ทำไมพระเป็นเจ้าทรงประทานเสื้อผ้าให้แก่อาดัมและเอวา?
ลูซีอาพูดถึงแฟชั่นการแต่งกาย
ซิสเตอร์ลูซีอาแห่งฟาติมาได้เขียนหนังสือเล่มสุดท้ายเสร็จเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 1997 และให้ชื่อในภาษาโปรตุเกสว่า “Apelos da Messagem da Fatima”. เราได้รับฉบับแปลภาษาอังกฤษชื่อว่า "เสียงเรียกจากสาส์นแห่ง ฟาติมา " จากเพื่อนที่อยู่ที่ฟาติมาคือ , Mr. Robert Nesnick. ติดต่อผู้พิมพ์ได้ที่ : Secretariado dos Pastorinhos, 2496-908 Fatima, Portugal.
ในหนังสือซิสเตอร์ลูซีอาพูดเกี่ยวกับเครื่องแต่งกายในประเทศของเธอยุคสมัยที่มีการประจักษ์ของแม่พระ

เสื้อผ้าที่สุภาพ
โดยซิสเตอร์ลูซีอาแห่งฟาติมา
เครื่องแต่งกายที่สวมใส่ในสมัยของเราเป็นเสื้อผ้าที่สุภาพ, ส่งเสริมศักดิ์ศรีของมนุษย์เช่นเดียวกับหญิงสาวชาวบ้านสมัยก่อนหรือ! ในพระคัมภีร์ได้เตือนเราในเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน: “พระยาห์เวห์ได้ทำเสื้อผ้าจากหนังสัตว์ให้ แก่มนุษย์เพื่อปกคลุมร่างกายของเขาและภรรยาของเขา แล้วพวกเขาก็สวมใส่เสื้อผ้านั้น .” (Gen. 3, 21).
ทำไมพระเป็นเจ้าจึงทรงทำเสื้อผ้าให้แก่มนุษย์คู่แรกแทนที่จะให้พวกเขาต้องเปล่าเปลือย?พระคัมภีร์ได้ให้คำตอบเอาไว้ :
“แล้วพระยาห์เวห์ทรงเตือนพวกเขา "เจ้ากินผลไม้จากต้นไม้ในสวนนี้ได้ทุกต้น ยกเว้นเพียงต้นเดียวคือต้นแห่งการสำนึกดีและชั่วเจ้าจงอย่ากินเป็นอันขาด เพราะวันใดที่เจ้ากินเข้าไปเจ้าจะต้องตาย ' (...) หญิงนั้นมองดูผลไม้นั้นก็รู้สึกว่าผลไม้นั้นน่ากินและมีผลสวยงาม... เธอจึงหยิบผลไม้มากินและเก็บไปให้สามีกินด้วย เขาก็กิน ทันใดนั้นตาของพวกเขาก็เปิดออกและรู้สึกว่าตัวเองกำลังเปล่าเปลือยอยู่ พวกเขาจึงนำใบไม้มาสานกันและปกปิดร่างกายของตน.
สายธารแห่งพระเมตตา
“พระยาห์เวห์ทรงทำเสื้อผ้าจากหนังสัตว์ประทานให้แก่เขาและภรรยาของเขา พวกเขาก็สวมใส่เสื้อผ้านั้น.” ถ้อยคำนี้แสดงว่าพระเป็นเจ้าทรงปกปิดร่างกายที่เปลือยเปล่าของพวกเขา ผลจากบาปทำให้เกิดพระคุณแห่งเครื่องแต่งกาย เหตุนี้เราจึงต้องสวมใส่เสื้อผ้าที่สุภาพสมกับศักดิ์ศรีของเรา ผู้ที่สวมใส่เสื้อผ้าที่ไม่ปกปิดมิดชิดก็มีบาปและจะต้องรับผิดชอบ มิใช่เฉพาะตนเองเท่านั้น แต่รับผิดชอบต่อผู้อื่นซึ่งอาจถูกประจญล่อลวงเพราะสาเหตุนี้ด้วย โลกกำลังเดินตามแฟชั่นที่ไม่สุภาพ - มันเป็นเล่ห์กลของปีศาจ เป็นกับดักอันชาญฉลาดที่เจ้าปีศาจใช้จับวิญญาณ มันกำลังเล่นเกมส์ล่าเหยื่อกับเรา.
