อโยธยาวสาน สิ้นแล้วอโยธยา
จะกล่าวถึงกรุงศรีอยุธยา
เป็นกรุงรัตนราชพระศาสนา มหาดิเรกอันเลิศล้น
เป็นที่ปรากฏรจนา สรรเสริญอยุธยาทุกแห่งหน
ทุกบุรียสีมามณฑล จบสกลลูกค้าวานิช
ทุกประเทศสิบสองภาษา ย่อมมาพึ่งกรุงศรีอยุธยาเป็นอัคะนิด
ประชาราษฎร์ปราศจากไภยพิศม์ ทั้งความพิกลจริตแลความทุกข
ฝ่ายองค์พระบรมราชา ครองขันทสิมาเป็นศุข
ด้วยพระกฤษฎีกาทำนุก จึ่งอยู่เย็นเป็นศุขสวัสดี
เป็นที่อาไศรยแก่มนุษย์ในใต้หล้า เป็นที่อาไศรยแก่เทวาทุกราศรี
ทุกนิกรนรชนมนตรี คะหะบดีชีพราหมณพฤฒา
ประดุจดั่งศาลาอาไศรย ดั่งหนึ่งร่มพระไทรอันษาขา
ประดุจหนึ่งแม่น้ำพระคงคา เป็นที่สิเนหาเมื่อกันดาน
ด้วยพระเดชเดชาอานุภาพ อาจปราบไภรีทุกทิศาน
ทุกประเทศเขตขัณท์บันดาน แต่งเครื่องบัณาการมานอบนบ
กรุงศรีอยุธยานั้นสมบูรณ์ เพิ่มพูลด้วยพระเกรียศศะจรจบ
อุดมบรมศุขทั้งแผ่นภิภพ จนคำรบศักราชได้สองพัน
คราทีนั้นฝูงสัตว์ทั้งหลาย จะเกิดความอันตรายเป็นแม่นมั่น
ด้วยพระมหากษัตริย์มิได้ทรงทศมิตราชธรรม์ จึงเกิดเข็ญเป็นมหัศจรรย์สิบหกประการ
คือเดือนดาวดินฟ้าจะอาเพด อุบัติเหตุเกิดทั่วทุกทิศาน
มหาเมฆจะลุกเป็นเพลิงกาล เกิดนิมิตพิศดานทุกบ้านเมือง
พระคงคาจะแดงเดือดดั่งเลือดนก อกแผ่นดินเป็นบ้าฟ้าจะเหลือง
ผีป่าก็จะวิ่งเข้าสิงเมือง ผีเมืองนั้นจะออกไปอยู่ไพร
พระเสื้อเมืองจะเอาตัวหนี พระกาลกุลีจะเข้ามาเป็นไส้
พระธรณีจะตีอกไห้ อกพระกาลจะไหม้อยู่เกรียมกรม
ในลักษณะทำนายไว้บ่อห่อนผิด เมื่อวินิศพิศดูก็เห็นสม
มิใช่เทศกาลร้อนก็ร้อนระงม มิใช่เทศกาลลมลมก็พัด
มิใช่เทศกาลหนาวก็หนาวพ้น มิใช่เทศกาลฝนฝนก็อุบัติ
ทุกต้นไม้หย่อมหญ้าสารพัด เกิดวิบัตินานาทั่วสากล
เทวดาซึ่งรักษาพระศาสนา จะรักษาแต่คนฝ่ายอกุศล
สัปรุษย์จะแพ้แก่ทระชน มิตรตนจะฆ่าซึ่งความรัก
ภรรยาจะฆ่าซึ่งคุณผัว คนชั่วจะมล้างผู้มีศักดิ์
ลูกสิทธ์จะสู้ครูพัก จะหาญหักผู้ใหญ่ให้เป็นน้อย
ผู้มีศีลจะเสียซึ่งอำนาจ นักปราชญ์จะตกต่ำต้อย
กระเบื้องจะเฟื่องฟูลอย น้ำเต้าอันลอยนั้นจะถอยจม
ผู้มีตระกูลจะสูญเผ่า เพราะจันฑาณมันเข้ามาเสพสม
ผู้มีศีลนั้นจะเสียซึ่งอารมณ์ เพราะสมัคสมาคมด้วยมารยา
พระมหากษัตริย์จะเสื่อมสิงหนาท ประเทศราชจะเสื่อมซึ่งยศถา
อาสัจจะเลื่องฦๅชา พระธรรมาจะตกฦกลับ
ผู้กล้าจะเสื่อมใจหาญ จะสาบสูญวิชาการทั้งปวงสรรพ
ผู้มีสินจะถอยจากทรัพย์ สัปรุษย์จะอับซึ่งน้ำใจ
ทั้งอายุศม์จะถอยเคลื่อนจากเดือนปี ประเวณีจะแปรปรวนตามวิไส
ทั้งพืชแผ่นดินจะผ่อนไป ผลหมากรากไม้จะถอยรศ
ทั้งแพศพรรว่านยาก็อาเพด เคยเป็นคุณวิเศษก็เสื่อมหมด
จวงจันทน์พรรณไม้อันหอมรศ จะถอยถดไปตามประเวณี
ทั้งข้าวก็จะยากหมากจะแพง สารพันจะแห้งแล้งเป็นถ้วนถี่
จะบังเกีดทรพิศม์มิคสัญญี ฝูงผีจะวิ่งเข้าปลอมคน
กรุงประเทศราชธานี จะเกิดการกุลีทุกแห่งหน
จะอ้างว้างอกใจทั้งไพร่พล จะสาละวนทั่วโลกทั้งหญิงชาย
จะร้อนอกสมณาประชาราช จะเกิดเข็ญเป็นอุบาทว์นั้นมากหลาย
จะรบราฆ่าฟันกันวุ่นวาย ฝูงคนจะล้มตายลงเป็นเบือ
ทางน้ำก็จะแห้งเป็นทางบก เวียงวังก็จะรกเป็นป่าเสือ
แต่สิงห์สารสัตว์เนื้อเบื้อ นั้นจะหลงหลอเหลือในแผ่นดิน
ทั้งผู้คนสาระพัดสัตว์ทั้งหลาย จะสาบสูญล้มตายเสียหมดสิ้น
ด้วยพระกาลจะมาผลานแผ่นดิน จะสูญสิ้นการณรงสงคราม
กรุงศรีอยุธยาจะสูญแล้ว จะลับรัดสมีแก้วเจ้าทั้งสาม
ไปจนคำรบปีเดือนคืนยาม จนสิ้นนามศักราชห้าพัน
กรุงศรีอยุธยาเขษมสุข แสนสนุกนิ์ยิ่งล้ำเมืองสวรรค์
จะเป็นแพศยาอาทัน นับวันจะเสื่อมสูญเอยฯ
