HAPPY LIFE เรื่องสั้นอ่านสนุก (คพ.สุวนาถ) ชุดที่3 ( 21-30)

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6646
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. ก.ย. 12, 2024 9:14 pm

🪅 HAPPY  LIFE  เรื่องสั้นอ่านสนุก 🪅
💠 ผู้แต่ง : สุวนารถ  กวยมงคล [พ่อมี้] 💠

💃 ตอนที่ (21)🕺

👉 ตอนนี้ เดี๋ยวนี้ ที่คุณมี... 👈

เมื่อผู้ชายคนนึงเสียชีวิตลง... เขาเห็นพระเจ้าเข้ามายืนใกล้ ๆ พร้อมกระเป๋าเดินทางในมือ
พระเจ้าพูดว่า... ได้เวลาไปแล้วล่ะลูกชาย
ผู้ชายคนนี้พูดขึ้นมาอย่างประหลาดใจว่า... ตอนนี้เลยเหรอ ทำไมเร็วขนาดนี้ ผมยังมีอะไร
ที่ต้องทำอีกเยอะเลย
พระเจ้าตอบว่า... เสียใจด้วย ถึงเวลาไปแล้ว
ผู้ชายคนนั้นถามว่า... มีอะไรอยู่ในกระเป๋า
พระเจ้าตอบว่า... ของ ๆ เธอไงล่ะ
ของ ๆ ผมเหรอ? คุณหมายถึง สิ่งของ เสื้อผ้า และเงินของผม?
ไม่ใช่ สิ่งเหล่านั้นไม่เคยเป็นของเธอ มันเป็นของจักรวาล
ความทรงจำของผมเหรอ?
ไม่ใช่ สิ่งเหล่านั้นไม่เคยเป็นของเธอ... มันของเวลา
ทักษะ ความสามารถ ของผมเหรอ
ไม่ใช่... สิ่งเหล่านั้นไม่เคยเป็นของเธอ มันเป็นของเหตุการณ์
เพื่อนและครอบครัวของผม เหรอ ?
ไม่ใช่... สิ่งเหล่านั้นไม่เคยเป็นของเธอ... มันเป็นของการเดินทางที่ผ่านมา
ภรรยาและลูก ๆ ของผม เหรอ?
ไม่ใช่... สิ่งเหล่านั้นไม่เคยเป็นของเธอ... มันเป็นของหัวใจเธอ
ร่างกายผม เหรอ?
ไม่ใช่... สิ่งเหล่านั้นไม่เคยเป็นของเธอ... มันเป็นของธุลี
ดวงวิญญาณผมเหรอ?
ไม่ใช่...นั่นมันเป็นของฉัน
ผู้ชายคนนั้นดึงกระเป๋าเดินทางมาจากพระเจ้าพร้อมน้ำตานองหน้า เมื่อเปิดกระเป๋าแล้ว
เจอแต่ความว่างเปล่า
เขาพูดขึ้นในขณะที่น้ำตานองหน้าว่า... ผมไม่เคยมีอะไรเลยเหรอ?
ถูกแล้ว... สิ่งที่เป็นของเธอ... มีแค่เวลา... ที่เธอใช้ชีวิตเท่านั้น ชีวิต... คือ "ตอนนี้ เดี๋ยวนี้
" เท่านั้น ตอนนี้ เดี๋ยวนี้ ที่เป็นของเธอ เพราะเหตุนี้... จงดื่มด่ำกับ ตอนนี้, เดี๋ยวนี้ ที่คุณมี อย่าปล่อยให้
อะไรก็ตามที่คิดว่าเป็นของเธอ หยุดเธอจากการทำสิ่งนี้
อยู่กับตอนนี้
ใช้ชีวิตของเธอ
อย่าลืมที่จะมีความสุข
เพราะมันคือสิ่งเดียวที่ควรเกิดขึ้น

👉 99 เหรียญทอง 👈

ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีพระราชาพระองค์หนึ่ง พระองค์ใช้ชีวิตอย่างร่ำรวยหรูหรา แต่พระองค์ไม่มี
ความสุขเลย วันหนึ่งขณะที่พระองค์เดินอยู่ในวัง พระองค์ได้ยินผู้รับใช้ผู้หนึ่งร้องเพลงอย่างมีความสุข
ขณะทำงาน ทำให้พระองค์สนใจอยากรู้ว่าทำไมผู้รับใช้ถึงมีความสุข ไม่เหมือนพระองค์มีทุกอย่างแต่ไม่มี
ความสุขพระองค์จึงถามตัวเองว่า "ทำไมข้า ไม่มีความสุขแม้จะมีทุกสิ่งทุกอย่าง แต่คนรับใช้มีความสุขมาก
แม้ไม่มีสักสิ่งเดียว" กษัตริย์จึงถามผู้รับใช้ว่า
"ทำไมเจ้าถึงมีความสุข" ผู้รับใช้ตอบว่า "ข้าแต่พระราชาที่เคารพ ข้าพเจ้ามีความสุขเพราะข้าพเจ้ามีหลังคา
คุ้มหัว ข้าพเจ้ามีครอบครัวที่รักข้าพเจ้า และมีอาหารพอกิน"
กษัตริย์ไม่พอใจในคำตอบนี้ หลังจากนั้นไม่กี่วัน พระองค์ซักถามผู้ที่ไว้ใจที่สุดในพระราชวัง
หลังจากที่ปรึกษารู้ถึงความรู้สึกของกษัตริย์และเรื่องของคนรับใช้จึงแนะนำว่า
"ข้าแต่พระราชาที่เคารพ เราต้องทดสอบเขาด้วยเงินเหรียญทอง 99 เหรียญ" กษัตริย์พูดว่า "99 เหรียญหรือ
มันจะมีความหมายอะไร" ที่ปรึกษาตอบว่า "ข้าแต่พระราชาที่เคารพ ความหมายของ 99 เหรียญทอง คือ
การทดสอบเพื่อจะรู้ว่าความสุขที่แท้จริงคืออะไร ให้เราเอา 99 เหรียญทอง ใส่กระเป๋าแล้วไปวางไว้หน้า
ประตูของผู้รับใช้" กษัตริย์ทำตามนั้น
เมื่อผู้รับใช้เห็นกระเป๋า เขาเปิดดูและเห็นเหรียญทองคำมากมาย เขามีความยินดีมาก เขาเริ่มนับ
เหรียญที่มีจนครบ มี 99 เหรียญ เขาแปลกใจมากคิดว่า "ทำไมไม่มี 100 เหรียญ หายไปไหน 1 เหรียญ!"
เขาหาดูในกระเป๋ารอบ ๆ กระเป๋าก็หาไม่พบ ในที่สุดเขาหมดแรงที่จะหา และตัดสินใจจะไปทำงาน
อย่างหนักเพื่อได้เงินเดือน 1 เหรียญทอง
เพื่อจะครบจำนวน 100 เหรียญ จากวันนั้นที่คนใช้ยอมเปลี่ยนแปลงชีวิตทำงานหนักขึ้น เขาทำงาน
หนักเกินไป ทำให้เขาเริ่มมีอาการโกรธ อาการประสาท เขาใจร้อนขึ้น ทุบตีครอบครัว และอ้างว่าไม่มีใคร
ช่วยเขาหาเงินเลย ผู้รับใช้ผู้นั้นไม่ร้องเพลงอย่างมีความสุขอีกแล้วเวลาที่ทำงาน การกระทำของผู้รับใช้
เป็นที่ประจักษ์แก่ตา พระราชางงมาก เขาเรียกที่ปรึกษามาหา ที่ปรึกษาพูดว่า "ข้าแต่พระราชาที่เคารพ
ผู้รับใช้แสดงให้เรารู้แล้วว่า ทำไมถึงมีความสุข" ผู้รับใช้พูดต่อไปว่า "เงิน 99 เหรียญทองเป็นตัวแทนของ
คนที่มีความสุขซึ่งมีความสุขพออยู่แล้ว แต่ไม่พอใจกับความสุขที่ตนเองมี ยังโหยหาและต้องการ
อีก 1 เหรียญ" ที่ปรึกษาอีกคนหนึ่งพูดว่า "ให้เราเอาเหรียญทองให้เขาอีกเหรียญหนึ่งเขาจะได้มีความสุข"

เราทุกคนสามารถมีความสุขกับสิ่งเล็ก ๆ น้อยๆ ในชีวิต แต่ถ้าบางเวลาเราต้องการสิ่งที่ดีกว่า
ใหญ่กว่า มากกว่า เราก็จะนอนไม่หลับ และความสุขของเราก็ถูกทำลาย เราจะทำลายคนรอบข้าง เพื่อ
ความต้องการและความปรารถนาส่วนตัวของเรา นั่นความหมายของ เหรียญทอง 99 เหรียญ
แก้ไขล่าสุดโดย rosa-lee เมื่อ จันทร์ ต.ค. 07, 2024 11:22 pm, แก้ไขไปแล้ว 2 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6646
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. ก.ย. 12, 2024 9:23 pm

🪅 HAPPY  LIFE  เรื่องสั้นอ่านสนุก 🪅
💠 ผู้แต่ง : สุวนารถ  กวยมงคล [พ่อมี้] 💠

💃 ตอนที่ (22)🕺

👉 คำตอบที่ถูกต้อง 👈

          มีหมู่บ้านแห่งหนึ่งซึ่งปกครองโดยผู้เฒ่าที่เป็นหัวหน้าเผ่า อยู่ต่อมาผู้เฒ่าเห็นว่า ตัวเองนับวัน
จะมีเวลาอยู่บนโลกนี้น้อยลงทุกที และเกรงว่าหากไม่รีบแต่งตั้งหัวหน้าเผ่าคนใหม่ ก็จะทำให้เกิด
ความวุ่นวายในภายภาคหน้า จึงได้คิดเลือกชายหนุ่มที่มีความเป็นผู้นำ เข้ามาพบ 3 คน แล้วกล่าว
กับพวกเขาว่า
          "ข้าคงเหลือเวลาที่จะอยู่กับพวกเจ้าไม่นาน ข้าจึงประสงค์ที่จะแต่งตั้งหัวหน้าเผ่าคนใหม่
โดยการคัดเลือกจากพวกเจ้าทั้ง 3 นี่แหละ หากใครสามารถตอบได้ว่า บนยอดเขาที่สูงสุดมีลักษณะ
เป็นเช่นใด ข้าจะมอบให้คนนั้นดูแลเผ่าของเราแทน"
          เมื่อได้รับมอบหมายจากหัวหน้าเผ่า ชายผู้กล้าและเป็นความหวังของเผ่าทั้ง 3 คน ต่างก็แยก
ย้ายกันไปค้นหาคำตอบตามความเข้าใจของตนเอง แต่ละคนก็ต้องพยายามหาคำตอบที่ดีที่สุดมา
แสดง เพื่อทำให้รู้เฒ่าเชื่อให้ได้ว่านั่นคือคำตอบที่ถูกต้อง
          หลังจากแยกย้ายไปได้ 3 วัน ชายคนที่ 1 ก็กลับมาด้วยหน้าตาและเสื้อผ้าที่ยังดูสะอาดสะอ้าน
เขาเข้าไปหาผู้เฒ่าด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส และมั่นใจในคำตอบที่ได้พบมา เมื่อผู้เฒ่าพร้อมจะรับฟัง
เขาจึงเล่าถึงสิ่งที่ได้รู้มาว่า
        "ท่านรู้เฒ่า ข้าได้ไต่ขึ้นไปถึงยอดเขาแล้ว ที่นั่นมีดอกไม้เต็มไปหมด ดอกไม้นานาพันธุ์ต่างบานสะพรั่ง
ทั่วพื้นป่า มีสายน้ำไหลทั่วหุบเขา และมีเสียงนกร้องอยู่ตลอดเวลา ช่างเป็นบรรยากาศที่น่ายินดียิ่งนัก"
          ผู้เฒ่าฟังชายหนุ่มคนที่หนึ่งเล่าจบลง ก็พยักหน้ารับรู้ในสิ่งที่เขาไปเจอ พร้อมกล่าวกับเขาว่า
"สิ่งที่เจ้ากล่าวมานั้น ข้าเคยไปเห็นมาแล้ว แต่สถานที่ดังกล่าวยังไม่ใช่ยอดของภูเขา มันเป็นเพียงสันของ
ภูเขาเท่านั้นเอง"
          แล้วผู้เฒ่าก็บอกให้ชายหนุ่มไปพักผ่อนที่บ้านของเขา และตั้งตารอคอยผู้กล้าที่เหลืออีกต่อไป
          หนึ่งอาทิตย์ต่อมา ชายคนที่ 2 ก็โผล่เข้ามายังหมู่บ้านด้วยท่าทางที่ดูอ่อนล้า เขาได้เข้าไปหาผู้เฒ่า
และเล่าถึงสิ่งที่ได้พบให้ท่านฟังว่า
          "ท่านผู้เฒ่า ข้าคิดว่าตัวเองได้ขึ้นไปอยู่บนยอดของภูเขาแล้ว ที่นั่นเต็มไปด้วยป่าสนยืนต้นตระหง่าน
ตลอดถึงมีนกอินทรีจำนวนมากบินว่อนไปมา"
          เมื่อชายหนุ่มชี้แจงสิ่งที่ตัวเองได้ประสบจบลง ผู้เฒ่าก็กล่าวว่า
          "สิ่งที่เจ้าเห็นนั้น ข้าเคยไปเจอมาแล้ว มันยังไม่ใช่ยอดของภูเขา ไหล่เขาเท่านั้นเอง เป็นเพียงไหล่
เขาเท่านั้นเอง"
          เมื่อกล่าวชี้แจงให้ชายหนุ่มรับรู้แล้ว พ่อเฒ่าก็ได้ให้เขาไปพักผ่อนและรอคำตอบจากชายหนุ่มคนที่ 3
ที่คิดว่าน่าจะได้คำตอบในอีกรูปแบบหนึ่งที่แตกต่างกันออกไป
          หนึ่งเดือนผ่านไป ในขณะที่ผู้เฒ่าเริ่มป่วยหนัก จากชายหนุ่มคนที่สาม และทุกคนในเผ่าต่างก็รอ
คำตอบ เช้ามืดของวันหนึ่งก็ปรากฏร่างของชายเนื้อตัวมอมแมม เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง แต่ดูท่าทางและแววตา
เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ เขาก็คือชายหนุ่มคนที่สามนั่นเอง
          ชายหนุ่มได้เข้าไปพบกับผู้เฒ่าที่มีอาการไม่ค่อยดีนัก เขาได้ทำความเคารพต่อท่าน แล้วจึงเล่าถึง
สิ่งที่ได้พบเห็นให้ผู้เฒ่าและทุกคนที่มารอฟังรับทราบว่า
          "ท่านผู้เฒ่า ข้าคิดว่าตัวเองได้พบคำตอบที่ท่านให้ไปแสวงหาแล้วล่ะ บนยอดของภูเขานั้นไม่มีอะไรเลย
นอกจากเสียงลมที่พัดผ่านไปมา และมีแผ่นฟ้าที่ปกลุมเพื่อให้เรารู้สึกว่าเราจะไม่หลุดออกไปจากโลก แม้แต่
ผีเสื้อหรือนกที่บินไปมาก็ไม่ปรากฏให้เห็น เพราะสิ่งมีชีวิตทั้งหลายต่างอยู่ต่ำลงไปอีก ข้าพบเห็นแต่ความ
โดดเดี่ยวในใจของตัวเอง และเห็นว่า ตัวเรานี้เป็นเพียงสิ่งมีชีวิตที่เล็กกะจิด ริดเหลือเกิน"
          เมื่อผู้เฒ่าฟังชายหนุ่มสาธยายจบลง ใบหน้าที่สงบนิ่งในขณะที่ฟังเขาพรรณนาถึงสิ่งที่ได้พบเจอมา
ก็ถูกแทนที่ด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้มอย่างเป็นสุข พร้อมกล่าวตอบ เพื่อให้ชายหนุ่มและทุกคนได้รับรู้ว่า
          "สิ่งที่เจ้าไปเจอมานั้นคือยอดของภูเขาจริง ๆ ข้าเคยไปที่นั่นมาแล้ว และใช้สถานที่แห่งนั้นสำหรับ
ถอนอัตตาของตัวเองให้ลดลง ที่นั่นสอนให้ข้ารู้ว่าตัวเราไม่ใช่ผู้ยิ่งใหญ่ เพราะยังมีเวิ้งแห่งท้องฟ้าและป่าเขา
ที่กว้างใหญ่คอยให้คำตอบแก่ข้าว่า เราไม่ควรใช้ชีวิตอย่างประมาท สิ่งที่เจ้าเห็น นั่นคือคำตอบที่ข้าต้องการ
ให้พวกเจ้ารู้"
          เมื่อคำตอบปรากฏเด่นชัด ชายหนุ่มคนที่สามจึงได้รับสืบทอดตำแหน่งต่อจากท่านผู้เฒ่า แต่สิ่งที่
สำคัญนอกจากเป็นหัวหน้าเผ่าที่เขาได้รับก็คือ เขาได้ค้นพบตัวเอง จากการเดินทางไกล และรู้ว่า
          "ตัวเรานั้นเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตที่น้อยนิด ที่ไม่ควรใช้ชีวิตอย่างผู้หลงตัวเองอีกต่อไป