พระเป็นเจ้าทรงประทานเสื้อผ้าแก่เรามิใช่เพื่อทำให้เราไร้ศักดิ์ศรีหรือให้เกิดการประจญล่อลวง แต่พระองค์ประทานให้เพื่อป้องกันเราจากบาป และเพื่อเป็นเครื่องหมายของการลงโทษและการชดเชยใช้โทษบาป ซึ่งจะคอยเตือนเราถึงกฏบัญญัติของพระองค์ซึ่งพวกเราจะต้องเชื่อฟัง
มันเป็นเครื่องหมายของการลงโทษและการชดเชยใช้โทษบาปได้อย่างไร และมันป้องกันเราจากการประจญอย่างไร พระคัมภีร์กล่าวว่าภายหลังจากที่พวกเขาทำบาป อาดัมและเอวาหาใบไม้มาปกปิดร่างกาย แต่พระเป็นเจ้าทรงมีพระดำริว่านี่ยังไม่เป็นการเพียงพอ เพราะฉะนั้น “พระองค์ทรงทำเสื้อผ้าจากหนังสัตว์ประทานให้แก่เขาและภรรยาของเขา และพวกเขาก็สวมใส่ .” (Gen. 3, 21).
เพื่อลงโทษและชดเชยใช้โทษอันเป็นผลจากการทำบาป : “พระยาห์เวห์ทรงขับไล่เขาออกจากสวนเอเดน และเขาต้องกลับเป็นฝุ่นดินดังเดิม ” (Gen. 3, 23). และข้อความที่ว่า “จนกว่าเจ้าจะกลับเป็นฝุ่นดินเพราะเจ้ามาจากฝุ่นดิน.” (Gen. 3, 19). เหตุนี้เมื่อพระเป็นเจ้าทรงสวมใส่เสื้อผ้าให้แก่พวกเขาแล้วก็ทรงขับไล่พวกเขาออกจากสวน ทรงลงโทษเขาให้ต้องทำงาน ต้องขุดดินปลูกพืชบนดินซึ่งก่อกำเนิดเขาขึ้นมาจนกว่าเขาจะตายไป
มนุษย์ถูกพิพากษาโทษเพราะการกระทำบาปของเขาเองโดยการไม่เชื่อฟังคำสั่งของพระเป็นเจ้าที่บอกว่า : ”เจ้าอย่าได้กินผลจากต้นไม้แห่งการสำนึกดีและชั่ว เพราะวันใดที่เจ้ากินเข้าไป เจ้าจะต้องตาย ”. (Gen. 2, 17)
ร่างกายของท่านจะต้องตายเพราะบาปและการต่อต้านพระบัญญัติของพระเจ้า ยิ่งกว่านั้นวิญญาณของท่านจะต้องสูญเสียไปชั่วนิรันดร นอกจากท่านจะสำนึกผิดกลับใจและใช้โทษบาป ท่านจะต้องตายถ้าท่านไม่เปลี่ยนวิถีชีวิตของท่านเสียใหม่ โดยกลับมาเชื่อฟังพระบัญญัติของพระเป็นเจ้าของท่าน .