เป็นกรุงรัตนราชพระศาสนา มหาดิเรกอันเลิศล้น
เป็นที่ปรากฏรจนา สรรเสริญอยุธยาทุกแห่งหน
ทุกบุรียสีมามณฑล จบสกลลูกค้าวานิช
ทุกประเทศสิบสองภาษา ย่อมมาพึ่งกรุงศรีอยุธยาเป็นอัคะนิด
ประชาราษฎร์ปราศจากไภยพิศม์ ทั้งความพิกลจริตแลความทุกข
ฝ่ายองค์พระบรมราชา ครองขันทสิมาเป็นศุข
ด้วยพระกฤษฎีกาทำนุก จึ่งอยู่เย็นเป็นศุขสวัสดี
เป็นที่อาไศรยแก่มนุษย์ในใต้หล้า เป็นที่อาไศรยแก่เทวาทุกราศรี
ทุกนิกรนรชนมนตรี คะหะบดีชีพราหมณพฤฒา
ประดุจดั่งศาลาอาไศรย ดั่งหนึ่งร่มพระไทรอันษาขา
ประดุจหนึ่งแม่น้ำพระคงคา เป็นที่สิเนหาเมื่อกันดาน
ด้วยพระเดชเดชาอานุภาพ อาจปราบไภรีทุกทิศาน
ทุกประเทศเขตขัณท์บันดาน แต่งเครื่องบัณาการมานอบนบ
กรุงศรีอยุธยานั้นสมบูรณ์ เพิ่มพูลด้วยพระเกรียศศะจรจบ
อุดมบรมศุขทั้งแผ่นภิภพ จนคำรบศักราชได้สองพัน
คราทีนั้นฝูงสัตว์ทั้งหลาย จะเกิดความอันตรายเป็นแม่นมั่น
ด้วยพระมหากษัตริย์มิได้ทรงทศมิตราชธรรม์ จึงเกิดเข็ญเป็นมหัศจรรย์สิบหกประการ
คือเดือนดาวดินฟ้าจะอาเพด อุบัติเหตุเกิดทั่วทุกทิศาน
มหาเมฆจะลุกเป็นเพลิงกาล เกิดนิมิตพิศดานทุกบ้านเมือง
พระคงคาจะแดงเดือดดั่งเลือดนก อกแผ่นดินเป็นบ้าฟ้าจะเหลือง
ผีป่าก็จะวิ่งเข้าสิงเมือง ผีเมืองนั้นจะออกไปอยู่ไพร
พระเสื้อเมืองจะเอาตัวหนี พระกาลกุลีจะเข้ามาเป็นไส้
พระธรณีจะตีอกไห้ อกพระกาลจะไหม้อยู่เกรียมกรม
ในลักษณะทำนายไว้บ่อห่อนผิด เมื่อวินิศพิศดูก็เห็นสม
มิใช่เทศกาลร้อนก็ร้อนระงม มิใช่เทศกาลลมลมก็พัด
มิใช่เทศกาลหนาวก็หนาวพ้น มิใช่เทศกาลฝนฝนก็อุบัติ
ทุกต้นไม้หย่อมหญ้าสารพัด เกิดวิบัตินานาทั่วสากล
เทวดาซึ่งรักษาพระศาสนา จะรักษาแต่คนฝ่ายอกุศล
สัปรุษย์จะแพ้แก่ทระชน มิตรตนจะฆ่าซึ่งความรัก
ภรรยาจะฆ่าซึ่งคุณผัว คนชั่วจะมล้างผู้มีศักดิ์
ลูกสิทธ์จะสู้ครูพัก จะหาญหักผู้ใหญ่ให้เป็นน้อย
ผู้มีศีลจะเสียซึ่งอำนาจ นักปราชญ์จะตกต่ำต้อย
กระเบื้องจะเฟื่องฟูลอย น้ำเต้าอันลอยนั้นจะถอยจม
ผู้มีตระกูลจะสูญเผ่า เพราะจันฑาณมันเข้ามาเสพสม
ผู้มีศีลนั้นจะเสียซึ่งอารมณ์ เพราะสมัคสมาคมด้วยมารยา
พระมหากษัตริย์จะเสื่อมสิงหนาท ประเทศราชจะเสื่อมซึ่งยศถา
อาสัจจะเลื่องฦๅชา พระธรรมาจะตกฦกลับ
ผู้กล้าจะเสื่อมใจหาญ จะสาบสูญวิชาการทั้งปวงสรรพ
ผู้มีสินจะถอยจากทรัพย์ สัปรุษย์จะอับซึ่งน้ำใจ
ทั้งอายุศม์จะถอยเคลื่อนจากเดือนปี ประเวณีจะแปรปรวนตามวิไส
ทั้งพืชแผ่นดินจะผ่อนไป ผลหมากรากไม้จะถอยรศ
ทั้งแพศพรรว่านยาก็อาเพด เคยเป็นคุณวิเศษก็เสื่อมหมด
จวงจันทน์พรรณไม้อันหอมรศ จะถอยถดไปตามประเวณี
ทั้งข้าวก็จะยากหมากจะแพง สารพันจะแห้งแล้งเป็นถ้วนถี่
จะบังเกีดทรพิศม์มิคสัญญี ฝูงผีจะวิ่งเข้าปลอมคน
กรุงประเทศราชธานี จะเกิดการกุลีทุกแห่งหน
จะอ้างว้างอกใจทั้งไพร่พล จะสาละวนทั่วโลกทั้งหญิงชาย
จะร้อนอกสมณาประชาราช จะเกิดเข็ญเป็นอุบาทว์นั้นมากหลาย
จะรบราฆ่าฟันกันวุ่นวาย ฝูงคนจะล้มตายลงเป็นเบือ
ทางน้ำก็จะแห้งเป็นทางบก เวียงวังก็จะรกเป็นป่าเสือ
แต่สิงห์สารสัตว์เนื้อเบื้อ นั้นจะหลงหลอเหลือในแผ่นดิน
ทั้งผู้คนสาระพัดสัตว์ทั้งหลาย จะสาบสูญล้มตายเสียหมดสิ้น
ด้วยพระกาลจะมาผลานแผ่นดิน จะสูญสิ้นการณรงสงคราม
กรุงศรีอยุธยาจะสูญแล้ว จะลับรัดสมีแก้วเจ้าทั้งสาม
ไปจนคำรบปีเดือนคืนยาม จนสิ้นนามศักราชห้าพัน
กรุงศรีอยุธยาเขษมสุข แสนสนุกนิ์ยิ่งล้ำเมืองสวรรค์
จะเป็นแพศยาอาทัน นับวันจะเสื่อมสูญเอยฯ
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ พุธ พ.ค. 30, 2007 1:41 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
