จำเป็นต้องมีการประจญ หากท่านไม่ถูกประจญก็จงระวังให้ดีเถิด
ใครคือผู้ที่ปีศาจต้องการล่อลวงมากที่สุด? บางที พี่น้องอาจคิดว่า คือคนที่ ดื่มเหล้าเป็นนิจ ประพฤติผิดศีลธรรมโดยไม่ละอายแก่ใจ คนที่พูดนินทาว่าร้ายผู้อื่น หรือคนที่โลภในทรัพย์สมบัติ เสาะหาทรัพย์ด้วยวิธีใดไม่ว่า กระนั้นหรือ? ไม่ใช่หรอก , พี่น้อง , ไม่ใช่คนเหล่านี้ ตรงกันข้าม , ปีศาจไม่สนใจคนพวกนี้เลย เพราะพวกเขามีเวลาในการทำความชั่วอยู่ไม่นานหรอก การที่พวกนี้มีชีวิตยืนยาวจะช่วยชักนำวิญญาณอื่นไปสู่นรกได้มากขึ้น.
แท้จริง , ถ้าปีศาจประจญล่อลวงคนเหล่านี้ มันอาจทำให้ชีวิตของพวกเขาสั้นลงไปอีกสัก 15 - 20 ปี ก็เป็นได้ และมันจะหมดโอกาสที่จะทำลายความบริสุทธิ์ของหญิงสาว โดยผลักดันเธอไปสู่ความโสมมของมัน มันจะไม่มีโอกาสที่จะล่อลวงภรรยาคนนั้น หรือ สอนบทเรียนความชั่วร้ายให้แกชายหนุ่มคนนั้น ซึ่งจะทำตามคำสอนของมันไปจนตลอดชีวิต ถ้าปีศาจขโมยวิญญาณคนชั่วเร็วเกินไป ก็จะทำลายเวลาที่เขาจะชักนำเพื่อนๆให้ทำตามแบบอย่างที่เลวของเขา ถ้าปีศาจล่อลวงคนขี้เหล้าให้ดื่มไวน์โดยไม่หยุด เขาก็จะเสียชีวิตในไม่ช้า แทนที่จะทำดังนั้น, มันทำให้เขามีชีวิตยืนนาน เพื่อจะล่อลวงคนอื่นให้ทำตามเขา ถ้าปีศาจขโมยชีวิตของนักเล่นดนตรีในสถานเต้นรำไป หรือ เจ้าของโรงเต้นรำ หรือคนดูแลโรงเต้นรำ แล้ววิญญาณมากสักเพียงใดที่มันจะได้ไป ? ปราศจากคนเหล่านี้ มันจะได้วิญญาณไปน้อยมาก นักบุญออกัสตินสอนว่า "ปีศาจไม่รบกวนคนชั่วช้าเหล่านี้มากนัก ตรงกันข้าม, มันไม่สนใจและยังถ่มน้ำลายรดคนพวกนี้เสียอีก "
ดังนั้น , พี่น้องคงถามพ่อว่า แล้วใครละที่ถูกประจญล่อลวงมากที่สุด ?
สหายเอ๋ย , จงจำไว้ให้ดี
คนที่ถูกประจญล่อลวงมากที่สุด คือ คนดี ที่อยู่ในศีลในพรของพระเป็นเจ้านั่นแหละ ผู้ที่ยอมสละทุกสิ่งเพื่อความรอดของวิญญาณ ผู้ที่ปฏิเสธสิ่งต่างๆที่คนส่วนมากแสวงหา
และไม่ได้มีปีศาจเพียงแค่ตัวเดียวที่มาประจญเขา แต่จะมีเป็นล้านตัวทีเดียว มีเรื่องเล่าว่า - นักบุญฟรานซิสแห่งอัสซีซี และบรรดานักบวชของท่านขณะที่ได้มารวมกัน ณ. บริเวณกว้างแห่งหนึ่ง ที่ซึ่งพวกท่านได้สร้างที่พักเป็นกระท่อมอยู่อาศัย ท่านนักบุญได้แลเห็นว่า นักบวชของท่านได้ทำพลีกรรมทรมานตนหนักจนเกินไป จึงสั่งให้ทุกคนนำเอาเครื่องมือพลีกรรมของตนออกมารวมกัน