ให้โอกาสผมได้ทำความเข้าใจ ความเชื่อของศาสนาคริสต์ด้วยนะงับ ผมอยากทราบว่า เวลาที่เพื่อนมาพูดกับเราถึงความทุกข์ใจของเขา หรืออะไรที่เขาเป็นห่วงกังวลอย่างมาก เราจะฟังเเละโต้ตอบกับเขาอย่างไร เราจะทำให้เขาชัดเจนเเละเเก้ปัญหาเหล่านั้นได้อย่างไรถึงจะเป็น วิธีการ ที่ดีที่สุด
** เนื้อหา ไม่ต้องสนใจนะครับ สนใจเเต่วิธีการ
1. สุรชัย "ฉันตัดสินใจเลือกความสำเร็จ เเละฉันรู้ว่าฉันทำมันได้ถ้าเพียงเเต่ฉันจะทำงานหนักขึ้น ฉันต้องทำงานวันละ 18 ชัวโมงเเละนั่งเเจอยู่กับเครื่องพิมพ์ดีด เเละถ้าทำอย่างนั้นเเล้วมันจะทำให้ฉันประสบความสำเร็จ ฉันก็จะทำมันเเน่นอน ชีวิตครอบครัวเเละชีวิตที่บ้านฉันคงเเยเเน่ ล้มเหลวไมเป็นท่าเลย
เเต่มันก็จะคุ้มค่าในบั้นปลาย ฉันจะเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต เเละนั่นก็เป็นสิ่งที่มีความหมายกับฉันมาก"
คุณ : ...............................
ก. ดูเหมือนว่าเธอเป็นคนที่หิวกระหายความสำเร็จในการทำงานมากเสียเหลือเกิน ซึ่งก็เข้าใจได้ล่ะนะ มันคงมาจากความไม่มั่นคงในความสามารถของเธอ
ข. ฉันว่านะ คนเราต้องผ่านระยะของชีวิตที่ต้องการความสำเร็จอย่างนี้กันทุกคน ไม่ช่วงใดก็ช่วงหนึ่ง เเละหลายๆคนก็จะกังวลว่าครอบครัวจะต้องเป็นทุกข์ขณะที่เราไม่มีเวลาให้เพราะต้องทำงานหนัก ฉันเเน่ใจนะว่าทุกอย่างจะค่อยๆปรับไปเเละจะดีเองน่ะเเหละ ทั้งกับตัวเธอเเละครอบครัว
ค. ฉันว่าเธอทำถูกเเล้วล่ะ การทำงานหนักจะได้ผลตอบเเทนที่คุ้มค่า ทำต่อไปเถอะ
ง. เธอมองว่าตัวเองเป็นคนที่ทะเยอทะยานมาก เเละเธอก็ไม่เเน่ใจว่ามันจะทำให้คนที่บ้านต้องเป็นทุกข์กับการที่เธอต้องทุ่มเทเวลาในการทำงาน ซึงเธอเชื่อว่ามันจะนำความสำเร็จมาให้
จ. เธอบอกฉันอีกนิดได้ไหมว่าทำไมความสำเร็จจึงสำคัญมากสำหรับเธอ เเละเธอจะทำอะไรเมือเธอประสบความสำเร็จเเล้ว เเละเธอจะมีความสุขมั้ย
มันจะนำมาซึ่งสิ่งที่เธอต้องการทั้งหมดในชีวิตรึเปล่า
2.ดุสิต : ดูเหมือนฉันไมเคยมีเวลาที่จะได้ทำสิ่งที่ฉันชอบเลย อย่างเช่น เล่นปิงปอง เกมส์คอมพิวเตอร์ หรือคุยกับเพือนทางอินเทอร์เนต น้องชายมักจะเตือนว่าฉันยังไม่ได้เขียนในสิ่งที่ฉันอยากเขียน หรือภรรยาของฉันมักจะขอให้ฉันช่วยงานบ้านเสมอๆ ชีวิตมันช่างยากเย็นขึ้นทุกวันที่จะหาความสุขความพึงพอใจอย่างที่หวัง เฮ้อ! มันช่างน่าเศร้าเสียจริงๆ
คุณ : ..............................
ก. การต้องการที่จะสนุกสนาน มันก็โอเคนะ เเต่เธอไม่คิดว่าเธอควรจะทำงานไปด้วยหรือ ฉันคิดว่าเธอคงไมได้เล่นบอลเเน่ถ้าต่อมาเธอต้องเสียใจเนื่องจากตกงาน ชีวิตมันต้องมีความรับผิดชอบนะ
ข. มันคงรู้สึกเเย่นะ ที่ความรับผิดชอบทั้งในการทำงานเเละที่บ้านมันมากขึ้นจนทำให้เธอไม่มีเวลาที่จะสนุกสนานหรือได้ทำกิจกรรมที่เธอชอบ
