เเกะ ?? และภัยพิบัติสุดท้าย

ปรับทุกข์ หนุนใจ ขอคำภาวนา
ตอบกลับโพส
claustrophobia

เสาร์ เม.ย. 09, 2005 4:03 pm

ก็พระเจ้าสมัยโมเสสนะละที่เอาเลือดเเกะมาทาที่หน้าประตูบ้านอะคับ
สงสารเเกะเป็นบ้าเลย *sob


พี่พีพีลองตั้งกระทู้ให้ใหม่
แก้ไขล่าสุดโดย Prod Pran เมื่อ เสาร์ เม.ย. 09, 2005 8:11 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
spirit

เสาร์ เม.ย. 09, 2005 4:12 pm

เพราะพระเจ้าชังความบาป ค่าไถ่ของบาป คือ เลือดและความตาย แกะ ช่วยชีวิตชาวฮีบรูไว้ฉันใด จะเห็นได้ว่า พระเยซูเจ้ายอมเป็นพระเมษโปดกของพระบิดา เพื่อลดพระพิโรธ มิใช่แค่ให้มนุษย์ทุกคนที่เชื่อรอด แกะก็รอด ฉันนั้น ;D



ปล.ช่วยแก้ชื่อทู้หน่อยจิ พระบิดาทรงเป็นนิรันดร์มีสมัย พระองค์ได้ซะงั้น >:(
kati

เสาร์ เม.ย. 09, 2005 5:25 pm

Lost Lamb เขียน: เพราะพระเจ้าชังความบาป ค่าไถ่ของบาป คือ เลือดและความตาย แกะ ช่วยชีวิตชาวฮีบรูไว้ฉันใด จะเห็นได้ว่า พระเยซูเจ้ายอมเป็นพระเมษโปดกของพระบิดา เพื่อลดพระพิโรธ มิใช่แค่ให้มนุษย์ทุกคนที่เชื่อรอด แกะก็รอด ฉันนั้น ;D



ปล.ช่วยแก้ชื่อทู้หน่อยจิ พระบิดาทรงเป็นนิรันดร์มีสมัย พระองค์ได้ซะงั้น >:(
ชื่อกระทู้เนี่ยแก้ด้วยน่ะครับดูยังไงไม่รู้
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

เสาร์ เม.ย. 09, 2005 8:17 pm

ตั้งใจโพสต์ อพยพ ตั้งแต่ ปลายบทที่ ๖-๑๒ เพราะอยากให้น้องๆอ่านพระคัมภีร์ และหาคำตอบว่าทำไมที่แกะถูกฆ่ามากมาย ....และสุดท้ายเล็งถึงพระเยซูเจ้าที่ทรงถวายตัวเอง เป็นลูกแกะของพระเจ้า ...พระโลหิตของพระองค์
ที่หลั่งเพื่อแบกบาปผิดของพวกเรา ...

อพยพ

6:26 อาโรนและโมเสสสองคนนี้แหละ คือผู้ที่พระเจ้าได้ตรัสว่า "จงพาชนชาติอิสราเอลออกจากแผ่นดินอียิปต์ตามหมู่ตามกองของเขา"
6:27 สองคนนี้แหละเป็นผู้ที่กราบทูลฟาโรห์กษัตริย์ของอียิปต์เรื่องพาชนชาติอิสราเอลออกจากอียิปต์คือโมเสสคนนี้ และอาโรนคนนี้แหละ
6:28 ในวันที่พระเจ้าตรัสกับโมเสสในแผ่นดินอียิปต์นั้น
6:29 พระองค์ตรัสกับโมเสสว่า "เราคือพระเจ้า เจ้าจงบอกฟาโรห์กษัตริย์ของอียิปต์ตามข้อความซึ่งเราได้บอกแก่เจ้า"
6:30 ฝ่ายโมเสสกราบทูลพระเจ้าว่า "ข้าพระองค์เป็นคนพูดไม่คล่อง ที่ไหนฟาโรห์จะเชื่อฟังข้าพระองค์"

ภัยพิบัติจากโลหิต

7:1 พระเจ้าจึงตรัสกับโมเสสว่า "ดูซี เราตั้งเจ้าไว้เป็นดังพระเจ้าต่อฟาโรห์ และอาโรนพี่ชายของเจ้าจะเป็นผู้เผยพระวจนะแทนเจ้า
7:2 เจ้าจงบอกข้อความทั้งหมดที่เราสั่งเจ้า แล้วอาโรนพี่ชายของเจ้าจะบอกแก่ฟาโรห์ ให้ปล่อยชนชาติอิสราเอลออกไปจากแผ่นดินของเขา
7:3 เราจะทำให้ใจของฟาโรห์แข็งกระด้างไป แม้เราจะกระทำหมายสำคัญและอัศจรรย์ให้ทวีมากขึ้นในประเทศอียิปต์
7:4 ฟาโรห์จะไม่เชื่อฟังเจ้า แล้วเราจะยกมือของเราขึ้นปราบประเทศอียิปต์ และจะพาพลโยธาของเราคือชนชาติอิสราเอลให้พ้นจากแผ่นดินอียิปต์ด้วยกิจการใหญ่โตอันทรงฤทธิ์
7:5 ชาวอียิปต์จะรู้ว่าเราคือพระเจ้า ต่อเมื่อเราได้ยกมือขึ้นปราบอียิปต์ และพาชนชาติอิสราเอลออกจากพวกเขา"
7:6 โมเสสและอาโรนก็กระทำตามนั้น เขากระทำตามที่พระเจ้าทรงบัญชา
7:7 เมื่อเขาทั้งสองไปทูลฟาโรห์นั้น โมเสสมีอายุแปดสิบปี และอาโรนมีอายุแปดสิบสามปี
7:8 พระเจ้าตรัสกับโมเสส และอาโรนว่า
7:9 "เมื่อฟาโรห์สั่งเจ้าว่า 'จงแสดงอัศจรรย์พิสูจน์งานของเจ้า' เจ้าจงพูดกับอาโรนว่า 'เอาไม้เท้าของท่านโยนลงต่อหน้าฟาโรห์ ไม้เท้าจะได้กลายเป็นงู'
7:10 โมเสสกับอาโรนจึงเข้าไปเฝ้าฟาโรห์ เขากระทำตามที่พระเจ้าทรงบัญชา อาโรนโยนไม้เท้าลงต่อหน้าฟาโรห์ และข้าราชการทั้งปวง ไม้นั้นก็กลายเป็นงู
7:11 ฝ่ายฟาโรห์ก็ทรงเรียกพวกนักปราชญ์ และพวกนักวิทยากลมา พวกเขาเป็นพวกนักแสดงกลแห่งอียิปต์จึงทำได้เหมือนกันด้วยศิลปอันลี้ลับของเขา
7:12 เมื่อเขาต่างคนต่างโยนไม้เท้าลงไม้เท้าเหล่านั้นก็กลายเป็นงู แต่ไม้เท้าของอาโรนกลืนไม้เท้าของพวกเขาเสียทั้งหมด
7:13 ถึงกระนั้นพระทัยของฟาโรห์ก็กระด้างหายอมเชื่อเขาทั้งสองไม่ จริงดังที่พระเจ้าตรัสไว้แล้ว
7:14 พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า "ใจของฟาโรห์แข็งกระด้าง ไม่ยอมปล่อยให้ประชากรไป
7:15 จงไปเฝ้าฟาโรห์ในเวลาเช้า เมื่อเขาไปที่แม่น้ำยืนคอยเขาอยู่ที่ริมฝั่งแม่น้ำ เอาไม้เท้าที่กลายเป็นงูได้นั้นไปด้วย
7:16 และกล่าวแก่เขาว่า "พระเจ้าของชาวฮีบรูตรัสสั่งให้ข้าพระบาทมาเฝ้า โดยมีพระดำรัสว่า "จงปล่อยประชากรของเราไปนมัสการเราในถิ่นทุรกันดาร จนบัดนี้เจ้าก็ยังหาได้เชื่อฟังไม่"
7:17 พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า "ท่านจะทราบว่า เราคือพระเจ้าโดยอาศัยการกระทำดังนี้ เราจะเอาไม้เท้าที่ถือไว้นั้นฟาดน้ำลงในแม่น้ำไนล์ น้ำนั้นจะกลายเป็นโลหิต
7:18 ปลาซึ่งอยู่ในแม่น้ำไนล์จะตาย และแม่น้ำจะเหม็น จนชาวอียิปต์ดื่มน้ำในแม่น้ำไนล์ไม่ได้'""
7:19 พระเจ้าตรัสสั่งโมเสสอีกว่า "จงบอกอาโรนว่า 'เอาไม้เท้าของท่านชี้ไปเหนือน้ำแห่งอียิปต์ คือเหนือแม่น้ำลำคลอง บึง และสระทั้งหมดของเขา น้ำจะกลายเป็นโลหิต จะมีแต่โลหิตตลอดแผ่นดินอียิปต์ ทั้งที่อยู่ในภาชนะไม้หรือภาชนะหิน'"
7:20 โมเสสกับอาโรนก็กระทำตามที่พระเจ้าบัญชา คือท่านได้ยกไม้ขึ้นตีน้ำในแม่น้ำไนล์ต่อพระพักตร์ฟาโรห์ และต่อหน้าพวกข้าราชการ แล้วน้ำในแม่น้ำไนล์ก็กลายเป็นโลหิตสิ้น
7:21 ปลาที่อยู่ในแม่น้ำไนล์ก็ตาย แม่น้ำไนล์ก็เหม็น และชาวอียิปต์ก็ดื่มน้ำในแม่น้ำไนล์นั้นไม่ได้ มีโลหิตทั่วแผ่นดินอียิปต์

