เมื่อพระยุติธรรมของพระเจ้ามาถึง
จองเก้าอี้ นั่งฟังคำพิพากษา รอชีวิตนิรันดร
เห็นด้วยครับ!!!!!!!!!Leo เขียน: จองเก้าอี้ นั่งฟังคำพิพากษา รอชีวิตนิรันดร

-
- ~@
- โพสต์: 2546
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm
ยังเกิดผล
อธิบายง่ายๆแบบนี้แล้วกัน
ครอบครัวหนึ่งมีพ่อแม่และลูกอีก 7 คน
ลูกคนที่ 6 คนสุดท้องทำตัวแหลกเลวเนรคุณทุกอย่างเกลียดพ่อแม่ตัวเองชอบหนีออกจากบ้าน
ลูกคนที่ 5 เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย
คนที่ 2-4 ปกติทั่วไปทำดีบ้างร้ายบ้าง
ลูกคนแรกเป็นลูกคนที่ใกล้ชิดกับพ่อมากที่สุดและพ่อภูมิใจในตัวคนนี้มาก
วันนึงคุณพ่อบอกว่าพ่อจะจัดระเบียบในบ้านใหม่นะคนที่ทำตัวไม่ดีจะต้องได้รับโทษ ทุกคนรู้ว่าถ้าพ่อเอาจริงไอ้น้องคนสุดท้องกะน้องรองสุดท้องโดนไล่ออกจากบ้านแน่ๆทุกคนเลยไปบอกคุณพ่อว่า "พ่อครับอย่าเพิงเลยนะให้เวลาน้องเค้าหน่อย ผมจะสั่งสอนน้องเค้าเองให้เค้าปรับตัว" พ่อก็ตอบตกลง แต่ผ่านไปสักพักน้องก็ยังไม่เปลี่ยนนิสัย พ่อก็บอกว่า "ถึงเวลาที่พ่อจะต้องจัดการแล้ว" ลูกๆเลยขอเวลาอีกซักนิดแต่พ่อไม่ยอมแล้วแม่และลูกคนแรกที่ใกล้ชิดพ่อที่สุดก็เลยไปขอพ่ออีก คราวนี้ได้ผล!! พ่อยอมให้เวลา...เวลาผ่านไปสักพักลูกคนที่ 2-4 ยอมเชื่อฟังเปลี่ยนใจ แต่ลูกคนที่ 5 และ 6 ยังไม่ยอม พอผ่านไปพ่อเห็นว่าไม่ว่าจะให้เวลาเท่าใดก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงแล้วพ่อเลยตัดสินใจที่จะดำเนินการจัดระเบียบบ้านใหม่ในวันนี้ พ่อถึงเวลาที่พ่อเริ่มเรียกทุกคนมาคุยโดยที่แม่และลูกคนที่ 1 คอยนั่งฟังอยู่ด้วย พ่อบอกแก่ลูกคนที่ 2-4 ว่าเจ้าฉลาดมากที่เลือกที่จะปรับปรุงตัวในขณะที่พ่อยังให้โอกาส เจ้ายังอยู่กับพ่อต่อไปได้ แต่เจ้าลูกคนที่ 5 เจ้าไม่ได้ปรับปรุงตัวเลยเจ้าจะต้องออกจากบ้านหลังนี้ไป แต่ลูกคนที่ 5 บอกว่า "พ่อครับผมสำนึกผิดไปแล้วผมขอโทษผมจะปรับปรุงตัว" แต่พ่อบอกว่า "เราให้โอกาสเจ้ามาหลายหนทั้งแม่ทั้งพี่ของเจ้าเตือนเจ้าก็ไม่ฟัง แต่เห็นแก่ที่เจ้าสำนึกผิดนั้นเราจะให้เจ้ากลับบ้านได้ แต่ต้องหลังจากที่เจ้าได้รับโทษก่อนนั่นคือเจ้าต้องออกจากบ้านไปสักระยะ" ส่วนน้องคนสุดท้องพ่อบอกว่า "สำหรับลูกที่ไม่เห็นพ่อเป็นพ่อแท้ๆของลูก แม้ว่าเราจะรักลูกมากแต่ลูกเองไม่มีความสุขที่จะอยู่กับพ่อ พ่อเลยเห็นว่าเราต้องให้ลูกออกจากบ้านหลังนี้ไปตลอดกาล "
