โอ...ขอคำภาวนา
อยู่ดีๆ เพื่อนรุ่นน้องของผมคนหนึ่งก็มีอาการปั้นปึ่ง เงียบไป ไม่คุยด้วย ทั้งๆที่แต่ก่อนก็ร่าเริง พูดคุยด้วยกันดี ส่งเมลไปคุย ก็ตอบมาเร็วมากๆๆๆๆ แต่ตอนนี้ออนก็ไม่เจอ ส่งเมลไปไม่ตอบ ตามตัวก็ไม่เจอ ก็เลยสันนิษฐานว่าเขาคงมีอาการปั้นปึ่งกับผมมั้ง ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจในสาเหตุ ทำไงดี ไม่อยากผิดใจกับพี่น้องน่ะครับ จึงอยากขอถามและขอคำปรึกษาครับ ช่วยผมหน่อยเถอะ ทุกข์ใจไม่น้อยทีเดียวครับ
1. ผมควรทำไง ผมควรเงียบๆไปก่อนสักระยะใช่ไหมครับ หมายความว่าอย่าเพิ่งติดต่อไปทุกวิถีทาง (เอ็ม เมล ไปหาด้วยตนเอง) ใช่ปะ เพราะเผื่อจะทำให้สถานการณ์ย่ำแย่มากกว่าเดิม หรือเปล่าครับ
2. ถ้าผมจะสวด แน่นอนก็ต้องสวดขอให้เป็นไปตามพระประสงค์ แต่ถ้าต้องสวดขอ(ตามพระดำรัสสอนที่ว่า จงเคาะเถิด แล้วจะเปิดให้) ควรขออะไร อย่างไร การสวดขอให้เรากลับมาเป็นพี่น้องกันเช่นเดิมเป็นสิ่งที่บังควรไหมครับ หรือว่าควรสวดให้พระจิตทรงทำงานในใจเขา หรือปล่อยๆไปตามน้ำ จะยังไงก็ช่างครับ
3. สำหรับผู้ที่มีประสบการณ์ในทำนองเดียวกับผม เป็นไปได้ไหมว่า ถ้าความขุ่นใจครั้งนี้เป็นเพราะความเข้าใจผิด (ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจว่าเรื่องอะไร) เขาจะเข้าใจ"ถูก"ในภายหลัง และจะกลับคืนดีกัน หลังจากที่เราห่างๆกันไปแรมปี (คือผมหมายความว่า ห่างกันไปสักพัก อารมณ์ขุ่นมัวก็จะใสขึ้น) แล้วก็อาจหวนนึกถึงความรู้สึกเลวร้ายในอดีต กลับใจมาคืนดี เป็นไปได้ไหมครับ
ทั้งนี้ขอคำแนะนำเพิ่มเติม โปรดให้คำปรึกษา ที่สำคัญที่สุดขอคำภาวนาครับ
พี่น้องทุกท่าน ได้โปรดช่วยผมด้วยเถิดครับ ขอบคุณล่วงหน้ามากๆครับ ขอพระเจ้าทรงอำนวยพรตอบแทนน้ำใจดีของทุกท่านเสมอไปครับ
1. ผมควรทำไง ผมควรเงียบๆไปก่อนสักระยะใช่ไหมครับ หมายความว่าอย่าเพิ่งติดต่อไปทุกวิถีทาง (เอ็ม เมล ไปหาด้วยตนเอง) ใช่ปะ เพราะเผื่อจะทำให้สถานการณ์ย่ำแย่มากกว่าเดิม หรือเปล่าครับ
2. ถ้าผมจะสวด แน่นอนก็ต้องสวดขอให้เป็นไปตามพระประสงค์ แต่ถ้าต้องสวดขอ(ตามพระดำรัสสอนที่ว่า จงเคาะเถิด แล้วจะเปิดให้) ควรขออะไร อย่างไร การสวดขอให้เรากลับมาเป็นพี่น้องกันเช่นเดิมเป็นสิ่งที่บังควรไหมครับ หรือว่าควรสวดให้พระจิตทรงทำงานในใจเขา หรือปล่อยๆไปตามน้ำ จะยังไงก็ช่างครับ
3. สำหรับผู้ที่มีประสบการณ์ในทำนองเดียวกับผม เป็นไปได้ไหมว่า ถ้าความขุ่นใจครั้งนี้เป็นเพราะความเข้าใจผิด (ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจว่าเรื่องอะไร) เขาจะเข้าใจ"ถูก"ในภายหลัง และจะกลับคืนดีกัน หลังจากที่เราห่างๆกันไปแรมปี (คือผมหมายความว่า ห่างกันไปสักพัก อารมณ์ขุ่นมัวก็จะใสขึ้น) แล้วก็อาจหวนนึกถึงความรู้สึกเลวร้ายในอดีต กลับใจมาคืนดี เป็นไปได้ไหมครับ
ทั้งนี้ขอคำแนะนำเพิ่มเติม โปรดให้คำปรึกษา ที่สำคัญที่สุดขอคำภาวนาครับ
พี่น้องทุกท่าน ได้โปรดช่วยผมด้วยเถิดครับ ขอบคุณล่วงหน้ามากๆครับ ขอพระเจ้าทรงอำนวยพรตอบแทนน้ำใจดีของทุกท่านเสมอไปครับ
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ อังคาร ส.ค. 21, 2007 8:21 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
ทำตาม ข้อ 1 2 3 ที่ทั่นตั้วเสนอ ฮะ 
และข้อสุดท้าย คือ สงบจิตไตร่ตรองว่าอะไรที่เป็นอุปสรรคในการคบกับเขา ก็แก้เสีย เพราะโอกาสคบกันต่อไปจะไม่ปั้นปึ่งอีก :rolleyes:
แต่ถ้าเขาไม่คืนดี ก็ ภาวนาให้เขาต่อไป และอยู่อย่างสงบ อย่าไปตอแย อะไร

และข้อสุดท้าย คือ สงบจิตไตร่ตรองว่าอะไรที่เป็นอุปสรรคในการคบกับเขา ก็แก้เสีย เพราะโอกาสคบกันต่อไปจะไม่ปั้นปึ่งอีก :rolleyes:
แต่ถ้าเขาไม่คืนดี ก็ ภาวนาให้เขาต่อไป และอยู่อย่างสงบ อย่าไปตอแย อะไร

แนะนำไม่ถูกเหมือนกัน ::001:: รู้แต่ว่า เราทุกคนมีสิทธิ์ที่จะชอบหรือไม่ชอบใครก็ได้ เค้าก็อาจไม่ชอบเรา หรือไม่ก็แค่เบื่อๆ หรือไม่ก็ไม่มีอะไร ไม่ว่างเฉยๆ 
สวดพระเมตตานะคะ สวดให้เค้าไม่มีอคติและไม่ตกในบาป (ถ้าเค้าเข้าใจเราผิด) ส่วนเค้าจะกลับมาหาเรา คบเราอีกมั้ยนั้น ขึ้นกับพระ และก็แล้วแต่การตัดสินใจของเค้า (มันเป็นสิทธิ์ของเค้าที่เราต้องเคารพนะคะ)
รักใครอย่าหวังผลนะคะ ให้เค้าก็ให้ด้วยใจ อย่าไปหวังอะไรตอบแทน ถ้ายังทำใจแบบนี้ไม่ได้ ก็สวดขอพระให้เราสามารถทำใจได้แบบนี้นะคะ
และก็ขอให้รักพระเยซูเจ้ามากๆนะคะ 
ขอพระอวยพรค่ะ