👉 ประตูแห่งความสุข 👈

          มีคณะทัวร์คณะหนึ่งได้เดินทางไปท่องเที่ยวในวันหยุดพักผ่อน สถานที่ที่พวกเขาใช้เป็นที่พักผ่อน
ก็คือ แหล่งธรรมชาติต่าง ๆ ที่มีอยู่ในเมืองที่พวกเขาอาศัยอยู่ สถานที่ที่พวกเขาได้พบเห็นก็ทำให้เกิด
ความรู้สึกดี ๆ แตกต่างกันออกไป
          แต่พอมาถึงถ้ำแห่งหนึ่ง กลับทำให้ผู้มาเที่ยวได้ค้นหาคำตอบบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในใจของตนได้
อย่างน่าประหลาดใจ เพราะที่ประตูทางเข้าของถ้ำนั้นมีบานประตูอยู่ 2 บาน ซึ่งมีคำจารึกที่ชวนให้คิดถึง
ความหมายที่แฝงอยู่ในถ้อยคำนั้น มัคคุเทศน์ได้อธิบายความหมายของประตูทั้ง 2 ให้ฟังว่า
          "ประตูบานที่ 1 ถูกจารึกชื่อไว้ว่า "ประตูแห่งชีวิต" หากใครได้เดินผ่านประตูบานที่ 1 แล้ว คนโบราณ
ท่านเชื่อต่อ ๆ กันมาว่าจะทำให้มีอายุยืน
          ส่วนประตูบานที่ 2 ถูกจารึกชื่อไว้ว่า "ประตูแห่งความสุข" หากใครได้เดินผ่านประตูบานที่ 2 แล้ว
จะพบแต่ความสุข ชีวิตจะมีแต่ความรื่นเริงใจเป็นนิจ"
          เมื่อคณะทัวร์ได้ฟังผู้นำเที่ยวอธิบายจบลง ก็มีเสียงของหญิงสาวคนหนึ่งพูดแทรกขึ้นมาด้วยความ
ดีใจ โดยเธอลงมติให้กับใจของตัวเองว่า ควรจะเดินผ่านประตูแห่งความสุข ครั้นมีคนถามเธอว่า
"ทำไมถึงเลือกที่จะเดินผ่านประตูแห่งความสุข"
          หญิงสาวมองไปที่เจ้าของคำถาม แล้วตอบด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มว่า
"หากเลือกประตูแห่งชีวิต แม้จะทำให้เรามีอายุยีนยาวก็จริง แต่ถ้าไร้ซึ่งความสุข ชีวิตที่มีอยู่ก็ไร้ความหมาย
เราย่อมประสบแต่ความทุกข์ และต้องอยู่กับมันด้วยเวลาที่ยาวนาน หากเลือกประตูแห่งความสุขที่ทำให้เรา
รู้สึกดี แม้เราจะมีอายุที่จะอยู่กับตัวเองไม่นาน แต่ชีวิตที่มีความสุขนั้นก็ย่อมทำให้เรารู้สึกอิ่มเอมใจได้
ตลอดเวลา ในขณะที่ได้อยู่กับตัวเอง"
          คณะทัวร์ที่เดินทางไปด้วยกันต่างพยักหน้าตอบรับในเหตุผลที่เธออ้าง แล้วต่างพากันเดินผ่านประตู
ที่จารึกไว้ว่า "ประตูแห่งความสุข" กันถ้วนหน้า โดยมีใครหลายคนก็ได้รับคำตอบของการมีชีวิตอยู่
เช่นเดียวกับหญิงสาวผู้เลือกคำตอบให้กับใจของตน
          ชีวิตของเราก็เช่นเดียวกัน หากต้องการความสุขมาอยู่เคียงข้างเรา ก็ควรปรับมุมมองของใจให้รู้จัก
มองสิ่งที่ช่วยสร้างสุข แล้วทำให้ความสุขนั้นมีรูปร่างที่ชัดเจน โดยอาศัยการพัฒนาให้มีความสุข
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6646
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. ก.ย. 12, 2024 9:33 pm