ลองเทียบดูนะครับ
พ่อ = พระเป็นเจ้า
แม่ = แม่พระ
ลูกคนโต = นักบุญ
ลูกคน 2-4 = ลูกล้างผลาญกลับใจ
ลูกคน 5 = หญิงโง่ที่นอนหลับไม่ยอมเติมน้ำมันในตะเกียง
ลูกคนที่ 6 = คนไม่กลับใจ
เคสของ sutham คือเคสของลูกคนที่ 5 และ 6 ครับ
พระเมตตาของพระเจ้ามีไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ครับ แม้ในยามที่พระยุติธรรมมาถึงพระเมตตาก็เปรียบดั่งเกราะป้องกัน
อธิบายง่ายๆแบบนี้แล้วกัน
ครอบครัวหนึ่งมีพ่อแม่และลูกอีก 7 คน
ลูกคนที่ 6 คนสุดท้องทำตัวแหลกเลวเนรคุณทุกอย่างเกลียดพ่อแม่ตัวเองชอบหนีออกจากบ้าน
ลูกคนที่ 5 เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย
คนที่ 2-4 ปกติทั่วไปทำดีบ้างร้ายบ้าง
ลูกคนแรกเป็นลูกคนที่ใกล้ชิดกับพ่อมากที่สุดและพ่อภูมิใจในตัวคนนี้มาก
วันนึงคุณพ่อบอกว่าพ่อจะจัดระเบียบในบ้านใหม่นะคนที่ทำตัวไม่ดีจะต้องได้รับโทษ ทุกคนรู้ว่าถ้าพ่อเอาจริงไอ้น้องคนสุดท้องกะน้องรองสุดท้องโดนไล่ออกจากบ้านแน่ๆทุกคนเลยไปบอกคุณพ่อว่า "พ่อครับอย่าเพิงเลยนะให้เวลาน้องเค้าหน่อย ผมจะสั่งสอนน้องเค้าเองให้เค้าปรับตัว" พ่อก็ตอบตกลง แต่ผ่านไปสักพักน้องก็ยังไม่เปลี่ยนนิสัย พ่อก็บอกว่า "ถึงเวลาที่พ่อจะต้องจัดการแล้ว" ลูกๆเลยขอเวลาอีกซักนิดแต่พ่อไม่ยอมแล้วแม่และลูกคนแรกที่ใกล้ชิดพ่อที่สุดก็เลยไปขอพ่ออีก คราวนี้ได้ผล!! พ่อยอมให้เวลา...เวลาผ่านไปสักพักลูกคนที่ 2-4 ยอมเชื่อฟังเปลี่ยนใจ แต่ลูกคนที่ 5 และ 6 ยังไม่ยอม พอผ่านไปพ่อเห็นว่าไม่ว่าจะให้เวลาเท่าใดก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงแล้วพ่อเลยตัดสินใจที่จะดำเนินการจัดระเบียบบ้านใหม่ในวันนี้ พ่อถึงเวลาที่พ่อเริ่มเรียกทุกคนมาคุยโดยที่แม่และลูกคนที่ 1 คอยนั่งฟังอยู่ด้วย พ่อบอกแก่ลูกคนที่ 2-4 ว่าเจ้าฉลาดมากที่เลือกที่จะปรับปรุงตัวในขณะที่พ่อยังให้โอกาส เจ้ายังอยู่กับพ่อต่อไปได้ แต่เจ้าลูกคนที่ 5 เจ้าไม่ได้ปรับปรุงตัวเลยเจ้าจะต้องออกจากบ้านหลังนี้ไป แต่ลูกคนที่ 5 บอกว่า "พ่อครับผมสำนึกผิดไปแล้วผมขอโทษผมจะปรับปรุงตัว" แต่พ่อบอกว่า "เราให้โอกาสเจ้ามาหลายหนทั้งแม่ทั้งพี่ของเจ้าเตือนเจ้าก็ไม่ฟัง แต่เห็นแก่ที่เจ้าสำนึกผิดนั้นเราจะให้เจ้ากลับบ้านได้ แต่ต้องหลังจากที่เจ้าได้รับโทษก่อนนั่นคือเจ้าต้องออกจากบ้านไปสักระยะ" ส่วนน้องคนสุดท้องพ่อบอกว่า "สำหรับลูกที่ไม่เห็นพ่อเป็นพ่อแท้ๆของลูก แม้ว่าเราจะรักลูกมากแต่ลูกเองไม่มีความสุขที่จะอยู่กับพ่อ พ่อเลยเห็นว่าเราต้องให้ลูกออกจากบ้านหลังนี้ไปตลอดกาล "
