เป็นงง
สวัสดีครับ พี่น้องร่วมบอร์ดที่รักทุกท่าน
คือเรื่องมันมีอย่างนี้นะครับ เมื่อวันก่อนบังเอิญเหลือเกินที่ได้ไปดูเขาร้องเพลงรับพระกุมารตามบ้าน บ้านนั้นก็ดูดีมีศรัทธา แต่ขณะที่กำลังเพลินๆกับเสียงเพลงและบรรยากาศความอบอุ่นของการรับพระกุมารอยู่นั้น ตาเจ้ากรรมก็ดันเหลือบไปเห็นรูปฮกลกซิ่วขนาดเบ้อเร่อ ตั้งอยู่ในห้องที่รับพระกุมารซึ่งอุดมไปด้วยรูปพระนานาชนิด เอาละครับ ไม่ว่ากัน ออกมาอีกห้องเอ๋า โป๊ยเซียนเรียงเป็นพรืดแปดองค์ เลยพาลให้คิดถึงร้านคาทอลิกที่ข้างตึกอีกร้าน ในร้านมีหิ้งรูปนักบุญยอแซฟแปะใบลานเสริฟน้ำใส่แก้วขาดแต่จุดธูปอยู่ด้านหนึ่ง อีกด้านหนึ่งก็นางกวัก ร.5 ถวายน้ำถวายธูป และยังทำให้ความทรงจำที่เคยเห็นคาทอลิกอีกหลายๆบ้านที่เคยเจอก็คือมีรูปบูชาพวกนี้เยอะแยะไปหมดผุดขึ้นมาในหัว
ผมไม่ทราบว่าท่าทีของพระศาสนจักรในประเทศไทยเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นอย่างไร คือผมก็คริสตังยืนที่พื้นเดิมไม่ค่อยเห็นด้วยกับของพวกนี้เลยเกิดอาการงงเต๊ก บ่อึ่มจายขึ้นมาทันที อย่างรูป ร5 ก็เหมือนกันในแง่ของความเป็นกษัตริย์ที่ทรงคุณงามความดีจึงมีรูปของท่านเพื่อความทรงจำอันนี้ผมเข้าใจ แต่ส่วนใหญ่คนไทยนึกถึงในแง่ของโชคลาภ ดังจะเห็นได้ว่ามีการทรงเจ้าเข้าเสด็จพ่อเสด็จเตี่ยกันมากมายทั่วราชอาณาจักรไทย และยังรวมพวกสิงโต สิงคาบดาบที่มาช่วยเสริมบารมีตามความเชื่อดั้งเดิมอีกที่ประดังประเดกันมาประดับประดาบ้าน ไหนจะยังพวกคริสตัลเสริมพลังหรืออะไรต่อมิอะไรที่ติดตัวอีก
คือผมงงอะครับ ว่าเอาไงแน่ รบกวนท่านผู้รู้ช่วยชี้แนะด้วยครับ
ด้วยความนับถือ
คือเรื่องมันมีอย่างนี้นะครับ เมื่อวันก่อนบังเอิญเหลือเกินที่ได้ไปดูเขาร้องเพลงรับพระกุมารตามบ้าน บ้านนั้นก็ดูดีมีศรัทธา แต่ขณะที่กำลังเพลินๆกับเสียงเพลงและบรรยากาศความอบอุ่นของการรับพระกุมารอยู่นั้น ตาเจ้ากรรมก็ดันเหลือบไปเห็นรูปฮกลกซิ่วขนาดเบ้อเร่อ ตั้งอยู่ในห้องที่รับพระกุมารซึ่งอุดมไปด้วยรูปพระนานาชนิด เอาละครับ ไม่ว่ากัน ออกมาอีกห้องเอ๋า โป๊ยเซียนเรียงเป็นพรืดแปดองค์ เลยพาลให้คิดถึงร้านคาทอลิกที่ข้างตึกอีกร้าน ในร้านมีหิ้งรูปนักบุญยอแซฟแปะใบลานเสริฟน้ำใส่แก้วขาดแต่จุดธูปอยู่ด้านหนึ่ง อีกด้านหนึ่งก็นางกวัก ร.5 ถวายน้ำถวายธูป และยังทำให้ความทรงจำที่เคยเห็นคาทอลิกอีกหลายๆบ้านที่เคยเจอก็คือมีรูปบูชาพวกนี้เยอะแยะไปหมดผุดขึ้นมาในหัว
ผมไม่ทราบว่าท่าทีของพระศาสนจักรในประเทศไทยเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นอย่างไร คือผมก็คริสตังยืนที่พื้นเดิมไม่ค่อยเห็นด้วยกับของพวกนี้เลยเกิดอาการงงเต๊ก บ่อึ่มจายขึ้นมาทันที อย่างรูป ร5 ก็เหมือนกันในแง่ของความเป็นกษัตริย์ที่ทรงคุณงามความดีจึงมีรูปของท่านเพื่อความทรงจำอันนี้ผมเข้าใจ แต่ส่วนใหญ่คนไทยนึกถึงในแง่ของโชคลาภ ดังจะเห็นได้ว่ามีการทรงเจ้าเข้าเสด็จพ่อเสด็จเตี่ยกันมากมายทั่วราชอาณาจักรไทย และยังรวมพวกสิงโต สิงคาบดาบที่มาช่วยเสริมบารมีตามความเชื่อดั้งเดิมอีกที่ประดังประเดกันมาประดับประดาบ้าน ไหนจะยังพวกคริสตัลเสริมพลังหรืออะไรต่อมิอะไรที่ติดตัวอีก
คือผมงงอะครับ ว่าเอาไงแน่ รบกวนท่านผู้รู้ช่วยชี้แนะด้วยครับ
ด้วยความนับถือ
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ ศุกร์ ธ.ค. 08, 2006 9:44 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ผมว่าเค้านับถือทุกอย่างในชีวิตที่พบเห็นครับไม่เอาอะไรเป็นความเชื่อหลักสักอย่างเปรียบเหมือนกับคนทำงานหลายออฟฟิศแต่ไม่ประจำตลอดที่ใดที่หนึ่งเหมือนเป็นคนเร่ร่อนที่ไม่ประสบความสำเร็จสักอย่างในการงานคงไม่ดีแน่ใช่มั้ยครับเช่นกันการนับถือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆก็ต้องเอาเป็นอย่างๆไปไม่ใช่มั่วหมดเมือนกับ ตย ข้างต้นสุดท้ายลองคิดดูนะครับว่าเค้าจะประสบความครัสำเร็จในชีวิตฝ่ายวิญญาณมั้ยแนนอนบคนแบบนี้จะไม่รู้ว่าตนเองจะไปทางไหนดีสุดท้ายทิ้งศาสนาครับชีวิตของเค้าฝ่านวิญญาณก็พังทลายทันที
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
อันตน เขียน: สวัสดีครับ พี่น้องร่วมบอร์ดที่รักทุกท่าน
คือเรื่องมันมีอย่างนี้นะครับ เมื่อวันก่อนบังเอิญเหลือเกินที่ได้ไปดูเขาร้องเพลงรับพระกุมารตามบ้าน บ้านนั้นก็ดูดีมีศรัทธา แต่ขณะที่กำลังเพลินๆกับเสียงเพลงและบรรยากาศความอบอุ่นของการรับพระกุมารอยู่นั้น ตาเจ้ากรรมก็ดันเหลือบไปเห็นรูปฮกลกซิ่วขนาดเบ้อเร่อ ตั้งอยู่ในห้องที่รับพระกุมารซึ่งอุดมไปด้วยรูปพระนานาชนิด เอาละครับ ไม่ว่ากัน ออกมาอีกห้องเอ๋า โป๊ยเซียนเรียงเป็นพรืดแปดองค์ เลยพาลให้คิดถึงร้านคาทอลิกที่ข้างตึกอีกร้าน ในร้านมีหิ้งรูปนักบุญยอแซฟแปะใบลานเสริฟน้ำใส่แก้วขาดแต่จุดธูปอยู่ด้านหนึ่ง อีกด้านหนึ่งก็นางกวัก ร.5 ถวายน้ำถวายธูป และยังทำให้ความทรงจำที่เคยเห็นคาทอลิกอีกหลายๆบ้านที่เคยเจอก็คือมีรูปบูชาพวกนี้เยอะแยะไปหมดผุดขึ้นมาในหัว