🪅 HAPPY  LIFE  เรื่องสั้นอ่านสนุก 🪅
💠 ผู้แต่ง : สุวนารถ  กวยมงคล [พ่อมี้] 💠

💃 ตอนที่ (23)🕺

👉 เดิมพันกับซาตาน 👈

ชายหนุ่มวัย 30 คนหนึ่งชื่อแฟรงค์ เป็นคนซื่อ ปราศจากเล่ห์เหลี่ยม จิตใจดีงามโอบอ้อมอารี
หลังจากร่ำเรียนจบ แฟรงค์ก็ยึดอาชีพเป็นเซลล์แมนขายรถยนต์ แม้จะไม่เฟื่องฟูมั่งคั่ง แต่ก็สามารถ
ดำรงชีพอย่างพอมีพอกินเรื่อยมา จนกระทั่งเกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำไปทั่วสหรัฐอเมริกาในต้นทศวรรรษ
1930 ชีวิตของแฟรงค์ก็พลิกผัน เขาตกงาน มิหนำซ้ำยังมีหนี้สินเป็นเงินก้อนโต
แฟรงค์อับจนสิ้นไร้หนทางแก้ไขวิกฤติต่าง ๆ ที่ถาโถมเข้ามาในชีวิต เขาจึงร่ำสุราดับความทุกข์ไปวันๆ
กระทั่งทุกอย่างดูย่ำแย่เลวร้ายกว่าเดิม ชายหนุ่มกลายเป็นไอ้ขี้เมาที่แทบไม่มีเงินหลงเหลือติดกระเป๋า
ค่ำคืนวันหนึ่ง หลังจากใช้เงินหนึ่งดอลลาร์สุดท้ายที่มีอยู่ก็หมดไปกับเหล้าแก้วสุดท้าย แฟรงค์อยู่ในสภาพ
เมาหยำเป เดินโซเซ ท่ามกลางฝนตกหนักและความมืดมิด ลัดเลาะผ่านซอกตึกต่าง ๆ ไปอย่างไร้จุดหมาย
จนกระทั่งมาพบกับบาร์เหล้าเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ในมุมเปลี่ยวร้างไร้ผู้คนสัญจร ภายในว่างเปล่าปราศจาก
ผู้คน มีเพียงบาร์เทนเดอร์ชายชราร่างผอมสูงแก้มตอบยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์
"แฟรงค์ ผมรอคุณอยู่นานแล้ว" ชายชราเอ่ยทัก
"คุณรู้จักชื่อผมได้ยังไง" แฟรงค์ย้อนถามด้วยความสงสัย
"ผมรู้อะไรเกี่ยวกับคุณอีกเยอะ บางทีอาจจะรู้มากกว่าที่ตัวคุณรู้เสียด้วยซ้ำ คุณกำลังตงกงาน สิ้นเนื้อประดาตัว
และยอมแลกทุกอย่างที่มีอยู่เพื่อเหล้าแก้วเดียว" ชายชรากล่าวช้า ๆ ด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น แฟรงค์ฟังคำพูด
ของชายชราอย่างสงบนิ่ง ทั้งแปลกใจและงง ๆ ว่าจะส่างเมา
"ฟังนะแฟรงค์ ผมขอยื่นข้อเสนอบางอย่าง ที่นี่มีเหล้าดิบ 3 แก้วให้ดื่มฟรี ๆ ถ้าหากคุณจะกล้าพอ แต่คุณต้อง
เสี่ยงนิดหน่อย เพราะหนึ่งในจำนวนนี้มียาพิษ ถ้าคุณเป็นฝ่ายชนะพนันในการดื่ม เอ้ย! ผมหมายถึงรอดตายนะ
คุณจะได้เงิน 1000 ดอลลาร์ และทุก ๆ แก้วต่อไปเงินเดิมพันก็จะเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว"
ชายชรากล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง ปราศจากวี่แววว่าล้อเล่น
"นี่คุณเล่นตลกอะไรอยู่" แฟรงค์ตะคอกอย่างหงุดหงิด
"ผมไม่ล้อเล่น" ชายชรากล่าวพร้อมทั้งหยิบแบงค์ 1000 ดอลล่าร์ วางบนเคาน์เตอร์
"แล้วคุณจะได้อะไรจากการเล่นเกมนี้กับผม" ชายหนุ่มถามด้วยทีท่าน้ำเสียงอ่อนลง
"ขออนุญาตให้ผมได้แนะนำตัวกับคุณอย่างตรงไปตรงมาดีกว่า ผมคือซาตาน ถ้าคุณแพ้พนัน ดื่มเหล้าแก้ว
ที่มียาพิษ ชีวิตและวิญญาณของคุณจะต้องเป็นของผม" ซาตานพูดด้วยน้ำเสียงวังเวง
แฟรงค์ลังเลไตร่ตรองว่า เขาควรเชื่อถือคำพูดของชายชรา หรือยึดถือมันเป็นเพียงเรื่องเหลวไหลไร้สาระ
"คุณไม่มีอะไรต้องเสียไปกว่านี้อีกแล้วนะพ่อหนุ่ม" ซาตานพูดรุกคืบโน้มน้าว ท้ายที่สุด แฟรงค์จึงเลือกหยิบ
เหล้าแก้วหนึ่งบนเคาน์เตอร์ด้วยมืออันสั่นเทา รวบรวมความกล้าดื่มมันเข้าไป หลับตาเตรียมใจรอรับพิษร้าย
ที่จะแผ่ซ่านเข้าสู่ร่างกาย จนชั่วครู่หนึ่งผ่านพ้น ก็ไม่พบว่ามีอะไรผิดปกติ
"ยินดีด้วยนะ แฟรงค์ เงินนี้เป็นของคุณ" ชายชราหยิบแบงค์ 1000 ดอลลาร์ยื่นให้ชายหนุ่ม "ยังมีเหล้า
เหลืออีกสิบสองแก้ว คุณมาพบผมได้ตลอดเวลา เมื่อใดก็ตามที่ต้องการเงิน"
แฟรงค์ใช้เงิน 1,000 ดอลลาร์ไปกับการกันดื่มและจับจ่ายซื้อสิ่งฟุ่มเฟือยจนพอใจ และหมดเกลี้ยง
อย่างรวดเร็ว คืนวันรุ่งขึ้น เขาจึงหวนกลับมาพบชายชราอีกครั้ง และชนะเดิมพันเงิน 2000 ดอลลาร์
คราวนี้ชายหนุ่มไม่ได้หมดเงินกับการเมามาย แฟรงค์เริ่มคิดวางแผนสร้างเนื้อ สร้างตัว ทำธุระกิจ
ของตนเอง แต่ 2000 ดอลลาร์นั้นยังไม่เพียงพอต่อการลงทุน สัปดาห์ต่อมา เขาจึงไปเสี่ยงพนันกับซาตานอีก
และเป็นฝ่ายชนะได้เงินมาอีก 4,000 ดอลลาร์
ธุรกิจร้านขายรองเท้าของชายหนุ่มจึงเริ่มต้นขึ้น และค่อย ๆ เติบโตอย่างช้า ๆ มั่นคงตามลำลับ จน
กระทั่ง วันหนึ่ง แฟรงค์ได้พบและรู้จักสาวสวยชื่อพาเมลา ทั้งคู่ต่างพึงพอใจในตัวอีกฝ่าย ความรักผลิบาน
งอกงาม อย่างรวดเร็ว
เพื่อที่จะหาเงินก้อนใหญ่มาจับจ่ายใช้สอยในพิธีแต่งงาน แฟรงค์จึงไปหาซาตานอีกครั้ง ชายชรา
ยังคงสภาพเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
"เพื่อนยาก คุณหายหน้าหายตาไปนาน จนทีแรกผมแทบจะจำไม่ได้ ดูสะอาดสะอ้าน แต่งตัวดี ตรงข้ามกับ
คืนแรกที่เราเจอกัน ผมเดาว่าคุณคงมีชีวิตใกล้จะสุขสบายแล้วสินะ" ชายชรายิ้มนิด ๆ อย่างอ่อนโยน
ยกเว้นแววตาที่เคลือบแคลงแฝงไว้ด้วยความเจ้าเล่ห์
แฟรงค์ไม่สนใจแม้กระทั่งจะเอ่ยทักทายหรือสนทนาด้วย เขาปาดเหงื่อบนหน้าผากเลือกหยิบเหล้า
แก้วหนึ่งขึ้นดื่ม จากนั้นก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อพบว่าตนเองปลอดภัย
"8000 ดอลลาร์ สำหรับเหล้าแก้วที่ 4 เป็นของคุณ แต่ขอโทษนะครับ ผมคิดว่า รวมกับเงินเก็บออม
ของคุณ ผมเกรงว่ามันอาจจะไม่พอ" ชายชราพูดพร้อม ๆ กับผายมือไปยังแก้วเหล้าที่เหลืออยู่
แฟรงค์ยืนลังเลไตร่ตรอง ในที่สุดก็ตัดสินใจดื่มเหล้าแก้วที่ 5 และได้เงินไปอีก 16,000 ดอลลาร์
"ลาก่อน ผมกับคุณคงไม่มีความจำเป็นต้องพบกันอีกตลอดกาล" แฟรงค์เอ่ยลาซาตาน
"นั่นยังไม่แน่นัก แต่ถึงยังไง ผมก็จะรอคุณอยู่ตรงนี้" ชายชรากล่าวทิ้งท้าย แฟรงค์แต่งงานกับพาเมล่า
หลายปีผ่านไป ธุรกิจของเขาเติบโตขึ้น จากร้านเล็ก ๆ กลายเป็นห้างสรรพสินค้าขนาดปานกลาง
มีลูก 3 คน ชาย 1 หญิง 2 ครอบครัวอบอุ่น สมบูรณ์แบบ แต่แล้วการเพลี่ยงพล้ำให้กับคู่แข่งด้านการค้า
ก็ทำให้เงินสดไม่เพียงพอหมุนเวียน แฟรงค์กู้เงินจากธนาคารโดยเอาบ้านจำนองเป็นหลักประกัน ทว่า
แทนที่สถานการณ์จะกระเตื้องกลับทรุดหนักกว่าเดิม
แฟรงค์ในวัย 40 จึงต้องมาดื่มเหล้าแก้วที่ 6 เพื่อเงิน 32,000 ดอลลาร์ และ เหล้าแก้วที่ 7 เพื่อเงิน
64,000 ดอลลาร์ เพื่อนำไปกอบกู้แก้ไขปัญหาทางธุรกิจของตน จนกระทั่งมรสุมชีวิตคลี่คลายไปได้อีกครั้ง
หลังจากนั้นชีวิตของแฟรงค์ก็ก้าวสู่เส้นชัย "ขาขึ้น" กลายเป็นเจ้าของธุรกิจขนาดใหญ่ ฐานะมังคั่ง
ร่ำรวย เขาเริ่มขยับขยายไปยังการลงทุนอื่น ๆ โดยเฉพาะการซื้อหุ้นซึ่งทำกำไรมหาศาล จนกระทั่งวันหนึ่ง
หุ้นที่เขาถือไว้ราคาตกฮวบ จนต้องแก้ไขปัญหาด้วยวิธีเดิม ๆ คือ ดื่มเหล้าแก้วที่ 8 เพื่อเงิน 128,000 ดอลลาร์
แฟรงค์ดื่มเหล้าแก้วที่ 9 เพื่อเงิน 256,000 ดอลลาร์ ในอีกไม่กี่เดือนต่อมาเพื่อนำเงินไปใช้ปรนเปรอชู้รัก
และต้องการปกปิดอำพรางไม่ให้กระทบต่อบัญชีรายได้จากธุรกิจ ซึ่งพาเมล่าผู้เป็นภรรยาสามารถตรวจสอบได้
จากนั้นก็ดื่มเหล้าแก้วที่ 10 เพื่อเงิน 512,000 ดอลลาร์ เพื่อเลิกรากับชู้รัก เขาเบื่อหน่าย และโดนเธอ
เรียกร้องขู่กรรโชกเงินก้อนโต
ดื่มเหล้าแก้วที่ 11 เพื่อเงิน 1,024,000 ดอลลาร์ เพื่อนำเงินไปลงทุนในธุรกิจบ่อนพนัน และยาเสพติด
ส่วนเหล้าแก้วที่ 12 เพื่อเงิน แฟรงค์ตัดสินใจดื่มมันด้วยเหตุผลสั้น ๆ คือ ความโลภ แม้จะร่ำรวยจน
ทรัพย์สินที่มีอยู่ใช้อย่างไรก็ไม่หมด ทว่าเงินเดิม 2,008,000 ดอลลาร์ ก็เย้ายวนกระทั่งแฟรงค์ในวัย 50
อดใจไว้ไม่ไหว
"เพื่อนรัก คราวนี้คุณหายไปนานมาก จนผมคิดว่าจะไม่ได้เจอคุณอีกซะแล้ว" ชายชราในรูปลักษณ์เดิม ๆ
กล่าวทัก
"ผมมาดื่มครั้งสุดท้าย ยังเหลือเหล้าอีก 2 แก้วใช่มั้ย อัตราความเสี่ยงสูงหน่อย แต่เดิมพันนั้นโคตรคุ้มเลยว่ะ"
แฟรงค์หัวเราะอย่างก้าวร้าว มองและชั่งน้ำหนักไปยังเหล้าที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์ จากนั้นก็ตัดสินใจ
เลือกแก้วซ้ายมือ
เขายกเหล้าขึ้นดื่มอย่างช้า ๆ จนหมด เฝ้ารอดูว่ามันจะก่อให้เกิดปฏิกิริยากับร่างกาย แต่แล้วทุกสิ่ง
ก็ยังคงเป็นปกติ
"ขอเงินให้ผมและลาก่อนตลอดกาล" แฟรงค์พูดด้วยความลิงโลดใจ
"อะไรทำให้คุณคิดว่าคุณชนะ" ชายชรายังคงสงบนิ่ง
"ผมบอกไว้แล้วว่าเหล้าแก้วหนึ่งมียาพิษ แต่ดูเหมือนผมจะสะเพร่าไปนิดนึง จึงลืมบอกคุณว่า ยาพิษนั้นไม่ได้
ทำให้ตายทันที แต่ออกฤทธิ์อย่างช้า ๆ ทีละน้อย คุณดื่มมันไปตั้งแต่แก้วที่ 6 แล้ว" ซาตานอธิบายพร้อม ๆ
กับรอยยิ้มอันชั่วร้าย
นับตั้งแต่นั้น วิญญาณคุณก็เป็นของผม คุณไม่ได้สังเกตเลยว่าตัวคุณเองเปลี่ยนไปจากคนซื่อ ๆ จิตใจ
ดีงาม คุณกลายเป็นพ่อค้าที่เอารัดเอาเปรียบ เป็นนายจ้างที่ขูดรีด เป็นสามีที่ละเลยภรรยา เป็นพ่อผู้ไม่รับ
ผิดชอบใส่ใจต่อลูก ๆ คุณค่อย ๆ ทรยศหักหลังเพื่อนร่วมงาน บดขยี้คู่แข่งด้วยเล่ห์เหลี่ยมอำมหิต มักมาก
ในกาม ติดการพนัน ละโมบไม่รู้จักพอ
ผมขอชื่นชม คุณเลวได้ครบถ้วน ยิ่งกว่าที่คาดคิดเอาไว้เยอะ แฟรงค์ตกตะลึง สีหน้าซีดเผือด ร่างกาย
ร้อนผ่าว ปวดแสบเหมือนมีใครมาบิดลำไส้ หายใจกระหืดกระหอบติดขัดนับจากดื่มเหล้าแก้วที่ 6 คุณก็
กลายเป็นคนไร้วิญญาณ ดิ้นรนทำทุกอย่างเพื่อปรนเปรอตนเอง แต่ผมเชื่อว่าคุณคงรู้สึกบ้างเหมือนกัน ชีวิต
คุณว่างเปล่า โหยหาไขว่คว้า ต้องการบางอย่างอยู่ตลอดเวลา และคุณคิดว่าเงินคือคำตอบ ทว่ายิ่งได้มา
เท่าไรก็ยิ่ง ถมไม่เต็ม นั่นเป็นเพราะว่า คุณไม่มีวิญญาณ และเมื่อคุณปราศจากมัน คุณก็ไม่มีวัน รู้จักและ
เข้าใจได้อีกเลยว่าความรักเป็นอย่างไร ใช่แล้ว คุณกลายเป็นชีวิตที่ทำความรักหล่นหาย
แฟรงค์ตายโดยไม่ทันได้ยินคำพูดประโยคสุดท้ายของซาตาน
ชายชราหยิบเหล้าแก้วสุดท้ายขึ้น "แก้วนี้ผมดื่มให้แก่ชีวิตที่น่าสมเพชของคุณ"
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6646
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ ก.ย. 13, 2024 7:57 pm

