พอวันเสาร์ตอนหัวค่ำก็เป็นอีก อาการเจ็บหน้าอกก็รุนแรงขึ้นเลยโทรไปเรียกแม่(แม่ออกไปทำธุระ) แต่แม่ไม่เอามือถือไปด้วย เลยรอแม่เกือบชั่วโมงมั้ง พอแม่กลับมาบ้านเรียกแม่พาไปหาหมอเลย
ไปถึงโรงพยาบาล พยาบาลตรวจดูคร่าว ๆ แล้วให้พ่นยา(เพราะคิดว่าผมอาจเป็นหอบ) +ตอนนั้นหมอไม่อยู่ พอไปถึงห้องพ่นยาผมอยู่กับแม่ 2 คน ผมก็เลยบอกกับแม่ว่า ผมยังไม่เคยบอกรักกับแม่เลย(ลืมบอกครับ ว่าปกติผมกับแม่ไม่ค่อยสนิทกันเลย) เพราะตอนนั้นผมเจ็บมาก ๆ เลย เจ็บจริง ๆ นะ นึกว่าจะตายตอนนั้นด้วยซ้ำ
หลังจากนั้นเราสองแม่ลูกก็คุยกันไปเรื่อย ๆ พอครบ 15 นาทีหลังพ่นยา ผมก็กลับไปหาพยาบาล เค้าก็ถามว่าผมอาการดีขึ้นรึเปล่า ผมก็อาการดีขึ้นคือไม่เจ็บหน้าอกแล้ว และให้ยามากิน เห็นพยาบาลบอกด้วยว่าต่อไปผมอาจจะต้องไปโรงพยาบาลบ่อย ๆ ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อการเรียนก็ได้
พอกลับมาบ้าน ผมก็คิดว่าคงจะไม่เป็นอะไรแล้ว ก็เพราะว่ามันไม่เจ็บแล้ว ก็เลยอาบน้ำเข้านอน ส่วนวันอาทิตย์(คือวันนี้นั่นแหละ) แม่จะไปหาญาติที่ต่างอำเภอ ก็เลยซื้อข้าวให้ผมอุ่นกินเองในไมโครเวฟ
พอตื่นเช้ามาวันอาทิตย์ หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จประมาณ 8.00 น. ผมเองก็มีอาการปวดหน้าอกเหมือนเมื่อวานอีก จนในที่สุดผมก็ทนไม่ไหวเลยต้องออกจากบ้านไปโรงพยาบาลคนเดียว
พอไปถึงโรงพยาบาล พยาบาลก็ได้ตรวจคร่าว ๆ ให้ผม หลังจากนั้นได้พาผมเข้าไปตรวจคลื่นหัวใจ และเมื่อออกมาแล้วก็ได้ฉีดยาที่ก้นแก้อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ และเข็นผมไปนอนที่ห้องดูอาการ(มั้ง)
ผมตื่นขึ้นมาประมาณ 10.30 น. รู้สึกตัวก็เลยลุกออกจากเตียง และจะกลับไปที่ห้องตรวจ แต่เห็นว่ามีการตรวจคนไข้คนอื่นอีก ก็เลยไม่ได้เข้าไป พอเจอเจ้าหน้าที่ที่เข็นมาผมนอนเค้าก็บอกให้ผมนอนก่อน พอแพทย์เรียกค่อยลุกไปหา แต่พี่คนนั้นนี่แหละเข็นเตียงของผมออกไปพอดี เพราะนึกว่าไม่มีคนนอน(แป่ว)
หลังจากนั้นผมก็อยู่บริเวณห้องตรวจ จนมีพยาบาลเรียกเข้าไปพบแพทย์ แพทย์ก็ถามชื่อผม และอะไรอีกเล็กน้อยแต่ไม่ได้บอกอาการผมเลย และให้ไปจ่ายเงิน รับยา กลับบ้าน
