ตายก่อนรับศีลล้างบาป

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
Kenneth
โพสต์: 73
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.ย. 07, 2009 2:23 pm

จันทร์ ก.ย. 07, 2009 6:24 pm

หวัดดีครับ
ผมมีคำถามอยากจะถามครับ
ผมอยากรู้ว่าถ้าคนเรามีความเชื่อแล้ว แต่ยังไม่ได้ทันรับศีลล้างบาป แต่กลับเสียชีวิตซะก่อน แล้วอย่างนี้ดวงวิญญาณผู้ที่เสียชีวิตนั้นจะได้รับความรอดหรือไม่ครับ

ปัจจุบันผมเรียนคำสอนเพื่อเตรียมตัวรับศีลล้างบาปในปีหน้าครับ
เมื่อวานตอนไปเรียนคำสอน คุณพ่อเจ้าอาวาสที่วัดนำประสบการณ์บางอย่างมาเล่าให้ฟังในห้องเรียนขณะเรียนคำสอน
เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อวัน-สองวันที่ผ่านมา มีผู้ชายคนนึงบอกว่าตัวเองรับราชการเป็นครูแห่งหนึ่ง ครูคนนี้นับถือพุทธมาขอพบคุณพอถึงที่วัด และเล่าให้คุณพ่อฟังว่า ครูฝันว่าลูกศิษสมัยเรียนประถมอายุ 12 ปีที่เสียชีวิตไปแล้วเมื่อ 9 ปีก่อน มาเข้าฝันแบบครึ่งหลับครึ่งตื่นว่า ตัวลูกศิษเองถูกฝังอยู่ที่สุสานในป่าช้าของวัดแห่งนี้มานาน 9 ปีแล้ว และรู้สึกทรมานมาก หิว และหนาว เห็นพ่อแม่มาเยี่ยมที่หลุมศพ นำดอกไม้มาให้ก็รับไม่ได้ ไปผุดไปเกิดไม่ได้ ไม่ได้รับส่วนบุญจากใครเลย เลยอยากให้ขุดศพตัวเองขึ้นมาแล้วนำไปเผาตามพิธีความเชื่อของพุทธศาสนา

เหตุที่ผู้ตายถูกนำมาฝังไว้ในที่แห่งนี้เพราะว่าพ่อแม่เป็นคาทอลิก พอลูกเกิดมาก็ไม่ได้นำไปรับศีลล้างบาปตามทำเนียมคริสต์ ครอบครัวนี้คงจะไม่ได้เคร่งครัดในศาสนามากนัก จนเวลาผ่านล่วงเลยมาจนลูกโตแล้ว พ่อแม่คงจะเพิ่งสำนึกขึ้นได้ว่าควรนำลูกไปเรียนคำสอนที่วัดเพื่อรับศีลล้างบาป พอลูกอายุได้ 11 ปี จึงนำลูกไปฝากเรียนคำสอนผู้ใหญ่ที่วัด ในขณะที่ลูกเรียนคำสอนอย่างตั้งใจเกือบจะได้รับศีลล้างบาปปีนั้น แต่ว่ามีเรื่องโชคร้ายเกิดขึ้น ทำให้เด็กเสียชีวิต (ไม่รู้ตายเพราะอะไร) พอตายพ่อแม่ก็ทำพิธีฝังตามทำเนียมของคริสต์

คุณพอเลยถามกลับไปว่า แล้วทำไมเด็กคนนั้นไม่ไปเข้าฝันพ่อแม่ของเค้า มาเข้าฝันคุณครูทำไม ทั้งๆที่คุณคุณครูคนนี้ก็ไม่ได้เป็นอะไรกับเด็กชายคนนั้นเลยนอกจากอาจารย์กับลูกศิษ และทำไมพ่อแม่ของเด็กไม่มาติดต่อทางวัดเอง ให้ครูมาติดต่อทำไม คุณครูก็ไม่ได้ตอบอะไรที่เป็นประโยชน์มากนัก
แต่คุณพอก็ให้คำแนะนำกับครูคนนั้นไปว่า แล้วแต่ความเชื่อของแต่ละคน แต่ความเชื่อของทางคริสต์ไม่ได้เชื่อแบบนั้น ถ้าอยากสบายใจจะขุดขึ้นมาแล้วเผาก็ได้ไม่ว่ากัน แต่เผาไปก็เท่านั้นเพราะศพคงเหลือแต่กระดูกไปแล้ว เพราะมันผ่านมาตั้ง 9 ปีแล้ว

ผมเลยเกิดคำถามขึ้นมาในใจว่า ถ้าเราเกิดโชคร้ายเหมือนเด็กคนนั้น ผมจะเป็นอย่างไร ถ้าครูคนนั้นไม่ได้กุเรื่องขึ้นมาเอง แต่ผมคิดว่าครูคงไม่มีเหตุจูงใจอะไร อยู่ดีๆครูคงไม่ออกมาพูดแบบนั้นโดยไร้เหตผล เพราะเด็กก็ตายมาตั้ง 9 ปีแล้ว แล้วถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงครูไม่ได้โกหก วิญญาณของเด็กคนนั้นก็น่าสงสารมาก