สวดพระเมตตานะคะ สวดให้เค้าไม่มีอคติและไม่ตกในบาป (ถ้าเค้าเข้าใจเราผิด) ส่วนเค้าจะกลับมาหาเรา คบเราอีกมั้ยนั้น ขึ้นกับพระ และก็แล้วแต่การตัดสินใจของเค้า (มันเป็นสิทธิ์ของเค้าที่เราต้องเคารพนะคะ)

รักใครอย่าหวังผลนะคะ ให้เค้าก็ให้ด้วยใจ อย่าไปหวังอะไรตอบแทน ถ้ายังทำใจแบบนี้ไม่ได้ ก็สวดขอพระให้เราสามารถทำใจได้แบบนี้นะคะ


ขอพระอวยพรค่ะ

ที่จริงฝ่ายเราอาจจะคิดไปเองก็ได้ครับ น้องที่พี่พุดถึงเขาอาจจะยุ่งมากๆในช่วงนี้ เราลองคิดก่อนนะครับว่าเท่าที่รู้จักน้องเขามา เค้ามีภาระหนักอะไรที่มาถึงในช่วงนี้หรือเปล่า เช่น ถ้านักเค้าอยู่ ม.ปลาย อาจกำลังเตรียมสอบเอ็นฯ ฯลฯ นี่เป็นการคิดในทางที่ดีนะครับ ส่วนที่ว่าอาการ ปั้นปึ่ง นั้น (ไม่เข้าใจว่าหมายถึงอ่ะไร) แหะๆ บางน้องเค้าอาจจะเกิดอาการที่เรียกว่าจุดอิ่มตัวก็ได้น่ะครับ คือ ในครั้งแรกที่เขารู้จักกับพี่นั้น อาจจะต้องการค้นหา หรือหาคำตอบว่าพี่เป็นใคร ทำไมต้องมาสนใจเรา ฯลฯ แต่เมื่อถึงจุดหนึ่ง น้องเค้าได้รู้จักพี่แล้ว ได้แลกเสร็จทรรศนคติกันเสร็จสรรพ ก็ไม่มีอะไรน่าค้นหากันต่อได้ [นี่เป็นวิธีคิดแบบเด็กๆของผมเอง อิอิ จะจริงเปล่าก้ไม่รู้เด้อ..]Florian เขียน: อยู่ดีๆ เพื่อนรุ่นน้องของผมคนหนึ่งก็มีอาการปั้นปึ่ง เงียบไป ไม่คุยด้วย ทั้งๆที่แต่ก่อนก็ร่าเริง พูดคุยด้วยกันดี ส่งเมลไปคุย ก็ตอบมาเร็วมากๆๆๆๆ แต่ตอนนี้ออนก็ไม่เจอ ส่งเมลไปไม่ตอบ ตามตัวก็ไม่เจอ ก็เลยสันนิษฐานว่าเขาคงมีอาการปั้นปึ่งกับผมมั้ง ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจในสาเหตุ ทำไงดี ไม่อยากผิดใจกับพี่น้องน่ะครับ จึงอยากขอถามและขอคำปรึกษาครับ ช่วยผมหน่อยเถอะ ทุกข์ใจไม่น้อยทีเดียวครับ
แล้วตอนนี้ไม่ใช่พี่น้องกันแล้วหรือครับ ถึงต้องถ้าให้เป็นพี่น้องกันเหมือนเดิม ถ้าเป็นผม จะขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามน้ำพระทัยของพระเจ้าครับ เพราะถ้าสวดขอไปอย่างโน้นอย่างนี้ ท้ายสุดพระองค์ก็จะทำทุกอย่างให้เป็นไปตามน้ำพระทัยของพระองค์อยู่ดี และสิ่งนั้นก้เป็นแผนการที่ดีสำหรับตัวเราด้วยครับ และแน่นอนว่าแผนการของพระองค์ดีสำหรับทั้งสองฝ่ายครับFlorian เขียน: 2. ถ้าผมจะสวด แน่นอนก็ต้องสวดขอให้เป็นไปตามพระประสงค์ แต่ถ้าต้องสวดขอ(ตามพระดำรัสสอนที่ว่า จงเคาะเถิด แล้วจะเปิดให้) ควรขออะไร อย่างไร การสวดขอให้เรากลับมาเป็นพี่น้องกันเช่นเดิมเป็นสิ่งที่บังควรไหมครับ หรือว่าควรสวดให้พระจิตทรงทำงานในใจเขา หรือปล่อยๆไปตามน้ำ จะยังไงก็ช่างครับ
ความคิดของมนุษย์ ไปๆมาๆครับ เป็นไปได้อยู่แล้วที่จะลืมและหวนกลับมาคิดใหม่ แต่ถ้าความเข้าใจผิดเป็นสาเหตุละก็ (ต้องให้แน่ใจจริงๆว่าเป็นความเข้าใจผิด) ควรจะต้องแก้ไขนะครับ เพราะตอนนี้เขาอาจจะโกรธเราอยู่ก็ได้ พระเยซูบอกว่าผู้ใดโกรธพี่น้องของตน ก็เท่ากับได้ฆ่าคนไปแล้ว แต่ต้องของการทรงนำจากพระเจ้าด้วยว่า จะให้แก้ไขโดยวิธีไหน บางที่พระองค์อาจจะแก้ไขให้เองโดยที่เราไม่ต้องทำอะไรเลยก้ได้ครับ (พระเจ้าของเรานี่เดาใจยากจะตาย)Florian เขียน: 3. สำหรับผู้ที่มีประสบการณ์ในทำนองเดียวกับผม เป็นไปได้ไหมว่า ถ้าความขุ่นใจครั้งนี้เป็นเพราะความเข้าใจผิด (ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจว่าเรื่องอะไร) เขาจะเข้าใจ"ถูก"ในภายหลัง และจะกลับคืนดีกัน หลังจากที่เราห่างๆกันไปแรมปี (คือผมหมายความว่า ห่างกันไปสักพัก อารมณ์ขุ่นมัวก็จะใสขึ้น) แล้วก็อาจหวนนึกถึงความรู้สึกเลวร้ายในอดีต กลับใจมาคืนดี เป็นไปได้ไหมครับ
บ้ายบายครับFlorian เขียน: ทั้งนี้ขอคำแนะนำเพิ่มเติม โปรดให้คำปรึกษา ที่สำคัญที่สุดขอคำภาวนาครับ
พี่น้องทุกท่าน ได้โปรดช่วยผมด้วยเถิดครับ ขอบคุณล่วงหน้ามากๆครับ ขอพระเจ้าทรงอำนวยพรตอบแทนน้ำใจดีของทุกท่านเสมอไปครับ
แก้ไขล่าสุดโดย Zaliaus เมื่อ อังคาร ส.ค. 21, 2007 12:20 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- ~@
- โพสต์: 7624
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
- ที่อยู่: Pattaya Chonburi
อยู่ดีๆ เพื่อนรุ่นน้องของผมคนหนึ่งก็มีอาการปั้นปึ่ง เงียบไป ไม่คุยด้วย ทั้งๆที่แต่ก่อนก็ร่าเริง พูดคุยด้วยกันดี ส่งเมลไปคุย ก็ตอบมาเร็วมากๆๆๆๆ แต่ตอนนี้ออนก็ไม่เจอ ส่งเมลไปไม่ตอบ ตามตัวก็ไม่เจอ ก็เลยสันนิษฐานว่าเขาคงมีอาการปั้นปึ่งกับผมมั้ง ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจในสาเหตุ ทำไงดี ไม่อยากผิดใจกับพี่น้องน่ะครับ จึงอยากขอถามและขอคำปรึกษาครับ ช่วยผมหน่อยเถอะ ทุกข์ใจไม่น้อยทีเดียวครับ
แล้วท่านตั้วได้ทบทวนรึยังว่ามันน่าจะมาจากเหตุอันใด ถ้าหาเหตุเจอแล้ว ลองเมลไปขอโทษ หรือชี้แจ้งในสิ่งที่เขาเข้าใจผิด
1. ผมควรทำไง ผมควรเงียบๆไปก่อนสักระยะใช่ไหมครับ หมายความว่าอย่าเพิ่งติดต่อไปทุกวิถีทาง (เอ็ม เมล ไปหาด้วยตนเอง) ใช่ปะ เพราะเผื่อจะทำให้สถานการณ์ย่ำแย่มากกว่าเดิม หรือเปล่าครับ
อันนี้แล้วแต่คนนะ อย่างพี่ไม่ชอบมีอะไรติดค้างในใจ ชอบที่จะเคลียร์ให้เร็วที่สุด (สำหรับคนที่เราแคร์) แต่ถ้าไม่แคร์แล้วคิดว่าตัวเราทำดีที่สุดแล้ว ก็จะปล่อยไป บางครั้งการปล่อยเวลาไป อีกมุมหนึ่งเขาอาจจะน้อยใจ คิดไปว่า เราละเลยหรือไม่เห็นความสำคัญ แต่บางมุมเคลียร์ระหว่างร้อน อาจจะพังไม่รู้ตัว
2. ถ้าผมจะสวด แน่นอนก็ต้องสวดขอให้เป็นไปตามพระประสงค์ แต่ถ้าต้องสวดขอ(ตามพระดำรัสสอนที่ว่า จงเคาะเถิด แล้วจะเปิดให้) ควรขออะไร อย่างไร การสวดขอให้เรากลับมาเป็นพี่น้องกันเช่นเดิมเป็นสิ่งที่บังควรไหมครับ หรือว่าควรสวดให้พระจิตทรงทำงานในใจเขา หรือปล่อยๆไปตามน้ำ จะยังไงก็ช่างครับ
ขอพระจิตเจ้านำความสว่างในทุกกรณี
3. สำหรับผู้ที่มีประสบการณ์ในทำนองเดียวกับผม เป็นไปได้ไหมว่า ถ้าความขุ่นใจครั้งนี้เป็นเพราะความเข้าใจผิด (ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจว่าเรื่องอะไร) เขาจะเข้าใจ"ถูก"ในภายหลัง และจะกลับคืนดีกัน หลังจากที่เราห่างๆกันไปแรมปี (คือผมหมายความว่า ห่างกันไปสักพัก อารมณ์ขุ่นมัวก็จะใสขึ้น) แล้วก็อาจหวนนึกถึงความรู้สึกเลวร้ายในอดีต กลับใจมาคืนดี เป็นไปได้ไหมครับ
บางทีก็เป็นไปได้ แต่จากประสบการณ์ยิ่งนานมันยิ่งเป็นไปได้ยาก เพราะช่วงที่ห่างทำให้เขาคิดว่า เราไม่แคร์ ไม่สนใจ ฯลฯ คิดไปเองโดยไม่ทราบข้อเท็จจริงจากปากเรา ก็คล้ายๆ ข้อ 2 คือ แล้วแต่คน ถ้าคิดว่า เราทำดีที่สุดแล้ว (หลังจากพิจารณามโนธรรมนะ) อะไรจะเกิดก็ต้องยอมรับ หมายถึงมิตรภาพที่ดีจะกลับมามั๊ย หรือจบลงตามเหตุการณ์ที่เขาคิดเองเออเอง ก็ต้องยอม เพราะคนบางคนก็ไม่ยอมรับความจริงเหมือนกัน อันนี้ก็ต้องดูกันต่อไป ขอโทษ อธิบายชี้แจ้งข้อเท็จจริงเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในเวลานี้ แต่จะเข้าใจมั๊ย แล้วแต่น้ำพระทัยพระ แสติปัญญาของผู้รับฟังจ๊ะ 

