เล่าเรื่องหลังกลับจาก บ.ดินขาว แม่แจ่ม 15-18 พ.ย. 2012

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
sansrepos
โพสต์: 460
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 04, 2005 6:23 pm

จันทร์ พ.ย. 19, 2012 10:58 am

เช้าวันพฤหัสผมนั่งรถตู้ของทางรพ.ไปกับท่านอธิการิณี (เซอร์อาเดลา) และหน.ฝ่ายบริการทั่วไปของรพ.ไปสนามบินดอนเมืองเพื่อขึ้นเครื่องบินของ Air Asia ที่คุณเลขาแพทย์ได้จองไว้ การเดินทางมีขลุกขลักบ้างเล็กน้อย ราว 10 โมงเช้าเราก็มาถึงสนามบินเชียงใหม่ เซอร์มารีอักแนสท่านอธิการิณีของรร.เซนต์โยเซฟแม่แจ่มมารับด้วยตนเอง พร้อมกับโชเฟอร์เจ้าของพื้นที่ เราได้รับแจ้งว่าคณะของเราที่ประกอบด้วยจนท.รพ.เซนต์เมรี่ โคราช และนศ.พยาบาลปี 4 จากวิทยาลัยเซนต์หลุยส์อีก 8 คนที่มากับรถมินิบัสได้ขนถ่ายของบริจาคและสัมภาระลงรถกระบะอีกคันและได้เดินทางล่วงหน้าไปก่อนแล้ว

คุณแม่อธิการได้ให้เราแวะสะสมเสบียงจากในเวียงเจียงใหม่ก่อน ซื้อของกินไปเต็มคันรถ จากนั้นไปแวะกินมื้อกลางวันที่ อ.จอมทอง จากนั้นก็เดินทางข้ามผ่านดอยอินทนนท์ไปยัง อ.แม่แจ่ม
sansrepos
โพสต์: 460
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 04, 2005 6:23 pm

จันทร์ พ.ย. 19, 2012 12:34 pm

อาการปวดศีรษะไมเกรนเริ่มรบกวนผมหลังจากเดินทางออกจากเวียงเจียงใหม่ เหตุเพราะตื่นมาขึ้นรถแต่เช้ามืด แล้วมาเจออากาศร้อนกลางตลาด หลังมื้อกลางวันที่ อ.จอมทอง เราเดินทางข้ามดอยอินทนนท์ มายัง อ.แม่แจ่ม แล้วขึ้นดอยอีกรอบเพื่อมุ่งไปยัง ต.ปางหินฝน หลังจากผ่านแนวป่าสนมาได้ไม่นานก็เข้าเขต ต.ปางหินฝน เริ่มพบเห็นดอกบัวตองประปรายตาม 2 ข้างทาง เราจอดแวะเก็บรูปและทักทายชาวปกากะญอที่กำลังเก็บมะเขือเทศ ในที่สุดก็มาถึง รร.เซนต์โยเซฟแม่แจ่ม อากาศเย็นสบายบนดอยทำให้อาการไมเกรนหายไป ตอนนี้เราอยู่บนความสูงประมาณ 1,350 เมตรจากระดับน้ำทะเล บนนี้แทบไม่มีหน้าร้อน
sansrepos
โพสต์: 460
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 04, 2005 6:23 pm

อังคาร พ.ย. 20, 2012 4:15 pm

จากด้านหน้ารร.รถของเราต้องขับวนไปตามความลาดชันของสภาพพื้นที่ไปถึงบริเวณที่ตั้งของบ้านพักมาเซอร์ หอประชุม และห้องพักของแขก เห็นระดับความสูงเพิ่มขึ้นมาอีกราวๆ 35 ม. ถ้าเดินก็เหนื่อยนิดเลยหละครับแต่อากาศเย็นทำให้ไม่เหนื่อยมากแต่ถ้ามีปัญหาข้อเข่านี่เอาเรื่องอยู่

น้องๆนร.โบกมือทักทายคณะของเราด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสบางคนก็ยกมือไหว้ ท่าทางพวกเค้าจะดีใจมากที่มีแขกมาเยือน

