เมื่อผู้ชายคนนึงเสียชีวิตลง... เขาเห็นพระเจ้าเข้ามายืนใกล้ ๆ พร้อมกระเป๋าเดินทางในมือ
พระเจ้าพูดว่า... ได้เวลาไปแล้วล่ะลูกชาย
ผู้ชายคนนี้พูดขึ้นมาอย่างประหลาดใจว่า... ตอนนี้เลยเหรอ ทำไมเร็วขนาดนี้ ผมยังมีอะไร
ที่ต้องทำอีกเยอะเลย
พระเจ้าตอบว่า... เสียใจด้วย ถึงเวลาไปแล้ว
ผู้ชายคนนั้นถามว่า... มีอะไรอยู่ในกระเป๋า
พระเจ้าตอบว่า... ของ ๆ เธอไงล่ะ
ของ ๆ ผมเหรอ? คุณหมายถึง สิ่งของ เสื้อผ้า และเงินของผม?
ไม่ใช่ สิ่งเหล่านั้นไม่เคยเป็นของเธอ มันเป็นของจักรวาล
ความทรงจำของผมเหรอ?
ไม่ใช่ สิ่งเหล่านั้นไม่เคยเป็นของเธอ... มันของเวลา
ทักษะ ความสามารถ ของผมเหรอ
ไม่ใช่... สิ่งเหล่านั้นไม่เคยเป็นของเธอ มันเป็นของเหตุการณ์
เพื่อนและครอบครัวของผม เหรอ ?
ไม่ใช่... สิ่งเหล่านั้นไม่เคยเป็นของเธอ... มันเป็นของการเดินทางที่ผ่านมา
ภรรยาและลูก ๆ ของผม เหรอ?
ไม่ใช่... สิ่งเหล่านั้นไม่เคยเป็นของเธอ... มันเป็นของหัวใจเธอ
ร่างกายผม เหรอ?
ไม่ใช่... สิ่งเหล่านั้นไม่เคยเป็นของเธอ... มันเป็นของธุลี
ดวงวิญญาณผมเหรอ?
ไม่ใช่...นั่นมันเป็นของฉัน
ผู้ชายคนนั้นดึงกระเป๋าเดินทางมาจากพระเจ้าพร้อมน้ำตานองหน้า เมื่อเปิดกระเป๋าแล้ว
เจอแต่ความว่างเปล่า
เขาพูดขึ้นในขณะที่น้ำตานองหน้าว่า... ผมไม่เคยมีอะไรเลยเหรอ?
ถูกแล้ว... สิ่งที่เป็นของเธอ... มีแค่เวลา... ที่เธอใช้ชีวิตเท่านั้น ชีวิต... คือ "ตอนนี้ เดี๋ยวนี้
" เท่านั้น ตอนนี้ เดี๋ยวนี้ ที่เป็นของเธอ เพราะเหตุนี้... จงดื่มด่ำกับ ตอนนี้, เดี๋ยวนี้ ที่คุณมี อย่าปล่อยให้
อะไรก็ตามที่คิดว่าเป็นของเธอ หยุดเธอจากการทำสิ่งนี้
อยู่กับตอนนี้
ใช้ชีวิตของเธอ
อย่าลืมที่จะมีความสุข
เพราะมันคือสิ่งเดียวที่ควรเกิดขึ้น
ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีพระราชาพระองค์หนึ่ง พระองค์ใช้ชีวิตอย่างร่ำรวยหรูหรา แต่พระองค์ไม่มี
ความสุขเลย วันหนึ่งขณะที่พระองค์เดินอยู่ในวัง พระองค์ได้ยินผู้รับใช้ผู้หนึ่งร้องเพลงอย่างมีความสุข
ขณะทำงาน ทำให้พระองค์สนใจอยากรู้ว่าทำไมผู้รับใช้ถึงมีความสุข ไม่เหมือนพระองค์มีทุกอย่างแต่ไม่มี
ความสุขพระองค์จึงถามตัวเองว่า "ทำไมข้า ไม่มีความสุขแม้จะมีทุกสิ่งทุกอย่าง แต่คนรับใช้มีความสุขมาก
แม้ไม่มีสักสิ่งเดียว" กษัตริย์จึงถามผู้รับใช้ว่า