ผมไม่ทราบว่าท่าทีของพระศาสนจักรในประเทศไทยเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นอย่างไร คือผมก็คริสตังยืนที่พื้นเดิมไม่ค่อยเห็นด้วยกับของพวกนี้เลยเกิดอาการงงเต๊ก บ่อึ่มจายขึ้นมาทันที อย่างรูป ร5 ก็เหมือนกันในแง่ของความเป็นกษัตริย์ที่ทรงคุณงามความดีจึงมีรูปของท่านเพื่อความทรงจำอันนี้ผมเข้าใจ แต่ส่วนใหญ่คนไทยนึกถึงในแง่ของโชคลาภ ดังจะเห็นได้ว่ามีการทรงเจ้าเข้าเสด็จพ่อเสด็จเตี่ยกันมากมายทั่วราชอาณาจักรไทย และยังรวมพวกสิงโต สิงคาบดาบที่มาช่วยเสริมบารมีตามความเชื่อดั้งเดิมอีกที่ประดังประเดกันมาประดับประดาบ้าน ไหนจะยังพวกคริสตัลเสริมพลังหรืออะไรต่อมิอะไรที่ติดตัวอีก
คือผมงงอะครับ ว่าเอาไงแน่ รบกวนท่านผู้รู้ช่วยชี้แนะด้วยครับ
ด้วยความนับถือ
มันเป็นไปได้ว่า เขาแต่งงานแบบต่างคนต่างถือค่ะ
สามี หรือ ภรรยา อาจเป็นศาสนาอื่น ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้ว่าจะมีพระหลายแบบอยู่ในบ้าน
ประการต่อมา การยกน้ำเสริฟ
เป็นไปได้ว่า เขาอาจจะไม่รู้ค่ะ คริสตังนอนบางคนไม่เหมือนคริสตังยืนจริงๆ
คริสตังยืนเข้ามาด้วยความศรัทธา ศึกษาหาความรู้จนเกิดความศรัทธา
แต่คริสตังนอน ถ่ายทอดความเชื่อมาทางพ่อแม่
บางคนยิ่งคนโบราณก็อาจจะไม่ได้เรียนคำสอน ไม่ได้คลุกคลี่กับวัดมาก
อาจจะเป็นคนจีนอพยพมา บรรพบุรุษไหว้มาแบบยกเสริฟอย่างนี้ ตัวเองก็ไหว้ด้วย
หรือบางทีร้านอาหารที่ว่า พนักงานอาจเป็นคนไหว้
ถือยกน้ำเสริฟด้วยความไม่รู้ แล้วเจ้าของอาจจะไม่ได้สนใจดูมาก
เลยไม่รู้ว่า พระตัวเองก็ได้น้ำด้วย ก็เป็นได้ค่ะ
คิดในหลาย ๆ แง่น๊า

Huh!อันตน เขียน: - - -เลยพาลให้คิดถึงร้านคาทอลิกที่ข้างตึกอีกร้าน ในร้านมีหิ้งรูปนักบุญยอแซฟแปะใบลานเสริฟน้ำใส่แก้วขาดแต่จุดธูปอยู่ด้านหนึ่ง - - -

หิ้งรูปนักบุญยกแซฟแปะใบลานเสิร์ฟน้ำ
จะดีอยู่หรือคับพี่...ทำไปได้!

แก้ไขล่าสุดโดย blue_sky เมื่อ ศุกร์ ธ.ค. 08, 2006 11:02 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
แต่เท่าที่เห็นหลายๆบ้านก็คริสตังคั่กๆ คริสตังแท้คริสตังว่า คริสตังคั่กขนาด คริสตังอย่างแรงกันทั้งบ้านเลยนะ บางบ้านอยู่ติดวัดเลยด้วยซ้ำ
คืองี้ ประเด็นคือว่าทางพระศาสนจักรในไทยมองเรื่องนี้ยังไงอะครับ คือต่างคนต่างถืออะเข้าใจได้ครับ เช่นผัวคริสตังเมียพุทธ เมียเป็นแม่ค้าก็เลยเอานางกวักมาช่วย อย่างนี้โอเค แต่ร้านค้าทีว่าแกก้ไม่ได้แต่งงานแต่งการอะไร ลูกจ้างยกก็น่าจะบอกลูกจ้าง แต่ดูแล้วท่าว่าจะไม่ใช่ อ้อ แล้วรูปพระที่ว่าไม่ใช่รูปพระพุทธนะครับ คือรูปพระทางคริสตังนี่แหละครับ นี่ยังไม่รวมพวกกูให้มึงรวย บ้านนี้อยู่แล้วรวย ฯลฯ ใหญ่อีกนะ
คือบอกตรงๆผมสะดุดอะครับ แต่เรื่องต่างคนต่างถือแล้วมันเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นผมเข้าใจได้นะ ไม่มีปัญหา แต่บ้านที่คริสตังแท้ๆทั้งบ้านแล้วมี เวลาบาดหลวงไปเยี่ยมบ้านมีการตักเตือนกันมั่งป่าว จะว่าในแง่งานศิลป์มันก็รับได้ระดับหนึ่ง แต่พังแล้วมันก็เหมือนเลี่ยงคำภีร์ไป
ป.ล. ไม่ได้หัวรุนแรงนะครับ แค่อยากแลกเปลี่ยนความคิดเห็นครับผม
คืองี้ ประเด็นคือว่าทางพระศาสนจักรในไทยมองเรื่องนี้ยังไงอะครับ คือต่างคนต่างถืออะเข้าใจได้ครับ เช่นผัวคริสตังเมียพุทธ เมียเป็นแม่ค้าก็เลยเอานางกวักมาช่วย อย่างนี้โอเค แต่ร้านค้าทีว่าแกก้ไม่ได้แต่งงานแต่งการอะไร ลูกจ้างยกก็น่าจะบอกลูกจ้าง แต่ดูแล้วท่าว่าจะไม่ใช่ อ้อ แล้วรูปพระที่ว่าไม่ใช่รูปพระพุทธนะครับ คือรูปพระทางคริสตังนี่แหละครับ นี่ยังไม่รวมพวกกูให้มึงรวย บ้านนี้อยู่แล้วรวย ฯลฯ ใหญ่อีกนะ
คือบอกตรงๆผมสะดุดอะครับ แต่เรื่องต่างคนต่างถือแล้วมันเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นผมเข้าใจได้นะ ไม่มีปัญหา แต่บ้านที่คริสตังแท้ๆทั้งบ้านแล้วมี เวลาบาดหลวงไปเยี่ยมบ้านมีการตักเตือนกันมั่งป่าว จะว่าในแง่งานศิลป์มันก็รับได้ระดับหนึ่ง แต่พังแล้วมันก็เหมือนเลี่ยงคำภีร์ไป
ป.ล. ไม่ได้หัวรุนแรงนะครับ แค่อยากแลกเปลี่ยนความคิดเห็นครับผม

แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ ศุกร์ ธ.ค. 08, 2006 11:10 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
เอ่อ คือว่ารูปท่านนักบุญไม่ได้เอาใบลานแปะตัวลงมาเดินเสริฟน้ำให้ลูกค้าหรอกนะครับ อย่าเข้าใจผิดblue_sky เขียน:Huh!อันตน เขียน: - - -เลยพาลให้คิดถึงร้านคาทอลิกที่ข้างตึกอีกร้าน ในร้านมีหิ้งรูปนักบุญยอแซฟแปะใบลานเสริฟน้ำใส่แก้วขาดแต่จุดธูปอยู่ด้านหนึ่ - - -
หิ้งรูปนักบุญยกแซฟแปะใบลานเสิร์ฟน้ำ
จะดีอยู่หรือคับพี่...ทำไปได้!