ข้อมูลปัจจุบันรร.แห่งนี้มีนร.ตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล 2 ถึง ป.6 รวมๆกันก็ประมาณ 360 คน เกือบทั้งหมดเป็นชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยง (ปกากะญอ) มีส่วนน้อยเป็นชาวม้ง คุณครูผมไม่แน่ใจน่าจะเป็นชาวปกากะญอทั้งหมด มีนร.ประมาณ 50 คนที่ไม่ได้เป็นนร.ประจำ เพราะเป็นคนหมู่บ้านดินขาวนี่เอง ที่เหลือกว่า 300 คนเป็นเด็กประจำที่มาจากหมู่บ้านอื่นๆ ทั้งหมดนับถือคาทอลิกครับ
sansrepos
โพสต์: 460
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 04, 2005 6:23 pm

พุธ พ.ย. 21, 2012 11:48 am

ช่วงค่ำของวันพฤหัสที่ 15 พ.ย. มีการทักทายแนะนำทีมที่เดินทางมาที่นี่กับน้องๆนร. เริ่มจากท่านอธิการิณีของรพ.เซนต์เมรี่ก่อน และปิดท้ายเป็นกิจกรรมสันทนาการโดยกลุ่มนศ.พยาบาลปี 4 ทั้ง 8 คนที่เดินทางมากับเรา เด็กๆดูจะสนุกสนานมากเสียงดังลั่นหอประชุม

ผมได้พูดคุยทำความรู้จักกับอาสาสมัครชาวต่างชาติที่มาเป็นครูที่นี่ชั่วคราว หลักๆคงจะสอนภาษาอังกฤษ (แต่ไม่มีสักคนที่พูดอังกฤษเป็นภาษาแม่) หลักๆเป็นอาสาสมัครจากองค์กรณ์ Fidesco International ซึ่งมีที่ตั้งอยู่ที่ปารีส ฝรั่งเศส สมาชิกอาสาสมัครที่ผมได้คุยด้วยเป็นสองสาวจากเยอรมนี และโปแลนด์ หลักๆพวกนี้จะมาอยู่วาระละประมาณ 2 ปี ต้องออกค่าใช้จ่ายเองอีกตะหาก แต่กินอยู่ฟรี ไม่รักจริงไม่มีใครมาทำแน่ๆ

วันต่อมาได้เจออีกกลุ่มเป็นชาวฝรั่งเศสสังกัดคณะมิสซังต่างปท.แห่งปารีส (M.E.P.) กลุ่มนี้จะมาอยู่คนละ 5 เดือน

เดี๋ยวจะเล่าต่อเรื่องตรวจคนไข้ครับ
sansrepos
โพสต์: 460
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 04, 2005 6:23 pm

พุธ พ.ย. 21, 2012 3:11 pm

เช้าวันที่ 16 พ.ย. เป็นวันศุกร์ วันนี้ตื่นแต่เช้ามืดอีกแล้ว เพราะนัดกับมาเซอร์อธิการที่ดูแลรร.ที่นี่ว่าจะไปชมพระอาทิตย์ขึ้นจากยอดดอยที่อยู่ใกล้ๆพร้อมพวกน้องๆนศ. ยอดดอยที่ว่าห่างจากรร.ไม่ไกลนักน่าจะสัก 3 กม.แต่เส้นทางค่อนข้างวิบาก ปีนี้หนาวช้าอย่างที่ทราบ แต่บนยอดดอยตอนเช้ามืดมันก็หนาวหน่อยๆโดยธรรมชาติอยู่แล้วประกอบกับลมแรงทำให้ป่วยได้ง่ายๆเหมือนกัน

หลัง 8 น. ก็เริ่มกิจกรรมตรวจสุขภาพกัน นร.ตั้งแต่ชั้น อนุบาล 2 ไปถึง ป.6 รวมๆกันราว 360 คนทยอยกันมาตามชั้นเรียน และนั่งเป็นแถวอย่างเรียบร้อยให้พวกน้องนศ.พยาบาลตรวจ หากพบปัญหาสุขภาพหรือการเจ็บป่วยก็จะส่งต่อให้ผม (หมอคนเดียวในคณะ) อีกที ตอนแรกเราก็คิดว่าสบายแล้วอย่างนี้นั่งคุมเชิงพอเป็นพิธีแค่นั้นแหละคงไม่มีอะไรมาก ที่ไหนได้มีเด็กป่วยที่น้องนศ.ส่งมาให้ผมตรวจร่วมร้อยคน กว่าจะตรวจเสร็จก็ล่อไป 5 ชม.กว่า แถมเจอเด็กไอใส่ไปหลายคน (วันที่เดินทางกลับผมก็ป่วยไปด้วย แต่ท่านอธิการิณีรพ.ป่วยก่อนผมอีก) อากาศบนนี้เย็นทั้งปีและมีลมแรง ฉะนั้นแม้จะไม่เข้าหน้าหนาวแต่มันก็เย็นพอที่เด็กๆจะต้องสวมเสื้ออย่างน้อย 2 ชั้นมาเรียน เสื้อชุดปกากะญอที่น้องๆใส่มาเรียนผ้ามันหนาใช้ได้แต่มันเปิดตรงคอโล่ง ทำให้รับลมเย็นเต็มๆ