ลองเทียบดูนะครับ
พ่อ = พระเป็นเจ้า
แม่ = แม่พระ
ลูกคนโต = นักบุญ
ลูกคน 2-4 = ลูกล้างผลาญกลับใจ
ลูกคน 5 = หญิงโง่ที่นอนหลับไม่ยอมเติมน้ำมันในตะเกียง
ลูกคนที่ 6 = คนไม่กลับใจ
เคสของ sutham คือเคสของลูกคนที่ 5 และ 6 ครับ
พระเมตตาของพระเจ้ามีไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ครับ แม้ในยามที่พระยุติธรรมมาถึงพระเมตตาก็เปรียบดั่งเกราะป้องกัน
-
- โพสต์: 1413
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 02, 2008 11:18 am
- ที่อยู่: ต.กรอกสมบูรณ์ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี
แล้ว...แล้ว...เห็น ไฟชำระ หรือ นารก ค่ะเนี่ยsutham เขียน: เห็นภาพชัดแจ๋วเลยครับ ขอบคุณครับ

ผมชอบเรื่องนี้มากครับ ขอบคุณครับที่แบ่งปันพระเจ้าสถิตย์กับเราเสมอ เขียน: ยังเกิดผล
อธิบายง่ายๆแบบนี้แล้วกัน
ครอบครัวหนึ่งมีพ่อแม่และลูกอีก 7 คน
ลูกคนที่ 6 คนสุดท้องทำตัวแหลกเลวเนรคุณทุกอย่างเกลียดพ่อแม่ตัวเองชอบหนีออกจากบ้าน
ลูกคนที่ 5 เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย
คนที่ 2-4 ปกติทั่วไปทำดีบ้างร้ายบ้าง
ลูกคนแรกเป็นลูกคนที่ใกล้ชิดกับพ่อมากที่สุดและพ่อภูมิใจในตัวคนนี้มาก
วันนึงคุณพ่อบอกว่าพ่อจะจัดระเบียบในบ้านใหม่นะคนที่ทำตัวไม่ดีจะต้องได้รับโทษ ทุกคนรู้ว่าถ้าพ่อเอาจริงไอ้น้องคนสุดท้องกะน้องรองสุดท้องโดนไล่ออกจากบ้านแน่ๆทุกคนเลยไปบอกคุณพ่อว่า "พ่อครับอย่าเพิงเลยนะให้เวลาน้องเค้าหน่อย ผมจะสั่งสอนน้องเค้าเองให้เค้าปรับตัว" พ่อก็ตอบตกลง แต่ผ่านไปสักพักน้องก็ยังไม่เปลี่ยนนิสัย พ่อก็บอกว่า "ถึงเวลาที่พ่อจะต้องจัดการแล้ว" ลูกๆเลยขอเวลาอีกซักนิดแต่พ่อไม่ยอมแล้วแม่และลูกคนแรกที่ใกล้ชิดพ่อที่สุดก็เลยไปขอพ่ออีก คราวนี้ได้ผล!! พ่อยอมให้เวลา...เวลาผ่านไปสักพักลูกคนที่ 2-4 ยอมเชื่อฟังเปลี่ยนใจ แต่ลูกคนที่ 5 และ 6 ยังไม่ยอม พอผ่านไปพ่อเห็นว่าไม่ว่าจะให้เวลาเท่าใดก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงแล้วพ่อเลยตัดสินใจที่จะดำเนินการจัดระเบียบบ้านใหม่ในวันนี้ พ่อถึงเวลาที่พ่อเริ่มเรียกทุกคนมาคุยโดยที่แม่และลูกคนที่ 1 คอยนั่งฟังอยู่ด้วย พ่อบอกแก่ลูกคนที่ 2-4 