กระทู้นอกเรื่อง...ชี้แจงข้อเข้าใจผิดแก่สมาชิกภายในกระดานข่าวกรณี มธ.

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
Alphonse
โพสต์: 1792
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ส.ค. 23, 2006 10:45 pm
ที่อยู่: Thailand

เสาร์ ก.ย. 22, 2007 9:14 pm

อ้างถึง กรณีที่มีสมาชิกท่านหนึ่ง ส่ง PM ถึงเอชในวันนี้โดยมีข้อความดังนี้

..........................................................................................
??? เขียน: ไม่น่าเชื่อว่า มธ. มหาวิทยาลัยแห่งประชาธิปไตยจะมีสังคมแบบนี้

http://www.engr.tu.ac.th/forums/lofiver ... p/t76.html

น่าเสียใจจริงๆ
..........................................................................................

อาจจะดูไร้สาระที่จะมาตั้งกระทู้ชี้แจง
แต่เนื่องด้วย Spirit of Tham จึงจำเป็นเป็นอย่างยิ่งที่จะขออนุญาตพี่ WM ออกมาตั้งกระทู้ชี้แจงข้อกล่าวหาดังกล่าว
ซึ่งได้ปรึกษา กรรมการนักศึกษาคณะที่สังกัดแล้วเห็นว่ามีความจำเป็นเป็นอย่างยิ่ง
จึงขอชี้แจงดังนี้

ข้อชี้แจงระบบการรับนักศึกษาใหม่ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ในส่วนของการตอบรับนักศึกษาใหม่ระดับมหาวิทยาลัยซึ่งจัดโดย
"องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์"
จะเรียกว่า "รับเพื่อนใหม่" แน่นอนครับว่าไม่เป็นอย่างที่อ่านในกระทู้นั้นแน่นอน
และในระดับมหาวิทยาลัยไม่มีห้องเชียร์ และไม่มีการว๊ากส์ มีแต่เพียงการแนะนำมหาวิทยาลัย
เช่น สถานที่ ตำนาน ประวัติศาสตร์ ความภาคภูมิใจ ผู้ประศาสน์การ เป็นต้น

นอกจากนี้สำหรับการต้อนรับนักศึกษาใหม่ในระดับคณะ

ถ้าเป็นคณะสายสังคมศาสตร์ซึ่งเป็นคณะที่สืบเชื้อสายจากยุคธรรมศาสตร์และการเมือง หรือเรียกอีกชื่อว่า คณะสายท่าพระจันทร์
เช่น นิติศาสตร์, พาณิชยศาสตร์และการบัญชี, รัฐศาสตร์, เศรษฐศาสตร์, สังคมสงเคราะห์, ศิลปศาสตร์, วารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน, สังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะเหล่านี้จะเรียกการต้อนรับนักศึกษาใหม่ว่า "รับเพื่อนใหม่" ไม่มีระบบ SOTUS ภายในคณะ ไม่มีห้องเชียร์ ไม่มีการว๊ากส์ ไม่มีระบบอย่างที่ปรากฎในกระทู้ดังกล่าว ใช้เพียง Spirit of Tham หรือจิตวิญญาณธรรมศาสตร์ในการอยู่ร่วมกัน

แต่ทั้งนี้สำหรับคณะสถาปนาใหม่ หรือคณะสายรังสิต (สถาปนายุคมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต)
เช่น วิศวกรรมศาสตร์, วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, สถาปัตยกรรมศาสตร์และการผังเมือง, สาธารณสุขศาสตร์, พยาบาลศาสตร์, สหเวชศาสตร์, ศิลปกรรมศาสตร์และการละคอน, สถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร, แพทยศาสตร์, ทันตแพทยศาสตร์ ....โดยเฉพาะคณะสายวิทยาศาสตร์ คือ วิศวกรรมศาสตร์, วิทยาศาสตร์ฯ และ สถาปัตยกรรมศาสตร์ฯ เป็นคณะที่มีระบบ SOTUS แรงมาก และไม่ลงรอยกับคณะสายสังคมศาสตร์ที่กล่าวมาแล้วข้างต้น เพราะมีความเห็นไม่ลงรอยกันในระบบการปกครอง

โดยทางคณะสายสังคมศาสตร์ 8 คณะแรกเห็นว่าทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกันไม่มีพี่น้อง และถือเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่มีสถาบันอื่นมี
เราถือว่าระบบ SOTUS เป็นหนึ่งในสาเหตุของความด้อยพัฒนาทางสังคมของประเทศ ไม่ว่าจะระบบศักดินา ระบบเส้นสายในอนาคต ระบบผู้ใหญ่-ผู้น้อย หรือการติดในกรอบประเพณีเดิมๆ ไม่มีการพัฒนา หรือการอัตตานิยม เป็นต้น
แต่คณะสายวิทยาศาสตร์เน้นระบบ SOTUS เหมือนอย่างมหาวิทยาลัยอื่น
ทั้งนี้คณะสายสุขศาสตร์เช่น แพทย์ และพยาบาล ใช้ระบบ SOTUS แบบอ่อน แต่ก็เป็นสาเหตุให้ไม่ลงรอยกับ 8 คณะแรกอยู่นั่นเอง


เพราะฉะนั้นหากจะกล่าวหาระบบการรับนักศึกษาใหม่ หรือระบบการปกครองภายในของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ขอให้ศึกษารายละเอียดข้อมูลของแต่ละคณะด้วยเพราะในแต่ละคณะใช้ระบบการปกครองแตกต่างกันสูงมาก จนแทบบอกได้ว่ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นมหาวิทยาลัยใหญ่ที่แบ่งออกเป็น 3 มหาวิทยาลัยย่อยภายใน คือ สายสังคมศาสตร์ สายวิทยาศาสตร์ และสายสุขศาสตร์ ซึ่งระบบแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด

นอกจากระบบการรับนักศึกษาใหม่แล้ว ระบบเครื่องแต่งกายก็แตกต่างกัน
เช่น
- คณะสายสุขศาสตร์ ต้องใส่ชุดนักศึกษาเข้าเรียนเท่านั้น เพื่อความระเบียบเรียบร้อยของวิชาชีพสายสุขศาสตร์
- คณะสายวิทยาศาสตร์ นิยมใส่เครื่องแบบครึ่งท่อน หรือเสื้อช๊อป หรือมีสัญลักษณ์ที่ระบุว่าศึกษาอยู่คณะใดในชุดที่ใส่
- คณะสายสังคมศาสตร์ เห็นว่าเครื่องแบบเป็นตัวการที่ขังนักศึกษาไว้ในคำว่าปัญญาชน และยกตนเองเหนือผู้อื่น หลงตัวเอง และทรนงตัว ทำตัวแตกต่างจากประชาชนผู้เป็นนายเหนือหัว จึง anti-uniform ผู้ที่ใส่เครื่องแบบเข้าเรียนเป็นประจำทั้งๆ ที่ไม่ใช่โอกาสสำคัญ จะถูกประณามจากสังคมรอบข้าง แม้แต่อาจารย์ผู้สอนก็จะพูดจาเสียดสีเครื่องแบบ ((เช่น ในคณะนิติศาสตร์เอง อาจารย์บางท่านจะเชิญให้ไปเปลี่ยนชุดแล้วค่อยกลับมาเรียนใหม่))

ทั้งนี้คณะสายสังคมศาสตร์จะไม่มีระบบห้องเชียร์ และระบบ SOTUS ภายในคณะหรือภายในกลุ่มใดๆ และทางกลุ่มคณะต่อต้านระบบดังกล่าวมาตลอดระยะเวลา 20 ปี นับตั้งแต่ที่มีคณะสายวิทยาศาสตร์ปรากฎขึ้นภายในมหาวิทยาลัย (คณะสายวิทยาศาสตร์ สถาปนาในปี พ.ศ. 2529) แต่ก็ยังไม่เป็นผลใดๆ เพราะคณาจารย์ในคณะสายวิทยาศาสตร์ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ได้จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ก็เห็นด้วยกับระบบดังกล่าว และสนับสนุนให้มี SOTUS ต่อไป ซึ่งถือเป็นการปลูกฝังให้ระบบดังกล่าวหยั่งรากฝังลึกในคณะสายวิทยาศาสตร์จนยากจะแก้ไข ในทางตรงกันข้ามคณะสายสังคมศาสตร์ แม้รุ่นพี่จะเรียกรุ่นน้องมาเข้าประชุมกิจกรรมกีฬา คณาจารย์ยังต้องมาเฝ้าดู เพื่อไม่ให้มีการใช้ SOTUS หรือแม้แต่การไซโคลฯ ภายในคณะเพราะคณาจารย์กล่าวว่า "ไม่มีมาตั้งแต่ยุคอาจารย์เรียน และก็จะต้องไม่มีต่อไป"