อารายอ่า 

''งง
- Immanuel (MichaelPaul)
- ~@
- โพสต์: 2887
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 8:49 pm
- ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร
จะสื่ออะไรหว่า
ขอรวบรัดและสรุปความหน่อยครับ

เจ้าของกระทู้มาสรุปให้ฟังก็ดีนะครับ
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
ผมเห็นด้วยนะครับ สรุปให้ฟังดีกว่านะครัยNihil เขียน: เจ้าของกระทู้มาสรุปให้ฟังก็ดีนะครับ
ขอถอดตามเท่าที่มีความรู้ และที่ได้ยิน + เล่าเรียนมานะครับ
ร้อยกรองบทนี้มีชื่อว่า "เพลงพยากรณ์กรุงศรีอยุธยา"
ถูกประพันธ์ขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ราชวงศ์บ้านพลูหลวง แห่งกรุงเทพทวารวดีศรีอยุธยา
ไม่ปรากฎนามผู้ประพันธ์ แต่สันนิษฐานว่าเป็นคนของพระบิดาของพระเจ้าสรรเพชญ์ที่ ๘ ((พระเจ้าเสือ)) ((จำพระนามไม่ได้))
ซึ่งต่อมาเป็นกบฎยึดบัลลังก์ ((สำเร็จด้วย))
ถอดความในตอนต้นจะทราบว่าเป็นการพรรณาถึงความเจริญรุ่งเรืองของอยุธยา ดังปรากฎว่า
จะกล่าวถึงกรุงศรีอยุธยา
เป็นกรุงรัตนราชพระศาสนา มหาดิเรกอันเลิศล้น
เป็นที่ปรากฏรจนา สรรเสริญอยุธยาทุกแห่งหน
ทุกบุรียสีมามณฑล จบสกลลูกค้าวานิช
ทุกประเทศสิบสองภาษา ย่อมมาพึ่งกรุงศรีอยุธยาเป็นอัคะนิด
ประชาราษฎร์ปราศจากไภยพิศม์ ทั้งความพิกลจริตแลความทุกข
ฝ่ายองค์พระบรมราชา ครองขันทสิมาเป็นศุข
ด้วยพระกฤษฎีกาทำนุก จึ่งอยู่เย็นเป็นศุขสวัสดี
เป็นที่อาไศรยแก่มนุษย์ในใต้หล้า เป็นที่อาไศรยแก่เทวาทุกราศรี
ทุกนิกรนรชนมนตรี คะหะบดีชีพราหมณพฤฒา
ประดุจดั่งศาลาอาไศรย ดั่งหนึ่งร่มพระไทรอันษาขา
ประดุจหนึ่งแม่น้ำพระคงคา เป็นที่สิเนหาเมื่อกันดาน
ด้วยพระเดชเดชาอานุภาพ อาจปราบไภรีทุกทิศาน
ทุกประเทศเขตขัณท์บันดาน แต่งเครื่องบัณาการมานอบนบ
กรุงศรีอยุธยานั้นสมบูรณ์ เพิ่มพูลด้วยพระเกรียศศะจรจบ
อุดมบรมศุขทั้งแผ่นภิภพ จนคำรบศักราชได้สองพัน
เมื่อพิจารณาถึงวรรคเกือบ ๆ สุดท้าย
"จนคำรบศักราชได้สองพัน"
คือเมื่อปีพุทธศักราช ๒๐๐๐ จะเกิดอาเภท เพราะ...
คราทีนั้นฝูงสัตว์ทั้งหลาย จะเกิดความอันตรายเป็นแม่นมั่น
"ด้วยพระมหากษัตริย์มิได้ทรงทศมิตราชธรรม์"
นั่นหมายถึง ผู้ปกครองบ้านเมืองไม่อยู่ในทศพิทราชธรรม
ซึ่งจะปรากฎมาในรูปของลางบอกเหตุ ๑๖ ประการ
" จึงเกิดเข็ญเป็นมหัศจรรย์สิบหกประการ "
คือ...
คือเดือนดาวดินฟ้าจะอาเพด อุบัติเหตุเกิดทั่วทุกทิศาน
มหาเมฆจะลุกเป็นเพลิงกาล เกิดนิมิตพิศดานทุกบ้านเมือง
พระคงคาจะแดงเดือดดั่งเลือดนก อกแผ่นดินเป็นบ้าฟ้าจะเหลือง
ผีป่าก็จะวิ่งเข้าสิงเมือง ผีเมืองนั้นจะออกไปอยู่ไพร
พระเสื้อเมืองจะเอาตัวหนี พระกาลกุลีจะเข้ามาเป็นไส้
พระธรณีจะตีอกไห้ อกพระกาลจะไหม้อยู่เกรียมกรม
ซึ่งเมื่อพิจารณาถอดความแล้วจะได้...
((แปลกนะฮะ อาจารย์หลาย ๆ ท่านถอดยังไงก็ไม่ได้ 16 ประการสงสัยแยกไม่ถูก))
((ขอเปรียบเทียบตามยุคปัจจุบันเหมือนที่ จขกท. ต้องการสื่อไปด้วยละกัน))
ในลักษณะทำนายไว้บ่อห่อนผิด เมื่อวินิศพิศดูก็เห็นสม
๑. มิใช่เทศกาลร้อนก็ร้อนระงม
มิใช่เทศกาลลมลมก็พัด
มิใช่เทศกาลหนาวก็หนาวพ้น
มิใช่เทศกาลฝนฝนก็อุบัติ
= อากาศจะไม่เป็นไปตามฤดูกาล
ps. สังเกตว่าในปัจจุบันฤดูร้อนฝนตก ฤดูหนาวก็ร้อนแดดจ้า ฤดูฝนก็แห้งแล้ง
๒. ทุกต้นไม้หย่อมหญ้าสารพัด
เกิดวิบัตินานาทั่วสากล
เทวดาซึ่งรักษาพระศาสนา
จะรักษาแต่คนฝ่ายอกุศล
สัปรุษย์จะแพ้แก่ทระชน
= คนทำบาปจะได้ดี คนทำดีจะถูกเพ่งเล็ง และถูกกล่าวหา