เนื่องจากตื่นแต่มืดมา 2 วันติดอันผิดวิสัยคนขี้เกียจตื่นเช้าแบบเราตอนบ่ายเลยหลบไปงีบซะหน่อย สักพักมาเซอร์อธิการรร.ก็มาตามผม บอกว่าช่วยไปฝังเข็มให้คุณพ่อเจ้าวัดหน่อย (ที่นัดกันไว้เมื่อวันแรกที่มาถึง คุณพ่อบอกว่าท่านมีปัญหากระดูกทับเส้นประสาทที่หลัง)
sansrepos
โพสต์: 460
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 04, 2005 6:23 pm

พุธ พ.ย. 21, 2012 4:19 pm

ระหว่างทำการฝังเข็มให้คุณพ่อเจ้าวัดผมก็ถือโอกาสพูดคุยกับคุณพ่อ ก็ทำให้ได้ทราบข้อมูลคร่าวๆของพื้นที่แถบนี้ อ.แม่แจ่ม มีประชากรไม่ถึง 6 หมื่นคน มีชาวคาทอลิกประมาณ 4 พันคน ส่วนมากเป็นชาวปกากะญอ (กะเหรี่ยง) มีชาวเขาเผ่าอื่นๆบ้างแต่น้อย คริสตชนโปรเตสแตนท์ก็มีพอสมควรจำนวนใกล้ๆกัน

มิสซังเชียงใหม่มีจำนวนพี่น้องคาทอลิกมากกว่ามิสซังโคราชที่ผมอยู่เกือบ 10 เท่า เกือบทั้งหมดเป็นชนเผ่าชาวเขา ที่เป็นคนไทยกลาง คนเหนือล้านนา หรือคนไทยเชื้อจีน นี่น้อยมากๆ อาจจะแค่ 3% เท่านั้นเองครับ

ปัญหาสำคัญเรื่องหนึ่งคือเรื่องภาษา คนรุ่นผู้ใหญ่วัยกลางคนขึ้นไปหรือแม้แต่หนุ่มสาวบางคนพูดภาษาไทยไม่ได้ ภาษาเหนือก็ไม่ได้ เวลาไปหาหมอที่รพ.หลายๆครั้งคุณพ่อเองก็พาไปและต้องเป็นล่ามให้ ตัวคพ.เองเป็นชาวปกากะญอเช่นกันแต่เป็นคนอำเภออื่น

ถ้ามาเป็นแพทย์ประจำรพ.ที่แม่แจ่มนี่ต่อให้คนป่วยไม่เยอะ แต่แค่การสื่อสารกับคนป่วยและญาติอย่างเดียวก็เหนื่อยแล้ว

วัดคาทอลิกประจำบ้านดินขาวนี่ชื่อวัดแม่พระนิจจานุเคราะห์ เป็นอาคารโบสถ์แบบโกธิค ปูพื้นด้วยหินอ่อน เวลาไปฟังมิสซาจะต้องนั่งกับพื้นเย็นๆแต่มีพรมผืนเล็กๆให้รองนั่ง ตัววัดอยู่สูงจากรร.เซนตโยเซฟประมาณ 20 เมตร (ผมใช้นาฬิกา Casio Protrek คำนวณเอา) เวลาเดินขึ้นนี่เมื่อยน่องเอาการเลย ถ้าคนไม่ค่อยได้ออกกำลังมานี่เสร็จ ถ้าคนที่มีปัญหาข้อเข่านี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ได้พลีกรรมกันก่อนถึงหน้าวัดเลยแหละครับ
sansrepos
โพสต์: 460
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 04, 2005 6:23 pm