ว่าเจ้าฉลาดมากที่เลือกที่จะปรับปรุงตัวในขณะที่พ่อยังให้โอกาส เจ้ายังอยู่กับพ่อต่อไปได้ แต่เจ้าลูกคนที่ 5 เจ้าไม่ได้ปรับปรุงตัวเลยเจ้าจะต้องออกจากบ้านหลังนี้ไป แต่ลูกคนที่ 5 บอกว่า "พ่อครับผมสำนึกผิดไปแล้วผมขอโทษผมจะปรับปรุงตัว" แต่พ่อบอกว่า "เราให้โอกาสเจ้ามาหลายหนทั้งแม่ทั้งพี่ของเจ้าเตือนเจ้าก็ไม่ฟัง แต่เห็นแก่ที่เจ้าสำนึกผิดนั้นเราจะให้เจ้ากลับบ้านได้ แต่ต้องหลังจากที่เจ้าได้รับโทษก่อนนั่นคือเจ้าต้องออกจากบ้านไปสักระยะ" ส่วนน้องคนสุดท้องพ่อบอกว่า "สำหรับลูกที่ไม่เห็นพ่อเป็นพ่อแท้ๆของลูก แม้ว่าเราจะรักลูกมากแต่ลูกเองไม่มีความสุขที่จะอยู่กับพ่อ พ่อเลยเห็นว่าเราต้องให้ลูกออกจากบ้านหลังนี้ไปตลอดกาล "
ลองเทียบดูนะครับ
พ่อ = พระเป็นเจ้า
แม่ = แม่พระ
ลูกคนโต = นักบุญ
ลูกคน 2-4 = ลูกล้างผลาญกลับใจ
ลูกคน 5 = หญิงโง่ที่นอนหลับไม่ยอมเติมน้ำมันในตะเกียง
ลูกคนที่ 6 = คนไม่กลับใจ
เคสของ sutham คือเคสของลูกคนที่ 5 และ 6 ครับ
พระเมตตาของพระเจ้ามีไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ครับ แม้ในยามที่พระยุติธรรมมาถึงพระเมตตาก็เปรียบดั่งเกราะป้องกัน

-
- โพสต์: 973
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ธ.ค. 04, 2006 9:33 pm
- ที่อยู่: Virtusian's House of Prayer,Thailand
- ติดต่อ:
มนุษย์ยัง"เลือก"ทำทุกอย่างได้เหมือนเดิมครับ ฉะนั้น สวดก็ได้(ถ้ามีโอกาสได้สวด) ทำความดีก็เกิดผล(ถ้ามีโอกาสได้ทำ)sutham เขียน: เมื่อพระยุติธรรมของพระเจ้ามาถึงแล้ว มนุษย์ทุกคนจะสามารถทำอะไรได้บ้างครับ การสวดภาวนาจะยังเกิดผลหรือเปล่า การทำความดีจะยังเกิดผลหรือเปล่า ขอผู้รู้ช่วยตอบด้วยครับ
พระยุติธรรมของพระเจ้า ไม่ใช่ การตอบแทนอย่างสาสมสำหรับผู้ที่ไม่เชื่อครับ
และคงไม่ใช่การที่พระเจ้าทรงพิพากษามนุษย์ทีละคนตามวิธีที่มนุษย์พยายามเข้าใจ
พระยุติธรรมของพระองค์ เป็นยุติธรรมเที่ยงแท้ครับ ผมไม่อาจเอื้อมตีความ
เราจินตนาการเรื่องนี้ไม่ออกหรอกครับ นอกจากศึกษาเทวศาสตร์(ระดับวิชาการ)
อาจอ้างอิง บางอย่าง จากเรื่องราวระดับชีวิตจิตได้บ้าง จากการเปรียบเปรยบ้าง
แต่ทำ"ปัจจุบัน"ให้ดีเถอะครับ แล้วปล่อยให้เป็นไปตามพระประสงค์
หมั่นตรวจสอบตนเองให้แน่ใจ และยอมรับผิดอย่างไม่มีเงื่อนไขหากถูกลงพระอาชญา
เรามีแบบอย่างสำคัญคือ"พระเยซูเจ้า"แล้ว ก็ดำเนินตามไปเท่าที่ทำได้ ได้เท่าไหร่ก็เท่านั้นครับ