ps. อันนี้ก็ออกในทำนองว่าปัจจุบันพวกเลียแข้งเลียขา หรือหน้าไหว้หลังหลอกจะได้ดี
๓. มิตรตนจะฆ่าซึ่งความรัก
ภรรยาจะฆ่าซึ่งคุณผัว
คนชั่วจะมล้างผู้มีศักดิ์
ลูกสิทธ์จะสู้ครูพัก
จะหาญหักผู้ใหญ่ให้เป็นน้อย
ผู้มีศีลจะเสียซึ่งอำนาจ
นักปราชญ์จะตกต่ำต้อย
กระเบื้องจะเฟื่องฟูลอย
น้ำเต้าอันลอยนั้นจะถอยจม
= เกิดอาเพทคือคนดีจะถูกคนชั่วฆ่า
มิตรสหายจะทะเลาะกันเอง ผัวเมียเป็นชู้และฆ่ากันจนแตกเรือน
ps. ในปัจจุบันพิจารณาเอง
๔.ผู้มีตระกูลจะสูญเผ่า
เพราะจันฑาณมันเข้ามาเสพสม
ผู้มีศีลนั้นจะเสียซึ่งอารมณ์
เพราะสมัคสมาคมด้วยมารยา
พระมหากษัตริย์จะเสื่อมสิงหนาท
= ระบบศักดินา ((วรรณะ)) ซึ่งกรุงศรีอยุธยาถือมาก
จะเสื่อมเสีย เกิดการปนเปของเลือดบริสุทธิ์ ((สาแหรก)) กับเลือดไพร่
พวกตระกูล "แปดสาแหรก" หายไป
ps. สังเกตในยุคปัจจุบัน พวกกระดุมพี เรียกตัวเองว่าผู้ดี
ส่วนพวกผู้ดีเก่าที่เพรียบพร้อมจะถูกดูถูก ((ความเห็นส่วนตัว))
๕.ประเทศราชจะเสื่อมซึ่งยศถา
อาสัจจะเลื่องฦๅชา
พระธรรมาจะตกฦกลับ
ผู้กล้าจะเสื่อมใจหาญ
= สิ่งที่คอยค้ำจุนพระนครจะยุ่งเหยิง
เช่นธรรมะ จะเปลี่ยนไป
ps. บางสิ่งบางอย่างที่ไม่ดีไม่งาม
พวกผู้ทรงศีลก็บอกว่าดีว่างาม ((เช่นจตุ...., พระใบ้หวย ฯลฯ))
๖.จะสาบสูญวิชาการทั้งปวงสรรพ
ผู้มีสินจะถอยจากทรัพย์
สัปรุษย์จะอับซึ่งน้ำใจ
= สรรพศาสตร์วิชาจะเสื่อมไป
ไม่มีผู้สืบทอด คนไม่นิยมเรียนหนังสือ
คนดี ๆ จะไม่มีน้ำใจ คหบดีจะกลายเป็นยาจก
ps. พิจารณาเอง อิอิ
๗.ทั้งอายุศม์จะถอยเคลื่อนจากเดือนปี
ประเวณีจะแปรปรวนตามวิไส
= ประเพณีที่เคยมีมาจะเสื่อมลงตามกาลเวลาไม่ดีงามเหมือนเช่นเคย
ps. สงกรานต์เงี้ยกลายเป็นแตะอั๋ง
ลอยกระทงกลายเป็นเทศกาลเสียสาว
คริสตมาสก็ฉลองดื่มเหล้าอย่างเดียว
๘.ทั้งพืชแผ่นดินจะผ่อนไป
ผลหมากรากไม้จะถอยรศ
ทั้งแพศพรรว่านยาก็อาเพด
เคยเป็นคุณวิเศษก็เสื่อมหมด
จวงจันทน์พรรณไม้อันหอมรศ
จะถอยถดไปตามประเวณี
= รสชาติของผลหมากรากไม้จะเปลี่ยนรสชาติ
สมุนไพรธรรมชาติไม่สามารถรักษาโรคปัจจุบันได้
๙.ทั้งข้าวก็จะยากหมากจะแพง
สารพันจะแห้งแล้งเป็นถ้วนถี่
จะบังเกีดทรพิศม์มิคสัญญี
ฝูงผีจะวิ่งเข้าปลอมคน
= ข้าวยากหมากแพง ((น้ำมันลิตรละ 30 ว๊อยย))
แห้งแล้งไปทั่ว โรคระบาดเกลื่อนเมือง
โจรผู้ร้ายแทรกตัวอยู่ในคนทั่ว ๆ ไป
๑๐.กรุงประเทศราชธานี
จะเกิดการกุลีทุกแห่งหน
จะอ้างว้างอกใจทั้งไพร่พล
จะสาละวนทั่วโลกทั้งหญิงชาย
จะร้อนอกสมณาประชาราช
= นอกจากนี้จะเกิดความวุ่นวายไปทั่ว
((ม๊อบๆๆๆๆ))
๑๑. จะเกิดเข็ญเป็น
อุบาทว์นั้นมากหลาย
จะรบราฆ่าฟันกันวุ่นวาย
ฝูงคนจะล้มตายลงเป็นเบือ
= สงครามแล้วสงครามอีก
หาเรื่องฆ่ากันไปวันๆ
๑๒.ทางน้ำก็จะแห้งเป็นทางบก
เวียงวังก็จะรกเป็นป่าเสือ
แต่สิงห์สารสัตว์เนื้อเบื้อ
นั้นจะหลงหลอเหลือในแผ่นดิน
ทั้งผู้คนสาระพัดสัตว์ทั้งหลาย
จะสาบสูญล้มตายเสียหมดสิ้น
ด้วยพระกาลจะมาผลานแผ่นดิน
= คลองน้ำแห้งขอด ((เช่น บอระเพ็ด))
บ้านเมืองจะสกปรกวุ่นวาย ((น่ากลัวๆ เหมือนหนังมาเฟีย))
๑๓.จะสูญสิ้นการณรงสงคราม
= รบสงครามเมื่อไรก็แพ้เมื่อนั้น
๑๔.กรุงศรีอยุธยาจะสูญแล้ว
จะลับรัดสมีแก้วเจ้าทั้งสาม
ไปจนคำรบปีเดือนคืนยาม
= พระรัตนตรัยที่คอยส่องสว่างปกคลุมพระนครจะลับแสง
((ประเทศเสื่อมศีลธรรมจนพระไม่คุ้มครอง))
จนสิ้นนามศักราชห้าพัน
กรุงศรีอยุธยาเขษมสุข
แสนสนุกนิ์ยิ่งล้ำเมืองสวรรค์
จะเป็นแพศยาอาทัน
นับวันจะเสื่อมสูญเอยฯ
..........................