พุธ พ.ย. 21, 2012 4:29 pm

น้องๆนร.รร.เซนต์โยเซฟแม่แจ่มนี่เค้าจะต้องเดินจากรร.ขึ้นไปยังวัดวันละ 2 รอบ ครั้งหนึ่งเพื่อสวด และอีกครั้งเพื่อไปฟังมิสซาประจำวัน ซึ่งไม่แน่ว่าคุณพ่อของเราจะทำมิสซาเย็นหรือเช้า ถ้ามิสซาเช้าก็สวดเย็น

วันศุกร์ที่ 16 พ.ย.ตอนเย็นผมก็ได้ไปร่วมมิสซากับเค้าด้วย น้องๆสัตบุรุษร้องเพลงกันเพราะมากแต่ผมฟังไม่ออกเลยเพราะเป็นภาษากะเหรี่ยงล้วนๆ จริงๆก็คือมิสซาภาษาปกากะญอนั่นแหละครับ เพลงที่ใช้ก็เป็นทำนองเพลงวัดคาทอลิกไทยๆเรานี่แหละแต่ภาษาไม่ใช่ คุณพ่อบอกว่าสัตบุรุษทั้งหมดที่นี่เป็นชาวปกากะญอ ที่เป็นชาวม้งมีน้อย มาเซอร์ที่ประจำที่นี่ก็อยู่นานแล้วพอฟังภาษาออก แต่จะมีการทำมิสซาภาษาไทยเป็นบางวันเพื่อฝึกภาษาให้กับเด็กๆ (นับเป็นรร.คาทอลิก 2 ภาษาอีกแบบหนึ่งครับ) บางมิสซาคพ.จะแปลเป็นภาษาอังกฤษสั้นๆให้พวกอาสาสมัครฝรั่งฟังด้วยครับ

แม้ปีนี้จะหนาวช้า แต่การอาบน้ำบนดอยสูงตอนกลางคืน โดยไม่มีน้ำอุ่นก็อาจจะเป็นปัญหากับบางท่านได้ มาที่นี่ควรอาบน้ำกลางวันจะดีกว่าครับ ถ้าคุณเลือกได้

ส่วนพวกนร.เค้าอาบน้ำรวมๆกัน ดูไปก็ความรู้สึกคล้ายๆในค่ายทหาร สมัยผมเรียนรด.ไปเข้าค่ายที่เขาชนไก่ก็แบบนี้
s.gabriel
โพสต์: 1011
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.พ. 27, 2009 2:21 pm

พุธ พ.ย. 21, 2012 9:42 pm

มารออ่านต่อครับ
sansrepos
โพสต์: 460
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 04, 2005 6:23 pm

พฤหัสฯ. พ.ย. 22, 2012 12:34 pm

วันนี้ยุ่ง เดี๋ยวมาเล่าต่อเรื่องไฟฟ้าที่มีใช้บนนี้ครับ
sansrepos
โพสต์: 460
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 04, 2005 6:23 pm

พฤหัสฯ. พ.ย. 22, 2012 2:38 pm

ระบบไฟฟ้าที่ใช้ในรร.กับวัดที่นี่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์โดยมีแผงเซลล์สุริยะอยู่หน้ารร.ให้เห็นเลยครับ หมู่บ้านอื่นๆในตำบลเดียวกันเท่าที่นั่งรถผ่านผมก็เห็นเค้าใช้แบบนี้ ฟังดูทันสมัยประหยัดพลังงานแต่ในความเป็นจริงมันไม่พอใช้หรอกครับ ถ้ามีกิจกรรมอะไรหน่อยนี่ค่ำๆไฟก็ดับหมดแล้ว ถ้าไม่มีอะไรพิเศษก็ใช้ได้ถึงกลางดึก ที่บ้านพักมาเซอร์มีตู้เย็นกับเครื่องทำน้ำอุ่นแต่ไม่ได้ใช้เพราะไฟไม่พอครับ

ระหว่างทางที่นั่งรถขึ้นดอยมาผมเห็นมีการสร้างเสาไฟฟ้าตามถนน มาเซอร์บอกว่ากลางปี 2013 หรือไม่ก็ปลายปีจะได้ใช้ แต่เรามีปัญหาว่าไม่รู้จะเอาตังค์ที่ไหนมาจ่ายค่าไฟ
sansrepos
โพสต์: 460
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 04, 2005 6:23 pm