จึงชี้แจงมาเพื่อทราบ
แก้ไขล่าสุดโดย Alphonse เมื่อ เสาร์ ก.ย. 22, 2007 9:47 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Alphonse
โพสต์: 1792
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ส.ค. 23, 2006 10:45 pm
ที่อยู่: Thailand

เสาร์ ก.ย. 22, 2007 9:21 pm

พี่ WM ครับ
ถ้าจะลงกระทู้นี้ ขอให้ผ่านไปซักระยะ 3-5 วันก่อนนะครับ
จะเป็นพระคุณอย่างสูงครับ

พระคุ้มครองครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
antoinetty*
โพสต์: 451
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 04, 2007 9:39 pm

เสาร์ ก.ย. 22, 2007 9:32 pm

เอ่อ .. งงครับ

มันเกิดอะไรขึ้น ?
Alphonse
โพสต์: 1792
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ส.ค. 23, 2006 10:45 pm
ที่อยู่: Thailand

เสาร์ ก.ย. 22, 2007 9:38 pm

-AnToiNetty- เขียน: เอ่อ .. งงครับ

มันเกิดอะไรขึ้น ?
ไม่ต้องงงครับ
ผมเองก็งง ที่อยู่ดีๆ ถูกกล่าวหาครับ
เลยต้องออกมาชี้แจงนิดหน่อย

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
NKL
โพสต์: 189
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 01, 2005 7:32 pm
ติดต่อ:

เสาร์ ก.ย. 22, 2007 10:02 pm

พูดได้เคลียร์มาก

เหมือนใน มธ มีหลายประเทศในตัวเองเลย
ภาพประจำตัวสมาชิก
sasuke
~@
โพสต์: 1120
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ธ.ค. 06, 2006 12:00 am
ที่อยู่: ใต้เสื้อคลุมของแม่

เสาร์ ก.ย. 22, 2007 10:08 pm

ใครมีข้อสงสัยเกี่ยวกับห้องเชียร์ใน มธ. ถามมาได้เลยนะครับ ยินดีชี้แจงทุกข้อสงสัยครับ... :angel:
ภาพประจำตัวสมาชิก
Immanuel (MichaelPaul)
~@
โพสต์: 2887
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 8:49 pm
ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร

เสาร์ ก.ย. 22, 2007 11:56 pm

เด็กรามขอแสดงความเห็นหน่อยนะ
    โดยส่วนตัวไม่เคยเห็นด้วยกับระบบการว๊ากเลย (หรือที่อ้างว่าระบบเพื่อให้พี่น้องรักกัน) เพราะว่าทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกันในสังคม รุ่นพี่ไม่ใช่รัฐหรือองค์กรที่จะมีอำนาจใดๆมาบังคับเราได้ และไม่ใช่องค์กรทางทหารที่มีการควบคุมแบ่งระดับชั้น ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีสิทธิมาออกคำสั่งบ้าบอคอแตกใดๆทั้งสิ้น
    และหากผมมีลูกก็จะไม่สนับสนุนให้ลูกร่วมกิจกรรมบ้าบอแบบนี้ เพราะผมเห็นว่ามันก็แค่ "กิจกรรมระบายอารมณ์ของรุ่นพี่ที่เคยโดน"

ปล. แต่ผมงงว่าทำไมคณะนิติศาสตร์ธรรมศาสตร์ถึงไม่สนับสนุนให้แต่งชุดนักศึกษาเข้าเรียน ทั้งๆที่ในอนาคต การเรียนเนติ สอบใบอนุญาตว่าความ ก็ต้องแต่งอย่างน้อยๆก็เชิ๊ตขาวกางเกงดำ ผมว่าน่าจะเป็นคณะที่สนับสนุนให้แต่งกายชุดนักศึกษาด้วยซ้ำนะครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
sasuke
~@
โพสต์: 1120
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ธ.ค. 06, 2006 12:00 am
ที่อยู่: ใต้เสื้อคลุมของแม่

อาทิตย์ ก.ย. 23, 2007 12:56 am

Immanuel (MichaelPaul) เขียน: เด็กรามขอแสดงความเห็นหน่อยนะ
    โดยส่วนตัวไม่เคยเห็นด้วยกับระบบการว๊ากเลย (หรือที่อ้างว่าระบบเพื่อให้พี่น้องรักกัน) เพราะว่าทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกันในสังคม รุ่นพี่ไม่ใช่รัฐหรือองค์กรที่จะมีอำนาจใดๆมาบังคับเราได้ และไม่ใช่องค์กรทางทหารที่มีการควบคุมแบ่งระดับชั้น ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีสิทธิมาออกคำสั่งบ้าบอคอแตกใดๆทั้งสิ้น
    และหากผมมีลูกก็จะไม่สนับสนุนให้ลูกร่วมกิจกรรมบ้าบอแบบนี้ เพราะผมเห็นว่ามันก็แค่ "กิจกรรมระบายอารมณ์ของรุ่นพี่ที่เคยโดน"

ปล. แต่ผมงงว่าทำไมคณะนิติศาสตร์ธรรมศาสตร์ถึงไม่สนับสนุนให้แต่งชุดนักศึกษาเข้าเรียน ทั้งๆที่ในอนาคต การเรียนเนติ สอบใบอนุญาตว่าความ ก็ต้องแต่งอย่างน้อยๆก็เชิ๊ตขาวกางเกงดำ ผมว่าน่าจะเป็นคณะที่สนับสนุนให้แต่งกายชุดนักศึกษาด้วยซ้ำนะครับ
ธรรมศาสตร์ให้สิทธิเสรีภาพในการแต่งตัวของนักศึกษาครับ
จริงๆไม่แค่นิติหรอกครับ คณะไหนก็ทำได้ อยู่ที่ว่าอาจารย์แต่ละคนเค้ารับได้มากแค่ไหนเท่านั้นเอง

เรื่องการว๊าก ระบายอารมณ์ ผมว่ามันออกจะตลกไปซักหน่อยนะครับ
หรือถ้าระบายอารมณ์จริงๆ ก็คงเป็นการระบายอารมณ์ที่ทรมานมากๆเลยทีเดียว
ที่ต้องมาทนอยู่ในห้องร้อนๆ แล้วก็พูดเสียงๆดังๆจนเจ็บคอ ติดต่อกันตลอดเป็นเดือน
หนังสือหนังหาก็ไม่ได้อ่าน อะไรๆอย่างอื่นก็ไม่ได้ทำ ทั้งยังต้องประชุมจนดึกอีก

เรื่องจำกัดสิทธิเสรีภาพในห้องเชียร์นี่ ไม่มีแน่นอนครับ เพราะว่าคนที่เข้าห้องเชียร์ทุกคน"เต็มใจเข้า"ครับ
และเราไม่เคยบังคับให้เข้า คุณไม่เข้าเราก็ไม่ว่า ไม่มีการแบน หรือว่ากีดกันทางสังคมสำหรับคนที่ไม่ผ่านห้องเชียร์ด้วยครับ

ปล.สำหรับคณะวิศวกรรมศาสตร์ ห้องเชียร์ไม่ได้สอนแค่ให้เรารักกันนะครับ มันมีอีกหลายอย่าง ที่คนไม่เคยผ่านห้องเชียร์ไม่มีทางรู้ครับ...
ภาพประจำตัวสมาชิก
P
.
.
โพสต์: 1383
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 10:10 pm
ที่อยู่: เมืองไทย

อาทิตย์ ก.ย. 23, 2007 8:43 am

มธ. เป็นที่ที่น่าสนใจจริงๆ สมแล้วที่เรียกว่าเป็นสถาบันการศึกษา มีแนวความคิดมากมายหลากหลาย เสรีภาพทางความคิดนี้ จะทำให้นักศึกษาของมธ.แกร่งมาก หากรู้จักตักตวง

นับถือๆ
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

อาทิตย์ ก.ย. 23, 2007 9:01 am

P เขียน: มธ. เป็นที่ที่น่าสนใจจริงๆ สมแล้วที่เรียกว่าเป็นสถาบันการศึกษา มีแนวความคิดมากมายหลากหลาย เสรีภาพทางความคิดนี้ จะทำให้นักศึกษาของมธ.แกร่งมาก หากรู้จักตักตวง

นับถือๆ
แล้วแถวๆบ้านพี่รับน้องกันอย่างไร :grin:

