แต่..
สาเหตุมันมี
เมื่อช่วงปลายเดือนที่แล้ว ข่าวเรื่องรัฐบาล ต้องการซื้อสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล และเรื่องสถานการณ์ทางภาคใต้ บดบังข่าวใหญ่ข่าวหนึ่ง ซึ่งมีกำเนิด ที่ความขัดแย้ง ระหว่างภาคเหนือ กับภาคใต้เช่นกัน นั่นคือ ข่าวการลงนาม ยุติสงครามกลางเมือง ในประเทศซูดาน ระหว่างฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายขบถ ซึ่งต้องการแบ่งแยกดินแดน ทางภาคใต้ของประเทศนั้น ออกเป็นเอกราช
ผมติดตามความเป็นไปในประเทศซูดานมานาน เพราะซูดาน เป็นประเทศหนึ่ง ซึ่งคิดว่า จะสามารถต้านความเชี่ยว ของกระแสโลกได้ โดยการไม่ยอมจ่ายเงินชำระหนี้ ที่มีต่อกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ชาวซูดานได้บทเรียนอันแพงลิ่วเมื่อประเทศถูกคว่ำบาตรจากสถาบันการเงินของมหาอำนาจผู้คุมกระแสโลก การคว่ำบาตร ซึ่งทำให้ซูดาน ไม่สามารถค้าขายกับต่างประเทศ ได้อย่างสะดวก และสงครามกลางเมือง เป็นสาเหตุใหญ่ ที่ก่อให้เกิดความอดอยากทั่วไป ในประเทศนั้น
ย้อนไปเมื่อหลายปีก่อน นักถ่ายภาพข่าวชาวออสเตรเลียคนหนึ่ง จับภาพความอดอยาก อันแสนโหดร้ายนั้นได้อย่างแจ้งชัด ภาพนั้น ได้รับรางวัลพูลิตเซอร์ และแพร่กระจายไปทั่วโลก รวมทั้งบนหน้าหนังสือพิมพ์บางฉบับในเมืองไทยด้วย ผมยังจำภาพนั้นติดตามาจนทุกวันนี้ เป็นภาพของเด็กผอมโซคนหนึ่งซึ่งอายุคงราว 3-4 ขวบ ฟุบหน้าอยู่ในท่ากึ่งโก้งโค้งลงบนพื้นดินโล่งๆ ที่ไหนสักแห่ง ความหิวโหยคงทำให้แกหมดแรง ไม่สามารถพยุงร่างกายเดินต่อไปได้อีก
แต่แกไม่ได้ฟุบอยู่เพียงผู้เดียว หากมีแร้งตัวหนึ่งซึ่งคงคาดว่าอีกไม่ช้าจะได้กินอาหารอันโอชะลงมาจับอยู่ใกล้ๆ ด้วย เกิดอะไรกับเด็กคนนั้นในกาลต่อไปไม่เป็นที่ปรากฏ แต่ต่อมามีข่าวว่าการถ่ายภาพทำนองนั้น สร้างความรันทดหดหู่ใจให้กับช่างภาพจนเขาทนไม่ไหว จึงลาโลกไปด้วยน้ำมือของตัวเอง
ซูดานอยู่ค่อนไปทางตะวันออกของทวีปแอฟริกา มีเนื้อที่มากที่สุดในทวีปนั้น หรือประมาณ 5 เท่าของเมืองไทย แต่มีประชากรราวครึ่งหนึ่งของเราเท่านั้น ประชากรทางตอนเหนือเป็นชนเชื้อชาติอาหรับ และนับถือศาสนาอิสลามเป็นส่วนใหญ่ ส่วนประชากรทางตอนใต้เป็นชนชาติผิวดำของแอฟริกา ซึ่งนับถือศาสนาคริสต์ส่วนหนึ่งและนับถือภูติผีปิศาจอีกส่วนหนึ่ง
