ท้วงติงอนุสาวรีย์วีรบุรุษ - ข่าวเก่าๆ
ท้วงติงอนุสาวรีย์วีรบุรุษ
รายละเอียดข่าว
ว่าเหมาะสมหรือไม่เตรียมหารือด่วน ชาวสันกำแพงงง โครงการสร้างอนุสรณ์สถาน “น้อย-หนาน” ที่เปลี่ยนจากศาสนาพุทธเป็นคริสเตียนแล้วถูกเจ้าชีวิตอ้าวลงโทษประหารชีวิต ศูนย์คริสตจักรเชียงใหม่รื้อฟื้นยกย่องเป็นวีรบุรุษ เตรียมสร้างเป็นสถานที่เฉลิมพระเกียรติฯ ว่าเหมาะสมหรือไม่ ทั้งสภาวัฒนธรรมตำบล-อำเภอ เตรียมประชุมหารือด่วน
ตามที่ "ไทยนิวส์" เสนอข่าวไปแล้วว่า ศูนย์ข่าวประเสริฐ โดย พล.ต.นิวัฒ เทียม-บุญธง นายทหารนอกราชการจัดทำโครงการสร้างอนุสรณ์สถานเพื่อเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวโรกาสเจริญพระชนมพรรษาครบ 7 รอบ พร้อมกับสร้างอนุสาวรีย์วีรบุรุษคริสต์ศาสนิกชนเชียงใหม่รุ่นแรก "น้อยสุริยะ -หนานชัย" ลูกน้องของเจ้ากาวิโรรส หรือเจ้าชีวิตอ้าว ผู้ครองนครเชียงใหม่ ยุค พ.ศ. 2412 ซึ่งถูกเจ้าชีวิตอ้าวประหารชีวิตทั้งคู่ ทำให้ชาวคริสเตียนรุ่นใหม่ยกย่องเป็นวีรบุรุษแห่งความเชื่อ โดยจะสร้างอนุสาวรีย์รำลึกให้บนพื้นที่ 30 ไร่ที่บ้านแม่ปูคา ต.ปูคา อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ อันเป็นบ้านเกิดของน้อยหนานทั้งสอง มูลค่าถึง 116 ล้านบาท มีวัตถุประสงค์ว่าจะทำเป็นสถานที่ท่องเที่ยว จะมีชาวต่างชาติมาถึงปีละ 2 แสนคนทำให้เกิดรายได้เพิ่มปีละ 100 ล้านบาท พร้อมทั้งมีชื่อ ผวจ.เชียงใหม่ และบุคคลมีชื่อเสียงเป็นที่ปรึกษาโครงการนั้น
หลังจากข่าวดังกล่าวปรากฏออกไปแล้ว เกิดการวิพากษ์วิจารณ์เป็นอันมาก โดยเฉพาะ เจ้าดวงเดือน ณ เชียงใหม่ ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัด ซึ่งมีชื่อเป็นที่ปรึกษา ได้กล่าวในที่ประชุมสภาวัฒนธรรมว่ารู้สึกอึดอัดใจ เพราะมีการนำประวัติศาสตร์ไปยกย่องคน 2 คน แต่ทำให้เห็นว่าเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ในอดีตใช้อำนาจบาตรใหญ่ ซึ่งสภาวัฒนธรรมกำลังหารือกันอยู่ เช่นเดียวกับสภาวัฒนธรรมอำเภอสันกำแพง และตำบลแม่ปูคา ก็เตรียมประชุมพิจารณาเรื่องนี้ โดยนายศรีทน ก๋ามะโน รองนายก อบต.แม่ปูคากล่าวว่าจะปรึกษากันว่าความเป็นไปเป็นมาอย่างไร
ด้านนายเจริญ แก้วเป็ง ส.อบต.หมู่ 7 ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่จะสร้างอนุสรณ์สถานน้อย-หนานคริสเตียน กล่าวว่า ตนเพิ่งทราบจากผู้สื่อข่าวครั้งนี้ ไม่รู้มาก่อนว่าจะมีการสร้างอนุสาวรีย์และทำเป็นแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งเมื่อคืนวันจันทร์(15 ก.ย.) นายสมนึก สิริศักดาวุธ ส.อบจ.ก็มาประชุมกับชาวบ้าน ตนไม่ได้เข้าร่วมด้วยจึงไม่ทราบเรื่อง อย่างไรก็ตามความเห็นส่วนตัว ก็อยากให้เป็นการตัดสินใจของชาวบ้านในพื้นที่ก่อนตัดสินใจใด ๆ ขณะที่วาระการดำรงตำแหน่ง ส.อบต. และนายก อบต.แม่ปูคาก็ใกล้จะหมดลง เกรงว่าจะมีการนำไปโจมตีกันทั้งที่ไม่เกี่ยวข้องกันแต่อย่างใด.