เอชถอดจากความจำได้ประมาณนี้
แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นแม้คำพยากรณ์จะเป็นจริงหรือไม่
แต่เอชเห็นว่าคริสตังที่ดีไม่ควรเก็บเอามาใส่ใจนะครับ
เพราะว่ามันซูแปร์ติซัง ^^
คำพยากรณ์พวกนี้ก็เหมือนหมอดูล่ะครับ
ส่วนบทนี้ >>>
อยุธยายศล่มแล้ว ลอยสวรรค์ ลงฤา
สิงหาสน์ปรางค์รัตน์บรร เจิดหล้า
บุญเพรงพระหากสรรค์ ศาสน์รุ่ง เรืองแฮ
บังอบายเบิกฟ้า ฝึกฟื้นใจเมือง
ถ้าจำไม่ผิด...ไม่เกี่ยวกับกรุงศรีอยุธยานะครับ
แต่เป็นบทพรรณาถึงกรุงรัตนโกสินทร์
ว่างดงามดังกรุงศรีอยุธยาในอดีต
"อยุธยายศล่มแล้ว ลอยสวรรค์ ลงฤา "
คือ..กรุงรัตนโกสินทร์งดงามและรุ่งเรืองขนาดนี้ หรือว่าเป็นกรุงศรีอยุธยาที่ล่มสลายไปแล้วลอยลงมาจากสวรรค์
เนื่องจากในยุคสถาปนาพระนครใหม่ ๆ ผู้คนยังไม่สามารถลืมเมืองสวรรค์ในอดีตได้
เพราะว่าเป็นเมืองที่รุ่งเรืองเกินพรรณา
สังเกตจากชื่อพระนครล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๑ ก็อัญเชิญมาจากชื่อกรุงศรีฯ เพราะอยากให้ผู้คนเข้าใจว่าที่นี่ก็เหมือนกรุงศรีฯ นั่นหล่ะ คือ
กรุงเทพทวารวดีศรีอยุธยา
กรุงเทพมหานครอมรรัตนโกสินทร์
..................................................
ร้อยกรองบทนี้มีชื่อว่า "เพลงพยากรณ์กรุงศรีอยุธยา"
ถูกประพันธ์ขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ราชวงศ์บ้านพลูหลวง แห่งกรุงเทพทวารวดีศรีอยุธยา
ไม่ปรากฎนามผู้ประพันธ์ แต่สันนิษฐานว่าเป็นคนของพระบิดาของพระเจ้าสรรเพชญ์ที่ ๘ ((พระเจ้าเสือ)) ((จำพระนามไม่ได้))
ซึ่งต่อมาเป็นกบฎยึดบัลลังก์ ((สำเร็จด้วย))
ถอดความในตอนต้นจะทราบว่าเป็นการพรรณาถึงความเจริญรุ่งเรืองของอยุธยา ดังปรากฎว่า
จะกล่าวถึงกรุงศรีอยุธยา
เป็นกรุงรัตนราชพระศาสนา มหาดิเรกอันเลิศล้น
เป็นที่ปรากฏรจนา สรรเสริญอยุธยาทุกแห่งหน
ทุกบุรียสีมามณฑล จบสกลลูกค้าวานิช
ทุกประเทศสิบสองภาษา ย่อมมาพึ่งกรุงศรีอยุธยาเป็นอัคะนิด
ประชาราษฎร์ปราศจากไภยพิศม์ ทั้งความพิกลจริตแลความทุกข
ฝ่ายองค์พระบรมราชา ครองขันทสิมาเป็นศุข
ด้วยพระกฤษฎีกาทำนุก จึ่งอยู่เย็นเป็นศุขสวัสดี
เป็นที่อาไศรยแก่มนุษย์ในใต้หล้า เป็นที่อาไศรยแก่เทวาทุกราศรี
ทุกนิกรนรชนมนตรี คะหะบดีชีพราหมณพฤฒา
ประดุจดั่งศาลาอาไศรย ดั่งหนึ่งร่มพระไทรอันษาขา
ประดุจหนึ่งแม่น้ำพระคงคา เป็นที่สิเนหาเมื่อกันดาน
ด้วยพระเดชเดชาอานุภาพ อาจปราบไภรีทุกทิศาน
ทุกประเทศเขตขัณท์บันดาน แต่งเครื่องบัณาการมานอบนบ
กรุงศรีอยุธยานั้นสมบูรณ์ เพิ่มพูลด้วยพระเกรียศศะจรจบ
อุดมบรมศุขทั้งแผ่นภิภพ จนคำรบศักราชได้สองพัน
เมื่อพิจารณาถึงวรรคเกือบ ๆ สุดท้าย
"จนคำรบศักราชได้สองพัน"
คือเมื่อปีพุทธศักราช ๒๐๐๐ จะเกิดอาเภท เพราะ...
คราทีนั้นฝูงสัตว์ทั้งหลาย จะเกิดความอันตรายเป็นแม่นมั่น
"ด้วยพระมหากษัตริย์มิได้ทรงทศมิตราชธรรม์"
นั่นหมายถึง ผู้ปกครองบ้านเมืองไม่อยู่ในทศพิทราชธรรม
ซึ่งจะปรากฎมาในรูปของลางบอกเหตุ ๑๖ ประการ
" จึงเกิดเข็ญเป็นมหัศจรรย์สิบหกประการ "
คือ...
คือเดือนดาวดินฟ้าจะอาเพด อุบัติเหตุเกิดทั่วทุกทิศาน
มหาเมฆจะลุกเป็นเพลิงกาล เกิดนิมิตพิศดานทุกบ้านเมือง
พระคงคาจะแดงเดือดดั่งเลือดนก อกแผ่นดินเป็นบ้าฟ้าจะเหลือง
ผีป่าก็จะวิ่งเข้าสิงเมือง ผีเมืองนั้นจะออกไปอยู่ไพร
พระเสื้อเมืองจะเอาตัวหนี พระกาลกุลีจะเข้ามาเป็นไส้
พระธรณีจะตีอกไห้ อกพระกาลจะไหม้อยู่เกรียมกรม
ซึ่งเมื่อพิจารณาถอดความแล้วจะได้...