แถวบ้านหนู โรงเรียนอนุบาลลูกหมูแบกกางเขนต้นกล้วย พี่ๆล้างเท้าให้ (ยอห์น13) อธิษฐาน ดื่มนม ประแป้ง แปรงฟันเข้านอน :grin: :cheesy:
เราไม่คิดกัน :grin:
Pry-Kaew
โพสต์: 959
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ม.ค. 29, 2005 3:03 pm
ติดต่อ:

อาทิตย์ ก.ย. 23, 2007 12:28 pm

P เขียน: มธ. เป็นที่ที่น่าสนใจจริงๆ สมแล้วที่เรียกว่าเป็นสถาบันการศึกษา มีแนวความคิดมากมายหลากหลาย เสรีภาพทางความคิดนี้ จะทำให้นักศึกษาของมธ.แกร่งมาก หากรู้จักตักตวง

นับถือๆ


อันนี้เห็นด้วยครับ แม้ว่าตนเองจะไม่ได้จบจากสถาบันดังกล่าว แต่อาจารย์ที่สอนผมสมัยเรียน จบจาก มธ.ทุกคน รวมทั้งหัวหน้าคณะและหัวหน้าภาคด้วย(ประมาณว่ารุ่นพี่ รุ่นน้องกันหมด ยกโขยงมาเป็นอาจารย์ที่มหาลัยที่ผมเคยเรียนหมด) น้องชายผมเองก็จบ มธ.เหมือนกัน แต่..............เรื่องเสรีภาพทางความคิด ต้องยกให้ มธ.สมัย2516-2519 สมัยนั้น ถึงขั้นกล้าสู้กับอำนาจรัฐเลย หากพูดตรงไปตรงมาตามความเป็นจริง ผกค.ที่ต่อสู้กับกองทัพไทยสมัยนั้นสมัยนั้น เด็ก มธ.เพียบที่จับอาก้าสู้กับทหารรัฐบาลในป่าภูพาน จนกลายเป็นตำนานปัญญาชนผู้กล้าในยุคบุบผาชน

ขอพระอวยพรทุกท่านครับผม

รูปภาพ

ปล.ภาพประกอบ ที่ผาชูธง หาก ผกค.รบชนะทหารฝ่ายรัฐบาลในการรบใดก็ตาม ก็จะชักธงพรรคคอมมิวนิสต์ที่ผานี้
Alphonse
โพสต์: 1792
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ส.ค. 23, 2006 10:45 pm
ที่อยู่: Thailand

อาทิตย์ ก.ย. 23, 2007 1:58 pm

Immanuel (MichaelPaul) เขียน: เด็กรามขอแสดงความเห็นหน่อยนะ
     โดยส่วนตัวไม่เคยเห็นด้วยกับระบบการว๊ากเลย (หรือที่อ้างว่าระบบเพื่อให้พี่น้องรักกัน) เพราะว่าทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกันในสังคม รุ่นพี่ไม่ใช่รัฐหรือองค์กรที่จะมีอำนาจใดๆมาบังคับเราได้ และไม่ใช่องค์กรทางทหารที่มีการควบคุมแบ่งระดับชั้น ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีสิทธิมาออกคำสั่งบ้าบอคอแตกใดๆทั้งสิ้น
     และหากผมมีลูกก็จะไม่สนับสนุนให้ลูกร่วมกิจกรรมบ้าบอแบบนี้ เพราะผมเห็นว่ามันก็แค่ "กิจกรรมระบายอารมณ์ของรุ่นพี่ที่เคยโดน"

ปล. แต่ผมงงว่าทำไมคณะนิติศาสตร์ธรรมศาสตร์ถึงไม่สนับสนุนให้แต่งชุดนักศึกษาเข้าเรียน ทั้งๆที่ในอนาคต การเรียนเนติ สอบใบอนุญาตว่าความ ก็ต้องแต่งอย่างน้อยๆก็เชิ๊ตขาวกางเกงดำ ผมว่าน่าจะเป็นคณะที่สนับสนุนให้แต่งกายชุดนักศึกษาด้วยซ้ำนะครับ
     กูเป็นนิสิตนักศึกษา
วาสนาสูงส่งสโมสร
ย่ำค่ำนี่จะย่ำไปงานบอล
เสพเสน่ห์เกสรสุมาลี

       กูเป็นนิสิตนักศึกษา
พริ้งสง่างามผงาดเพียงราชสีห์
มันสมองของสยามธานี
ค่ำนี้กูจะนาบให้หนำใจ

       กูเป็นนิสิตนักศึกษา
เจ้าขี้ข้ารู้จักกูหรือไหม
หัวเข็มขัดกลัดกระดุมปุ่มเน็คไท
หลีกไปหลีกไปอย่ากีดทาง


       กูเป็นนิสิตนักศึกษา
มหาวิทยาลัยอันกว้างขวาง
ศึกษาสรรพรสมิเว้นวาง
เมืองกว้างช้างหลายสบายดี

       กูเป็นนิสิตนักศึกษา
เดินเหินดูสง่ามีราศี
ย่ำค่ำกูจะย่ำทั้งราตรี
กรุงศรีอยุธยามาราธอน

     เฮ้ย กูเป็นนิสิตนักศึกษา
มีสติปัญญาเยี่ยมสิงขร
ให้พระอินทร์เอาพระขรรค์มาบั่นรอน
อเมริกามาสอนกูเชี่ยวชาญ

       กูเป็นนิสิตนักศึกษา
หรูหราแหลมหลักอัครฐาน
พรุ่งนี้ก็ต้องไปร่วมงาน
สังสรรค์ในระดับปริญญา


       ได้โปรดฟังกูเถิดสักนิด
กูเป็นนิสิตนักศึกษา
เงียบโว้ย-ฟังกู--ปรัชญา
กูอยู่มหาวิทยาลัย
...

.....กูอยู่มหาวิทยาลัย
รู้ไหม เห็นไหม ดีไหม
อีกไม่นานเราก็ต่างจะตายไป
กอบโกยใส่ตัวเองเสียก่อนเอย


บทกวีแห่งยุคสายลมและแสงแดดในอดีต ที่ปลุกให้นักศึกษาหลุดพ้นจากการถูกกักขังในอุปาทานของเครื่องแบบ
อ่านแล้วน่าจะเข้าใจนะครับ ว่าทำไม...
แต่ยุคปัจจุบันเขาเรียกกันว่า "ยุคพายุทะเลทราย" แล้วกระมัง เหอๆ


..............................................
กรณีชุด นศ. นี่พบกับตัวเองมาแล้วครับ ((โดนด่าหน้าแหก แตกยับ))
คือเนื่องด้วยว่าทำงานด้านสิทธิมนุษยชนอยู่
และก็เป็นผู้ช่วยอาจารย์ + ผู้ทรงคุณวุฒิที่อยู่ใน สนช.
ก็ต้องเข้ารัฐสภาทุกวันจันทร์ (ตึกรัฐสภา 2)
เพราะว่าสภาพิจารณา พรบ. ที่เป็นผู้ช่วยอยู่ (พรบ. สัญชาติ, กฎหมายสิทธิมนุษยชนต่างๆ)

ช่วงแรกๆ ที่ไปเดือนแรกน่ะครับ ก็แบบโห...ตึกรัฐสภา!!!
ก็มองหน้าเพื่อนซี้ แล้วก็ชุด นศ. เต็มยศให้เกียรติตึกหน่อยละกัน ^^

ผลปรากฎว่าวันหนึ่ง อ.มีชัย ฤชุพันธ์ เข้ามาเป็นประธานสภาร่างเอง
ไอ้เรากำลังเดินไปเดินมาหาเอกสารอยู่ (พร้อมเครื่องแบบเต็มยศ)
อ.มีชัย ก็เรียกเข้าไปคุย ประมาณว่า
...อยู่ปีไหน แล้วหนิ นิติใช่ป่ะ รู้มั๊ยว่ารุ่นพี่ในสภาร่างฯ ร้อยละ 80% ก็จบจากที่เดียวกันมาหมดนะ
พี่ก็เป็นรุ่นพี่เรา (แหมๆๆ พี่ ซะ ลุงมากกว่าป๊ะ) แล้วแกก็พูดต่อประมาณว่า
ทำไมใส่ชุด นศ. ล่ะ ยุคนี้เค้าใส่ชุด นศ. กันหรอ ...หันไปมองหน้า อ.จรัญ ดิษฐาอภิชัย..แล้วพูดว่าใช่ป่ะคุณ
อ.จรัญ บอกว่า กางเกงยีนส์ รองเท้าดาวเทียม เสื้อยืด ยังมีคนใส่อยู่มั๊ย
((ทันใดก็มีเสียงคุณหญิงคนหนึ่งดังขึ้น)) สมัยดิฉันเรียนก็ชุดนั้นล่ะค่ะ กางเกงยีนส์
แล้วแกก็บอกว่า ทีหลังอย่าใส่ชุด นศ. ออกมาอีกนะ ถ้าไม่ใช่วันที่มีพิธีการสำคัญ อยากอวดชาวบ้านว่าตัวเองเรียนมหาวิทยาลัยหรอ...