http://www.cm77.org/board/frame.php?fra ... nextnewset
พอดีไปอ่านเจอ....
มันเป็นข่าวของปีที่แล้วอ่ะ
รายละเอียดข่าว
ว่าเหมาะสมหรือไม่เตรียมหารือด่วน ชาวสันกำแพงงง โครงการสร้างอนุสรณ์สถาน “น้อย-หนาน” ที่เปลี่ยนจากศาสนาพุทธเป็นคริสเตียนแล้วถูกเจ้าชีวิตอ้าวลงโทษประหารชีวิต ศูนย์คริสตจักรเชียงใหม่รื้อฟื้นยกย่องเป็นวีรบุรุษ เตรียมสร้างเป็นสถานที่เฉลิมพระเกียรติฯ ว่าเหมาะสมหรือไม่ ทั้งสภาวัฒนธรรมตำบล-อำเภอ เตรียมประชุมหารือด่วน
ตามที่ "ไทยนิวส์" เสนอข่าวไปแล้วว่า ศูนย์ข่าวประเสริฐ โดย พล.ต.นิวัฒ เทียม-บุญธง นายทหารนอกราชการจัดทำโครงการสร้างอนุสรณ์สถานเพื่อเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวโรกาสเจริญพระชนมพรรษาครบ 7 รอบ พร้อมกับสร้างอนุสาวรีย์วีรบุรุษคริสต์ศาสนิกชนเชียงใหม่รุ่นแรก "น้อยสุริยะ -หนานชัย" ลูกน้องของเจ้ากาวิโรรส หรือเจ้าชีวิตอ้าว ผู้ครองนครเชียงใหม่ ยุค พ.ศ. 2412 ซึ่งถูกเจ้าชีวิตอ้าวประหารชีวิตทั้งคู่ ทำให้ชาวคริสเตียนรุ่นใหม่ยกย่องเป็นวีรบุรุษแห่งความเชื่อ โดยจะสร้างอนุสาวรีย์รำลึกให้บนพื้นที่ 30 ไร่ที่บ้านแม่ปูคา ต.ปูคา อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ อันเป็นบ้านเกิดของน้อยหนานทั้งสอง มูลค่าถึง 116 ล้านบาท มีวัตถุประสงค์ว่าจะทำเป็นสถานที่ท่องเที่ยว จะมีชาวต่างชาติมาถึงปีละ 2 แสนคนทำให้เกิดรายได้เพิ่มปีละ 100 ล้านบาท พร้อมทั้งมีชื่อ ผวจ.เชียงใหม่ และบุคคลมีชื่อเสียงเป็นที่ปรึกษาโครงการนั้น
หลังจากข่าวดังกล่าวปรากฏออกไปแล้ว เกิดการวิพากษ์วิจารณ์เป็นอันมาก โดยเฉพาะ เจ้าดวงเดือน ณ เชียงใหม่ ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัด ซึ่งมีชื่อเป็นที่ปรึกษา ได้กล่าวในที่ประชุมสภาวัฒนธรรมว่ารู้สึกอึดอัดใจ เพราะมีการนำประวัติศาสตร์ไปยกย่องคน 2 คน แต่ทำให้เห็นว่าเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ในอดีตใช้อำนาจบาตรใหญ่ ซึ่งสภาวัฒนธรรมกำลังหารือกันอยู่ เช่นเดียวกับสภาวัฒนธรรมอำเภอสันกำแพง และตำบลแม่ปูคา ก็เตรียมประชุมพิจารณาเรื่องนี้ โดยนายศรีทน ก๋ามะโน รองนายก อบต.แม่ปูคากล่าวว่าจะปรึกษากันว่าความเป็นไปเป็นมาอย่างไร