พี่อันตนพูดถูกใจผมมากเลยอันตน เขียน: แต่เท่าที่เห็นหลายๆบ้านก็คริสตังคั่กๆ คริสตังแท้คริสตังว่า คริสตังคั่กขนาด คริสตังอย่างแรงกันทั้งบ้านเลยนะ บางบ้านอยู่ติดวัดเลยด้วยซ้ำ
คืองี้ ประเด็นคือว่าทางพระศาสนจักรในไทยมองเรื่องนี้ยังไงอะครับ คือต่างคนต่างถืออะเข้าใจได้ครับ เช่นผัวคริสตังเมียพุทธ เมียเป็นแม่ค้าก็เลยเอานางกวักมาช่วย อย่างนี้โอเค แต่ร้านค้าทีว่าแกก้ไม่ได้แต่งงานแต่งการอะไร ลูกจ้างยกก็น่าจะบอกลูกจ้าง แต่ดูแล้วท่าว่าจะไม่ใช่
คือบอกตรงๆผมสะดุดอะครับ แต่เรื่องต่างคนต่างถือแล้วมันเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นผมเข้าใจได้นะ ไม่มีปัญหา แต่บ้านที่คริสตังแท้ๆทั้งบ้านแล้วมี เวลาบาดหลวงไปเยี่ยมบ้านมีการตักเตือนกันมั่งป่าว จะว่าในแง่งานศิลป์มันก็รับได้ระดับหนึ่ง แต่พังแล้วมันก็เหมือนเลี่ยงคำภีร์ไป
ป.ล. ไม่ได้หัวรุนแรงนะครับ แค่อยากแลกเปลี่ยนความคิดเห็นครับผม![]()

อันดับแรก ต้องขอบอกว่า "เข้าใจคุณอันตนนะว่ารุ้สึกอย่างไรนะ"
สิ่งที่เราเห็นอาจไม่เป็นอย่างที่เราคิด... เราไม่อาจเข้าใจได้ทั้งหมด ก็เหมือนในแง่ที่คุณ~@Little lamb@~บอกไว้บ้าง
อืมมม สะดุด คุณอันตน สะดุด แล้วล้มไม๊ เป็นอย่างไรบ้าง???
ไงก็อย่าเจ็บนานนะ...
เคยไม๊ บางที่เราเจ็บ แต่เราก็ยิ้มได้ เพราะเข้าใจ ว่าต้องเป็นแบบนี้...
ขอเพียงแค่คุณอันตนสะดุด แล้วเข้าใจ ถึงจะสะดุดอีกก็จะยิ่งเข้าใจ
ส่วนในส่วนของคนอื่นนั้น เราทำได้แค่เตือนด้วยความรัก หากแต่ต้องรู้จักเตือน
เตือนเพื่อน ก็อีกแบบ
เตือนน้อง ก็อีกแบบ
เตือนพ่อแม่ ก็ต้องอีกแบบ
เตือน... ตัวเอง ก็ยิ่งต้องเตือนอยู่เสมอไป
ด้วยความเข้าใจในความรู้สึกนะค่ะ
สิ่งที่เราเห็นอาจไม่เป็นอย่างที่เราคิด... เราไม่อาจเข้าใจได้ทั้งหมด ก็เหมือนในแง่ที่คุณ~@Little lamb@~บอกไว้บ้าง
อืมมม สะดุด คุณอันตน สะดุด แล้วล้มไม๊ เป็นอย่างไรบ้าง???
ไงก็อย่าเจ็บนานนะ...
เคยไม๊ บางที่เราเจ็บ แต่เราก็ยิ้มได้ เพราะเข้าใจ ว่าต้องเป็นแบบนี้...
ขอเพียงแค่คุณอันตนสะดุด แล้วเข้าใจ ถึงจะสะดุดอีกก็จะยิ่งเข้าใจ
ส่วนในส่วนของคนอื่นนั้น เราทำได้แค่เตือนด้วยความรัก หากแต่ต้องรู้จักเตือน
เตือนเพื่อน ก็อีกแบบ
เตือนน้อง ก็อีกแบบ
เตือนพ่อแม่ ก็ต้องอีกแบบ
เตือน... ตัวเอง ก็ยิ่งต้องเตือนอยู่เสมอไป
ด้วยความเข้าใจในความรู้สึกนะค่ะ
แค่สะดุดเล็กๆครับ ไม่ได้สะดุดพระหรือสะดุดพระศาสนจักร ในแง่ที่ทางคุณ~@Little lamb@~บอกผมเข้าใจและรับได้ครับ ผมเองก็แต่งแบบต่างคนต่างถือคนหนึ่งเหมือนกัน แต่ผมอยากบอกว่าถ้าคนที่ไม่รู้จักเรามาเห็นแล้วบอกว่า "ดูสิ ขนาดพวกคริสตังยังนับถือเลย" (เหตุการณ์แบบนี้มีบ่อยๆในต่างจังหวัดที่มีพระดังๆหรือของขลังดังๆ ไม่เชื่อไปทางราชบุรีดู) เราควรจะทำยังไงดีเพื่อยืนยันความเชื่อคริสตังของเรา อธิบายเขาจะฟังไหม หรืออย่างกรณีร้านที่ว่า เอาแบบนี้ดีไหม เอารูปนักบุญยอแซฟออกก่อนคุยให้เข้าใจกันระหว่างคนในร้านว่าขอแต่รูปนักบุญได้ไหม ถ้าเขาอิดออดหรือทำท่าไม่สบายใจก็ให้สิทธิเขาแต่เราไม่ต้องเอารูปนักบุญตั้งจะได้ไม่ต้องเจอคำกล่าวข้างต้นraY เขียน: อันดับแรก ต้องขอบอกว่า "เข้าใจคุณอันตนนะว่ารุ้สึกอย่างไรนะ"
สิ่งที่เราเห็นอาจไม่เป็นอย่างที่เราคิด... เราไม่อาจเข้าใจได้ทั้งหมด ก็เหมือนในแง่ที่คุณ~@Little lamb@~บอกไว้บ้าง
อืมมม สะดุด คุณอันตน สะดุด แล้วล้มไม๊ เป็นอย่างไรบ้าง???