โห...หน้าแดงเลยครับ อายมากๆๆๆๆๆ
ตั้งแต่นั้นมาก็....กร๊ากๆ คิดเองนะครับว่าชุดไรไปสภาร่างฯ -*- แต่รองเท้าผ้าใบอยู่นะ
วันไหนที่สำคัญๆ ก็ใส่สูท ไม่ก็มินิสูท ยังไงๆ ก็ไม่ใส่ชุด นศ. ไม่งั้น อ.มีชัย อาจเดินมาโขกกะบาล


     "จงศึกษาเพื่อไปเป็นประชาชน
ไปตอบแทนบุญคุณพ้นรู้สึก
อย่าเหินห่างวางท่าโอฬารพันลึก
แล้วทักทึกอยู่เหนือกว่าประชาชน"
แก้ไขล่าสุดโดย Alphonse เมื่อ อาทิตย์ ก.ย. 23, 2007 2:18 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Pry-Kaew
โพสต์: 959
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ม.ค. 29, 2005 3:03 pm
ติดต่อ:

อาทิตย์ ก.ย. 23, 2007 2:35 pm

อ่านความคิดเห็นของคุณnecromancerแล้ว ทำให้รู้เลยว่า เด็ก มธ.ยุคนี้ กับยุคที่เป็นนักรบแห่งป่าภูพาน ไม่ต่างกันเลย แตกต่างแค่หัวข้อแห่งการต่อสู้เท่านั้นเอง อ้อ.....ขอถามคุณnecromancer นอกเรื่องหน่อยครับ สมัยตอนผมเรียน รด ปี4 ในการฝึกการรบแบบกองโจร อาจารย์ที่ฝึกผมในตอนนั้น เคยเล่าให้ฟังว่า สมัยท่านเป็นทหารใหม่ๆ ตอนหนุ่มๆสมัยที่ทหารเคยบุก มธ.ท่าพระจันทร พบรูปภาพขนาดใหญ่ ของ โฮ จิ มินต์ ในห้องประชุม มธ. เป็นเรื่องจริงหรือเปล่าครับ กล่าวคือไม่อยากฟังความข้างเดียว เลยถามคุณไง(โทษทีที่นอกเรื่อง)

ขอพระอวยพรทุกท่านครับผม
ภาพประจำตัวสมาชิก
sasuke
~@
โพสต์: 1120
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ธ.ค. 06, 2006 12:00 am
ที่อยู่: ใต้เสื้อคลุมของแม่

อาทิตย์ ก.ย. 23, 2007 2:39 pm

Pry-Kaew เขียน: อ่านความคิดเห็นของคุณnecromancerแล้ว ทำให้รู้เลยว่า เด็ก มธ.ยุคนี้ กับยุคที่เป็นนักรบแห่งป่าภูพาน ไม่ต่างกันเลย แตกต่างแค่หัวข้อแห่งการต่อสู้เท่านั้นเอง อ้อ.....ขอถามคุณnecromancer นอกเรื่องหน่อยครับ สมัยตอนผมเรียน รด ปี4 ในการฝึกการรบแบบกองโจร อาจารย์ที่ฝึกผมในตอนนั้น เคยเล่าให้ฟังว่า สมัยท่านเป็นทหารใหม่ๆ ตอนหนุ่มๆสมัยที่ทหารเคยบุก มธ.ท่าพระจันทร พบรูปภาพขนาดใหญ่ ของ โฮ จิ มินต์ ในห้องประชุม มธ. เป็นเรื่องจริงหรือเปล่าครับ กล่าวคือไม่อยากฟังความข้างเดียว เลยถามคุณไง(โทษทีที่นอกเรื่อง)

ขอพระอวยพรทุกท่านครับผม
อันนี้ไม่แน่ใจ รอพี่เอชมาตอบ :grin:
แต่เท่าที่รู้ หอใหญ่ไม่น่าจะมีของแบบนั้นได้นิครับ

จำได้ว่า ตอนที่มธก. ถูกกล่าวหาว่าเป็นคอมมิวนิส ก็เป็นเพราะพบหนังสือเกี่ยวกับคอมมิวนิส...ในห้องสมุด... :cool:
Pry-Kaew
โพสต์: 959
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ม.ค. 29, 2005 3:03 pm
ติดต่อ:

อาทิตย์ ก.ย. 23, 2007 2:59 pm

sasuke เขียน:
Pry-Kaew เขียน: อ่านความคิดเห็นของคุณnecromancerแล้ว ทำให้รู้เลยว่า เด็ก มธ.ยุคนี้ กับยุคที่เป็นนักรบแห่งป่าภูพาน ไม่ต่างกันเลย แตกต่างแค่หัวข้อแห่งการต่อสู้เท่านั้นเอง อ้อ.....ขอถามคุณnecromancer นอกเรื่องหน่อยครับ สมัยตอนผมเรียน รด ปี4 ในการฝึกการรบแบบกองโจร อาจารย์ที่ฝึกผมในตอนนั้น เคยเล่าให้ฟังว่า สมัยท่านเป็นทหารใหม่ๆ ตอนหนุ่มๆสมัยที่ทหารเคยบุก มธ.ท่าพระจันทร พบรูปภาพขนาดใหญ่ ของ โฮ จิ มินต์ ในห้องประชุม มธ. เป็นเรื่องจริงหรือเปล่าครับ กล่าวคือไม่อยากฟังความข้างเดียว เลยถามคุณไง(โทษทีที่นอกเรื่อง)

ขอพระอวยพรทุกท่านครับผม
อันนี้ไม่แน่ใจ รอพี่เอชมาตอบ :grin:
แต่เท่าที่รู้ หอใหญ่ไม่น่าจะมีของแบบนั้นได้นิครับ

จำได้ว่า ตอนที่มธก. ถูกกล่าวหาว่าเป็นคอมมิวนิส ก็เป็นเพราะพบหนังสือเกี่ยวกับคอมมิวนิส...ในห้องสมุด... :cool:

หากจำไม่ผิดในช่วงดังกล่าว กฎหมายเรื่องการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์นั้น รุนแรงมากๆเลยนิครับ เทียบเท่าเป็นกบฎในราชอาณาจักรเลยด้วยซ้ำ คิดว่าแค่มีหนังสือคอมมิวนิสต์ในห้องสมุดนั้น คงเบาไปสำหรับการบุกด้วยกำลังทหารบก ลูกเสือชาวบ้าน ตชด และกลุ่มกระทิงแดง(กลุ่มขวาจัด ที่ได้นรับการสนับสนุนจาก กรมน.ด้านอาวุธและฯลฯ เพื่อจัดตั้งเป็น "ม็อบชนม็อบ")คิดว่าต้องมีมากกว่านั้นแน่ๆครับ ครูฝึก(นักศึกษาวิชาทหาร)เล่าให้ฟังว่า พวกนักศึกษาคือมวลชนแอบแฝงของสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์แห่ประเทศไทย เพื่อทำงานมวลชนกับปัญญาชนในเมืองหลวง สถานะการณ์ในขณะนั้น ในต่างจังหวัดทหารยังต้องรบกับ ผกค.อยู่เลย หากเมืองหลวง โดยเฉพาะอย่างยิ่งมหาวิทยาลัย อันเป็นศูนย์กลางของถิ่นปัญญาชนของชาติ ถูกสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยครอบงำ เป็นเรื่องยอมไม่ได้อย่างเด็ดขาดในทางการทหารและการเมือง จำเป็นต้องบุกสถานเดียว............แต่เอาเถอะครับ เรื่องมันผ่านไปแล้ว เลยต้องถามเด็ก มธ.จริงๆว่ามันเป็นอย่างไร เพราะผมรู้เท่าที่อาจารย์ที่ฝึกนักศึกษาวิชาทหารชั้นปีสี่-ปีห้า สอนให้ผมรู้(เนื่องจากชั้นปีดังกล่าว ต้องเป็นครูฝึกผู้ช่วยด้วย ดังนั้นจึงจำเป็นต้องรู้ในหลายๆเรื่อง)