พฤหัสฯ. พ.ย. 22, 2012 11:13 pm

ผมเองก็งงๆว่ารร.กับวัดที่นี่สร้างอย่างดีขนาดนี้ทำไมแค่ค่าไฟฟ้าจะจ่ายไม่ไหวเชียวหรือ ก็ได้รับคำตอบจากมาเซอร์ว่าเราได้งบก้อนใหญ่มาสร้างอย่างเดียว แต่การจะอยู่ต่อไปเราต้องหาสตางค์เองครับ และนร.ที่นี่ซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นนร.ประจำเสียด้วยเรียนฟรีและอยู่ฟรีครับ

มาเซอร์บอกว่าเรามีที่ดินรอบๆอยู่บ้างคงจะต้องให้พวกนร.ปลูกผักขาย ผมก็ว่าปลูกผักมันจะได้สักกี่ตังค์เชียว ต่อให้พืชเมืองหนาวราคาแพงก็เหอะ แต่ถ้าปลูกกาแฟอาราบิก้าผมอาจจะขอความช่วยเหลือด้านคำปรึกษาจากคุณลุงปรารภแห่งชมรมอาราบิก้าไทย ลุงแกอยู่ที่ อ.สันป่าตองไม่ไกลจากที่นี่นัก แต่ถ้าเปิดที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ก็น่าจะเป็นอีกทางเลือก ลองคิดดูว่าที่นี่ตั้งอยู่บนดอยสูงอากาศเย็นสบายทั้งปี (แต่เที่ยวหน้าฝนคงลำบากเรื่องการเดินทาง ยกเว้นพวกชอบ off road) เดือนนี้มีดอกบัวตองให้ดูถึงข้างวัดและหน้ารร.ไม่ต้องไปไกลถึง จ.แม่ฮ่องสอน มีจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นและตก ที่สวยสูสีกับภูดอยดังๆอีกหลายที่ ลองคิดดูว่าถ้ามาเที่ยวที่แบบนี้ นอนรีสอร์ทสวยๆที่ อ.ปาย ก็คงหมดหลายอยู่ แต่งานนี้เรามางานบุญเลยได้เที่ยวฟรี
sansrepos
โพสต์: 460
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 04, 2005 6:23 pm

พฤหัสฯ. พ.ย. 22, 2012 11:30 pm

เย็นวันศุกร์หลังอาหารเย็นมีคุณครูทั้งมิสและมาสเตอร์ชาวปกากะญอที่ทำงานที่รร.แห่งนี้นำผลตรวจสุขภาพมาปรึกษาผม ปกติเวลาผมออกตรวจที่รพ.จะคุยกับผู้ป่วยหรือผู้รับบริการพร้อมญาติสนิทผู้ป่วยยินยอมให้เข้ามาฟังด้วยเท่านั้น แต่วันนี้กรณีพิเศษเข้ามานั่งล้อมวงรอบโต๊ะเลย พวกคุณครูพูดไทยชัดฟังไทยออกทุกคนเลยไม่มีปัญหาอะไรนัก บรรยากาศเป็นกันเอง ดูจากเอกสารผลตรวจเลือดที่เอามาให้ดูก็มาจาก รพ.ประจำอำเภอในละแวกนี้มีทั้งแม่สะเรียง จอมทอง สันป่าตอง แต่ไม่ยักมีรพ.แม่แจ่ม ทั้งที่อยู่ใกล้ที่สุด

พอผมให้คำปรึกษาเสร็จกำลังจะกลับไปพักก็ปรากฏว่ามีชาวบ้านละแวกใกล้เคียงเข้ามาหาเพื่อขอรับบริการตรวจโรค อุ้มเด็กเล็กๆมาก็มี ผมตรวจดูก็พบว่าส่วนใหญ่จะมีปัญหาปวดหลัง ปวดกล้ามเนื้อ เนื่องจากการทำงานใช้แรงงานหนักเกินไป บางคนก็มีปัญหาหมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อนกดเส้นประสาททำให้ปวดหลังปวดสะโพกร้าวลงไปถึงเท้าเลย วันนี้ดึกแล้วผมเลยนัดให้มาหาผมพรุ่งนี้ตอนเย็นจะฝังเข็มรักษาให้
sansrepos
โพสต์: 460
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 04, 2005 6:23 pm