กลุ่มเชื้อชาติอาหรับเป็นผู้คุมรัฐบาลและต้องการใช้หลักศาสนาอิสลามเป็นกฎหมายปกครองประเทศ แต่ฝ่ายแอฟริกันมักไม่ยอม นำไปสู่ความขัดแย้ง และเป็นหนึ่งในสาเหตุของสงครามกลางเมืองซึ่งเริ่มเมื่อปี 2526 และคร่าชีวิตชาวซูดานไปประมาณ 2 ล้านคน
ภูมิประเทศทางตอนเหนือเป็นทะเลทราย ส่วนทางตอนใต้เป็นป่า สาขาทั้ง 2 ของแม่น้ำไนล์ไหลมาบรรจบกันที่นครคาร์ทูม เมืองหลวงของซูดาน ก่อนที่จะไหลผ่านอียิปต์ไปลงทะเลเมดิเตอร์เรเนียน น้ำและภูมิอากาศอันหลากหลาย ทำให้ซูดานทำการเกษตรได้ดี และมีประวัติยาวนานในการผลิตฝ้าย ยางสีเสียดแอฟริกา และเมล็ดงาชั้นเยี่ยม นอกจากนั้นซูดานยังมีทุ่งเลี้ยงสัตว์กว้างใหญ่ไพศาลและน้ำมันปิโตรเลียม
น้ำมันเริ่มเป็นสินค้าออกสำคัญของประเทศเมื่อราว 5 ปีที่ผ่านมา แต่ในช่วงเวลาเพียงสั้นๆ น้ำมันได้พิสูจน์ตัวเองอีกครั้งหนึ่งว่า มันเป็นทั้งพรสวรรค์และคำสาป
ทางด้านการเป็นพรสวรรค์นั้นมองเห็นได้ไม่ยาก เพราะน้ำมันให้พลังงานต่อกิจการสารพัด และทำรายได้ ในรูปของเงินตราต่างประเทศ ให้แก่รัฐบาลทันทีเมื่อเริ่มเป็นสินค้าออก นอกจากนั้นธุรกิจเกี่ยวกับการผลิตน้ำมัน ยังจ้างคนงานจำนวนหนึ่งอีกด้วย
ส่วนคำสาปเห็นได้ยากกว่าและออกมาในหลายรูปแบบ เนื่องจากพื้นที่ซึ่งมีน้ำมันอยู่ค่อนไปทางตอนใต้ของประเทศ การสู้รบระหว่างรัฐบาลและฝ่ายต้องการแยกแผ่นดินมีจุดหมายหนึ่งเพื่อครองพื้นที่ส่วนนั้นพร้อมกับน้ำมันซึ่งอยู่ใต้ดิน เมื่อรัฐบาลเข้าควบคุมพื้นที่นั้นได้และขายน้ำมันเป็นเงินตราต่างประเทศจำนวนมาก แทนที่จะใช้เงินนั้นเพื่อการพัฒนา กลับนำไปใช้ซื้ออาวุธเพื่อปราบขบถและกดขี่ขมเหงชนเผ่าอื่นเพิ่มขึ้นอีก
ข่าวที่ออกมามักอ้างว่า สงครามกลางเมืองเป็นเรื่องของความขัดแย้งทางศาสนา เรื่องนี้มีมูลความจริงอยู่บ้าง เพราะรัฐบาลต้องการใช้หลักศาสนาอิสลาม เป็นกฎหมายของประเทศ และได้รับการสนับสนุน จากกลุ่มมุสลิมแนวตกขอบเช่น โอซามา บิน ลาเดน หัวหน้าองค์การอัลกออีดะห์ ซึ่งอาศัยอยู่ในซูดานระหว่างปี 2534-2539
แต่นั่นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของปัญหา ลึกลงไปได้แก่ความแตกแยกในสังคม ซึ่งมีมาตั้งแต่ซูดานได้เอกราชจากอังกฤษ และอียิปต์ เมื่อปี 2499 พวกเชื้อชาติอาหรับบริหารประเทศ มาตั้งแต่เป็นเอกราช แต่ก็ช่วงชิงอำนาจกันเองมาตลอด เมื่อได้อำนาจก็ฉ้อฉล มุ่งสร้างความร่ำรวยให้แก่เฉพาะพรรคพวกของตนเท่านั้น และกดขี่ข่มเหงพวกเชื้อชาติแอฟริกัน การกดขี่ข่มเหงนั้นรวมถึงการไล่จับพวกแอฟริกันไปทำทาสด้วย ส่วนพวกแอฟริกันเองก็แตกแยกกันเป็นหลายกลุ่ม เพราะพวกเขามีหลายเผ่าพันธุ์และพูดภาษาต่างกันถึงกว่าร้อยภาษา