ขอพระอวยพรทุกท่านครับผม
Alphonse
โพสต์: 1792
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ส.ค. 23, 2006 10:45 pm
ที่อยู่: Thailand

อาทิตย์ ก.ย. 23, 2007 3:05 pm

Pry-Kaew เขียน:
sasuke เขียน:
Pry-Kaew เขียน: อ่านความคิดเห็นของคุณnecromancerแล้ว ทำให้รู้เลยว่า เด็ก มธ.ยุคนี้ กับยุคที่เป็นนักรบแห่งป่าภูพาน ไม่ต่างกันเลย แตกต่างแค่หัวข้อแห่งการต่อสู้เท่านั้นเอง อ้อ.....ขอถามคุณnecromancer นอกเรื่องหน่อยครับ สมัยตอนผมเรียน รด ปี4 ในการฝึกการรบแบบกองโจร อาจารย์ที่ฝึกผมในตอนนั้น เคยเล่าให้ฟังว่า สมัยท่านเป็นทหารใหม่ๆ ตอนหนุ่มๆสมัยที่ทหารเคยบุก มธ.ท่าพระจันทร พบรูปภาพขนาดใหญ่ ของ โฮ จิ มินต์ ในห้องประชุม มธ. เป็นเรื่องจริงหรือเปล่าครับ กล่าวคือไม่อยากฟังความข้างเดียว เลยถามคุณไง(โทษทีที่นอกเรื่อง)

ขอพระอวยพรทุกท่านครับผม
อันนี้ไม่แน่ใจ รอพี่เอชมาตอบ :grin:
แต่เท่าที่รู้ หอใหญ่ไม่น่าจะมีของแบบนั้นได้นิครับ

จำได้ว่า ตอนที่มธก. ถูกกล่าวหาว่าเป็นคอมมิวนิส ก็เป็นเพราะพบหนังสือเกี่ยวกับคอมมิวนิส...ในห้องสมุด... :cool:

หากจำไม่ผิดในช่วงดังกล่าว กฎหมายเรื่องการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์นั้น รุนแรงมากๆเลยนิครับ เทียบเท่าเป็นกบฎในราชอาณาจักรเลยด้วยซ้ำ คิดว่าแค่มีหนังสือคอมมิวนิสต์ในห้องสมุดนั้น คงเบาไปสำหรับการบุกด้วยกำลังทหารบก ลูกเสือชาวบ้าน ตชด และกลุ่มกระทิงแดง(กลุ่มขวาจัด ที่ได้นรับการสนับสนุนจาก กรมน.ด้านอาวุธและฯลฯ เพื่อจัดตั้งเป็น "ม็อบชนม็อบ")คิดว่าต้องมีมากกว่านั้นแน่ๆครับ ครูฝึก(นักศึกษาวิชาทหาร)เล่าให้ฟังว่า พวกนักศึกษาคือมวลชนแอบแฝงของสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์แห่ประเทศไทย เพื่อทำงานมวลชนกับปัญญาชนในเมืองหลวง สถานะการณ์ในขณะนั้น ในต่างจังหวัดทหารยังต้องรบกับ ผกค.อยู่เลย หากเมืองหลวง โดยเฉพาะอย่างยิ่งมหาวิทยาลัย อันเป็นศูนย์กลางของถิ่นปัญญาชนของชาติ ถูกสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยครอบงำ เป็นเรื่องยอมไม่ได้อย่างเด็ดขาดในทางการทหารและการเมือง จำเป็นต้องบุกสถานเดียว............แต่เอาเถอะครับ เรื่องมันผ่านไปแล้ว เลยต้องถามเด็ก มธ.จริงๆว่ามันเป็นอย่างไร เพราะผมรู้เท่าที่อาจารย์ที่ฝึกนักศึกษาวิชาทหารชั้นปีสี่-ปีห้า สอนให้ผมรู้(เนื่องจากชั้นปีดังกล่าว ต้องเป็นครูฝึกผู้ช่วยด้วย ดังนั้นจึงจำเป็นต้องรู้ในหลายๆเรื่อง)

ขอพระอวยพรทุกท่านครับผม
เอ่อ...แล้วสมมติว่ามีรูปท่านโฮจิมินท์ จริงๆ....มันก็ไม่เหมาะกับการฆ่า นศ. อยู่ดีนั่นแหละครับ
เรื่องเหตุการณ์ครั้งนั้น เอชไม่อยากพูดถึงเท่าไหร่...มันจะไปกระทบ...บางอย่างที่ไม่ควรกระทบได้

แต่ไม่ว่ายุคไหนสมัยไหน the University of Moral and Political Science
ก็ยังเป็นศัตรูกับทหารและคนในเครื่องแบบไม่เสื่อมคลาย


ยกเว้นไอ้พวก....ช่างมันเหอะ นศ. พวกนั้นน่ะ

ขอบคุณครับ
แก้ไขล่าสุดโดย Alphonse เมื่อ อาทิตย์ ก.ย. 23, 2007 3:08 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Pry-Kaew
โพสต์: 959
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ม.ค. 29, 2005 3:03 pm
ติดต่อ:

อาทิตย์ ก.ย. 23, 2007 3:11 pm

ดีแล้วละครับ อย่าไปพูดถึงเลย กลับมาเรื่องชุดนักศึกษาเหมือนเดิมดีกว่า แต่เอาเป็นว่า ช่วงเวลาห้าปีของการเรียนรอดอ(มีหลายเดือนได้เป็นครูผู้ช่วยที่เขาชนไก่ด้วย เพื่อฝึกพวกรอดอปีหนึ่ง) ทำให้เข้าใจและเห็นใจว่าทำไมทหารจึงจำเป็นต้องทำแบบนั้น และเข้าใจและรู้ว่าทำไมเด็ก มธ.จึงมีอุดมการณ์ และการต่อสู้ในลักษณะนี้ เอาเป็นว่าสรุปเลย กลับมาเรื่องเครื่องแบบนักศึกษาเหมือนเดิมดีกว่า

ขอพระอวยพรทุกท่านครับผม

ปล.หากเป็นเครื่องแบบนักศึกษาสาวยุคใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมอเอกชน ชอบมากกกกกกกกกกกกกกกกกก บรื้อๆๆๆๆๆ
Rakkypoko!
โพสต์: 960
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ส.ค. 31, 2007 2:35 pm

อาทิตย์ ก.ย. 23, 2007 3:32 pm

ไม่รู้ครับ ตอนผมปี1ไม่ได้เข้าเชียร์  เพราะเป็นนักกีฬามหาลัย  เลยไม่รู้  แต่ว่า ชอบครับสนุกดีๆๆๆรับน้องเหมือน ชีวิตมีรสชาติ ถ้าไม่ทำอะไรที่เกินไปนะ ทำให้น้องได้แสดงออกด้วย ขำจาตาย  นิสิต คริสเตียน ขอออกความเหน  มหาวิทยาลัยคริสเตียน จำเนียรนาน........................................
Alphonse
โพสต์: 1792
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ส.ค. 23, 2006 10:45 pm
ที่อยู่: Thailand

อาทิตย์ ก.ย. 23, 2007 3:35 pm

Pry-Kaew เขียน:
หากเป็นเครื่องแบบนักศึกษาสาวยุคใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมอเอกชน ชอบมากกกกกกกกกกกกกกกกกก บรื้อๆๆๆๆๆ
หง่ะ พี่พลายแก้ว -*-
แต่เอชชอบ นศ. หรือ นิสิต หญิง ที่เวลาใส่เครื่องแบบ ใส่กระโปรงยาวเลยเข่า ยิ่งถึงตาตุ่มเลยจะยิ่งชอบมาก
ดูสุภาพ เรียบร้อย น่ารัก สง่าเหมือนเจ้าหญิง
น่าขอมาเป็นแม่ของลูก -*-
ภาพประจำตัวสมาชิก
sasuke
~@
โพสต์: 1120
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ธ.ค. 06, 2006 12:00 am
ที่อยู่: ใต้เสื้อคลุมของแม่