((แปลกนะฮะ อาจารย์หลาย ๆ ท่านถอดยังไงก็ไม่ได้ 16 ประการสงสัยแยกไม่ถูก))
((ขอเปรียบเทียบตามยุคปัจจุบันเหมือนที่ จขกท. ต้องการสื่อไปด้วยละกัน))
ในลักษณะทำนายไว้บ่อห่อนผิด เมื่อวินิศพิศดูก็เห็นสม
๑. มิใช่เทศกาลร้อนก็ร้อนระงม
มิใช่เทศกาลลมลมก็พัด
มิใช่เทศกาลหนาวก็หนาวพ้น
มิใช่เทศกาลฝนฝนก็อุบัติ
= อากาศจะไม่เป็นไปตามฤดูกาล
ps. สังเกตว่าในปัจจุบันฤดูร้อนฝนตก ฤดูหนาวก็ร้อนแดดจ้า ฤดูฝนก็แห้งแล้ง
๒. ทุกต้นไม้หย่อมหญ้าสารพัด
เกิดวิบัตินานาทั่วสากล
เทวดาซึ่งรักษาพระศาสนา
จะรักษาแต่คนฝ่ายอกุศล
สัปรุษย์จะแพ้แก่ทระชน
= คนทำบาปจะได้ดี คนทำดีจะถูกเพ่งเล็ง และถูกกล่าวหา
ps. อันนี้ก็ออกในทำนองว่าปัจจุบันพวกเลียแข้งเลียขา หรือหน้าไหว้หลังหลอกจะได้ดี
๓. มิตรตนจะฆ่าซึ่งความรัก
ภรรยาจะฆ่าซึ่งคุณผัว
คนชั่วจะมล้างผู้มีศักดิ์
ลูกสิทธ์จะสู้ครูพัก
จะหาญหักผู้ใหญ่ให้เป็นน้อย
ผู้มีศีลจะเสียซึ่งอำนาจ
นักปราชญ์จะตกต่ำต้อย
กระเบื้องจะเฟื่องฟูลอย
น้ำเต้าอันลอยนั้นจะถอยจม
= เกิดอาเพทคือคนดีจะถูกคนชั่วฆ่า
มิตรสหายจะทะเลาะกันเอง ผัวเมียเป็นชู้และฆ่ากันจนแตกเรือน
ps. ในปัจจุบันพิจารณาเอง
๔.ผู้มีตระกูลจะสูญเผ่า
เพราะจันฑาณมันเข้ามาเสพสม
ผู้มีศีลนั้นจะเสียซึ่งอารมณ์
เพราะสมัคสมาคมด้วยมารยา
พระมหากษัตริย์จะเสื่อมสิงหนาท
= ระบบศักดินา ((วรรณะ)) ซึ่งกรุงศรีอยุธยาถือมาก
จะเสื่อมเสีย เกิดการปนเปของเลือดบริสุทธิ์ ((สาแหรก)) กับเลือดไพร่
พวกตระกูล "แปดสาแหรก" หายไป
ps. สังเกตในยุคปัจจุบัน พวกกระดุมพี เรียกตัวเองว่าผู้ดี
ส่วนพวกผู้ดีเก่าที่เพรียบพร้อมจะถูกดูถูก ((ความเห็นส่วนตัว))
๕.ประเทศราชจะเสื่อมซึ่งยศถา
อาสัจจะเลื่องฦๅชา
พระธรรมาจะตกฦกลับ
ผู้กล้าจะเสื่อมใจหาญ
= สิ่งที่คอยค้ำจุนพระนครจะยุ่งเหยิง
เช่นธรรมะ จะเปลี่ยนไป
ps. บางสิ่งบางอย่างที่ไม่ดีไม่งาม
พวกผู้ทรงศีลก็บอกว่าดีว่างาม ((เช่นจตุ...., พระใบ้หวย ฯลฯ))
๖.จะสาบสูญวิชาการทั้งปวงสรรพ
ผู้มีสินจะถอยจากทรัพย์
สัปรุษย์จะอับซึ่งน้ำใจ
= สรรพศาสตร์วิชาจะเสื่อมไป
ไม่มีผู้สืบทอด คนไม่นิยมเรียนหนังสือ
คนดี ๆ จะไม่มีน้ำใจ คหบดีจะกลายเป็นยาจก
ps. พิจารณาเอง อิอิ
๗.ทั้งอายุศม์จะถอยเคลื่อนจากเดือนปี
ประเวณีจะแปรปรวนตามวิไส
= ประเพณีที่เคยมีมาจะเสื่อมลงตามกาลเวลาไม่ดีงามเหมือนเช่นเคย
ps. สงกรานต์เงี้ยกลายเป็นแตะอั๋ง
ลอยกระทงกลายเป็นเทศกาลเสียสาว
คริสตมาสก็ฉลองดื่มเหล้าอย่างเดียว
๘.ทั้งพืชแผ่นดินจะผ่อนไป
ผลหมากรากไม้จะถอยรศ
ทั้งแพศพรรว่านยาก็อาเพด
เคยเป็นคุณวิเศษก็เสื่อมหมด
จวงจันทน์พรรณไม้อันหอมรศ
จะถอยถดไปตามประเวณี
= รสชาติของผลหมากรากไม้จะเปลี่ยนรสชาติ
สมุนไพรธรรมชาติไม่สามารถรักษาโรคปัจจุบันได้
๙.ทั้งข้าวก็จะยากหมากจะแพง
สารพันจะแห้งแล้งเป็นถ้วนถี่
จะบังเกีดทรพิศม์มิคสัญญี
ฝูงผีจะวิ่งเข้าปลอมคน
= ข้าวยากหมากแพง ((น้ำมันลิตรละ 30 ว๊อยย))
แห้งแล้งไปทั่ว โรคระบาดเกลื่อนเมือง
โจรผู้ร้ายแทรกตัวอยู่ในคนทั่ว ๆ ไป
๑๐.กรุงประเทศราชธานี
จะเกิดการกุลีทุกแห่งหน
จะอ้างว้างอกใจทั้งไพร่พล
จะสาละวนทั่วโลกทั้งหญิงชาย
จะร้อนอกสมณาประชาราช
= นอกจากนี้จะเกิดความวุ่นวายไปทั่ว
((ม๊อบๆๆๆๆ))
๑๑. จะเกิดเข็ญเป็น
อุบาทว์นั้นมากหลาย
จะรบราฆ่าฟันกันวุ่นวาย
ฝูงคนจะล้มตายลงเป็นเบือ
= สงครามแล้วสงครามอีก
หาเรื่องฆ่ากันไปวันๆ
๑๒.ทางน้ำก็จะแห้งเป็นทางบก
เวียงวังก็จะรกเป็นป่าเสือ
แต่สิงห์สารสัตว์เนื้อเบื้อ
นั้นจะหลงหลอเหลือในแผ่นดิน
ทั้งผู้คนสาระพัดสัตว์ทั้งหลาย
จะสาบสูญล้มตายเสียหมดสิ้น
ด้วยพระกาลจะมาผลานแผ่นดิน
= คลองน้ำแห้งขอด ((เช่น บอระเพ็ด))
บ้านเมืองจะสกปรกวุ่นวาย ((น่ากลัวๆ เหมือนหนังมาเฟีย))
๑๓.จะสูญสิ้นการณรงสงคราม
= รบสงครามเมื่อไรก็แพ้เมื่อนั้น
๑๔.กรุงศรีอยุธยาจะสูญแล้ว
จะลับรัดสมีแก้วเจ้าทั้งสาม
ไปจนคำรบปีเดือนคืนยาม
= พระรัตนตรัยที่คอยส่องสว่างปกคลุมพระนครจะลับแสง
((ประเทศเสื่อมศีลธรรมจนพระไม่คุ้มครอง))
จนสิ้นนามศักราชห้าพัน
กรุงศรีอยุธยาเขษมสุข
แสนสนุกนิ์ยิ่งล้ำเมืองสวรรค์
จะเป็นแพศยาอาทัน
นับวันจะเสื่อมสูญเอยฯ
..........................