ความแตกแยกในสังคม การกดขี่ของพวกที่มีอำนาจ ความฉ้อฉลและความหลงผิด คิดว่าตนจะต้านกระแสโลกได้ ทำให้เกิดความยากจนอย่างแพร่หลาย ทั้งที่ซูดานมีฐานทางเศรษฐกิจค่อนข้างแข็งแกร่งเมื่อได้เอกราช
ฉะนั้นปัญหาของซูดานไม่น่าจะยุติง่ายนักแม้ข้อตกลงระหว่างรัฐบาลกับฝ่ายขบถจะแบ่งปันทรัพยากร และอำนาจกันอย่างชัดเจน และเปิดโอกาสให้ฝ่ายใต้สำรวจประชามติว่า จะร่วมอยู่กับฝ่ายเหนือ หรือแยกตัวเป็นเอกราชในปี 2553 ทั้งนี้เพราะทั้งฝ่ายเหนือและฝ่ายใต้ยังแตกแยกกันภายในเหมือนเดิม นอกจากนั้นระบบสังคมและการเมืองของเขาไม่มีหลักประกันว่าผู้มีอำนาจจะไม่ฉ้อฉลเพื่อประโยชน์ของพวกตนเท่านั้น ความไม่เป็นธรรมในสังคมประกอบกับความยากจนจะมีต่อไป และเป็นชนวนให้เกิดความแตกแยกรุนแรงขึ้นอีก
ณ วันนี้มีข่าวสะพัดออกมาทุกวันแล้วว่า รัฐบาลได้หันไปปราบปรามผู้ที่อยู่ทางฝั่งตะวันตกของประเทศอย่างโหดร้าย เพราะพวกเขาต่อต้านข้อตกลงกับฝ่ายใต้ซึ่งไม่แบ่งผลประโยชน์ให้พวกเขาด้วย การปราบปรามนั้นแพร่หลายจนกำลังกลายเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ในภาวะเช่นนี้โอกาสที่พื้นที่แถบนั้นจะสงบและพัฒนาให้ก้าวไปอย่างมั่นคงมีน้อยมาก
เรื่องของซูดานไม่ต่างกับเรื่องของไนจีเรีย ซึ่งปรากฏในคอลัมน์นี้เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมามากนัก สาเหตุของความขัดแย้งมักสลับซับซ้อนเกินกว่าจะเป็นเรื่องของศาสนาหรืออะไรเพียงอย่างเดียว ความไม่เป็นธรรมในการกระจายทรัพยากรและรายได้ประชาชาติ และการใช้อำนาจรัฐอย่างไม่เหมาะสม ของเจ้าหน้าที่มีส่วนทำให้ความขัดแย้งรุนแรงยิ่งขึ้น
ฉะนั้นการแก้ปัญหาจะต้องอาศัยความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ไม่เพียงทุ่มเงินเข้าไปหรือใช้อำนาจ หากต้องใช้หลักวิทยาศาสตร์และปรัชญา หรือหลักอริยสัจ 4 หากนั่นเป็นหลักของการแก้ปัญหาทางภาคใต้ของไทย ปัญหาน่าจะค่อยๆ คลี่คลายลง หากไม่มีความเข้าใจ ไม่จริงใจและมุ่งใช้เงิน อำนาจและการสร้างภาพ ไม่มีวันที่ปัญหาจะหมดไป ไม่ว่าจะเป็นใน 1 เดือน 1 ปีหรืออีกกี่ชั่วคนก็ตาม
http://www.nidambe11.net/ekonomiz/2004q ... ne25p4.htm
(รัฐบาลมุสลิมห่วยนั่นเอง ประเทศชาติแตกแยก ใช้เงินในทางที่ผิด)
หมายเหตุ ไม่ได้บอกว่ามุสลิมห่วย