ศุกร์ พ.ย. 23, 2012 12:03 am

เช้าวันเสาร์ที่ 17 พ.ย. เช้านี้ตื่นแล้วขี้เกียจลุกเป็นที่สุดอากาศเย็นสบายโดยไม่ต้องใช้แอร์ ตื่นเช้ามืดติดกันมา 2 วันแล้วนี่ ปรากฏว่าแต่งตัวเสร็จเค้าจะออกเดินทางไปเยี่ยมชาวบ้านกันแล้ว เลยต้องกินมื้อเช้าอย่างเร็วที่สุด แล้วรีบมาขึ้นรถกระบะออกเดินทางไปยังหมู่บ้านบลอเดที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 30 กม.เศษๆ ใช้เส้นทางหลวงชนบทที่ผ่านหน้ารร.นี่แหละครับเดินทางต่อผ่านป่าสนลัดเลาะลดระดับความสูงลงมาเรื่อยๆจากนั้นก็ไต่ขึ้นมาอีกรอบใช้เวลาร่วมๆ 1 ชม.ก็มาถึง บ.บลอเด มีวัดคาทอลิกขนาดเล็กตั้งอยู่ (เป็นวัดที่เล็กที่สุดที่ผมเคยเห็นเลยครับ เล็กกว่าวัดบ้านนอกหลายๆวัดที่ผมเคยไป) ชื่อวัดนักบุญนิโคลาส ปรากฏว่าเราจะใช้วัดน้อยแห่งนี้แหละเป็นสถานที่ให้บริการตรวจรักษาชาวบ้านที่เจ็บป่วยกัน

ผมจำไม่ได้ว่าตรวจคนป่วยไปเท่าไหร่น่าจะประมาณสัก 20 คนเห็นจะได้ ปรากฏว่ามี 10 คนต้องการรักษาโดยการฝังเข็มด้วย ทีนี้ในวัดแห่งนี้ไม่มีเก้าอีกสักตัว เตียงไม่ต้องพูดถึง ผมเลยต้องให้เค้านั่งหรือนอนกับพื้นตามอัตภาพ ใช้เวลาเกือบ 2 ชม.ฝังเข็มไป 9 คน มีคนหนึ่งเกิดกลัวเข็มขึ้นมาเลยขอสละสิทธิ์ ตัวผมเองเมื่อยไปหมดเพราะต้องนั่งทำกับพื้นถ้ามีเตียงแบบที่รพ.ก็คงไม่เท่าไหร่
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6637
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ พ.ย. 23, 2012 10:02 am

...เป็นกิจกรรมที่ดีมากๆ อ่านแล้วเหมือนอยู่ร่วมในกิจกรรมนี้อ่านไปขอบคุณพระเจ้าไป
ทีมีคนน้ำใจดี และยังมีอีกมากๆเป็นต้นองค์กรทางศาสนา กลุ่มมิสชันนารี
คริสตชนที่มีน้ำใจดีที่ยังคิดถึงเพื่อนมนุษย์ ไปช่วยชาวเขาชาวดอย ซึ่งเป็นคนยากจน ซี่อๆ
และก็เป็นคริสตชน เหมือนพวกเรา ไปเป็นกำลังใจให้กับพวกเขา ในโลกนี้เต็มไปด้วย
ความรักของพระองค์ โดยผ่านทางท่านเหล่านี้ ขอพระอวยพรมากๆค่ะ
...รออ่านต่อค่ะ
:s007:
s.gabriel
โพสต์: 1011
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.พ. 27, 2009 2:21 pm

ศุกร์ พ.ย. 23, 2012 10:42 am

ขอขอบคุณพระเจ้าที่พระองค์ทรงส่งคุณsansreposและเพื่อนๆ
ไปช่วยเหลือเพื่อนๆมนุษย์ที่ขาดโอกาสหลายๆอย่าง
ไม่เหมือนคนที่อยู่ในชุมชนเมืองที่มีครบทุกอย่างครับ
ขอบคุณที่นำเรื่องราวประสบการณ์ที่เป็นตัวอย่างที่ดีมาให้ฟังกันครับ
เรื่องราวของคุณอาจจะจุดประกายให้หนุ่มสาวหลายๆคนไปทำงานด้านนี้เพิ่มขึ้นครับ
sansrepos
โพสต์: 460
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 04, 2005 6:23 pm