ไงก็อย่าเจ็บนานนะ...
เคยไม๊ บางที่เราเจ็บ แต่เราก็ยิ้มได้ เพราะเข้าใจ ว่าต้องเป็นแบบนี้...
ขอเพียงแค่คุณอันตนสะดุด แล้วเข้าใจ ถึงจะสะดุดอีกก็จะยิ่งเข้าใจ
ส่วนในส่วนของคนอื่นนั้น เราทำได้แค่เตือนด้วยความรัก หากแต่ต้องรู้จักเตือน
เตือนเพื่อน ก็อีกแบบ
เตือนน้อง ก็อีกแบบ
เตือนพ่อแม่ ก็ต้องอีกแบบ
เตือน... ตัวเอง ก็ยิ่งต้องเตือนอยู่เสมอไป
ด้วยความเข้าใจในความรู้สึกนะค่ะ
ดีไหมดีไหม
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ ศุกร์ ธ.ค. 08, 2006 11:24 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
บ้านLL เคยน๊า
ไปร้านอาหารของคริสตัง แล้วไปเจอ ร.5 กับอะไรอีกก็ไม่รู้จำไม่ได้
แต่ไม่ห็นพระเราเลย
บ้านLLก็เลยกวักมือเรียกเจ้าของร้านมา แล้วก็ถามว่า
"เฮีย ๆ แล้วพระเราอยู่ที่ไหนอ่ะ ไม่เห็นเลย"
เจ้าของร้านก็หน้าเอ๋อ ๆ แล้วก็บอกว่า
"อยู่ชั้นบน"
แต่LL ก็คิดต่ออีกแง่นะว่า....
1. อาจเป็นได้ว่ามีคนให้เขามา เนื่องจากเปิดร้านใหม่
แล้วอิคนให้ ดันมากินบ่อย ...เลยต้องตั้งไว้ให้เด่น ๆ
2. เขาร่วมหุ้นกะเพื่อน แล้วเพื่อนอาจจะออกตังเยอะกว่า
พระเขาก็ต้องเด่นกว่า
3. อาย
ไปร้านอาหารของคริสตัง แล้วไปเจอ ร.5 กับอะไรอีกก็ไม่รู้จำไม่ได้
แต่ไม่ห็นพระเราเลย
บ้านLLก็เลยกวักมือเรียกเจ้าของร้านมา แล้วก็ถามว่า
"เฮีย ๆ แล้วพระเราอยู่ที่ไหนอ่ะ ไม่เห็นเลย"
เจ้าของร้านก็หน้าเอ๋อ ๆ แล้วก็บอกว่า
"อยู่ชั้นบน"
แต่LL ก็คิดต่ออีกแง่นะว่า....
1. อาจเป็นได้ว่ามีคนให้เขามา เนื่องจากเปิดร้านใหม่
แล้วอิคนให้ ดันมากินบ่อย ...เลยต้องตั้งไว้ให้เด่น ๆ
2. เขาร่วมหุ้นกะเพื่อน แล้วเพื่อนอาจจะออกตังเยอะกว่า
พระเขาก็ต้องเด่นกว่า
3. อาย
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
พระศาสนจักรมีชื่อเรียกปรากฎการณ์แบบนี้ว่า ซูแปร์ติซัง
-
- ~@
- โพสต์: 7624
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
- ที่อยู่: Pattaya Chonburi
อันตน เขียน:โหย อุตส่าห์เลี่ยงคำนี้แล้วนะ~@Little lamb@~ เขียน: พระศาสนจักรมีชื่อเรียกปรากฎการณ์แบบนี้ว่า ซูแปร์ติซัง![]()

เข้าใจว่าพวกเค้าไม่เข้าใจ แล้วพวกเราเข้าใจ และยืนยันด้วยชีวิตของเราที่ไม่ซูแปร์ติซัง นอกจากการเตือนด้วยความรัก และใช้ชีวิตเป็นแบบอย่างแล้ว ก็คง ตัวใครตัวมันแล้วหล่ะ
พระจิตเจ้าทรงนำทางเสมอ เพียงบางคนมีหูแต่ไม่ได้ยิน มีตาแต่มองไม่เห็น มีสมองแต่คิดไม่เป็น ฯลฯ
อย่าทำให้บาปของเค้าทำให้เราต้องมัวหมองไปเรยเพ่น้อง
ปล. เรย์ว่านะ... เราเห็นว่าต้องเตือน ก็เตือนอย่างรอบคอบด้วยความรัก แต่ถ้าใครไม่เตือนเค้า ก็ช่างเถอะ เราเลือกได้ เค้าเลือกได้ พระคือความดีที้งครบ ซึ่งเราเองก็พยายามอยู่...
พระจิตเจ้าทรงนำทางเสมอ เพียงบางคนมีหูแต่ไม่ได้ยิน มีตาแต่มองไม่เห็น มีสมองแต่คิดไม่เป็น ฯลฯ
อย่าทำให้บาปของเค้าทำให้เราต้องมัวหมองไปเรยเพ่น้อง
ปล. เรย์ว่านะ... เราเห็นว่าต้องเตือน ก็เตือนอย่างรอบคอบด้วยความรัก แต่ถ้าใครไม่เตือนเค้า ก็ช่างเถอะ เราเลือกได้ เค้าเลือกได้ พระคือความดีที้งครบ ซึ่งเราเองก็พยายามอยู่...
แม่นนนนraY เขียน: เข้าใจว่าพวกเค้าไม่เข้าใจ แล้วพวกเราเข้าใจ และยืนยันด้วยชีวิตของเราที่ไม่ซูแปร์ติซัง นอกจากการเตือนด้วยความรัก และใช้ชีวิตเป็นแบบอย่างแล้ว ก็คง ตัวใครตัวมันแล้วหล่ะ
พระจิตเจ้าทรงนำทางเสมอ เพียงบางคนมีหูแต่ไม่ได้ยิน มีตาแต่มองไม่เห็น มีสมองแต่คิดไม่เป็น ฯลฯ
อย่าทำให้บาปของเค้าทำให้เราต้องมัวหมองไปเรยเพ่น้อง
ปล. เรย์ว่านะ... เราเห็นว่าต้องเตือน ก็เตือนอย่างรอบคอบด้วยความรัก แต่ถ้าใครไม่เตือนเค้า ก็ช่างเถอะ เราเลือกได้ เค้าเลือกได้ พระคือความดีที้งครบ ซึ่งเราเองก็พยายามอยู่...