เอชถอดจากความจำได้ประมาณนี้
แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นแม้คำพยากรณ์จะเป็นจริงหรือไม่
แต่เอชเห็นว่าคริสตังที่ดีไม่ควรเก็บเอามาใส่ใจนะครับ
เพราะว่ามันซูแปร์ติซัง ^^
คำพยากรณ์พวกนี้ก็เหมือนหมอดูล่ะครับ
ส่วนบทนี้ >>>
อยุธยายศล่มแล้ว ลอยสวรรค์ ลงฤา
สิงหาสน์ปรางค์รัตน์บรร เจิดหล้า
บุญเพรงพระหากสรรค์ ศาสน์รุ่ง เรืองแฮ
บังอบายเบิกฟ้า ฝึกฟื้นใจเมือง
ถ้าจำไม่ผิด...ไม่เกี่ยวกับกรุงศรีอยุธยานะครับ
แต่เป็นบทพรรณาถึงกรุงรัตนโกสินทร์
ว่างดงามดังกรุงศรีอยุธยาในอดีต
"อยุธยายศล่มแล้ว ลอยสวรรค์ ลงฤา "
คือ..กรุงรัตนโกสินทร์งดงามและรุ่งเรืองขนาดนี้ หรือว่าเป็นกรุงศรีอยุธยาที่ล่มสลายไปแล้วลอยลงมาจากสวรรค์
เนื่องจากในยุคสถาปนาพระนครใหม่ ๆ ผู้คนยังไม่สามารถลืมเมืองสวรรค์ในอดีตได้
เพราะว่าเป็นเมืองที่รุ่งเรืองเกินพรรณา
สังเกตจากชื่อพระนครล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๑ ก็อัญเชิญมาจากชื่อกรุงศรีฯ เพราะอยากให้ผู้คนเข้าใจว่าที่นี่ก็เหมือนกรุงศรีฯ นั่นหล่ะ คือ
กรุงเทพทวารวดีศรีอยุธยา
กรุงเทพมหานครอมรรัตนโกสินทร์
..................................................
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
โห เยี่ยมเลยครับ 

เก่งมากจ้าเพราะพี่ต้องการสื่อว่าแม้กรุงศรีอยุธยาเสียกรุง
ให้กับพม่าแล้ว กรุงเทพได้รับการยกเป็นราชธานีใหม่
สื่อให้ทราบว่า อยุธยา(เมืองไทย)ไม่สิ้นคนดี
1. สมเด็จพระนารายณ์ เป็นโอรสพระเจ้าปราสาททอง
น่าจะอยู่ราชวงศ์ปราสาททองนะ ใช่ป่าวช่วยตรวจด้วยจ้า
2. ปีที่แต่งประมาณ พ.ศ.22xx ไม่น่าเป็นการพยากรณ์ย้อนหลัง
เละปี พ.ศ. 2000 กรุงยังไม่เคยแตก เป็นเวลาที่กรุงศรีฯเจริญมากๆ
แต่ถ้าเป็นจุลศักราช ปีกรุงแตกครั้งที่2 คือ จ.ศ. 1129
และถ้าคำทำนายเป็น จ.ศ. 2000 ก็จะตรงกับ พ.ศ. 3181
โอ้ย อีก 631 ปีแนะ กว่ากรุงศรีฯจะแตก

ให้กับพม่าแล้ว กรุงเทพได้รับการยกเป็นราชธานีใหม่
สื่อให้ทราบว่า อยุธยา(เมืองไทย)ไม่สิ้นคนดี
อ้อnecromancer เขียน: ขอถอดตามเท่าที่มีความรู้ และที่ได้ยิน + เล่าเรียนมานะครับ
ร้อยกรองบทนี้มีชื่อว่า "เพลงพยากรณ์กรุงศรีอยุธยา"
ถูกประพันธ์ขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ราชวงศ์บ้านพลูหลวง แห่งกรุงเทพทวารวดีศรีอยุธยา
ไม่ปรากฎนามผู้ประพันธ์ แต่สันนิษฐานว่าเป็นคนของพระบิดาของพระเจ้าสรรเพชญ์ที่ ๘ ((พระเจ้าเสือ)) ((จำพระนามไม่ได้))
ซึ่งต่อมาเป็นกบฎยึดบัลลังก์ ((สำเร็จด้วย))
กรุงศรีอยุธยานั้นสมบูรณ์ เพิ่มพูลด้วยพระเกรียศศะจรจบ
อุดมบรมศุขทั้งแผ่นภิภพ จนคำรบศักราชได้สองพัน
เมื่อพิจารณาถึงวรรคเกือบ ๆ สุดท้าย
"จนคำรบศักราชได้สองพัน"
คือเมื่อปีพุทธศักราช ๒๐๐๐ จะเกิดอาเภท เพราะ...
คราทีนั้นฝูงสัตว์ทั้งหลาย จะเกิดความอันตรายเป็นแม่นมั่น
..................................................
1. สมเด็จพระนารายณ์ เป็นโอรสพระเจ้าปราสาททอง
น่าจะอยู่ราชวงศ์ปราสาททองนะ ใช่ป่าวช่วยตรวจด้วยจ้า
2. ปีที่แต่งประมาณ พ.ศ.22xx ไม่น่าเป็นการพยากรณ์ย้อนหลัง
เละปี พ.ศ. 2000 กรุงยังไม่เคยแตก เป็นเวลาที่กรุงศรีฯเจริญมากๆ
แต่ถ้าเป็นจุลศักราช ปีกรุงแตกครั้งที่2 คือ จ.ศ. 1129
และถ้าคำทำนายเป็น จ.ศ. 2000 ก็จะตรงกับ พ.ศ. 3181
โอ้ย อีก 631 ปีแนะ กว่ากรุงศรีฯจะแตก
แก้ไขล่าสุดโดย Phulasso เมื่อ พฤหัสฯ. พ.ค. 31, 2007 10:29 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ขอบคุณงั๊บ ^^Phulasso เขียน: เก่งมากจ้าเพราะพี่ต้องการสื่อว่าแม้กรุงศรีอยุธยาเสียกรุง
ให้กับพม่าแล้ว กรุงเทพได้รับการยกเป็นราชธานีใหม่
สื่อให้ทราบว่า อยุธยา(เมืองไทย)ไม่สิ้นคนดี
อ้อnecromancer เขียน: ขอถอดตามเท่าที่มีความรู้ และที่ได้ยิน + เล่าเรียนมานะครับ
ร้อยกรองบทนี้มีชื่อว่า "เพลงพยากรณ์กรุงศรีอยุธยา"
ถูกประพันธ์ขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ราชวงศ์บ้านพลูหลวง แห่งกรุงเทพทวารวดีศรีอยุธยา
ไม่ปรากฎนามผู้ประพันธ์ แต่สันนิษฐานว่าเป็นคนของพระบิดาของพระเจ้าสรรเพชญ์ที่ ๘ ((พระเจ้าเสือ)) ((จำพระนามไม่ได้))
ซึ่งต่อมาเป็นกบฎยึดบัลลังก์ ((สำเร็จด้วย))
กรุงศรีอยุธยานั้นสมบูรณ์ เพิ่มพูลด้วยพระเกรียศศะจรจบ
อุดมบรมศุขทั้งแผ่นภิภพ จนคำรบศักราชได้สองพัน
เมื่อพิจารณาถึงวรรคเกือบ ๆ สุดท้าย
"จนคำรบศักราชได้สองพัน"
คือเมื่อปีพุทธศักราช ๒๐๐๐ จะเกิดอาเภท เพราะ...
