเจ้าจะระวังหลังเจ้า
58:9 แล้วเจ้าจะทูล และพระเจ้าจะทรงตอบ เจ้าจะร้องทูล และพระองค์จะตรัสว่า เราอยู่นี่"ถ้าเจ้าจะเอาออกไปจากท่ามกลางเจ้าเสีย ซึ่งแอกซึ่งการชี้หน้า และซึ่งการพูดอธรรม
58:10 ถ้าเจ้าทุ่มเทชีวิตของเจ้าแก่คนหิว และให้ผู้ถูกข่มใจได้อิ่มใจ แล้วความสว่างจะโผล่ขึ้นแก่เจ้าในความมืด และความมืดคลุ้มของเจ้าจะเป็นเหมือนเที่ยงวัน
58:11 และพระเจ้าจะนำเจ้าอยู่เป็นนิตย์ และให้เจ้าอิ่มด้วยของดี และกระทำให้กระดูกของเจ้าแข็ง และเจ้าจะเป็นเหมือนสวนที่มีน้ำรด เหมือนน้ำพุ ที่น้ำของมันไม่ขาด
58:12 และสิ่งสลักหักพังโบราณของเจ้าจะได้รับการสร้างขึ้นใหม่ เจ้าจะได้ซ่อมเสริมรากฐานของคนหลายชั่วอายุมาแล้วขึ้น เจ้าจะได้ชื่อว่าเป็นผู้ซ่อมกำแพงที่พัง ผู้ซ่อมแซมถนนให้คืนคงเพื่อจะได้อาศัยอยู่
58:13 "ถ้าเจ้าหยุดเหยียบย่ำวันสะบาโต คือจากการทำตามใจของเจ้าในวันบริสุทธิ์ของเราและเรียกสะบาโตว่า วันปีติยินดี และเรียกวันบริสุทธิ์ของพระเจ้าว่า วันมีเกียรติถ้าเจ้าให้เกียรติมัน ไม่ไปตามทางของเจ้าเอง หรือทำตามใจของเจ้า หรือพูดแต่เรื่องไร้สาระ
58:14 แล้วเจ้าจะได้ความปีติยินดีในพระเจ้า และเราจะให้เจ้าขึ้นขี่อยู่บนที่สูงของแผ่นดินโลก และเราจะเลี้ยงเจ้าด้วยมรดกของยาโคบบิดาของเจ้าเพราะโอษฐ์ของพระเจ้าได้ตรัสแล้ว"
เพื่อให้การถืออดอาหารอธิษฐานได้ผลสูงสุด เราควรจะปฏิบัติตาม 3 แบบ ดังนี้
7.1.อธิษฐานอย่างเอาจริงเอาจังตามที่กล่าวไว้ในอิสยาห์บทที่ 58
7.2. ค้นหาความต้องการภายในจิตใจของท่านเอง
7.3.อ่านและใคร่ครวญพระวจนะของพระเจ้า
ในการอดอาหารอธิษฐานอยู่นั้น ท่านไม่ต้องทำงาน แต่ตื่นเช้า อาบน้ำ แต่งตัวตามปกติ และเริ่มอธิษฐานจนเข้านอน อาจมีอาการอาเจียน ปวดหัว คลื่นไส้ แต่นั่นหมายถึงร่างกายของท่านกำลังขับของเสียออกมา และสมองของท่านจะปลอดโปร่ง และจำพระวจนะของพระเจ้าได้ดีกว่าเดิม
ในขณะที่ท่านทำการอดอาหารอธิษฐานอยู่นั้นควรดื่มน้ำสะอาด อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว และเมื่อมีอาการอาเจียนมากๆ และไม่สามารถรับน้ำได้แล้วก็ควรจะเลิกอดอาหารอธิษฐานในครั้งนั้นก่อน
ในคริสตจักรหรือในกลุ่มอธิษฐานของท่านควรจะมี 1 หรือ 2 คนที่จะอธิษฐานอย่างสม่ำเสมอ ใน 1 อาทิตย์ หรือสลับกันหลายๆ คน การอธิษฐานอดอาหารเป็นการ
-
- Defender of lawS
- โพสต์: 3324
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
- ที่อยู่: Bangkok
-8-
8. ปฏิกิริยาของร่างกายเมื่ออดอาหาร
หลายคนมีความแตกต่างกันหลายคนมีโรคบางอย่างซ่อนอยู่ในร่างกาย ซึ่งจะเริ่มถูกชำระล้างโดยการอดอาหาร ปฏิกริยาที่เกิดขึ้นจากการอดอาหารจะแตกต่างกันไปในแต่ละคน ยิ่งท่านใดมีความรู้สึกทรมานมากเท่าใดในเวลาถืออดอาหาร เขาควรจะยิ่งต้องถืออดอาหารมากขึ้นเท่านั้น