เรื่องนี้ถ้าถามผมว่าคิดอย่างไร ผมจะบอกว่าเด็กคนนั้นตอนมาเรียนคำสอนเด็กคงยังมีความเชื่อไม่เพียงพอ เพราะพ่อแม่ของเด็กไม่ได้เคร่งครัดอะไรมาก ไปโรงเรียนทางโรงเรียนก็คงเป็นโรงเรียนพุทธ สอนสวดมนต์ไหว้พระจนทำให้เด็กมีแนวโน้มที่จะเป็นพุทธโดยสิ่งแวดล้อม แต่พอโตขึ้นพ่อแม่กลับทำให้เค้าเป็นคาทอลิก แล้วก็มาเรียนคำสอน ยังมีความเชื่อในพระเจ้าไม่เพียงพอ แล้วก็ตายก่อนได้รับศีลล้างบาป ทำให้วิญญาณเด็กยังคงเป็นพุทธอยู่ ตายไปก็เลยไปทางพุทธ แต่กลับทำพิธีให้เค้าแบบคริสต์ วิญญาณเค้าก็เลยไม่เป็นสุข
ผมคิดอย่างนั้นนะครับ
แล้วคุณคิดเรื่องนี้อย่างไรครับ
แก้ไขล่าสุดโดย Kenneth เมื่อ จันทร์ ก.ย. 07, 2009 7:15 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ministry Of Men
โพสต์: 3972
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm

จันทร์ ก.ย. 07, 2009 6:47 pm

รอผู้รู้..

ขอเดาหน่อย
ตามคาทอลิก คือไม่รอดนะ
ถูกป่าวนะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jeanne d'Arc
โพสต์: 235
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร พ.ค. 12, 2009 12:33 pm

จันทร์ ก.ย. 07, 2009 7:14 pm

ไม่ทราบครับว่า ก่อนเด็กคนนั้นจะตาย แสดงออกยังไง แล้วจิตใจเขาเป็นยังไง

ผมเชื่อว่าหากเขาได้รับการล้างบาปทางวิญญาณแล้ว เขาก็รอดครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Deo Gratias
โพสต์: 1100
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มี.ค. 16, 2006 11:53 pm

จันทร์ ก.ย. 07, 2009 7:18 pm

1. พระเจ้ามีลูก(ผู้เชื่อทุกคนถือเป็นบุตรของพระเจ้า) แต่ไม่เคยมีหลาน  : emo056 :

2. กรณีเด็กเล็กที่ล้างบาปแล้ว ถึงแม้ว่าตายในขณะที่ยังไม่มีความเชื่อด้วยตนเอง พระคุณผ่านทางศีลล้างบาปก็ช่วยเขาให้รอด

3. ถ้าคนที่มีความเชื่อ(หมายถึงบังเกิดใหม่แล้วนะ)แต่ยังไม่รับศีลล้างบาปแต่ตายก่อน รอดแน่นอน เพราะโจรบนไม้กางเขนข้างๆ พระเยซูก็รอด

4. สิ่งที่ครูคนนั้นเล่าก็เป็นพื้นฐานความเชื่อแบบพุทธ ซึ่งจริงๆ แล้วคนตายทั้งที่เชื่อและไม่เชื่อก็มีที่ของคนตายที่เหมาะสมกับเขา แต่ที่ยังวนเวียนอยู่ในโลกนั่นคืออะไร?
"พระเจ้าตรัสถามซาตานว่า 
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ จันทร์ ก.ย. 07, 2009 7:21 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

จันทร์ ก.ย. 07, 2009 7:24 pm

ผมเห็นด้วยกับคุณ Deo Gratias ครับ : xemo017 :
ภาพประจำตัวสมาชิก
Léon
โพสต์: 766
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ มิ.ย. 13, 2009 8:43 pm
ที่อยู่: แผ่นดินโลก
ติดต่อ:

จันทร์ ก.ย. 07, 2009 7:43 pm

ซาตาน มา หลอกครู ครับ
เพราะมันทะแม่งๆ แต่แรกละ

ส่วนตัวเด็ก จะเอาไปเผา ไปฝัง ฯลฯ มันก็เป็นเพียงแค่พิธีที่ถือกันมา
ตัวเด็กเอง รับพระคริสต์เป็นพระผู้ช่วย เขารอดไปแล้วครับ................
แม้จะไม่ทันล้างตามพิธี แต่เขาได้รับการล้างด้วยพระวิญญาณ ก่อนจากโลกนี้ไปเรียบร้อยแล้วครับ
Kenneth
โพสต์: 73
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.ย. 07, 2009 2:23 pm

จันทร์ ก.ย. 07, 2009 8:13 pm

ฟังคุณ Deo Gratias อธิบายแล้วผมเข้าใจกระจ่างแจ้งเลยครับ
เรื่องเมื่อวานทำผมเป็นกังวลมาโดยตลอด เมื่อคืนนอนคิดทั้งคืน กลัวว่าถ้าผมเป็นเหมือนเด็กคนนั้น ตายก่อนรับศีลล้างบาปแล้ววิญญาณจะเป็นเหมือนที่ครูบอก ถึงตอนนั้นผมคงเสียใจแย่เลย ยังคิดอยู่เลยว่าถ้าจะตายจริงๆขอให้ได้รับศีลล้างบาปก่อนเถอะ แต่ตอนนี้ไม่คิดอย่างนั้นแล้วครับ
ข้อความของท่านทำให้ผมสบายใจขึ้นเยอะเลยนะครับ
ท่านอื่นคิดเห็นแบบไหน ขอความรู้เพิ่มเติมด้วยครับ