🪅 HAPPY  LIFE  เรื่องสั้นอ่านสนุก 🪅
💠 ผู้แต่ง : สุวนารถ  กวยมงคล [พ่อมี้] 💠

💃 ตอนที่ (24)🕺

👉 น้ำตาคนบาป 👈

          คุณป้าคนหนึ่งได้ขึ้นสวรรค์ มีเรื่องเล่าอีกตอนหนึ่ง นักบุญเปโตรได้ตัดสินและถามคุณป้าจาก
ความดีและสิ่งที่ท่านทำ และได้ลงความเห็นว่าท่านไปสวรรค์ไม่ได้ เพราะฉะนั้นจะมีการช่วยเหลือ
นิดหน่อย ทดสอบคุณป้า ให้คุณป้าลงไปในโลกและสืบแสวงหาให้ได้ว่า สิ่งที่พระเจ้าพอพระทัย
ที่สุด เป็นอะไร เพื่อเป็นการทดสอบ
          หลังจากนั้นเทวดาก็นำคุณป้ามาสู่โลก คุณป้าใช้เวลามา 1 เดือน เพื่อหาว่าสิ่งใดที่พระเจ้าพอใจ
ที่สุดตามความคิดของคุณป้าเอง คุณป้าก็นำขันใบหนึ่งรองสิ่งที่คิดว่ามีคุณค่าที่สุด เทวดาก็มารับไป
เฉพาะพระพักตร์พระเจ้า พระเยซูเจ้าก็ถามป้าว่า "คุณป้าหาสิ่งที่มีค่าที่เราชอบได้หรือยัง" คุณป้าบอกว่า
ได้แล้ว ก็เลยถามคุณป้าว่า "คุณป้าเอาอะไรมา" คุณป้าก็ยกขันขึ้นและพูดว่า "นี่คือเลือดของมรณสักขี
ทั้งหลาย" พระเป็นเจ้าก็ยิ้ม และบอกคุณป้าว่าก็ถูกต้อง แต่ว่าไม่ที่สุด คุณป้าคือต้องลงมาโลกอีกครั้งหนึ่ง
และหาว่าอะไรคือสิ่งที่พระเจ้าชอบพระทัยที่สุด
          เทวดาก็นำคุณป้าลงมาอีกครั้งหนึ่ง คุณป้าใช้เวลา 3 เดือน ก็เรียกเทวดานำกลับไปสวรรค์
พระเป็นเจ้าก็ถามคุณป้าว่าหาสิ่งที่ชอบพระทัยที่สุดได้หรือยัง ป้าก็ยิ้มด้วยความภาคภูมิใจและคิดว่า
ครั้งนี้คงถูกแน่ คุณป้าก็ยกขันขึ้นและพูดว่า "นี่เป็นเหงื่อของมิชชันนารีผู้แพร่ธรรม และเสียชีวิตด้วย
ความเชื่อความศรัทธา" จากคำตอบของคุณป้า พระเยซูเจ้าก็ยิ้ม แต่พระองค์ก็บอกคุณป้าว่านี่ยังไม่ใช่
สิ่งที่พระองค์ชอบพระทัยที่สุด คุณป้าก็ตกใจและสิ้นหวัง เทวดาก็ให้คุณป้าลงมาโลกอีกครั้งหนึ่งเป็น
ครั้งสุดท้าย
          คุณป้าเป็นกังวลอยู่มาก เข้าวัดสวดภาวนาแก้บาปรับศีล ไปแสวงบุญ คุยกับพระสงฆ์ นักบวช
คุยกับทุกคน คุยกับซิสเตอร์ บราเดอร์ เดินทางไปต่างประเทศ ศึกษาพระวาจา อ่านพระคัมภีร์ ศึกษา
ทุกอย่างว่าสิ่งใดที่พระเจ้าพอพระทัย คุณป้าใช้เวลา 1 ปี เทวดาก็มารับคุณป้าไปสู่สวรรค์อีก พระเยซูเจ้า
บอกคุณป้าว่าหมดเวลาแล้ว และถามว่าสิ่งที่พอพระทัยพระองค์ที่สุดคืออะไร คุณป้าก็ยิ้มด้วยความสดชื่น
ตอบว่า "ดิฉันได้ศึกษาพระวาจาของพระเจ้า ได้ปรึกษาพระสงฆ์ ได้เข้ากลุ่มสวดภาวนา และเป็นคนที่เดิน
ทางไปแสวงบุญ ทำทุกอย่างเป็นคริสตชนที่ดีก็เลยได้คำตอบนี้มา และคำตอบที่มีก็คือในขันเป็นน้ำตา
ของคนบาป ดิฉันไปรองเวลาที่มีคนบาปมาสารภาพบาปกับพระสงฆ์ ต้องใช้เวลา 1 ปีเต็ม ๆ"
          พอพูดจบเท่านั้นพระเยซูเจ้าก็ยิ้มอย่างสดชื่นที่สุด แม่พระเดินออกมา บรรดานักบุญทั้งหลาย
ออกมา วงดนตรีสวรรค์เริ่มบรรเลง มีงานเลี้ยงใหญ่เกิดขึ้นทันที เพราะสิ่งที่ชอบพระทัยที่สุด คือ
การที่คนบาปกลับใจนั่นเอง

👉 ช่างไม้ที่ซื่อสัตย์ที่สุด 👈

          วันหนึ่ง ขณะที่ช่างกำลังตัดต้นไม้อยู่ใกล้ ๆ แม่น้ำ ขวานตกลงไปในแม่น้ำ ช่างไม้ร้องไห้เสียใจ
พระเยซูประจักษ์มา และถามช่างไม้ว่า "ท่านร้องไห้ทำไม" ช่างไม้ตอบว่าขวานตกลงไปในน้ำ และเขา
ต้องการขวานเพื่อเลี้ยงชีพ พระเยซูกระโดดลงไปในน้ำทันที และหยิบขวานทองขึ้นมาจากน้ำ และถามว่า
"นี่ใช่ขวานของท่านไหม"
          ช่างไม้ตอบว่า "ไม่ใช่" พระเยซูกระโดดลงไปในน้ำอีกครั้ง และหยิบขวานเงินขึ้นมาจากน้ำ และ
ถามว่า "นี่ใช่ขวานของท่านไหม"
          ช่างไม้ตอบว่า "ไม่ใช่" พระเยซูกระโดดลงไปในน้ำเป็นครั้งที่ 3 และกลับขึ้นมา พร้อมกับขวานเหล็ก
และถามว่า "นี่ใช่ขวานของท่านไหม"
          ช่างไม้ตอบว่า "ใช่" พระเยซูดีพระทัยที่เห็นช่างไม้เป็นคนซื่อสัตย์ จึงให้ขวานทั้ง 3 เล่ม แก่ช่างไม้
ไปด้วย ช่างไม้กลับบ้านไปด้วยความสุข
          หลังจากนั้นไม่นาน ช่างไม้กับภรรยาเดินเที่ยวริมแม่น้ำ เผอิญภรรยาเดินพลาดตกลงไปในแม่น้ำ
ช่างไม้ร้องไห้ และพระเยซูก็ประจักษ์มาอีกครั้ง และถามช่างไม้ว่า "ร้องไห้ทำไม"
          ช่างไม้ตอบว่าภรรยาตกลงไปในแม่น้ำ ผมรักภรรยามาก บ้านเราต้องลำบากมาก ลูกต้องขาดแม่
พระเยซูกระโดดลงไปในน้ำ และกลับขึ้นมาพร้อมกับนางงามระดับโลก
พระเยซูถามว่า "นี่ใช่ภรรยาของท่านไหม" ช่างไม้เงียบสักครู่และตอบว่า "ใช่ครับ"
พระเยซูรู้สึกไม่พอใจตรัสว่า "ท่านโกหก มันไม่จริง"
          ช่างไม้พูดว่า "ข้าแต่พระเจ้า โปรดอภัยให้ผมด้วย พระองค์เข้าใจผิดแล้วครับ ขอผมอธิบายหน่อย
ถ้าผมตอบว่า 'ไม่ใช่' พระองค์ก็จะนำนางงามมาอีก ถ้าผมบอกว่า 'ไม่ใช่' และที่สุดพระองค์ก็จะนำภรรยา
มาให้ ตอนสุดท้าย หลังจากนั้น พระองค์ก็จะประทานผู้หญิงทั้ง 3 คนให้กับผม ผมก็แย่ซิครับ เพราะผม
เป็นคนจน ผมไม่มีปัญญาเลี้ยงดูผู้หญิงทั้ง 3 คน และผมเห็นว่าไม่ถูกต้อง"
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6646
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พุธ ก.ย. 18, 2024 4:56 pm

🪅 HAPPY  LIFE  เรื่องสั้นอ่านสนุก 🪅
💠 ผู้แต่ง : สุวนารถ  กวยมงคล [พ่อมี้] 💠

💃 ตอนที่ (25)🕺

👉 คำถาม 3 ข้อ 👈

          ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีพระราชาพระองค์หนึ่งมีคำถามในใจ
คำถามที่ 1 ใครเป็นคนที่สำคัญที่สุดที่เราควรพบ?
คำถามที่ 2 อะไรเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่เราควรทำ?
คำถามที่ 3 เวลาอะไรเป็นเวลาที่สำคัญที่สุดที่เราควรทำ?
          พระองค์เสนอรางวัลใหญ่แก่ใครก็ได้ที่สามารถให้คำตอบนี้แก่พระองค์ ประชาชน
หลายคน รีบมาพร้อมกับคำตอบที่ตัวเองชอบ
          คำถามที่ 1 มีคนตอบว่า นายกรัฐมนตรีเป็นผู้ที่มีความสำคัญคนหนึ่งในเมือง มีความ
สามารถทางการค้า ท่านแนะนำกษัตริย์ได้ในเรื่องของการเมือง การต่างประเทศ ฯลฯ บางคน
บอกว่าคนที่ สำคัญที่สุดก็คือพระสงฆ์ นักรบ นายแพทย์ ฯลฯ
          คำถามที่ 2 ก็มีคนตอบว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือความรู้ สงคราม ศาสนา
          สำหรับคำถามที่ 3 ประชาชนแนะนำว่าให้เราแบ่งปีเป็นเดือน เดือนเป็นวัน เมื่อเราหาวันที่
เราชอบ ให้เราเริ่มทำกิจกรรมได้เลย หลายคนบอกว่า เวลาที่ดีที่ถูกต้องก็คือเวลาที่เราได้ปรึกษา
หารือกันว่าเวลาใดเหมาะ
          กษัตริย์ไม่ทรงพอพระทัยในคำตอบทั้งหลายเลย พระองค์ไม่ได้ให้รางวัลใครเลย พระองค์ตรัสว่า
จะหาคำตอบด้วยตัวพระองค์เอง พระองค์รู้ว่าผู้ที่จะให้คำตอบที่ถูกต้องนี้ ต้องเป็นฤาษีชราที่อยู่ในป่า
แน่นอน ประชาชนเห็นด้วยกับกษัตริย์ที่จะออกไปหาฤาษี พระองค์ต้องทรงถอดเครื่องกษัตริย์ออก ปลอม
เป็นชาวนา และมีผู้คุ้มกัน เมื่อกษัตริย์มาถึง พระองค์บอกให้ผู้คุ้มกันรออยู่ข้างนอก พระองค์เห็นฤาษีตัว
ผอมมาก หนังหุ้มกระดูกกำลังขุดดินอยู่ เพื่อปลูกต้นไม้สำหรับฤดูกาลใหม่ กษัตริย์พูดกับฤาษีว่า
"ข้าแต่ท่านผู้ชาญฉลาด ข้าต้องการถามคำถามท่าน 3 คำถาม
คำถามที่ 1 ใครเป็นคนที่สำคัญที่สุดที่เราควรพบ
คำถามที่ 2 อะไรเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่เราควรทำ
คำถามที่ 3 เวลาอะไรเป็นเวลาที่สำคัญที่สุดที่เราควรทำ
ฤาษีไม่ได้ให้คำตอบแต่ขุดดินต่อไป กษัตริย์ยืนอยู่นิ่ง ๆ ไม่รู้จะทำอะไร ก็เลยพูดว่า "ฤาษีให้ท่านหยุดพัก
ได้แล้ว ข้าจะขุดแทน" และกษัตริย์ก็เริ่มขุดดินเรื่อยไป พอถึงเวลาบ่าย กษัตริย์ก็ถามคำถามเดิม แต่ก็
ไม่มีคำตอบจากฤาษี ท่านฤาษีพูดว่า "ให้ท่านพัก ฉันจะขุดต่อเอง"
กษัตริย์พูดว่า "ไม่ ฉันจะขุดเอง" และกษัตริย์ก็ขุดต่อไป
          พอถึงเวลาบ่าย 4 โมง กษัตริย์ก็ถามคำถามเดิมกับท่านฤาษีอีกครั้ง แทนที่ท่านฤาษีจะให้คำตอบ
ท่านฤาษีพูดว่า "ดูนั่นมีชายคนหนึ่งวิ่งตรงมายังเรา"
          กษัตริย์สังเกตชายที่วิ่งมาหามีเลือดเต็มตัว เขาเป็นคนแปลกหน้า ท้องเขาถูกแทงมา กษัตริย์สงสาร
ชายแปลกหน้าคนนั้น ทันทีพระองค์ก็ถอดผ้าคลุมไหล่เอาไปชุบน้ำและเช็ดบาดแผลให้ และจากนั้นกษัตริย์
ก็ไปเอาผ้าเช็ดตัวของฤาษีมาพันแผลให้ กษัตริย์และท่านฤาษีช่วยอุ้มคนแปลกหน้าไปที่กระท่อมของฤาษร
และวางไว้บนเตียง กษัตริย์และฤาษีช่วยกันเอาน้ำให้ดื่ม หลังจากนั้นชายแปลกหน้าก็สลบไป
          กษัตริย์เหนื่อยมากหลังจากที่ทำงานหนักมาทั้งวัน พระองค์นั่งที่พื้น และทันทีพระองค์ก็หลับจนถึงเช้า
เมื่อพระองค์ตื่นขึ้น พระองค์ก็สังเกตชายแปลกหน้าอาการดีขึ้น ชายแปลกหน้ามาคุกเข่าต่อหน้ากษัตริย์และ
พูดว่า "ข้าแต่กษัตริย์ที่เคารพโปรดอภัยให้ผมด้วย"
          กษัตริย์งงมากและพูดว่า "ทำไมคุณขอให้ผมอภัยให้"
          ชายแปลกหน้าพูดว่า "ผมมาเพื่อจะฆ่าท่าน"
          กษัตริย์พูดว่า "ทำไมคุณต้องการจะฆ่าผม?"
          ชายแปลกหน้าพูดว่า "ก็เพราะว่า ท่านลงโทษน้องชายของผม และยึดทรัพย์สมบัติครึ่งหนึ่งของผมไป
ผมจึงสัญญากับตนเองว่า วันหนึ่งผมจะฆ่าท่านให้ได้ ผมรู้ว่าท่านกำลังมาเยี่ยมฤาษี ผมตามท่านมา ผมเห็น
ท่าน ตั้งแต่ 10 โมงเช้าแล้ว ผมซ่อนอยู่ที่ใต้ตันไม้และคอยเวลา ผมคอยจนถึง 5 โมงเย็น แต่ท่านก็ไม่เลิกงาน
สักที เวลานั้นเองผู้คุ้มกันก็มาพบผมและโจมตีผม ผมหนีสุดชีวิต และผมจึงวิ่งไปพบท่านและท่านช่วยชีวิตผม"
          กษัตริย์ตรัสว่า "ถ้าเราได้ยึดทรัพย์สมบัติของท่านมา เราจะคืนให้ และจะส่งหมอไปรักษาท่าน
เราขอโทษท่าน ไปได้ขอให้มีความสุข"
          ชายแปลกหน้าพูดว่า "ตั้งแต่นี้ไปผมจะเป็นข้ารับใช้ที่ซื่อสัตย์ต่อพระองค์จนกว่าจะตาย" เมื่อพูดจบแล้ว
ชายแปลกหน้าก็จากไป
          อย่างไรก็ตามกษัตริย์ก็ได้พบคำตอบจากท่านฤาษี ดังนั้น จึงไปหาท่านฤาษีอีกครั้งหนึ่ง ท่านเห็นฤาษี
กำลังขุดดินเหมือนเดิมเพื่อปลูกต้นไม้ กษัตริย์พบท่านฤาษีและพูดว่า "ถ้าท่านไม่ต้องการจะให้คำตอบผม
ก็บอกมาผมจะไป"
          ฤาษีมองหน้ากษัตริย์และพูดว่า "ท่านได้รับคำตอบแล้วไม่ใช่หรือ"
          กษัตริย์ตอบว่า "ไม่ ไม่ได้รับ"
          ฤาษีพูดว่า "บุคคลที่สำคัญที่สุดก็คือเราเอง สิ่งที่สำคัญที่สดก็คือ ขุดดิน เมื่อท่านเห็นเรากำลังทำงาน
และเวลาที่สำคัญที่สุดก็คือ เวลาที่ท่านช่วยเราขุดดิน ถ้าเราให้คำตอบท่านเวลาที่ท่านมา และถ้าท่านไม่ช่วย
เราขุดดิน ท่านก็จะกลับไป คนแปลกหน้าก็จะฆ่าท่านกลางทาง
          ท่านพูดว่ายังไม่ได้รับคำตอบในคำถาม คำตอบนั้นก็คือ
1. บุคคลสำคัญที่สุดก็คือคนแปลกหน้า
2. สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือท่านช่วยเราขุดดินอยู่กับเรา
3. เวลาที่สำคัญที่สุดก็คือเวลาที่ท่านช่วยเราทันทีทั้งขุดดิน และช่วยคนแปลกหน้า
ในการทำดังนี้ศัตรูของท่าน ก็กลายเป็นมิตรแท้ของท่าน"