บางคนมีปัญหาในเรื่องกระเพาะอาหาร บางคนก็มีโรคกระเพาะอยู่แล้ว และเมื่อกระเพาะไม่ได้ย่อยอาหารนานเข้าก็จะเกิดอาการปวด และรู้สึกทรมาน ถ้าหากว่าบางคนที่ต้องพึ่งสารนิโคติน หรือคาเฟอีนมาเป็นเวลาแรมปี อาจเกิดอาหารปวดศีรษะอย่างรุนแรง และมีอาการคลื่นเหียนอาเจียนในช่วงวันสองวันแรกแล้วปัญหานี้จะสิ้นสุดลง และถ้าท่านอดอาหารเป็นเวลา 21 หรือ 40 วัน ขอให้เราทำเพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้า และเราควรรักษาความอบอุ่นร่างกายของเราไว้ บางคืนเราอาจนอนไม่หลับทั้งนี้เพราะน้ำหนักตัวลดลงและโลหิตมากเกินไปในร่างกาย โลหิตที่เกินอยู่ในสมองอาจจะทำให้นอนไม่หลับอยู่ ๒-๓ คืน ดังนั้น จึงเป็นโอกาสดีที่เราสรรเสริญพระเจ้าในเวลานั้น ด้วยการร้องเพลง อธิษฐานเพื่อติดสนิทกับพระองค์
9. การออกจากการอดอาหารอธิษฐาน
การรักษาเวลา คือเป็นการรักษาพระสัญญากับพระเจ้าให้นานและดีที่สุด ซึ่งบางครั้งความหวนกลับคืนมาสู่เนื้อหนัง เวลานั้นร่างกายของเราได้ขับของเสียออกมาหมดแล้ว ให้เราสังเกตว่าพระเยซูอดอาหาร และเมื่อพ้นวันกำหนดคือ 40 วันแล้ว การทดลองก็มาถึงพระองค์ 3 ประการ เพราะมารซาตานรู้ว่าเวลานั้นเป็นเวลาแห่งความตาย เพราะว่าพระองค์ทรงหิวแล้ว มันคิดว่าพระองค์จะยอมทำตามความชั่วช้าของมันเพื่อพระองค์จะทรงเสวยอาหารที่มันนำมา ความหิวนั้นอยู่ที่ปาก และลำคอ แต่อย่างไรก็ตามขอให้เรายึดมั่นอยู่ในความเชื่อมั่นในพระเจ้า
ถ้าเป็นการอดอาหาร 2-3 วัน ควรออกจากการอดอาหารด้วยการรับประทานน้ำดื่มที่ผสมด้วยน้ำส้มคั้นครึ่งแก้ว และหลังจากนั้น 2 วันก็รับประทานผักสด หรือผลไม้สด แต่ไม่ควรรับประทานมากเกินไป และหลังจากนั้นก็เริ่มรับประทานอาหารตามปกติ และน้ำหนักตัวของท่านก็จะกลับคืนมา พร้อมกับชีวิตจิตวิญญาณที่เข้มแข็ง "เหตุฉะนั้นท่านจงถวายเกียรติแด่พระเจ้าของท่าน ด้วยร่างกายของท่าน" 1 โครินธ์ 6:19,20 แต่พระเยซูทรงสอนว่า "จงระวังให้ดีเกลือกว่าท่านจะเต็มล้นไปด้วยการดื่มเหล้าองุ่นมาก และด้วยการเมา" ลูกา 21:34-36
10. การถืออดอาหารกับปัญหายาเสพติด
วิธีการหยุดยาเสพติดทุกชนิดคือ การอดอาหารอธิษฐาน วิธีการนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุดเพราะเป็นการขับสารเสพติดที่มีอยู่ในร่างกายออกไป และพระวิญญาณของพระเจ้าจะทรงเพิ่มภูมิต้านทานให้กับร่างกายของคนนั้น คริสเตียนบางท่านก็ยอมปฏิเสธวิธีการนี้ 2-3 มากกว่าที่จะปฏิเสธการเป็นทาสของบุหรี่ไปตลอดชีวิต มันเป็นเรื่องที่น่าอายมากที่คริสเตียนติดยาเสพติด แล้วอยากเข้าแผ่นดินของพระเจ้า
11.เสรีภาพที่เต็มไปด้วยพระสิริ