ศุกร์ พ.ย. 23, 2012 11:09 am

เย็นวันเสาร์มีกิจกรรมการแสดงของน้องๆนร.ที่นี่ และมีการกล่าวขอบคุณโดยตัวแทนนร. ผมไม่ได้มาร่วมงานแต่แรกเพราะติดคนไข้ฝังเข็ม ตอนแรกนัดไว้ 2 คน แต่มาจริงกลายเป็น 5 คน คุยกันก็ไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ แต่มีคนหนึ่งพูดภาษาไทยได้บ้างเค้าก็ช่วยแปลให้ ลงท้ายไปตามคุณครูที่อยู่ในงานมาช่วยอีกแรง

ค่ำแล้วผมรีบตามไปร่วมงานที่หอประชุมที่อยู่ข้างๆกับบ้านพักมาเซอร์นี่เอง น้องๆเค้าแสดงเกือบเสร็จแล้ว ก็ถึงเวลากล่าวขอบคุณทีมงานทั้งมาเซอร์ จนท.รพ.เซนต์เมรี่ น้องนศ.พยาบาล และผม ได้รับเชิญให้ขึ้นไปนั่งบนเวที แล้วพวกเด็กๆก็มาผูกข้อมือให้เรา พร้อมมอบของที่ระลึกให้ เป็นกระเป๋ายามแบบเด็กดอย มี จม.ขอบคุณ ฉบับของผมนี่ผมชอบมาก ไม่ใช่เพราะซาบซึ้งแต่เพราะน้องเค้าวาดรูปผมเป็นคนผอมเหมือนกับสมัยยังเรียนมหาลัยปีแรกๆต่างหาก จากนั้นก็ถึงเวลามอบของขวัญให้น้องๆ ซึ่งก่อนจะเดินทางมาที่นี่ผมนึกว่าเป็นชุดเครื่องเขียน อุปกรณ์การศึกษา แต่ปรากฏว่าเป็นที่นอนครับ ได้ทราบมาว่าราคาอยู่ที่ชุดละ 250 บาท ฉะนั้นที่เราเรี่ยไรตอนแรกบอกว่าคนละ 200 บาทนี่ไม่ใช่ซะแล้ว ไหนจะค่าเดินทางที่จ่ายไปสำหรับทีมของเรา ค่ากินอีก สรุปว่ายังขาดทุนอยู่พอสมควร (ไม่ทราบกี่หมื่นอิอิ)

เด็กๆดูจะมีความสุขกับที่นอนใหม่ของพวกเค้ามากครับ ระหว่างนั้นเองไฟก็ได้ดับลง กิจกรรมแจกขนมเลยทำได้ด้วยความทุลักทุเล แต่เด็กดอยเราก็กินกันเอร็ดอร่อย

หลักจากปล่อยเด็กๆกลับไปพักผ่อนแล้ว มาเซอร์เจ้าถิ่นเราก็ให้คณะเราทำการจุดประทีปลอยขึ้นฟ้า ไหนๆก็มาเชียงใหม่ทั้งที ลอยมันก่อนวันลอยกระทงยี่เป็งก็คงไม่เป็นไร
sansrepos
โพสต์: 460
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 04, 2005 6:23 pm

ศุกร์ พ.ย. 23, 2012 12:01 pm

เย็นวันเสาร์รู้สึกเจ็บคอเล็กน้อย สงสัยโรคเก่ากรดไหลย้อนท่าจะกำเริบหรือเปล่า แวบไปนอนกลางวันทั้งยังอิ่ม แต่ตอนเช้ามืดรู้สึกปวดเมื่อยตามตัวจนต้องตื่น จะว่าปวดเมื่อยเพราะต้องลุกๆนั่งๆตอนฝังเข็มก็ไม่น่าจะปวดขนาดนี้ ท่าจะโดนคออักเสบเล่นงานแหงๆ ก็ 2 วันก่อนเจอเด็กดอยไอใส่ตั้งไม่รู้กี่คน ตอนเช้าเลยไปขอยาที่ขนมาบริจาคกินไปค่อยดีขึ้นหน่อย