7:22 แต่พวกนักแสดงกลแห่งอียิปต์ก็กระทำได้เหมือนกันอาศัยศิลปอันลึกลับของเขา แต่พระทัยของฟาโรห์ก็ยังแข็งกระด้างหาเชื่อฟังท่านทั้งสองไม่ ซึ่งก็เป็นจริงดังที่พระเจ้าตรัสไว้
7:23 ฟาโรห์เสด็จกลับเข้าในวัง มิได้เอาพระทัยใส่แม้ในเหตุการณ์ครั้งนี้
7:24 ชาวอียิปต์ทั้งปวงก็พากันขุดหลุมตามริมแม่น้ำไนล์หาน้ำดื่ม เพราะดื่มน้ำในแม่น้ำไนล์ไม่ได้
7:25 เจ็ดวันผ่านไปนับตั้งแต่พระเจ้าทรงบันดาลให้แม่น้ำไนล์เป็นโลหิต
แก้ไขล่าสุดโดย Prod Pran เมื่อ เสาร์ เม.ย. 09, 2005 8:35 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

เสาร์ เม.ย. 09, 2005 8:20 pm

ภัยพิบัตจากกบ

:1 พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า "ไปหาฟาโรห์บอกว่า 'พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า "จงปล่อยประชากรของเราให้ไปนมัสการเรา
8:2 ถ้าไม่ยอม เราจะให้ฝูงกบขึ้นมารังควาญทั่วเขตแดนของท่าน
8:3 ฝูงกบจะเต็มไปทั้งแม่น้ำไนล์ จะขึ้นมาอยู่ในวัง ในห้องบรรทม และบนแท่นบรรทมของท่าน ในเรือนข้าราชการ ตามตัวพลเมือง ในเตาปิ้งขนม และในอ่างขยำแป้งของท่านด้วย
8:4 ฝูงกบนั้นจะขึ้นมาที่ตัวฟาโรห์ ที่ตัวพลเมืองและที่ตัวข้าราชการทั้งปวงของท่าน'""
8:5 แล้วพระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า "จงบอกอาโรนให้เหยียดมือที่ถือไม้เท้าออกเหนือแม่น้ำ เหนือลำคลองและเหนือบึงให้ฝูงกบขึ้นมาบนแผ่นดินอียิปต์"
8:6 อาโรนก็เหยียดมือออกเหนือพื้นน้ำทั้งหลายในอียิปต์ กบก็ขึ้นมาเต็มแผ่นดินอียิปต์
8:7 ฝ่ายพวกนักแสดงกลก็ทำตามศิลปอันลึกลับของเขา ให้มีฝูงกบขึ้นมาบนแผ่นดินอียิปต์เหมือนกัน
8:8 ฟาโรห์ตรัสเรียกโมเสสกับอาโรนมาว่า "เจ้าทั้งสองจงกราบทูลวิงวอนขอพระเจ้าทรงบันดาลให้ฝูงกบไปเสียจากเราและจากพลเมืองของเรา แล้วเราจะยอมปล่อยให้ประชากรเหล่านั้นไปถวายสัตวบูชาแด่พระเจ้า"
8:9 โมเสสจึงทูลฟาโรห์ว่า "เวลาใดที่ฝ่าพระบาทมีพระประสงค์ให้ข้าพระบาทวิงวอนต่อพระเจ้าเพื่อฝ่าพระบาทข้าราชบริพารและพลเมืองของฝ่าพระบาท ขอให้ทรงขับไล่ฝูงกบไปเสียจากฝ่าบาทและราชสำนักลงไปอยู่ในแม่น้ำไนล์ ก็จงมีพระบัญชามาเถิด ข้าพระบาทจะกราบทูลขอให้เป็นไปดังพระประสงค์"
8:10 ฟาโรห์ตรัสตอบว่า "พรุ่งนี้" โมเสสจึงทูลว่า "จะเป็นไปตามพระดำรัส ฝ่าพระบาทจะได้ทราบว่า ไม่มีผู้ใดเหมือนพระเจ้าของข้าพระบาททั้งหลาย
8:11 ฝูงกบจะไปจากฝ่าพระบาท จากราชสำนัก จากข้าราชการและพลเมืองของฝ่าพระบาท เหลืออยู่เฉพาะแต่ในแม่น้ำไนล์"
8:12 โมเสสกับอาโรนทูลลาไป แล้วโมเสสร้องทูลพระเจ้าเรื่องฝูงกบที่พระองค์ได้ทรงให้มาทรมานฟาโรห์
8:13 พระเจ้าทรงกระทำตามคำทูลขอของโมเสส ฝูงกบเหล่านั้นก็ไปตายเกลื่อนบ้านเรือน เกลื่อนลานบ้านและทุ่งนา
8:14 เขาก็เก็บซากกบไว้เป็นกองๆแผ่นดินก็เหม็นตลบไป
8:15 เมื่อฟาโรห์ทรงทราบว่าความเดือดร้อนลดน้อยลงแล้ว ก็กลับมีพระทัยแข็งกระด้างอีก ไม่ยอมเชื่อฟังโมเสสและอาโรน จริงดังที่พระเจ้าตรัสไว้แล้ว

ภัยพิบัติจากริ้น

8:16 พระเจ้าจึงตรัสกับโมเสสว่า "บอกอาโรนว่า 'เอาไม้เท้าตีฝุ่นดินให้กลายเป็นริ้นทั่วประเทศอียิปต์"'
8:17 เขาทั้งสองก็กระทำตาม อาโรนเหยียดมือออกยกไม้เท้าตีฝุ่นดิน ก็มีริ้นมาตอมมนุษย์และสัตว์ ฝุ่นดินทั้งหมดกลายเป็นริ้นทั่วประเทศอียิปต์
8:18 ฝ่ายพวกเล่นกลก็พยายามใช้ศิลปะอันลึกลับของเขา เพื่อทำให้เกิดริ้น แต่ก็ทำไม่ได้ ริ้นพากันมาตอมมนุษย์และสัตว์ทั้งปวง