ค. บางทีกิจกรรมที่เธออยากทำในยามว่างมันคงจะเป็นหนทางที่ทำให้เธอได้หลบออกจากงานที่น่าเบื่อที่เธอต้องทำนะ
ง. ฉันอยากรู้จังว่า เธอใช้เวลากับการเล่นกีฬาที่เธอชอบมากเเค่ไหนกัน
จ. ตอนนี้เธออาจจะกำลังอยูในช่วงที่มันยุ่งเหยิงของชีวิตน่ะ ฉันพนันได้ว่าเธอจะมีเวลาว่างมากขึ้นเมื่อเธออายุมากขึ้น
คุณคิดว่าเราควรให้คำปรึกษาเค้ายังไงงับถึงจะดีที่สุดครับ
อยากจะทำความเข้าใจ,ความเชื่อของศาสนาคริสต์มากขึ้นงับ
1. ตอบข้อ ค นะคะ เพราะข้ออื่นเป็นการตัดสินเค้าทั้งหมดเลย คือเราตามเค้าไป ข้อ จ จะใส่ความคิดเราเร็วไปนิด ถ้าเราตามไป และเค้าจะพูดออกมาเองว่า แต่ก็นั่นแหละ เค้าไม่มีความสุข
2. ตอบข้อ ข เพราะแสดงถึงการเป็นผู้ฟังที่ดี รับฟังเค้า
สรุปนะคะ key ของมันคือ 1. การเป็นผู้ฟังที่ดี 2. รับฟังโดยไม่ใส่ความคิดเรา และไม่ตัดสินเค้า (ว่าผิดหรือถูก) 3. แบ่งปันได้ เพราะเป็นการช่วยดึงเค้าออกจากปัญหา (คือ มาคิดเรื่องของคนอื่นแทน และบางครั้งก็จะคิดเรื่องตัวเองออก) และเป็นการให้ความคิดกระทบกัน สร้างความสัมพันธ์
ลักษณะการให้คำปรึกษาแบบคริสต์จะคล้ายๆกับพระวรสาร Luke 24:13-35 พระเยซูเจ้าเดินไปกับเค้า ฟังเค้า เป็นเพื่อนเค้า พูดคุย แบ่งปัน และให้เค้าออกมาได้ด้วยตัวเอง หรือรู้ด้วยตัวเองค่ะ ::001:: คล้ายๆนักจิตวิทยาให้คำปรึกษานะคะ ต่างกันที่ความสัมพันธ์ พระเยซูเจ้าให้เรามีความสัมพันธ์กับเค้า (อย่างเหมาะสม) แต่นักจิตวิทยาให้คำปรึกษาเค้าจะกันตัวเอง ไม่ให้มีความสัมพันธ์ เพราะความรักและความสัมพันธ์ที่ให้กับเค้า จะทำให้พระองค์เข้าไปทำงานในเค้าได้ค่ะ เพราะเราเชื่อว่า เราเองทำอะไรไม่ได้ นอกจากฟังและเป็นเพื่อนเค้า ที่เหลือ พระเป็นเจ้าจัดการค่ะ
2. ตอบข้อ ข เพราะแสดงถึงการเป็นผู้ฟังที่ดี รับฟังเค้า
สรุปนะคะ key ของมันคือ 1. การเป็นผู้ฟังที่ดี 2. รับฟังโดยไม่ใส่ความคิดเรา และไม่ตัดสินเค้า (ว่าผิดหรือถูก) 3. แบ่งปันได้ เพราะเป็นการช่วยดึงเค้าออกจากปัญหา (คือ มาคิดเรื่องของคนอื่นแทน และบางครั้งก็จะคิดเรื่องตัวเองออก) และเป็นการให้ความคิดกระทบกัน สร้างความสัมพันธ์
ลักษณะการให้คำปรึกษาแบบคริสต์จะคล้ายๆกับพระวรสาร Luke 24:13-35 พระเยซูเจ้าเดินไปกับเค้า ฟังเค้า เป็นเพื่อนเค้า พูดคุย แบ่งปัน และให้เค้าออกมาได้ด้วยตัวเอง หรือรู้ด้วยตัวเองค่ะ ::001:: คล้ายๆนักจิตวิทยาให้คำปรึกษานะคะ ต่างกันที่ความสัมพันธ์ พระเยซูเจ้าให้เรามีความสัมพันธ์กับเค้า (อย่างเหมาะสม) แต่นักจิตวิทยาให้คำปรึกษาเค้าจะกันตัวเอง ไม่ให้มีความสัมพันธ์ เพราะความรักและความสัมพันธ์ที่ให้กับเค้า จะทำให้พระองค์เข้าไปทำงานในเค้าได้ค่ะ เพราะเราเชื่อว่า เราเองทำอะไรไม่ได้ นอกจากฟังและเป็นเพื่อนเค้า ที่เหลือ พระเป็นเจ้าจัดการค่ะ