จงสังเกตุว่า ไม่ได้มีแต่เพียงเหตุผลสองประการนี้เท่านั้นคือการลงโทษและการชดเชยใช้โทษบาปของเราที่ทำให้พระเป็นเจ้าประทานเสื้อผ้าให้แก่เรา ยังมีจุดประสงค์อื่นอีกเสื้อผ้าที่สุภาพ, นอกจากการปกป้องจากการทำบาป, ยังเป็นเครื่องหมายที่ทำให้เราแยกออกมาจากกระแสแห่งความไร้ศีลธรรม และทำให้เราเป็นพยานยืนยันถึงพระคริสตเจ้า.
เสื้อผ้าเป็นสิ่งเตือนเราถึงพระบัญญัติของพระเจ้าและเราต้องเชื่อฟังอย่างเคร่งครัด ความจริงพระเป็นเจ้าทรงขอร้องให้ประชากรของพระองค์สวมใส่เสื้อผ้าเครื่องประดับเพื่อให้พวกเขาระลึกถึงกฏบัญญัติอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ : “จงพูดกับประชากรชาวอิสราเอลและสั่งให้พวกเขาทำพู่ห้อยบนชายเสื้อผ้าของพวกเขาสำหรับคนทุก วัยทุกยุคทุกสมัย และบนสายพู่ห้อยให้มัดปมด้วยเชือกสีน้ำเงิน นี่จะเป็นพู่ห้อยที่จะเตือนให้ระลึกถึงพระบัญญัติของพระเจ้าของเจ้าและจะได้ปฏิบัติตาม เจ้าจะได้ไม่ทำตามใจหรือสายตาของเจ้าซึ่งโน้มเอียงไปในทางความชั่วร้าย ” (Num. 15, 38-39).
ให้เราพิจารณาถ้อยคำนี้ : พู่ห้อยจะเตือนให้ระลึกถึงพระบัญญัติของพระเจ้าของเจ้า และจะได้ปฏิบัติตาม เจ้าจะได้ไม่ทำตามใจหรือสายตาของเจ้าซึ่งโน้มเอียงไปในทางความชั่วร้าย.
เสื้อผ้าของเราจะคอยปกป้องเราจากจิตใจและสายตา เพื่อที่เราจะได้ไม่ถูกประจญล่อลวงของเนื้อหนัง, ปีศาจ และโลก
เป็นที่แน่ชัดว่าพู่ห้อยเป็นเครื่องประดับชนิดหนึ่งของเครื่องแต่งกาย แต่เครื่องประดับนั้นจะต้องมีความสุภาพ เหมาะสมกับสง่าราศีของความเป็นมนุษย์ และทำให้เราระลึกถึงพระบัญญัติของพระเป็นเจ้าของเรา
สุดท้ายนี้ ให้เราพิจารณาพระวาจาของพระเป็นเจ้า : “สำหรับคนทุกวัยทุกยุคทุกสมัย”. นี่บอกให้เราทราบว่า พระเป็นเจ้าไม่ได้พูดกับประชากรอิสราเอลในสมัยนั้นเท่านั้น สิ่งที่พระองค์ตรัสกับพวกเขาก็หมายถึงพวกเราในปัจจุบันนี้, รวมถึงคนในยุคที่จะตามมาด้วย, เสื้อผ้าจึงไม่ได้เป็นแต่เพียงเครื่องแต่งกายภายนอกซึ่งสวมใส่เปลี่ยนไปตามต้องการได้เท่านั้น แต่มันมีความหมายที่มีจุดประสงค์เฉพาะเจาะจงซึ่งเราจะต้องไม่ลืมเลือน ในเมื่อเรามีความนบนอบต่อคำสั่งของพระเป็นเจ้า เพราะพระบัญญัตินี้มาจากพระเป็นเจ้าและไม่เปลี่ยนแปลง มันคงเดิมเสมอ เพราะพระเป็นเจ้าไม่ทรงเปลี่ยนแปลง
Sister Lucia of Fatima
This article was published in the May-June-July, 2003 issue of “Michael”.
ที่มา
บัดดี้แนะนำให้รู้
ที่อยู่เดิม
http://uk.geocities.com/palangjai2004/Fatima1.html