ระหว่างยื่นใบสั่งยา พยาบาลบอกว่า ค่ายา +ค่าวินิจฉัย +ค่าตรวจคลื่นหัวใจ รวมเป็น 571 บาท(เวร ผมเอาไปแค่ 320 บาท แม่เหลือให้แค่นี้) ในเมื่อผมมีเงินไม่พอ เลยต้องกลับไปบ้าน ไปเอาเงินมาเพิ่ม(ตอนนั้นเที่ยงพอดี ข้าวก็ยังไม่ได้กิน) ก็เลยกลับไปเอาเงินที่บ้าน แล้วก็เดินกลับมาที่โรงพยาบาลอีก
*** ลืมบอก บ้านผมเดินไปโรงพยาบาล 5 นาทีก็ถึง !-_-
คราวนี้พอกลับมาจ่ายเงิน ปรากฏว่า พยาบาลบอกค่ายาผิด จริง ๆ แล้วคือ 271 บาท(อ่าว) ก็เลยกลายเป็นผมเอาเงินไปเก้อ พอรับยาเสร็จ พยาบาลอีกท่านก็ได้วิ่งมาหาผม และนำใบนัดตรวจครั้งต่อไปมาให้
ผมยังไม่ได้กลับบ้านนะ เดินกลับเข้าห้องตรวจ จะไปถามพยาบาลว่า ยาที่เอาไปวันก่อน กับ ยาที่เอาไปวันนี้มันซ้ำกันรึเปล่า หรือ กินพร้อมกันได้รึเปล่า พยาบาลบอกว่า เป็นยาแก้คนละโรคกัน กินด้วยกันได้
ก่อนที่ผมจะลุก พยาบาลถามผมว่า หมอได้บอกรึเปล่าว่าผมเป็นโรคอะไร ผมก็บอกว่า หมอไม่ได้บอกครับ
พยาบาลก็เลยบอกว่า จากที่พี่ดูในใบที่หมอตรวจนะ น้องอาจเป็นโรคหัวใจ
พยาบาลบอกอีกว่า แต่น้องต้องเอายาไปกินก่อนนะ แล้วมาตรวจดูอาการอีกครั้งหนึ่ง ค่อยให้แพทย์วินิจฉัยอีกที แล้วบางทีน้องอาจจะต้องไปตรวจโดยตรงที่โรงพยาบาลเฉพาะทางเพื่อความแน่ใจอีก
พยาบาลบอกอีกว่า โรคหัวใจมีอยู่หลายแบบ แต่แบบของผมเป็นแบบไม่อันตรายมาก ระดับอายุขัยเกือบจะเท่าคนปกติ หรือ บางทีก็เท่าคนปกติคือ 50 - 60 ปี และแบบของผมนั้น ยังไม่แน่ใจว่าใช่โรคหัวใจรึเปล่า แต่ที่ดูคือน่าจะใช่ แต่ก็บอกอีกว่าของน้องไม่อันตรายนะ ถ้าน้องดูแลสุขภาพตัวเองดี ไม่ออกกำลังกายหักโหม กินอาหารถูกสุขลักษณะ ครบ 5 หมู่ น้องก็สามารถใช้ชีวิตแบบคนทั่วไปได้
และที่สำคัญที่สุดคือ ห้ามเครียด เพราะ ถ้าสุขภาพใจดี สุขภาพกายก็ดี
ตอนนี้ผมยังไม่ได้บอกแม่เลย กลับจากโรงพยาบาล กินข้าว ก็ขึ้นมาเปิดคอมต่อเลย
การตรวจครั้งต่อไปของผม คือ วันที่ 8 ม.ค.50 ซึ่งจะบอกได้ชัดเจนขึ้นว่าผมเป็นโรคหัวใจชนิดหนึ่งรึเปล่านั้น
ผมอยากขอคำภาวนาจากพี่น้องในบอร์ดนะครับ ขอให้ช่วยภาวนาเพื่อผมด้วย
ขอให้ภาวนาว่า ไม่ว่าผลการตรวจของผมจะออกมาเป็นโรคหัวใจจริงหรือไม่ ก็ขอให้เป็นไปตามน้ำพระทัยของพระครับ
ปล. จริง ๆ แล้วตอนที่ผมปวดอ่ะ ผมยังคิดเลยว่า ทำไมพระถึงต้องให้เราเจ็บแบบนี้ด้วย แต่อย่างน้อยผมเองก็ได้
รู้แล้วอย่างนึง ว่าผมเป็นคนที่มีจิตใจไม่มั่นคงอย่างนี้นี่เอง