ด้านนายเจริญ แก้วเป็ง ส.อบต.หมู่ 7 ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่จะสร้างอนุสรณ์สถานน้อย-หนานคริสเตียน กล่าวว่า ตนเพิ่งทราบจากผู้สื่อข่าวครั้งนี้ ไม่รู้มาก่อนว่าจะมีการสร้างอนุสาวรีย์และทำเป็นแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งเมื่อคืนวันจันทร์(15 ก.ย.) นายสมนึก สิริศักดาวุธ ส.อบจ.ก็มาประชุมกับชาวบ้าน ตนไม่ได้เข้าร่วมด้วยจึงไม่ทราบเรื่อง อย่างไรก็ตามความเห็นส่วนตัว ก็อยากให้เป็นการตัดสินใจของชาวบ้านในพื้นที่ก่อนตัดสินใจใด ๆ ขณะที่วาระการดำรงตำแหน่ง ส.อบต. และนายก อบต.แม่ปูคาก็ใกล้จะหมดลง เกรงว่าจะมีการนำไปโจมตีกันทั้งที่ไม่เกี่ยวข้องกันแต่อย่างใด.
http://www.cm77.org/board/frame.php?fra ... nextnewset
พอดีไปอ่านเจอ....
มันเป็นข่าวของปีที่แล้วอ่ะ
- Valkyrie Zero Number
- โพสต์: 2081
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am
เรื่องนี้เหมือนเคยเห็นในแสดงละครที่หอประชุม รร.เก่า
ศาสนจักรยังยอมรับผิดเรื่องในอดีต แต่เจ้าเมืองเชียงใหม่ทำได้แค่พยายามกลบฝังดินแล้วยกตัวข่มคนอื่น
Is that called "REASON" to forbid?Zaliaus เขียน: เพราะมีการนำประวัติศาสตร์ไปยกย่องคน 2 คน แต่ทำให้เห็นว่าเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ในอดีตใช้อำนาจบาตรใหญ่
ศาสนจักรยังยอมรับผิดเรื่องในอดีต แต่เจ้าเมืองเชียงใหม่ทำได้แค่พยายามกลบฝังดินแล้วยกตัวข่มคนอื่น
จริงๆ ถ้า 2 คนนี้เป็นคาทอลิก
คงมีการเสนอเป็นนักบุญแน่แท้
เพราะค่าของชีวิตของคน 2 คนนี้ในสายตาของผู้ปกครองสมัยนั้น
เท่ากับเพียงค่าเสียผีของลูกๆ เมื่อแต่งงานตามประเพณีเดิมเท่านั้นเอง
ขอให้เราทำตามพระวาจาของพระเจ้าโดยไม่หวั่นไหว...
คงมีการเสนอเป็นนักบุญแน่แท้
เพราะค่าของชีวิตของคน 2 คนนี้ในสายตาของผู้ปกครองสมัยนั้น
เท่ากับเพียงค่าเสียผีของลูกๆ เมื่อแต่งงานตามประเพณีเดิมเท่านั้นเอง
ขอให้เราทำตามพระวาจาของพระเจ้าโดยไม่หวั่นไหว...