1. ผมควรทำไง ผมควรเงียบๆไปก่อนสักระยะใช่ไหมครับ หมายความว่าอย่าเพิ่งติดต่อไปทุกวิถีทาง (เอ็ม เมล ไปหาด้วยตนเอง) ใช่ปะ เพราะเผื่อจะทำให้สถานการณ์ย่ำแย่มากกว่าเดิม หรือเปล่าครับ

2. ถ้าผมจะสวด แน่นอนก็ต้องสวดขอให้เป็นไปตามพระประสงค์ แต่ถ้าต้องสวดขอ(ตามพระดำรัสสอนที่ว่า จงเคาะเถิด แล้วจะเปิดให้) ควรขออะไร อย่างไร การสวดขอให้เรากลับมาเป็นพี่น้องกันเช่นเดิมเป็นสิ่งที่บังควรไหมครับ หรือว่าควรสวดให้พระจิตทรงทำงานในใจเขา หรือปล่อยๆไปตามน้ำ จะยังไงก็ช่างครับ

3. สำหรับผู้ที่มีประสบการณ์ในทำนองเดียวกับผม เป็นไปได้ไหมว่า ถ้าความขุ่นใจครั้งนี้เป็นเพราะความเข้าใจผิด (ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจว่าเรื่องอะไร) เขาจะเข้าใจ"ถูก"ในภายหลัง และจะกลับคืนดีกัน หลังจากที่เราห่างๆกันไปแรมปี (คือผมหมายความว่า ห่างกันไปสักพัก อารมณ์ขุ่นมัวก็จะใสขึ้น) แล้วก็อาจหวนนึกถึงความรู้สึกเลวร้ายในอดีต กลับใจมาคืนดี เป็นไปได้ไหมครับ


- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
Florian เขียน: อยู่ดีๆ เพื่อนรุ่นน้องของผมคนหนึ่งก็มีอาการปั้นปึ่ง เงียบไป ไม่คุยด้วย ทั้งๆที่แต่ก่อนก็ร่าเริง พูดคุยด้วยกันดี ส่งเมลไปคุย ก็ตอบมาเร็วมากๆๆๆๆ แต่ตอนนี้ออนก็ไม่เจอ ส่งเมลไปไม่ตอบ ตามตัวก็ไม่เจอ ก็เลยสันนิษฐานว่าเขาคงมีอาการปั้นปึ่งกับผมมั้ง ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจในสาเหตุ ทำไงดี ไม่อยากผิดใจกับพี่น้องน่ะครับ จึงอยากขอถามและขอคำปรึกษาครับ ช่วยผมหน่อยเถอะ ทุกข์ใจไม่น้อยทีเดียวครับ
1. ผมควรทำไง ผมควรเงียบๆไปก่อนสักระยะใช่ไหมครับ หมายความว่าอย่าเพิ่งติดต่อไปทุกวิถีทาง (เอ็ม เมล ไปหาด้วยตนเอง) ใช่ปะ เพราะเผื่อจะทำให้สถานการณ์ย่ำแย่มากกว่าเดิม หรือเปล่าครับ
ปนะนำว่า...ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ค่ะ ก็เราไม่รู้จริง ๆ นี่หว่า..ว่าเขาเป็นอะไร
เขาอาจจะไม่ได้เป็นอะไรเลยก็ได้.... อาจจะป่วยเลยไม่ได้ออน เหมือน LL เนี่ย...ป่วยมา 2 วันแล้ว
หมดบอกว่า ห้ามทำอะไรเลย.... ให้นอนอย่างเดียว....วันนี้รู้สึกดีขึ้น...ถึงได้เข้ามาตอบได้
ถ้าเรามั่นใจว่า..เราไม่ได้ทำอะไรผิดเลย...ก็ไม่ต้องไปกระโตกกระตากมากค่ะ
ส่งเมลไปทักก็ได้ว่า เออเห็นหายไป เป็นอะไรรึเปล่า ไม่สบายรึเปล่า หรือกำลังยุ่งอยู่ เป็นกำลังใจให้นะ..ก็ว่ากันไป
แต่ไม่ต้องไปเซ้าซี้มาก ส่งไปฉบับเดียว...ตอบก็ตอบ ไม่ตอบก็ไม่เป็นไร เขาว่างมาอ่าน มีเวลาตอบเราเมื่อไรก็จะมาตอบเองแหละ
2. ถ้าผมจะสวด แน่นอนก็ต้องสวดขอให้เป็นไปตามพระประสงค์ แต่ถ้าต้องสวดขอ(ตามพระดำรัสสอนที่ว่า จงเคาะเถิด แล้วจะเปิดให้) ควรขออะไร อย่างไร การสวดขอให้เรากลับมาเป็นพี่น้องกันเช่นเดิมเป็นสิ่งที่บังควรไหมครับ หรือว่าควรสวดให้พระจิตทรงทำงานในใจเขา หรือปล่อยๆไปตามน้ำ จะยังไงก็ช่างครับ
สวดว่า...ขอให้ความสัมพันธ์ของลูกกับน้องคนนั้น คลี่คลายไปในทางที่ดี หากน้องเขามีปัญหา
ไม่ว่าด้านสุขภาพ การงาน หรือ ภาระในชีวิต ก็ขอให้ผ่านพ้นไปได้ ทั้งนี้ขอให้เป็นไปตามพระประสงค์ของพระองค์
3. สำหรับผู้ที่มีประสบการณ์ในทำนองเดียวกับผม เป็นไปได้ไหมว่า ถ้าความขุ่นใจครั้งนี้เป็นเพราะความเข้าใจผิด (ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจว่าเรื่องอะไร) เขาจะเข้าใจ"ถูก"ในภายหลัง และจะกลับคืนดีกัน หลังจากที่เราห่างๆกันไปแรมปี (คือผมหมายความว่า ห่างกันไปสักพัก อารมณ์ขุ่นมัวก็จะใสขึ้น) แล้วก็อาจหวนนึกถึงความรู้สึกเลวร้ายในอดีต กลับใจมาคืนดี เป็นไปได้ไหมครับ
แนะนำว่า...อย่าคิดมากค่ะ มันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้
ถ้าจะโทษว่าเป็นเพราะความเข้าใจผิด หรือ เป็นเพราะเราทำอะไรไม่ดี ก็รอให้เรารู้แน่ ๆ ก่อนว่า...น้องเขาโกรธตรูชัวร์
ถ้ายังไม่รู้...ไม่ต้องรีบกังวลค่ะ ทำตัวเป็นปกติ ถ้าน้องเขาติดต่อมา ก็คุยกับเขาดี ๆ
ผมบอกตรงๆว่าเดาไม่ออกครับ รายละเอียดน้อยเกินไปที่จะวิเคราะห์ได้ จึงมีความเป็นไปได้หลายทางมาก เลยยังไม่รู้จะแนะนำยังไง เช่ยว่าเขามีนิสัยอะไรอยู่แล้ว เขามีปัญหาอะไรส่วนตัว หรือเขามีความสัมพันธ์ระดับไหนกะคุณ และรวมถึงว่า คุณอาจทำอะไรโดยไม่รู้ตัวไหม ผมจึงเดาให้ไม่ได้ว่าที่จริง คุณอาจคิดมากไปเอง หรือเขาเป็นจริงๆ หรือเขามีเหตุผลอย่างอื่น หรือถ้าเป็นจริงๆเป็นเพราะเรื่องอะไร
ดังนั้นตอนนี้คงสวดอย่างเดียวแล้วครับ
ดังนั้นตอนนี้คงสวดอย่างเดียวแล้วครับ
- ~KaThaRoS~
- โพสต์: 792
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 06, 2007 12:07 am
- ที่อยู่: Bkk
- ติดต่อ:
พี่ต้องทบทวนตัวเองก่อนค่ะว่าไปทำเหตุอันใดให้เค้าผู้นั้นขุ่นข้องหมองใจแต่ประการใดหนอ...
เพราะว่าถ้ามันไม่เลวร้ายมากเค้าก็คงไม่ทำถึงขนาดนี้นะค่ะ ต้องมีเหตุอันร้ายแรงเลยล่ะค่ะ
หลังจากที่พยายามติดต่อเค้าแล้วก็ไม่เป็นผล นั้น...เคยก็ส่งเมลล์ไปเคลียร์รึยังค่ะ
เพราะคิดว่าจากรูปคดีนี้เค้าคงจะบล็อคเอมพี่ล่ะค่ะ...ส่งเมลล์ไปคุยให้เค้าเข้าใจ แล้วก็รอเวลาที่เค้าใจเย็นว่านี้
ให้เค้าคิดวิเคราะห์ได้ว่าสิ่งที่เค้าทำนั้นถูกแล้วหรือ...ถ้าเค้าคิดว่าเป็นการเข้าใจผิดและรู้สึกว่าอารมณ์เย็นมีสติพร้อมจะคุยแล้ว
ไม่นานเค้าก็จะติดต่อพี่มาเพื่อเคลียร์ปัญหาเองล่ะค่ะ...
การสวดก็ตามที่พี่จิงบอกล่ะค่ะ ขอให้ความสัมพันธ์ของพี่และเค้าคลี่คลายไปในทางที่ดี
ขอพระจิตโปรดส่องสว่างจิตใจของเรากะเค้าในการตัดสินใจไปในทางที่ดี ขอให้ความสัมพันธ์ของเราและเค้ากลับมาเป็นเช่นเดิม
รี่ก็เคยมีเรื่องเช่นนี้อ่ะค่ะ แต่หลังจากที่วิเคราะห์พิจราณาแล้ว เค้าผู้นั้นทำร้ายจิตใจรี่ไว้มาก จนแทบไม่น่าจะให้อภัยเลย
ก็เลยหยุดความสัมพันธ์ของเราไว้แค่นี้ จากนี้ต่อไปเราไม่รู้จักกัน แต่รี่ก็ยังสวดให้เค้าอยู่ ขอให้พระจิตโปรดทรงนำเค้าไปในทางที่ดี
ไม่ไปทำร้ายใคร หลอกลวงใครอีก แต่ก็ไม่ได้เคลียร์กันซึ่งๆหน้า เพราะรี่ก็ทนเห็นหน้าเค้าไม่ได้...
ยังไงก็ตามถ้าพี่ไม่ได้ทำอะไรร้ายแรงมากมายแล้ว ซักวันเค้าก็คงจะเข้าใจในตัวพี่เองละค่ะ แต่บางทีมันก็ต้องใช้เวลานะค่ะ
อย่าท้อๆ ช่วยนี้ก็สวดๆไปก่อน การสวดภาวนาเป็นประจำนั้นได้ผลจริงๆนะ อย่างที่รี่เคยเล่าให้ฟังในหลายๆเคสที่รี่พยายามสวดให้เค้า..
สู้ๆค่ะ พี่ตั้ว..อย่าเครียดๆ ไปเฝ้าศีล สงบสติ คุยกับพระก็ดีนะค่ะ...บางทีพระอาจอยากจะพูดอะไรกับเรา แต่ว่าอารมณ์ของเรานั้นไม่พร้อมที่จะฟังก็ได้นะ..
ลองดูๆ...มีไรก็ IM มาปรึกษาอีกก็ได้นะงับ..นุ๋รี่ยินดีตอบเสมองับป๋ม..