ถ้าหากเราอธิษฐานอดอาหารเป็นลูกโซ่ พระเจ้าก็จะทรงนำพระสิริแห่งเสรีภาพมาสู่การอธิษฐานในพระวิญญาณ และพระสัญญาของพระเจ้าทั้ง 34,444 ครั้งในพระวจนะของพระองค์ก็จะเกิดผลตามมา การอธิษฐานอดอาหารคือเป็นการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่หลงหายอยู่ ที่ติดอยู่กับบ่วงของมารซาตาน และนำเขาออกจากการถูกข่มเหงและนำไปรับการรักษา
การอธิษฐานอดอาหารเปรียบเสมือนการจุดไฟเผาความคิดที่ไม่ดี การวิพากษ์วิจารณ์ผู้อื่น ความอิจฉาริษยา และความเกลียดชัง ช่วยทำให้เต็มไปด้วยพลังแห่งความรัก และสามารถช่วยเหลือผู้อื่นด้วยการกระทำก็ได้ และสามารถทำให้ผู้อื่นได้รับการเผาความคิดที่ไม่ดีนั้นออกจากร่างกาย ความคิดของเขาด้วย
8. ปฏิกิริยาของร่างกายเมื่ออดอาหาร
หลายคนมีความแตกต่างกันหลายคนมีโรคบางอย่างซ่อนอยู่ในร่างกาย ซึ่งจะเริ่มถูกชำระล้างโดยการอดอาหาร ปฏิกริยาที่เกิดขึ้นจากการอดอาหารจะแตกต่างกันไปในแต่ละคน ยิ่งท่านใดมีความรู้สึกทรมานมากเท่าใดในเวลาถืออดอาหาร เขาควรจะยิ่งต้องถืออดอาหารมากขึ้นเท่านั้น
บางคนมีปัญหาในเรื่องกระเพาะอาหาร บางคนก็มีโรคกระเพาะอยู่แล้ว และเมื่อกระเพาะไม่ได้ย่อยอาหารนานเข้าก็จะเกิดอาการปวด และรู้สึกทรมาน ถ้าหากว่าบางคนที่ต้องพึ่งสารนิโคติน หรือคาเฟอีนมาเป็นเวลาแรมปี อาจเกิดอาหารปวดศีรษะอย่างรุนแรง และมีอาการคลื่นเหียนอาเจียนในช่วงวันสองวันแรกแล้วปัญหานี้จะสิ้นสุดลง และถ้าท่านอดอาหารเป็นเวลา 21 หรือ 40 วัน ขอให้เราทำเพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้า และเราควรรักษาความอบอุ่นร่างกายของเราไว้ บางคืนเราอาจนอนไม่หลับทั้งนี้เพราะน้ำหนักตัวลดลงและโลหิตมากเกินไปในร่างกาย โลหิตที่เกินอยู่ในสมองอาจจะทำให้นอนไม่หลับอยู่ ๒-๓ คืน ดังนั้น จึงเป็นโอกาสดีที่เราสรรเสริญพระเจ้าในเวลานั้น ด้วยการร้องเพลง อธิษฐานเพื่อติดสนิทกับพระองค์
9. การออกจากการอดอาหารอธิษฐาน
การรักษาเวลา คือเป็นการรักษาพระสัญญากับพระเจ้าให้นานและดีที่สุด ซึ่งบางครั้งความหวนกลับคืนมาสู่เนื้อหนัง เวลานั้นร่างกายของเราได้ขับของเสียออกมาหมดแล้ว ให้เราสังเกตว่าพระเยซูอดอาหาร และเมื่อพ้นวันกำหนดคือ 40 วันแล้ว การทดลองก็มาถึงพระองค์ 3 ประการ เพราะมารซาตานรู้ว่าเวลานั้นเป็นเวลาแห่งความตาย เพราะว่าพระองค์ทรงหิวแล้ว มันคิดว่าพระองค์จะยอมทำตามความชั่วช้าของมันเพื่อพระองค์จะทรงเสวยอาหารที่มันนำมา ความหิวนั้นอยู่ที่ปาก และลำคอ แต่อย่างไรก็ตามขอให้เรายึดมั่นอยู่ในความเชื่อมั่นในพระเจ้า