อาทิตย์หน้าผมจะลองถามคุณพ่อดูครับว่าพ่อแม่เด็กติดต่อมาขอขุดศพไปแล้วหรือยัง
Kenneth
โพสต์: 73
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.ย. 07, 2009 2:23 pm

จันทร์ ก.ย. 07, 2009 8:58 pm

ถามต่ออีกนิด
ถ้าหากว่าเด็กผู้ตายคนนั้นไม่มีความเชื่อก่อนตายจริง ก็แสดงว่าเด็กคนนั้นไม่ได้รับความรอดจากพระเจ้า ถูกไหมครับ
ในกรณีนี้เกิดขึ้นแล้ว ศพถูกฝังอยู่ ตายมาแล้ว 9 ปี พ่อแม่ของเด็กควรทำอย่างไรดีถึงจะถูกครับ
จะเชื่อครูคนนั้น ขุดขึ้นมาเผา ประกอบพิธีทางศาสนาพุทธ ส่งวิญญาณเค้าไปตามทางที่เค้าเชื่อ
หรือจะปล่อยไว้อย่างนั้น โดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลย เพราะถือว่าตัวพ่อแม่เองนับถือคริสต์ แต่รู้ทั้งรู้ว่าลูกอาจไม่ได้เชื่อในคริสต์ก่อนตาย ถ้าเลือกวิธีี้จะไม่เป็นการกระทำที่โหดร้ายต่อวิญญาณของลูกหรอครับ

ฟังจากที่คุณพ่อเล่า ผมรู้สึกว่าพ่อแม่เด็กที่ตายไม่กล้ามาคุยเรื่องขุดศพลูกขึ้นมาเผากับคุณพ่อโดยตรง เพราะคงละอายใจที่ว่าตัวเองเป็นคาทอลิกแต่กลับไปเชื่อตามวิถีทางพุทธ และรู้ตัวเองว่ากำลังทำผิดอะไรบางอย่างในศาสนาคริสต์ เลยไม่กล้าสู่หน้าในเรื่องนี้ เลยต้องให้ครูมาเป็นตัวแทนเพื่อพูดคุยเรื่องนี้แทน
แก้ไขล่าสุดโดย Kenneth เมื่อ จันทร์ ก.ย. 07, 2009 9:11 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ministry Of Men
โพสต์: 3972
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm

จันทร์ ก.ย. 07, 2009 9:28 pm

สุดยอดเลยเจ๊ เคลียร์สุดๆๆ  : xemo026 :
ภาพประจำตัวสมาชิก
Deo Gratias
โพสต์: 1100
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มี.ค. 16, 2006 11:53 pm

จันทร์ ก.ย. 07, 2009 10:19 pm

Kenneth เขียน: ถ้าหากว่าเด็กผู้ตายคนนั้นไม่มีความเชื่อก่อนตายจริง ก็แสดงว่าเด็กคนนั้นไม่ได้รับความรอดจากพระเจ้า ถูกไหมครับ

ใช่ค่ะ ความเชื่อคือกุญแจ ถ้าไม่ได้มีความเชื่อก็ไม่มีกุญแจค่ะ
Kenneth เขียน: ในกรณีนี้เกิดขึ้นแล้ว ศพถูกฝังอยู่ ตายมาแล้ว 9 ปี พ่อแม่ของเด็กควรทำอย่างไรดีถึงจะถูกครับ
จะเชื่อครูคนนั้น ขุดขึ้นมาเผา ประกอบพิธีทางศาสนาพุทธ ส่งวิญญาณเค้าไปตามทางที่เค้าเชื่อ
หรือจะปล่อยไว้อย่างนั้น โดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลย เพราะถือว่าตัวพ่อแม่เองนับถือคริสต์ แต่รู้ทั้งรู้ว่าลูกอาจไม่ได้เชื่อในคริสต์ก่อนตาย ถ้าเลือกวิธีี้จะไม่เป็นการกระทำที่โหดร้ายต่อวิญญาณของลูกหรอครับ
เรื่องนี้ก็แล้วแต่เค้านะคะ แต่ก็คงแก้ได้แค่ความสบายใจของมนุษย์

เพราะความจริงแล้วไม่ว่าจะขุดหรือไม่ขุดก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้
เด็กคนนั้นมีที่อยู่ของเค้าอยู่แล้ว ซึ่งจะอยู่ที่ไหนพระเจ้าเท่านั้นที่รู้

พระเจ้าเป็นทรงผู้สร้างฟ้าสวรรค์ แผ่นดินโลก และทุกสรรพสิ่ง
สวรรค์มีแห่งเดียว นรกก็มีแห่งเดียว พระพรมาจากพระเจ้าองค์เดียว
ความรอดก็จากพระเจ้าองค์เดียว  และการพิพากษาก็มาจากพระเจ้าองค์เดียว