ภัยพิบัติจากเหลือบ

8:19 พวกเล่นกลจึงทูลฟาโรห์ว่า "นี่เป็นกิจการแห่งนิ้วพระหัตถ์พระเจ้า" ฝ่ายฟาโรห์มีพระทัยแข็งกระด้าง หาเชื่อฟังเขาไม่ จริงดังที่พระเจ้าตรัสไว้แล้ว
8:20 พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า "ลุกขึ้นแต่เช้าไปคอยเฝ้าฟาโรห์ ฟาโรห์จะมายังแม่น้ำ แล้วบอกว่า 'พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า "จงปล่อยประชากรของเราให้ไปนมัสการเรา
8:21 ถ้าแม้ไม่ปล่อยประชากรของเราไป เราจะใช้ให้ฝูงเหลือบมาตอมกายของเจ้า ตอมข้าราชการและพลเมืองของเจ้าด้วย ฝูงเหลือบจะเข้าไปในราชสำนัก ในบ้านเรือนของชาวอียิปต์ พื้นดินที่เขาอยู่นั้นจะเต็มไปด้วยฝูงเหลือบ
8:22 ในวันนั้นเราจะแยกเมืองโกเชน ที่ประชากรของเราอาศัยอยู่นั้นออก มิให้มีฝูงเหลือบที่นั่น เพื่อเจ้าจะได้รู้ว่าเราคือพระเจ้า สถิตอยู่ท่ามกลางแผ่นดิน
8:23 เราจะแบ่งเขตแดนในระหว่างชนชาติของเรากับชนชาติของเจ้า หมายสำคัญนี้จะบังเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้'""
8:24 แล้วพระเจ้าก็ทรงกระทำดังนั้น เหลือบฝูงใหญ่ยิ่งนักเข้าไปในพระราชวังของฟาโรห์ ในเรือนข้าราชการ และทั่วแผ่นดินอียิปต์ ทำให้แผ่นดินได้รับความเสียหายย่อยยับ
8:25 ฟาโรห์จึงตรัสเรียกโมเสส กับอาโรนมา รับสั่งว่า "จงไปถวายสัตวบูชาแด่พระเจ้าของเจ้าในเขตแผ่นดินนี้"
8:26 โมเสสทูลว่า "การกระทำเช่นนั้นหาควรไม่ เพราะข้าพระบาททั้งหลายต้องถวายสัตวบูชา แด่พระเจ้าของข้าพระบาท แต่ชาวอียิปต์ถือว่า เป็นการผิดที่จะฆ่าสัตว์เหล่านี้ ถ้าข้าพระบาทถวายสัตวบูชาต่อหน้าเขาซึ่งชาวอียิปต์ถือว่าเป็นสัตว์ที่ไม่ควรฆ่า เขาจะไม่เอาก้อนหินขว้างข้าพระบาททั้งหลายหรือ
8:27 ข้าพระบาททั้งหลายจะเดินทางไปในถิ่นทุรกันดารสักสามวัน ถวายสัตวบูชาแด่พระเจ้าของพวกข้าพระบาทตามที่พระองค์ทรงบัญชา"
8:28 ฟาโรห์จึงรับสั่งว่า "เราจะปล่อยพวกเจ้าไป เพื่อจะได้ถวายสัตวบูชาแด่พระเจ้าของเจ้าในถิ่นทุรกันดาร แต่ว่าพวกเจ้าอย่าไปให้ไกลนัก จงวิงวอนเพื่อเราด้วย"
8:29 โมเสสจึงทูลว่า "พอข้าพระบาททูลลาฝ่าพระบาทไป ข้าพระบาทจะอธิษฐานทูลพระเจ้า ขอให้ฝูงเหลือบไปเสียจากฟาโรห์ จากข้าราชการและจากพลเมืองในเวลาพรุ่งนี้ แต่ขออย่าทรงกลับคำอีก ไม่ยอมปล่อยประชากรให้ไปถวายสัตวบูชาแด่พระเจ้า"
8:30 โมเสสทูลลาฟาโรห์ไปแล้วก็อธิษฐานต่อพระเจ้า
8:31 พระเจ้าทรงกระทำตามคำทูลขอของโมเสส ทรงให้ฝูงเหลือบไปเสียจากฟาโรห์ จากข้าราชการและจากพลเมืองของท่านมิให้เหลืออยู่สักตัวเดียว
8:32 ฝ่ายฟาโรห์ก็กลับมีพระทัยแข็งกระด้างในคราวนี้อีก มิให้ทรงปล่อยประชากรอิสราเอลไป
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

เสาร์ เม.ย. 09, 2005 8:23 pm

ภัยพิบัติที่เกิดกับฝูงสัตว์

9:1 พระเจ้าจึงตรัสกับโมเสสว่า "ไปหาฟาโรห์บอกว่า พระเจ้าของคนฮีบรูตรัสดังนี้ว่า 'จงปล่อยให้ประชากรของเราไป เพื่อเขาจะได้นมัสการเรา
9:2 ถ้าท่านไม่ยอมปล่อยให้ไป ยังหน่วงเหนี่ยวเขาไว้
9:3 หัตถ์ของพระเจ้าจะทำให้ฝูงสัตว์ในทุ่งนา ฝูงม้า ฝูงลา ฝูงอูฐ ฝูงโค และฝูงแพะแกะ เป็นโรคระบาดร้ายแรงขึ้น
9:4 แต่พระองค์จะทรงกระทำต่อฝูงสัตว์ของชนชาติอิสราเอลต่างกับฝูงสัตว์ของชาวอียิปต์ สัตว์ของคนอิสราเอลจะไม่ต้องตายเลย'
9:5 พระเจ้าทรงกำหนดเวลาไว้ว่า "พรุ่งนี้พระเจ้าจะทรงกระทำสิ่งนี้ในแผ่นดิน"
9:6 รุ่งขึ้นพระเจ้าก็ทรงกระทำตามพระวาจา ฝูงสัตว์ของชาวอียิปต์ตายหมด แต่สัตว์ของชนชาติอิสราเอลไม่ตายสักตัวเดียว
9:7 ฟาโรห์ทรงใช้คนไปดูและประจักษ์ว่า สัตว์ของคนอิสราเอลไม่ตายสักตัวเดียว แต่พระทัยของฟาโรห์ยังแข็งกระด้าง ไม่ยอมปล่อยให้ประชากรไป

ภัยพิบัติที่เกิดจากฝี

9:8 พระเจ้าจึงตรัสแก่โมเสสและอาโรนว่า "เจ้าจงกำเขม่าจากเตาให้เต็มกำมือ แล้วให้โมเสสซัดขึ้นไปในอากาศต่อหน้าฟาโรห์
9:9 เขม่านั้นจะกลายเป็นฝุ่นปลิวไปทั่วแผ่นดินอียิปต์ ทำให้เกิดเป็นฝีแตกลามทั้งตัวคนและสัตว์ทั่วแผ่นดินอียิปต์
9:10 เขาทั้งสองจึงกำเขม่าจากเตาไปยืนอยู่ต่อพระพักตร์ฟาโรห์ พอโมเสสซัดเขม่าขึ้นไปในท้องฟ้าเขม่านั้นก็ทำให้เกิดฝีแตกลามไปทั้งตัวคนและสัตว์
9:11 ฝ่ายพวกนักแสดงกลก็ไม่อาจยืนอยู่ต่อหน้าโมเสส เพราะพวกเล่นกลและชาวอียิปต์ทั้งปวง ก็เป็นฝีทั่วตัวด้วยเหมือนกัน
9:12 แต่พระเจ้าทรงให้พระทัยของฟาโรห์แข็งกระด้าง ไม่ยอมเชื่อฟังโมเสสและอาโรน จริงดังที่พระเจ้าตรัสกับโมเสสไว้แล้ว