👉 หัวใจที่งดงาม 👈

          วันหนึ่งชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังเดินอยู่กลางเมือง และประกาศว่าเขาเป็นคนที่มีหัวใจงดงามที่สุด
  ประชาชนส่วนใหญ่ยอมรับว่า เขาพูดความจริง เขาเป็นคนสมบูรณ์แบบ หัวใจของเขาไม่มีตำหนิ
อะไรเลย สวย งดงาม ทุกคนเห็นด้วยว่า เขาเป็นคนที่มีหัวใจงดงามที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา ชายหนุ่ม
คนนั้นภูมิใจมากและพูดโอ้อวดว่า เขามีหัวใจที่งดงาม
          ทันใดนั้นเอง ชายชราคนหนึ่งก็มาปรากฏตัวอยู่หน้าฝูงชนและพูดว่า "หัวใจของคุณไม่สวยเท่า
ของผมหรอก" ประชาชนและฝูงชนจ้องมองไปที่หัวใจของชายแก่คนนั้น มันดูแข็งแกร่งมา มีรอยถูก
ตีขีดข่วนมากมายทั้งหัวใจ ไม่มีที่ใดเลยที่ไม่มีบาดแผลและริ้วรอยแห่งความเจ็บปวด
       ประชาชนจ้องมองและพูดว่า "ทำไมถึงบอกว่าหัวใจที่เต็มไปด้วยบาดแผลว่างดงามที่สุด" ชายหนุ่ม
หัวเราะและพูดว่า "ช่างน่าตลกจริง ๆ ที่เอาหัวใจช้ำเลือดช้ำหนองมาเทียบกับหัวใจของผมที่งดงามที่สุด"
ชายชราตอบว่า "ถูกต้อง หัวใจของคุณดูงดงาม แต่ไม่ได้มีอะไรแสดงว่างดงามเลย คุณเห็นหัวใจของผม
เลือดไหล เป็นบาดแผลที่ได้มาจากการให้ความรักผู้อื่น มีแผลเต็มไปหมด เป็นน้ำตาที่ให้กับหลาย ๆ คน
ที่มีความทุกข์โศก และบ่อย ๆ หัวใจนี้ถูกเฉือนออกไปแทนที่หัวใจของคนอื่น เพื่อให้คนอื่นดีขึ้น ต่างเกิด
จากการแบ่งปัน"
          ชายชราพูดต่อไปว่า "บางครั้งบางคราวผมต้องให้หัวใจของผมกับคนอื่นบางส่วน แต่เขาไม่ยอม
ให้คืนมา มันก็เลยกลายเป็นหัวใจที่ว่าง และบิ่นไปบ้างที่ไม่ได้รับความรักกลับคืนมา บางทีก็มีบาดแผล
เปิดอยู่ เพื่อย้ำเตือนถึงความรักที่ไม่ได้รับการตอบแทน และนี่คือหัวใจที่สวยและงดงามจริง ๆ"
          ชายหนุ่มคนนั้นยืนนิ่งเงียบพร้อมกับน้ำตาไหลอาบแก้ม เขาเดินไปที่ชายชรา และกอดชายชราไว้
เขาจ้องมองที่หัวใจที่ถูกกรีดของชายชรา และเสนอหัวใจของเขาเพื่อแทนที่หัวใจถูกกรีดไปนั้น ชายชรา
ยิ้มและรับข้อเสนอ ทำให้หัวใจของชายชราสมบูรณ์ขึ้น บาดแผลน้อยลง แต่หัวใจของชายหนุ่มกลับมี
ที่ว่างเพิ่มขึ้น ขรุขระขึ้น มีปุ่มมากขึ้น ไม่สวยเหมือนเดิมแล้ว
          ชายหนุ่มมองดูที่หัวใจของตัวเอง มันช่างไม่งดงามเหมือนเช่นเคยตั้งแต่เขาให้หัวใจของเขาแทนที่
คนชรา ทั้งชายชราและชายหนุ่มจับมือกัน และเดินไปด้วยกันจนลับสายตา
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6646
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พุธ ก.ย. 18, 2024 5:10 pm

🪅 HAPPY  LIFE  เรื่องสั้นอ่านสนุก 🪅
💠 ผู้แต่ง : สุวนารถ  กวยมงคล [พ่อมี้] 💠

💃 ตอนที่ (26)🕺

👉 น้ำศักดิ์สิทธิ์ 👈

          ชาวนาสเปนคนหนึ่งป่วยหนัก เขามีลูก 4 คน แต่ละคนรับอาสาไปหายาวิเศษที่มีคนบอกว่า
รักษาได้แน่นอน เป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์
          ลูกคนโตชื่ออัลฟองโซ ออกเดินทางด้วยการขึ้นภูเขาสูง ก็เจอชายแก่ซึ่งเตือนว่า "จะระวังให้มาก
เจ้าจะเจอการทดสอบ" อัลฟองโซก็ได้ยินเสียงเรียกบอกให้หยุด และหันหลังกลับมาฟังเสียงเพลงอัน
ไพเราะ อัลฟองโซหลงเชื่อ เขาหยุดและหันหลังกลับเขาก็เลยกลายเป็นหิน
          ลูกคนกลางชื่ออลอนโซ ออกเดินทางตามพี่ชายซึ่งไม่กลับบ้านมาหลายวัน และได้พบชายชรา
ซึ่งเตือนให้ระวัง "เจ้าจะเจอการทดสอบ" จากนั้น อลอนโซก็ได้ยินเสียงดนตรีที่ไพเราะมาก แต่เขาไม่ยอม
หันหลังไปฟัง เพราะจำคำเตือนได้ แต่ต่อมา เขาได้ยินเสียงคล้ายอัลฟองโซ ก็เลยหยุดและหันกลับจึง
กลายเป็นหิน
          ลูกคนเล็กชื่อคาร์โก ออกเดินทางแบบเดียวกับพี่ชายทั้งสองที่หายไปหลายวัน ได้พบชายชราเตือน
ให้ระวังเช่นกัน คาร์โกได้ยินเสียงดนตรีแต่เขาไม่ฟัง ได้ยินเสียงพี่ชายทั้งสอง เขาก็ไม่หัน แต่ที่สุดเขา
ได้ยินเสียงนกที่เขาชอบ ก็เลยหยุด หันกลับและกลายเป็นหิน
        น้องคนสุดท้องชื่อมารี พ่อไม่อยากให้ไปเพราะเด็กมาก ๆ อยู่แค่ชั้นอนุบาล แต่มารีมีความตั้งใจจริง
บอกพ่อว่า "ไม่ต้องเป็นห่วง หนูจะเอาน้ำศักดิ์สิทธิ์มาให้ได้" หนูน้อยทั้งกลัวและหนาว แต่เพื่อพ่อเธอก็อดทน
          ระหว่างทางมารีเจอกับชายชราซึ่งเตือนเธอ เหมือนที่เตือนพี่ ๆ ของเธอ หนูน้อยได้ยินเสียงเพลง
ไพเราะมาก แต่เธอก็ตัดใจไม่หันไปมอง
          ต่อมาเธอก็ได้ยินเสียงพี่ทั้ง 3 คน เธอก็ตัดใจไม่หันไปมองอีก แม้ว่าจะเป็นห่วงพี่ ๆ มากก็ตาม แต่ถ้า
มัวห่วงนี้ เดี๋ยวพ่อตาย เธอจึงตัดสินใจเดินต่อไปจนพบน้ำตก
          เธอเอาน้ำใส่ขวด ระหว่างทางมารีทำน้ำหกรดก้อนหิน ซึ่งก้อนหินเหล่านั้นก็กลายเป็นคนมากมาย
รวมถึงพี่ชายทั้งสามของเธอด้วย เธอจึงรีบไปเอาน้ำมารดหินทุกก้อนบริเวณนั้น
          และแล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น หินทุกก้อนกลายร่างเป็นคนมากมายที่หลงกลปีศาจและ
กลายเป็นหิน ยกเว้นหนูน้อยมารีคนเดียว คนมากมายเดินทางไปบ้านมารี เพื่อขอบคุณพ่อของมารี
ที่มีลูกที่ดีแบบนี้

👉 แว่นวิเศษ 👈

          หญิงชราวัย 60 ปีอาศัยอยู่ทางตะวันตกของเมือง ลูกหลานบอกให้ไปหาหมอตรวจตา เมื่อหญิงชรา
ไปหาหมอ หมอบอกขอเวลา 3 วันเพื่อประกอบแว่น วันหมอนัดมาถึงหญิงไปรับแว่นและลองใส่ เธอเดินไป
ที่ริมหน้าต่างและเริ่มมองออกไป
          หญิงชรางงและแปลกใจมาก
          เธอตะโกนออกมาอย่างประหลาดใจว่า "ทำไมฉันเห็นยอดวัดได้ ตลอดชีวิตไม่เคยเห็นยอดวัดอยู่ใกล้
ขนาดนี้เลย ทำไมอยู่ใกล้ขนาดนี้"
          คุณหมอบอกคุณยายว่า "สายตาคุณยายใกล้จะเสื่อมแล้ว ใกล้จะบอดแล้ว แว่นทำให้เห็นความจริง
ที่เกิดขึ้นได้" ก็เหมือนชีวิตของเรา ถ้าเราไม่ใส่แว่นแห่งความรักของพระเจ้า เราก็จะเดินหลงทาง

👉 ขอพร 3 ประการ 👈

          เรื่องเล่าถึงหญิงสาวคนหนึ่ง เธอเจอกับปัญหาที่ทำให้สิ้นหวัง หมดกำลังกายกำลังใจ มีปัญหากับ
สามีที่นิสัยไม่ค่อยดี สามีนิสัยเปลี่ยนไปทั้งกินเหล้า เจ้าชู้ และไม่รับผิดชอบอะไรเลย เธอไปเดินเล่น ปล่อย
อารมณ์ที่ริมชายหาดใกล้บ้าน เธอเห็นขวดใบหนึ่งสวยดีลอยมาติดชายหาด เธอเก็บขวดและเขย่าเปิดดูว่า
มีอะไร ปรากฏควันออกมาเป็นยักษ์จินนี่ ยักษ์บอกทันทีว่า "ท่านปล่อยข้าพเจ้าเป็นอิสระ เพื่อแสดงความ
ขอบคุณ ท่านสามารถขอพรได้ 3 ประการ แต่ต้องระวัง ถ้าท่านขอ สามีของท่านก็จะได้เป็น 2 เท่าด้วย"
หญิงสาวเริ่มขอพรประการที่ 1 ว่า "ดิฉันขอเงิน 1,000,000 บาท" ทันทีทันใดมีแสงสว่างวาบมา เงินก็ปรากฏ
มาอยู่ที่เท้าของเธอ เช่นเดียวกันสามีของเธอซึ่งได้เงิน 2,000,000 บาท เธอคิดสักครู่และขอพรประการ ที่ 2 ว่า
"ดิฉันต้องการสร้อยเพชรที่สวยที่สุด" ทันใดนั้นเกิดแสงสว่างวาบหนึ่ง มีสร้อยเพชรปรากฏมาอยู่บนคอของ
เธอทันที เช่นเดียวกัน สร้อยเพชร 2 เส้นก็ปรากฏบนคอสามีเช่นเดียวกัน เธอเตรียมขอพรประการที่ 3 และ
คิดตามที่ยักษ์จินนี่บอกว่าสามีจะได้เป็น 2 เท่า เธอเริ่มรู้สึกไม่พอใจ เธอไม่ได้รักสามีแล้วแต่อยากแก้แค้น
จึงคิดและขอพรประการที่ 3 ทันทีว่า "ขอให้ฉันมีอายุเหลือครึ่งเดียวก็พอ" เธอก็แก่ขึ้นทันที ส่วนสามีของเธอ
ก็นอนตายอยู่ที่หน้าบ้าน