"ทำไมเจ้าถึงมีความสุข" ผู้รับใช้ตอบว่า "ข้าแต่พระราชาที่เคารพ ข้าพเจ้ามีความสุขเพราะข้าพเจ้ามีหลังคา
คุ้มหัว ข้าพเจ้ามีครอบครัวที่รักข้าพเจ้า และมีอาหารพอกิน"
กษัตริย์ไม่พอใจในคำตอบนี้ หลังจากนั้นไม่กี่วัน พระองค์ซักถามผู้ที่ไว้ใจที่สุดในพระราชวัง
หลังจากที่ปรึกษารู้ถึงความรู้สึกของกษัตริย์และเรื่องของคนรับใช้จึงแนะนำว่า
"ข้าแต่พระราชาที่เคารพ เราต้องทดสอบเขาด้วยเงินเหรียญทอง 99 เหรียญ" กษัตริย์พูดว่า "99 เหรียญหรือ
มันจะมีความหมายอะไร" ที่ปรึกษาตอบว่า "ข้าแต่พระราชาที่เคารพ ความหมายของ 99 เหรียญทอง คือ
การทดสอบเพื่อจะรู้ว่าความสุขที่แท้จริงคืออะไร ให้เราเอา 99 เหรียญทอง ใส่กระเป๋าแล้วไปวางไว้หน้า
ประตูของผู้รับใช้" กษัตริย์ทำตามนั้น
เมื่อผู้รับใช้เห็นกระเป๋า เขาเปิดดูและเห็นเหรียญทองคำมากมาย เขามีความยินดีมาก เขาเริ่มนับ
เหรียญที่มีจนครบ มี 99 เหรียญ เขาแปลกใจมากคิดว่า "ทำไมไม่มี 100 เหรียญ หายไปไหน 1 เหรียญ!"
เขาหาดูในกระเป๋ารอบ ๆ กระเป๋าก็หาไม่พบ ในที่สุดเขาหมดแรงที่จะหา และตัดสินใจจะไปทำงาน
อย่างหนักเพื่อได้เงินเดือน 1 เหรียญทอง
เพื่อจะครบจำนวน 100 เหรียญ จากวันนั้นที่คนใช้ยอมเปลี่ยนแปลงชีวิตทำงานหนักขึ้น เขาทำงาน
หนักเกินไป ทำให้เขาเริ่มมีอาการโกรธ อาการประสาท เขาใจร้อนขึ้น ทุบตีครอบครัว และอ้างว่าไม่มีใคร
ช่วยเขาหาเงินเลย ผู้รับใช้ผู้นั้นไม่ร้องเพลงอย่างมีความสุขอีกแล้วเวลาที่ทำงาน การกระทำของผู้รับใช้
เป็นที่ประจักษ์แก่ตา พระราชางงมาก เขาเรียกที่ปรึกษามาหา ที่ปรึกษาพูดว่า "ข้าแต่พระราชาที่เคารพ
ผู้รับใช้แสดงให้เรารู้แล้วว่า ทำไมถึงมีความสุข" ผู้รับใช้พูดต่อไปว่า "เงิน 99 เหรียญทองเป็นตัวแทนของ
คนที่มีความสุขซึ่งมีความสุขพออยู่แล้ว แต่ไม่พอใจกับความสุขที่ตนเองมี ยังโหยหาและต้องการ
อีก 1 เหรียญ" ที่ปรึกษาอีกคนหนึ่งพูดว่า "ให้เราเอาเหรียญทองให้เขาอีกเหรียญหนึ่งเขาจะได้มีความสุข"
เราทุกคนสามารถมีความสุขกับสิ่งเล็ก ๆ น้อยๆ ในชีวิต แต่ถ้าบางเวลาเราต้องการสิ่งที่ดีกว่า
ใหญ่กว่า มากกว่า เราก็จะนอนไม่หลับ และความสุขของเราก็ถูกทำลาย เราจะทำลายคนรอบข้าง เพื่อ
ความต้องการและความปรารถนาส่วนตัวของเรา นั่นความหมายของ เหรียญทอง 99 เหรียญ