ภัยพิบัติที่เกิดจากลูกเห็บ

9:13 พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า "จงตื่นแต่เช้าไปยืนต่อหน้าฟาโรห์บอกว่า "พระเจ้าของคนฮีบรูตรัสดังนี้ว่า "จงปล่อยประชากรของเราไปนมัสการเรา
9:14 มิฉะนั้นคราวนี้เราจะบันดาลให้เกิดภัยพิบัติต่างๆ แก่เจ้า และแก่ข้าราชการ และแก่พลเมืองของเจ้า เพื่อเจ้าจะได้รู้แน่ว่า ทั่วโลกไม่มีผู้ใดจะเปรียบกับเราได้
9:15 เราจะยกมือขึ้นประหารเจ้าและประชาชนของเจ้าด้วยภัยพิบัติให้สูญสิ้นไปจากโลกเสียก็ได้
9:16 แต่เหตุที่เราให้เจ้ามีชีวิตอยู่ ก็เพื่อจะให้เจ้าเห็นฤทธานุภาพของเรา และนามของเราจะได้มีผู้ประกาศไปทั่วโลก
9:17 เจ้ายังถือทิฐิต่อสู้ประชากรของเรา ไม่ยอมปล่อยเขาไป
9:18 ดูนะพรุ่งนี้ประมาณเวลานี้เราจะให้ลูกเห็บตกลงมาอย่างหนัก อย่างที่ไม่เคยมีในอียิปต์ ตั้งแต่เริ่มสร้างบ้านเมืองมาจนบัดนี้
9:19 เหตุฉะนั้น จงให้ต้อนฝูงสัตว์ และบรรดาผู้ที่อยู่ในทุ่งนาให้เข้าที่กำบัง เพราะคนทุกคน และสัตว์ทุกตัวในทุ่งนาที่มิได้เข้ามาอยู่ในบ้าน จะถูกลูกเห็บตายหมด"
9:20 บรรดาข้าราชการของฟาโรห์ที่เกรงกลัวพระดำรัสของพระเจ้า ก็ให้ทาสและสัตว์ของตนกลับเข้าบ้าน
9:21 แต่ผู้ที่ไม่สนใจพระดำรัสของพระเจ้าก็ยังคงปล่อยให้ทาสและสัตว์ของตนอยู่ในทุ่งนา
9:22 พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า "จงชูมือขึ้นยังท้องฟ้า เพื่อลูกเห็บจะได้ตกลงมาทั่วแผ่นดินอียิปต์ บนมนุษย์ บนสัตว์ และบนผักหญ้าทุกอย่างซึ่งอยู่ในทุ่งนาทั่วแผ่นดินอียิปต์"
9:23 โมเสสก็ชูไม้เท้าขึ้นยังท้องฟ้าแล้วพระเจ้าทรงบันดาลให้มีเสียงฟ้าร้อง มีลูกเห็บ และไฟตกลงมาบนแผ่นดิน พระเจ้าทรงให้ลูกเห็บตกบนแผ่นดินอียิปต์
9:24 มีลูกเห็บกับไฟแลบ ลูกเห็บตกหนักยิ่งนักอย่างที่ไม่เคยมีในแผ่นดินอียิปต์ ตั้งแต่เริ่มตั้งเป็นชาติมา
9:25 สิ่งทั้งปวงที่อยู่ในทุ่งนาทั่วแผ่นดินอียิปต์ ก็ถูกลูกเห็บทำลายเสียสิ้นทั้งคนและสัตว์ ลูกเห็บยังตกลงถูกผักและต้นไม้ ทุกอย่างหักโค่น
9:26 เว้นแต่ที่เมืองโกเชน ที่ชนชาติอิสราเอลอยู่นั้น หามีลูกเห็บตกไม่
9:27 ฟาโรห์จึงทรงใช้คนไปเรียกโมเสสและอาโรนมาเฝ้า แล้วตรัสว่า "ครั้งนี้เราทำบาปแน่แล้ว พระเจ้าเป็นฝ่ายถูก เราและชนชาติของเราผิด
9:28 ขอท่านทูลวิงวอนพระเจ้าให้เลิกมีฟ้าร้องและลูกเห็บเสียที เราจะปล่อยพวกท่านไป จะไม่กักไว้อีก"
9:29 โมเสสทูลว่า "เมื่อข้าพระบาทออกไปจากกรุงนี้แล้ว ข้าพระบาทจะยกมือทูลพระเจ้า เสียงฟ้าร้องก็จะเงียบ และจะไม่มีลูกเห็บตกอีก เพื่อฝ่าพระบาทจะได้ทราบว่า โลกนี้เป็นของพระเจ้า
9:30 แต่ฝ่ายฝ่าพระบาทและข้าราชการนั้น ข้าพระบาททราบอยู่แล้วว่า ยังไม่ยำเกรงพระเจ้า"
9:31 ต้นป่านต้นบารลีถูกลูกเห็บทำลายเสีย เพราะในเวลานั้นต้นบารลีก็กำลังออกรวง และต้นป่านก็ออกดอกแล้ว
9:32 ส่วนข้าวสาลีและข้าวสแปลต์นั้นมิได้ถูกทำลาย เพราะงอกช้า
9:33 เมื่อโมเสสทูลลาฟาโรห์ไปจากกรุง ก็ยกมือขึ้นทูลพระเจ้า เสียงฟ้าร้องกับลูกเห็บนั้นก็หยุด ฝนก็มิได้ตกบนแผ่นดินอีก
9:34 เมื่อฟาโรห์ทราบว่า ฝน ลูกเห็บและฟ้าร้องนั้นหยุดแล้ว พระองค์ก็กลับทรงกระทำผิดต่อไปอีก พระทัยแข็งกระด้าง ทั้งพระองค์และข้าราชการ
9:35 พระทัยของฟาโรห์แข็งกระด้างและไม่ยอมปล่อยชนชาติอิสราเอลไปจริงดังที่พระเจ้าตรัสไว้กับโมเสส
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

เสาร์ เม.ย. 09, 2005 8:26 pm

ภัยพิบัติจากฝูงตั๊กแตน

10:1 พระเจ้าจึงตรัสกับโมเสสว่า "จงเข้าไปหาฟาโรห์ เพราะเราทำให้ใจของฟาโรห์และใจของข้าราชการแข็งกระด้าง เพื่อเราจะได้แสดงหมายสำคัญเหล่านี้ของเราท่ามกลางพวกเขา
10:2 เพื่อเจ้าจะได้เล่าเหตุการณ์ที่เราได้กระทำแก่ชาวอียิปต์ให้ลูกหลานฟังรวมทั้งหมายสำคัญ ซึ่งเราได้สำแดงแก่เขานั้น เพื่อพวกเจ้าจะได้รู้ว่าเราคือพระเจ้า"
10:3 โมเสสและอาโรนจึงเข้าไปเฝ้าฟาโรห์ทูลว่า "พระเจ้าของคนฮีบรูตรัสดังนี้ว่า 'เจ้าจะขัดขืนไม่ยอมอ่อนน้อมต่อเรานานสักเท่าใด จงปล่อยประชากรของเราให้ไปนมัสการเรา
10:4 ถ้าเจ้าไม่ยอมปล่อยประชากรของเราไป พรุ่งนี้เราจะให้ตั๊กแตนเข้ามาในเขตแดนของเจ้า
10:5 ฝูงตั๊กแตนนั้นจะมาลงเต็มไปหมดจนแลไม่เห็นพื้นดิน และสิ่งที่เหลือจากลูกเห็บทำลาย มันจะกิน และต้นไม้ทุกต้นซึ่งงอกขึ้นให้เจ้าในทุ่งนานั้น มันจะกินเสียหมด
10:6 มันจะเข้าไปในราชสำนัก ในบ้านเรือนของข้าราชการ และในบ้านเรือนของชาวอียิปต์จนเต็มหมด อย่างที่บิดาและปู่ทวด ตั้งแต่เกิดมาจนทุกวันนี้ ไม่เคยเห็นเช่นนี้เลย" แล้วโมเสสก็ออกไปจากวังฟาโรห์
10:7 บรรดาข้าราชการทูลฟาโรห์ว่า "คนนี้จะเป็นบ่วงแร้วดักเราไปนานสักเท่าใด ขอทรงพระกรุณาปลดปล่อยคนเหล่านั้นให้ไปนมัสการพระเจ้าของเขาเถิด พระองค์ยังไม่ทราบหรือว่า อียิปต์กำลังพินาศแล้ว"
10:8 โมเสสและอาโรนถูกนำตัวเข้ามาเฝ้าฟาโรห์อีก พระองค์จึงตรัสว่า "ไปนมัสการพระเจ้าของเจ้า แต่ใครจะไปบ้าง"
10:9 โมเสสทูลว่า "ข้าพระบาทจะต้องพากันไปทั้งคนหนุ่มและคนแก่ ข้าพระบาทจะต้องพากันไปทั้งบุตรชายและบุตรหญิง และฝูงแพะแกะและฝูงโค เพราะข้าพระบาททั้งหลายต้องมีพิธีเลี้ยงถวายพระเจ้า"
10:10 ฟาโรห์ตรัสกับเขาทั้งสองว่า "ถ้าเรายอมให้เจ้าไปกับบุตรด้วย ก็ให้พระเจ้าทรงสถิตอยู่กับพวกเจ้าเถิด เจ้าคิดทุจริตเสียแล้ว
10:11 อนุญาตไม่ได้ จงพาเฉพาะแต่ผู้ชายไปนมัสการพระเจ้า เพราะเจ้าปรารถนาเช่นนี้เท่านั้น" แล้วโมเสสกับอาโรน ก็ถูกขับไล่ออกไปเสียจากพระพักตร์ของฟาโรห์
10:12 พระเจ้าจึงตรัสกับโมเสสว่า "จงเหยียดมือออกเหนือประเทศอียิปต์ให้ฝูงตั๊กแตนลงบนผืนแผ่นดินอียิปต์ ให้กินผักทั่วไปทั้งทุ่ง ซึ่งเหลือจากลูกเห็บทำลาย"
10:13 โมเสสจึงยื่นไม้เท้าออกเหนือแผ่นดินอียิปต์ พระเจ้าก็บันดาลให้ลมตะวันออกพัดมาเหนือพื้นแผ่นดินทั้งกลางวันและกลางคืนตลอดวันนั้น ครั้นเวลารุ่งเช้า ลมตะวันออกก็พัดหอบฝูงตั๊กแตนมา
10:14 ฝูงตั๊กแตนลงทั่วแผ่นดินอียิปต์ และจับอยู่ทั่วเขตแดนอียิปต์ทั้งหมด แต่ก่อนไม่เคยมีตั๊กแตนฝูงใหญ่อย่างนี้เลย และต่อไปข้างหน้าจะหามีอย่างนั้นอีกไม่
10:15 มันปกคลุมพื้นแผ่นดินจนแลมืดไป มันกินผักในทุ่ง และผลไม้ทุกอย่างซึ่งเหลือจากลูกเห็บทำลาย ไม่มีพืชใบเขียวเหลือเลย ไม่ว่าต้นไม้หรือผักในทุ่ง ทั่วแผ่นดินอียิปต์
10:16 ฟาโรห์รีบให้คนไปตามตัวโมเสสและอาโรนเข้าเฝ้าแล้วตรัสว่า "เราได้ทำบาปต่อพระเจ้าของเจ้า และต่อเจ้าทั้งสองด้วย
10:17 ขอเจ้ายกโทษบาปให้เราครั้งนี้สักครั้งเถิด จงวิงวอนขอพระเจ้าของเจ้า เพื่อพระองค์จะได้ทรงโปรดให้ความตายนี้พ้นไปจากเรา"
10:18 โมเสสก็ไปจากฟาโรห์ และทูลวิงวอนพระเจ้า
10:19 พระเจ้าจึงทรงบันดาลให้ลมพายุพัดกลับมาจากทิศตะวันตกหอบฝูงตั๊กแตนไปตกในทะเลแดง จนไม่เหลือเลยสักตัวเดียว ตลอดเขตแดนอียิปต์
10:20 แต่พระเจ้าทรงบันดาลให้พระทัยของฟาโรห์แข็งกระด้างท่านจึงไม่ยอมปล่อยคนอิสราเอลไป