ถ้าเป็นการอดอาหาร 2-3 วัน ควรออกจากการอดอาหารด้วยการรับประทานน้ำดื่มที่ผสมด้วยน้ำส้มคั้นครึ่งแก้ว และหลังจากนั้น 2 วันก็รับประทานผักสด หรือผลไม้สด แต่ไม่ควรรับประทานมากเกินไป และหลังจากนั้นก็เริ่มรับประทานอาหารตามปกติ และน้ำหนักตัวของท่านก็จะกลับคืนมา พร้อมกับชีวิตจิตวิญญาณที่เข้มแข็ง "เหตุฉะนั้นท่านจงถวายเกียรติแด่พระเจ้าของท่าน ด้วยร่างกายของท่าน" 1 โครินธ์ 6:19,20 แต่พระเยซูทรงสอนว่า "จงระวังให้ดีเกลือกว่าท่านจะเต็มล้นไปด้วยการดื่มเหล้าองุ่นมาก และด้วยการเมา" ลูกา 21:34-36
10. การถืออดอาหารกับปัญหายาเสพติด
วิธีการหยุดยาเสพติดทุกชนิดคือ การอดอาหารอธิษฐาน วิธีการนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุดเพราะเป็นการขับสารเสพติดที่มีอยู่ในร่างกายออกไป และพระวิญญาณของพระเจ้าจะทรงเพิ่มภูมิต้านทานให้กับร่างกายของคนนั้น คริสเตียนบางท่านก็ยอมปฏิเสธวิธีการนี้ 2-3 มากกว่าที่จะปฏิเสธการเป็นทาสของบุหรี่ไปตลอดชีวิต มันเป็นเรื่องที่น่าอายมากที่คริสเตียนติดยาเสพติด แล้วอยากเข้าแผ่นดินของพระเจ้า
11.เสรีภาพที่เต็มไปด้วยพระสิริ
ถ้าหากเราอธิษฐานอดอาหารเป็นลูกโซ่ พระเจ้าก็จะทรงนำพระสิริแห่งเสรีภาพมาสู่การอธิษฐานในพระวิญญาณ และพระสัญญาของพระเจ้าทั้ง 34,444 ครั้งในพระวจนะของพระองค์ก็จะเกิดผลตามมา การอธิษฐานอดอาหารคือเป็นการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่หลงหายอยู่ ที่ติดอยู่กับบ่วงของมารซาตาน และนำเขาออกจากการถูกข่มเหงและนำไปรับการรักษา
การอธิษฐานอดอาหารเปรียบเสมือนการจุดไฟเผาความคิดที่ไม่ดี การวิพากษ์วิจารณ์ผู้อื่น ความอิจฉาริษยา และความเกลียดชัง ช่วยทำให้เต็มไปด้วยพลังแห่งความรัก และสามารถช่วยเหลือผู้อื่นด้วยการกระทำก็ได้ และสามารถทำให้ผู้อื่นได้รับการเผาความคิดที่ไม่ดีนั้นออกจากร่างกาย ความคิดของเขาด้วย
-
- Defender of lawS
- โพสต์: 3324
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
- ที่อยู่: Bangkok
-9-
12. การถืออดอาหารในประวัติศาสตร์ของคริสตจักร
ผู้นำคริสเตียนที่เข้มแข็งคือเป็นคนอธิษฐานอดอาหาร
ซานโวนารอลา ( Savonarola ) ได้เทศนาในเมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี หลังจากยุคมืดศตวรรษที่ 14 คำเทศนาของท่านเต็มไปด้วยไฟแห่งการฟื้นฟู และผู้คนเกือบทั้งเมืองกลับใจมาเชื่อพระเยซูคริสต์ ชีวิตของท่านเป็นชีวิตแห่งการรับใช้พระเจ้าด้วยการอดอาหารอธิษฐาน แต่ผู้นำในศาสนจักรไม่พอใจท่าน ในที่สุดท่านได้ถูกประหารชีวิตโดยการเผาทั้งเป็น
มาร์ติน ลูเธอร์ ( Martin Luther ) ที่เยอรมัน ท่านเป็นคริสเตียนที่กล้าหาญ ท่านผู้นี้แหละเป็นผู้อดอาหารอธิษฐานประจำ ผลที่ตามมาก็คือการปฏิรูปทางศาสนา ปลดปล่อยคนออกจากการเป็นของพวกนิยมโรมัน ท่านเป็นผู้พลิกฟื้นจิตวิญญาณทั่วทั้งยุโรป และสหรัฐอเมริกาและยิ่งกว่านั้นท่านนำคนมาให้ความสำคัญกับการอดอาหารอธิษฐาน