และรวบรวมได้เป็นจำนวนมากทีเดียว ขณะนั้นมีนักบวชหนุ่มท่านหนึ่งซึ่งพระเป็นเจ้าได้ประทานพระพรแก่ท่านให้สามารถเห็นอารักขเทวดาของท่านได้ ด้านหนึ่งของนักบวชหนุ่มองค์นั้น , ท่านได้เห็นเหล่านักบวชที่ศรัทธาซึ่งปรารถนาจะพลีกรรมใช้โทษบาป ส่วนอีกด้านหนึ่ง , อารักขเทวดาได้ให้ท่านเห็น
เหล่าปีศาจจำนวน 18,000 ตน กำลังประชุมกันเพื่อหาทางล่อลวงบรรดานักบวชเหล่านั้นให้เปลี่ยนใจ ปีศาจตนหนึ่งพูดว่า " พวกแกไม่รู้หรือว่า นักบวชเหล่านี้มีใจถ่อมตนยิ่งนัก อา ! ช่างมีคุณธรรมน่าพิศวง , ดังนั้นถ้าเราโจมตีพวกเขา ก็เท่ากับโจมตีพระเป็นเจ้า ! แต่พวกเขามีผู้นำที่นำเขาเป็นอย่างดีจนไม่สามารถเอาชนะได้ ให้เรารอจนกว่าผู้นำของพวกเขาตายไปเสียก่อน แล้วเราจึงล่อลวงพวกหนุ่มๆที่มีใจอ่อนแออย่างไม่หยุดหย่อน ด้วยวิธีนี้เราก็จะได้พวกเขามา "
ต่อมา ขณะที่นักบวชหนุ่มนี้เข้าไปในเมือง ท่านเห็นปีศาจตนหนึ่ง นั่งอยู่ที่ประตูเมือง งานของมันคือล่อลวงผู้คนในเมืองทั้งหมด นักบุญหนุ่มผู้นี้จึงถามอารักขเทวดาของท่านว่า ทำไม,เพื่อที่จะล่อลวงบรรดานักบวช จึงมีปีศาจหลายพันตัว ขณะที่มีปีศาจเพียงตนเดียวสำหรับเมืองทั้งเมือง ซึ่งมันกำลังนั่งอยู่ที่นั้น เทวดาของท่านจึงบอกว่า ประชาชนในเมืองไม่จำเป็นต้องใช้การล่อลวงแบบเดียวกับนักบวช เพราะพวกเขามีนิสัยที่เลวอยู่แล้ว แต่พวกนักบวชกระทำแต่ความดี จนกับดักทั้งหลายของปีศาจไม่อาจเอาชนะได้.
พี่น้องที่รัก, การประจญล่อลวงอันแรกที่ปีศาจล่อลวงบุคคลใดที่ เริ่มมีความประสงค์จะรับใช้พระเป็นเจ้า ได้แก่ การสรรเสริญชมเชยของมนุษย์ เขากลัวที่จะอยู่ต่อหน้าประชาชน, เขาซ่อนตนเองจากคนอื่นที่มีใจมักรู้มักเห็น ถ้าต้องพูดกับคนอื่นเขาไม่กล้าพูดถึงความดีของตน คนอื่นๆจะเริ่มพูดสรรเสริญยกย่องเขาจนเลิศเลอ จนเขาไม่กล้าทำความดีต่อหน้าประชาชน ถ้าหากปีศาจไม่สามารถทำร้ายเขาโดยการยกย่องของมนุษย์ , มันก็จะใช้วิธีทำให้เขาวิตกกังวลจนเกินไปว่า การสารภาพบาปของเขานั้นไม่สมบูรณ์ และผู้โปรดบาปจะไม่เข้าใจเขา สิ่งต่างๆที่เขากระทำนั้นจะไร้ประโยชน์ เขาจะยังเป็นคนบาปเช่นเดิม มันทำให้เขาคิดว่า ไม่ว่าเขาจะต่อสู้สักเพียงใดก็ไม่มีอะไรดีขึ้น เพราะโอกาสบาปนั้นจะเกิดขึ้นมากมายจนเกินกว่าที่เขาจะรับได้.