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
จะว่าไปพี่อันตนเจอเรื่องคล้าย ๆ กะผมเลยพี่ แต่เล่าเอาแบบขำ ๆ นะครับ
เมื่อวันเสาร์เช้ามืด ผมกะน้อง ๆ ไปซื้อของเตรียมงานคริสต์มาสที่สำเพ็งมา (เจ้าเก๋ไปด้วย)
ก็เดินซื้อไป ซื้อมา ไปเจอะร้านนึงเข้า เป็นหิ้งรูปครอบครัวศักดิ์สิทธิ์อยู่ด้านใน
คือว่ามองไปก็จะเจอเป็นหิ้งด้านบน
เรายังคุยกันว่า ร้านนี้สงสัยเป็นคริสตังแหง ๆ เลย
แต่ที่สะดุดตาที่สุดเห็นจะเป็น ถวายเป็บซี่ด้วย
ก็เลยไปเรียกเจ้าเก๋มาดู
มิว: เก๋ ๆ มาดูร้านนี้ดิร้านนี้ เป็นคาทอลิกด้วย (ว่าแล้วก็ชี้หิ้งให้เก๋ดู)
น้องเก๋: อุ๊ย (พร้อมกับยกมือไหว้ ทำสำคัญมหากางเขน) ร้านนี้เค้าเป็นคาทอลิกเหมือนกันหรอพี่
มิว: ไม่รู้ดิ แต่พี่เห็นแม่ค้าเค้าห้อยพระ (พุทธ) ด้วยนะ คงไม่ใช่หรอกม้าง
น้องเก๋: พี่ดูดิเค้าถวายเป๊บซี่พระด้วย พระเค้าชอบหรอ
มิว: พระองค์ชอบดื่มเป๊บซี่เนี่ยนะ
.....(กำ)
เป็นบทสนทนาเล็ก ๆ น้อย ๆ ตอนเช้ามืดวันเสาร์ที่ผ่านมา
แต่สุดท้ายก็รู้ว่า ป้าเจ้าของร้านเป็นพุทธ แต่เจ้าของบ้านจริง ๆ เป็นคริสต์
ก็เลยคิดอย่างเดียวกันกับพพี่ ๆ หรืออาจะเหตุผลเดียวกะพี่จิงก็ได้อ่ะครับ
เอามาเล่าให้ฟังครับ
เมื่อวันเสาร์เช้ามืด ผมกะน้อง ๆ ไปซื้อของเตรียมงานคริสต์มาสที่สำเพ็งมา (เจ้าเก๋ไปด้วย)
ก็เดินซื้อไป ซื้อมา ไปเจอะร้านนึงเข้า เป็นหิ้งรูปครอบครัวศักดิ์สิทธิ์อยู่ด้านใน
คือว่ามองไปก็จะเจอเป็นหิ้งด้านบน
เรายังคุยกันว่า ร้านนี้สงสัยเป็นคริสตังแหง ๆ เลย
แต่ที่สะดุดตาที่สุดเห็นจะเป็น ถวายเป็บซี่ด้วย

ก็เลยไปเรียกเจ้าเก๋มาดู
มิว: เก๋ ๆ มาดูร้านนี้ดิร้านนี้ เป็นคาทอลิกด้วย (ว่าแล้วก็ชี้หิ้งให้เก๋ดู)
น้องเก๋: อุ๊ย (พร้อมกับยกมือไหว้ ทำสำคัญมหากางเขน) ร้านนี้เค้าเป็นคาทอลิกเหมือนกันหรอพี่
มิว: ไม่รู้ดิ แต่พี่เห็นแม่ค้าเค้าห้อยพระ (พุทธ) ด้วยนะ คงไม่ใช่หรอกม้าง
น้องเก๋: พี่ดูดิเค้าถวายเป๊บซี่พระด้วย พระเค้าชอบหรอ
มิว: พระองค์ชอบดื่มเป๊บซี่เนี่ยนะ

เป็นบทสนทนาเล็ก ๆ น้อย ๆ ตอนเช้ามืดวันเสาร์ที่ผ่านมา
แต่สุดท้ายก็รู้ว่า ป้าเจ้าของร้านเป็นพุทธ แต่เจ้าของบ้านจริง ๆ เป็นคริสต์
ก็เลยคิดอย่างเดียวกันกับพพี่ ๆ หรืออาจะเหตุผลเดียวกะพี่จิงก็ได้อ่ะครับ
เอามาเล่าให้ฟังครับ
ผมให้ความเห็นเรื่องพระบรมฉายาลักษณ์ของพระมหกษัตริย์ ดังนี้
บ้านผมมีรูปในหลวง พระราชาชินี พระปิยะ กรมหลวงชุมพร(พ่อเป็นทหารเรือจึงต้องนับถือท่านผู้นี้ ทรงเป็นบิดาแห่งราชนาวีไทย) การมีรูปบุคคลที่ทรงเป็นบุคคลที่เคารพและสักการะยิ่งในบ้านเรือนไม่น่าจะเป็นการผิดหลักของศาสนา เพราะสังคมไทยสั่งสอน อบรม ให้เราต้องมีสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่ในจิตใจของคนไทยทุกคน ซึ่งได้รับการอบรมมาตั้งแต่เป็นเด็ก แล้วถ้าผิดหลักศาสนาจริง ผมคิดว่า การจัดมิสซาเพื่อถวายพระพรพระเจ้าอยู่หัวที่กระทำตามกันตามโบสถ์ต่างๆ ก็ผิดด้วย จริงป่าว เพราะในพระบรมฉายาลักษณ์มาตั้งไว้ หรือ ติดไว้ในบ้านพักพระสงฆ์ หรือในห้องธุรการของโรงเรียนคาทอลิกทั้งหลาย
แต่เชื่อไหมครับว่า ในบ้านของอดีตผู้นำประเทศที่เพิ่งจะโดนยึดอำนาจไม่มีพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวง หรือ ราชินี หรือแม้แต่ที่ทำการของตึก ชินจัง(นามสมมุติ) 1 - 2 - 3 ก็ไม่มี ถ้าไม่เชื่อ ถาม สตง. หรือ ปปช. หรือ คตส. ดูสิ เขารู้กันหมด!!!
บ้านผมมีรูปในหลวง พระราชาชินี พระปิยะ กรมหลวงชุมพร(พ่อเป็นทหารเรือจึงต้องนับถือท่านผู้นี้ ทรงเป็นบิดาแห่งราชนาวีไทย) การมีรูปบุคคลที่ทรงเป็นบุคคลที่เคารพและสักการะยิ่งในบ้านเรือนไม่น่าจะเป็นการผิดหลักของศาสนา เพราะสังคมไทยสั่งสอน อบรม ให้เราต้องมีสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่ในจิตใจของคนไทยทุกคน ซึ่งได้รับการอบรมมาตั้งแต่เป็นเด็ก แล้วถ้าผิดหลักศาสนาจริง ผมคิดว่า การจัดมิสซาเพื่อถวายพระพรพระเจ้าอยู่หัวที่กระทำตามกันตามโบสถ์ต่างๆ ก็ผิดด้วย จริงป่าว เพราะในพระบรมฉายาลักษณ์มาตั้งไว้ หรือ ติดไว้ในบ้านพักพระสงฆ์ หรือในห้องธุรการของโรงเรียนคาทอลิกทั้งหลาย
แต่เชื่อไหมครับว่า ในบ้านของอดีตผู้นำประเทศที่เพิ่งจะโดนยึดอำนาจไม่มีพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวง หรือ ราชินี หรือแม้แต่ที่ทำการของตึก ชินจัง(นามสมมุติ) 1 - 2 - 3 ก็ไม่มี ถ้าไม่เชื่อ ถาม สตง. หรือ ปปช. หรือ คตส. ดูสิ เขารู้กันหมด!!!