จอห์น น๊อกซ์ ( John Knox ) เป็นนักอดอาหารอธิษฐานในประเทศสก๊อตแลนด์จนพระนางแมรี่ย์ผู้ต่อต้านคริสเตียน กลัวคำอธิษฐานของท่านมากกว่ากลัวกองทัพของพระนางอลิซาเบธของอังกฤษเสียอีก
จอห์ เวสเล่ย์ ( John Wesley ) เป็นนักอดอาหารอธิษฐานตามแบบในพระคัมภีร์
โจนาธาน เอ็ดเวิร์ด ( Johnathan Edwards ) จากรัฐ New England เป็นนักฟื้นฟูโดยชีวิตของท่านเป็นอธิษฐานอดอาหาร
ชาลร์ส จี ฟินนี่ ( Charles G. Finny ) เป็นผู้ยืนหยัดในความเชื่อของเขาที่มีต่อองค์พระเยซูคริสต์ ด้วยชีวิตที่อดอาหารอย่างเอาจริงเอาจัง เขาอดอาหารอธิษฐานเป็นเวลา 3 วัน 3 คืน และกล่าวเป็นพยานว่า การกระทำเช่นนี้ทำให้เต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์
13 ใคร
12. การถืออดอาหารในประวัติศาสตร์ของคริสตจักร
ผู้นำคริสเตียนที่เข้มแข็งคือเป็นคนอธิษฐานอดอาหาร
ซานโวนารอลา ( Savonarola ) ได้เทศนาในเมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี หลังจากยุคมืดศตวรรษที่ 14 คำเทศนาของท่านเต็มไปด้วยไฟแห่งการฟื้นฟู และผู้คนเกือบทั้งเมืองกลับใจมาเชื่อพระเยซูคริสต์ ชีวิตของท่านเป็นชีวิตแห่งการรับใช้พระเจ้าด้วยการอดอาหารอธิษฐาน แต่ผู้นำในศาสนจักรไม่พอใจท่าน ในที่สุดท่านได้ถูกประหารชีวิตโดยการเผาทั้งเป็น
มาร์ติน ลูเธอร์ ( Martin Luther ) ที่เยอรมัน ท่านเป็นคริสเตียนที่กล้าหาญ ท่านผู้นี้แหละเป็นผู้อดอาหารอธิษฐานประจำ ผลที่ตามมาก็คือการปฏิรูปทางศาสนา ปลดปล่อยคนออกจากการเป็นของพวกนิยมโรมัน ท่านเป็นผู้พลิกฟื้นจิตวิญญาณทั่วทั้งยุโรป และสหรัฐอเมริกาและยิ่งกว่านั้นท่านนำคนมาให้ความสำคัญกับการอดอาหารอธิษฐาน
จอห์น น๊อกซ์ ( John Knox ) เป็นนักอดอาหารอธิษฐานในประเทศสก๊อตแลนด์จนพระนางแมรี่ย์ผู้ต่อต้านคริสเตียน กลัวคำอธิษฐานของท่านมากกว่ากลัวกองทัพของพระนางอลิซาเบธของอังกฤษเสียอีก
จอห์ เวสเล่ย์ ( John Wesley ) เป็นนักอดอาหารอธิษฐานตามแบบในพระคัมภีร์
โจนาธาน เอ็ดเวิร์ด ( Johnathan Edwards ) จากรัฐ New England เป็นนักฟื้นฟูโดยชีวิตของท่านเป็นอธิษฐานอดอาหาร
ชาลร์ส จี ฟินนี่ ( Charles G. Finny ) เป็นผู้ยืนหยัดในความเชื่อของเขาที่มีต่อองค์พระเยซูคริสต์ ด้วยชีวิตที่อดอาหารอย่างเอาจริงเอาจัง เขาอดอาหารอธิษฐานเป็นเวลา 3 วัน 3 คืน และกล่าวเป็นพยานว่า การกระทำเช่นนี้ทำให้เต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์
13 ใคร
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
เป็นกระทู้แนะนำ ให้ เจ๊ฟีม คร้าบบ พ้ม 8)
It's also for me ka.. :)