ทำไมจึงเป็นเช่นนั้นเล่า , พี่น้อง ,
คนที่ไม่คิดจะรักษาวิญญาณของตนเองและมีชีวิตจมอยู่ในบาป ทำไมไม่ถูกประจญล่อลวง ? ส่วนคนที่ต้องการเปลี่ยนวิถีชีวิตของตน อุทิศตนเพื่อพระเป็นเจ้า กลับถูกโจมตี ? จงฟังสิ่งที่นักบุญออกัสตินพูดเถิด - " จงมองดูวิธีการที่ปีศาจกระทำต่อคนบาป มันกระทำตัวเหมือน ผู้คุมนักโทษ ซึ่งมีนักโทษถูกคุมขังเป็นจำนวนมาก มันถือกุญแจคุกไว้ และมันก็ละทิ้งพวกนักโทษไป เพราะมันรู้ว่าไม่มีใครคิดจะหนีไปจากมัน นี่แหละที่มันทำต่อคนบาปซึ่งไม่รู้ถึงโอกาสที่จะหลีกหนีบาป มันไม่จำเป็นต้องล่อลวงพวกเขา มันเห็นว่าเป็นการเสียเวลากับคนเหล่านี้เพราะพวกเขาไม่คิดจะหนีไปจากมัน แต่ปีศาจไม่ต้องการเพิ่มโซ่ตรวนให้กับพวกเขาอีก แทนที่จะกระทำดังนั้น มันปล่อยให้พวกเขาอยู่อย่างสันติสุข เป็นไปได้ที่จะอยู่อย่างสันติสุขทั้งที่มีบาป ปีศาจพยายามปิดบังสถานะบาปของพวกเขาไว้ให้มากที่สุดและนานที่สุด จนกระทั่งถึงเวลาแห่งความตายมาเยือน ซึ่งจะเป็นเวลาที่มันจะเปิดเผยความจริงให้พวกเขารู้เพื่อจะทำให้พวกเขาสิ้นหวัง แต่ถ้าใครตัดสินใจเปลี่ยนวิถีชีวิตเข้าพึ่งพาพระเป็นเจ้าในบัดนั้น ผลก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง."
ขณะที่นักบุญออกัสตินดำรงชีวิตอยู่ในบาปและความชั่วนั้น ท่านไม่รู้ตัวเลยว่าถูกประจญในเรื่องใด ท่านเชื่อว่าท่านมีสันติสุข - ตามที่ท่านบอกกับเรา. แต่ในขณะที่ท่านปรารถนาจะหันหลังให้กับปีศาจ ท่านต้องต่อสู้กับมันจนถึงกับหายใจไม่ออกจากการต่อสู้นั้น และใช้เวลานานถึง 5 ปี ท่านร้องไห้อย่างขมขื่นและทำพลีกรรมใช้โทษบาปอย่างหนัก " ข้าพเจ้าทะเลาะกับมัน" ท่านกล่าว " ขณะที่ถูกจองจำ , วันหนึ่งข้าพเจ้าคิดว่าชนะแล้ว วันต่อมาข้าพเจ้ากลับตกต่ำลงกับพื้นดินอีกครั้ง สงครามที่ดุร้ายและดื้อดึงยาวนานอยู่ถึง 5 ปี อย่างไรก็ตาม พระเป็นเจ้าทรงประทานพระพรให้ข้าพเจ้ามีชัยเหนือศัตรู"
พี่น้อง , จงพิจารณาถึงการต่อสู้ของนักบุญเจโรมเถิด ท่านปรารถนาจะอุทิศชีวิตตนเองแด่พระเป็นเจ้าและคิดที่จะไปยังแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ เมื่อท่านอยู่ที่กรุงโรม, ท่านมีความรู้สึกถึงความปรารถนาใหม่ที่จะทำงานเพื่อการไถ่บาป ท่านออกจากกรุงโรมไปฝังตัวเองอยู่ในทะเลทรายอันน่ากลัว เพื่อมอบชีวิตเป็นค่าไถ่ของทุกคน ด้วยความรักต่อพระเป็นเจ้า และแล้วปีศาจซึ่งมองเห็นล่วงหน้าว่า การกลับใจของท่านจะมีผลต่อคนอื่นอีกเป็นจำนวนมากก็โกรธแค้นและสิ้นหวัง