ซักประมาณ 1 ปีที่ผ่านมาZaliaus เขียน:ประเทศไทยนี่แหละวอ เขียน: สมัยนี้ก็ยังมีอยู่นะ แต่ไม่ถึงตายดอก แค่เผาโบสถ์กันเท่านั้นเอง
ในประเทศไทยนะครับ
อำเภอบ้านใกล้เรือนเคียงเค้าก็เผาโบสถ์คริสเตียนไป
ปล. นอกจากจังหวัดลำพูนแล้ว จังหวัดไหนไม่มีวัดคาทอลิกอีกบ้างครับ ... แค่อยากรู้
- (⊙△⊙)คุณxuู๓้uxoม(⊙△⊙)
- โพสต์: 892
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ต.ค. 10, 2008 12:38 am
การเบียดเบียนมาอีกแล้ว
ใครบอกว่าเมืองไทยไม่มีเรื่องการเบีดเบียนศาสนาอื่นที่ไม่ใช่พุทธ เห็นพูดกรอกใส่หูประจำว่าเมืองไทยให้เสรีภาพไม่มีการเบียดเบียนศาสนาอื่น แต่ตามสภาพความเป็นจริง มันไม่เคยหายไปจากสังคมไทย เพียงแต่ไม่ค่อยได้เป็นข่าวคราวเท่าไร หรือบ้างทีก็ไม่ได้เบียดเบียนอย่างโจ่งแจ้ง 

-
- โพสต์: 300
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 19, 2007 11:40 am
จากที่เคยได้ยินมา ที่สองคนนี้ถูกประหารเพราะเจ้าชีวิตอ้าว (ที่เรียกเช่นนี้เพราะ สั่งประหารด้วยการเอ่ยคำว่า "อ้าว") ต้องการเกณฑ์แรงงานในวันอาทิตย์ แต่สองคนนี้ไม่ยอมไปตามหมายเกณฑ์เพราะถือตามบัญญัติวันอาทิตย์ห้ามทำงาน จึงถูกจับและประหารชีวิตในที่สุด ลูกหลานของคนหนึ่ง (จำไม่ได้ว่าใคร) ยังคงมีความเชื่อที่มั่นคง ติดตามพระคริสต์มาทุกรุ่น แต่อีกครอบครัวหนึ่งได้ละทิ้งความเชื่อไปเพราะเหตุการณ์นี้
จากเหตุการดังกล่าว ทางมิชชันนารีของเชียงใหม่ได้ส่งเรื่องไปทางกรุงเทพ ฯ แล้วหมอบลัดเลย์จึงนำความขึ้นกราบบังคมทูลพระบามสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จนมีพระบรมราชโองการตรัสสั่งมายังเจ้าเมืองเชียงใหม่ว่า การนับถือศาสนานั้นไม่ได้เป็นภัยต่อความมั่นคงของบ้านเมือง อย่าให้เจ้าเมืองเชียงใหม่ท้าวลาวทั้งหลายขัดขวางการที่ประชาชนคนใดจะเข้ารีตนับถือศาสนาของพระเยซูคริสต์ ทุกวันนี้พระบรมราชโองการดังกล่าวยังคงถูกจารึกไว้ที่ผนังด้านหนึ่งของคริสตจักรที่ 1 เชียงใหม่ ใครอยากทราบรายละเอียดไปหาอ่านได้ครับ
จากเหตุการดังกล่าว ทางมิชชันนารีของเชียงใหม่ได้ส่งเรื่องไปทางกรุงเทพ ฯ แล้วหมอบลัดเลย์จึงนำความขึ้นกราบบังคมทูลพระบามสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จนมีพระบรมราชโองการตรัสสั่งมายังเจ้าเมืองเชียงใหม่ว่า การนับถือศาสนานั้นไม่ได้เป็นภัยต่อความมั่นคงของบ้านเมือง อย่าให้เจ้าเมืองเชียงใหม่ท้าวลาวทั้งหลายขัดขวางการที่ประชาชนคนใดจะเข้ารีตนับถือศาสนาของพระเยซูคริสต์ ทุกวันนี้พระบรมราชโองการดังกล่าวยังคงถูกจารึกไว้ที่ผนังด้านหนึ่งของคริสตจักรที่ 1 เชียงใหม่ ใครอยากทราบรายละเอียดไปหาอ่านได้ครับ