แก้ไขล่าสุดโดย Buddy เมื่อ อังคาร ต.ค. 30, 2007 1:49 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
แหงะ อ่านคำตอบของพี่ส้มแล้วไม่กล้าตอบ 

ซะงั้นBatholomew เขียน: แหงะ อ่านคำตอบของพี่ส้มแล้วไม่กล้าตอบ![]()


แต่ก็คิดเหมือนกันว่า น้องมันมาหลอกถามข้อสอบอะไรรึเปล่า


แต่คิดว่า ก็แบ่งปันสิ่งที่พี่เรียนรู้มาละกัน จะได้เอาไปใช้ได้ คือเวลาเราช่วยใครนะ เราไม่ได้เอากางเขนเค้ามาแบกนะ เพราะมันจะทำลายเค้ามากกว่าช่วย เพราะกางเขนเป็นส่วนหนึ่งของการเติบโต (เหมือนสอนการบ้านน้องอ่ะ ไม่ใช่ไปแย่งมันมาทำเอง) แต่เราช่วยให้เค้าสามารถแบกกางเขนได้อย่างสงบสุข


น้องส้มรู้ไหมBuddy เขียน:ซะงั้น : xemo016 : .... ตอบไปเถอะ รู้ได้ไงว่า ของพี่เป็นคำตอบที่ถูก ::001::Batholomew เขียน: แหงะ อ่านคำตอบของพี่ส้มแล้วไม่กล้าตอบ![]()
แต่ก็คิดเหมือนกันว่า น้องมันมาหลอกถามข้อสอบอะไรรึเปล่า ::011:: (คิดอยู่ว่า ... รึว่าเราจะวาง bug แกล้งมันดี)
แต่คิดว่า ก็แบ่งปันสิ่งที่พี่เรียนรู้มาละกัน จะได้เอาไปใช้ได้ คือเวลาเราช่วยใครนะ เราไม่ได้เอากางเขนเค้ามาแบกนะ เพราะมันจะทำลายเค้ามากกว่าช่วย เพราะกางเขนเป็นส่วนหนึ่งของการเติบโต (เหมือนสอนการบ้านน้องอ่ะ ไม่ใช่ไปแย่งมันมาทำเอง) แต่เราช่วยให้เค้าสามารถแบกกางเขนได้อย่างสงบสุข ::001:: .... คนเรานะ ไม่ต้องอะไรมาก ถึงช่วยอะไรไม่ได้นะ แค่นั่งฟังเพื่อนระบายนี่ก็ ดีมากแล้ว ดีกว่าให้เค้าร้องไห้คนเดียว ::001::
คำตอบน้อง
พี่ ก๊อปไว้เป็นตำราเลย
โห ขนาดนั้นเลย คือหนูเยี่ยมคนแก่ตามบ้านน่ะค่ะ ก่อนที่วัดส่งไป ก็จะมีอบรมก่อน อันนีั้คือที่ได้จากการอบรมน่ะค่ะ เลยเอามาแบ่งปันPhulasso เขียน:
น้องส้มรู้ไหม
คำตอบน้อง
พี่ ก๊อปไว้เป็นตำราเลย