👉 ไม่ใช่ธุระ 👈

          นานมาแล้ว ราชินีองค์หนึ่งกำลังกินขนมเค้กและน้ำผึ้งกับหัวหน้าที่ปรึกษา เผอิญน้ำผึ้งหยดลงระเบียง
ไปถึงราวบันไดยาวเป็นทาง ที่ปรึกษาบอกราชินีใช้เรียกคนใช้มาทำความสะอาด แต่ราชินีหัวเราะบอกว่า
"ไม่เป็นไร ไม่มีปัญหา หยดน้ำผึ้งเท่านั้น ทีหลังก็ได้"
          ราชินีกินต่อไป น้ำผึ้งก็ไหลต่อไป ที่ปรึกษาบอกราชินีอีกครั้งให้รีบทำความสะอาด เดี๋ยวแมลงวันจะ
มาตอม ราชินีบอก "ไม่เป็นไร แมลงวัน 2-3 ตัวเองไม่มีปัญหา ทีหลังก็ได้ ต่อจากนั้น จิ้งจกก็มากินแมลงวัน
แมลงวันบินมาตกที่ร้านขายขนมปัง จิ้งจกกระโดดขึ้นหลังแมว สุนัขร้านขายเนื้อเห็นแมวก็เลยวิ่งไล่แมว
กัดคอแมว ที่สุดสุนัขกับแมวก็สู้กัน เจ้าของสุนัขกับเจ้าของแมวตีกัน ทำร้ายกัน เจ้าของร้านใกล้ ๆ ร่วมวง
ตีกัน บ้างคนขว้างหิน สาดน้ำจุดไฟ เผอิญไฟไปติดม่านที่ราชวังไฟไหม้วัง เจ้าหญิงตายหนีไม่พ้น
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6646
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พุธ ก.ย. 18, 2024 5:21 pm

🪅 HAPPY  LIFE  เรื่องสั้นอ่านสนุก 🪅
💠 ผู้แต่ง : สุวนารถ  กวยมงคล [พ่อมี้] 💠

💃 ตอนที่ (27)🕺

👉 เด็กยิงธนู 👈

กษัตริย์องค์หนึ่ง พระองค์ทรงประพาสป่าอย่างมีความสุข พระองค์ได้ชมวิวทิวทัศน์และล่าสัตว์
พระองค์เสด็จเข้าไปใจกลางป่า ทรงแปลกพระทัย พระองค์ทรงเห็นต้นไม้ทุกต้นมีลูกศรปักอยู่
กลางเป้า พระองค์ทรงแปลกพระทัยมาก ตรัสถามว่า
"ใครเป็นคนยิง"
ชาวบ้านตอบว่าเป็นเด็กคนหนึ่ง กษัตริย์ให้ตามหาเด็ก เพื่ออยากรู้ความจริงว่าทำได้อย่างไร
ที่สุดก็พาเด็กมาพบกษัตริย์ กษัตริย์ตรัสถามว่า "หนูทำได้ยังไง"
เด็กตอบว่า "พ่อเป็นคนสอน"
กษัตริย์ถามว่า "ทำได้ยังไงถึงยิงแม่นได้อย่างงี้"
เด็กคนนั้นยิ้มและทูลกษัตริย์ว่า "ไม่ยากหรอกพระองค์ แค่ยิงให้โดนต้นไม้ก็พอ หลังจากนั้นพ่อก็เอาสี
ไปป้ายเป็นวงกลมที่ลูกศรทุกต้น ก็เท่ากับว่ายิงถูกทุกเป้า"

👉 ตัดต้นไม้ 👈

ณ ป่าแห่งหนึ่งมีการแข่งขันตัดต้นไม้ ใครตัดได้มากสุดชนะ มีผู้ร่วมแข่งขันสองคน
คนหนุ่มคนที่ 1 เป็นคนหนุ่มแข็งแรงมาก
คนที่ 2 เป็นคนชรามีประสบการณ์มาก
เมื่อสัญญาณเริ่ม คนหนุ่มลงมือตัดต้นไม้ทันที ส่วนคนชราค่อย ๆ ตัดต้นไม้ตามประสบการณ์ คนหนุ่ม
ไม่ยอมหยุดพักเลยตลอดทั้งวัน กลับกันคนชราทำไปพักไป การแข่งขันตัดต้นไม้ล่วงเลยไปหลายวัน
ผลสรุปปรากฏว่า คนชราชนะ ทุกคนประหลาดใจว่า ทำไมคนหนุ่มที่ทำงานไม่หยุดพักกลับแพ้ ทุกคนจึง
เข้าไปถามคนชราว่า "ทำไมจึงชนะการแข่งตัดต้นไม้ได้มากกว่าคนหนุ่ม"
คนชรายิ้มและบอกทุกคนว่า "ไม่ใช่เรื่องยาก แค่เวลาพักก็ลับเครื่องมือไปด้วยเท่านั้นเอง"

👉 ผู้ยิ่งใหญ่ 1 👈

นักวาดภาพชาวฝรั่งเสสชื่อ วินเซนต์ แวนโก๊ะ เขาวาดภาพ 1,700 ชิ้น ก่อนที่จะตาย ในปี 1890
เขาขายภาพได้เพียงภาพเดียว ราคา 85 ดอลลาร์ เขาล้มเหลวไม่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน
แวนโก๊ะตาย แต่ต่อมาไม่นาน มีคนขายภาพของเขาได้ ราคา 1,00,000 ดอลลาร์ แวนโก๊ะไม่เคยรู้เลยว่า
เขาเป็นศิลปินที่ยิ่งใหญ่ตัวจริง
อะไรคือความจริงของศิลปินผู้นี้ ความจริงก็เช่นเดียวกับนักบุญยออากิมและอันนา ตาและยายของ
พระเยซูเจ้า ท่านทั้งสองไม่เลยนึกคิดเลยว่าท่านจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่เช่นกัน เพราะท่านไม่มีชีวิตพอเห็นหลาน
ที่เป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดบนโลกเหมือนกัน

👉 เคล็ดลับความสุข 👈

มีเรื่องเล่าเป็นนิยายน่าประทับใจถึงเด็กกำพร้า 1 คน ไม่มีครอบครัว ไม่มีใครที่รักเธอเลย
วันหนึ่ง ด้วยความเศร้าและโดดเดียว เธอเดินไปในสวนดอกไม้ เธอสังเกตเห็นผีเสื้อตัวหนึ่งถูกหนาม
แทงกลางลำตัว ผีเสื้อพยายามดิ้นรนให้พ้นจากกอหนาม แต่ยิ่งดิ้นหนามก็ยิ่งตำลงไปมากขึ้น เด็กหญิง
กำพร้า พยายามช่วยผีเสื้อ ด้วยความสงสารและระมัดระวังจนช่วยผีเสื้อได้ ทันใดนั้นเอง ผีเสื้อก็กลาย
เป็นเทวดาบิน อยู่ต่อหน้าเด็กคนนั้น เด็กกำพร้าแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง
เทวดาพูดกับเด็กกำพร้าว่า "เธอเป็นผู้มีใจเมตตากรุณามาก ฉันจะให้พรเธอตามใจปรารถนา"
เด็กกำพร้าคิดสักครู่ และพูดว่า "หนูต้องการมีความสุข" เทวดาพูดว่า "ดีมาก" แล้วก็บินไปกระซิบที่หู
ของเด็กน้อยแล้วก็หายตัวไป
ขณะที่เด็กน้อยโตขึ้น ไม่มีใครมีความสุขเท่าเด็กน้อยคนนี้เลย ทุก ๆ คนถามความลับของความสุข
ที่เธอมี เธอไม่ได้ตอบใครทันที เพียงแต่ยิ้มและพูดว่า "เคล็ดลับของความสุขคือสิ่งที่เทวดาได้บอกกับฉัน
ในตอนเด็ก"
เมื่อเด็กน้อยแก่แล้วกำลังจะตายบนเตียงนอน เพื่อนบ้านมารุมล้อมเธอ และกลัวว่าความลับของ
ความสุขจะตายไปในพร้อมกับเธอ จึงถามเธอว่า "กรุณาบอกพวกเราด้วยถึงความลับที่เทวดาบอกเธอ"
หญิงชรายิ้มและพูดว่า "เทวดาบอกฉันว่า ความสุขไม่ขึ้นกับความปลอดภัยในชีวิต ความสุขไม่ขึ้นกับ
ความแก่หรือความหนุ่ม ความสุขไม่ขึ้นกับความรวยหรือความจน"
พอพูดจบ เธอก็ยิ้มและปิดตาสิ้นใจทันที

👉 ยืนนิ่ง ๆ 👈

ชายตาบอดคนหนึ่งกับเพื่อนต้องการเดินทางไปต่างประเทศ ทั้ง 2 รีบไปสนามบิน พอถึงสนามบิน
เพื่อนบอกให้ชายตาบอดยืนนิ่ง ๆ อยู่ตรงทางเดิน และเพื่อนก็ไปซื้อตั๋ว หลังจากนั้นเพื่อนที่ไปซื้อตั๋วก็ทำ
เอกสารดำเนินการ ใช้เวลานานพอสมควรประมาณครึ่งชั่วโมง ฝ่ายคนตาบอดยืนรอนิ่ง ๆ ไม่ขยับเขยื้อน
ไม่บ่น ไม่ว่า ไม่หงุดหงิด มีผู้คนเดินผ่านไปผ่านมามากมาย บางคนเสียงดัง บางคุยอยู่ข้าง ๆ เขา บางคน
เดินชน บางคนเอารถเข็นทับขาเขา แต่ชายตาบอดไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย ทุกคนที่ผ่านไปผ่านมาต่าง
แปลกใจที่ชายคนนี้ยืนอยู่นิ่ง ๆ ไม่กระดุกกระดิก ไม่ขยับเขยื้อน ไม่อ่านหนังสือ ไม่ดื่มน้ำ เขายืนด้วยความ
อดทนรอเพื่อนกลับมา เมื่อเพื่อนที่ไปซื้อตั๋วกลับมาเขาดีใจมาก เมื่อเห็นเพื่อนที่ตาบอดสงบนิ่งอยู่ที่เดิม
เขาจูงมือเพื่อนไปขึ้นเครื่องบิน

👉 สายดำ 👈

พิธีรับสายยูโดเลื่อนขั้น อาจารย์มอบสายดำให้ลูกศิษย์ และถามว่าเธอเข้าใจความหมายของสายดำ
หรือไม่ ลูกศิษย์ ตอบว่า" สายดำเป็นจุดหมายปลายทางของความสำเร็จ และเป็นรางวัลความพยายาม"
อาจารย์ไม่พอใจคำตอบไม่ยอมมอบสายดำให้ อาจารย์เลื่อนพิธีรับสายดำไปก่อน 1 ปี
1 ปีผ่านไป อาจารย์ถามลูกศิษย์ว่า "อะไรเป็นความหมายของสายดำ"
ลูกศิษย์ตอบ "เป็นเครื่องหมายพิเศษชั้นสูงในการป้องกันตัว" อาจารย์ไม่พอใจเหมือนเดิม
เวลาผ่านไปอีก 1 ปี อาจารย์ถามลูกศิษย์อีกครั้งว่า "อะไรเป็นความหมายของสายดำ"
ลูกศิษย์ตอบ "สายดำเป็นตัวแทนการเริ่มต้น การเดินทาง ติดตาม มาตรฐานสูงขึ้น "อาจารย์ยิ้มและ
มอบสายดำให้
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6646
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. ก.ย. 26, 2024 4:28 pm

🪅 HAPPY  LIFE  เรื่องสั้นอ่านสนุก 🪅
💠 ผู้แต่ง : สุวนารถ  กวยมงคล [พ่อมี้] 💠

💃 ตอนที่ (28)🕺

👉 อิจฉาจักรยาน 👈

          คุณพ่อเจ้าอาวาสวัดสังเกตเยาวชนคนหนึ่งซึ่งรักจักรยานมาก ทำความสะอาดทุกวัน
คลุมผ้า เช็คลมยาง ตรวจซี่ล้อ วันหนึ่งคุณพ่อจึงถามเยาวชนคนนั้นว่า
"ลูกทำความสะอาดวันละกี่ครั้ง"
เยาวชนตอบ "ทุก ๆ ชั่วโมง ทุกวัน ที่โรงเรียน ที่บ้าน ที่วัด"
คุณพ่อถามอีก "แล้วลูกไปวัดบ้างไหม "
เยาวชนตอบ "อาทิตย์ละ 1 ครั้ง"
คุณพ่อจึงพูดว่า "วิญญาณของลูก คงอิจฉาจักรยานของลูกมากแน่นอนเลย"