ท่านได้รับการประจญหลายประการ
พ่อเชื่อว่าไม่มีนักบุญองค์ใดที่ได้รับการประจญล่อลวงอย่างรุนแรงเหมือนท่าน ท่านเขียนจดหมายถึงเพื่อนคนหนึ่งว่า - " เพื่อนรัก , ข้าพเจ้าต้องการเปิดเผยต่อท่านเกี่ยวกับความยากลำบากของข้าพเจ้าและสถานะที่ปีศาจพยายามทำลายข้าพเจ้า มากมายหลายครั้งที่เกิดความรู้สึกโดดเดี่ยวเดียวดายอันใหญ่หลวง, ความร้อนจากพระอาทิตย์แผดเผาจนแทบทนไม่ไหว มากมายหลายครั้งที่ความสนุกและสะดวกสบายของโรมมาหลอกหลอนข้พเจ้า ความเศร้าโศก,ความขมขื่นในวิญญาณทำให้ข้าพเจ้าต้องหลั่งน้ำตาทั้งกลางวันกลางคืน ข้าพเจ้าหลบซ่อนตัวในสถานที่อันโดดเดี่ยวนี้เพื่อที่จะต่อสู้กับการประจญล่อลวงของข้าพเจ้าและเพื่อที่จะร้องไห้ต่อบาปของข้าพเจ้า, ร่างกายของข้าพเจ้าซูบผอมและห่อหุ้มด้วยหนังสัตว์หยาบๆ ข้าพเจ้าไม่มีเตียงนอนนอกจากพื้นดินที่แข็งกระด้างและอาหารเพียงอย่างเดียวของข้าพเจ้าก็คือรากไม้และน้ำ, แม้เวลาที่ข้าพเจ้าเจ็บป่วย. ทั้งที่ประสบความรุนแรงเพียงนี้, ร่างกายของข้าพเจ้าก็ยังระลึกถึงความพึงพอใจอันโสมมที่โรมได้วางยาพิษเอาไว้ จิตใจของข้าพเจ้ายังวนเวียนอยู่ท่ามกลางเหล่ามิตรสหายเหมือนขณะที่ข้าพเจ้ายังเป็นปฏิปักษ์ต่อพระเป็นเจ้าอยู่
ในทะเลทรายแห่งนี้แหละที่ข้าพเจ้าได้ประหารตนเองเพื่อหลีกเลี่ยงนรก, ในระหว่างภูผาที่น่ากลัว , ข้าพเจ้าไม่มีมิตรสหาย นอกจากแมลงป่องและสัตว์ป่า , จิตใจข้าพเจ้าร้อนเร่าเผาร่างกายของข้าพเจ้าซึ่งได้ตายไปต่อหน้าข้าพเจ้าแล้ว ด้วยเปลวไฟอันไม่บริสุทธิ์ , เจ้าปีศาจยังคงกล้ามาเสนอความสนุกสนานแก่ข้าพเจ้า โดยการถูกประจญล่อลวงเหล่านี้ทำให้ข้าพเจ้ามองเห็นว่าตัวข้าพเจ้าช่างต่ำต้อยซึ่งสมควรได้รับความตายอย่างโหดเหี้ยมและไม่รู้ที่จะสรรหาวิธีการอันเคร่งครัดต่อร่างกายของข้าพเจ้าได้อีกเพื่อที่จะชิดสนิทกับพระเป็นเจ้าได้ ดังนั้นข้าพเจ้าจึงโถมตัวลงบนพื้น ณ. แทบบาทกางเขนของข้าพเจ้า อาบตนเองด้วยน้ำตา และเมื่อไม่สามารถร้องไห้ได้อีกต่อไป ข้าพเจ้าก็นำก้อนหินมาทุบอกจนโลหิตไหลออกมาจากปาก เพื่อวิงวอนขอพระเมตตาต่อพระเป็นเจ้าโปรดทรงสงสารข้าพเจ้า.
จะมีใครสักคนเล่าที่เข้าใจในความทุกข์โศกเศร้าของข้าพเจ้าที่ปรารถนาจะรักพระเป็นเจ้าด้วยสิ้นสุดจิตใจและทำให้พระองค์พอพระทัย ?