This is quite interesting. .... We fast to free ourselves.... :)แรงจูงใจในการถืออดอาหารจะต้องเป็นหัวใจที่เต็มด้วยความรัก พลังอำนาจไม่ได้อยู่ที่การอธิษฐาน การให้ทานในการถืออดอาหาร แต่พลังอำนาจที่พระเยซูคริสต์ให้เราศึกษาเรื่องการถืออดอาหาร ในพระธรรมอิสยาห์บทที่ 58 เมื่อเราอดอาหารอย่างเอาจริงเอาจังแล้วเราสามารถออกจากสิ่งเหล่านี้
1.แก้พันธนะของความอธรรม
2.แก้สายรัดแอกแห่งภาระหนัก
3.ได้รับการปล่อยให้เป็นอิสระจากการถูกบีบบังคับ
4.หักแอกเสียทุกอัน
-
- ~@
- โพสต์: 7624
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
- ที่อยู่: Pattaya Chonburi
Jeab Agape เขียน:
เป็นกระทู้แนะนำ ให้ เจ๊ฟีม คร้าบบ พ้ม 8)
*thx ขอบคุณพี่พีพี กับ น้องเจี๊ยบค๊า *thx
แก้ไขล่าสุดโดย :+: seraphim :+: เมื่อ อาทิตย์ ส.ค. 07, 2005 8:25 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
คร้าบบ รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม ฮับseraphim เขียน:Jeab Agape เขียน:
เป็นกระทู้แนะนำ ให้ เจ๊ฟีม คร้าบบ พ้ม 8)
*thx ขอบคุณพี่พีพี กับ น้องเจี๊ยบค๊า *thx
เจ๊ฟีมฮับ ทางคริสเตียน เรามี ฤดูอดอาหาร 40 วัน ทุกปี และวันสุดท้ายคือ 10 ธันวาคม นับถอยหลัง
ลงไป ฮับ เราเรียกว่า "การอธิษฐานเพื่อชาติ" เราจะมีหัวข้อภาวนาทุกๆวัน และแนะนำให้อดอาหาร
ให้เหมาะสมกับแต่ละคน ด้วย วันสุดท้าย เดิน อธิษฐาน แบบกองทัพ โยชูวา
ปีที่แล้ว เจี๊ยบ พี่พีพี และลูกศิษย์ พี่พีพีไปเดินด้วย ฮับ เริ่มต้นที่คริสตจักรวัฒนา สุขุมวิท 19 แล้วไปสุขุมวิท 21 ไปถนนเพชรบุรีเราเดินบ้าน สำนักงานใหญ่ โบสถ์ พี่ P ด้วย แล้วไปออกสุขุมวิท 3 เดินที่ถนนสุขุมวิท แล้วกลับไปที่เดิมและมีการนมัสการ ร่วมกัน มีคริสเตียน นับพันคนอธิษฐาน กั๊บ
เจี๊ยบจ๋า ธันวานี้ชวนพี่ด้วยนะ สนใจๆJeab Agape เขียน:คร้าบบ รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม ฮับseraphim เขียน:Jeab Agape เขียน:
เป็นกระทู้แนะนำ ให้ เจ๊ฟีม คร้าบบ พ้ม 8)
*thx ขอบคุณพี่พีพี กับ น้องเจี๊ยบค๊า *thx
เจ๊ฟีมฮับ ทางคริสเตียน เรามี ฤดูอดอาหาร 40 วัน ทุกปี และวันสุดท้ายคือ 10 ธันวาคม นับถอยหลัง
ลงไป ฮับ เราเรียกว่า "การอธิษฐานเพื่อชาติ" เราจะมีหัวข้อภาวนาทุกๆวัน และแนะนำให้อดอาหาร
ให้เหมาะสมกับแต่ละคน ด้วย วันสุดท้าย เดิน อธิษฐาน แบบกองทัพ โยชูวา
ปีที่แล้ว เจี๊ยบ พี่พีพี และลูกศิษย์ พี่พีพีไปเดินด้วย ฮับ เริ่มต้นที่คริสตจักรวัฒนา สุขุมวิท 19 แล้วไปสุขุมวิท 21 ไปถนนเพชรบุรีเราเดินบ้าน สำนักงานใหญ่ โบสถ์ พี่ P ด้วย แล้วไปออกสุขุมวิท 3 เดินที่ถนนสุขุมวิท แล้วกลับไปที่เดิมและมีการนมัสการ ร่วมกัน มีคริสเตียน นับพันคนอธิษฐาน กั๊บ
แต่คงอดเกิน 1 วันไม่ได้ เพราะว่าทำงานทุกวันเลยอ่ะค่ะ วันเสาร์ก็ทำ