ภัยพิบัติจากความมืด

10:21 พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า "จงชูมือของเจ้าขึ้นสู่ท้องฟ้า เพื่อจะให้มีความมืดทั่วแผ่นดินอียิปต์ เป็นความมืดจนจับคลำได้"
10:22 โมเสสจึงชูมือขึ้นสู่ท้องฟ้า แล้วก็เกิดมีความมืดทึบทั่วไป ในแผ่นดินอียิปต์ตลอดสามวัน
10:23 เขามองกันไม่เห็น ไม่มีใครลุกไปจากที่ของเขาสามวัน ฝ่ายบรรดาชนชาติอิสราเอลนั้น มีแสงสว่างอยู่ในที่อาศัยของเขา
10:24 ฟาโรห์จึงให้ตามตัวโมเสสเข้าเฝ้า ตรัสว่า "พวกเจ้าจงไปนมัสการพระเจ้าเถิด แต่ให้ฝูงแกะและฝูงโคอยู่ส่วนผู้หญิงกับเด็กไปกับเจ้าได้"
10:25 ฝ่ายโมเสสจึงทูลว่า "ต้องโปรดประทานให้มีเครื่องสัตวบูชาและเครื่องเผาบูชาติดมือไปด้วย เพื่อพวกข้าพระบาทจะได้บูชาต่อพระเจ้าของข้าพระบาท
10:26 ข้าพระบาทต้องนำฝูงสัตว์ไปด้วย ขาดไม่ได้สักกีบเดียว เพราะว่าจะต้องเอาสัตว์จากฝูงเหล่านั้นไปถวายพระเจ้าของข้าพระบาท ข้าพระบาทยังไม่ทราบว่าจะต้องการสัตว์ตัวใดถวายพระองค์ จนกว่าจะถึงที่นั่น"
10:27 แต่พระเจ้าทรงกระทำให้พระทัยฟาโรห์แข็งกระด้าง ท่านจึงไม่ยอมปล่อยเขาไป
10:28 ฟาโรห์รับสั่งแก่โมเสสว่า "ไปให้พ้น ระวังตัวให้ดีเถอะ อย่ามาเห็นหน้าเราอีกเลย เพราะถ้าเจ้าเห็นหน้าเราวันใด เจ้าจะต้องตายวันนั้น"
10:29 โมเสสจึงทูลว่า "ฝ่าพระบาทตรัสถูกแล้ว ข้าพระบาทจะไม่มาเห็นพระพักตร์ของฝ่าพระบาทอีกเลย"
ภาพประจำตัวสมาชิก
Zion
~@
โพสต์: 3777
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 8:37 pm
ติดต่อ:

เสาร์ เม.ย. 09, 2005 8:28 pm

ว่าไป พี่โปรดปรานครับ

ทำไมในภัยพิบัตสุดท้าย
พระเจ้าต้องฆ๋า บุตรหัวปีของสัตว์ด้วยละครับ ???

สัตว์ก้อยู่เฉยๆอ่าแง้ :'(
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

เสาร์ เม.ย. 09, 2005 8:31 pm

มรณกรรมบุตรหัวปี

11:1 พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า "เราจะนำภัยพิบัติมาสู่ฟาโรห์ และอียิปต์อีกอย่างเดียว หลังจากนั้นเขาจะปล่อยพวกเจ้าไปจากที่นี่ เมื่อเขาให้พวกเจ้าไปคราวนี้ เขาจะขับไล่พวกเจ้าออกไปทีเดียว
11:2 บัดนี้เจ้าจงสั่งให้ประชาชนทั้งปวง ให้ผู้ชายผู้หญิงทุกคน ขอเครื่องเงินเครื่องทองจากเพื่อนบ้านของตน"
11:3 พระเจ้าทรงให้ประชาชนเป็นที่ถูกอกถูกใจชาวอียิปต์ ยิ่งกว่านั้นโมเสสเป็นที่นับถือมากในประเทศอียิปต์ ทั้งต่อหน้าข้าราชการและต่อหน้าพลเมืองทั้งปวง
11:4 โมเสสประกาศว่า "พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า 'เวลาประมาณเที่ยงคืน เราจะออกไปท่ามกลางอียิปต์
11:5 และพวกลูกหัวปีทั้งหมดในแผ่นดินอียิปต์ ตั้งแต่ราชบุตรหัวปีของฟาโรห์ ผู้ประทับบนพระที่นั่ง จนถึงบุตรหัวปีของทาสหญิง ซึ่งโม่แป้ง ทั้งลูกหัวปีของสัตว์เดียรัจฉานด้วยจะต้องตาย
11:6 แล้วจะมีการพิลาปร้องไห้ทั่วแผ่นดินอียิปต์อย่างที่ไม่เคยมีมาแต่ก่อน และต่อไปภายหน้าก็จะไม่มีอีกเลย'
11:7 ฝ่ายคนหรือสัตว์ของชนชาติอิสราเอลทั้งปวงจะไม่มีแม้แต่เสียงสุนัขขู่ เพื่อให้ทราบว่าพระเจ้าทรงกระทำต่อชาวอียิปต์ ต่างกับชนชาติอิสราเอล
11:8 ข้าราชการของท่านจะลงมาหาเรากราบลงต่อหน้าเรากล่าวว่า 'ขอท่านกับพรรคพวกไปเสียจากที่นี่เถิด' หลังจากนั้นเราก็จะออกไป" โมเสสทูลลาฟาโรห์ไปด้วยความโกรธยิ่งนัก
11:9 แล้วพระเจ้าตรัสตอบโมเสสว่า "ฟาโรห์จะไม่เชื่อฟังเจ้า เพื่ออัศจรรย์ของเราจะได้เพิ่มขึ้นอีกในแผ่นดินอียิปต์"
11:10 โมเสสกับอาโรนก็ได้กระทำอัศจรรย์เหล่านั้นต่อพระพักตร์ฟาโรห์ และพระเจ้าทรงกระทำให้พระทัยของฟาโรห์แข็งกระด้างไป ท่านจึงไม่ยอมปล่อยชนชาติอิสราเอลให้ออกไปจากแผ่นดินของท่าน