กระนั้นข้าพเจ้ายังคงเห็นว่าข้าพเจ้ายังเป็นปฏิปักษ์ต่อพระองค์ ข้าพเจ้าเสียใจในเรื่องนี้ยิ่งนัก ! ช่วยข้าพเจ้าด้วยเถิด สหายสุดที่รัก,ด้วยการภาวนาของท่าน เพื่อที่ข้าพเจ้าจะได้มีพละกำลังขับไล่ปีศาจซึ่งมาสาบานว่าจะทำให้ข้าพเจ้าเสียไปชั่วนิรันดร์ "
พี่น้องที่รัก , นี่แหละคือสิ่งที่พระเป็นเจ้าทรงอนุญาตให้นักบุญผู้ยิ่งใหญ่ของพระองค์เข้าสู้รบ อนิจจา , พวกเราช่างน่าสงสารเหลือเกิน ถ้าพวกเราจะไม่ถูกปีศาจรบกวนอย่างหนักหน่วงเช่นเดียวกัน แต่ตามที่ปรากฏ, เรากลับเป็นมิตรกับมัน มันให้เราอยู่ในสันติสุขอันจอมปลอม มันลวงเราว่าเราได้สวดก่อนนอนอย่างดี, เราทำทานโดยไม่ได้ทำดีมากไปกว่าคนอื่น พี่น้องที่รัก, ถ้าเราถามชายหนุ่มว่าเขาจะปฏิเสธที่จะไปดูคอนเสริตหรือไม่ ถ้าหากปีศาจมันล่อลวง , เขาจะตอบว่าเขาไม่รู้สึกว่ามีอะไรมาล่อลวงแต่อย่างใด ถ้าพูดกับหญิงสาววัยรุ่น, บุตรีที่ชีวิตไร้แก่นสาร, ทำนองเดียวกันว่าเธอได้ต่อสู้กับการประจญอย่างไร , เธอจะหัวเราะและพูดว่า เปล่าเลยไม่ได้ทำอะไรเลย เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการประจญล่อลวงเป็นอย่างไร พี่น้องที่รัก, เห็นไหมว่าการประจญล่อลวงที่น่ากลัวที่สุดก็คือการคิดว่าไม่ได้ถูกประจญล่อลวง.
พี่น้องได้รู้ถึงสถานะของผู้ที่ปีศาจได้ตระเตรียมนรกแก่เขาแล้ว พ่อกล้าที่จะประกาศว่า มันจะดูแลพวกเขาเป็นอย่างดีไม่ล่อลวงและทรมานในเรื่องอดีตของคนเหล่านี้ หาไม่ตาของพวกเขาจะเปิดออกและมองเห็นบาปของพวกเขา
ความชั่วร้ายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในบรรดาความชั่วร้ายทั้งปวงไม่ใช่การถูกประจญล่อลวง เพราะมันอาจจะมีพิรุธให้จับได้ว่าปีศาจเห็นเราเป็นสมบัติของมันและรอความตายของเราเพื่อที่จะดึงเราไปสู่นรกของมัน ไม่ง่ายนักที่จะเข้าใจ , จงพิจารณาดูบรรดาคริสตชนที่พยายามรักษาวิญญาณของตนเอง แม้จะโดยวิธีเล็กน้อย
ทุกสิ่งโน้มนำพวกเขาไปสู่ความชั่วร้าย เขาจะไม่สามารถเงยหน้าขึ้นได้โดยไม่ถูกประจญเลย หากไม่สวดภาวนาและทำพลีกรรม แม้กระนั้นคนที่อยู่ในบาปหนักมานานนับสิบ ยี่สิบปี ก็จะบอกพี่น้องว่า เขาไม่ถูกประจญล่อลวง! ร้ายแรงอะไรเช่นนี้ , เพื่อนรัก , ร้ายแรงอะไรเช่นนี้! ถ้าเช่นนั้นอะไรที่ทำให้พี่น้องสั่นกลัวเล่า - ก็คือการที่พี่น้องไม่รู้ว่าการประจญนั้นคืออะไรนะสิ. การพูดว่าพี่น้องไม่ได้ถูกประจญก็เหมือนกับพูดว่า ปีศาจไม่มีตัวตน หรือพูดว่า ปีศาจไม่ได้ประสงค์จะแค้นเคืองและต่อสู้กับวิญญาณของเหล่าคริสตชนอีกต่อไป. " ถ้าท่านไม่ถูกประจญล่อลวง" ท่านนักบุญเกรโกรี่บอกกับเราว่า - " นั่นเป็นเพราะปีศาจเป็นมิตรสหายของท่าน , เป็นผู้นำท่าน , และเป็นนายชุมภาบาลของท่าน. และโดยปล่อยให้ท่านใช้ชีวิตอันน่าสงสารของท่านอย่างราบรื่น จวบจนวันสุดท้ายแห่งชีวิต , มันจะได้ดึงท่านลงไปสู่เบื้องลึกแห่งขุมนรก "
นักบุญออกัสตินบอกกับเราว่า - การประจญล่อลวงอันยิ่งใหญ่ที่สุด คือการไม่มีการประจญล่อลวง เพราะนั่นหมายความว่าคนคนนั้นถูกพระเป็นเจ้าปฏิเสธและละทิ้งเสียแล้ว และปล่อยให้เขาอยู่ในเงื้อมมือของผู้ที่จะทรมานเขา.