เพราะว่าถ้ามันไม่เลวร้ายมากเค้าก็คงไม่ทำถึงขนาดนี้นะค่ะ ต้องมีเหตุอันร้ายแรงเลยล่ะค่ะ
หลังจากที่พยายามติดต่อเค้าแล้วก็ไม่เป็นผล นั้น...เคยก็ส่งเมลล์ไปเคลียร์รึยังค่ะ
เพราะคิดว่าจากรูปคดีนี้เค้าคงจะบล็อคเอมพี่ล่ะค่ะ...ส่งเมลล์ไปคุยให้เค้าเข้าใจ แล้วก็รอเวลาที่เค้าใจเย็นว่านี้
ให้เค้าคิดวิเคราะห์ได้ว่าสิ่งที่เค้าทำนั้นถูกแล้วหรือ...ถ้าเค้าคิดว่าเป็นการเข้าใจผิดและรู้สึกว่าอารมณ์เย็นมีสติพร้อมจะคุยแล้ว
ไม่นานเค้าก็จะติดต่อพี่มาเพื่อเคลียร์ปัญหาเองล่ะค่ะ...
การสวดก็ตามที่พี่จิงบอกล่ะค่ะ ขอให้ความสัมพันธ์ของพี่และเค้าคลี่คลายไปในทางที่ดี
ขอพระจิตโปรดส่องสว่างจิตใจของเรากะเค้าในการตัดสินใจไปในทางที่ดี ขอให้ความสัมพันธ์ของเราและเค้ากลับมาเป็นเช่นเดิม
รี่ก็เคยมีเรื่องเช่นนี้อ่ะค่ะ แต่หลังจากที่วิเคราะห์พิจราณาแล้ว เค้าผู้นั้นทำร้ายจิตใจรี่ไว้มาก จนแทบไม่น่าจะให้อภัยเลย
ก็เลยหยุดความสัมพันธ์ของเราไว้แค่นี้ จากนี้ต่อไปเราไม่รู้จักกัน แต่รี่ก็ยังสวดให้เค้าอยู่ ขอให้พระจิตโปรดทรงนำเค้าไปในทางที่ดี
ไม่ไปทำร้ายใคร หลอกลวงใครอีก แต่ก็ไม่ได้เคลียร์กันซึ่งๆหน้า เพราะรี่ก็ทนเห็นหน้าเค้าไม่ได้...
ยังไงก็ตามถ้าพี่ไม่ได้ทำอะไรร้ายแรงมากมายแล้ว ซักวันเค้าก็คงจะเข้าใจในตัวพี่เองละค่ะ แต่บางทีมันก็ต้องใช้เวลานะค่ะ
อย่าท้อๆ ช่วยนี้ก็สวดๆไปก่อน การสวดภาวนาเป็นประจำนั้นได้ผลจริงๆนะ อย่างที่รี่เคยเล่าให้ฟังในหลายๆเคสที่รี่พยายามสวดให้เค้า..
สู้ๆค่ะ พี่ตั้ว..อย่าเครียดๆ ไปเฝ้าศีล สงบสติ คุยกับพระก็ดีนะค่ะ...บางทีพระอาจอยากจะพูดอะไรกับเรา แต่ว่าอารมณ์ของเรานั้นไม่พร้อมที่จะฟังก็ได้นะ..
ลองดูๆ...มีไรก็ IM มาปรึกษาอีกก็ได้นะงับ..นุ๋รี่ยินดีตอบเสมองับป๋ม..