อาทิตย์ ก.ย. 23, 2007 3:39 pm

necromancer เขียน:
Pry-Kaew เขียน:
หากเป็นเครื่องแบบนักศึกษาสาวยุคใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมอเอกชน ชอบมากกกกกกกกกกกกกกกกกก บรื้อๆๆๆๆๆ
หง่ะ พี่พลายแก้ว -*-
แต่เอชชอบ นศ. หรือ นิสิต หญิง ที่เวลาใส่เครื่องแบบ ใส่กระโปรงยาวเลยเข่า ยิ่งถึงตาตุ่มเลยจะยิ่งชอบมาก
ดูสุภาพ เรียบร้อย น่ารัก สง่าเหมือนเจ้าหญิง
น่าขอมาเป็นแม่ของลูก -*-
แสดงว่าชอบเข้าง่านพิธีซิเนี่ยท่านพี่ :grin:
Alphonse
โพสต์: 1792
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ส.ค. 23, 2006 10:45 pm
ที่อยู่: Thailand

อาทิตย์ ก.ย. 23, 2007 3:46 pm

sasuke เขียน:
necromancer เขียน:
Pry-Kaew เขียน:
หากเป็นเครื่องแบบนักศึกษาสาวยุคใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมอเอกชน ชอบมากกกกกกกกกกกกกกกกกก บรื้อๆๆๆๆๆ
หง่ะ พี่พลายแก้ว -*-
แต่เอชชอบ นศ. หรือ นิสิต หญิง ที่เวลาใส่เครื่องแบบ ใส่กระโปรงยาวเลยเข่า ยิ่งถึงตาตุ่มเลยจะยิ่งชอบมาก
ดูสุภาพ เรียบร้อย น่ารัก สง่าเหมือนเจ้าหญิง
น่าขอมาเป็นแม่ของลูก -*-
แสดงว่าชอบเข้าง่านพิธีซิเนี่ยท่านพี่ :grin:
พี่เป็นโฆษกเวลารับเสด็จ เสด็จเจ๊
((พระองค์ภา จะให้เรียกพระองค์ว่าเสด็จเจ๊ ทรงเป็นรุ่นพี่รหัส 40 ฮะ))

แล้วทุกๆ วันรพี นิติ จะมีพิธีสักการะพระองค์ชายสิบสี่
สาวๆ ก็ต้องใส่ชุดพิธีการไปกัน สวยๆๆๆๆ กระโปรงยาวๆ เดินไปเดินมา ชอบๆๆๆ

ไม่รู้ดิ พี่ชอบผู้หญิงใส่กระโปรงยาวแต่ไหนแต่ไร
เวลาเห็น ญ ใส่กระโปรงสั้นๆ(หนึ่งคืบครึ่งเป็นต้น) เดินผ่านจะมองตาม
ไม่ชอบมองตามอย่างนั้นนะ แต่มองแล้วคิดในใจว่า "ที่บ้านผ้าราคาเมตรละ 2 ล้านหรอ แม่สอนมาไง"
ประมาณเนี้ย

แล้วก็เป็นหัวหน้าฝ่ายขบวนธงวันไหว้ครูทุกปีด้วย ^^
ถ้าปีล่าสุดเราเข้าไหว้ครูมหาวิทยาลัยนะ พี่จะเป็นคนถือธงนำแถวคณาจารย์คนแรกน่ะ ((ที่เดินออกมาคนเดียว))
ไม่ใช่ขบวนธงประจำคณะนะ

แต่ไหว้ครูคณะปีนี้...จะเป็นยังไงน๊อ ยังไม่ถึงเลย ต้องรอให้น้องสอบแพ่งเสร็จก่อน 555
แก้ไขล่าสุดโดย Alphonse เมื่อ อาทิตย์ ก.ย. 23, 2007 3:49 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
NKL
โพสต์: 189
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 01, 2005 7:32 pm
ติดต่อ:

อาทิตย์ ก.ย. 23, 2007 3:48 pm

ผมไม่เคยสนรุ่นด้วยซ้ำ ถ้าการที่ได้รุ่นนั้นต้องแลกกับเสรีภาพทางความคิดและการกระทำ
Pry-Kaew
โพสต์: 959
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ม.ค. 29, 2005 3:03 pm
ติดต่อ:

อาทิตย์ ก.ย. 23, 2007 3:51 pm

necromancer เขียน:
Pry-Kaew เขียน:
หากเป็นเครื่องแบบนักศึกษาสาวยุคใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมอเอกชน ชอบมากกกกกกกกกกกกกกกกกก บรื้อๆๆๆๆๆ
หง่ะ พี่พลายแก้ว -*-
แต่เอชชอบ นศ. หรือ นิสิต หญิง ที่เวลาใส่เครื่องแบบ ใส่กระโปรงยาวเลยเข่า ยิ่งถึงตาตุ่มเลยจะยิ่งชอบมาก
ดูสุภาพ เรียบร้อย น่ารัก สง่าเหมือนเจ้าหญิง
น่าขอมาเป็นแม่ของลูก -*-
นอกจากคุณกับผมจะแตกต่างในเรื่องอุดมการณ์แล้ว ยังแตกต่างกันเรื่องรสนิยมอีก สมัยผมเรียน(รวมทั้งปัจจุบันด้วย) ชุดยิ่งรัดผมยิ่งชอบ กระโปรงยิ่งสั้นผมยิ่งชอบ ดูแล้วเหมือนนางฟ้าลงมาเกิด(สำหรับผมนะ) ดูร้อนแรง และเซ็กซี่สุดๆสำหรับผม(สมัยเรียน ชอบจีบแนวนี้หมด บางทีไปซื้อเครื่องแบบด้วยกัน ผมไปด้วย เพราะกลัวไม่เซ็กซี่ )พูดแล้วอยากร้องไห้ เพราะคิดถึงความหลังอันหวานชื่นกับรุ่นน้องคนสนิท :cry: :cry: :cry: :cry: :cry: :cry: :cry: :cry:  ให้ตายเถอะโรบิน หัวใจข้าพเจ้ามิได้ร้อนผ่าวไปด้วยความรักและอารมณ์โหยหามานานแสนนาน

ขอพระอวยพรทุกท่านครับผม
Alphonse
โพสต์: 1792
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ส.ค. 23, 2006 10:45 pm
ที่อยู่: Thailand

อาทิตย์ ก.ย. 23, 2007 3:53 pm

NKL เขียน: ผมไม่เคยสนรุ่นด้วยซ้ำ ถ้าการที่ได้รุ่นนั้นต้องแลกกับเสรีภาพทางความคิดและการกระทำ
เหอๆ ผมสนครับ...
แต่รุ่นผมมันได้มาทันทีที่สอบติดครับ
เคยมีนศ. หญิงคนหนึ่งถามรุ่นพี่ว่า เมื่อไหร่จะได้ตุ้งติ้งค่ะ
พี่บอก...อ้าวก็ซื้อเอาสิน้อง นู่นร้านชัยพฤกษ์ ไม่ก็ศูนย์หนังสือ
ส่วนถ้าอยากได้ตราชูก็ร้านเดียวกันนะ พี่ไม่มีตังค์ซื้อให้ 555+

สอบติดก็ซื้อใส่เลยครับ ตามสบาย
ผม

นักเรียนกฎหมายรุ่น 109
มธก. รุ่น 72
กลุ่มข้างลิฟต์ นิติศาสตร์ รหัส 49

เหอๆ ได้มาฟรีๆ ก็ภูมิใจได้
ตอนเราสอบเข้า เราสอบเข้ามาเอง รุ่นพี่ไม่ได้มาอ่านหนังสือช่วยหนิครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
sasuke
~@
โพสต์: 1120
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ธ.ค. 06, 2006 12:00 am
ที่อยู่: ใต้เสื้อคลุมของแม่

อาทิตย์ ก.ย. 23, 2007 4:47 pm

NKL เขียน: ผมไม่เคยสนรุ่นด้วยซ้ำ ถ้าการที่ได้รุ่นนั้นต้องแลกกับเสรีภาพทางความคิดและการกระทำ
เข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว -"- :undecided:

ผม นักศึกษาวิศวะยูงทอง เกียร์18 ผ่านห้องเชียร์ และได้รับเกียร์สปิริต
ไม่เคยสูญเสียอะไรสักอย่างจากห้องเชียร์และการรับน้อง
หากแต่ได้เก็บเกี่ยวอะไรมามากมาย และไม่เคยเสียดายเวลาที่ใช้ไปในการเข้าห้องเชียร์
หากคุณจะเรียนวิศวะ ผมก็แนะนำให้คุณเข้าห้องเชียร์

แต่ถ้าคุณเลือกที่จะไม่เข้า...นั่นก็เป็นสิทธิ์ของคุณครับ ไม่มีใครเอามีดจ่อคอคุณให้เข้าห้องเชียร์
และสิทธิเสรีคุณก็ยังคงมีเท่าเดิม ไม่ได้เหนือกว่าหรือด้อยกว่าคนอื่นๆในคณะด้วยครับ... :cheesy:
ภาพประจำตัวสมาชิก
Porpalad
โพสต์: 110
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ พ.ย. 03, 2006 10:59 am