-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
ผมว่าเรื่องรูปปั้นพระราชวงศ์ไม่น่าเกี่ยวหรอกครับboylife เขียน: ผมให้ความเห็นเรื่องพระบรมฉายาลักษณ์ของพระมหกษัตริย์ ดังนี้
บ้านผมมีรูปในหลวง พระราชาชินี พระปิยะ กรมหลวงชุมพร(พ่อเป็นทหารเรือจึงต้องนับถือท่านผู้นี้ ทรงเป็นบิดาแห่งราชนาวีไทย) การมีรูปบุคคลที่ทรงเป็นบุคคลที่เคารพและสักการะยิ่งในบ้านเรือนไม่น่าจะเป็นการผิดหลักของศาสนา เพราะสังคมไทยสั่งสอน อบรม ให้เราต้องมีสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่ในจิตใจของคนไทยทุกคน ซึ่งได้รับการอบรมมาตั้งแต่เป็นเด็ก แล้วถ้าผิดหลักศาสนาจริง ผมคิดว่า การจัดมิสซาเพื่อถวายพระพรพระเจ้าอยู่หัวที่กระทำตามกันตามโบสถ์ต่างๆ ก็ผิดด้วย จริงป่าว เพราะในพระบรมฉายาลักษณ์มาตั้งไว้ หรือ ติดไว้ในบ้านพักพระสงฆ์ หรือในห้องธุรการของโรงเรียนคาทอลิกทั้งหลาย
แต่เชื่อไหมครับว่า ในบ้านของอดีตผู้นำประเทศที่เพิ่งจะโดนยึดอำนาจไม่มีพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวง หรือ ราชินี หรือแม้แต่ที่ทำการของตึก ชินจัง(นามสมมุติ) 1 - 2 - 3 ก็ไม่มี ถ้าไม่เชื่อ ถาม สตง. หรือ ปปช. หรือ คตส. ดูสิ เขารู้กันหมด!!!

- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
เออ...เรื่องที่มันนอกเหนือจากบอร์ดของเราก็ช่าง ๆ มนเถอะจ๊า
ไหน ๆ ก็ออกไปนอกประเทศแล้ว เราไม่ต้องออกตามไปด้วยเน๊อะ
ว่ายกลับฝั่งเร๊ววววว
ไหน ๆ ก็ออกไปนอกประเทศแล้ว เราไม่ต้องออกตามไปด้วยเน๊อะ
ว่ายกลับฝั่งเร๊ววววว
เออหนอ
อย่างที่วัดนักบุญโคกมดตะนอยก็เหมือนกัน เห็นว่าคนพุทธไปบนอีที่ไหนไม่รู้ แล้วนัยว่าเกิดสมหวังขึ้นมาเลยไปจุดประทัดเอาโค้กไปถวาย นับแต่นั้นเป็นต้นมาท่านนักบุญอันตนของกระผมเลยโดนจุดประทัดไล่เป็นประจำ แถมยังได้รับถวายของดำอย่างเช่นน้ำโค้กแข่งกับพระราหูอีก
เซงเป็ด
อย่างที่วัดนักบุญโคกมดตะนอยก็เหมือนกัน เห็นว่าคนพุทธไปบนอีที่ไหนไม่รู้ แล้วนัยว่าเกิดสมหวังขึ้นมาเลยไปจุดประทัดเอาโค้กไปถวาย นับแต่นั้นเป็นต้นมาท่านนักบุญอันตนของกระผมเลยโดนจุดประทัดไล่เป็นประจำ แถมยังได้รับถวายของดำอย่างเช่นน้ำโค้กแข่งกับพระราหูอีก
เซงเป็ด

แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ ศุกร์ ธ.ค. 08, 2006 1:22 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
มาฟัง พี่น้องคริสตัง สนทนา ฮะ
หนูเคยฟังพวกผู้ใหญ่คริสเตียน เล่าว่า หลังจากที่ ท่านมาร์ติน ลูเธอ ปฏิรูปศาสนาแล้ว
ด้านคริสเตียน เลยฟันธง ตัดที่เป็นรูปออกหมด ทั้งๆ หลายๆรูป เช่น รูปพระนางมารีย์กับพระกุมารเยซู
รูป กางเขนที่พระเยซูถูกตรึงออกหมด.....................สาเหตุหลักอย่างหนึ่ง เกรงว่าวันหนึ่ง คริสเตียน
ที่ไม่รู้อิโหน่ อิเหน่...จะยึดเป็นรูปเคารพ เขาจะไปถึงที่รูปและอ้อนวอนแต่ที่รูป เลยไปไม่ถึงองค์พระเยซูคริสต์
:huh:
:cheesy:
:embarrassed:
ถ้าใคร ดูเรื่องเจ้าหญิงกำมะลอ ทำให้เห็นภาพ กับการแต่งงานกับคนต่างความเชื่อ เช่นฮ่องเต้มีสนมเป็นเจ้าหญิงหุย
เป็นอิสลาม ฮ่องเต้ ก็สร้างสุเหร่าให้ด้วย
กรณีเรื่อง King ซาโลมอน แต่งกับหญิงต่างชาติมากมาย เมียแต่ละคนก็เอาสิ่งที่พวกนางบูชาเข้ามาในอิสราเอล
จึงทำให้ พระองค์หลงเจิ่นไป และในที่สุด อาณาจักรอิสราเอลถูกฉีกเป็น 2 ชิ้น อาณาฝ่ายเหนือและฝ่ายใต้
ดังนั้น จึงทำให้คริสตจักรของคริสเตียน ค่อนข้างให้สมาชิก (สัตบุรุษ)ระวังเรื่องคู่สมรสที่ต่างความเชื่อ เพราะเกรง
ว่าเขาจะนำเราออกห่างจากพระเจ้า แล้วจะส่งผลอย่างมากต่อลูกๆด้วย :laugh:
หนูเคยฟังพวกผู้ใหญ่คริสเตียน เล่าว่า หลังจากที่ ท่านมาร์ติน ลูเธอ ปฏิรูปศาสนาแล้ว
ด้านคริสเตียน เลยฟันธง ตัดที่เป็นรูปออกหมด ทั้งๆ หลายๆรูป เช่น รูปพระนางมารีย์กับพระกุมารเยซู
รูป กางเขนที่พระเยซูถูกตรึงออกหมด.....................สาเหตุหลักอย่างหนึ่ง เกรงว่าวันหนึ่ง คริสเตียน
ที่ไม่รู้อิโหน่ อิเหน่...จะยึดเป็นรูปเคารพ เขาจะไปถึงที่รูปและอ้อนวอนแต่ที่รูป เลยไปไม่ถึงองค์พระเยซูคริสต์
ถ้าใคร ดูเรื่องเจ้าหญิงกำมะลอ ทำให้เห็นภาพ กับการแต่งงานกับคนต่างความเชื่อ เช่นฮ่องเต้มีสนมเป็นเจ้าหญิงหุย
เป็นอิสลาม ฮ่องเต้ ก็สร้างสุเหร่าให้ด้วย
กรณีเรื่อง King ซาโลมอน แต่งกับหญิงต่างชาติมากมาย เมียแต่ละคนก็เอาสิ่งที่พวกนางบูชาเข้ามาในอิสราเอล
จึงทำให้ พระองค์หลงเจิ่นไป และในที่สุด อาณาจักรอิสราเอลถูกฉีกเป็น 2 ชิ้น อาณาฝ่ายเหนือและฝ่ายใต้
ดังนั้น จึงทำให้คริสตจักรของคริสเตียน ค่อนข้างให้สมาชิก (สัตบุรุษ)ระวังเรื่องคู่สมรสที่ต่างความเชื่อ เพราะเกรง