หลังมิสซาเช้าวันอาทิตย์ผมเดินลงเนินกลับมากินอาหารมื้อสุดท้ายที่นี่ได้เวลาเดินทางกลับกัน

ขากลับเราแวะทักทายซิสเตอร์พื้นเมืองที่ศูนย์คาทอลิกเล็กๆใน อ.แม่แจ่ม แล้วแวะไปร้านขายผ้าตีนจก (คล้ายๆที่ อ.ลอง จ.แพร่) เสร็จแล้วแวะเที่ยวดอยอินทนนท์ ก่อนจะไปกินมื้อกลางวันที่ร้านกาแฟอินทนิลในปั๊มบางจากที่ อ.จอมทอง ร้านเดียวกันกับขามา
sansrepos
โพสต์: 460
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 04, 2005 6:23 pm

ศุกร์ พ.ย. 23, 2012 12:41 pm

ใกล้จบละครับ

ขากลับนี่ผมกับคุณแม่อธิการิณีรพ. มาเซอร์ที่สอนนศ. และพี่หน.ฝ่ายบริการทั่วไปของรพ.รวม 4 คนจะกลับทางเครื่องบิน เพราะมีภารกิจ ผมต้องกลับมาทำงานวันจันทร์ลาต่อไม่ได้เพราะมีหมอบางท่านลาพักช่วงนี้

ส่วนจนท.คนอื่นๆและน้องๆนศ.พยาบาลจะกลับช้า 1 วันโดยวันอาทิตย์หลังลงดอยอินทนนท์จะแวะไปชมน้ำตกแม่ยะ เที่ยวถนนคนเดินและพักค้างคืนที่บ้านพักของคณะพระมหาไถ่ และจะกลับโคราชกันวันจันทร์ที่ 19 พ.ย.

ขากลับมาที่สนามบินเชียงใหม่ผมว่าจะชวนคุณแม่อธิการท่านแวะซื้อของกินที่กาดต้นพยอม (ตลาดสุเทพ) ซะหน่อย ปรากฏว่าระหว่างกินมื้อกลางวันที่ อ.จอมทอง คุณแม่อธิการได้รับโทรศัพท์แจ้งว่ามีคุณแม่ของมาเซอร์ท่านหนึ่งจากบ้านหลุยส์โชเวต์สามพรานป่วยเป็นอัมพฤกษ์กระทันหันที่เชียงใหม่และพักที่รพ.ประสาท (ใกล้ๆรพ.สวนดอกของคณะแพทยศาสตร์ มช.นั่นแหละครับ) เลยอดช้อปได้มาเยี่ยมไข้แทน คณะของเราได้ไปสวดภาวนารอบๆเตียงผู้ป่วย ผมขอคำภาวนาเผื่อคุณแม่ของมาเซอร์มา ณ ที่นี่ด้วยละกันนะครับ

จริงๆไม่ได้ซื้อของกินก็ดีเหมือนกันครับ เพราะว่าเป้ของผมก็แทบไม่เหลือที่ใส่ของแล้ว

กลับมาถึงดอนเมืองก็มีรถตู้ของทางรพ.มารับพวกเรากลับถึงโคราชเกือบห้าทุ่มครับ เป็นอันเสร็จภารกิจแห่งความรักในครั้งนี้ กลับมาถึงโคราชรู้สึกอาการป่วยตอนเช้าดีขึ้นมากแล้วบางทีอาจจะได้รับพระพรผ่านทางคำภาวนาของน้องๆบนดอยก็ได้นะครับ

เป็นทริปที่น่าประทับใจและได้ประสบการณ์ใหม่ๆเปิดหูเปิดตามากครับ ผมเคยผ่าน อ.แม่แจ่ม อย่างน้อยก็ 2 ครั้ง แต่ไม่เคยไป รร.เซนต์โยเซฟ แม่แจ่ม มาก่อน คนไม่รู้ใครจะไปคิดว่ามันไม่ได้อยู่ในตัวอำเภอแต่ต้องขึ้นดอยด้วยรถกระบะโฟร์วีลอีกชม.
ถ้ามีเวลาผมจะเอารูปมาลงให้ชมกันนะครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
sunofgod
โพสต์: 2477
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ย. 18, 2011 8:17 pm

เสาร์ พ.ย. 24, 2012 11:21 am

:s002:
ตอบกลับโพส