โหดร้ายหรือไม่ ไม่ใช่เรื่องที่จะมาพูดเมื่อเด็กตายแล้ว เพราะนั่นสายไปแล้ว
ถ้าไม่อยากโหดร้ายต้องมอบมรดกแห่งความเชื่อให้ลูกตั้งแต่เกิด
ด้วยการถวายแด่พระเจ้าและสอนเขาในทางของพระองค์

"จงฝึกเด็กในทางที่เขาควรจะเดินไป และเมื่อเขาเป็นผู้ใหญ่แล้วเขาจะไม่พรากจากทางนั้น" (สภษ.22:6 )
วอ
โพสต์: 1153
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. พ.ย. 13, 2008 7:36 pm

จันทร์ ก.ย. 07, 2009 10:33 pm

ง่ะ ว่าแต่เด็กในสุสานเขาไม่เห็นวิญญาณดวงอื่นๆ ในสุสานเหรอครับ??? คำว่าซาตานล่อลวงน่าสนใจ

ผมมักจะคิดว่า ถ้าผมมีลุกผมจะให้ลูกล้างบาปตอนโตเหมือนกัน เพราะผมเข้าใจว่าการถูกโดนบังคับให้นับถือศาสนาเป็นยังไง เช่น หากเราล้างบาปลูกแต่เด็กให้เด็กตัดสินใจเอง ลูกโตขึ้นอยากเป็น พุทธ หรือ อิสลาม จะได้ไม่ติดขัดว่าเคยรับศีลศักสิทธิ์ ที่เราเคยบังคับลูกทำ  : xemo029 : แต่ไงก็ตามผมไม่อยากมีลุกหรอกนะครับ แค่นี้ประชากรก็จะล้นโลกตายอยู่แล้ว  ::042::

*** ว่าแต่ทางโปรมันโตขึ้นก่อนแล้วค่อยล้างก็ได้ไม่ใช่เหรอ???
ภาพประจำตัวสมาชิก
Deo Gratias
โพสต์: 1100
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มี.ค. 16, 2006 11:53 pm

จันทร์ ก.ย. 07, 2009 11:59 pm

วอ เขียน: ผมมักจะคิดว่า ถ้าผมมีลุกผมจะให้ลูกล้างบาปตอนโตเหมือนกัน เพราะผมเข้าใจว่าการถูกโดนบังคับให้นับถือศาสนาเป็นยังไง เช่น หากเราล้างบาปลูกแต่เด็กให้เด็กตัดสินใจเอง ลูกโตขึ้นอยากเป็น พุทธ หรือ อิสลาม จะได้ไม่ติดขัดว่าเคยรับศีลศักสิทธิ์ ที่เราเคยบังคับลูกทำ  : xemo029 : แต่ไงก็ตามผมไม่อยากมีลุกหรอกนะครับ แค่นี้ประชากรก็จะล้นโลกตายอยู่แล้ว  ::042::
ศาสนาคริสต์ไม่เหมือนกับศาสนาอื่น ที่เป็นตัวเลือกหนึ่งที่คนจะเลือกเอาอะไรก็ได้ตามใจชอบ
(เหมือนเลือกร้านกินข้าวร้านไหนก็ได้กินแล้วอิ่มเหมือนกัน)

จริงอยู่ที่ว่าพระเจ้าไม่เคยบังคับใคร และมนุษย์มีสิทธิเลือก แต่ผลของการเลือกจะไม่เหมือนกันแน่นอน
ถ้าคริสตชนหรือลูกหลายคริสตชนเลือกที่จะไปจากพระเจ้าเป็นเรื่องน่าเศร้าใจและพระเจ้าทรงเสียพระทัย
แต่มารแอบหัวเราะสะใจที่แยกมนุษย์ออกจากพระเจ้าได้สำเร็จ

ต่างจากคนที่ไม่เคยรู้จักพระเจ้าเที่ยงแท้ปรารถนาจะเป็นคริสตชน นั่นถือว่าเขาได้รับการทรงเรียกจากพระเจ้าและตอบรับการทรงเรียกจากพระองค์ เป็นเรื่องที่น่าชื่นชมยินดี แม้ทูตสวรรค์ก็ยังโห่ร้องเมื่อมีคนหนึ่งกลับใจ
แต่มารจะเจ็บใจเมื่อเห็นคนรับเชื่อหรือล้างบาป เพราะมันรู้ว่ามันแพ้แล้ว

เมื่อรู้อย่างนี้แล้วคงไม่มีคริสตชนคนไหนทำลงหรอกที่จะผลักไสลูกของตัวเองอองจากทางสวรรค์
โดยการสนับสนุนให้เขาจากพระเจ้าองค์เที่ยงแท้ไปหาพระอื่น
วอ เขียน:
*** ว่าแต่ทางโปรมันโตขึ้นก่อนแล้วค่อยล้างก็ได้ไม่ใช่เหรอ???
โปรฯ มีหลายคณะ และบางคณะให้บัพติศมา(ศีลล้างบาป)แก่เด็ก
ส่วนบางคณะจะต้องรับเชื่อด้วยตนเองก่อนจึงจะให้บัพติศมา
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับศาสนศาสตร์ของแต่ละคณะ

