
ปลาเป็นสัญลักษณ์ที่รู้จักกันดีในหมู่คริสตชนยุคแรก บรรดาปิตาจารย์ของพระศาสนจักรใช้ปลาเป็นสัญลักษณ์ขององค์พระผู้ไถ่ ผู้ทรงมอบพระองค์เป็นอาหารสำหรับผู้มีความเชื่อ นอกจากนั้นปลายังถือเป็นสัญลักษณ์ของศีลล้างบาปด้วย เราพบสัญลักษณ์รูปปลา หรือตัวอักษรของคำว่า “ปลา” ตามอนุสรณ์สถานต่างๆ ในช่วงคริสตศตวรรษแรก
ปลาในพันธสัญญาเดิม
ในหนังสือโทบิต ปลามีบทบาทสำคัญที่สุด หนุ่มโทบียาห์ออกเดินทางไกลเพื่อทวงเงินที่บิดาตาบอดให้กาบาเอลยืมไป อัครเทวดาราฟาแอลเป็นผู้นำทางโทบียาห์ ระหว่างทางมีปลาใหญ่ “เมื่อแหย่เท้าลงไปในลำน้ำเพื่อล้างเท้า ก็มีปลาใหญ่ตัวหนึ่งโผล่ขึ้นมา เกือบจะกัดขาของโทบียาห์ อารามตกใจโทบียาห์ร้องลั่นพร้อมกับพูดว่า พระเจ้าข้าปลามาทำร้ายลูก เทวดาจึงพูดกับเขาว่า จงจับที่เหงือกของมันและลากมันขึ้นมา เมื่อโทบียาห์ทำตามก็ลากปลาขึ้นมาบนพื้นดินได้” (ทบ 6, 2-4)

อัครเทวดาสั่งหนุ่มโทบียาห์ให้เก็บหัวใจและดีปลาไว้ ส่วนเนื้อปลานั้นทั้งสองใช้กินเป็นอาหาร หนุ่มโทบียาห์เผาหัวใจปลาเป็นการขับไล่ปีศาจที่ฆ่าสามีของซาราห์ในวันแรกของการแต่งงานทั้ง 7 ครั้งของเธอ ซึ่งต่อมาซาราห์ได้เป็นภรรยาของหนุ่มโทบียาห์ และด้วยการนำดีปลามาถูที่นัยน์ตาทั้งสองข้างของบิดา ทำให้บิดากลับมองเห็นได้อีกครั้งหนึ่ง ดังนั้นปลาจึงเป็นอาหารทั้งสำหรับร่างกายและเป็นโอสถรักษาวิญญาณด้วย อย่างไรก็ตาม หัวใจและดีปลาเป็นเพียงสื่อกลางให้พระพร ของพระเจ้าทำงานช่วยรักษาโทบิต ข้ารับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระองค์ และยังช่วยขับไล่ปีศาจร้ายออกจากซาราห์อีกด้วย

ในหนังสือโยนาห์ ปลาเป็นเครื่องมือการลงโทษของพระเจ้า เมื่อพระองค์ทรงมีพระวจนะให้โยนาห์ไปยังนีนะเวห์ เพื่อทำให้ชาวเมืองกลับใจ แต่โยนาห์ขัดคำสั่งและลงเรือของชาวฟีนีเซียเพื่อหลบไปเมืองอื่น แต่พระเจ้าทรงให้เกิดพายุใหญ่ จนโยนาห์จำต้องสารภาพผิดต่อพระเจ้าให้ลูกเรือทราบ จากนั้นก็ถูกโยนทิ้งทะเล “และพระเจ้าทรงเตรียมปลามหึมาตัวหนึ่งกลืนโยนาห์เข้าไป โยนาห์ก็อยู่ในท้องปลานั้นสามวันสามคืน แล้วโยนาห์ก็อธิษฐานต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจากภายในท้องปลานั้น” (ยนา 2, 1-2) หลังจากผ่านไป 3 วัน ปลาตัวนั้นก็คายโยนาห์ไว้บนหาดทราย โยนาห์ร้องเพลงสรรเสริญพรฤทธานุภาพของพระเจ้า และประกาศพระวจนะทำให้ชาวเมืองนีนะเวห์กลับใจ
ภายหลัง พระเยซูเจ้าตรัสถึงการกลับคืนพระชนมชีพของพระองค์โดยทรงเล่าเรื่องของโยนาห์ว่า “โยนาห์อยู่ในท้องปลาสามวันสามคืนฉันใด บุตรแห่งมนุษย์ก็จะอยู่ในท้องแผ่นดินสามวันสามคืนฉันนั้น” (มธ 12, 40)