พิธีปัสกา

12:1 พระเจ้าตรัสกับโมเสสและอาโรนในประเทศอียิปต์ว่า
12:2 "ให้เดือนนี้เป็นเดือนเริ่มต้นสำหรับเจ้าทั้งหลาย ให้เป็นเดือนแรกในปีใหม่สำหรับพวกเจ้า
12:3 จงสั่งชุมนุมคนอิสราเอลว่า ในวันที่สิบเดือนนี้ ให้ผู้ชายทุกคนเตรียมลูกแกะ {คำฮีบรูหมายความว่า ลูกแกะ หรือ ลูกแพะ ก็ได้} ครอบครัวละตัว ตามตระกูลของตน
12:4 ถ้าครอบครัวใดมีคนน้อยกินลูกแกะตัวหนึ่งไม่หมด ก็ให้รวมกับเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้เคียงกันเตรียมลูกแกะตัวหนึ่งตามจำนวนคนตามที่เขาจะกินได้กี่มากน้อย ให้นับจำนวนคนที่จะกินลูกแกะนั้น
12:5 ลูกแกะของเจ้า ต้องปราศจากตำหนิเป็นตัวผู้อายุไม่เกินหนึ่งขวบ เจ้าจงเอามาจากฝูงแกะ หรือฝูงแพะ
12:6 จงเก็บไว้ให้ดีถึงวันที่สิบสี่เดือนนี้ แล้วในเย็นวันนั้น ให้ที่ประชุมของคนอิสราเอลทั้งหมด ฆ่าลูกแกะของเขา
12:7 แล้วเอาเลือดทาที่ไม้วงกบประตูทั้งสองข้าง และไม้ข้างบนณเรือนที่เขาเลี้ยงกันนั้นด้วย
12:8 ในคืนวันนั้นให้เขากินเนื้อปิ้ง กับขนมปังไร้เชื้อและผักรสขม
12:9 เนื้อที่ยังดิบหรือเนื้อต้มอย่ากินเลย แต่จงปิ้งทั้งหัวและขา และเครื่องในด้วย
12:10 จงกินให้หมดอย่าให้มีเศษเหลือจนถึงเวลาเช้า เศษเหลือถึงเวลาเช้าก็ให้เผาเสีย
12:11 เจ้าทั้งหลายจงเลี้ยงกันดังนี้ คือให้คาดเอว สวมรองเท้า และถือไม้เท้าไว้ และรีบกินโดยเร็ว การเลี้ยงนี้เป็นปัสกา {คำฮีบรูเข้าใจกันว่า หมายความว่า การผ่านเว้น ดูข้อ} ของพระเจ้า
12:12 เพราะในคืนวันนั้น เราจะผ่านไปในประเทศอียิปต์ และเราจะประหารลูกหัวปีทั้งหมดในอียิปต์ทั้งของมนุษย์และของสัตว์ และเราจะพิพากษาลงโทษพระทั้งปวงของอียิปต์ เราคือพระเจ้า
12:13 แต่เลือดที่บ้านที่เจ้าทั้งหลายอยู่นั้น จะเป็นหมายสำคัญสำหรับเจ้า เมื่อเราเห็นเลือดนั้น เราจะผ่านเว้นเจ้าทั้งหลายไป จะไม่มีภัยพิบัติบังเกิดแก่เจ้า ขณะที่เราประหารชาวอียิปต์
12:14 "วันนี้จะเป็นวันที่ระลึกสำหรับเจ้า ให้เจ้าทั้งหลายถือไว้เป็นเทศกาลแด่พระเจ้าชั่วชาตพันธุ์ของเจ้า เจ้าจงฉลองเทศกาลนี้และถือเป็นกฎถาวร
12:15 เจ้าทั้งหลายจงกินขนมปังไร้เชื้อให้ครบเจ็ดวัน วันแรกจงชำระบ้านเจ้าให้ปราศจากเชื้อ ถ้าผู้ใดขืนกินขนมปังที่มีเชื้อตั้งแต่วันแรกจนถึงวันที่เจ็ด จะต้องอเปหิผู้นั้นเสียจากอิสราเอล
12:16 ในวันแรกนั้นให้มีการประชุมบริสุทธิ์ วันที่เจ็ดก็ให้มีการประชุมบริสุทธิ์ ในวันนั้นอย่าให้ผู้ใดทำงานเลย เว้นไว้แต่การจัดเตรียมอาหารสำหรับรับประทาน
12:17 เจ้าทั้งหลายจงถือพิธีเทศกาลกินขนมปังไร้เชื้อ เพราะในวันนั้น เราได้นำพลโยธาของเจ้าทั้งหลายออกไปจากแผ่นดินอียิปต์ เหตุฉะนี้ เจ้าจงฉลองวันนี้ และถือเป็นกฎถาวรชั่วชาตพันธุ์ของเจ้า
12:18 ในตอนเย็นวันที่สิบสี่เดือนแรก เจ้าทั้งหลายจงกินขนมปังไร้เชื้อจนถึงเวลาเย็นวันที่ยี่สิบเอ็ดของเดือนนั้น
12:19 ในเจ็ดวันนั้นอย่าให้พบเชื้อในบ้านของเจ้าเลย เพราะว่าถ้าผู้ใดที่เป็นแขกเมืองก็ดีหรือคนเกิดในเมืองก็ดี ขืนกินขนมปังมีเชื้อ ผู้นั้นจะต้องถูกอเปหิจากชุมนุมคนอิสราเอล
12:20 อย่ากินสิ่งใดที่มีเชื้อ ในที่อาศัยของเจ้า เจ้าจงกินแต่ขนมปังไร้เชื้อเท่านั้น"
12:21 แล้วโมเสสเรียกพวกผู้ใหญ่ของคนอิสราเอลมาพร้อมกันสั่งว่า "ท่านทั้งหลายจงไปเอาลูกแกะตามครอบครัวของท่านมาฆ่าเป็นลูกแกะปัสกา
12:22 เอาต้นหุสบ {เหมือน ต้นกะเพรา} กำหนึ่งจุ่มลงในเลือดที่อยู่ในอ่าง แล้วป้ายเลือดนั้นไว้ที่ไม้ข้างบน และไม้วงกบประตูทั้งสองข้างด้วยเลือดที่อยู่ในอ่าง อย่าให้ผู้ใดออกไปพ้นประตูบ้านของตนจนถึงรุ่งเช้า
12:23 เพราะพระเจ้าจะเสด็จผ่านไปเพื่อจะได้ประหารคนอียิปต์ เมื่อพระองค์ทรงเห็นเลือดที่ไม้ประตูข้างบน และที่ไม้วงกบประตูทั้งสองข้าง พระเจ้าจะทรงผ่านเว้นประตูนั้น ไม่ทรงยอมให้ผู้สังหารเข้าไปในบ้านท่าน เพื่อจะประหารท่าน
12:24 ท่านทั้งหลายจงถือพิธีนี้ให้เป็นกฎถาวรของท่านและของลูกหลานท่าน
12:25 ครั้นท่านไปถึงแผ่นดินซึ่งพระเจ้าจะทรงประทานแก่ท่านตามที่ได้ทรงสัญญาไว้แล้วนั้น ท่านจงถือพิธีนี้ไว้ปฏิบัติ
12:26 เมื่อลูกหลานของท่านถามว่า 'พิธีนี้หมายความว่ากระไร'
12:27 ท่านทั้งหลายจงตอบว่า 'เป็นการถวายสัตวบูชาปัสกาแด่พระเจ้า เพราะพระองค์ทรงผ่านเว้นบ้านของชนชาติอิสราเอลในอียิปต์ เมื่อพระองค์ทรงประหารคนอียิปต์ แต่ไว้ชีวิตครอบครัวของเราทั้งหลาย' ประชากรทั้งปวงก็กราบลงนมัสการ
12:28 แล้วคนชาติอิสราเอลก็ไปทำตามคำสั่งทุกประการ พระเจ้าทรงรับสั่งกับโมเสส และอาโรนอย่างไร เขาทั้งหลายก็กระทำตามทุกประการ