โปรฯ กลุ่มที่ให้บัพติศมาแก่ทารกที่เกิดในครอบครัวคริสตชน เพราะ
- บัพติศมาเป็นพระคุณของพระเจ้า เด็กสมควรได้รับ
- พิธีสุหนัตในพันธสัญญาเดิม กระทำเมื่อมีอายุได้ 8 วัน
- หากเด็กตายไปขณะยังไม่สามารถมีความเชื่อ เขาจะอยู่ในพระคุณของพระเจ้า
- พระคุณของพระเจ้าผ่านทางพิธีฯ จะช่วยเด็กที่จะการเติบโตขึ้นในทางของพระเจ้า
- ผู้ปกครองจะต้องปฏิญาณว่าจะสอนเด็กในทางของพระเจ้า
- เมื่อเด็กโตขึ้นจะต้องเข้าพิธียืนยันความเชื่อ เพื่อสัญญากับพระเจ้าด้วยตนเองว่าจะติดตามพระเจ้า
- ฯลฯ
(กลุ่มที่ยึดถือเช่นนี้คือคณะลูเธอร์แรน คณะแองกลิกัน คณะเพรสไบทีเรียน ...)

โปรฯ กลุ่มที่ให้บัพติศมาแก่ผู้ใหญ่ที่ยอมรับพระคริสต์ด้วยตนเองเท่านั้น เพราะ
- ทารกที่เกิดในครอบครัวคริสตชนถูกถวายแด่พระเจ้าในพิธีถวายบุตรเพื่อให้พระเจ้าดูแล
และจะตัดสินใจติดตามพระเจ้าโดยเข้าพิธีบัพติศมาด้วยตัวเองเมื่อโตขึ้น
- พิธีบัพติสมาคือการประกาศตัวว่าจะติดตามพระเจ้า จะเข้าพิธีหรือไม่ต้องตัดสินใจเอง คนอื่นตัดสินใจแทนไม่ได้
- พิธีบัพติสมาต้องจุ่มให้มิด ดังนั้นทารกจุ่มมิดไม่ได้จึงรับไม่ได้
- ฯลฯ
(กลุ่มที่ยึดถือเช่นนี้คือคณะแบ๊พติสต์ คณะเพนเทคอส ...)

อย่างไรก็ตามแม้บางคณะจะไม่ให้บัพติศมาแก่ทารก แต่เขาก็มีพิธีถวายบุตร เพราะเป็นหน้าที่ของพ่อแม่คริสตชนที่จะมอบบุตรของตนแด่พระเจ้า และสัญญาต่อพระองค์ว่าจะเลี้ยงดูเด็กคนนี้ในทางของพระองค์ กวดขันให้เรียนรวี(เรียนคำสอน) อย่างสม่ำเสมอจนกระทั่งเขารับเชื่อพระองค์ด้วยตนเอง เพราะถ้าไม่สอนเขาโอกาสที่เขาจะเลือกพระเจ้าด้วยตนเองมีน้อยกว่า เพราะมารและสิ่งล่อลวงของโลกจ้องเขาอยู่
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ อังคาร ก.ย. 08, 2009 12:01 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Edwardius
โพสต์: 1392
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ต.ค. 12, 2006 3:02 pm
ที่อยู่: Lamphun, Thailand

อังคาร ก.ย. 08, 2009 12:46 am

เรื่องความฝันของครู

1. นอกจากกรณีฝันที่เป็นนิมิตแล้ว ความฝันของคนเราส่วนมากจะมี "พื้นฐาน" ของความฝันอยู่ในประสบการณ์ของผู้ฝันเอง
   ในกรณีของครูคนนี้ "สมมติ" ว่าเค้าเป็นคาทอลิก สิ่งที่เค้าฝันก็น่าจะออกมาในรูปของ เด็กมาขอให้ขอมิสซาให้หน่อย
   กรณีที่บอกว่า ฝันว่าไม่ได้รับอะไรเลย ไม่ได้อะไรเลยนั้น เห็นจะเป็นความฝันในแบบพุทธตามความเชื่อแบบไทยๆ
   ก็คือ นอกจากทำบุญตักบาตร กรวดน้ำ ทำสังฆทาน ฯลฯ ตามแบบพุทธแล้ว อย่างอื่นไปไม่ถึงวิญญาณ

2. เป็นเรื่อปกติที่คนเราจะจดจำ คิดคำนึง และเป็นกังวลเมื่อฝันถึงุคคลที่เสียชีวิตไปแล้ว เพราะ
  ความที่ถูกตัดขาดกันทางกายภาพทำให้คนเรามีความรู้สึกว่า "จะต้องไม่ได้พบกันอีก
  แต่ในความเป็นจริงแล้ว อย่างน้อยที่สุด คนเป็นและคนตายก็เชื่อมโยงกันด้วย "ความทรงจำ"
  แม้จะไม่เป็นจริง แม้จะไม่เป็นเวลาปัจจุบัน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีอิทธิพลกับชีวิต

เรื่องการเสียชีวิตก่อนการได้รับศีลล้างบาป

  ถ้ายืนยันตามเรื่องที่เล่าว่า เด็กเรียนคำสอนอย่างจริงจัง ซึ่งผม "ขอ" สันนิษฐานว่า เด็กมีความเชื่อด้วย
  หลักการของคาทอลิกก็เชื่อว่า เด็กคนนี้ในที่สุดก็ได้รับศีลล้างบาปด้วยความปรารถนา (Baptism by Desire)
  รายละเอียด ขอให้ค้นหากระทู้ที่พูดถึงเรื่องนี้ครับ

ความเชื่อของที่บ้าน-ความเชื่อของเด็ก

1. ปัจจัยที่มีผลต่อความเเชื่อของเด็กก็หลักๆ อยู่ที่ 3 อย่างครับ (1) พระเจ้า (2) ผู้ปกครอง (3) สภาพแวดล้อมอื่นๆ
   สังเกตว่า ในขณะที่คริสตชนไทยผจญกับปัญหาของการดูดวง เข้าทรง บนบาน ฯลฯ ในแบบวิถีไทยๆ ปกติ
   ฝรั่งก็ผจญกับปัญหาลัทธิไร้ศาสนา ลัทธิืบูชางาน-เงิน หรือศาสนาอิสลาม (ไม่ได้โทษนะครับ แต่พูดถึงสภาพแวดล้่อม)
  เพราะอิทธิพลปัจจัยแวดล้อมต่างกัน

2. จริงอยู่ที่พ่อ-แม่ย่อมเป็นที่ไว้ใจของลูกๆ และความเชื่อพ่อแม่ย่อมมีผลต่อลูก "แต่"
  ปัจจุบันเด็กอยู่กับพ่อแม่น้อยลง เฉลี่ยเวลาที่อยู่กัีนจริงๆ ไม่นับการนอน ก็ไม่ถึง 5 ชม. ต่อวัน
  ที่เหลือเด็กมันกได้รับอิทธิืพลจากเรื่องอื่นๆ หรือปัจจัยที่ 3 มากกว่า จึงนับได้ว่า สังคมหล่อหลอมเด็กได้มากที่สุด

3. ทีนี้ การที่พ่อแม่พาเด็กไปเรียนคำสอนในที่สุด ผม "คิดว่า" นั่นเป็นประัเด็นที่เรียกให้เด็กฉุกคิดเรื่องการนับถือศาสนาขึ้นมา
  ในขณะที่เพื่อนๆ วัยเดียวกันยังวิ่งเล่นสนุกสนานเฮฮามากมาย ในทางความเชื่อ และตรรกะด้านศาสนา เด็กคนนี้ก้าวหน้าเกินคนวัยเดียวกัน
  จึงไม่น่าจะแปลกถ้าเด็กจะมีความเชื่อ แม้จะไม่รู้ว่าศีลล้างบาปสำคัญหรือไม่ อย่างไร แต่เด็กก็เรียนรู้ที่จะมีพระเจ้าในชีวิต

แล้วสรุปครูคนนี้เห็นอะไร?

1. คำตอบแบบมนุษย์ๆ ก็ต้องถามกลับว่า เอามาตรฐานของศาสนาไหนมาวัด?
   คำตอบของเรื่องนี้ก็ชัดเจนในหลายๆ กระทู้ที่ผ่านมา ซึ่งถ้าเจาะลึกเข้าๆ ก็จะกลับไปที่เทววิทยาเรื่องคนเป็น-คนตาย

2. กำปั้นทุบดินที่สุดก็คือ ไม่รู้ครับ

แล้วควรทำอย่างไร?

1. บรรทัดฐานของความสบายใจของพ่อแม่ครู คุยกันเองเถอะครับว่าอยากทำอะไร

2. บรรทัดฐานพระศาสนจักร พ่อแม่ควรช่วยเหลือลูกตามวิถีของคาทอลิก เช่น กา่รขอมิสซา การสวดภาวนา ฯลฯ

เรา (คริสตชน) ได้อะไรจากเรื่องนี้?

 ในมุมของผม เราน่าจะได้รับการสอนจากพระองค์เรื่องของการยึดถือความเชื่อ
 หลายครั้งพระองค์ "ทรงอนุญาต" ให้มีการลองใจเรา ดูง่ายๆ โยบ พระเยซู ฯลฯ ก็โดนลองใจมามากมาย
 กรณีของ โยบ กับเรื่องนี้ค่อนข้างชัด ตรงที่ว่า ครอบครัวถูกใช้เป็นเครื่องมือที่จะทำให้โยบบริภาษพระเจ้า
 แต่ในที่สุด พระเจ้าก็ทรงทำให้โยบเห็นว่า ชีวิตที่มีความเชื่อเป็นอย่างไร

 สำหรับผมแล้ว พระเจ้า "ไม่เคย" บอกว่า ทำดีแล้วจะไม่ทุกข์ ทำชั่วแล้วจะไม่สุข แต่เรามีสิทธิ์ที่จะถวายความทุกข์นั้นแต่พระองค์
 ไม่ใช่การถวายฎีกาขออภัยโทษ (เอ๊ย!) แต่เป็นการถวายเพื่อเป็นเกียรติแด่พระทรมานของพระคริสต์ และชเชยบาปของเรา (เราทั้งหลาย)
Kenneth
โพสต์: 73
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.ย. 07, 2009 2:23 pm