ถ้างั้นขอเพิ่มนิดละกันนะคะ
ข้อ 2 จ --> ไม่ควรอย่างยิ่ง เพราะเป็นการให้ความหวังลมๆแล้งๆที่ไม่อยู่บนพื้นฐานความจริง ฟังแล้วจะดูไม่น่าเชื่อถือ และเหมือนเราไม่ฟังเค้า ไม่ sensitive ต่อความรู้สึกเค้า
ที่พี่ให้เหตุผลออกมาถูกหมดเลยงับ พี่วางบั๊กข้อ 1 เหรองับBuddy เขียน:ซะงั้น : xemo016 : .... ตอบไปเถอะ รู้ได้ไงว่า ของพี่เป็นคำตอบที่ถูก ::001::Batholomew เขียน: แหงะ อ่านคำตอบของพี่ส้มแล้วไม่กล้าตอบ![]()
แต่ก็คิดเหมือนกันว่า น้องมันมาหลอกถามข้อสอบอะไรรึเปล่า ::011:: (คิดอยู่ว่า ... รึว่าเราจะวาง bug แกล้งมันดี)
แต่คิดว่า ก็แบ่งปันสิ่งที่พี่เรียนรู้มาละกัน จะได้เอาไปใช้ได้ คือเวลาเราช่วยใครนะ เราไม่ได้เอากางเขนเค้ามาแบกนะ เพราะมันจะทำลายเค้ามากกว่าช่วย เพราะกางเขนเป็นส่วนหนึ่งของการเติบโต (เหมือนสอนการบ้านน้องอ่ะ ไม่ใช่ไปแย่งมันมาทำเอง) แต่เราช่วยให้เค้าสามารถแบกกางเขนได้อย่างสงบสุข ::001:: .... คนเรานะ ไม่ต้องอะไรมาก ถึงช่วยอะไรไม่ได้นะ แค่นั่งฟังเพื่อนระบายนี่ก็ ดีมากแล้ว ดีกว่าให้เค้าร้องไห้คนเดียว ::001::

ไม่ได้วางหรอก ตอบผิดมากกว่ามั้งian เขียน:
ที่พี่ให้เหตุผลออกมาถูกหมดเลยงับ พี่วางบั๊กข้อ 1 เหรองับขอบคุณงับสำหรับคำตอบ



เลยต้องไปแก้ตำราเลยBuddy เขียน:ไม่ได้วางหรอก ตอบผิดมากกว่ามั้ง ::015:: ..... อ่านเร็วไปนิด คือ ข้อ ข พอเห็นว่า "ฉันว่า" ก็ตัดทิ้งเลยอ่ะจ้ะ ไม่ได้อ่านจนจบ แต่ที่จริง ข้อ ข ใช้ได้เลยล่ะ สรุปประเด็น ใส่ความคิดแง่บวก ให้กำลังใจ และที่เลือกข้อ ค บอกตรงๆว่า เพราะว่าอ่านไม่รู้เรื่องเลยว่า คุณสุรชัย เป็นอะไรกันแน่ian เขียน:
ที่พี่ให้เหตุผลออกมาถูกหมดเลยงับ พี่วางบั๊กข้อ 1 เหรองับขอบคุณงับสำหรับคำตอบ
.... ข้อ ค ถึงแม้ไม่บวกมาก แต่ก็เป็นกลาง ในแง่ที่ว่า ช่วยเค้าสรุปประเด็น คือในสถานการณ์ที่ฟังไม่รู้เรื่อง ปลอดภัยสุดก็คือ ฟังและเงียบหรือสรุปประเด็นให้กลางที่สุด เพื่อให้เค้าเล่าต่อได้ ::001::
แล้วเจ้า bug นี่ มันเป็นแมลงประเภทไหน
ทำไมต้องวางด้วย