-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
ทุกคนตอบกันดีแล้วนะครับพี่ ผมจะสวดให้นะครับ 

พี่ตั้วครับ พี่คิดมากเกินไปรึเปล่าครับ บางทีเรื่องที่พี่คิดว่าเป็นเรื่องหนักหนา จริง ๆ แล้วมันอาจจะไม่มีอะไรเลยก็ได้
อยู่ดีๆ เพื่อนรุ่นน้องของผมคนหนึ่งก็มีอาการปั้นปึ่ง เงียบไป ไม่คุยด้วย ทั้งๆที่แต่ก่อนก็ร่าเริง พูดคุยด้วยกันดี ส่งเมลไปคุย ก็ตอบมาเร็วมากๆๆๆๆ แต่ตอนนี้ออนก็ไม่เจอ ส่งเมลไปไม่ตอบ ตามตัวก็ไม่เจอ
เหตุการณ์แบบนี้ใคร ๆ ก็สามารถเจอได้นี่ครับ ถ้าพี่ติดต่อกับใครบางคนแล้วไม่ได้รับการตอบรับที่ดีเหมือนเดิมและในเมื่อไม่มีเหตุที่ทำให้ผิดใจกัน ก็สามารถเข้าใจได้ว่าเขาคงกำลังอยู่ในช่วงที่ไม่สะดวกที่จะติดต่อกับพี่
ก็เลยสันนิษฐานว่าเขาคงมีอาการปั้นปึ่งกับผมมั้ง
พี่ก็แค่คาดเดาไปเองว่าเขานั้นโกรธอะไรพี่บางอย่าง จนเป็นเหตุให้พี่คิดฟุ้งซ่านไปเอง
ทั้งนี้ขอคำแนะนำเพิ่มเติม โปรดให้คำปรึกษา ที่สำคัญที่สุดขอคำภาวนาครับ
ผมขอย่อคำตอบของทั้ง 3 ข้อมาอยู่ในการตอบครั้งเดียวว่า ขอให้พี่กลับไปคิดดูก่อนว่ามันเป็นปัญหาสำหรับพี่จริง ๆ หรือเป็นแค่ความเข้าใจผิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ซึ่งถ้ารู้ถึงสาเหตุที่แน่ชัดพี่จะได้แก้ได้ถูกจุด แต่ที่แน่ ๆ ระหว่างนี้ก็จะภาวนาช่วยนะครับ
อยู่ดีๆ เพื่อนรุ่นน้องของผมคนหนึ่งก็มีอาการปั้นปึ่ง เงียบไป ไม่คุยด้วย ทั้งๆที่แต่ก่อนก็ร่าเริง พูดคุยด้วยกันดี ส่งเมลไปคุย ก็ตอบมาเร็วมากๆๆๆๆ แต่ตอนนี้ออนก็ไม่เจอ ส่งเมลไปไม่ตอบ ตามตัวก็ไม่เจอ
เหตุการณ์แบบนี้ใคร ๆ ก็สามารถเจอได้นี่ครับ ถ้าพี่ติดต่อกับใครบางคนแล้วไม่ได้รับการตอบรับที่ดีเหมือนเดิมและในเมื่อไม่มีเหตุที่ทำให้ผิดใจกัน ก็สามารถเข้าใจได้ว่าเขาคงกำลังอยู่ในช่วงที่ไม่สะดวกที่จะติดต่อกับพี่
ก็เลยสันนิษฐานว่าเขาคงมีอาการปั้นปึ่งกับผมมั้ง
พี่ก็แค่คาดเดาไปเองว่าเขานั้นโกรธอะไรพี่บางอย่าง จนเป็นเหตุให้พี่คิดฟุ้งซ่านไปเอง
ทั้งนี้ขอคำแนะนำเพิ่มเติม โปรดให้คำปรึกษา ที่สำคัญที่สุดขอคำภาวนาครับ
ผมขอย่อคำตอบของทั้ง 3 ข้อมาอยู่ในการตอบครั้งเดียวว่า ขอให้พี่กลับไปคิดดูก่อนว่ามันเป็นปัญหาสำหรับพี่จริง ๆ หรือเป็นแค่ความเข้าใจผิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ซึ่งถ้ารู้ถึงสาเหตุที่แน่ชัดพี่จะได้แก้ได้ถูกจุด แต่ที่แน่ ๆ ระหว่างนี้ก็จะภาวนาช่วยนะครับ

-
- ~@
- โพสต์: 2546
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm
คิดว่าทุกอย่างสามารถคลี่คลายได้โดยการคุยกันครับ 
-
- โพสต์: 131
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.พ. 14, 2006 12:38 am
- ที่อยู่: Bangkok , St.JoHn Church & Fatima
อย่างที่ผมแนะนำไปในตอนที่เจอใน M น่ะครับ ทำดีที่สุดเท่าที่ทำได้ นอกนั้นเดี๋ยวพระจัดการเอง ถ้ามันไม่ดีขึ้นก็ปล่อยไปครับ เพราะเราทำดีที่สุดแล้ว พี่เคยบอกว่ารักพี่น้องไม่ใช่เหรอครับ ถ้ารักเขาก็ให้เขาโดยไม่ต้องหวังว่าเขาจะตอบแทนยังไงกะเรา ดูอย่างพระเยซูเจ้าสิ พระองค์ลงมามีแต่ให้กับให้มนุษย์ ยอมตายแทนได้อีกต่างหาก แต่ดูมนุษย์ทำกับพระองค์สิ โหดร้ายขนาดไหน แต่พระองค์ก็ยอมให้มันเป็นไปเพราะรัก ผมก็เลยแนะนำว่า ถ้าเขาตอบแทนมาไม่ดี ก็ปล่อยเขาไป เราทำดีที่สุดก็พอ วันหนึ่งถ้าเขากลับมาคุยด้วย ก็คุยกับเขา เหมือนเดิม.. อย่าไปเครียดมากครับ ที่พี่เครียดก็เพราะว่าพี่หวังในตัวเขาว่าเขาจะต้องตอบแทนกับพี่อย่างโน้นอย่างนี้ แต่มันไม่ได้เป็นอย่างหวัง แถมทำไม่ดีใส่อีก ถ้าไม่อยากเครียด ก็ไม่ต้องหวังครับ ทำให้ๆไป ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถ้ารู้สึกเหนื่อยก็พัก ไม่ต้องหวังอะไร แค่นี้ก็ไม่กังวลอะไรแล้วอะครับ
พี่ตั้วก็ต้องดูด้วยอ่ะค่ะ ว่าเพื่อนคนนั้นคบเราเพราะอะไร เเละเพราะอะไรเค้าถึงเปลี่ยนไป
ถ้าเขาคบเราเพราะต้องการบางสิ่งบางอย่าง เเล้วตอนนี้เขาไม่ได้จึงจากไป ก็ ปล่อยๆให้เขาไป
เเต่ถ้าเป็นเรื่องอื่น ก็ต้องแก้กันทั้งเรา เเละเขาเเหล่ะค่ะ
เอาใจช่วยนะค๊า
ถ้าเขาคบเราเพราะต้องการบางสิ่งบางอย่าง เเล้วตอนนี้เขาไม่ได้จึงจากไป ก็ ปล่อยๆให้เขาไป
เเต่ถ้าเป็นเรื่องอื่น ก็ต้องแก้กันทั้งเรา เเละเขาเเหล่ะค่ะ