อังคาร ก.ย. 08, 2009 12:54 am

Edwardius เขียน: เรื่องความฝันของครู

1. นอกจากกรณีฝันที่เป็นนิมิตแล้ว ความฝันของคนเราส่วนมากจะมี "พื้นฐาน" ของความฝันอยู่ในประสบการณ์ของผู้ฝันเอง
   ในกรณีของครูคนนี้ "สมมติ" ว่าเค้าเป็นคาทอลิก สิ่งที่เค้าฝันก็น่าจะออกมาในรูปของ เด็กมาขอให้ขอมิสซาให้หน่อย
   กรณีที่บอกว่า ฝันว่าไม่ได้รับอะไรเลย ไม่ได้อะไรเลยนั้น เห็นจะเป็นความฝันในแบบพุทธตามความเชื่อแบบไทยๆ
   ก็คือ นอกจากทำบุญตักบาตร กรวดน้ำ ทำสังฆทาน ฯลฯ ตามแบบพุทธแล้ว อย่างอื่นไปไม่ถึงวิญญาณ

2. เป็นเรื่อปกติที่คนเราจะจดจำ คิดคำนึง และเป็นกังวลเมื่อฝันถึงุคคลที่เสียชีวิตไปแล้ว เพราะ
  ความที่ถูกตัดขาดกันทางกายภาพทำให้คนเรามีความรู้สึกว่า "จะต้องไม่ได้พบกันอีก
  แต่ในความเป็นจริงแล้ว อย่างน้อยที่สุด คนเป็นและคนตายก็เชื่อมโยงกันด้วย "ความทรงจำ"
  แม้จะไม่เป็นจริง แม้จะไม่เป็นเวลาปัจจุบัน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีอิทธิพลกับชีวิต

เรื่องการเสียชีวิตก่อนการได้รับศีลล้างบาป

  ถ้ายืนยันตามเรื่องที่เล่าว่า เด็กเรียนคำสอนอย่างจริงจัง ซึ่งผม "ขอ" สันนิษฐานว่า เด็กมีความเชื่อด้วย
  หลักการของคาทอลิกก็เชื่อว่า เด็กคนนี้ในที่สุดก็ได้รับศีลล้างบาปด้วยความปรารถนา (Baptism by Desire)
  รายละเอียด ขอให้ค้นหากระทู้ที่พูดถึงเรื่องนี้ครับ

ความเชื่อของที่บ้าน-ความเชื่อของเด็ก

1. ปัจจัยที่มีผลต่อความเเชื่อของเด็กก็หลักๆ อยู่ที่ 3 อย่างครับ (1) พระเจ้า (2) ผู้ปกครอง (3) สภาพแวดล้อมอื่นๆ
   สังเกตว่า ในขณะที่คริสตชนไทยผจญกับปัญหาของการดูดวง เข้าทรง บนบาน ฯลฯ ในแบบวิถีไทยๆ ปกติ
   ฝรั่งก็ผจญกับปัญหาลัทธิไร้ศาสนา ลัทธิืบูชางาน-เงิน หรือศาสนาอิสลาม (ไม่ได้โทษนะครับ แต่พูดถึงสภาพแวดล้่อม)
  เพราะอิทธิพลปัจจัยแวดล้อมต่างกัน

2. จริงอยู่ที่พ่อ-แม่ย่อมเป็นที่ไว้ใจของลูกๆ และความเชื่อพ่อแม่ย่อมมีผลต่อลูก "แต่"
  ปัจจุบันเด็กอยู่กับพ่อแม่น้อยลง เฉลี่ยเวลาที่อยู่กัีนจริงๆ ไม่นับการนอน ก็ไม่ถึง 5 ชม. ต่อวัน
  ที่เหลือเด็กมันกได้รับอิทธิืพลจากเรื่องอื่นๆ หรือปัจจัยที่ 3 มากกว่า จึงนับได้ว่า สังคมหล่อหลอมเด็กได้มากที่สุด

3. ทีนี้ การที่พ่อแม่พาเด็กไปเรียนคำสอนในที่สุด ผม "คิดว่า" นั่นเป็นประัเด็นที่เรียกให้เด็กฉุกคิดเรื่องการนับถือศาสนาขึ้นมา
  ในขณะที่เพื่อนๆ วัยเดียวกันยังวิ่งเล่นสนุกสนานเฮฮามากมาย ในทางความเชื่อ และตรรกะด้านศาสนา เด็กคนนี้ก้าวหน้าเกินคนวัยเดียวกัน
  จึงไม่น่าจะแปลกถ้าเด็กจะมีความเชื่อ แม้จะไม่รู้ว่าศีลล้างบาปสำคัญหรือไม่ อย่างไร แต่เด็กก็เรียนรู้ที่จะมีพระเจ้าในชีวิต

แล้วสรุปครูคนนี้เห็นอะไร?