คราทีนั้นฝูงสัตว์ทั้งหลาย จะเกิดความอันตรายเป็นแม่นมั่น
..................................................
1. สมเด็จพระนารายณ์ เป็นโอรสพระเจ้าปราสาททอง
น่าจะอยู่ราชวงศ์ปราสาททองนะ ใช่ป่าวช่วยตรวจด้วยจ้า
2. ปีที่แต่งประมาณ พ.ศ.22xx ไม่น่าเป็นการพยากรณ์ย้อนหลัง
เละปี พ.ศ. 2000 กรุงยังไม่เคยแตก เป็นเวลาที่กรุงศรีฯเจริญมากๆ
แต่ถ้าเป็นจุลศักราช ปีกรุงแตกครั้งที่2 คือ จ.ศ. 1129
และถ้าคำทำนายเป็น จ.ศ. 2000 ก็จะตรงกับ พ.ศ. 3181
โอ้ย อีก 631 ปีแนะ กว่ากรุงศรีฯจะแตก![]()
เรื่องวัน เดือน ปี ที่แน่นอนเอชก็ก่งก๊ง งงๆ ไม่แม่นงั๊บ
((ราชวงศ์ด้วย))
แต่ยืนยันว่าอาจารย์บอกว่าแต่งในช่วงสมเด็จพระนารายณ์มหาราช อ่ะแหล่ะครับชัวร์ๆ
คือตอนนั้นยังไม่มีเค้าว่ากรุงฯ จะแตกหรอกฮะ
มันเป็นเกมการเมือง
แต่งแล้วเผยแพร่เพื่อให้ประชาชนเสื่อมศรัทธากษัตริย์ ((ตามที่อ่านมาเค้าว่างั้น))
รวมถึงพระราชวงศ์ก็ก่งก๊ง เช่นกัน -*- เหอ ๆ
แต่พระเจ้าสรรเพ็ชญ์ ที่ ๘ นี่นาจะบ้านพลูหลวงล่ะเน๊าะ ((ใช่ป่ะเนี่ย))
ที่บอกว่าปี ๒๐๐๐ นี่เท่าที่ฟังผู้รู้ที่เค้าพยายามถอดความมา
คือคนแต่งต้องการสื่อว่า เมื่อปี.......งงเหมือนกัน 555+
เอาเป็นว่าเรื่องปีเอชไม่ฟอร์ชัวร์แต่แรกแล้วฮะ ^^
น่าจะ 22XX เหมือนที่พี่ว่า.....คือเค้าบอกมาว่าเป็นเกมการเมืองในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ ((ซึ่งปีไหนเอชเองก็บ่ทราบ))
และพี่กับเอชก็งงๆ ต่อไปว่า...สมัยสมเด็จพระนารายณ์มันรุ่งเรืองมากนี่นา...ใช่ป่าวว ^^
แต่เค้าว่ามาอย่างนั้น 555+
สรุป....เอชขอยืนยันเฉพาะตรงถอดความแระกัน แต่ก็ไม่ฟันธงว่าถูกหมดเพราะว่าเรียนมานานมั๊กๆ
555+
อ่ะสรุปแล้วคือEcclesia เขียน: พระเจ้าเสือนี่ราชวงศ์บ้านพลูหลวงนะคะ
พระนารายณ์มหาราช คือ กษัตริย์ของราชวงศ์ปราสาททององค์สุดท้าย หลังจากนั้นก็บ้านพลูหลวงค่ะ
พระนารายณ์มหาราช มีลูกเลี้ยงคือพระเจ้าเสือ ซึ่งพ่อพระเจ้าเสือเป็นต้นราชวงศ์บ้านพลูหลวง ((พิมพ์งงๆ ป่ะฮะ))
แบบว่า ออกแนวกบฎล่ะครับ
และสุดท้ายเค้าก็ทำสำเร็จถึงได้ตั้งพระราชวงศ์บ้านพลูหลวงขึ้นมาได้
พระราชวงศ์ปราสาททองจึงหมดอำนาจไป
เอชเข้าใจถูกแล้ว ((แน่ๆ เลย)) 555+
ขอบคุณฮะ
ตอนแรกกะลอกวิกินะ แต่คิดดูแล้วข้อมูลอาจผิดพลาดสูง
สมเด็จพรระสรรเพชญ์ที่ 8 หรือสมเด็จพระเจ้าเสือ (สมเด็จพระพุทธเจ้าเสือ) ราชวงศ์บ้านพลูหลวง พระองค์ที่ 2 ทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ที่ 29 แห่งกรุงศรีอยุธยา โอรสสมเด็จพระเพทราชา กับนางกุลธิดา (ราชธิดาพระเจ้าเชียงใหม่ ซึ่งสมเด็จพระนารายณ์มหาราชได้พระราชทานให้สมเด็จพระเพทราชาเมื่อครั้งที่ดำรงตำแหน่ง(เจ้า-กรมช้าง) พระราชสมภพปีขาล พ.ศ. 2205 ราชาภิเษก พ.ศ.2246ทรงมีพระราชโอรส 2 พระองค์ คือเจ้าฟ้าเพชร (สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ) และเจ้าฟ้าพร (สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ)สำหรับพระสมญานามว่า
สมเด็จพรระสรรเพชญ์ที่ 8 หรือสมเด็จพระเจ้าเสือ (สมเด็จพระพุทธเจ้าเสือ) ราชวงศ์บ้านพลูหลวง พระองค์ที่ 2 ทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ที่ 29 แห่งกรุงศรีอยุธยา โอรสสมเด็จพระเพทราชา กับนางกุลธิดา (ราชธิดาพระเจ้าเชียงใหม่ ซึ่งสมเด็จพระนารายณ์มหาราชได้พระราชทานให้สมเด็จพระเพทราชาเมื่อครั้งที่ดำรงตำแหน่ง(เจ้า-กรมช้าง) พระราชสมภพปีขาล พ.ศ. 2205 ราชาภิเษก พ.ศ.2246ทรงมีพระราชโอรส 2 พระองค์ คือเจ้าฟ้าเพชร (สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ) และเจ้าฟ้าพร (สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ)สำหรับพระสมญานามว่า
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
กลายเป็นห้องประวัติศาสตร์ไปเลย 