เอาใจช่วยนะค๊า

แก้ไขล่าสุดโดย Ecclēsia เมื่อ ศุกร์ ส.ค. 24, 2007 8:51 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- โพสต์: 1159
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มิ.ย. 13, 2005 2:03 pm
เอ่อ ไม่เห็นเล่ามูลเหตุเลย มันก็เดายากว่าเขาโกรธหรือไม่โกรธ
ถ้าข้อมูลแค่นี้ ก็คงจะต้องบอกว่า อย่าเพิ่งด่วนสรุป เพราะเป็นเพียงแค่ความคิดของเราคนเดียวเท่านั้น คนเราจะเงียบหายไปบ้างไม่ใช่เรื่องแปลก ยิ่งถ้าเป็นคนมีโลกส่วนตัว มีความมั่นใจในตัวเอง ยิ่งไม่แปลก ที่อยู่ดี ๆ จะหายหน้าไปจากการสื่อสารจากจอคอมพิวเตอร์ (เล่นเอ็ม มาก ๆ ก็เอียนได้นะ)
ถ้าไม่สบายใจมาก และไม่อยากคิดคนเดียว ก็คงต้องหาโอกาสได้เจอ ได้คุย ไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบกันบ้าง เน้นว่าสารทุกข์นะจ้ะ ไม่ใช่ถามว่าทำไมเธอถึงไม่คุยกับฉัน เป็นอะไรไป โกรธเหรอ ถ้าหากว่าเขากำลังมีเรื่องต้องคิดอยู่ อาจจะโกรธกันจริง ๆ ได้ เพราะกำลังจู้จี้จุกจิกกับเขา
แล้วก็สวดขอให้พระเจ้าช่วยบรรเทาความกลัดกลุ้มในใจเรา และความทุกข์ในใจเขา และช่วยให้เราได้มีโอกาสที่ดีสำหรับการพูดคุย
ถ้าข้อมูลแค่นี้ ก็คงจะต้องบอกว่า อย่าเพิ่งด่วนสรุป เพราะเป็นเพียงแค่ความคิดของเราคนเดียวเท่านั้น คนเราจะเงียบหายไปบ้างไม่ใช่เรื่องแปลก ยิ่งถ้าเป็นคนมีโลกส่วนตัว มีความมั่นใจในตัวเอง ยิ่งไม่แปลก ที่อยู่ดี ๆ จะหายหน้าไปจากการสื่อสารจากจอคอมพิวเตอร์ (เล่นเอ็ม มาก ๆ ก็เอียนได้นะ)
ถ้าไม่สบายใจมาก และไม่อยากคิดคนเดียว ก็คงต้องหาโอกาสได้เจอ ได้คุย ไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบกันบ้าง เน้นว่าสารทุกข์นะจ้ะ ไม่ใช่ถามว่าทำไมเธอถึงไม่คุยกับฉัน เป็นอะไรไป โกรธเหรอ ถ้าหากว่าเขากำลังมีเรื่องต้องคิดอยู่ อาจจะโกรธกันจริง ๆ ได้ เพราะกำลังจู้จี้จุกจิกกับเขา
แล้วก็สวดขอให้พระเจ้าช่วยบรรเทาความกลัดกลุ้มในใจเรา และความทุกข์ในใจเขา และช่วยให้เราได้มีโอกาสที่ดีสำหรับการพูดคุย
สวัสดีครับ... คุณตั้ว
สำหรับกระทู้ตอบในแต่ละอันที่ตอบคุณตั้วไปนั้น ก็เป็นเป็นสิ่งดีอยู่แล้ว
คราวนี้กระผมก็ขอเสริมบางสิ่งบางอย่างที่ขาดหายไปล่ะกัน....
------------------------------------------------------------
1. ผมควรทำไง ผมควรเงียบๆไปก่อนสักระยะใช่ไหมครับ หมายความว่าอย่าเพิ่งติดต่อไปทุกวิถีทาง (เอ็ม เมล ไปหาด้วยตนเอง) ใช่ปะ เพราะเผื่อจะทำให้สถานการณ์ย่ำแย่มากกว่าเดิม หรือเปล่าครับ
= ตรงนี้ถ้าจะถามว่าควรเงียบไปสักระยะดีมั้ย... มีได้สองทางนะ...คือ ดี กับไม่ดี
มันเป็นการดี เพราะว่า ตัวเขาเองอาจจะมีอะไรบางที่ต้องไตร่ตรองและทำงานกับตัวเอง จึงอยากจะอยู่เงียบๆ คนเดียวสักพัก ไม่อยากให้ใครมารบกวน
มันเป็นการไม่ดี เพราะว่า ถ้าเขาคนนั้นมีปัญหาที่หนักมากๆ และไม่รู้จะทำยังไงกับชีวิต หาทางออกไม่เจอ มันอาจจะทำให้เขาคิดว่า ไม่มีใครสนใจเขาแล้วก็ได้ และอาจจะเป็นจุดเริ่มของการปลิดชีวิตของตนเอง.
ในข้อนี้ ผมก็ขอทิ้งท้ายไว้ว่า... ขอให้คุณตั้ว ลองชั่งดูสถาณการณ์นะครับ.. ว่าเป็นไปในลักษณะใด ถ้าเป็นไปได้... ไม่ต้องอีเมล์ ไม่ต้องโทร ให้ไปหาเขาด้วยตัวเองดีกว่า...
2. ถ้าผมจะสวด แน่นอนก็ต้องสวดขอให้เป็นไปตามพระประสงค์ แต่ถ้าต้องสวดขอ(ตามพระดำรัสสอนที่ว่า จงเคาะเถิด แล้วจะเปิดให้) ควรขออะไร อย่างไร การสวดขอให้เรากลับมาเป็นพี่น้องกันเช่นเดิมเป็นสิ่งที่บังควรไหมครับ หรือว่าควรสวดให้พระจิตทรงทำงานในใจเขา หรือปล่อยๆไปตามน้ำ จะยังไงก็ช่างครับ
= จุดนี้ก็เป็นสำคัญ ที่เราจะได้วอนขอพระพรจากพระเป็นเจ้า และให้พระเจ้าช่วยเหลือ หนุนใจ เขา และให้เขาได้พบทางสว่าง ให้สวดภาวนาต่อไปนะครับ..อย่า ย่อท้อ เมื่อใด ถ้ากิ่งก้านติดอยู่ลำต้นแล้ว เราก็จะไม่มีวันเหี่ยวเฉานะ
3. สำหรับผู้ที่มีประสบการณ์ในทำนองเดียวกับผม เป็นไปได้ไหมว่า ถ้าความขุ่นใจครั้งนี้เป็นเพราะความเข้าใจผิด (ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจว่าเรื่องอะไร) เขาจะเข้าใจ"ถูก"ในภายหลัง และจะกลับคืนดีกัน หลังจากที่เราห่างๆกันไปแรมปี (คือผมหมายความว่า ห่างกันไปสักพัก อารมณ์ขุ่นมัวก็จะใสขึ้น) แล้วก็อาจหวนนึกถึงความรู้สึกเลวร้ายในอดีต กลับใจมาคืนดี เป็นไปได้ไหมครับ
= ใช่ ครับ อาจจะเป็นไปได้... และอาจจะเป็นไปไม่ได้... เราจะรู้ได้ยังไงล่ะ ว่า เข้าใจกันผิดมั้ย... เหมือนกับคำตอบที่ผมบอกไปใน ข้อ 1 เราจะต้องหาวิธีการที่จะไปพบเป็นการส่วนตัวให้ได้... ลองคุยกับเขา อย่างเปิดใจ เราจะได้รู้ไงครับ.. ว่าความจริง คือ อะไร........... และผมก็ยังเน้นว่า ให้คุยกับแบบหน้าต่อหน้า จะดีกว่า การโทรศัพท์ การส่งอีเมล์ นะครับ... เพราะเราจะได้สัมผัส ถึงสีหน้า คำพูด ความรู้สึกของได้ด้วย แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดออกมาก็ตาม
------------------------------------------------------------------
หวังว่า ผมคงจะช่วยอะไรได้ไม่มากก็น้อยนะครับ
นายใหญ่
สำหรับกระทู้ตอบในแต่ละอันที่ตอบคุณตั้วไปนั้น ก็เป็นเป็นสิ่งดีอยู่แล้ว
คราวนี้กระผมก็ขอเสริมบางสิ่งบางอย่างที่ขาดหายไปล่ะกัน....
------------------------------------------------------------
1. ผมควรทำไง ผมควรเงียบๆไปก่อนสักระยะใช่ไหมครับ หมายความว่าอย่าเพิ่งติดต่อไปทุกวิถีทาง (เอ็ม เมล ไปหาด้วยตนเอง) ใช่ปะ เพราะเผื่อจะทำให้สถานการณ์ย่ำแย่มากกว่าเดิม หรือเปล่าครับ
= ตรงนี้ถ้าจะถามว่าควรเงียบไปสักระยะดีมั้ย... มีได้สองทางนะ...คือ ดี กับไม่ดี
มันเป็นการดี เพราะว่า ตัวเขาเองอาจจะมีอะไรบางที่ต้องไตร่ตรองและทำงานกับตัวเอง จึงอยากจะอยู่เงียบๆ คนเดียวสักพัก ไม่อยากให้ใครมารบกวน
มันเป็นการไม่ดี เพราะว่า ถ้าเขาคนนั้นมีปัญหาที่หนักมากๆ และไม่รู้จะทำยังไงกับชีวิต หาทางออกไม่เจอ มันอาจจะทำให้เขาคิดว่า ไม่มีใครสนใจเขาแล้วก็ได้ และอาจจะเป็นจุดเริ่มของการปลิดชีวิตของตนเอง.
ในข้อนี้ ผมก็ขอทิ้งท้ายไว้ว่า... ขอให้คุณตั้ว ลองชั่งดูสถาณการณ์นะครับ.. ว่าเป็นไปในลักษณะใด ถ้าเป็นไปได้... ไม่ต้องอีเมล์ ไม่ต้องโทร ให้ไปหาเขาด้วยตัวเองดีกว่า...
2. ถ้าผมจะสวด แน่นอนก็ต้องสวดขอให้เป็นไปตามพระประสงค์ แต่ถ้าต้องสวดขอ(ตามพระดำรัสสอนที่ว่า จงเคาะเถิด แล้วจะเปิดให้) ควรขออะไร อย่างไร การสวดขอให้เรากลับมาเป็นพี่น้องกันเช่นเดิมเป็นสิ่งที่บังควรไหมครับ หรือว่าควรสวดให้พระจิตทรงทำงานในใจเขา หรือปล่อยๆไปตามน้ำ จะยังไงก็ช่างครับ
= จุดนี้ก็เป็นสำคัญ ที่เราจะได้วอนขอพระพรจากพระเป็นเจ้า และให้พระเจ้าช่วยเหลือ หนุนใจ เขา และให้เขาได้พบทางสว่าง ให้สวดภาวนาต่อไปนะครับ..อย่า ย่อท้อ เมื่อใด ถ้ากิ่งก้านติดอยู่ลำต้นแล้ว เราก็จะไม่มีวันเหี่ยวเฉานะ
3. สำหรับผู้ที่มีประสบการณ์ในทำนองเดียวกับผม เป็นไปได้ไหมว่า ถ้าความขุ่นใจครั้งนี้เป็นเพราะความเข้าใจผิด (ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจว่าเรื่องอะไร) เขาจะเข้าใจ"ถูก"ในภายหลัง และจะกลับคืนดีกัน หลังจากที่เราห่างๆกันไปแรมปี (คือผมหมายความว่า ห่างกันไปสักพัก อารมณ์ขุ่นมัวก็จะใสขึ้น) แล้วก็อาจหวนนึกถึงความรู้สึกเลวร้ายในอดีต กลับใจมาคืนดี เป็นไปได้ไหมครับ
= ใช่ ครับ อาจจะเป็นไปได้... และอาจจะเป็นไปไม่ได้... เราจะรู้ได้ยังไงล่ะ ว่า เข้าใจกันผิดมั้ย... เหมือนกับคำตอบที่ผมบอกไปใน ข้อ 1 เราจะต้องหาวิธีการที่จะไปพบเป็นการส่วนตัวให้ได้... ลองคุยกับเขา อย่างเปิดใจ เราจะได้รู้ไงครับ.. ว่าความจริง คือ อะไร........... และผมก็ยังเน้นว่า ให้คุยกับแบบหน้าต่อหน้า จะดีกว่า การโทรศัพท์ การส่งอีเมล์ นะครับ... เพราะเราจะได้สัมผัส ถึงสีหน้า คำพูด ความรู้สึกของได้ด้วย แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดออกมาก็ตาม
------------------------------------------------------------------
หวังว่า ผมคงจะช่วยอะไรได้ไม่มากก็น้อยนะครับ
นายใหญ่
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
พี่ๆตอบดีๆทั้งนั้น พี่นายใหญ่ก็ขยายความอย่างชัดแจ้ง คร้าบ
หรือพี่นายใหญ่ คือเพื่อนคนนั้น ของทั่นตั้ว 