👉 ไข่นกอินทรีย์ 👈

          ชาวนาคนหนึ่ง เขาเจอไข่นกอินทรีย์หนึ่งฟอง แต่เขาไม่รู้ว่าเป็นไข่นกอะไรตอนแรก ชาวนา
เอาไข่ไปใส่ในกรงไก่ให้ไก่ช่วยฟัก จนกระทั่งไข่ฟัก นกอินทรีย์ออกมากไข่มันนึกว่ามันเป็นไก่
เหมือนตัวอื่น ๆ แค่แปลกไจว่าที่มันตัวใหญ่กว่า
          นกอินทรีย์ขุดคุ้ยหาแมลง เมล็ดพืชตามพื้นดิน มันร้องเหมือนไก่ บางทีมันขยายปีกยาว
เป็นฟุต มันไม่กล้าบินสูง เพราะมันคิดว่ามันเป็นไก่ธรรมดา
          วันหนึ่งมันเห็นนกอินทรีย์บินโฉบไปโฉบมาบนท้องฟ้า มันอยากเป็นเหมือนนกอินทรีย์บนท้องฟ้า
มันจึงถามน้อง ๆ ของมันว่าเป็นตัวอะไร น้อง ๆ ต่างตอบว่าเป็นนกอินทรีย์ ราชาของนกทั้งหลาย
เป็นจ้าวเวหา นกอินทรีย์บอกว่า "อยากเป็นเหมือนนกอินทรีย์บนท้องฟ้าบ้าง เป็นราชาแห่งนกทั้งหลาย"
          หลังจากนั้น นกอินทรีย์ก้มหน้าก้มตาคุ้ยเขี่ยดินหากินต่อไป จนมันตาย

👉 สวรรค์ นรก 👈

          ชายคนหนึ่งได้ไปสวรรค์ เขาสงสัยว่าสวรรค์และนรกเป็นอย่างไร พระเจ้าตรัสว่ามาดูเอง พระองค์
พาชายคนนั้นไปที่ห้องแห่งหนึ่ง (นรก) ในห้องมีคนนั่งกำลังกินซุปหม้อใหญ่อยู่ ทุกคนนั่งห่างกันเป็นระยะ
กลิ่นซุปชวนกินมาก ทุกคนอยากกินซุป แต่หน้าตาเศร้าหมองหมดหวัง ทุกคนถือช้อนยาวอยู่ในมือ
เพราะฉะนั้นจึงตักเข้าปากไม่ได้ ทุกคนจึงไม่ได้กินซุปสักคนเดียว และนั่งหิวอยู่อย่างนั้น
          พระเจ้าพาไปอีกห้องหนึ่ง (สวรรค์) บรรยายกาศเหมือนห้องที่แล้ว มีซุปอยู่ตรงกลาง ทุกคนมี
ช้อนยาวอยู่ในมือ แต่ทุกคนมีความสุขและรอยยิ้ม ชายคนนั้นไม่เข้าใจว่าเป็นสวรรค์ได้อย่างไร
          พระเจ้าทรงยิ้มแล้วตรัสว่า
"ดูดี ๆ ทุกคนต่างตักซุปและยื่นให้แก่กันและกัน ไม่เหมือนห้องที่แล้ว ไม่มีใครตักให้กัน"

👉 สิงโตกับเสือ 👈

          เรื่องเล่าถึงสิงโตกับเสือ กระหายน้ำ จึงรีบเดินมาที่บ่อน้ำประจำ แต่ก่อนที่ทั้ง 2 จะกินน้ำ มันทะเลาะกัน
โต้เถียงกัน แย้งกันว่า ใครควรกินน้ำก่อนกัน การทะเลาะเบาะแวงเริ่มรุนแรงขึ้น จนกระทั่งทำร้ายกัน ทั้ง 2
ต่างอ้างใช้เหตุผลสิทธิตนเองว่ามันเป็นเจ้าของบ่อน้ำ ทั้ง 2 ไม่มีใครยอมใคร ด่าทอกันอย่างรุนแรง ก่อนที่
จะโจมตีกันทั้งสองมองขึ้นไปบนฟ้า เห็นฝูงแร้งบินอยู่รอบ ๆ บริเวณบ่อน้ำ เสือและสิงโตหยุดทะเลาะกัน
ทันที และเดินห่างกันไปคนละทาง เพราะมันทั้ง 2 ได้คิดว่า ถ้ามันทะเลาะกันและตาย ฝูงแร้งก็จะกินมัน
เป็นอาหารแน่นอน

👉 บ้านบนสวรรค์ 👈

          เจ้าของที่ดินมั่งคั่ง วันหนึ่งเขานอนฝัน ในความฝันเขาตาย ถูกนำไปต่อหน้านักบุญเปโตร นักบุญ
เปโตร นำเศรษฐีไปสู่ถนนที่สวยงาม เขาพบวิญญาณอาศัยอยู่ในบ้านต่าง ๆ ขณะที่เดินทาง เห็นบ้านหลัง
ใหญ่เหมือนวัง บรรยากาศดี สวยงาม เศรษฐีเห็นคนเช่าที่ดินของเขาอาศัยอยู่ในบ้านหลังนั้น เห็นชาวนา
อีกคนหนึ่งอยู่ในบ้านด้วยเช่นเดียวกัน ทั้งสวยงามและยิ่งใหญ่ เศรษฐีคิดว่าตัวเองจะได้บ้านหลังใหญ่ด้วย
เหมือนกัน
          สักครู่ใหญ่ นักบุญเปโตรพาเข้าสู่ถนนแคบ ๆ มืด ๆ เห็นบ้านหลังเล็กหลังหนึ่งอยู่ที่มุมถนน
เศรษฐีถามนักบุญเปโตรว่า "บ้านของใคร"
นักบุญเปโตรตอบว่า "บ้านของท่านเองนั่นแหละ"
เศรษฐีถามว่า "เข้ามาผิดหรือป่าว"
นักบุญเปโตรตอบ "เป็นบ้านของท่านจริง ๆ ท่านได้บ้านหลังเล็กที่สุด ธรรมดาที่สุด วัสดุถูกที่สุด เพราะมัน
ขึ้นอยู่กับวัสดุที่ส่งมาจากโลก เพราะมันเป็นความดีและความรักที่ท่านแบ่งให้คนรอบข้าง"

👉 ใครโง่กว่ากัน 👈

          ในงานแสดงสินค้าถนนคนเดิน มีร้านขายเครื่องประดับร้านหนึ่ง พ่อค้าเพชรเดินผ่านร้านเครื่องประดับ
เห็นหินก้อนหนึ่งมีแสงสวยงามเป็นประกาย จึงรู้ได้ทันทีว่าเป็นเพชรแท้ พ่อค้าเพชรถามราคาร้านขายเครื่อง
ประดับว่าราคาเท่าไร พ่อค้าเครื่องประดับตอบ "20 รูปี" พ่อค้าเพชรดีใจเพราะราคาถูกมาก แต่เนื่องจากพ่อค้า
เพชรเป็นคนโลภและขี้เหนียวต่อราคาอีกว่า "15 รูปีได้ไหม" เจ้าของร้านเครื่องประดับตอบว่า "ขาดทุน" พ่อค้า
เพชรบอกว่าเดี๋ยวมาดูใหม่ เพราะคิดในใจว่าพ่อค้าเครื่องประดับอาจเปลี่ยนใจได้ เขาเดินไปชมสินค้าอื่น ๆ
สักครู่และรีบเดินกลับมาถามว่า "20 รูปีก็ได้ ก้อนหินนั้นอยู่ไหน" เจ้าของร้านเครื่องประดับบอกว่า
"ขายไปแล้ว 25 รูปี" พ่อค้าเพชรโกรธมาก ด่าเจ้าของร้านเครื่องประดับว่า
"คุณโง่มาก คุณขายไปได้ยังไง มันเป็นเพชรแท้ ขายไปได้ยังไง ราคาเป็นล้าน ๆ"
          เจ้าของร้านเครื่องประดับตอบกลับมาว่า "ผมไม่ได้โง่ คุณต่างหากที่โง่ คุณรู้ว่าเป็นเพชรแท้ แต่ทำไม
คุณไม่รีบซื้อ กลับต่อราคา 15 รูปีอีก" พ่อค้าเพชรเศร้ามาก ไม่ใช่เพราะถูกด่า แต่เพราะเขาโง่จริง ๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6646
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. ก.ย. 26, 2024 4:36 pm

🪅 HAPPY  LIFE  เรื่องสั้นอ่านสนุก 🪅
💠 ผู้แต่ง : สุวนารถ  กวยมงคล [พ่อมี้] 💠

💃 ตอนที่ (29)🕺

👉 ต้องตายก่อน 👈

          ครูคำสอนกำลังสอนนักเรียนอนุบาล วันหนึ่งสอนเกี่ยวกับสวรรค์
          ครูถามนักเรียนทุกคนว่า "ถ้าครูเป็นคนเสียสละ ทำบุญเก่ง ทำบุญสถานสงเคราะห์
ครูจะได้ไปสวรรค์ไหม" นักเรียนตอบว่า "ไม่ได้ ครูไปสวรรค์ไม่ได้"
          ครูถามว่า "ถ้าครูไปวัด ทำความสะอาดวัด ช่วยตัดหญ้า เก็บขยะ ล้างส้วม ครูไปสวรรค์ได้ไหม"
  นักเรียนตอบว่า "ไม่ได้ ครูไปสวรรค์ไม่ได้"
          ครูถามอีก "ถ้าครูใจดีกับทุกคน ขอโทษ ให้อภัย รักสัตว์ รักธรรมชาติ รักสิ่งแวดล้อม
รักครอบครัว รักสังคม รักคนจน ครูได้ไปสวรรค์ไหม"
          เด็กตอบว่า "ไม่ได้ ครูไปสวรรค์ไม่ได้"
          ครูเริ่มโมโหนิดหน่อย ถามเด็กเป็นคำถามสุดท้ายว่า "ถ้าครูไปสวรรค์ไม่ได้ ทำอย่างไรจึงจะ
ไปสวรรค์ได้"
          นักเรียนยิ้มแล้วพูดว่า "ครูไม่ต้องทำอะไรเพิ่มหรอกค่ะ แค่ต้องตายก่อน"

👉 พระพรที่ไม่ได้รับ 👈

          มิสเตอร์จอห์นตาย เขาได้ไปสวรรค์ เมื่อเขามาถึง ท่านนักบุญเปโตรยืนรอเขาอยู่ที่ประตูพลอย
ท่านพามิสเตอร์จอห์นไปทัวร์สวรรค์ก่อน มิสเตอร์จอห์นดีใจเดินไปบนสวรรค์ที่เต็มไปด้วยทองคำ มี
แสงอาทิตย์ส่องมากระทบพื้นทองอย่างสวยงามมาก มีเสียงเทวดาร้องเพลงตลอดทาง ไพเราะสุด ๆ
ระหว่างทางมิสเตอร์จอห์นเห็นตึกลักษณะแปลก ๆ มีแต่ประตูเข้า ไม่มีหน้าต่างเลย เขาถาม
นักบุญเปโตรว่า "เป็นตึกอะไร"
นักบุญเปโตรบอกอยากรู้ก็เข้ามาดูได้ เมื่อแรกเข้าไปก็แปลกใจอีก เพราะเห็นแต่กล่องเต็มไปหมด
พร้อมรายชื่อบนกล่องด้วย นักบุญเปโตร บอกว่า "มีทุกชื่อและรวมชื่อคุณด้วย" มิสเตอร์จอห์นหากล่อง
ที่มีชื่อตัวเองและเปิดดู เขาคิดว่าเป็นกล่องสมบัติ และก็ต้องแปลกใจเป็นครั้งที่ 2 เพราะในกล่องไม่มีอะไร
นอกจากรายชื่อพระพร จึงถามท่านนักบุญว่า "พระพรอะไร" นักบุญเปโตรตอบว่า "เป็นพระพรที่มนุษย์ไม่
ได้รับ ซึ่งพระเจ้าทรงเตรียมไว้ให้ แต่ไปไม่ถึง" มิสเตอร์จอห์นถามท่านนักบุญว่า "ทำไมไม่ถึง" นักบุญเปโตร
บอกว่า "ก็เพราะมนุษย์ไม่ยอมทำตามแผนที่พระเจ้าเตรียมไว้ให้ พระพรก็เลยผ่านเลยไป"
          มิสเตอร์จอห์นสงสัยอีก จึงถามต่อว่าแล้วทำไมเขาไม่ได้รับ นักบุญเปโตรตอบว่า
"เรื่องมันยาวมากเลย ค่อย ๆ เล่าใช้ฟังทีหลังละกัน"

👉 เปลี่ยนหัวใจ 👈

          หญิงวัยกลางคนเป็นโรคหัวใจ เธอไปหาหมอที่โรงพยาบาลเพื่อเปลี่ยนหัวใจ เธอได้สัมผัส
กับความตายอย่างใกล้ชิด ผ่านประสบการณ์เกี่ยวกับความตาย เธอฝันถึงพระเจ้า
เธอถามพระเจ้าว่า "ถึงเวลาของลูกแล้วหรือ"
พระเจ้าตรัส "ไม่ใช่หรอกลูก ลูกยังมีเวลาอีกหลายปี"
เมื่อเธอพักฟื้นและออกจากโรงพยาบาล เธอตัดสินใจไปทำศัลยกรรมใบหน้าใหม่ ให้เต่งตึงยกกระชับ
ใบหน้าให้สาวสวยกว่าเดิม เธอทำหน้าอกปลูกถ่ายเซลล์ใหม่เสริมหน้าอกให้ใหญ่ขึ้น ทำหน้าท้องดูด
ไขมัน ทำสีผม ทำฟันขัดฟัน เธอคิดไว้ว่าอยู่ได้อีกหลายปี เพราะพระเจ้าสัญญาไว้แล้ว
          หลังจากทำศัลยกรรม ได้หน้าใหม่หุ่นใหม่แล้ว ด้วยความภาคภูมิใจ เธอเดินออกจากโรงพยาบาล
อย่างสง่างาม ขณะที่ข้ามถนนกลับบ้านเธอประสบอุบัติเหตุ เธอเสียชีวิต เธอถูกนำตัวไปเฉพาะพระพักตร์
พระเจ้า เธอถามพระเจ้าว่า "ไหนพระองค์ทรงบอกว่าหนูจะอยู่ได้อีกหลายปี"
พระเจ้าตอบว่า "พ่อขอโทษ พ่อจำลูกไม่ได้ ขอโทษจริง ๆ ตายแล้วก็ตายเลย"