เรื่องหลักทั้งหมดอยู่ที่การแต่งงานของลูกหลานคริสเตียนรุ่นแรกครับfrancisco xavier เขียน: จากที่เคยได้ยินมา ที่สองคนนี้ถูกประหารเพราะเจ้าชีวิตอ้าว (ที่เรียกเช่นนี้เพราะ สั่งประหารด้วยการเอ่ยคำว่า "อ้าว") ต้องการเกณฑ์แรงงานในวันอาทิตย์ แต่สองคนนี้ไม่ยอมไปตามหมายเกณฑ์เพราะถือตามบัญญัติวันอาทิตย์ห้ามทำงาน จึงถูกจับและประหารชีวิตในที่สุด ลูกหลานของคนหนึ่ง (จำไม่ได้ว่าใคร) ยังคงมีความเชื่อที่มั่นคง ติดตามพระคริสต์มาทุกรุ่น แต่อีกครอบครัวหนึ่งได้ละทิ้งความเชื่อไปเพราะเหตุการณ์นี้
จากเหตุการดังกล่าว ทางมิชชันนารีของเชียงใหม่ได้ส่งเรื่องไปทางกรุงเทพ ฯ แล้วหมอบลัดเลย์จึงนำความขึ้นกราบบังคมทูลพระบามสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จนมีพระบรมราชโองการตรัสสั่งมายังเจ้าเมืองเชียงใหม่ว่า การนับถือศาสนานั้นไม่ได้เป็นภัยต่อความมั่นคงของบ้านเมือง อย่าให้เจ้าเมืองเชียงใหม่ท้าวลาวทั้งหลายขัดขวางการที่ประชาชนคนใดจะเข้ารีตนับถือศาสนาของพระเยซูคริสต์ ทุกวันนี้พระบรมราชโองการดังกล่าวยังคงถูกจารึกไว้ที่ผนังด้านหนึ่งของคริสตจักรที่ 1 เชียงใหม่ ใครอยากทราบรายละเอียดไปหาอ่านได้ครับ
เวลาแต่งงานชาวล้านนาปกติ ฝ่ายชายต้องเสียผี คือ เลิกนับถือผีบรรพบุรุษตัวเองไปอยู่กับครอบครัวผู้หญิง
แล้วเวลาแต่งงานก็จะต้องใส่ผี คือประมาณว่า จ่ายเงินเพื่อย้ายผีตัวเองไปอยู่บ้านเมีย
ซึ่งเงินนี้จะต้องชำระเข้าหลวง ก็คือ ชำระให้พระคลังของเจ้าเมือง
ทีนี้ ด้วยความที่คริสเตียนไม่นับถือผี การเสียผี/ใส่ผี จึงไม่มีผลต่อการแต่งงาน
ก็เลยเป็นเรื่องเป็นราว แต่จะปรับก็ไม่ได้ จะจับก็ไม่ได้ เพราะไม่มีบทลงโทษในเรื่องนี้
การเกณฑ์แรงงานวันอาทิตย์ก็เลยตามมา เพื่อเป็นเครื่องมือนำไปสู่การจับกุมและประหาร
ทั้งหมดทั้งมวลก็คือ หาเหตุปกติที่คนล้านนาทำแต่คริสเตียนไม่ทำ มาทำให้เกิดเรื่องที่พอจะ "หาเรื่อง" ได้
ถ้าจำไม่ผิด ตระกูลสายนี้จะเป็น "อินทะจักร" หรือไม่ก็ "อินทจักร" มั๊งครับ
เรื่องนี้หาอ่านได้ที่หอจดหมายเหตุ คริสตจักรที่ 1 เชียงใหม่
ในหอนี้จะมีประวัติเรื่องการเบียดเบียนศาสนาสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 แล้วก็บันทึกของศาสนจารย์ด้วย
บางตอนอ่านแล้วก็ฮา แต่เป็นความฮาที่เจ็บปวดมากๆ
-
- โพสต์: 300
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 19, 2007 11:40 am
ขอบพระคุณสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมครับ คุณ เอดวาร์ดิอุส
- Valkyrie Zero Number
- โพสต์: 2081
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am
ยังไงเสียคนที่เบียดเบียนแล้วไม่ยอมกลับใจ ป่านนี้ตายไปก็ไปเป็นเบ๊ของลูซี่จังในนรกแล้วล่ะค่ะ
(พูดก็พูด อยากเอาเกรทมาชินก้ากระทืบพวกนี้ซ้ำจริง ๆ พับผ่า ตามไปทืบในนรกไม่ผิดใช่ไหมนะ)
(พูดก็พูด อยากเอาเกรทมาชินก้ากระทืบพวกนี้ซ้ำจริง ๆ พับผ่า ตามไปทืบในนรกไม่ผิดใช่ไหมนะ)