ท่านตั๋วเป็นใครเอ๋ย... อันนี้ผมเองก็ไม่ทราบเหมื่อนกันนะ น้องเจี๊ยบ....Jeab Agape เขียน:
พี่ๆตอบดีๆทั้งนั้น พี่นายใหญ่ก็ขยายความอย่างชัดแจ้ง คร้าบหรือพี่นายใหญ่ คือเพื่อนคนนั้น ของทั่นตั้ว
![]()
ต้องขอให้เจ้าของกระทู้ขยายความซะแล้วล่ะครับ...
เด๋วน้องเจี๊ยบเข้าใจผิดไป นะ
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
อ้าวนึกว่า " พี่ใหญ่กับท่านตั้ว" เป็นเพื่อนเก่าแก่ กันชาติปางก่อน แต่เจี๊ยบเชื่อว่าพี่รู้จักกันแน่นอน ฮะนายใหญ่ เขียน:
ท่านตั๋วเป็นใครเอ๋ย... อันนี้ผมเองก็ไม่ทราบเหมื่อนกันนะ น้องเจี๊ยบ....
ต้องขอให้เจ้าของกระทู้ขยายความซะแล้วล่ะครับ...
เด๋วน้องเจี๊ยบเข้าใจผิดไป นะ
เดี๋ยวนี้พี่ใหญ่ จำพรรษา ที่วัดไหนครับ