ภัยพิบัติสุดท้ายมรณกรรมของลูกหัวปี

12:29 ในเวลาเที่ยงคืน พระเจ้าทรงประหารบุตรหัวปีทุกคนในประเทศอียิปต์ตั้งแต่พระราชบุตรหัวปีของฟาโรห์ผู้ประทับบนพระที่นั่ง จนถึงบุตรหัวปีของเชลยที่อยู่ในคุกมืดทั้งลูกหัวปีของสัตว์เลี้ยงทุกตัว
12:30 ฟาโรห์กับข้าราชการ และชาวอียิปต์ทั้งปวงตื่นขึ้นในตอนกลางคืน มีเสียงร้องไห้คร่ำครวญดังทั่วทั้งอียิปต์ เนื่องด้วยไม่มีบ้านใดเลยที่ไม่มีคนตาย
12:31 ฟาโรห์จึงตรัสเรียกโมเสสกับอาโรนให้มาเฝ้าในคืนวันนั้น ตรัสว่า "เจ้าทั้งสองกับทั้งชนชาติอิสราเอลจงยกออกไปจากประชากรของเราเถิด ไปนมัสการพระเจ้าตามที่ได้พูดไว้นั้น
12:32 เอาฝูงแพะแกะและฝูงโคของเจ้าไปด้วย ตามที่เจ้าได้พูดไว้แล้ว ไป และอวยพรให้เราด้วย"
12:33 ฝ่ายชาวอียิปต์ก็เร่งรัดให้ชนชาตินั้นออกไปจากประเทศโดยเร็วเพราะเขาพูดว่า "พวกเราตายกันหมดแล้ว"
12:34 ชนชาติอิสราเอลเอาก้อนแป้งดิบที่ยังมิได้ใส่เชื้อกับอ่างขยำแป้ง ห่อผ้าใส่บ่าแบกไป
12:35 ชนชาติอิสราเอลกระทำตามที่โมเสสสั่งไว้ คือขอเครื่องเงิน เครื่องทอง และเครื่องนุ่งห่มจากชาวอียิปต์
12:36 และพระเจ้าทรงบันดาลให้ประชากรเป็นที่ถูกอกถูกใจชาวอียิปต์ เขาจึงให้สิ่งของทั้งปวงตามที่เขาขอ ดั่งนี้แหละ เขาจึงได้ริบเอาสิ่งของต่างๆ ของชาวอียิปต์เสีย
12:37 ชนชาติอิสราเอลยกเดินออกจากเมืองราเมเสสไปถึงเมืองสุคคท นับแต่ผู้ชายได้ประมาณหกแสนคน ผู้หญิงและเด็กต่างหาก
12:38 มีฝูงชนชาติอื่นเป็นจำนวนมากติดตามไปด้วย พร้อมทั้งฝูงสัตว์ คือฝูงแพะแกะและโคจำนวนมากมาย
12:39 เขาเอาก้อนแป้งซึ่งนำมาจากอียิปต์นั้น ปิ้งเป็นขนมปังไร้เชื้อ เพราะเขาถูกเร่งรัดให้ออกจากอียิปต์ จึงไม่ทันเตรียมเสบียง
12:40 ชนชาติอิสราเอลอยู่ในอียิปต์เป็นเวลาสี่ร้อยสามสิบปี
12:41 ครั้นสิ้นสี่ร้อยสามสิบปีแล้ว ในวันนั้นเองพลโยธาของพระเจ้าก็ยกออกจากประเทศอียิปต์
12:42 คืนวันนั้นเป็นคืนที่พระเจ้าทรงเฝ้าดู เพื่อทรงนำเขาออกจากประเทศอียิปต์ คืนวันนั้นจึงเป็นคืนของพระเจ้าที่ชนชาติอิสราเอลทั้งปวงถือเป็นที่ระลึกตลอดชั่วชาตพันธุ์ของเขา
12:43 พระเจ้าตรัสกับโมเสสและอาโรนว่า "ระเบียบพิธีปัสกาเป็นดังนี้ คืออย่าให้คนต่างชาติกินเลย
12:44 ส่วนทาสซึ่งนายเอาเงินซื้อมา เมื่อให้ทาสนั้นเข้าสุหนัตแล้วจึงให้เขากินได้
12:45 ส่วนแขกหรือลูกจ้างอย่าให้กินเลย
12:46 ให้กินปัสกาแต่ในบ้าน อย่าเอาเนื้อไปนอกบ้าน และอย่าหักกระดูกของมันเลย
12:47 ให้ชุมนุมคนอิสราเอลทั้งปวงถือและปฏิบัติตามพิธีนี้
12:48 เมื่อมีคนต่างด้าวมาอาศัยอยู่กับเจ้า และใคร่จะถือปัสกาถวายพระเจ้า ก็ให้ชายพวกนั้นเข้าสุหนัตเสียก่อนทุกคนแล้วจึงให้เขามาใกล้ และถือพิธีนั้นได้ เขาจึงจะเป็นเหมือนคนเกิดในแผ่นดินนั้น แต่ผู้ใดที่ยังมิได้เข้าสุหนัต อย่าให้เข้าร่วมกินเลี้ยงในพิธีปัสกานั้นเลย
12:49 บทบัญญัติสำหรับคนเกิดในเมือง และคนต่างด้าวซึ่งอาศัยอยู่ด้วยกันกับเจ้าทั้งหลายจะต้องเป็นอันเดียวกัน"
12:50 คนอิสราเอลทั้งปวงก็ปฏิบัติตามทุกประการ พระเจ้ารับสั่งแก่โมเสสและอาโรนอย่างไร พวกเขาก็กระทำอย่างนั้น
12:51 วันนั้นแหละพระเจ้าทรงนำชนชาติอิสราเอลออกจากประเทศอียิปต์ แยกเป็นกระบวนพลโยธา
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

เสาร์ เม.ย. 09, 2005 8:37 pm

Joshua, The Lamb เขียน: ว่าไป พี่โปรดปรานครับ

ทำไมในภัยพิบัตสุดท้าย
พระเจ้าต้องฆ๋า บุตรหัวปีของสัตว์ด้วยละครับ ???

สัตว์ก้อยู่เฉยๆอ่าแง้ :'(
น้องยศอ่านที่พี่แปะไว้ทั้งหมด คงจะได้คำตอบค่ะ :-*
claustrophobia

เสาร์ เม.ย. 09, 2005 9:32 pm

เราใช้ศัพท์มะถูก *nga
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

อาทิตย์ เม.ย. 10, 2005 2:49 am

เรายังจำกระทู้น้องเจี๊ยบถามสหายมุสลิมได้ไม๊ครับ ที่มุสลิมโจมตีเราเรื่องที่ว่าพระเจ้าจะไม่ให้ใครรับบาปแทนกัน

แต่ที่จริงนี่คือภาพที่ชัดเจน ของรูปแบบที่พระเยซูเจ้าจะทรงรับ ตามที่อิสยาห์ทำนายว่า พระองค์คือลูกแกะปัสกาที่ยิ่งใหญ่ที่สุด และยอห์น บัสติส เรียกพระองค์ว่า ลูกแกะของพระเจ้า

พระองค์คือลูกแกะหัวปีของพระบิดาที่บริสุทธิ์ปราศจากมลทิน ที่ยินยอม ถวายชีวิตตนเป็นบูชาแด่พระบิดาเพื่อไถ่บาป เหมือนที่ชาวยิว ได้รับการไถ่ชีวิตบุตรหัวปีของตน ด้วยเนื้อและเลือดของแกะที่บริสุทธิ์นั้น