ว่าเขาจะนำเราออกห่างจากพระเจ้า แล้วจะส่งผลอย่างมากต่อลูกๆด้วย :laugh:
-
- โพสต์: 1159
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มิ.ย. 13, 2005 2:03 pm
กำลังคิดอยู่ว่า เรื่องความเคารพหรือการพึ่งพาสิ่งศักดิ์สิทธิทั้งหลายนี้ เป็นวัฒนธรรมแบบเอเชียหรือเปล่า ซึ่งมีอู่วัฒนธรรมใหญ่ คือ อินเดีย และ จีน แล้วมันมาหลอมเป็นวัฒนธรรมไทย ทำให้ คนไทยหวั่นไหว่ายต่อ ความเชื่อของสิ่งศักดิ์สิทธิ คาทอลิก ก็บูชาฮกลกซิ่ว ห้อยเครื่องราง แขวนพระพิฆเนศวร ไทยพุทธ ก็มาบูชา นักบุญอันตน ซึ่งเราสามารถพบเห้นได้ทั่วไป
ตอนแรก ก็รู้สึกขัดอกขัดใจอ่ะนะ เพระไม่สนใจเรื่องพวกนี้มาแต่ไหนแต่ไร ไม่ได้เกี่ยวกับว่า ได้ล้างบาปมาแล้วหรือไม่ พอมาพิจารณาดู ก็เลยรู้สึกว่า อันนี้ เป็นเรื่องจริตของคน บุคลิกภาพของคนที่ได้รับการหล่อหลอมกล่อมเกลามา มากกว่า
สำหรับคนที่มั่นใจในตัวเอง หรือสามารถเข้าใจในหลักธรรมของศาสนาไม่ว่าศาสนาอะไรก็ตาม สิ่งศักดิ์สิทธิเหล่านี้ ไม่จำเป็นเลยค่ะ
ตอนแรก ก็รู้สึกขัดอกขัดใจอ่ะนะ เพระไม่สนใจเรื่องพวกนี้มาแต่ไหนแต่ไร ไม่ได้เกี่ยวกับว่า ได้ล้างบาปมาแล้วหรือไม่ พอมาพิจารณาดู ก็เลยรู้สึกว่า อันนี้ เป็นเรื่องจริตของคน บุคลิกภาพของคนที่ได้รับการหล่อหลอมกล่อมเกลามา มากกว่า
สำหรับคนที่มั่นใจในตัวเอง หรือสามารถเข้าใจในหลักธรรมของศาสนาไม่ว่าศาสนาอะไรก็ตาม สิ่งศักดิ์สิทธิเหล่านี้ ไม่จำเป็นเลยค่ะ
-
- โพสต์: 973
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ธ.ค. 04, 2006 9:33 pm
- ที่อยู่: Virtusian's House of Prayer,Thailand
- ติดต่อ:
โดยสรุปแล้ว เกิดจาก"ความไม่รู้"
ถามว่า"ควรไหม" ในความเห็นผม
คิดว่า"ถ้าไม่ทำให้ถึงกับปฏิเสธองค์พระผู้เป็นเจ้า"
ทุกอย่างยัง"ควร และ ให้อภัยได้"
เพราะท่านเหล่านั้น(เช่น เทพของจีน)หรือพระมหากษัตริย์ ก็ล้วนแต่เป็นไปภายใต้ฤทธานุภาพของพระองค์(บางท่านอาจตีความว่ามันคือเครื่องทดลอง,พระเท็จเทียม, ซึ่งอิทธิพลแนวคิดนี้ได้มาจากยุคกลาง และการตีความพระคัมภีร์เฉพาะจุด โดยยกคัมภีร์เก่ามาอ้างแบบสุดโต่ง ทำให้พระธรรมเก่าใหม่ขาดเอกภาพอย่างไม่ควรจะเป็นแบบนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับภาพแห่งพระบิดาเจ้า) ความพยายามชี้นำเส้นทางแท้ๆ(ตามยุคต้นๆ)ได้ถูกรื้อฟื้นและถูกกล่าวไว้อย่างสวยงามในDOGMATIC CONSTITUTION ON THE CHURCH LUMEN GENTIUM SOLEMNLY PROMULGATED(ที่ผมเข้าใจว่า หลายคนที่เคร่งมากๆไม่อาจยอมรับ)
ความยึดติดในภาพลักษณ์,รูปธรรม เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในทุกศาสนา เพราะคนเหล่านั้นไม่ได้ใช้"ใจ"ที่แสนเรียบง่ายมองดู หากแต่ใช้"ผลประโยชน์" คือ เมื่อขอก็ต้องได้ เมื่อได้รับจะเอาของมาขอบคุณ ซึ่งความเป็นจริงแล้วไม่ใช่เช่นนั้น เราขออาจจะไม่ได้ก็ได้ เราภาวนามันอาจจะเงียบไปเลยก็ได้
เมื่อถึงจุดนั้นล่ะเป็น"วัดใจ" ว่าตัวเราเป็นประเภทไหน
ยามที่เราไม่ได้ตามที่ขอ ยามที่พระองค์แกล้งให้เมฆดำมาบังเราไว้
เราหันหน้าไปหาใคร?และหันหน้าไปด้วยความเข้าใจว่าอะไร?
มันก็คือๆกัน กับคนที่ไม่เคยเห็นพระปรีชาของพระเจ้า นั่นแหละ เขาย่อมต้องยึดอะไรบางสิ่ง
ไม่ผิดเลย
(ย้อนกลับไปอ่านข้างบนอีกครั้ง)
ถามว่า"ควรไหม" ในความเห็นผม
คิดว่า"ถ้าไม่ทำให้ถึงกับปฏิเสธองค์พระผู้เป็นเจ้า"
ทุกอย่างยัง"ควร และ ให้อภัยได้"
เพราะท่านเหล่านั้น(เช่น เทพของจีน)หรือพระมหากษัตริย์ ก็ล้วนแต่เป็นไปภายใต้ฤทธานุภาพของพระองค์(บางท่านอาจตีความว่ามันคือเครื่องทดลอง,พระเท็จเทียม, ซึ่งอิทธิพลแนวคิดนี้ได้มาจากยุคกลาง และการตีความพระคัมภีร์เฉพาะจุด โดยยกคัมภีร์เก่ามาอ้างแบบสุดโต่ง ทำให้พระธรรมเก่าใหม่ขาดเอกภาพอย่างไม่ควรจะเป็นแบบนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับภาพแห่งพระบิดาเจ้า) ความพยายามชี้นำเส้นทางแท้ๆ(ตามยุคต้นๆ)ได้ถูกรื้อฟื้นและถูกกล่าวไว้อย่างสวยงามในDOGMATIC CONSTITUTION ON THE CHURCH LUMEN GENTIUM SOLEMNLY PROMULGATED(ที่ผมเข้าใจว่า หลายคนที่เคร่งมากๆไม่อาจยอมรับ)
ความยึดติดในภาพลักษณ์,รูปธรรม เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในทุกศาสนา เพราะคนเหล่านั้นไม่ได้ใช้"ใจ"ที่แสนเรียบง่ายมองดู หากแต่ใช้"ผลประโยชน์" คือ เมื่อขอก็ต้องได้ เมื่อได้รับจะเอาของมาขอบคุณ ซึ่งความเป็นจริงแล้วไม่ใช่เช่นนั้น เราขออาจจะไม่ได้ก็ได้ เราภาวนามันอาจจะเงียบไปเลยก็ได้
เมื่อถึงจุดนั้นล่ะเป็น"วัดใจ" ว่าตัวเราเป็นประเภทไหน
ยามที่เราไม่ได้ตามที่ขอ ยามที่พระองค์แกล้งให้เมฆดำมาบังเราไว้
เราหันหน้าไปหาใคร?และหันหน้าไปด้วยความเข้าใจว่าอะไร?