1. คำตอบแบบมนุษย์ๆ ก็ต้องถามกลับว่า เอามาตรฐานของศาสนาไหนมาวัด?
   คำตอบของเรื่องนี้ก็ชัดเจนในหลายๆ กระทู้ที่ผ่านมา ซึ่งถ้าเจาะลึกเข้าๆ ก็จะกลับไปที่เทววิทยาเรื่องคนเป็น-คนตาย

2. กำปั้นทุบดินที่สุดก็คือ ไม่รู้ครับ

แล้วควรทำอย่างไร?

1. บรรทัดฐานของความสบายใจของพ่อแม่ครู คุยกันเองเถอะครับว่าอยากทำอะไร

2. บรรทัดฐานพระศาสนจักร พ่อแม่ควรช่วยเหลือลูกตามวิถีของคาทอลิก เช่น กา่รขอมิสซา การสวดภาวนา ฯลฯ

เรา (คริสตชน) ได้อะไรจากเรื่องนี้?

 ในมุมของผม เราน่าจะได้รับการสอนจากพระองค์เรื่องของการยึดถือความเชื่อ
 หลายครั้งพระองค์ "ทรงอนุญาต" ให้มีการลองใจเรา ดูง่ายๆ โยบ พระเยซู ฯลฯ ก็โดนลองใจมามากมาย
 กรณีของ โยบ กับเรื่องนี้ค่อนข้างชัด ตรงที่ว่า ครอบครัวถูกใช้เป็นเครื่องมือที่จะทำให้โยบบริภาษพระเจ้า
 แต่ในที่สุด พระเจ้าก็ทรงทำให้โยบเห็นว่า ชีวิตที่มีความเชื่อเป็นอย่างไร

 สำหรับผมแล้ว พระเจ้า "ไม่เคย" บอกว่า ทำดีแล้วจะไม่ทุกข์ ทำชั่วแล้วจะไม่สุข แต่เรามีสิทธิ์ที่จะถวายความทุกข์นั้นแต่พระองค์
 ไม่ใช่การถวายฎีกาขออภัยโทษ (เอ๊ย!) แต่เป็นการถวายเพื่อเป็นเกียรติแด่พระทรมานของพระคริสต์ และชเชยบาปของเรา (เราทั้งหลาย)
ขอบคุณสำหรับการเสียสละเวลามอบข้อมูลความรู้นี่ให้ครับ ขอบคุณมากๆนะครับ เป็นประโยชน์อย่างยิ่งครับ
Holy Bible
โพสต์: 690
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มี.ค. 09, 2009 12:00 pm

อังคาร ก.ย. 08, 2009 5:09 pm

ผมอยากทราบว่า...
1.การรับศีลล้างบาปด้วยเลือด
2.การรับศีลล้างบาปด้วยความเชื่อ
3.การรับศีลล้างบาปด้วยพระจิตเจ้า
หมายความว่ายังไงครับ ผมงงอ่ะครับโดยเฉพาะการได้รับการรับศีลล้างบาปด้วยน้ำนั้นแตกต่างกับ3.การรับศีลล้างบาปด้วยพระจิตเจ้ายังไงครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ต้นไม้แห่งเจสซี
โพสต์: 343
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ส.ค. 21, 2009 3:33 pm
ที่อยู่: หลุมที่4 สุสานวัดพระราชินีแห่งสันติภาพ อรัญประเทศ
ติดต่อ:

อังคาร ก.ย. 08, 2009 5:26 pm

Holy Bible เขียน: ผมอยากทราบว่า...
1.การรับศีลล้างบาปด้วยเลือด
2.การรับศีลล้างบาปด้วยความเชื่อ
3.การรับศีลล้างบาปด้วยพระจิตเจ้า
หมายความว่ายังไงครับ ผมงงอ่ะครับโดยเฉพาะการได้รับการรับศีลล้างบาปด้วยน้ำนั้นแตกต่างกับ3.การรับศีลล้างบาปด้วยพระจิตเจ้ายังไงครับ
: emo038 : การรับศีลล้างบาปด้วยเลือด คือ สละชีวิตเพื่อพระศาสนจักรเที่ยงแท้

: emo010 : การรับศีลล้างบาปด้วยความเชื่อ หรือเรียกอีกอย่างว่าล้างบาปด้วยไฟ คือ ปรารถนาโดยจริงใจจะรับศีลล้างบาป และมีความรักต่อพระเป็น

เจ้าทั้งเป็นทุกข์ถึงบาปที่ตนได้กระทำไว้

: xemo031 : การรับศีลล้างบาปด้วยพระจิตเจ้า น่าจะเป็นอันเดียวกับการรับศีลล้างบาปด้วยน้ำ คือ ผู้ที่รับศีลล้างบาปจะต้องรู้และยอมเชื่อข้อคำสอน

สำคัญ  รู้บทสวดสำคัญ  และเป็นทุกข์ถึงบาปที่ตนทำไว้  พระสงฆ์จะใช้น้ำธรรมชาติเทบนศีรษะของผู้รับศีลล้างบาปพลางกล่าวว่า

" ฉันล้างท่าน เดชะพระนาม พระบิดา และพระบุตร และพระจิต "  : xemo026 :
ตอบกลับโพส