ดังนั้นการไถ่บาปของพระเยซู ไม่ใช่สิ่งที่ขัดอะไรเลยในพระคัมภีร์เดิม ตรงข้ามพระคัมภีร์เดิม ได้กระทำสิ่งที่เป็นภาพเสมือนของสิ่งที่จะต้องเกิดในอนาคตคือพระเยซูไว้

ราวกับทำนายล่วงหน้า

แท้จริงกรณีนี้ยังไม่ใช่กรณีแรก แต่กรณีแรกที่พระเจ้าได้ไขแสดงล่วงหน้าของเรื่องนี้คือเรื่องของอับราฮัมที่ถวายอิสอัค พระเจ้าพิสูจน์ว่าบิดาแห่งความเชื่อที่พระองค์จะเลือกนั้นจะรักพระองค์จนยอมสละบุตรหัวปีของตนเพื่อพระองค์หรือไม่ เมื่อพิสูจน์จิตใจของเขาแล้ว พระเจ้าได้ประทานแกะตัวหนึ่งให้อับราฮัมถวายแทนอิสอัค แกะนั้นมาจากพระเจ้าเอง แต่มาตายแทนอิสอัคเพราะพระเจ้าตรัสแล้วว่าต้องตาย แต่พระเจ้ากลับส่งแกะมาตายแทน และเมื่อพระเจ้าพิสูจน์จิตใจของท่านแล้ว พระเจ้าก็ประทานพระพรแด่ลูกหลานของอับราฮัมคืออิสอัคบุตรที่พระเจ้าสัญญา และแล้วพระบิดาก็พิสูจน์จิตใจของพระองค์ให้มนุษย์เห็นเช่นกันว่าทรงรักมนุษย์ยิ่งกว่าพระบุตรของพระองค์เอง พระองค์ทรงทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าอับราฮัม คือให้พระบุตรสุดที่รักของพระองค์ต้องตายอย่างทุกข์ทรมานแสนสาหัสเพื่อไถ่มนุษย์ทั้งโลก นี่คือน้ำพระทัยยิ่งใหญ่ที่พระบิดา ได้พิสูจน์ และได้เผยแสดงมาตั้งแต่กอนเกิดเหตุการณ์นับพันปี

นี่คือแผนการที่พระเจ้าทรงตระเตรียมไว้ตั้งแต่ก่อนเนรมิตสร้างโลก และเป็นการพิสูจน์ว่า ทุกสิ่งในพระคัมภีร์ของเรานั้น ไม่เคยขัดแย้งกันตรงข้าม ได้สอดรับประสานกันอย่างมหัศจรรย์ยิ่งกว่าหนังสือใดๆในโลก

ขอพระนามของพระเจ้าพระบิดา พระบุตร และพระจิต ทรงได้รับการสรรเสริญสดุดีตลอดกาลนิรันดร อาเมน
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ อาทิตย์ เม.ย. 10, 2005 2:50 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Immanuel (MichaelPaul)
~@
โพสต์: 2887
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 8:49 pm
ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร

อาทิตย์ เม.ย. 10, 2005 4:17 pm

พี่ปอว่าน่าจะเอาไปตอบในกระทู้ น้องเจี๊ยบถามสหายมุสลิมไหมครับ เผื่อ Amael จะได้มาอ่านได้
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

ศุกร์ เม.ย. 15, 2005 7:54 am

ปฐมกาล

22:1 ต่อมาพระเจ้าทรงลองใจอับราฮัม และตรัสกับท่านว่า "อับราฮัม" ท่านทูลว่า "พระเจ้าข้า"
22:2 พระองค์ตรัสว่า "จงพาบุตรของเจ้าคืออิสอัค บุตรคนเดียวของเจ้าผู้ที่เจ้ารัก ไปยังแคว้นโมริยาห์ และถวายเขาที่นั่นเป็นเครื่องเผาบูชา บนภูเขาลูกหนึ่งซึ่งเราจะบอกแก่เจ้า"
22:3 อับราฮัมจึงลุกขึ้นแต่เช้ามืด ผูกอานลาของท่านพาคนใช้หนุ่มไปกับท่านด้วยสองคนกับอิสอัคบุตรของท่าน ท่านตัดฟืนสำหรับเครื่องเผาบูชา เดินทางไปยังที่ซึ่งพระเจ้าทรงบอกแก่ท่าน
22:4 พอถึงวันที่สามอับราฮัมเงยหน้าขึ้นแลเห็นที่นั้นแต่ไกล
22:5 อับราฮัมจึงพูดกับคนใช้ของท่านว่า "อยู่กับลาที่นี่เถิด เรากับลูกจะเดินไปที่โน้นนมัสการพระ แล้วจะกลับมาพบเจ้า"
22:6 อับราฮัมเอาฟืนสำหรับเครื่องเผาบูชาใส่บ่าอิสอัคบุตรชาย ถือไฟและมีดแล้วพ่อลูกไปด้วยกัน
22:7 อิสอัคพูดกับอับราฮัมบิดาว่า "คุณพ่อ" และท่านตอบว่า "ลูกเอ๋ย มีอะไรรึ" ลูกจึงว่า "นี่ไฟและฟืน แต่ลูกแกะสำหรับเครื่องเผาบูชาอยู่ที่ไหน"
22:8 อับราฮัมตอบว่า "ลูกเอ๋ย พระเจ้าจะทรงจัดหาลูกแกะสำหรับพระองค์เองเป็นเครื่องเผาบูชา" พ่อลูกทั้งสองก็เดินต่อไปด้วยกัน


22:9 เมื่อเขาทั้งสองมาถึงที่ซึ่งพระเจ้าตรัสบอกเขาไว้ อับราฮัมก็สร้างแท่นบูชาที่นั่น เรียงฟืนเป็นระเบียบ แล้วมัดอิสอัคบุตรชายวางไว้บนแท่นบูชาบนฟืน
22:10 แล้วอับราฮัมก็ยื่นมือจับมีดจะฆ่าบุตรชาย
22:11 แต่ทูตของพระเจ้าเรียกเขาจากฟ้าสวรรค์ว่า "อับราฮัม อับราฮัม" และท่านตอบว่า "พระเจ้าข้า"
22:12 ทูตสวรรค์ว่า "อย่าแตะต้องเด็กนั้นหรือกระทำอะไรเขาเลย เพราะบัดนี้เรารู้แล้วว่าเจ้ายำเกรงพระเจ้า ด้วยเห็นว่าเจ้ามิได้หวงบุตรชายของเจ้า แต่ยอมถวายบุตรชายคนเดียวของเจ้าให้เรา"


22:13 อับราฮัมเงยหน้าขึ้นมองดู เห็นข้างหลังท่านมีแกะผู้ตัวหนึ่ง เขาของมันติดอยู่ในพุ่มไม้ทึบ อับราฮัมก็ไปจับแกะตัวนั้นมาถวายเป็นเครื่องเผาบูชาแทนบุตรชาย
22:14 อับราฮัมจึงเรียกสถานที่นั้นว่า เยโฮวาห์ยิเรห์ {แปลว่า พระเจ้าจะทรงจัดหาไว้ให้} อย่างที่เขาพูดกันทุกวันนี้ว่า "จะจัดไว้บนภูเขาของพระเยโฮวาห์"
22:15 ทูตของพระเจ้าเรียกอับราฮัมครั้งที่สองมาจากฟ้าสวรรค์ว่า

22:16 "พระเจ้าตรัสว่า เราปฏิญาณในนามของเราว่า เพราะเจ้ากระทำอย่างนี้และมิได้หวงบุตรชายของเจ้า คือบุตรชายคนเดียวของเจ้า
22:17 เราจะอวยพรเจ้าแน่ เราจะทวีเชื้อสายของเจ้าให้มากขึ้น ดังดวงดาวในท้องฟ้า และดังเม็ดทรายบนฝั่งทะเล เชื้อสายของเจ้าจะได้ประตูเมืองศัตรูของเจ้าเป็นกรรมสิทธิ์
22:18 ประชาชาติทั้งหลายทั่วโลกจะได้พรเพราะเชื้อสายของเจ้า เหตุว่าเจ้าฟังเสียงของเรา"
ตอบกลับโพส