👉 ความท้อแท้สิ้นหวัง 👈

          วันหนึ่งปีศาจตัดสินใจปิดร้านขายของ และเครื่องมือล่อลวงมนุษย์ เช่น ความขี้เกียจ เกียจคร้าน
โกหก ทุกอย่างยกเว้นความท้อแท้อย่างเดียว
          ปีศาจตนหนึ่งถามหัวหน้าปีศาจว่า "ทำไมขายความท้อแท้อย่างเดียว" หัวหน้าปีศาจตอบว่า
"ถ้าเราขายความท้อแท้ หมดกำลังใจ มนุษย์ก็สามารถทำบาปทุกอย่างได้เอง ถ้าคนหนึ่งท้อแท้ก็
จะหยุดสวด หยุดอดทน เริ่มนินทา พูดร้าย เล่นพนัน และอื่น ๆ
          ปีศาจรอบรู้ทุกเรื่อง เพราะมันเป็นต้นแบบของความท้อแท้ที่สุด หมดกำลังใจที่สุด สิ้นหวังที่สุด
มันสูญเสียมิตรภาพความสัมพันธ์กับพระเจ้า มันต้องการใช้มนุษย์ทุกคนเหมือนมัน เป็นเหมือนมัน
โชคร้ายเหมือนมัน สิ้นหวังเหมือนมัน ท้อแท้เหมือนมัน มันรู้ดีว่าความท้อแท้สิ้นหวังเป็นทางด่วนที่จะ
นำความทุกข์มาให้ภายหลัง รวมทั้งปัญหาและความชั่วมาให้

👉 20 ดอลลาร์ 👈

          นักพูดท่านหนึ่งมีชื่อเสียงมาก เขาเริ่มการสัมมนาโดยถือเงินในมือ 20 ดอลลาร์ และถามผู้เข้า
สัมมนาว่า "ต้องการเงินนี้ไหม 20 ดอลลาร์" ผู้เข้าสัมมนา 200 คน ทุกคนยกมือขึ้นพร้อมกัน ผู้พูดบอกว่า
"แต่ผมจะขยำมันก่อน" เขาขยำแบงค์ 20 ดอลลาร์ทันที และถามต่อว่า "ใครยังต้องการอีกไหม" ผู้เข้า
สัมมนาก็จะยกมือขึ้นทุกคน ผู้พูดบอกว่า "ดีมาก" และผู้พูดโยนแบงค์ 20 ดอลลาร์ลงพื้น และบดขยี้ให้
สกปรกมาก ๆ เขาถามผู้สัมมนาอีกว่า "ยังต้องการไหม" ผู้เข้าสัมมนาก็ยังคงยกมือต้องการเหมือนเดิม
ผู้พูดสรุปว่า "เพื่อน ๆ ครับ เราได้เรียนรู้คุณค่าของบทเรียนวันนี้ ไม่ว่าทำอย่างไรแบงค์ 20 ดอลลาร์ ก็
ยังมีคุณค่าเหมือนเดิม เราทุกคนยังต้องการอยู่ เพราะมันไม่ได้น้อยค่าลงเลย แบงค์ 20 ดอลลาร์ ก็เหมือน
ชีวิตของเราทุกคน บางทียับ บางทีสกปรก บางทีสิ่งแวดล้อมทำให้เราแย่ลง เราอาจรู้สึกด้อยค่าลง
          แต่อย่างไรก็ตาม เราไม่ได้สูญเสียอะไรในสายพระเนตรของพระเจ้าเลย บางทีสกปรก บางทีสะอาด
บางทียับยู่ยี่ หรือบางทีดูดี เราทุกคนยังมีค่าเสมอ
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6646
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. ก.ย. 26, 2024 4:41 pm

🪅 HAPPY  LIFE  เรื่องสั้นอ่านสนุก 🪅
💠 ผู้แต่ง : สุวนารถ  กวยมงคล [พ่อมี้] 💠

💃 ตอนที่ (30)🕺

👉 หัวกะโหลก 👈

          วันหนึ่งบรรดาหัวกะโหลกในสุสานพูดคุยกัน ถามกันถึงเรื่องในอดีตว่าเคยเป็นอะไรกันเมื่อ
ยังมีชีวิตอยู่ในโลก
หัวกะโหลกที่ 1 บอกว่า "ข้าเคยเป็นกษัตริย์" หัวกะโหลกพูดด้วยความภูมิใจ
หัวกะโหลกที่ 2 บอกว่า "ข้าเคยเป็นทาส" หัวกะโหลก 2 พูดด้วยความเศร้า เพราะมันเคยถูกกษัตริย์
ทำร้าย กดขี่ข่มเหงอย่างโหดเหี้ยม
          หัวกะโหลกแรกที่เคยเป็นกษัตริย์ไม่พอใจเมื่อได้ยินหัวกะโหลกสองพูดดังนั้น และตะโกนว่า
"แกกล้าดียังไงมา กล่าวหา ข้าซึ่งเป็นกษัตริย์"
          หัวกะโหลกสองที่เคยเป็นทาสตะโกนกลับไปว่า "เงียบได้แล้ว ท่านไม่ได้เป็นกษัตริย์แล้วตอนนี้
และข้าก็ไม่ได้เป็นทาสของท่านแล้วตอนนี้ เราเป็นหัวกะโหลกเน่า ๆ เท่านั้นเอง"

👉 พระเจ้าอยู่เคียงข้าง 👈

          ในชนบทแห่งหนึ่งพ่อลูกจะมาเยี่ยมปู่ทุก ๆ ปี ในช่วงฤดูร้อน ประมาณ 20 วัน พ่อกับแม่ไปส่งทุกครั้ง
แต่พอเด็กชายเริ่มโตขึ้น จนสามารถเดินทางเองได้ จึงบอกพ่อแม่ว่า "ผมโตแล้ว ผมจะเดินทางไปหาปู่เอง
ขึ้นรถไฟเอง พ่อไม่ต้องไปส่งแล้ว"
          พ่อแม่เป็นห่วงลูก แต่ก็ให้ลูกไปเอง พ่อแม่ช่วยเตรียมของให้ลูก
          วันเดินทางมาถึง พ่อแม่ไปส่งที่สถานีรถไฟ และส่งซองขาวให้ลูก พร้อมกับกล่าวว่า "ขอให้ลูกเดินทาง
โดยสวัสดิภาพ ไม่ต้องเป็นห่วงหรือกังวลอะไร แต่ถ้าลูกกลัวและกังวลก็ให้เปิดซองอ่าน"
          ลูกชายลาคุณพ่อคุณแม่แล้วขึ้นรถไฟทันที ทุกสถานีมีคนขึ้นลงมากมาย แต่มีสถานีหนึ่งคนน้อยมาก
มีผู้ชายหน้าตาน่ากลัวขึ้นมา เด็กชายรู้สึกกลัวและเป็นกังวล ไม่รู้จะทำอย่างไรดี นึกได้ว่า แม่สั่งเอาไว้ให้
เปิดจดหมายถ้ากลัว เด็กชายเปิดจดหมายทันทีพบข้อความว่า "อย่ากลัวเลยลูก พ่อแม่อยู่ข้างหลังโบกี้
รถไฟถัดไปนี้เอง" เด็กชายยิ้มมองไปข้างหลังตู้รถไฟ และเห็นพ่อแม่นั่งอยู่ในตู้รถไฟโบกี้ต่อไปจริง ๆ

👉 ไม่อยู่แล้ว 👈

          มีนักธุรกิจคนหนึ่งที่ความสนใจในชีวิตของเขาคือการเล่นหุ้น เขาจะศึกษาแนวทางการเงินจาก
หนังสือพิมพ์ทุก ๆ วัน เขาเป็นบ้ากับการเงินถึงกับพูดกับตัวเองดัง ๆ ในวันหนึ่งว่า "ฉันจะยอมยกทุกอย่าง
ให้ ถ้าฉันได้เห็นหนังสือพิมพ์ของปีหน้าในวันนี้"
          ทันทีที่พูดจบก็ปรากฏมีกลุ่มควันขึ้นในห้อง ภูตผีตัวหนึ่งยื่นหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งให้เขาแล้วก็หาย
ตัวไป แต่พอหายตกใจ เขาก็เข้าใจว่าความต้องการของเขาได้รับการสนองตอบแล้ว หนังสือพิมพ์ที่อยู่
ในมือของเขานั้นเป็นหนังสือพิมพ์ของปีหน้า เขารีบเปิดหน้าที่เกี่ยวกับหลักทรัพย์ และตาของเขาแทบจะ
ถลนออกนอกเบ้า เมื่อเขาเห็นพัฒนาการของตลาดหลักทรัพย์ เขาได้จดบันทึกหุ้นที่ขึ้นสูงสุด และที่ชนะหุ้น
ทุกหุ้นในขณะนั้น
          เขารีบขับรถไปที่ตลาดหลักทรัพย์ พร้อมกับข้อมูลสุดท้ายที่เขามี เขาอ่านหนังสือพิมพ์อย่างถี่ถ้วน
เพื่อศึกษาก่อนที่จะเริ่มซื้อหุ้น และในเวลานั้นเอง เขาก็ได้สังเกตเห็นชื่อของเขาในคอลัมน์ผู้ตาย ซึ่งเขียน
ถึงทั้งเหตุของความตาย และการจัดแจงพิธีปลงศพของเขาด้วย!
          ร่องรอยของชายที่ร่ำรวยในพระวรสารที่ได้สร้างยุ้งฉางขึ้นใหม่ เพื่อเก็บข้าวที่เขาผลิตได้อย่างมหาศาล
และพร้อมที่จะนั่งกิน นอนกิน และใช้ชีวิตอย่างมีความสุข แต่กลับตายไปเสียก่อน... มันจะมีประโยชน์อะไรเล่า
อย่าลืมสิ่งที่โบราณเขาพูดไว้
"เราเอามันไปกับเราไม่ได้"

👉 ชีวิตครอบครัวที่มีความสุข 👈

          คนตัดไม้ที่ยากจนคนหนึ่งดำเนินชีวิตอย่างมีความสุขในบ้านเล็ก ๆ หลังหนึ่งที่ริมป่า เขาทำมาหากิน
ด้วยการตัดไม้ทำฟืนขาย และไม่ว่าเขาจะเหน็ดเหนื่อยเพียงใดก็ยังมีเสียงหัวเราะและเสียงเพลง ออกจาก
บ้านของเขาทุกเย็น
          ทุกเย็นกษัตริย์เสด็จผ่านบ้านที่มีความสุขหลังนี้เพื่อจะกลับวัง ทรงรู้สึกอิจฉาที่กรรมกรธรรมดาคนหนึ่ง
จะมีความสุขได้ถึงขนาดนี้ วันหนึ่งได้ทรงส่งผู้ถือสารไปหาคนตัดไม้ผู้นี้ และบอกเขาว่า
"พระราชาทรงสั่งให้ส่งเศษฟืน 50 กระสอบไปให้พระองค์พรุ่งนี้เช้า ถ้าไม่ได้ ทั้งเจ้าและครอบครัวของเจ้า
จะต้องถูกประหาร"
          คนตัดไม้ตอบว่า "มันเป็นไปไม่ได้" แต่ภรรยาของเขาทำให้เขามีอารมณ์ดีโดยพูดว่า "ไม่เป็นไร อย่าไป
เป็นห่วงมากนัก พวกเรามีความสุขด้วยกันมาตลอดเย็นวันนี้ ก็ให้เราร้องรำทำเพลงเหมือนเช่นเคย นั่นเป็น
วิถีที่เราดำเนินชีวิต จึงเป็นวิถีที่เราจะตายด้วยเช่นกัน"
          พวกเขาจึงได้จัดงานเลี้ยงใหญ่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน และเมื่อทุกคนได้เข้านอนกันแล้ว คนตัดไม้
กับภรรยาก็นั่งคุยกันจนถึงรุ่งเช้า "อีกไม่นานทุกอย่างก็จะจบสิ้นลง" ภรรยาของเขาสะอื้น
          "อย่าเป็นห่วงเลย" สามีพูด "เป็นการดีที่จะตายอย่างสงบ และมีความสุข มากกว่าที่จะมีชีวิตอยู่ด้วย
ความกลัว และความโศกเศร้า"
          ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตู คนตัดฟืนเปิดประตูรับผู้ถือสารของกษัตริย์ ผู้เดินเข้ามาอย่างช้า ๆ
ด้วยใบหน้าโศกเศร้าพูดว่า
"จงเตรียมไม้เนื้อแข็ง 6 แผ่นเพื่อทำโลงศพให้พระราชาด้วย พระองค์เสด็จสวรรคตเมื่อคืนนี้"
ตอบกลับโพส