มันก็คือๆกัน กับคนที่ไม่เคยเห็นพระปรีชาของพระเจ้า นั่นแหละ เขาย่อมต้องยึดอะไรบางสิ่ง
ไม่ผิดเลย
(ย้อนกลับไปอ่านข้างบนอีกครั้ง)
มีคนที่เป็นคริสตังยืนคนนึง เค้าก็ยังติดกับการถวายน้ำพระพุทธอยู่ เค้ามีความรู้สึกว่า เดี๋ยวท่านโกรธ เคยทำมาตลอดแล้วกิจการรุ่งเรือง ถ้าไม่ทำเดี๋ยวแย่ เรื่องที่จะไว้ใจพระ มันก็ยังไม่ไว้ใจขนาดนั้น ยังไม่กล้าปล่อย กล้าๆ กลัวๆอยู่ รักพระนะ รู้ว่าำพระคุ้มครอง แต่ก็ไม่กล้าวางใจ เกิดเป็นอะไรขึ้นมา จะทำไง สู้ทำสิ่งที่เคยทำมาดีกว่า
สรุป คิดว่า เราควรต้องใจกว้างนะคะ ความเชื่อเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา การจะไว้ใจพระไม่ใช่เรื่องง่าย ทุกคนรู้ว่า ต้องไว้ใจพระ แต่ถามว่า มีกี่คนที่ไว้ใจได้อย่างสุดๆ ถึงแม้จะเกิดอะไรขึ้นก็วางใจได้ และยอมรับน้ำพระทัยได้ มนุษย์เรา อันไหนที่ทำให้เค้าอุ่นใจ เค้าก็เลือกทำอย่างนั้น จะว่าซูแปซิตัง ก็ว่าไป เพราะทำแล้วอุ่นใจ ... เค้าอุ่นใจของเค้าแบบนั้น .... ถ้าจะโทษเค้า ก็โทษเราดีกว่า โทษเราที่เราไม่ได้ทำหน้าที่คริสตชนใจการนำพระไปหาเค้า เพื่อให้เค้าอุ่นใจ เชื่อมั่น และสัมผัสพระองค์ .... สำหรับตัวเองมองว่า เค้าไม่ได้ทำผิดอะไรนะ เค้าแค่ยังไม่ได้สัมผัสกับพระเค่นั้นเอง ถ้าเค้าสัมผัสแล้ว เค้าจะไม่ทำ เพราะเค้าจะอุ่นใจอย่างที่สุด อย่างน้อย เค้าก็เป็นมนุษย์คนนึงที่ต้องการที่พึ่ง ซึ่งลึกๆแล้ว เราก็รู้ว่า เค้าต้องการพระนั่นแหละ แต่เค้ายังไม่รู้
สรุป คิดว่า เราควรต้องใจกว้างนะคะ ความเชื่อเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา การจะไว้ใจพระไม่ใช่เรื่องง่าย ทุกคนรู้ว่า ต้องไว้ใจพระ แต่ถามว่า มีกี่คนที่ไว้ใจได้อย่างสุดๆ ถึงแม้จะเกิดอะไรขึ้นก็วางใจได้ และยอมรับน้ำพระทัยได้ มนุษย์เรา อันไหนที่ทำให้เค้าอุ่นใจ เค้าก็เลือกทำอย่างนั้น จะว่าซูแปซิตัง ก็ว่าไป เพราะทำแล้วอุ่นใจ ... เค้าอุ่นใจของเค้าแบบนั้น .... ถ้าจะโทษเค้า ก็โทษเราดีกว่า โทษเราที่เราไม่ได้ทำหน้าที่คริสตชนใจการนำพระไปหาเค้า เพื่อให้เค้าอุ่นใจ เชื่อมั่น และสัมผัสพระองค์ .... สำหรับตัวเองมองว่า เค้าไม่ได้ทำผิดอะไรนะ เค้าแค่ยังไม่ได้สัมผัสกับพระเค่นั้นเอง ถ้าเค้าสัมผัสแล้ว เค้าจะไม่ทำ เพราะเค้าจะอุ่นใจอย่างที่สุด อย่างน้อย เค้าก็เป็นมนุษย์คนนึงที่ต้องการที่พึ่ง ซึ่งลึกๆแล้ว เราก็รู้ว่า เค้าต้องการพระนั่นแหละ แต่เค้ายังไม่รู้
ที่จริงสาส์นแม่พระมีอันนึงที่แม่พูดถึงรูปปั้นแม่น่ะค่ะ แม่บอกว่า แม่อยู่ทุกที่ที่มีรูปแม่อยู่ แต่ก็มีอยู่ครั้งนึงที่ผู้นำสาส์นรู้สึกเสียดายตามประสามนุษย์ ที่ต้องให้รูปปั้นที่ตัวเองรักกับน้องชายไป ซึ่งแม่พระก็มาบอกอีกว่า ลูกไม่ต้องการรูปปั้นของแม่เหมือนคนอื่นๆแล้ว เพราะแม่อยู่ในใจลูกแล้ว
หาไม่เจอว่าอันไหน แต่อันนี้เป็นสาส์อันนึงที่จำขึ้นใจ และคิดว่า น่าจะสอนเราเรื่องรูป เคารพได้มากว่า เราต้องบูชาอย่างไร ....... บูชาด้วยใจและวันนึง พระที่อยู่ภายนอก จะมาอยู่ในใจเรา
อีกอันที่อยากแบ่งปันคือ ความประทับใจในความใจกว้างของพระเป็นเจ้า
พระองค์รับความศรัทธาในทุกแบบจริงๆ อย่างเรื่องพระหฤทัยศักดิ์สิืทธิ์ พระองค์เผยแสดงแก่ St. Gertrude the great เป็นความศรัทธาภายใน คือ ให้มจเราเหมือนใจพระเยซูเจ้า และพระองค์ก็เผยแสดงแก่ St. Magaret Mary ถึงรูปปั้นพระหฤทัยที่เราเห็นกัน เป็นไปได้มั้ย ที่พระเป็นเจ้าสร้างบางคนมา เพื่อที่จะเข้าถึงพระองค์จากภายใน และบางคน เข้าถึงจากภายนอก
ออกทะเลรึเปล่าเนี่ย
หาไม่เจอว่าอันไหน แต่อันนี้เป็นสาส์อันนึงที่จำขึ้นใจ และคิดว่า น่าจะสอนเราเรื่องรูป เคารพได้มากว่า เราต้องบูชาอย่างไร ....... บูชาด้วยใจและวันนึง พระที่อยู่ภายนอก จะมาอยู่ในใจเรา

อีกอันที่อยากแบ่งปันคือ ความประทับใจในความใจกว้างของพระเป็นเจ้า

ออกทะเลรึเปล่าเนี่ย