อาทิตย์ ก.ย. 23, 2007 11:40 pm

ผมว่ากลอน " กูเป็นนิสิตนักศึกษา "

น่าจะเขียนแปะไว้ทุกมหาวิทยาลัยแหละคับ
เด็กเด๊ยวนี้ต้องประชดให้รู้สึก ไม่งั้นไม่เชื่อ :grin:

เคยเจอเด็กๆกลุ่มนึง ออกบ้านไปแทบทุกวันทั้งที่ปิดเทอม
ถามว่าไปทำอะไร เค้าตอบว่า ไปทำงานโต๊ะ หาเงินเข้าโต๊ะ

ตามประสาคนทำงานกิจกรรมเก่า ก็นึกว่าคงไปทำกิจกรรมพวกอาสาออกค่ายมั้ง
เลยถามดู "เอ็งเอาเงินไปทำอ่ะไรล่ะนั่น มีอะไรให้ช่วยบอกได้นะ"

แห่ะๆ นักศึกษาเธอตอบมาเต็มๆ "อ่อ ว่าจะเอาไปเที่ยวของโต๊ะน่ะคับ พอจะมีที่พักถูกๆมะคับ"

ฟังแล้วก็ปลง :huh:
ภาพประจำตัวสมาชิก
Immanuel (MichaelPaul)
~@
โพสต์: 2887
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 8:49 pm
ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร

จันทร์ ก.ย. 24, 2007 9:24 am

เพิ่งได้เข้ามาอ่านอีกรอบ

    สรุปว่า ม.ธรรมศาสตร์ไม่นิยมให้นักศึกษาใส่ชุดนักศึกษาเหรอครับ อืมมันก็แปลกดีนะ คงเป็นเพราะปรัชญาแนวคิดส่วนตัวของมหาวิทยาลัยล่ะมั้ง
    มหาลัยผม ถือว่าการใส่ชุดนักศึกษาที่เรียบร้อยนั้น คือ "การให้เกียรติสถาบันการศึกษาของตัวเอง" ส่วนการรับน้อง คุณแน่ใจหรือเปล่าว่าที่คุณว๊ากเข้าไปน่ะไม่ได้ทำเพราะว่าสะใจ "กุจำได้กุเคยโดนแบบนี้พวกเมิงต้องโดนแบบนี้ด้วย"

แก้ไข ลงสี / ตัด, เพิ่มเติม
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ จันทร์ ก.ย. 24, 2007 9:43 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Edwardius
โพสต์: 1392
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ต.ค. 12, 2006 3:02 pm
ที่อยู่: Lamphun, Thailand

จันทร์ ก.ย. 24, 2007 1:54 pm

มธ. พบหนังสือคอมมิวนิสต์ในห้องสมุด เลยโดนกล่าวหาว่าเป็นคอมมิวนิสต์

งี้ถ้าเจอหนังสือพุทธศาสตร์ในสวนเจ็ดริน จะถือว่าสวนเจ็ดรินเป็นพุทธสถานหรือเปล่าครับ พี่น้อง
Pry-Kaew
โพสต์: 959
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ม.ค. 29, 2005 3:03 pm
ติดต่อ:

จันทร์ ก.ย. 24, 2007 2:34 pm

Edwardius เขียน: มธ. พบหนังสือคอมมิวนิสต์ในห้องสมุด เลยโดนกล่าวหาว่าเป็นคอมมิวนิสต์

งี้ถ้าเจอหนังสือพุทธศาสตร์ในสวนเจ็ดริน จะถือว่าสวนเจ็ดรินเป็นพุทธสถานหรือเปล่าครับ พี่น้อง

จริงๆแล้วไอ้เรื่องหนังสือมันไม่เกี่ยวหรอกครับ ทีจำเป็นต้องใช้กำลังบุกเข้าปราบปรามอย่างรุนแรงนั้น เนื่องจากมีสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย แฝงตัวเป็นนักศึกษา มธ. เป็นจำนวนมาก เพื่อทำงานด้านมวลชนและหาแนวร่วมให้กับพรรคคอมมิวนิสต์ ในสมัยนั้น นักศึกษามีบทบาทสูงมากในสังคม หากสามารถดึงนักศึกษามาเข้าฝ่ายพรรคคอมมิวนิสต์ได้แล้วนั้น ก็จะสามารถดำเนินงานทางด้านมวลชนในเขตเมืองหลวงได้อย่างเต็มที ในการดึงมวลชนมาเป็นแนวร่วมครับผม

ในสมัยนั้น พรรคคอมมิวนิสต์ในกลวิธี " ป่าล้อมเมือง" กล่าวคือ ทหารไทยยังรบติดพันไม่จบไม่สิ้นกับทหารคอมมิวนิสต์ในต่างจังหวัดอยู่เลย แถมการรบส่วนใหญ่ หากพูดกันตรงไปตรงมา ทหารไทยสูญเสียในการรบสูงมาก แม้ว่าจะมีอาวุธที่ดีกว่าโดยความช่วยเหลือของกองทัพอเมริกัน ซึ่งกลัวประเทศไทยจะกลายเป็นคอมมิวนิสต์ ทหารไทยในยุคนั้นได้รับอาวุธและกระสุนอย่างไม่อั้นจากกองทัพอเมริกันในการปราบปรามคอมมิวนิสต์ และได้รับการสนับสนุนการทึ้งระเบิดจากกองทัพอากาศไทยด้วย แต่ด้วยความไม่ชำนาญในภูมิประเทศ และการยุทธวิธีรบแบบทหารบกไทยนั้น เราเรียนมาจากเมกัน ซึ่งเป็นยุทธวิธิที่เหมาะในการรบแบบพื้นราบ และเป็นการรบตามแบบ ทำให้เสียเปรียบผู้ก่อการร้ายทีใช้การรบแบบกองโจร และยุทธวิธีการรบแบบทหารไทยนั้น(ซึ่งรบตามตำราอเมริกัน) พวกคอมมิวนิสต์แก้เกมได้หมดแล้วสมัยที่อเมริกันรบกับเวียดนาม ดังนั้นครูฝึกที่อบรมการรบให้แกพวก ผกค.ซึ่งเป็นอดีตทหารที่เคยได้รับการอบรมจากทหารคอมมิวนิสต์ที่เคยรบกับจีไอมาก่อน จึงถ่ายทอดการฝึกต่างๆให้แก ผกค.ในประเทศไทย เพื่อใช้รบกับทหารบกไทย เวลาเกิดการปะทะกัน

เมื่อเรื่องเป็นแบบนี้ ทำให้ทหารบกไทย สูญเสียอย่างหนัก ทั้งชีวิตทหาร และอาวุธ รวมทั้งพลึ่งพล่ำในเกือบทุกๆแนวรบ ในช่วงเวลานั้น ยังไม่สามารถตีโต้ฝ่าย ผกค.ได้อย่างเด็ดขาดเลยด้วยซ้ำ และสถานะการณ์เหมือนป่ากำลังจะล้อมเมืองเข้าไปเรื่อยๆ ดังนั้นเขตเมืองจึงเป็นแนวหลังข้าศึก ตามหลักภาษาของทหาร ต่างจังหวัดในพื้นที่สีแดง สีชมพู คือแนวหน้า ดังนั้นการที่พรรคคอมมิวนิสต์ส่งคนมาเป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัยนั้น เปรียบเสมือนข้าศึกได้แฝงตัวเข้ามาอยู่ใจกลางของแนวหลังการรบ(เมืองหลวง) หากในต่างจังหวัดก็ยังรบไม่ชนะสักที(แถมสูญเสียอย่างหนักมาก) แถมในเมือง ซึ่งเป็นแนวหลังข้าศึก ดันมีสปายปลอมตัวเป็นนักศึกษาหาแนวร่วม เป็นเรื่องยอมไม่ได้ครับ เพราะทางทหารนั้น เราไม่สามารถเปิดศึกสองด้านได้ และหากแนวหลังอ่อนแอเพราะสงครามมวลชน จะทำให้เป็นอันตรายต่อความมั่นคงโดยรวมด้วย ดังนั้นจึงเหลือทางเดียวคือปราบปรามอย่างรุนแรงเพื่อมิให้เกิดการขยายตัวของแนวรวม ผกค.ในแนวหลังของเราได้(แค่แนวหน้า รบกันก็สูญเสียขนาดหนักจนแทบไม่ไหวแล้ว ดังนั้นจึงจำเป็นต้องตัดไฟแต่ต้นลม ไฟแอบแฝงในแนวหลังอย่างเร่งด่วน)

ที่พิมพ์มาทั้งหมดนี้ เป็นความรู้ที่ข้าพเจ้าเคยได้รับการอบรมในวิชาครูทหารและความมั่นคงนะครับ(ใครเรียนนักศึกษาวิชาทหารถึงชั้นปีที่ห้า ต้องเรียนวิชาครูทหารหมด) ข้าพเจ้ามิได้มีเจตนาจะขัดแย้งกับความคิดเห็นอื่นๆของพี่น้องนะครับ แต่เล่าให้ฟังเฉยๆว่าอะไร เพราะอะไร จึงจำเป็นต้องทำเช่นนั้น

หากความคิดเห็นของข้าพเจ้า ทำให้พี่น้องรู้สึกไม่พอใจ ข้าพเจ้ากราบขอโทษครับ เพียงแต่อยากเล่าให้ฟังในสิ่งที่เคยเรียนรู้มาเท่านั้นเองครับผม

ขอพระอวยพรทุกท่านครับผม

รูปภาพ

ปล.ภาพประกอบ ทหารฝ่ายรัฐบาล กำลังตรวจสอบยุ้งเก็บข้าวของ ผกค. หลังจากทำการยึดฐานที่มั่นบางแห่งของ ผกค.ได้
ภาพประจำตัวสมาชิก
Edwardius
โพสต์: 1392
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ต.ค. 12, 2006 3:02 pm
ที่อยู่: Lamphun, Thailand

จันทร์ ก.ย. 24, 2007 3:06 pm

Pry-Kaew เขียน:
Edwardius เขียน: มธ. พบหนังสือคอมมิวนิสต์ในห้องสมุด เลยโดนกล่าวหาว่าเป็นคอมมิวนิสต์

งี้ถ้าเจอหนังสือพุทธศาสตร์ในสวนเจ็ดริน จะถือว่าสวนเจ็ดรินเป็นพุทธสถานหรือเปล่าครับ พี่น้อง

จริงๆแล้วไอ้เรื่องหนังสือมันไม่เกี่ยวหรอกครับ ทีจำเป็นต้องใช้กำลังบุกเข้าปราบปรามอย่างรุนแรงนั้น เนื่องจากมีสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย แฝงตัวเป็นนักศึกษา มธ. เป็นจำนวนมาก เพื่อทำงานด้านมวลชนและหาแนวร่วมให้กับพรรคคอมมิวนิสต์ ในสมัยนั้น นักศึกษามีบทบาทสูงมากในสังคม หากสามารถดึงนักศึกษามาเข้าฝ่ายพรรคคอมมิวนิสต์ได้แล้วนั้น ก็จะสามารถดำเนินงานทางด้านมวลชนในเขตเมืองหลวงได้อย่างเต็มที ในการดึงมวลชนมาเป็นแนวร่วมครับผม

ในสมัยนั้น พรรคคอมมิวนิสต์ในกลวิธี " ป่าล้อมเมือง" กล่าวคือ ทหารไทยยังรบติดพันไม่จบไม่สิ้นกับทหารคอมมิวนิสต์ในต่างจังหวัดอยู่เลย แถมการรบส่วนใหญ่ หากพูดกันตรงไปตรงมา ทหารไทยสูญเสียในการรบสูงมาก แม้ว่าจะมีอาวุธที่ดีกว่าโดยความช่วยเหลือของกองทัพอเมริกัน ซึ่งกลัวประเทศไทยจะกลายเป็นคอมมิวนิสต์ ทหารไทยในยุคนั้นได้รับอาวุธและกระสุนอย่างไม่อั้นจากกองทัพอเมริกันในการปราบปรามคอมมิวนิสต์ และได้รับการสนับสนุนการทึ้งระเบิดจากกองทัพอากาศไทยด้วย แต่ด้วยความไม่ชำนาญในภูมิประเทศ และการยุทธวิธีรบแบบทหารบกไทยนั้น เราเรียนมาจากเมกัน ซึ่งเป็นยุทธวิธิที่เหมาะในการรบแบบพื้นราบ และเป็นการรบตามแบบ ทำให้เสียเปรียบผู้ก่อการร้ายทีใช้การรบแบบกองโจร และยุทธวิธีการรบแบบทหารไทยนั้น(ซึ่งรบตามตำราอเมริกัน) พวกคอมมิวนิสต์แก้เกมได้หมดแล้วสมัยที่อเมริกันรบกับเวียดนาม ดังนั้นครูฝึกที่อบรมการรบให้แกพวก ผกค.ซึ่งเป็นอดีตทหารที่เคยได้รับการอบรมจากทหารคอมมิวนิสต์ที่เคยรบกับจีไอมาก่อน จึงถ่ายทอดการฝึกต่างๆให้แก ผกค.ในประเทศไทย เพื่อใช้รบกับทหารบกไทย เวลาเกิดการปะทะกัน

เมื่อเรื่องเป็นแบบนี้ ทำให้ทหารบกไทย สูญเสียอย่างหนัก ทั้งชีวิตทหาร และอาวุธ รวมทั้งพลึ่งพล่ำในเกือบทุกๆแนวรบ ในช่วงเวลานั้น ยังไม่สามารถตีโต้ฝ่าย ผกค.ได้อย่างเด็ดขาดเลยด้วยซ้ำ และสถานะการณ์เหมือนป่ากำลังจะล้อมเมืองเข้าไปเรื่อยๆ ดังนั้นเขตเมืองจึงเป็นแนวหลังข้าศึก ตามหลักภาษาของทหาร ต่างจังหวัดในพื้นที่สีแดง สีชมพู คือแนวหน้า ดังนั้นการที่พรรคคอมมิวนิสต์ส่งคนมาเป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัยนั้น เปรียบเสมือนข้าศึกได้แฝงตัวเข้ามาอยู่ใจกลางของแนวหลังการรบ(เมืองหลวง) หากในต่างจังหวัดก็ยังรบไม่ชนะสักที(แถมสูญเสียอย่างหนักมาก) แถมในเมือง ซึ่งเป็นแนวหลังข้าศึก ดันมีสปายปลอมตัวเป็นนักศึกษาหาแนวร่วม เป็นเรื่องยอมไม่ได้ครับ เพราะทางทหารนั้น เราไม่สามารถเปิดศึกสองด้านได้ และหากแนวหลังอ่อนแอเพราะสงครามมวลชน จะทำให้เป็นอันตรายต่อความมั่นคงโดยรวมด้วย ดังนั้นจึงเหลือทางเดียวคือปราบปรามอย่างรุนแรงเพื่อมิให้เกิดการขยายตัวของแนวรวม ผกค.ในแนวหลังของเราได้(แค่แนวหน้า รบกันก็สูญเสียขนาดหนักจนแทบไม่ไหวแล้ว ดังนั้นจึงจำเป็นต้องตัดไฟแต่ต้นลม ไฟแอบแฝงในแนวหลังอย่างเร่งด่วน)

ที่พิมพ์มาทั้งหมดนี้ เป็นความรู้ที่ข้าพเจ้าเคยได้รับการอบรมในวิชาครูทหารและความมั่นคงนะครับ(ใครเรียนนักศึกษาวิชาทหารถึงชั้นปีที่ห้า ต้องเรียนวิชาครูทหารหมด) ข้าพเจ้ามิได้มีเจตนาจะขัดแย้งกับความคิดเห็นอื่นๆของพี่น้องนะครับ แต่เล่าให้ฟังเฉยๆว่าอะไร เพราะอะไร จึงจำเป็นต้องทำเช่นนั้น

หากความคิดเห็นของข้าพเจ้า ทำให้พี่น้องรู้สึกไม่พอใจ ข้าพเจ้ากราบขอโทษครับ เพียงแต่อยากเล่าให้ฟังในสิ่งที่เคยเรียนรู้มาเท่านั้นเองครับผม

ขอพระอวยพรทุกท่านครับผม

รูปภาพ

ปล.ภาพประกอบ ทหารฝ่ายรัฐบาล กำลังตรวจสอบยุ้งเก็บข้าวของ ผกค. หลังจากทำการยึดฐานที่มั่นบางแห่งของ ผกค.ได้
บอกจากพี่พลายแก้วของเราจะเป็นคนที่ใส่แว่นดำแล้วดูดี ยังเก่งประวัติศาสตร์ด้วย ข้าน้อยขอคารวะ หนึ่งจอก!
ตอบกลับโพส